สมเด็จพระองค์ชัย (เขมร: ព្រះបាទអង្គជ័យ) หรือที่รู้จักในพระนาม พระบาทตระซ็อกประแอม ( พระเจ้าแตงหวาน ) (เขมร: ត្រសក់ផ្អែម) หรือพระบาทสมเด็จพระศรีสุริโยพันธุ์ที่ 1 (ព្រះបាទស្រីសុរិយោពណ៌ទី១) โดยทั่วไปถือว่าเป็นกษัตริย์ในตำนานของอาณาจักรพระนครซึ่งสันนิษฐานว่าสวรรคตประมาณ พ.ศ. 1883
พระบาทกมรเตง อัญศรีสุริโยพันธุ์ | |||||
---|---|---|---|---|---|
พระบาทองค์ชัย | |||||
พระรูปฉลองพระองค์สมเด็จพระองค์ชัย (พระบาทศรีสุริโยพันธุ์ที่ 1 ) ทรง อันเป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์ | |||||
กษัตริย์ในตำนาน อาณาจักรพระนคร | |||||
ครองราชย์ | • ค.ศ.1290 - 1336 () • ค.ศ.1336 - 1340 (ศรียโศธรปุระ) | ||||
ก่อนหน้า | พระเจ้าราชนคริน (ราชวงศ์วรมัน สายราชสกุลมหิธรปุระ) (โดยสันนิษฐาน) | ||||
ถัดไป | พระบรมนิพพานบท (ราชสกุลตระซ็อกประแอม) (โดยสันนิษฐาน) | ||||
ประสูติ | ค.ศ. 1221 | ||||
สวรรคต | ค.ศ. 1341 | ||||
คู่อภิเษก | พระนางจันทรวรเทวี(เขมร: ព្រះនាងច័ន្ទតារាវត្តី) (พระราชธิดาในพระเจ้าราชนคริน.) | ||||
พระราชบุตร | พระบรมนิพพานบท พระสิทธานราชา(หรือพระศิริรัตน์เขมร: ព្រះសិរីរតន៍) (โดยสันนิษฐาน) | ||||
| |||||
ราชวงศ์ | ราชวงศ์ตรอซ็อกผแอม เขมร :រាជវង្ស ព្រះបាទអង្គជ័យ (ราชวงศ์พระองค์ชัย ) | ||||
พระราชบิดา | (เขมร: ព្រះបទុមរាជា) | ||||
พระราชมารดา | (เขมร: ព្រះនាងសុភវត្តី) | ||||
ศาสนา | พระพุทธศาสนาเถรวาท[] |
พระราชประวัติของพระองค์นั้นยังคงเป็นที่ถกเถียงและยังหาข้อสรุปไม่ได้ในหมู่นักวิชาการกัมพูชาและนักวิชาการไทย (โดยเฉพาะแนวคิดว่าด้วยกัมพูชาในช่วงการปฏิวัติขอม)
พระเจ้าแตงหวานในประวัติศาสตร์กัมพูชา
ในปัจจุบันนักวิชาการทางด้านประวัติศาสตร์ของกัมพูชา ยังไม่สามารถระบุตัวตนของพระองค์ทางประวัติศาสตร์ได้ว่าพระองค์ทรงมีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ เพราะที่มาของพระองค์ไม่มีความชัดเจนซึ่งเมื่อเทียบกับพงศาวดารตำนานเจ้าฟ้างุ้มของลาวซึ่งมีพระชนม์ชีพอยู่ในช่วงเวลาเดียวกันก็ไม่พบพระนามของพระองค์ หรือหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เชื่อมโยงถึงพระองค์ ดังนั้นนักวิชาการกัมพูชาจึงให้สมมุติฐานว่าเรื่องราวของพระองค์อาจเป็นเพียงนิทานที่เล่าสืบต่อกันมาและมีการผูกเรื่องราวกับพระแสงหอกลำแพงชัย เครื่องราชกกุธภัณฑ์กษัตริย์ทำให้การมีตัวตนของพระองค์ยิ่งมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
เรื่องราวตำนานของพระเจ้าแตงหวานนี้มีลักษณะแบบเดียวพระเจ้าญองอู้ ซอยะฮ่านแห่งราชวงศ์พุกามซึ่งเป็นตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาหลายชนชาติในภูมิภาคนี้
ในปี พ.ศ. 2448 พระเจ้าแตงหวานหรือพระเจ้าตระซ็อกประแอมเริ่มได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในกัมพูชาว่าเป็นบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์โดยมีการเชิดชูพระเกียรติยศโดยกษัตริย์กัมพูชาหลายพระองค์ทั้งในราชสกุลนโรดