ชาวขอม คือ กลุ่มชนชาติต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่บริเวณที่ราบลุ่มเจ้าพระยาตอนบน ที่ราบลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง ที่ราบสูงอีสาน (ที่ลุ่มแม่น้ำมูล) ในดินแดนสุวรรณภูมิ (แหลมทอง) ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 1–14 โดยไม่เจาะจงว่าเป็นชนชาติใดชนชาติหนึ่ง ปโตเลมีได้นิยามกลุ่มชนชาติที่อาศัยอยู่บริเวณที่ราบสูงว่า Komedes (Κωμήδαι)
ลักษณะเด่นของชาวขอม คือ มีศิลปวิทยาการเหนือชนชาวพื้นเมือง และเป็นชนชั้นปกครอง ปัจจุบันชาวขอมสูญสิ้นไปหมดแล้วคงเหลือเพียงสายเลือดขอมซึ่งปะปนกับชนชาติอื่น ๆ ที่ยังอยู่อาศัยในดินแดนสุวรรณภูมิในปัจจุบัน ศาสตราจารย์หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช กล่าวไว้เมื่อ พ.ศ. 2496 ว่า:-
เขมรก็เป็นเขมร ไทยก็เป็นไทย และขอมก็เป็นขอม เป็นคนอีกชาติหนึ่งเผ่าหนึ่งที่เคยปกครองเมืองไทยและเมืองเขมรแต่บัดนี้สาบสูญไปแล้ว
ชาวขอมดำ
ชาวขอมดำ คือ ขอมที่เป็นชาวอินเดียเผ่าหนึ่งจัดอยู่ในกลุ่มออสโตรเอเชียติก ตระกูลภาษามอญ-เขมร อาศัยอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย และใช้เครื่องมือหินใหม่เรียกว่า ขวานมีบ่า ได้อพยพมาทางตะวันออก และมีสายหนึ่งของกลุ่มมนุษย์เผ่านี้เดินทางเข้ามายังภาคเหนือของดินแดนสุวรรณภูมิ บริเวณภาคเหนือของประเทศไทย และหลวงพระบาง ประเทศลาวในปัจจุบัน เช่น ชาวขอมดำดินที่อาศัยอยู่ในเมืองอุโมงค์คเสลานคร (พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ในปัจจุบัน) เรียกว่า ชาวขอมเสลานครพระยากาฬวรรณดิศ หรือพระยาขอมดำซึ่งเป็นกษัตริย์โยนกนครไชยบุรีราชธานีศรีช้างแส่น ตามที่ปรากฏใน พงศาวดารเมืองเงินยางเชียงแสน รวมทั้งชนกลุ่มชาวกูยที่อาศัยริมแม่น้ำโขง (แม่น้ำขอมในชื่อเดิม) ซึ่งแต่เดิมอพยพมาจากภาคเหนือของดินแดนสุวรรณภูมิแล้วย้ายถิ่นฐานมายังดินแดนใต้แม่น้ำมูลในปัจจุบัน
ชาวขอมไทย
สมัยสุวรรณภูมิ–ทวารวดี
พงศาวดารไทยลว้า เมืองสวง เมืองแผน เมืองแมน เมืองทอง สุวรรณภูมิ ราชพลี ราชบุรี ตามกเบื้องจานไทย และ พุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ ของพระราชกวี (อ่ำ ธมฺมทตฺโต ป.ธ.๖) วัดโสมนัสราชวรวิหาร มีบันทึกว่า ขอมฟ้าไทย ขุนสือไทย ขุนเลกไทย ขุนหญิงไทยงาม เป็นผู้สร้างลายสือไทยและลายเลข เรียกว่า ตัวบ้านตัวเมือง: 8 ขอมฟ้าไทยกับขุนสือไทยร่วมกันจารลายสือขอมที่เรียกว่า หนังสือไทย เป็นอักษรคฤนถ์ตัวหนังสือขอมไทยที่ชาวขอมไทยสร้างขึ้นแต่ก่อนพุทธกาล: 9 ใช้เป็นตัวจารึก (จาร) พระไตรปิฏก อรรถกถา ฎีกา คันถธุระ คัมภีร์ ปกรณ์ หนังสือเทศน์ต่าง ๆ
ราชบุตรของขุนอินเขาเขียว นามว่า ขุนอินออมขอมแล้วไปเที่ยวถ้ำ นางกวักทองได้เข้ามาห้องถ้ำอยู่ 15 วัน (ออมขอม แปลว่า แปลงตัวให้เป็นขอม ขอมในที่นี้ คือ ชื่อตำแหน่งครูบาอาจารย์ ช่าง นักวิชาการ นักหนังสือในกเบื้องจารคูบัว แผ่นที่ 116 หน้า 1) ต่อมาขุนอินถูกราชบิดาจับขังไว้ในถ้ำเขา นางกวักทองมาช่วยและปล่อยขุนอินแล้วพากันเดินในเวลากลางคืนไปจนถึงเมืองแผน พบในกเบื้องจารคูบัว แผ่นที่ 2 ลำดับอ่านที่ 93 หน้า 1: 60
ขอมทองเพลง และเมียมาลาวดี เมียทองไบศรี สร้างวัดตรงหน้าเขางู และลงหลักวัดเมื่อวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีพุทธกาล 710 พบในกเบื้องจารคูบัว แผ่นที่ 389 ลำดับอ่านที่ 216 หน้า 1: 191
พงศาวดารกรุงสุธรรมวดี (สะเทิม) มีบันทึกว่า เมื่อ พ.ศ. 1599 รัชสมัยพระเจ้าอุทินนะ มีกองทัพคฺยวม (Gywom หรือ Gywan คือ Klom) ("คฺยวม" เป็นคำภาษาพม่าเก่า แปลว่า ขอม) เป็นกองทัพสยามได้ยกทัพไปตีเมืองสะเทิม (มนูหเมง หรือบูรณกาน ก็เรียก) ของชาวมอญ พระเจ้าสิริตริปวรธัมราชาธิปติโนรตา (พระเจ้าอโนรทาแห่งพุกาม) ทรงยกทัพมาช่วยป้องกันเมือง
ศิลาจารึกพม่า ณ สักกาลัมปะเจดีย์ จารึกที่รวบรวมได้ในรัชสมัยพระเจ้าปดุง ประดิษฐานใกล้กับเจดีย์อาระกัน (Arracan Pagoda) มัณฑะเลย์ กล่าวว่า:-
ศักราช ๔๑๘ พระเจ้าสิริตริปวรธัมราชาธิปติโนรตากลับจากทําสงครามกับพวกทหารคฺยวมแล้วได้ทรงสร้างคูหาเจดีย์ขึ้น
เรื่องราว ทหารคฺยวม มีบันทึกใน มหาราชวงศ์ ฉบับหอแก้ว (The Hmannan Yazawin) บรรพที่ 136 ว่า:-
[Kyanzittha saves Pegu.] One day it was reported: 'An host of Gywan warriors hath marched on Ussa Pegu. Send us help to fight them!' Said Anawrahtaminsaw 'Good horsemen, four hundred thousand, shall be sent to succour you!' So the messengers returned. And the king caused his four captains, Kyanzittha, Nga Htweyu, Nga Lonlephpè and Nyaung-u Hpi, to disguise them in the garb of spirits, and with their followers and fourscore Kalā footruners go to help in the war.: 92 [...] When he heard their words of answer, he wrote thus on gold palmyra: ' Eastward the Panthe country, also called Sateittha; south-eastward the country of the Gywans, also called Ayoja; southward Nagapat Island in mid-ocean; south-westward the Kala country, also known as Pateikkara; in the north-west corner Katu-nganagyi-yepawmi; northward the Tarop country, also called Gandhala.: 106
— คณะกรรมการประวัติศาสตร์หลวงแห่งพม่า (1832), The Glass Palace Chronicle of the Kings of Burma (1923) Chapter 136 Vol. I, (แปลโดยหม่องทินอ่อง และลูซ).
มหาราชวงศ์ ฉบับหอแก้ว ฉบับแปลโดยหม่องทินอ่อง และลูซ อธิบายว่า ดินแดนของชาวคฺยวมที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของพุกาม เรียกว่า อะรอซา (Arawsa) หรือ อโยชะ (Ayoja) หมายถึง อยุธยา (AyudhyÄ) เป็นดินแดนของชาวสยาม และ เจ้าราม (Rham) หมายถึง ชาวคฺยวม เป็นพระนามของเจ้าผู้ครองแคว้นอโยธยาเดิม
ชาวคฺยวมนั้น คือ ชนชาติที่สืบเชื้อสายมาจากไทยวน (ไตยวน) ซึ่งได้ร่วมทำสงครามกับพระเจ้าพรหมกุมารแห่งโยนกนครทำสงครามมีชัยชนะเหนือพวกขอม พระเจ้าพรหมกุมารทรงขับไล่ลงทางใต้จนถึงกำแพงแสน แสดงว่าแคว้นอโยชะ (อโยชชะปุระ) มีอยู่มาก่อนแล้ว ก่อนที่สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยา เมื่อ พ.ศ. 1893 นอกจากนี้ พระอัยการเบ็ดเสร็จ (อายการเบดเสรจ) มหาศักราช ๑๑๔๖ ปีมะแม (พ.ศ. 1768) ตราขึ้นก่อนการสถาปนาอาณาจักรอยุธยา ระบุพระนามกษัตริย์เมืองอโยธยาเดิมว่า "พระบาทสมเดจ์พระรามาธิบดีศรีวิสุทธิบุรุโสดมบรมจักรพรรดิธรรมิกกราชเดโชไชเทพาดิเทพตรีภูวนาธิเบศ บรมบพิตรพระพุทธิเจ้าอยู่หัว"
สมัยสุโขทัย-อยุธยา
อาณาจักรสุโขทัย
รัชสมัยพ่อขุนศรีนาวนำถุมทรงสถาปนาอาณาจักรสุโขทัยเมื่อ พ.ศ. 1781 บนที่ราบลุ่มแม่น้ำยมดินแดนสุวรรณภูมิตอนบน มีการปะปนของพวกขอมกับชาวเมืองสุโขทัย เช่น ศิลาจารึกวัดศรีชุม หลักที่ 2 สมัยสุโขทัย มีคำจารึกว่า ขอมสบาดโขลญลำพง คำว่า "ขอมสบาด" คือ แม่ทัพฝ่ายขอมซึ่งปกครองเมืองสุโขทัยอยู่ในฐานะเมืองหน้าด่านของชนเผ่าขอม หรือกรณีกษัตริย์ขอมเมืองพระนคร (ยโศธรปุระ) พระราชทานนางสุขรมหาเทวีกับพระแสงขรรค์ชัยศรีแก่พ่อขุนผาเมือง รวมถึงชื่อบรรดาศักดิ์ในศิลาจารึกสุโขทัย พ.ศ. 1835 ล้วนเป็นภาษาต่าง ๆ อาทิ บรรดาศักดิ์ภาษาขอม เช่น สมเด็จ กมรแตงอัญ (ขอให้สังเกตว่า แตง มิใช่ เตง) บรรดาศักดิ์ภาษาอินเดีย เช่น ราชกุมาร บรรดาศักดิ์ภาษาจีน เช่น ขุน บรรดาศักดิ์ภาษามอญ เช่น พญา และบรรดาศักดิ์ภาษาไทย เช่น เจ้า ท้าว แสดงถึงความหลากหลายของชาติพันธุ์ต่าง ๆ ที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในอาณาจักรสุโขทัย
อาณาจักรอยุธยา
รัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ทรงสถาปนาอาณาจักรอยุธยาเมื่อ พ.ศ. 1893 ที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ดินแดนข้างใต้ เป็นดินแดนชาวลวปุระ ชาวไทยวน ชาวขอม และชนชาติอื่นหลายชนชาติ สมัยนี้มีชาวขอมปะปนกับอยู่กับชนชาติชาวเมืองอู่ทองมาช้านาน มีความสัมพันธ์กับพวกขอมนานกว่ากลุ่มสุโขทัย
ซีมง เดอ ลา ลูแบร์ กล่าวว่า ชนชาติในอยุธยานั้นมีชนต่างชาติอยู่ถึง 40 ชาติ จึงออกจะเป็นความโอ่ตามแบบชาวชมพูทวีปอยู่มาก (ลา ลูแบร์ นับจริงจากตัวแทนชนชาติต่าง ๆ ที่มาต้อนรับคณะราชทูตฝรั่งเศสได้ 21 ชาติ) เฉพาะพวกมัวร์ก็แบ่งออกตั้ง 10 ชาติเสียแล้ว ส่วนนิโกลาส์ แชร์แวสกล่าวถึงชาวอยุธยาว่าเป็นคนต่างด้าวเสียกว่าหนึ่งในสาม แบ่งเป็นคนต่างด้าวที่กลายมาเป็นคนสยาม และคนต่างด้าวที่เข้ามาค้าขายในอยุธยา แม้แต่ กฎมณเฑียรบาล จุลศักราช ๗๒๐ (พ.ศ. 1901) มาตรา 20 ก็ยังปรากฏชาวขอมว่า "อนึ่งพิริยหมู่แขกขอมลาวพม่าเมงมอญมสุมแจงจีนจามชวานานาประเทศทังปวง แลเข้ามาเดิรในท้ายสนมก็ดี ทังนี้ไอยการขุนสนมห้าม" (พิริยหมู่แขกขอม... แปลว่า ครูผู้รู้หนังสือ)
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงอธิบายว่า:-
ถึงขั้นนี้สังเกตได้ว่าพวกไทยชาวเมืองอู่ทอง เคยได้รับความอบรมและเลื่อมใสในประเพณีขอมมากกว่าพวกเมืองสุโขทัย เพราะไทยที่ลงมาอยู่ข้างใต้ได้อยู่ปะปนกับพวกขอมมาช้านาน ข้อนี้พึ่งจะเห็นได้ในกฎหมายซึ่งตั้งขึ้นในสมัยนี้ ขอมใช้ถ้อยคำภาษาเขมร และภาษาสันสกฤต ซึ่งพวกขอมชอบใช้ยิ่งกว่าหนังสือซึ่งแต่งครั้งกรุงสุโขทัย จารีตประเพณีก็ชอบใช้ตามคติขอมมากขึ้น มีข้อสำคัญเป็นอุทาหรณ์ เรื่องทาสกรรมกรในประเพณีไทยแต่เติมหามีไม่ พวกไทยที่มาอยู่ข้างใต้มารับประพฤติการใช้ทาสตามประเพณีขอม มีความปรากฏในบานแผนกกฎหมายลักษณะลักพาบทหนึ่งว่า เมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยากับกรุงสุโขทัยเป็นไมตรีกันนั้น มีผู้ลักพาทาสในกรุงศรีอยุธยาหนีขึ้นไปเมืองเหนือ พวกเจ้าเงินกราบทูลพระเจ้าอู่ทองขอให้ไปติดตามเอาทาสกลับมาว่า เพราะ ‘เมืองท่านเป็นอันหนึ่งอัน เดียวกันแล้ว’ ดังนี้ แต่พระเจ้าอู่ทองหาทรงบัญชาตามไม่ ดำรัสสั่งให้ว่ากล่าวเอาแก่ผู้ขายนายประกัน และมีคำซึ่งยังใช้กันมาปรากฏอยู่คำหนึ่งซึ่งเรียกจากผู้พ้นทาสว่า ‘เป็นไทย’ ดังนี้พึงสันนิษฐานได้ว่า เพราะเดิมชนชาติไทยไม่มีที่จะเป็นทาส และไทยมารับใช้ประเพณีทาสกรรมกรจากขอม ทาสจึงมีสืบมาในประเทศสยามจนกระทั่งพระบาทสมเด็จจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดให้เลิกเสียเมื่อในรัชกาลที่ 5
ส่วนตุรแปงกล่าวถึงเชื้อชาติชาวสยามว่า:-
ในกรุงสยามเลือดผสมปนกันมากจนเป็นที่เห็นได้ง่ายว่าชนชาตินี้ประกอบด้วยชนชาติอื่นหลายชาติ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการค้าขายที่ทําให้ชนชาติต่างๆ ในภาคตะวันออกได้รับผลประโยชน์ใหญ่หลวงนั้นได้ทําให้พ่อค้าต่างชาติหลายคนตัดสินใจมาตั้งสถานที่ค้าขายในกรุงสยาม
ชาวขอมอินเดีย
ขอมอินเดีย คือ ชนชาติมิลักขะ (ชาวทมิฬนาฑู) เป็นชนพื้นเมืองที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานในสุวรรณภูมิบริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ระหว่าง 200 ปีก่อนคริสตกาลถึงคริสต์ศตวรรษที่ 1–8 ชนชาติกลุ่มนี้นับถือศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มีพราหมณ์ได้ผสมปะปนกับชนชาติแขมร์พื้นเมืองกลายเป็นเชื้อชาติชาวอินเดีย แล้วได้ปกครองแผ่ขยายอำนาจไปทั่วดินแดนสุวรรณภูมิจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 14
มูลเหตุของการอพยพ
ประวัติศาสตร์เอเชียใต้ กล่าวว่า เมื่อ 2,400 ปีก่อนคริสตกาล ชนเผ่าอารยันได้อพยพจากภูฮินดูกูฏมาตั้งถิ่นฐานในดินแดนชมพูทวีปทางตอนเหนือของอินเดีย แต่ถูกชนเผ่ามิลักขะ (ชาวทมิฬ) พื้นเมืองทำศึกต่อต้านแต่ชนเผ่ามิลักขะกลับพ่ายแก่ชนเผ่าอารยัน ชนเผ่าอารยันที่อยู่ทางเหนือจึงครอบครองดินแดนแล้วตั้งเป็นรัฐมคธ แล้วจับชนเผ่ามิลักขะไปเป็นทาส ชนเผ่ามิลักขะที่ลักลอบหนีออกมาได้จึงไปตั้งถิ่นฐานทางตอนใต้ของอินเดีย ชนเผ่าต่าง ๆ ที่อยู่ตอนใต้ซึ่งไม่ถูกกับชนเผ่าอารยันต่างตั้งรัฐปกครองตนเองขึ้นหลายรัฐ มีอาณาเขตเป็นของตนเอง
เมื่อ 304–232 ปีก่อนคริสตกาล พระเจ้าอโศกมหาราชแห่งแคว้นมคธได้ขยายดินแดนชนเผ่าอารยันจากทางเหนือลงมาสู่ทางใต้ของอินเดียทรงมีชัยชนะเหนือทุกชนเผ่า แล้วทรงรวบรวมดินแดนตอนใต้เข้ากับตอนเหนือของอินเดียทั้งหมด และยังบังคับให้ทุกชนเผ่านับถือศาสนาพุทธ ขณะที่ชนเผ่ามิลักขะเป็นเผ่าที่นับถือศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
การสงครามของพระเจ้าอโศกมหาราชในครั้งนั้นส่งผลให้ชนเผ่ามิลักขะพื้นเมืองต้องอพยพมาตั้งถิ่นฐานแหลมสุวรรณภูมิ และหมู่เกาะต่าง ๆ บริเวณทะเลจีนใต้ การอพยพเริ่มมีมาตั้งแต่ 200 ปีก่อนคริสตกาล และระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 1–8 มีจำนวนผู้อพยพมากที่สุด ชนเผ่ามิลักขะที่อพยพมายังดินแดนสุวรรณภูมิส่วนใหญ่ตั้งถิ่นฐานที่ปากแม่น้ำอิรวดี และปากแม่น้ำสาละวินผสมปะปนกับชนชาติพื้นเมืองแล้วกลายมาเป็นชนชาติมอญในเวลาต่อมา ส่วนชนเผ่ามิลักขะอีกกลุ่มหนึ่งตั้งถิ่นฐานที่ดินแดนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง กลุ่มนี้นับถือศาสนาพราหมณ์-ฮินดู พวกพราหมณ์บางท่านผสมปะปนกับชนชาติพื้นเมืองแล้วกลายเป็นชนชาติอินเดีย
การตั้งถิ่นฐาน
คริสต์ศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาล มีชาวอินเดียนับถือศาสนาพุทธได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานในคาบสมุทรอินโดจีน และดินแดนสุวรรณภูมิ: 74 ซึ่งมีชนชาติพื้นเมืองอยู่มากมาย เช่น ชนชาติมอญ ชนชาติลาว ชนชาติจามปา ชนชาติขมุ ชนชาติแขมร์ (เขมร) ฯลฯ: 111 อีกกลุ่มหนึ่งได้มาตั้งในดินแดนชนชาติมอญ: 75 (พื้นที่อำเภอนครไชยศรี จังหวัดราชบุรีในปัจจุบัน) อีกกลุ่มหนึ่งได้ตั้งถิ่นฐานที่ดินแดนชนชาติจาม: 75 (ประเทศเวียดนามในปัจจุบัน) ชาวอินเดียกลุ่มนี้รอบรู้ศิลปวิทยาการต่าง ๆ ยิ่งกว่าชนชาติพื้นเมือง สามารถแสดงคุณวิเศษให้ชนชาติพื้นเมืองนิยมนับถือจนได้รับการยกย่องให้ชาวอินเดียกลุ่มนี้เป็นครูบาอาจารย์ และเป็นจุดเริ่มต้นของพระพุทธศาสนาที่มีการเผยแพร่เข้ามาสู่ดินแดนสุวรรณภูมิตั้งแต่บัดนี้: 75
พงศาวดารเมืองชวา กล่าวว่า:-
ครั้นนานมาพวกชาวอินเดียที่อยู่ตามสถานีก็เลยตั้งภูมิลำเนาอยู่ประจำทำมาหากินในท้องที่ และเที่ยวค้าขายตั้งภูมิลำเนาตามถิ่นที่ห่างไกลสถานีออกไปเป็นลำดับ ไปอยู่ที่ไหนก็สมพงศ์กับชาวเมือง เกิดเชื้อสายชาวอินเดียมากขึ้นเป็นอันดับมา ก็ชาวอินเดียมีความรู้อารยธรรมฉลาดกว่าชาวเมืองในท้องถิ่น ไปตั้งอยู่ที่ไหนก็นำสาสนากับทั้งวิชาความรู้ต่าง ๆ ตามอารยธรรมในอินเดียไปสั่งสอนจนพวกชาวเมืองพากันนับถือว่าเป็นครูบาอาจารย์ นานเข้าเชื้อสายของชาวอินเดียก็ได้เป็นมูลนาย และที่สุดได้ครอบบ้านครองเมือง ตั้งขนบธรรมเนียมและสร้างเจดียสถานต่าง ๆ ดังปรากฎอยู่ในนานาประเทศแถบนี้
คริสต์ศตวรรษที่ 1 สมัยจักรวรรดิคุปตะมีชาวอินเดียใต้ (มัทราส หรือเจนไน) อีกกลุ่มหนึ่งซึ่งนับถือศาสนาพราหมณ์-ฮินดูอพยพมาจากดินแดนเอเชียใต้โดยแล่นเรือเลียบฝั่งทะเลเข้ามาตั้งถิ่นฐานดินแดนสุวรรณภูมิบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง: 75 บริเวณนี้แต่เดิมเป็นที่อยู่ของชนชาติจาม ต่อมาชาวอินเดียฝ่ายชายได้เกี่ยวดองร่วมสายเลือดกับชนเผ่าพื้นเมืองฝ่ายหญิง: 75 แล้วบังคับให้ชนชาติท้องถิ่นรับเอาลัทธิ ศาสนา และประเพณีตามคติความเชื่อของศาสนาพราหมณ์และศาสนาพุทธ: 75 กลายเป็นเชื้อชาติอินเดีย ชนเหล่านี้เรียกว่า ขอม หรือ ขอมอินเดีย เป็นชนชาติเลือดผสมระหว่างอินเดียฝ่ายชายกับชนเผ่าพื้นเมืองฝ่ายหญิง: 75 : 94 แตกแขนงออกเป็นอีกชนเผ่าหนึ่ง
ประกอบ ผลงาม กล่าวว่า ชาวอินเดียเป็นผู้ที่ริเริ่มใช้คําว่ากัมพูชา (Kambuja) เป็นชาติแรก และพราหมณ์กัมพูสวยัมภูวะเป็นบรรพบุรุษของเผ่ากัมพุชมีต้นกำเนิดในดินแดนอินเดียใต้
การขยายอิทธิพล
คริสต์ศตวรรษที่ 1 พวกพราหมณ์ และขอมอินเดียสถาปนาอาณาจักรฟูนันเพื่อเป็นทางผ่านการค้าระหว่างพ่อค้าชาวจีน ชวา และอินเดีย หลังการสถาปนาอาณาจักรส่งผลให้ขอมอินเดียเริ่มมีอำนาจมากขึ้นจึงแผ่ขยายอาณาเขตจากดินแดนปากแม่น้ำโขงขึ้นมายังโตนเลสาบ: 94 (ทะเลสาบเขมรในปัจจุบัน) ขับไล่ชนพื้นเมือง อาทิ ชนชาติจามปา และชนชาติลาวจนแตกหนีไปยังดินแดนตอนเหนือแล้วจึงย้ายศูนย์การปกครองอาณาจักรฟูนันเดิมมาที่บริเวณนี้มีชื่อว่า อาณาจักรเจนละ เป็นอาณาจักรขอมอินเดีย และแผ่ขยายอาณาเขตของตนเองไปถึงดินแดนชนชาติลาว เรียกว่า อาณาจักรโคตรบูร: 94 และดินแดนชนชาติมอญ เรียกว่า อาณาจักรทวารวดี ซึ่งเป็นอาณาจักรที่มีอยู่มาแต่ก่อน
หลังจากขอมอินเดียแผ่ขยายอทธิพลจนได้ครอบครองดินแดนบางส่วนที่ลุ่มแม่น้ำมูลแล้วจึงสร้างเมืองบนดินแดนที่ราบสูงโคราช (The Khorat Plateau เช่น ดินแดนเขตจังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี) ชื่อว่า เมืองโคราทะปุระ (โคราชในปัจจุบัน) ตามชื่อเมืองเดิมที่อพยพมา: 94 และด้วยอาณาจักรเจนละของขอมอินเดียซึ่งเป็นทางผ่านของพ่อค้าอินเดียและจีนมากมายมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว มีพราหมณ์ พ่อค้าชาวอินเดียจำนวนหลากหลายได้อภิเษกกับชนชาติพื้นเมืองแล้วยังรับเอาวัฒนธรรมอินเดียเข้ามามากมายโดยเฉพาะจากรัฐปัลลวะ: 112
คริสต์ศตวรรษที่ 7–8 ขอมอินเดียเข้ายึดครอบครองอาณาจักรทวาราวดีของชนชาติมอญได้ทั้งหมด จึงเกณฑ์ผู้คนไปเป็นแรงงานที่เมืองนครธม และเป็นช่วงวัฒนธรรมรัฐปัลลวะหลั่งไหลเข้ามาสู่อาณาจักรเจนละมากมาย มีระบบการปกครองแบบรวมศูนย์อำนาจคือ นายปกครองบ่าว (Autocratic Government) พวกขอมอินเดียเริ่มสร้างปราสาท วัง วิหาร สระน้ำ กำแพง และสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ มากมาย และยังแผ่ขยายอำนาจออกไปอย่างกว้างขวาง เมื่อตั้งถิ่นฐานได้เป็นที่มั่นคงแล้วขอมอินเดียจึงสร้างเมืองขึ้นอีกเมืองหนึ่งทางทิศตะวันออกของที่ราบสูงโคราชเพื่อค้ำยันอิทธิพลของอาณาจักรโคตรบูรของชนชาติลาว มีชื่อว่า เมืองวิมายะปุระ: 94 ซึ่งชนชาติลาวเรียกตามสำเนียงลาวว่า เมืองพิมาย: 94 ซึ่งต่อมากลายเป็นศูนย์กลางการปกครองของขอมอินเดียของราชวงศ์มหิธรปุระจนกระทั่งสิ้นอำนาจแก่กรุงศรีอยุธยาเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 14 ในภายหลัง
คริสต์ศตวรรษที่ 10 อิทธิพลขอมอินเดียแผ่ขยายไปถึงดินแดนอีสานตอนบน พงศาวดารล้านช้าง กล่าวว่า ชนเผ่าขอมอินเดียได้พุ่งรบกับชนชาติพม่าเพื่อแย่งชิงอาณาเขตของชนชาติลาว อาณาจักรโคตรบูรจึงตกอยู่ภายใต้อิทธิพลขอมอินเดียเรื่อยมา พบหลักฐานการก่อสร้างในเขตภูดอย อาทิ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท เป็นศาสนสถานแบบศิลปะอินเดีย และมอญบ่งชี้ว่า ดินแดนบริเวณนี้เคยมีพ่อค้า พราหมณ์ ปุโรหิตจากดินแดนอินเดีย และอาณาจักรทวาราวดีเข้ามาทำการค้าและเผยแผ่ศาสนาพราหมณ์ในดินแดนสุวรรณภูมิก่อนพุทธศตวรรษที่ 16: 96 กระทั่งขุนบรมราชาธิราชได้ยกทัพจากเมืองแถนลงมาขับไล่พวกขอมแล้วยึดอาณาเขตของชนชาติลาวคืนได้เรื่อยมาจนถึงเมืองเชลียง หรือเมืองสวรรคโลก (จังหวัดนครสวรรค์ในปัจจุบัน)
คริสต์ศตวรรษที่ 12 รัชกาลพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ราชวงศ์มหิธรปุระ เป็นราชวงศ์ขอมซึ่งมีเมืองวิมายะปุระดินแดนที่ราบสูงโคราชเป็นศูนย์การปกครองในขณะนั้น พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ได้แผ่ขยายอิทธิพลไปตามสายภูปันน้ำ ภูสามเส้าดงพญาไฟ (ดงพญาเย็นในปัจจุบัน) และภูพญาผ่อ (เทือกเขาเพชรบูรณ์) แล้วสร้างฐานที่มั่นอยู่ที่เมืองลวปุระ (จังหวัดลพบุรีในปัจจุบัน) แล้วแผ่ขยายอิทธิพลไปตามรอยต่อของเขตแดนทวาราวดี และโยนก แล้วไปตั้งเมืองสุโขทัยเป็นที่มั่นเพื่อเตรียมขยายอิทธิพลต่อไป: 100 ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 13 อิทธิพลขอมอินเดียแผ่ขยายไปถึงแม่น้ำโขง เขตเมืองเวียงจันทร์ เมืองทรายฟอง พบร่องรอยหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่พวกขอมทิ้งไว้ คือ รูปหินแกะสลักจำลองชัยวรมันที่ 7 ศิลาจารึกอักษรขอม รูปเทวบาล และศิวลึงค์: 96 เป็นการยืนยันว่าอาณาจักรโคตรบูร และอาณาจักรโยนกเป็นอาณาจักรที่มีมาก่อนขอม มีความเข้มแข็งสามารถต่อต้านการรุกรานพวกขอมไว้ได้มาก
พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 สืบสันตติวงศ์จากพระเจ้าชัยวรมันที่ 6 พระเจ้าธรณีนทรวรมันที่ 1 และพระเจ้าสูรยวรมันที่ 2 ผู้สร้างพระนครวัดในราชวงศ์มหิธรปุระตามลำดับ แต่เดิมทรงครองราชย์อยู่ในดินแดนที่ราบสูงโคราชลุ่มแม่น้ำมูลตอนบน (ดินแดนอีสานตอนบน) พบว่ามีจารึกมากที่สุดปรากฏที่ ปราสาทหินพนมวัน (รัตนปุระ) ปราสาทหินพิมาย (วิมายปุระ) ปราสาทหินพนมรุ้ง (รัมปุระ) และปราสาทเขาพระวิหาร (ศรีศิกเรษวร) โดยแผ่ขยายอำนาจจากที่ราบสูงโคราชลงมายังพระนครวัดนครธมช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12–13 นอกจากนี้ราชวงศ์มหิธรปุระยังรับศาสนาพุทธมหายานจากเมืองวิมายะปุระซึ่งเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนานิกายวัชรยาน เข้าไปประดิษฐาน และเผยแพร่จากดินแดนที่ราบสูงโคราชลงไปยังที่เมืองพระนครหลวง (นครธม) ในดินแดนกัมพุชใต้ลำน้ำมูล ขณะที่ราชวงศ์ยโศธรปุระนับถือศาสนาฮินดูลัทธิไศวนิกาย
ภายหลังจากพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 สวรรคต อาณาจักรขอมจึงเริ่มเสื่อมอำนาจลง แต่คริสต์ศตวรรษที่ 14 พระเจ้าชัยวรมันที่ 9 ราชวงศ์มหิธรปุระ ยังคงแผ่ขยายอำนาจมาถึงอู่ทอง และนครปฐม: 58
อาณาจักรขอมสิ้นสุด
คริสต์ศตวรรษที่ 14 สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 เมื่อครั้งยังทรงเป็นพระเจ้าอู่ทอง ครองแคว้นอโยธยาเดิมสืบต่อจากพระเจ้าอู่ทอง ผู้ครองแคว้นอโยธยาเดิม พระองค์ได้อพยพผู้คนมาตั้งถิ่นฐานที่เวียงเล็ก แขวงเมืองอโยธยา แล้วทรงสร้างไมตรีกับแคว้นรอบข้างรวมทั้งพระเจ้าชัยวรมันที่ 9 ราชวงศ์มหิธรปุระด้วย นับเป็นช่วงที่อาณาจักรขอมเสื่อมอำนาจลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากพระเจ้าชัยวรมันที่ 9 ถูกตระซ็อกประแอม หัวหน้าสวนหลวง ลอบปลงพระชนม์ อาณาจักรขอมจึงสิ้นสุดลงอำนาจลง: 101 เนื่องจากถูกชนชาติอื่นทำศึกสงครามต่อต้านการรุกรานดินแดนที่ขอมได้แผ่ขยายออกไปอย่างกว้างขวาง ต่อมาบรรดาดินแดนของอาณาจักรขอมทั้งหลาย อาทิ เมืองวิมายปุระ (พิมาย) พนมรุ้ง และพระนครหลวงถูกสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) ยกทัพเข้าโจมตีล้วนตกอยู่ในภายใต้อำนาจของอยุธยาทั้งสิ้นตั้งแต่ พ.ศ. 1974 และกวาดต้อนชาวเมืองพระนครหลวง (นครธม) ถึง 40,000 ครัว (ราว 70,000 คน) อพยพไปยังกรุงศรีอยุธยา ราชวงค์ขอมที่ปกครองดินแดนกำพุช (ประเทศกัมพูชาในปัจจุบัน) จึงได้สูญสิ้นให้แก่กรุงศรีอยุธยานับตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 14 (พ.ศ. 1974) เป็นต้นมา
จารึกขุนศรีไชยราชมงคลเทพ ด้านที่ 2 จารเมื่อ พ.ศ. 1974 กล่าวว่า:-
สมเด็จพระอินทรามหาบรมจักรพรรดิธรรมิกราชเป็นเจ้าให้ขุนศรีไชยราชมงคลเทพเอาจตุรงค์ช้างม้ารี้พลไปโจมจับพระนครพิมายพนมรุ้งเป็นราชเสมาแลราบทาบดังพระมโนสากัลป์แลจึงจะละพระราชเสาวนีย์หาขุนศรีไชยราชมงคลเทพแดฝูงมวยลูกขุนทั้งหลาย เอาช้างม้ารี้พลถอยคืนมา มาลุเถิงเมสบรธานจรดบรรณศาลาประดิษฐาสีลาประสัสนี้ไว้จุ่งเป็นเกียรติยศสบบดลพระราชอาญาว่าขุนศรีไชยราชมงคลเทพเอกมนตรีพิเสส
สอดคล้องกับ พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐ กล่าวว่า:-
สักราช 793 กุนสก (พ.ส. 1974) สมเด็ดพระบรมราชาเจ้าสเด็ดไปเอาเมือง(นครหลวง)ได้ แลท่านจึงไห้พระราชกุมารท่านพระนครอินทร์เจ้าเสวยราชสมบัตินะเมืองนครหลวงนั้น
ส่วน พงศาวดารโยนก กล่าวว่า ราชวงศ์มังรายแห่งอาณาจักรล้านนาเรืองอำนาจมากขึ้นจึงทำสงครามมีชัยแก่พวกขอมที่แผ่ขยายอิทธิพลมาถึงล้านนา ชนชาติไทล้านนาจึงขยายอิทธิพลลงมายังลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนบนแล้วตั้งอาณาจักรสุโขทัย ภายใต้การนำของพ่อขุนศรีนาวนำถุม ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์พระร่วง ส่วนแถบลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง คือ แคว้นอโยธยาเดิมเป็นดินแดนชนชาติไทเชื้อสายไทยวน ศรีวิชัย และขอม แต่ก่อนเคยเป็นแคว้นประเทศราชของอังวะ ต่อมาสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยาเมื่อ พ.ศ. 1893 และดินแดนที่ราบสูงอีสานแต่เดิมเป็นดินแดนของชนชาติลาว พระเจ้าฟ้างุ้มมหาราชทรงสถาปนาอาณาจักรล้านช้าง ณ เมืองเชียงทอง เมื่อ พ.ศ. 1896 บรรดาทหารขอมที่เคยปกครองดินแดนต่างถูกชนชาติอื่นต่อต้านโจมตี ถูกขับไล่ บ้างก็ถูกผนวกปะปนอยู่กับสายเลือดชนชาติอื่น
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงวิเคราะห์ว่า:-
ครั้นเมื่อล่วงสมัยพระเจ้าอนุรุทธมหาราช (พระเจ้าอโนรธามังช่อ) อำนาจเมืองพุกามเสื่อมลง พวกไทยก็มีอำนาจขึ้นในประเทศสยามเป็นลำดับมา ถึงสมัยนี้ในแดนสยามข้างใต้ พวกขอมกับพวกลาวได้สมพงศ์ปะปนกันมาช้านาน พวกลาวหย่อนอริยธรรมกว่าพวกขอมก็กลายเป็นพวกขอมโดยมาก ยังคงเป็นลาวอยู่อย่างเดิมแต่พวกซึ่งอยู่ตามบ้านป่าเมืองดอน ครั้นชนชาติไทยลงมาอยู่ในประเทศสยามทางข้างเมืองเหนือมากขึ้น พวกลาวหย่อนอริยธรรมกว่าไทยก็กลายเป็นไทยอีกส่วนหนึ่ง จึงเป็นเหตุ ให้ชนชาติลาวลดน้อยลงเป็นอันดับมา จนเหลืออยู่แต่เป็นชาวป่า ซึ่งพวกไทยข้างเหนือเรียกว่า “ลวะ” พวกไทยข้างใต้เรียกว่า “ละว้า" อยู่เป็นแห่ง ๆ ทุกวันนี้ก็ยังมีแทบทั่วทุกจังหวัดในประเทศไทย เมื่อไทยแผ่อาณาเขตลงมาปกครองถึงเมืองสุโขทัยซึ่งพวกขอมได้ขึ้นไปตั้งอยู่ช้านาน ได้นำลัทธิพระพุทธศาสนาอย่างมหายานและลัทธิศาสนาพราหมณ์ตลอดจนการใช้อักษรและภาษาขอมขึ้นไปประดิษฐานไว้ ไทยมาได้ปกครองพลเมืองซึ่งนิยมประพฤติขนบธรรมเนียมอย่างขอมอยู่โดยมาก แต่วิสัยไทยรู้จักเลือกเห็นขนบธรรมเนียมของชาวต่างประเทศอย่างใดดี ถ้าและมิได้ฝ่าฝืนต่อประโยชน์ของตนก็มักประพฤติตามหรือแก้ไขให้เป็นประโยชน์ยิ่งขึ้น ดังแก้อักษรขอมเป็นอักษรไทย เป็นต้น อาศัยเหตุนี้พวกไทยที่ลงมาอยู่ข้างใต้ตั้งแต่สุโขทัยตงมาถึงรับถือลัทธิบางอย่างในศาสนาและขนบธรรมเนียมตลอดจนใช้ภาษาและศาสตราคมซึ่งไต้มาจากขอมผิดกับพวกไทยที่ตั้งอยู่อาณาเขตลานนาหรือล้านช้างด้วยประการฉะนี้
ความสัมพันธ์ชาวขอมกับชาวไทยตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์
จารึก
คำจารึกปราสาทพระวิหาร 4 (พ.ศ. 1581) กล่าวว่า พระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 พระราชนัดดาในพระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 มอบดินแดนให้ชาวไทดำที่จงรักภักดีต่อ คือ พระกมรเสตงิ และย้าย กัมเสตงศรีมหิธรวรมัน ซึ่งเป็นญาติชนชาติไทดำที่มีนิสัยดุร้ายไปอยู่ดินแดนรังโคล ซึ่งเป็นที่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ หมายความว่า ดินแดนบริเวณปราสาทพระวิหารในรัชสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ถูกปกครองโดยข้าราชการชนชาติไทดำ จึงน่าเชื่อว่า กัมเสตงศรีมหิธรวรมัน หรือ กัมเสตงศรีมหิธรปุระ เป็นชนชาติไทดำ หลักฐานนี้แสดงว่าพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 เป็นเครือญาติกับชนชาติไทยดำอีกด้วย
คำจารึกปราสาทพระวิหาร 4 (ศ.ก. ๖) (พ.ศ. 1581) ด้านที่ 2 อักษรขอม ภาษาเขมร-สันสกฤต :-
- (บรรทัด ๖๑): ตฺวนฺ อญฺ นุ ปฺรคลฺภ ต สนฺตาน อฺนกฺ ปาสฺ เขฺมา เลยฺ คิ ปิ วฺวํ ปฺรคลฺภ มนฺ สนฺตาน อฺนกฺ ปาสฺ เขฺมา สฺยงฺ ต สาห-
- (บรรทัด ๖๒): สิก สปฺปฺ วฺระ ราชฺย โลฺวะ ต วฺระ กฺมฺรเตงิ ปาสฺ เขฺมา ใทยฺ เนะ คิ รุวฺ กมฺรเตงฺ กฺตฺวนฺ อญฺ เปฺร นิรฺณย
(คำแปล): กัมตวนอัญ ได้มอบให้แก่ญาติ ชนผิวดำสืบไป แต่ไม่มอบให้ญาติชนผิวดำ ที่มีนิสัยดุร้าย (กบฏ) มาทุกรัชกาล จนกระทั่ง พระกัมรเสตงิ ชาวไทยดำโดยกำเนิด ที่พระกัมรเตงกัมตวนอัญ พิจารณาตัดสิน
— สำนักหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร (แปลโดย ชะเอม แก้วคล้าย), ศิลาจารึกปราสาทพระวิหาร 4 (ศ.ก. ๖) ด้านที่ 2
คำว่า ปาสฺ เขฺมา ใทยฺ แปลว่า ชาวไทยดำโดยกำเนิด
เอกสาร
หลักฐานชั้นต้น ชื่อ ตำราทูตตอบ เป็นหนังคู่มือทูตตอบเขียนเป็นภาษาไทยสำหรับคณะราชทูตสยามที่เดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับโปรตุุเกส เมื่อ พ.ศ. 2227 ตรงกับรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงมีรับสั่งว่าหากคณะราชทูตสยามได้รับคำถามเกี่ยวกับเชื้อสายกษัตริย์และสิ่งก่อสร้างโบราณของสยาม ให้คณะราชทูตตอบว่าทรงสืบสายลงมาตั้งแต่พระเจ้าปทุมสุริยวงศ์ ปรากฏใน ตำราทูตตอบ ว่า:-
"...ให้ตอบถึงกษัตริย์โดยอ้างลงมาตั้งแต่สมเด็จพระปทุมสุริยนรนิสสวรบพิตร... (Sommedethia Ppra Pattarma Souria Naaranissavoora Boppitra Seangae) (พระปทุมสุริยวงค์?) ชึ่งเป็นผู้สร้างเมืองชัยบุรีมหานคร (?) ใน พ.ศ. ๑๓๐๐ และกษัตริย์ที่ครองราชย์สืบมาอีกสิบพระองค์ ต่อมาสมเด็จพระยโศธรธเรนทร์เทพราชอติ (Sommedethia Prayasouttora Ttarrena Ttepperaraacchaatti) (พระเจ้ายโศธรวรมัน?) ผู้สร้างเมืองยโศธรนครหลวง (Yassouttora Nacoora Louang) และกษัตริย์ ๑๒ พระองค์ที่ครองราชย์ที่นั่น ต่อมาเมื่อกษัตริย์สมเด็จพระพนมไชยศิริมเหศวรินทธิราชบพิตร เสด็จไปประทับในสุโขทัย และในปี พ.ศ. ๑๗๓๑ พระองค์สร้างเมืองเพชรบุรี ที่นี้มีกษัตริย์ครองราชย์มาสี่พระองค์ เป็นเวลา ๑๖๓ ปี ในที่สุดสมเด็จพระรามาธิบดีบพิตร (พระเจ้าอู่ทอง) ผู้สร้างพระนครของสยามในปี พ.ศ. ๑๘๙๔ ซึ่งปัจจุบันเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรและเรียกว่า กรุงเทพพระมหานครศรีอยุธยา และพระองค์ครองราชย์มา ๒๗ ปี ดังนั้นจึงมีกษัตริย์ ๕๐ พระองค์ ใน ๙๖๒ ปี..."
ซึ่งพระเจ้าปทุมสุริยวงศ์ผู้สร้างเมืองนครธมนี้ พงศาวดารชาติไทย ของพระบริหารเทพธานี (เฉลิม) พ.ศ. 2508 กล่าวว่า พระเจ้าปทุมสุริยวงศ์ คือ พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 เป็นพระมหากษัตริย์แห่งอาณาจักรพระนคร ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 1652–95 (หลักฐานเรื่องพระแสงขรรค์ชัยศรีใน คำให้การชาวกรุงเก่า แย้งว่า พระเจ้าปทุมสุริยวงศ์ คือ พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 (ชัยวรมเทวะ) ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 1345-93 มากกว่า ส่วนพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 สืบวงศ์จากพระเจ้าปทุมสุริยวงศ์อีกทีหนึ่ง)
พระเจ้าปทุมสุริยวงศ์เป็นกษัตริย์ขอม แต่พระราชมารดาของพระองค์เป็นเขมร และยังทรงมีวัฒนธรรมไทยแบบไศเลนทร์อย่างอาณาจักรตามพรลิงค์จากการส่งไพร่พลไปช่วยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 สร้างเมืองนครธม และได้ประดิษฐานพระแก้วมรกตและพระพุทธศาสนาไว้ที่เมืองพระนครให้เป็นปึกแผ่นตาม ตำนานพระแก้วมรกต สอดคล้องกับ ตำนานต้นกำเนิดกรุงศรีอยุธยา ใน จดหมายเหตุ ลา ลูแบร์ ราชอาณาจักรสยาม ราชทูตของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งกรุงฝรั่งเศสซึ่งเข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับกรุงศรีอยุธยาเมื่อ พ.ศ. 2230 รัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กล่าวว่ากษัตริย์พระองค์แรกของชาวสยามมีชื่อว่า พระปทุมสุริยวงศ์ ซึ่งปกครองนครไชยบุรีมหานครเป็นพระองค์แรกแต่ ซีมง เดอ ลา ลูแบร์ ไม่รู้แน่ชัดว่านครไชยบุรีตั้งอยู่ที่ใด :-
"ปฐมบรมกษัตริย์ของชาวสยามนั้นทรงพระนามว่า พระปฐมสุริยเทพนรไทยสุวรรณบพิตร (Pra Poathonne Sourittep pennaratui sonanne bopitra) (พระปทุมสุริยวงศ์?) พระมหานครแห่งแรกที่เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัตินั้น ชื่อว่า ไชยบุรีมหานคร (Tchai pappe Mahanacon) ซึ่งข้าพเจ้าไม่แจ้งว่าตั้งอยู่ที่ไหน เมื่อเสด็จขึ้นเถลิงราชย์นั้นพระพุทธศาสนยุกาลล่วงแล้ว ๑,๓๐๐ พรรษา นับตามศักราชสยาม และมีพระมหากษัตริย์สืบสันตติวงศ์ต่อมาอีก ๑๐ ชั่วกษัตริย์ องศ์สุดท้ายทรงพระนามว่า พญาสุนทรเทศมหาราชเทพ (Ipoïa Sanne Thora Thesma Teperat) (ยโศธรเทศมหาเทพราช?) ย้ายพระนครหลวงมาสร้างราชธานีใหม่ที่เมืองธาตุนครหลวง (Tasôo Nacorà Loüang) (ยโศ (ธร) นครหลวง ?)..."
อ้างอิง
- เชิงอรรถ
- Liccardo S. (2024). Old names, New Peoples: Listing Ethnonyms in Late Antiquity. Leiden, The Netherlands: Koninklijke Brill nv. p. 126. ISBN ISSN 1878-4879 LCCN 2023-37557 cited in Ptol., Heog. 6.13.3. "an ethnonym recorded by Ptolemy as Komedes (Κωμήδαι). This name defines also the highlands inhabited by the ethnic group, as recorded by Ammianus Marcellinus (mons Comedos)"
- บุญชัย ใจเย็น. (2556). คิดแบบอาจารย์หม่อม...ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมชหลากมิติ หลายมุมมองที่มากด้วยประสบการณ์. กรุงเทพฯ: ปราชญ์. หน้า 134. ISBN
- สุจิตต์ วงศ์เทศ. "พจนานุกรมฉบับมติชน", ศิลปวัฒนธรรม 20(1)(พฤศจิกายน 2541):17.
- คึกฤทธิ์ ปราโมช, ม.ร.ว. (2533). ถกเขมร. กรุงเทพฯ: สยามรัฐ. ISBN
- Kulke, Hermann (2004). A history of India. Rothermund, Dietmar, 1933– (4th ed.). New York: Routledge. ISBN . OCLC 57054139.
- กรมศิลปากร. (2526). อักขรานุกรมประวัติศาสตร์ไทย เล่ม 3. กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร. หน้า 29.
- ประชุมพงศาวดาร เล่ม ๓๔ (ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖๑(ต่อ)-๖๒) พงศาวดารเมืองเงินยาง (ต่อ) เชียงแสน ว่าด้วยเรื่องทูตฝรั่งสมัยกรุงรัตนโกสินทร์. กรุงเทพฯ: องค์การค้าของคุรุสภา, 2512. หน้า 23–24.
- พระธรรมวงศ์เวที (อ่ำ ธมฺมทตฺโต). (2510). พงศาวดารไทยลว้า เมืองสวง เมืองแผน เมืองแมน เมืองทอง สุวรรณภูมิ ราชพลี ราชบุรี ตามกเบื้องจานไทย (ฉบับร่าง) อันได้จาก ราชบุรี เพชรบุรี กาญจนบุรี นครศรีธรรมราช พิมาย ตามกเบื้องจานไทย (ฉบับร่าง). พิมพ์เป็นอนุสรณ์บรรณาการในการพระราชทานเพลิงศพ ม.ร.ว. สอน สุประดิษฐ์ (รองเสวกเอก จ่าโชนเชิดประทีปใน) นางชุบศรี สุประดิษฐ์ ณ อยุธยา จัดพิมพ์ ณ เมรุฌาปนสถานกองทัพบก วัดโสมนัสวิหาร วันที่ ๔ เดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๐. พระนคร: พพิธ (แผนกการพิมพ์).
- พระราชกวี (อ่ำ ธมฺมทต์โต ป.ธ.๖). (2535). พุทธสาสนสุวัณภูมิปกรณ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย. (พิมพ์ครั้งที่ 6). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. หน้า 424.
- Asiatic Society of Bengal, Royal Asiatic Society of Bengal, Kolkata, India. (1986). Journal of the Asiatic Society. p. 55. "Rham=Gywom or Gywam or Gywan=Klom. These would appear to be variants of the same word."
- สุจิตต์ วงษ์เทศ. (2529). คนไทยอยู่ที่นี่. กรุงเทพฯ: ศิลปวัฒนธรรม. หน้า 70. ISBN . "(จิตร ภูมิศักดิ์:๒๕๒๕ อ้างถึง ลูซ และอธิบายว่า "คฺยวม" เป็นคำพม่าหมายถึง "ขอม")".
- Archaeological Survey of Burma (ed.). (1897). Inscriptions copied from the stones collected by King Bodawpaya and placed near the Arakan Pagoda, Mandalay, Vol. II. Rangoon: SGP, 1897. p. 627.
- วินัย ผู้นำพล. (2552). วัฒนธรรมผสมในศิลปกรรมสยาม. นครปฐม: คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร. หน้า 458. ISBN
- The Text Publication Fund of the Burma Research Society. (1923). The Glass Palace Chronicle of the Kings of Burma. (Translated by Pe Maung Tin and G.H. Luce). LONDON: Oxford University Press.
- ธนิต อยู่โพธิ์, กรมศิลปากร. (2503). เรื่องเมืองไตรตรึงส์ อู่ทอง และอโยธยา และเมืองอู่ทอง. ที่ระลึกในการฌาปนกิจศพ นางรัตนา มานิตยกุล ณ เมรุวัดธาตุทอง อำเภอพระโขนง พระนคร วันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๐๓. พระนคร: รุ่งเรืองธรรม. หน้า 49–50.
- Cœdès, G. (1925). "Documents sur l'histoire politique et religieuse du Laos occidental," Bulletin de l'Ecole française d'Extrême-Orient, 25(1925). p 24:footnote (1). doi:10.3406/befeo.1925.3044 "Le Hmannan Yazawin (trad. Maung Tin et Luce, pp. 99 et 106) place les Gywam au Sud-Est des Birmans et dit que leur contrée est aussi appelée Arawsa ou Ayoja, c’est-à-dire Ayudhya - le Siam. Le même texte (p. 92) mentionne l'invasion des Gywam au Pégou, sans donner de date."
- ธนโชติ เกียรติณภัทร. "อโยธยา ก่อน พ.ศ. ๑๘๙๓ ความทรงจำจากเอกสารและตำนาน (กฎหมาย ๔ ฉบับ และปีที่สร้างพระเจ้าแพนงเชิง)," ศิลปวัฒนธรรม 44(10)(สิงหาคม 2566):20. อ้างใน กฏหมายตราสามดวง เล่ม ๓. หน้า 173.
- สุทัศน์ สิริสวย. (2509). พระราชกรณียกิจของพ่อขุนรามคำแหงในการก่อตั้งสถาบันการปกครองของชาติไทย. วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ กรุงเทพฯ. NIDA Wisdom Repository: http://repository.nida.ac.th/handle/662723737/1168. 141 หน้า.
- ศานติ ภักดีคำ. (2554). "ขอมสบาดโขลญลำพง : เขมรรบสุโขทัย?", เขมรรบไทย. กรุงเทพฯ: มติชน. 339 หน้า. หน้า 43. ISBN
- คริส เบเคอร์ และผาสุก พงษ์ไพจิตร. (2553). ประวัติศาสตร์อยุธยา ห้าศตวรรษสู่โลกใหม่. กรุงเทพฯ: มติชน. หน้า 53.
- กำพล จำปาพันธ์ และโมโมทาโร่. (2566). Downtown Ayutthaya ต่างชาติช่างภาษา และโลกาภิวัตน์แรกในสยาม-อุษาคเนย์. กรุงเทพฯ: มติชน. หน้า 7.
- เยี่ยมยง ส. สุรกิจบรรหาร. (2523). "พระหลักเมืองสงขลา", ศิลปากร 24(2)(พฤษภาคม 2523):86.
- ดํารงราชานุภาพ, สมเด็จ ฯ กรมพระยา. (2534). ชุมนุมพระนิพนธ์สมเด็จกรมพระยาดํารงราชานุภาพ. กรุงเทพฯ: บรรณกิจ. หน้า 79.
- ตุรแปง, ฟรังซัวส์ อังรี. (2539). ประวัติศาสตร์แห่งพระราชอาณาจักรสยาม = Histoire du Royaume de Siam, tome premier. (แปลโดย นายปอล ซาเวียร์). (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: กองวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร. หน้า 3. ISBN
- มานิต วัลลิโภดม. (2521). สุวรรณภูมิอยู่ที่ไหน. กรุงเทพฯ: การเวก. หน้า 108.
- ลําจุล ฮวบเจริญ. (2550). เกร็ดพงศาวดารกรุงสุโขทัย. กรุงเทพฯ: ดวงกมล. หน้า 5. ISBN
- ถนอม อานามวัฒนะ. (2527). ประวัติศาสตร์เอเชียใต้อดีตถึงปัจจุบัน. กรุงเทพฯ: บางลำพูการพิมพ์. หน้า 23–24.
- กรมศิลปากร, คณะกรรมการอํานวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี. (2542). ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม ๕. กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร. หน้า 211.
- หอสมุดแห่งชาติ. (2507). ประชุมพงศาวดารฉบับหอสมุดแห่งชาติ เล่ม ๖. กรุงเทพฯ: ก้าวหน้า. หน้า 263.
- ประชุมพงศาวดาร เล่ม ๑๔ (ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๒๒-๒๕). กรุงเทพฯ: องค์การค้าของคุรุสภา, 2507.
- บุนมี เทบสีเมือง. (2566). ความเป็นมาของชนชาติลาว เล่ม 1 การตั้งถิ่นฐานและสถาปนาอาณาจักร. (แปลโดย ไผท ภูธา). กรุงเทพฯ: บุ๊ค ไทม์. ISBN
- ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จ ฯ กรมพระยา. (2480). ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖๗. เล่าเรื่องไปชะวา ครั้งที่ ๓. พระเจ้าบรมวงศเธอ พระองค์เจ้าอดิสัยสุริยาภาโปรดให้ตีพิมพ์ในงานฉลองพระชัณษาครบ ๔ รอบปี และในงานฉลองอายุเจ้าจอมมารดาอ่อน รัชกาลที่ ๕ ครบ ๗๐ ปี เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐. พระนคร: พระจันทร์.
- ประกอบ ผลงาม. (2538). สารานุกรมกลุ่มชาติพันธ์เขมรถิ่นไทย Encyclopedia of ethnic groups in Thailand Khmer. นครปฐม: สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาชนบท มหาวิทยาลัยมหิดล. หน้า 14.
- ประมวญวิชาพูล (วงศ์ บุญ-หลง), พระยา. (๒๔๘๔). พงศาวดารเมืองล้านช้าง และลำดับสกุลสิทธิสารบุตร. (พิมพ์ครั้งที่ ๒). นางนนทปัญญา (สงวน มกรานนท์) พิมพ์แจกในงานฌาปนกิจศพคุณหญิงชลปทานธนารักษ์ (พอน โหตรภวานนท์) ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๔ ณเมุรวัดไตรมิตต์วิทยาราม. พระนคร: โรงพิมพ์สาสนศึกษา. หน้า 4.
- ไรท, ไมเคิล. (2551). ฝรั่งหายคลั่ง(หรือยัง?). กรุงเทพฯ: มติชน. หน้า 210–212. ISBN อ้างใน Briggs, L.P. (1951). "The Ancient Khmer Empire", Transactions of The American Philosophical Society 41(February 1951). Part 1. ISBN
- กรมศิลปากร, กองโบราณคดี. (2531). อดีตอีสาน. กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร. หน้า 39. ISBN
- กรมศิลปากร. (2526). อักขรานุกรมประวัติศาสตร์ไทยอักษร ฉ ช ซ. กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร. หน้า 142. ISBN
- ศานติ ภักดีคำ. (2554). เขมรรบไทย. กรุงเทพฯ: มติชน. 339 หน้า. หน้า 116. ISBN
- กระทรวงมหาดไทย. (2509). พระแสงราชศัสตรา. พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พลเอก มังกร พรหมโยธี ม.ป.ช.,ม.ว.ม.,ท.จ.ว. ณ เมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส ๒๙ มิถุนายน ๒๕๐๙. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่น กรมการปกครอง. 172 หน้า. หน้า 18.
- ศานติ ภักดีคำ. (2557). ยุทธมรรคา เส้นทางเดินทัพไทยเขมร. กรุงเทพฯ: มติชน. หน้า 69. ISBN
- พระราชพงสาวดารกรุงเก่า (ฉบับหลวงประเสิด). เจ้าภาพพิมพ์แจกในงานพระราชทานเพลิงสพ พันเอก พร้อม มิตรภักดี (พระยานรินทร์ราชเสนี). พระนคร: บริสัทการพิมพ์ไทย. หน้า 21.
- ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จ ฯ กรมพระยา. (2503). ตํานานพระพุทธเจดีย์ เล่ม ๒ : พระนิพนธ์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ. พระนคร: องค์การค้าของคุรุสภา. หน้า 126.
- ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จ ฯ กรมพระยา. (2503). ตํานานพระพุทธเจดีย์ เล่ม ๒ : พระนิพนธ์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ. พระนคร: องค์การค้าของคุรุสภา. หน้า 125.
- ดุสิต ทุมมากรณ์, สำนักศิลปากรที่ ๘ ขอนแก่น. (2565). ราชวงศ์มหิธรปุระ: ข้อสันนิษฐานใหม่. ขอนแก่น: ดุสิต ทุมมากรณ์.
- ชะเอม แก้วคล้าย. "จารึกปราสาทเขาพระวิหาร ๔", (5)(กันยายน-ตุลาคม 2550):29, 33, 43, 49. ISSN 0125-0531
- ศานติ ภักดีคำ. (2563). นครวัดทัศนะสยาม (eBook). กรุงเทพฯ: มติชน. หน้า 34-35. ISBN
- ศานติ ภักดีคำ. (2554). เขมรรบไทย. กรุงเทพฯ: มติชน. หน้า 92. ISBN
- บริหารเทพธานี (เฉลิม), พระ. (2508). พงศาวดารชาติไทย ความเป็นมาของชาติตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์. รวบรวมโดย พระบริหารเทพธานี ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ลพบุรี ตราด และข้าหลวงประจำจังหวัดนนทบุรี ประจวบคีรีขันธ์ (รวม ๒ เล่มจบบริบูรณ์)]. พระนคร: สำนักงาน ส.ธรรมภักดี. หน้า 133
- กำพล จำปาพันธ์. "เครื่องทองอยุธยา เจ้าสามพระยา และโลกาภิวัฒน์แรกในสยาม-อุษาคเนย์", ศิลปวัฒนธรรม 44(6)(เมษายน 2566):83, เชิงอรรค ๑๖. อ้างใน คำให้การชาวกรุงเก่า. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2546. หน้า 6–7.
- สมบัติ พลายน้อย. (2515). เกร็ดโบราณคดีประเพณีไทย เล่ม 2. กรุงเทพฯ: โบราณสาส์น. หน้า 14.
- ฉวีงาม มาเจริญ. (2528). พระแก้วมรกต. กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร. หน้า 30. ISBN
- ธรรมทาส พานิช. (2533). นิพพานธรรมในประวัติศาสตร์สุวรรณภูมิ. กรุงเทพฯ: อรุณวิทยา. หน้า 40.
- มารอาคเนย์. (2566). ภูตหมอกควัน เล่ม 1. กรุงเทพฯ: พบสันต์ รุกขรังสฤษฏ์. หน้า 159. (เชิงอรรถท้ายหน้า). ISBN
- ธรรมทาส พานิช. (2541). ประวัติศาสตร์ไชยา-นครศรีธรรมราช. กรุงเทพฯ: ธรรมทานมูลนิธิ. หน้า 76.
- ธรรมทาส พานิช. (2533). นิพพานธรรมในประวัติศาสตร์สุวรรณภูมิ. กรุงเทพฯ: อรุณวิทยา. หน้า 40. "พระเจ้าปทุมสุริยวงศ์เป็กษัตริย์ขอม (มารดาเป็นเขมร) เสวยราชย์ประมาณ พ.ศ. ๑๔๓๒-๑๔๔๓ พระองค์สามารถประดิษฐานพระพุทธศาสนาลงไว้ เป็นปึกแผ่นในเมืองพระนคร"
- ธรรมทาส พานิช, มูลนิธิธรรมทาน. (2542). "พระปทุมสุริยวงศ์องค์ที่ได้พระแก้วมรกตไปไว้ท่านเป็นขอมมีวัฒนธรรมไทยแบบไศเลนทร์", วัฒนธรรมพุทธศาสนาของชาวไทยในตํานานพระแก้วมรกต. กรุงเทพฯ: อรุณวิทยา. หน้า 155. ISBN
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
chawkhxm khux klumchnchatitang thixasyxyubriewnthirablumecaphrayatxnbn thirablumecaphrayatxnlang thirabsungxisan thilumaemnamul indinaednsuwrrnphumi aehlmthxng rahwangkhriststwrrsthi 1 14 odyimecaacngwaepnchnchatiidchnchatihnung potelmiidniyamklumchnchatithixasyxyubriewnthirabsungwa Komedes Kwmhdai lksnaednkhxngchawkhxm khux misilpwithyakarehnuxchnchawphunemuxng aelaepnchnchnpkkhrxng pccubnchawkhxmsuysiniphmdaelwkhngehluxephiyngsayeluxdkhxmsungpapnkbchnchatixun thiyngxyuxasyindinaednsuwrrnphumiinpccubn sastracaryhmxmrachwngskhukvththi praomch klawiwemux ph s 2496 wa ekhmrkepnekhmr ithykepnithy aelakhxmkepnkhxm epnkhnxikchatihnungephahnungthiekhypkkhrxngemuxngithyaelaemuxngekhmraetbdnisabsuyipaelw aephnthiaesdngkarkhyayekhtxiththiphlthangwthnthrrmkhxngxinediy aelakarxphyphkhxngchawxinediyphldthinsudinaedntang chawkhxmdachawkhxmda khux khxmthiepnchawxinediyephahnungcdxyuinklumxxsotrexechiytik trakulphasamxy ekhmr xasyxyuphakhtawnxxkechiyngehnuxkhxngxinediy aelaichekhruxngmuxhinihmeriykwa khwanmiba idxphyphmathangtawnxxk aelamisayhnungkhxngklummnusyephaniedinthangekhamayngphakhehnuxkhxngdinaednsuwrrnphumi briewnphakhehnuxkhxngpraethsithy aelahlwngphrabang praethslawinpccubn echn chawkhxmdadinthixasyxyuinemuxngxuomngkhkheslankhr phunthicnghwdechiyngihminpccubn eriykwa chawkhxmeslankhrphrayakalwrrndis hruxphrayakhxmdasungepnkstriyoynknkhrichyburirachthanisrichangaesn tamthipraktin phngsawdaremuxngenginyangechiyngaesn rwmthngchnklumchawkuythixasyrimaemnaokhng aemnakhxminchuxedim sungaetedimxphyphmacakphakhehnuxkhxngdinaednsuwrrnphumiaelwyaythinthanmayngdinaednitaemnamulinpccubnchawkhxmithysmysuwrrnphumi thwarwdi phngsawdarithylwa emuxngswng emuxngaephn emuxngaemn emuxngthxng suwrrnphumi rachphli rachburi tamkebuxngcanithy aela phuththsasnsuwnnphumipkrn khxngphrarachkwi xa thm mtht ot p th 6 wdosmnsrachwrwihar mibnthukwa khxmfaithy khunsuxithy khunelkithy khunhyingithyngam epnphusranglaysuxithyaelalayelkh eriykwa twbantwemuxng 8 khxmfaithykbkhunsuxithyrwmkncarlaysuxkhxmthieriykwa hnngsuxithy epnxksrkhvnthtwhnngsuxkhxmithythichawkhxmithysrangkhunaetkxnphuththkal 9 ichepntwcaruk car phraitrpitk xrrthktha dika khnththura khmphir pkrn hnngsuxethsntang rachbutrkhxngkhunxinekhaekhiyw namwa khunxinxxmkhxmaelwipethiywtha nangkwkthxngidekhamahxngthaxyu 15 wn xxmkhxm aeplwa aeplngtwihepnkhxm khxminthini khux chuxtaaehnngkhrubaxacary chang nkwichakar nkhnngsuxinkebuxngcarkhubw aephnthi 116 hna 1 txmakhunxinthukrachbidacbkhngiwinthaekha nangkwkthxngmachwyaelaplxykhunxinaelwphaknedininewlaklangkhunipcnthungemuxngaephn phbinkebuxngcarkhubw aephnthi 2 ladbxanthi 93 hna 1 60 khxmthxngephlng aelaemiymalawdi emiythxngibsri srangwdtrnghnaekhangu aelalnghlkwdemuxwnkhun 15 kha eduxn 6 piphuththkal 710 phbinkebuxngcarkhubw aephnthi 389 ladbxanthi 216 hna 1 191 phngsawdarkrungsuthrrmwdi saethim mibnthukwa emux ph s 1599 rchsmyphraecaxuthinna mikxngthphkh ywm Gywom hrux Gywan khux Klom kh ywm epnkhaphasaphmaeka aeplwa khxm epnkxngthphsyamidykthphiptiemuxngsaethim mnuhemng hruxburnkan keriyk khxngchawmxy phraecasiritripwrthmrachathiptionrta phraecaxonrthaaehngphukam thrngykthphmachwypxngknemuxng silacarukphma n skkalmpaecdiy carukthirwbrwmidinrchsmyphraecapdung pradisthaniklkbecdiyxarakn Arracan Pagoda mnthaely klawwa skrach 418 phraecasiritripwrthmrachathiptionrtaklbcakthasngkhramkbphwkthharkh ywmaelwidthrngsrangkhuhaecdiykhun eruxngraw thharkh ywm mibnthukin mharachwngs chbbhxaekw The Hmannan Yazawin brrphthi 136 wa Kyanzittha saves Pegu One day it was reported An host of Gywan warriors hath marched on Ussa Pegu Send us help to fight them Said Anawrahtaminsaw Good horsemen four hundred thousand shall be sent to succour you So the messengers returned And the king caused his four captains Kyanzittha Nga Htweyu Nga Lonlephpe and Nyaung u Hpi to disguise them in the garb of spirits and with their followers and fourscore Kala footruners go to help in the war 92 When he heard their words of answer he wrote thus on gold palmyra Eastward the Panthe country also called Sateittha south eastward the country of the Gywans also called Ayoja southward Nagapat Island in mid ocean south westward the Kala country also known as Pateikkara in the north west corner Katu nganagyi yepawmi northward the Tarop country also called Gandhala 106 khnakrrmkarprawtisastrhlwngaehngphma 1832 The Glass Palace Chronicle of the Kings of Burma 1923 Chapter 136 Vol I aeplodyhmxngthinxxng aelalus mharachwngs chbbhxaekw chbbaeplodyhmxngthinxxng aelalus xthibaywa dinaednkhxngchawkh ywmthitngxyuthangtawnxxkechiyngitkhxngphukam eriykwa xarxsa Arawsa hrux xoycha Ayoja hmaythung xyuthya AyudhyA epndinaednkhxngchawsyam aela ecaram Rham hmaythung chawkh ywm epnphranamkhxngecaphukhrxngaekhwnxoythyaedim chawkh ywmnn khux chnchatithisubechuxsaymacakithywn itywn sungidrwmthasngkhramkbphraecaphrhmkumaraehngoynknkhrthasngkhrammichychnaehnuxphwkkhxm phraecaphrhmkumarthrngkhbillngthangitcnthungkaaephngaesn aesdngwaaekhwnxoycha xoychchapura mixyumakxnaelw kxnthismedcphraramathibdithi 1 phraecaxuthxng thrngsthapnakrungsrixyuthya emux ph s 1893 nxkcakni phraxykarebdesrc xaykarebdesrc mhaskrach 1146 pimaaem ph s 1768 trakhunkxnkarsthapnaxanackrxyuthya rabuphranamkstriyemuxngxoythyaedimwa phrabathsmedcphraramathibdisriwisuththiburuosdmbrmckrphrrdithrrmikkrachedochichethphadiethphtriphuwnathiebs brmbphitrphraphuththiecaxyuhw smysuokhthy xyuthya xanackrsuokhthy rchsmyphxkhunsrinawnathumthrngsthapnaxanackrsuokhthyemux ph s 1781 bnthirablumaemnaymdinaednsuwrrnphumitxnbn mikarpapnkhxngphwkkhxmkbchawemuxngsuokhthy echn silacarukwdsrichum hlkthi 2 smysuokhthy mikhacarukwa khxmsbadokhlylaphng khawa khxmsbad khux aemthphfaykhxmsungpkkhrxngemuxngsuokhthyxyuinthanaemuxnghnadankhxngchnephakhxm hruxkrnikstriykhxmemuxngphrankhr yosthrpura phrarachthannangsukhrmhaethwikbphraaesngkhrrkhchysriaekphxkhunphaemuxng rwmthungchuxbrrdaskdiinsilacaruksuokhthy ph s 1835 lwnepnphasatang xathi brrdaskdiphasakhxm echn smedc kmraetngxy khxihsngektwa aetng miich etng brrdaskdiphasaxinediy echn rachkumar brrdaskdiphasacin echn khun brrdaskdiphasamxy echn phya aelabrrdaskdiphasaithy echn eca thaw aesdngthungkhwamhlakhlaykhxngchatiphnthutang thiekhamatngthinthaninxanackrsuokhthy kha khxm ekathisud phbincarukwdsrichum hlkthi 2 xayuraw ph s 1912 smysuokhthy phaphwadcalxngcakphaphcring xanackrxyuthya rchsmysmedcphraramathibdithi 1 phraecaxuthxng thrngsthapnaxanackrxyuthyaemux ph s 1893 thirablumaemnaecaphraya dinaednkhangit epndinaednchawlwpura chawithywn chawkhxm aelachnchatixunhlaychnchati smynimichawkhxmpapnkbxyukbchnchatichawemuxngxuthxngmachanan mikhwamsmphnthkbphwkkhxmnankwaklumsuokhthy simng edx la luaebr klawwa chnchatiinxyuthyannmichntangchatixyuthung 40 chati cungxxkcaepnkhwamoxtamaebbchawchmphuthwipxyumak la luaebr nbcringcaktwaethnchnchatitang thimatxnrbkhnarachthutfrngessid 21 chati echphaaphwkmwrkaebngxxktng 10 chatiesiyaelw swnnioklas aechraewsklawthungchawxyuthyawaepnkhntangdawesiykwahnunginsam aebngepnkhntangdawthiklaymaepnkhnsyam aelakhntangdawthiekhamakhakhayinxyuthya aemaet kdmnethiyrbal culskrach 720 ph s 1901 matra 20 kyngpraktchawkhxmwa xnungphiriyhmuaekhkkhxmlawphmaemngmxymsumaecngcincamchwananapraethsthngpwng aelekhamaedirinthaysnmkdi thngniixykarkhunsnmham phiriyhmuaekhkkhxm aeplwa khruphuruhnngsux smedcphraecabrmwngsethx krmphrayadarngrachanuphaph thrngxthibaywa thungkhnnisngektidwaphwkithychawemuxngxuthxng ekhyidrbkhwamxbrmaelaeluxmisinpraephnikhxmmakkwaphwkemuxngsuokhthy ephraaithythilngmaxyukhangitidxyupapnkbphwkkhxmmachanan khxniphungcaehnidinkdhmaysungtngkhuninsmyni khxmichthxykhaphasaekhmr aelaphasasnskvt sungphwkkhxmchxbichyingkwahnngsuxsungaetngkhrngkrungsuokhthy caritpraephnikchxbichtamkhtikhxmmakkhun mikhxsakhyepnxuthahrn eruxngthaskrrmkrinpraephniithyaetetimhamiim phwkithythimaxyukhangitmarbpraphvtikarichthastampraephnikhxm mikhwampraktinbanaephnkkdhmaylksnalkphabthhnungwa emuxkhrngkrungsrixyuthyakbkrungsuokhthyepnimtriknnn miphulkphathasinkrungsrixyuthyahnikhunipemuxngehnux phwkecaenginkrabthulphraecaxuthxngkhxihiptidtamexathasklbmawa ephraa emuxngthanepnxnhnungxn ediywknaelw dngni aetphraecaxuthxnghathrngbychatamim darssngihwaklawexaaekphukhaynayprakn aelamikhasungyngichknmapraktxyukhahnungsungeriykcakphuphnthaswa epnithy dngniphungsnnisthanidwa ephraaedimchnchatiithyimmithicaepnthas aelaithymarbichpraephnithaskrrmkrcakkhxm thascungmisubmainpraethssyamcnkrathngphrabathsmedcculcxmeklaecaxyuhwthrngphrakrunaoprdihelikesiyemuxinrchkalthi 5 swnturaepngklawthungechuxchatichawsyamwa inkrungsyameluxdphsmpnknmakcnepnthiehnidngaywachnchatiniprakxbdwychnchatixunhlaychati imtxngsngsyelywakarkhakhaythithaihchnchatitang inphakhtawnxxkidrbphlpraoychnihyhlwngnnidthaihphxkhatangchatihlaykhntdsinicmatngsthanthikhakhayinkrungsyamchawkhxmxinediykhxmxinediy khux chnchatimilkkha chawthmilnathu epnchnphunemuxngthixphyphmatngthinthaninsuwrrnphumibriewndindxnsamehliympakaemnaokhng rahwang 200 pikxnkhristkalthungkhriststwrrsthi 1 8 chnchatiklumninbthuxsasnaphrahmn hindu miphrahmnidphsmpapnkbchnchatiaekhmrphunemuxngklayepnechuxchatichawxinediy aelwidpkkhrxngaephkhyayxanacipthwdinaednsuwrrnphumicnthungkhriststwrrsthi 14 mulehtukhxngkarxphyph prawtisastrexechiyit klawwa emux 2 400 pikxnkhristkal chnephaxarynidxphyphcakphuhindukutmatngthinthanindinaednchmphuthwipthangtxnehnuxkhxngxinediy aetthukchnephamilkkha chawthmil phunemuxngthasuktxtanaetchnephamilkkhaklbphayaekchnephaxaryn chnephaxarynthixyuthangehnuxcungkhrxbkhrxngdinaednaelwtngepnrthmkhth aelwcbchnephamilkkhaipepnthas chnephamilkkhathilklxbhnixxkmaidcungiptngthinthanthangtxnitkhxngxinediy chnephatang thixyutxnitsungimthukkbchnephaxaryntangtngrthpkkhrxngtnexngkhunhlayrth mixanaekhtepnkhxngtnexng emux 304 232 pikxnkhristkal phraecaxoskmharachaehngaekhwnmkhthidkhyaydinaednchnephaxaryncakthangehnuxlngmasuthangitkhxngxinediythrngmichychnaehnuxthukchnepha aelwthrngrwbrwmdinaedntxnitekhakbtxnehnuxkhxngxinediythnghmd aelayngbngkhbihthukchnephanbthuxsasnaphuthth khnathichnephamilkkhaepnephathinbthuxsasnaphrahmn hindu karsngkhramkhxngphraecaxoskmharachinkhrngnnsngphlihchnephamilkkhaphunemuxngtxngxphyphmatngthinthanaehlmsuwrrnphumi aelahmuekaatang briewnthaelcinit karxphypherimmimatngaet 200 pikxnkhristkal aelarahwangkhriststwrrsthi 1 8 micanwnphuxphyphmakthisud chnephamilkkhathixphyphmayngdinaednsuwrrnphumiswnihytngthinthanthipakaemnaxirwdi aelapakaemnasalawinphsmpapnkbchnchatiphunemuxngaelwklaymaepnchnchatimxyinewlatxma swnchnephamilkkhaxikklumhnungtngthinthanthidinaednsamehliympakaemnaokhng klumninbthuxsasnaphrahmn hindu phwkphrahmnbangthanphsmpapnkbchnchatiphunemuxngaelwklayepnchnchatixinediy kartngthinthan khriststwrrsthi 1 kxnkhristkal michawxinediynbthuxsasnaphuththidxphyphmatngthinthaninkhabsmuthrxinodcin aeladinaednsuwrrnphumi 74 sungmichnchatiphunemuxngxyumakmay echn chnchatimxy chnchatilaw chnchaticampa chnchatikhmu chnchatiaekhmr ekhmr l 111 xikklumhnungidmatngindinaednchnchatimxy 75 phunthixaephxnkhrichysri cnghwdrachburiinpccubn xikklumhnungidtngthinthanthidinaednchnchaticam 75 praethsewiydnaminpccubn chawxinediyklumnirxbrusilpwithyakartang yingkwachnchatiphunemuxng samarthaesdngkhunwiessihchnchatiphunemuxngniymnbthuxcnidrbkarykyxngihchawxinediyklumniepnkhrubaxacary aelaepncuderimtnkhxngphraphuththsasnathimikarephyaephrekhamasudinaednsuwrrnphumitngaetbdni 75 phngsawdaremuxngchwa klawwa khrnnanmaphwkchawxinediythixyutamsthanikelytngphumilaenaxyupracathamahakininthxngthi aelaethiywkhakhaytngphumilaenatamthinthihangiklsthanixxkipepnladb ipxyuthiihnksmphngskbchawemuxng ekidechuxsaychawxinediymakkhunepnxndbma kchawxinediymikhwamruxarythrrmchladkwachawemuxnginthxngthin iptngxyuthiihnknasasnakbthngwichakhwamrutang tamxarythrrminxinediyipsngsxncnphwkchawemuxngphaknnbthuxwaepnkhrubaxacary nanekhaechuxsaykhxngchawxinediykidepnmulnay aelathisudidkhrxbbankhrxngemuxng tngkhnbthrrmeniymaelasrangecdiysthantang dngprakdxyuinnanapraethsaethbni khriststwrrsthi 1 smyckrwrrdikhuptamichawxinediyit mthras hruxecnin xikklumhnungsungnbthuxsasnaphrahmn hinduxphyphmacakdinaednexechiyitodyaelneruxeliybfngthaelekhamatngthinthandinaednsuwrrnphumibriewnsamehliympakaemnaokhng 75 briewnniaetedimepnthixyukhxngchnchaticam txmachawxinediyfaychayidekiywdxngrwmsayeluxdkbchnephaphunemuxngfayhying 75 aelwbngkhbihchnchatithxngthinrbexalththi sasna aelapraephnitamkhtikhwamechuxkhxngsasnaphrahmnaelasasnaphuthth 75 klayepnechuxchatixinediy chnehlanieriykwa khxm hrux khxmxinediy epnchnchatieluxdphsmrahwangxinediyfaychaykbchnephaphunemuxngfayhying 75 94 aetkaekhnngxxkepnxikchnephahnung prakxb phlngam klawwa chawxinediyepnphuthirierimichkhawakmphucha Kambuja epnchatiaerk aelaphrahmnkmphuswymphuwaepnbrrphburuskhxngephakmphuchmitnkaenidindinaednxinediyit karkhyayxiththiphl khriststwrrsthi 1 phwkphrahmn aelakhxmxinediysthapnaxanackrfunnephuxepnthangphankarkharahwangphxkhachawcin chwa aelaxinediy hlngkarsthapnaxanackrsngphlihkhxmxinediyerimmixanacmakkhuncungaephkhyayxanaekhtcakdinaednpakaemnaokhngkhunmayngotnelsab 94 thaelsabekhmrinpccubn khbilchnphunemuxng xathi chnchaticampa aelachnchatilawcnaetkhniipyngdinaedntxnehnuxaelwcungyaysunykarpkkhrxngxanackrfunnedimmathibriewnnimichuxwa xanackrecnla epnxanackrkhxmxinediy aelaaephkhyayxanaekhtkhxngtnexngipthungdinaednchnchatilaw eriykwa xanackrokhtrbur 94 aeladinaednchnchatimxy eriykwa xanackrthwarwdi sungepnxanackrthimixyumaaetkxn hlngcakkhxmxinediyaephkhyayxththiphlcnidkhrxbkhrxngdinaednbangswnthilumaemnamulaelwcungsrangemuxngbndinaednthirabsungokhrach The Khorat Plateau echn dinaednekhtcnghwdnkhrrachsima burirmy surinthr srisaeks aelaxublrachthani chuxwa emuxngokhrathapura okhrachinpccubn tamchuxemuxngedimthixphyphma 94 aeladwyxanackrecnlakhxngkhxmxinediysungepnthangphankhxngphxkhaxinediyaelacinmakmaymikhwamecriyrungeruxngxyangrwderw miphrahmn phxkhachawxinediycanwnhlakhlayidxphieskkbchnchatiphunemuxngaelwyngrbexawthnthrrmxinediyekhamamakmayodyechphaacakrthpllwa 112 khriststwrrsthi 7 8 khxmxinediyekhayudkhrxbkhrxngxanackrthwarawdikhxngchnchatimxyidthnghmd cungeknthphukhnipepnaerngnganthiemuxngnkhrthm aelaepnchwngwthnthrrmrthpllwahlngihlekhamasuxanackrecnlamakmay mirabbkarpkkhrxngaebbrwmsunyxanackhux naypkkhrxngbaw Autocratic Government phwkkhxmxinediyerimsrangprasath wng wihar srana kaaephng aelasingkxsrangxun makmay aelayngaephkhyayxanacxxkipxyangkwangkhwang emuxtngthinthanidepnthimnkhngaelwkhxmxinediycungsrangemuxngkhunxikemuxnghnungthangthistawnxxkkhxngthirabsungokhrachephuxkhaynxiththiphlkhxngxanackrokhtrburkhxngchnchatilaw michuxwa emuxngwimayapura 94 sungchnchatilaweriyktamsaeniynglawwa emuxngphimay 94 sungtxmaklayepnsunyklangkarpkkhrxngkhxngkhxmxinediykhxngrachwngsmhithrpuracnkrathngsinxanacaekkrungsrixyuthyaemuxkhriststwrrsthi 14 inphayhlng klumobransthanaehngmhaphlipurm xiththiphlsilpaxinediyittxsilpakhxmindinaednsuwrrnphumi khriststwrrsthi 10 xiththiphlkhxmxinediyaephkhyayipthungdinaednxisantxnbn phngsawdarlanchang klawwa chnephakhxmxinediyidphungrbkbchnchatiphmaephuxaeyngchingxanaekhtkhxngchnchatilaw xanackrokhtrburcungtkxyuphayitxiththiphlkhxmxinediyeruxyma phbhlkthankarkxsranginekhtphudxy xathi xuthyanprawtisastrphuphrabath epnsasnsthanaebbsilpaxinediy aelamxybngchiwa dinaednbriewnniekhymiphxkha phrahmn puorhitcakdinaednxinediy aelaxanackrthwarawdiekhamathakarkhaaelaephyaephsasnaphrahmnindinaednsuwrrnphumikxnphuththstwrrsthi 16 96 krathngkhunbrmrachathirachidykthphcakemuxngaethnlngmakhbilphwkkhxmaelwyudxanaekhtkhxngchnchatilawkhunideruxymacnthungemuxngechliyng hruxemuxngswrrkholk cnghwdnkhrswrrkhinpccubn khriststwrrsthi 12 rchkalphraecachywrmnthi 7 rachwngsmhithrpura epnrachwngskhxmsungmiemuxngwimayapuradinaednthirabsungokhrachepnsunykarpkkhrxnginkhnann phraecachywrmnthi 7 idaephkhyayxiththiphliptamsayphupnna phusamesadngphyaif dngphyaeyninpccubn aelaphuphyaphx ethuxkekhaephchrburn aelwsrangthanthimnxyuthiemuxnglwpura cnghwdlphburiinpccubn aelwaephkhyayxiththiphliptamrxytxkhxngekhtaednthwarawdi aelaoynk aelwiptngemuxngsuokhthyepnthimnephuxetriymkhyayxiththiphltxip 100 thungkhriststwrrsthi 13 xiththiphlkhxmxinediyaephkhyayipthungaemnaokhng ekhtemuxngewiyngcnthr emuxngthrayfxng phbrxngrxyhlkthanthangprawtisastrthiphwkkhxmthingiw khux ruphinaekaslkcalxngchywrmnthi 7 silacarukxksrkhxm rupethwbal aelasiwlungkh 96 epnkaryunynwaxanackrokhtrbur aelaxanackroynkepnxanackrthimimakxnkhxm mikhwamekhmaekhngsamarthtxtankarrukranphwkkhxmiwidmak phraecachywrmnthi 7 subsnttiwngscakphraecachywrmnthi 6 phraecathrninthrwrmnthi 1 aelaphraecasurywrmnthi 2 phusrangphrankhrwdinrachwngsmhithrpuratamladb aetedimthrngkhrxngrachyxyuindinaednthirabsungokhrachlumaemnamultxnbn dinaednxisantxnbn phbwamicarukmakthisudpraktthi prasathhinphnmwn rtnpura prasathhinphimay wimaypura prasathhinphnmrung rmpura aelaprasathekhaphrawihar srisikerswr odyaephkhyayxanaccakthirabsungokhrachlngmayngphrankhrwdnkhrthmchwngkhriststwrrsthi 12 13 nxkcaknirachwngsmhithrpurayngrbsasnaphuththmhayancakemuxngwimayapurasungepnsunyklangkhxngphraphuththsasnanikaywchryan ekhaippradisthan aelaephyaephrcakdinaednthirabsungokhrachlngipyngthiemuxngphrankhrhlwng nkhrthm indinaednkmphuchitlanamul khnathirachwngsyosthrpuranbthuxsasnahindulththiiswnikay phayhlngcakphraecachywrmnthi 7 swrrkht xanackrkhxmcungerimesuxmxanaclng aetkhriststwrrsthi 14 phraecachywrmnthi 9 rachwngsmhithrpura yngkhngaephkhyayxanacmathungxuthxng aelankhrpthm 58 xanackrkhxmsinsud khriststwrrsthi 14 smedcphraramathibdithi 1 emuxkhrngyngthrngepnphraecaxuthxng khrxngaekhwnxoythyaedimsubtxcakphraecaxuthxng phukhrxngaekhwnxoythyaedim phraxngkhidxphyphphukhnmatngthinthanthiewiyngelk aekhwngemuxngxoythya aelwthrngsrangimtrikbaekhwnrxbkhangrwmthngphraecachywrmnthi 9 rachwngsmhithrpuradwy nbepnchwngthixanackrkhxmesuxmxanaclngxyangtxenuxng hlngcakphraecachywrmnthi 9 thuktrasxkpraaexm hwhnaswnhlwng lxbplngphrachnm xanackrkhxmcungsinsudlngxanaclng 101 enuxngcakthukchnchatixunthasuksngkhramtxtankarrukrandinaednthikhxmidaephkhyayxxkipxyangkwangkhwang txmabrrdadinaednkhxngxanackrkhxmthnghlay xathi emuxngwimaypura phimay phnmrung aelaphrankhrhlwngthuksmedcphrabrmrachathirachthi 2 ecasamphraya ykthphekhaocmtilwntkxyuinphayitxanackhxngxyuthyathngsintngaet ph s 1974 aelakwadtxnchawemuxngphrankhrhlwng nkhrthm thung 40 000 khrw raw 70 000 khn xphyphipyngkrungsrixyuthya rachwngkhkhxmthipkkhrxngdinaednkaphuch praethskmphuchainpccubn cungidsuysinihaekkrungsrixyuthyanbtngaetkhriststwrrsthi 14 ph s 1974 epntnma carukkhunsriichyrachmngkhlethph danthi 2 caremux ph s 1974 klawwa smedcphraxinthramhabrmckrphrrdithrrmikrachepnecaihkhunsriichyrachmngkhlethphexacturngkhchangmariphlipocmcbphrankhrphimayphnmrungepnrachesmaaelrabthabdngphramonsaklpaelcungcalaphrarachesawniyhakhunsriichyrachmngkhlethphaedfungmwylukkhunthnghlay exachangmariphlthxykhunma maluethingemsbrthancrdbrrnsalapradisthasilaprassniiwcungepnekiyrtiyssbbdlphrarachxayawakhunsriichyrachmngkhlethphexkmntriphiess sxdkhlxngkb phrarachphngsawdarkrungeka chbbhlwngpraesrith klawwa skrach 793 kunsk ph s 1974 smeddphrabrmrachaecaseddipexaemuxng nkhrhlwng id aelthancungihphrarachkumarthanphrankhrxinthrecaeswyrachsmbtinaemuxngnkhrhlwngnn swn phngsawdaroynk klawwa rachwngsmngrayaehngxanackrlannaeruxngxanacmakkhuncungthasngkhrammichyaekphwkkhxmthiaephkhyayxiththiphlmathunglanna chnchatiithlannacungkhyayxiththiphllngmaynglumaemnaecaphrayatxnbnaelwtngxanackrsuokhthy phayitkarnakhxngphxkhunsrinawnathum pthmkstriyaehngrachwngsphrarwng swnaethblumnaecaphrayatxnlang khux aekhwnxoythyaedimepndinaednchnchatiithechuxsayithywn sriwichy aelakhxm aetkxnekhyepnaekhwnpraethsrachkhxngxngwa txmasmedcphraramathibdithi 1 phraecaxuthxng thrngsthapnakrungsrixyuthyaemux ph s 1893 aeladinaednthirabsungxisanaetedimepndinaednkhxngchnchatilaw phraecafangummharachthrngsthapnaxanackrlanchang n emuxngechiyngthxng emux ph s 1896 brrdathharkhxmthiekhypkkhrxngdinaedntangthukchnchatixuntxtanocmti thukkhbil bangkthukphnwkpapnxyukbsayeluxdchnchatixun smedcphraecabrmwngsethx krmphrayadarngrachanuphaph thrngwiekhraahwa khrnemuxlwngsmyphraecaxnuruththmharach phraecaxonrthamngchx xanacemuxngphukamesuxmlng phwkithykmixanackhuninpraethssyamepnladbma thungsmyniinaednsyamkhangit phwkkhxmkbphwklawidsmphngspapnknmachanan phwklawhyxnxriythrrmkwaphwkkhxmkklayepnphwkkhxmodymak yngkhngepnlawxyuxyangedimaetphwksungxyutambanpaemuxngdxn khrnchnchatiithylngmaxyuinpraethssyamthangkhangemuxngehnuxmakkhun phwklawhyxnxriythrrmkwaithykklayepnithyxikswnhnung cungepnehtu ihchnchatilawldnxylngepnxndbma cnehluxxyuaetepnchawpa sungphwkithykhangehnuxeriykwa lwa phwkithykhangiteriykwa lawa xyuepnaehng thukwnnikyngmiaethbthwthukcnghwdinpraethsithy emuxithyaephxanaekhtlngmapkkhrxngthungemuxngsuokhthysungphwkkhxmidkhuniptngxyuchanan idnalththiphraphuththsasnaxyangmhayanaelalththisasnaphrahmntlxdcnkarichxksraelaphasakhxmkhunippradisthaniw ithymaidpkkhrxngphlemuxngsungniympraphvtikhnbthrrmeniymxyangkhxmxyuodymak aetwisyithyruckeluxkehnkhnbthrrmeniymkhxngchawtangpraethsxyangiddi thaaelamiidfafuntxpraoychnkhxngtnkmkpraphvtitamhruxaekikhihepnpraoychnyingkhun dngaekxksrkhxmepnxksrithy epntn xasyehtuniphwkithythilngmaxyukhangittngaetsuokhthytngmathungrbthuxlththibangxyanginsasnaaelakhnbthrrmeniymtlxdcnichphasaaelasastrakhmsungitmacakkhxmphidkbphwkithythitngxyuxanaekhtlannahruxlanchangdwyprakarchanikhwamsmphnthchawkhxmkbchawithytamhlkthanthangprawtisastrcaruk khacarukprasathphrawihar 4 ph s 1581 klawwa phraecasuriywrmnthi 1 phrarachnddainphraecaxinthrwrmnthi 1 mxbdinaednihchawithdathicngrkphkditx khux phrakmrestngi aelayay kmestngsrimhithrwrmn sungepnyatichnchatiithdathiminisydurayipxyudinaednrngokhl sungepnthilum dxn hmaykhwamwa dinaednbriewnprasathphrawiharinrchsmyphraecasuriywrmnthi 1 thukpkkhrxngodykharachkarchnchatiithda cungnaechuxwa kmestngsrimhithrwrmn hrux kmestngsrimhithrpura epnchnchatiithda hlkthanniaesdngwaphraecasuriywrmnthi 1 epnekhruxyatikbchnchatiithydaxikdwy khacarukprasathphrawihar 4 s k 6 ph s 1581 danthi 2 xksrkhxm phasaekhmr snskvt brrthd 61 t wn xy nu p rkhl ph t sn tan x nk pas ekh ma ely khi pi w w p rkhl ph mn sn tan x nk pas ekh ma s yng t sah brrthd 62 sik sp p w ra rach y ol wa t w ra k m retngi pas ekh ma ithy ena khi ruw km retng k t wn xy ep r nir ny khaaepl kmtwnxy idmxbihaekyati chnphiwdasubip aetimmxbihyatichnphiwda thiminisyduray kbt mathukrchkal cnkrathng phrakmrestngi chawithydaodykaenid thiphrakmretngkmtwnxy phicarnatdsin sankhxsmudaehngchati krmsilpakr aeplody chaexm aekwkhlay silacarukprasathphrawihar 4 s k 6 danthi 2 khawa pas ekh ma ithy aeplwa chawithydaodykaenid exksar hlkthanchntn chux tarathuttxb epnhnngkhumuxthuttxbekhiynepnphasaithysahrbkhnarachthutsyamthiedinthangipecriysmphnthimtrikboprtuueks emux ph s 2227 trngkbrchkalsmedcphranaraynmharachthrngmirbsngwahakkhnarachthutsyamidrbkhathamekiywkbechuxsaykstriyaelasingkxsrangobrankhxngsyam ihkhnarachthuttxbwathrngsubsaylngmatngaetphraecapthumsuriywngs praktin tarathuttxb wa ihtxbthungkstriyodyxanglngmatngaetsmedcphrapthumsuriynrnisswrbphitr Sommedethia Ppra Pattarma Souria Naaranissavoora Boppitra Seangae phrapthumsuriywngkh chungepnphusrangemuxngchyburimhankhr in ph s 1300 aelakstriythikhrxngrachysubmaxiksibphraxngkh txmasmedcphrayosthrthernthrethphrachxti Sommedethia Prayasouttora Ttarrena Ttepperaraacchaatti phraecayosthrwrmn phusrangemuxngyosthrnkhrhlwng Yassouttora Nacoora Louang aelakstriy 12 phraxngkhthikhrxngrachythinn txmaemuxkstriysmedcphraphnmichysirimehswrinththirachbphitr esdcipprathbinsuokhthy aelainpi ph s 1731 phraxngkhsrangemuxngephchrburi thinimikstriykhrxngrachymasiphraxngkh epnewla 163 pi inthisudsmedcphraramathibdibphitr phraecaxuthxng phusrangphrankhrkhxngsyaminpi ph s 1894 sungpccubnepnemuxnghlwngkhxngxanackraelaeriykwa krungethphphramhankhrsrixyuthya aelaphraxngkhkhrxngrachyma 27 pi dngnncungmikstriy 50 phraxngkh in 962 pi sungphraecapthumsuriywngsphusrangemuxngnkhrthmni phngsawdarchatiithy khxngphrabriharethphthani echlim ph s 2508 klawwa phraecapthumsuriywngs khux phraecasuriywrmnthi 2 epnphramhakstriyaehngxanackrphrankhr khrxngrachyrahwangpi ph s 1652 95 hlkthaneruxngphraaesngkhrrkhchysriin khaihkarchawkrungeka aeyngwa phraecapthumsuriywngs khux phraecachywrmnthi 2 chywrmethwa khrxngrachyrahwangpi ph s 1345 93 makkwa swnphraecasuriywrmnthi 2 subwngscakphraecapthumsuriywngsxikthihnung phraecapthumsuriywngsepnkstriykhxm aetphrarachmardakhxngphraxngkhepnekhmr aelayngthrngmiwthnthrrmithyaebbiselnthrxyangxanackrtamphrlingkhcakkarsngiphrphlipchwyphraecasuriywrmnthi 2 srangemuxngnkhrthm aelaidpradisthanphraaekwmrktaelaphraphuththsasnaiwthiemuxngphrankhrihepnpukaephntam tananphraaekwmrkt sxdkhlxngkb tanantnkaenidkrungsrixyuthya in cdhmayehtu la luaebr rachxanackrsyam rachthutkhxngphraecahluysthi 14 aehngkrungfrngesssungekhamaecriysmphnthimtrikbkrungsrixyuthyaemux ph s 2230 rchkalsmedcphranaraynmharach klawwakstriyphraxngkhaerkkhxngchawsyammichuxwa phrapthumsuriywngs sungpkkhrxngnkhrichyburimhankhrepnphraxngkhaerkaet simng edx la luaebr imruaenchdwankhrichyburitngxyuthiid pthmbrmkstriykhxngchawsyamnnthrngphranamwa phrapthmsuriyethphnrithysuwrrnbphitr Pra Poathonne Sourittep pennaratui sonanne bopitra phrapthumsuriywngs phramhankhraehngaerkthiesdckhunethlingthwlyrachsmbtinn chuxwa ichyburimhankhr Tchai pappe Mahanacon sungkhaphecaimaecngwatngxyuthiihn emuxesdckhunethlingrachynnphraphuththsasnyukallwngaelw 1 300 phrrsa nbtamskrachsyam aelamiphramhakstriysubsnttiwngstxmaxik 10 chwkstriy xngssudthaythrngphranamwa phyasunthrethsmharachethph Ipoia Sanne Thora Thesma Teperat yosthrethsmhaethphrach yayphrankhrhlwngmasrangrachthaniihmthiemuxngthatunkhrhlwng Tasoo Nacora Louang yos thr nkhrhlwng xangxingechingxrrthLiccardo S 2024 Old names New Peoples Listing Ethnonyms in Late Antiquity Leiden The Netherlands Koninklijke Brill nv p 126 ISBN 978 90 04 68589 5 ISSN 1878 4879 LCCN 2023 37557 cited in Ptol Heog 6 13 3 an ethnonym recorded by Ptolemy as Komedes Kwmhdai This name defines also the highlands inhabited by the ethnic group as recorded by Ammianus Marcellinus mons Comedos buychy iceyn 2556 khidaebbxacaryhmxm m r w khukvththi praomchhlakmiti hlaymummxngthimakdwyprasbkarn krungethph prachy hna 134 ISBN 978 616 3 44140 9 sucitt wngseths phcnanukrmchbbmtichn silpwthnthrrm 20 1 phvscikayn 2541 17 khukvththi praomch m r w 2533 thkekhmr krungethph syamrth ISBN 978 974 8 57372 4 Kulke Hermann 2004 A history of India Rothermund Dietmar 1933 4th ed New York Routledge ISBN 0 203 39126 8 OCLC 57054139 krmsilpakr 2526 xkkhranukrmprawtisastrithy elm 3 krungethph krmsilpakr hna 29 prachumphngsawdar elm 34 prachumphngsawdar phakhthi 61 tx 62 phngsawdaremuxngenginyang tx echiyngaesn wadwyeruxngthutfrngsmykrungrtnoksinthr krungethph xngkhkarkhakhxngkhuruspha 2512 hna 23 24 phrathrrmwngsewthi xa thm mtht ot 2510 phngsawdarithylwa emuxngswng emuxngaephn emuxngaemn emuxngthxng suwrrnphumi rachphli rachburi tamkebuxngcanithy chbbrang xnidcak rachburi ephchrburi kaycnburi nkhrsrithrrmrach phimay tamkebuxngcanithy chbbrang phimphepnxnusrnbrrnakarinkarphrarachthanephlingsph m r w sxn supradisth rxngeswkexk caochnechidprathipin nangchubsri supradisth n xyuthya cdphimph n emruchapnsthankxngthphbk wdosmnswihar wnthi 4 eduxnminakhm ph s 2510 phrankhr phphith aephnkkarphimph phrarachkwi xa thm mthtot p th 6 2535 phuththsasnsuwnphumipkrn rachburiwtthuktha tananemuxngkhunithy phimphkhrngthi 6 krungethph mhawithyalythrrmsastr hna 424 Asiatic Society of Bengal Royal Asiatic Society of Bengal Kolkata India 1986 Journal of the Asiatic Society p 55 Rham Gywom or Gywam or Gywan Klom These would appear to be variants of the same word sucitt wngseths 2529 khnithyxyuthini krungethph silpwthnthrrm hna 70 ISBN 978 974 8 35060 8 citr phumiskdi 2525 xangthung lus aelaxthibaywa kh ywm epnkhaphmahmaythung khxm Archaeological Survey of Burma ed 1897 Inscriptions copied from the stones collected by King Bodawpaya and placed near the Arakan Pagoda Mandalay Vol II Rangoon SGP 1897 p 627 winy phunaphl 2552 wthnthrrmphsminsilpkrrmsyam nkhrpthm khnaxksrsastr mhawithyalysilpakr hna 458 ISBN 978 974 6 41261 2 The Text Publication Fund of the Burma Research Society 1923 The Glass Palace Chronicle of the Kings of Burma Translated by Pe Maung Tin and G H Luce LONDON Oxford University Press thnit xyuophthi krmsilpakr 2503 eruxngemuxngitrtrungs xuthxng aelaxoythya aelaemuxngxuthxng thiralukinkarchapnkicsph nangrtna manitykul n emruwdthatuthxng xaephxphraokhnng phrankhr wnthi 18 emsayn 2503 phrankhr rungeruxngthrrm hna 49 50 Cœdes G 1925 Documents sur l histoire politique et religieuse du Laos occidental Bulletin de l Ecole francaise d Extreme Orient 25 1925 p 24 footnote 1 doi 10 3406 befeo 1925 3044 Le Hmannan Yazawin trad Maung Tin et Luce pp 99 et 106 place les Gywam au Sud Est des Birmans et dit que leur contree est aussi appelee Arawsa ou Ayoja c est a dire Ayudhya le Siam Le meme texte p 92 mentionne l invasion des Gywam au Pegou sans donner de date thnochti ekiyrtinphthr xoythya kxn ph s 1893 khwamthrngcacakexksaraelatanan kdhmay 4 chbb aelapithisrangphraecaaephnngeching silpwthnthrrm 44 10 singhakhm 2566 20 xangin kthmaytrasamdwng elm 3 hna 173 suthsn siriswy 2509 phrarachkrniykickhxngphxkhunramkhaaehnginkarkxtngsthabnkarpkkhrxngkhxngchatiithy withyaniphnthrthprasasnsastrmhabnthit sthabnbnthitphthnbriharsastr krungethph NIDA Wisdom Repository http repository nida ac th handle 662723737 1168 141 hna santi phkdikha 2554 khxmsbadokhlylaphng ekhmrrbsuokhthy ekhmrrbithy krungethph mtichn 339 hna hna 43 ISBN 978 974 0 20810 5 khris ebekhxr aelaphasuk phngsiphcitr 2553 prawtisastrxyuthya hastwrrssuolkihm krungethph mtichn hna 53 kaphl capaphnth aelaomomthaor 2566 Downtown Ayutthaya tangchatichangphasa aelaolkaphiwtnaerkinsyam xusakheny krungethph mtichn hna 7 eyiymyng s surkicbrrhar 2523 phrahlkemuxngsngkhla silpakr 24 2 phvsphakhm 2523 86 darngrachanuphaph smedc krmphraya 2534 chumnumphraniphnthsmedckrmphrayadarngrachanuphaph krungethph brrnkic hna 79 turaepng frngsws xngri 2539 prawtisastraehngphrarachxanackrsyam Histoire du Royaume de Siam tome premier aeplody naypxl saewiyr phimphkhrngthi 2 krungethph kxngwrrnkrrmaelaprawtisastr krmsilpakr hna 3 ISBN 974 419 094 9 manit wlliophdm 2521 suwrrnphumixyuthiihn krungethph karewk hna 108 lacul hwbecriy 2550 ekrdphngsawdarkrungsuokhthy krungethph dwngkml hna 5 ISBN 978 974 8 28235 0 thnxm xanamwthna 2527 prawtisastrexechiyitxditthungpccubn krungethph banglaphukarphimph hna 23 24 krmsilpakr khnakrrmkarxanwykarcdnganchlxngsirirachsmbtikhrb 50 pi 2542 prachumphngsawdarchbbkaycnaphiesk elm 5 krungethph krmsilpakr hna 211 hxsmudaehngchati 2507 prachumphngsawdarchbbhxsmudaehngchati elm 6 krungethph kawhna hna 263 prachumphngsawdar elm 14 prachumphngsawdar phakhthi 22 25 krungethph xngkhkarkhakhxngkhuruspha 2507 bunmi ethbsiemuxng 2566 khwamepnmakhxngchnchatilaw elm 1 kartngthinthanaelasthapnaxanackr aeplody iphth phutha krungethph bukh ithm ISBN 978 616 1 40496 3 darngrachanuphaph smedc krmphraya 2480 prachumphngsawdar phakhthi 67 elaeruxngipchawa khrngthi 3 phraecabrmwngsethx phraxngkhecaxdisysuriyaphaoprdihtiphimphinnganchlxngphrachnsakhrb 4 rxbpi aelainnganchlxngxayuecacxmmardaxxn rchkalthi 5 khrb 70 pi emuxwnthi 15 kumphaphnth ph s 2480 phrankhr phracnthr prakxb phlngam 2538 saranukrmklumchatiphnthekhmrthinithy Encyclopedia of ethnic groups in Thailand Khmer nkhrpthm sthabnwicyphasaaelawthnthrrmephuxphthnachnbth mhawithyalymhidl hna 14 pramwywichaphul wngs buy hlng phraya 2484 phngsawdaremuxnglanchang aelaladbskulsiththisarbutr phimphkhrngthi 2 nangnnthpyya sngwn mkrannth phimphaeckinnganchapnkicsphkhunhyingchlpthanthnarks phxn ohtrphwannth 25 kumphaphnth 2484 nemurwditrmittwithyaram phrankhr orngphimphsasnsuksa hna 4 irth imekhil 2551 frnghaykhlng hruxyng krungethph mtichn hna 210 212 ISBN 978 974 0 20131 1 xangin Briggs L P 1951 The Ancient Khmer Empire Transactions of The American Philosophical Society 41 February 1951 Part 1 ISBN 978 125 8 10377 4 krmsilpakr kxngobrankhdi 2531 xditxisan krungethph krmsilpakr hna 39 ISBN 978 974 7 93632 2 krmsilpakr 2526 xkkhranukrmprawtisastrithyxksr ch ch s krungethph krmsilpakr hna 142 ISBN 978 974 4 17258 7 santi phkdikha 2554 ekhmrrbithy krungethph mtichn 339 hna hna 116 ISBN 978 974 0 20810 5 krathrwngmhadithy 2509 phraaesngrachsstra phimphepnxnusrninnganphrarachthanephlingsph phlexk mngkr phrhmoythi m p ch m w m th c w n emruhnaphlbphlaxisriyaphrn wdethphsirinthrawas 29 mithunayn 2509 krungethph orngphimphswnthxngthin krmkarpkkhrxng 172 hna hna 18 santi phkdikha 2557 yuththmrrkha esnthangedinthphithyekhmr krungethph mtichn hna 69 ISBN 978 974 0 21342 0 phrarachphngsawdarkrungeka chbbhlwngpraesid ecaphaphphimphaeckinnganphrarachthanephlingsph phnexk phrxm mitrphkdi phrayanrinthrrachesni phrankhr bristhkarphimphithy hna 21 darngrachanuphaph smedc krmphraya 2503 tananphraphuththecdiy elm 2 phraniphnthsmedcphraecabrmwngsethx krmphrayadarngrachanuphaph phrankhr xngkhkarkhakhxngkhuruspha hna 126 darngrachanuphaph smedc krmphraya 2503 tananphraphuththecdiy elm 2 phraniphnthsmedcphraecabrmwngsethx krmphrayadarngrachanuphaph phrankhr xngkhkarkhakhxngkhuruspha hna 125 dusit thummakrn sanksilpakrthi 8 khxnaekn 2565 rachwngsmhithrpura khxsnnisthanihm khxnaekn dusit thummakrn chaexm aekwkhlay carukprasathekhaphrawihar 4 5 knyayn tulakhm 2550 29 33 43 49 ISSN 0125 0531 santi phkdikha 2563 nkhrwdthsnasyam eBook krungethph mtichn hna 34 35 ISBN 978 974 0 21712 1 santi phkdikha 2554 ekhmrrbithy krungethph mtichn hna 92 ISBN 978 974 0 20810 5 briharethphthani echlim phra 2508 phngsawdarchatiithy khwamepnmakhxngchatitngaetyukhdukdabrrph rwbrwmody phrabriharethphthani phuwarachkarcnghwdpthumthani lphburi trad aelakhahlwngpracacnghwdnnthburi pracwbkhirikhnth rwm 2 elmcbbriburn phrankhr sankngan s thrrmphkdi hna 133 kaphl capaphnth ekhruxngthxngxyuthya ecasamphraya aelaolkaphiwthnaerkinsyam xusakheny silpwthnthrrm 44 6 emsayn 2566 83 echingxrrkh 16 xangin khaihkarchawkrungeka nnthburi mhawithyalysuokhthythrrmathirach 2546 hna 6 7 smbti phlaynxy 2515 ekrdobrankhdipraephniithy elm 2 krungethph obransasn hna 14 chwingam maecriy 2528 phraaekwmrkt krungethph krmsilpakr hna 30 ISBN 978 974 7 92530 2 thrrmthas phanich 2533 niphphanthrrminprawtisastrsuwrrnphumi krungethph xrunwithya hna 40 marxakheny 2566 phuthmxkkhwn elm 1 krungethph phbsnt rukkhrngsvst hna 159 echingxrrththayhna ISBN 9786165989268 thrrmthas phanich 2541 prawtisastrichya nkhrsrithrrmrach krungethph thrrmthanmulnithi hna 76 thrrmthas phanich 2533 niphphanthrrminprawtisastrsuwrrnphumi krungethph xrunwithya hna 40 phraecapthumsuriywngsepkstriykhxm mardaepnekhmr eswyrachypraman ph s 1432 1443 phraxngkhsamarthpradisthanphraphuththsasnalngiw epnpukaephninemuxngphrankhr thrrmthas phanich mulnithithrrmthan 2542 phrapthumsuriywngsxngkhthiidphraaekwmrktipiwthanepnkhxmmiwthnthrrmithyaebbiselnthr wthnthrrmphuththsasnakhxngchawithyintananphraaekwmrkt krungethph xrunwithya hna 155 ISBN 978 974 8 66851 2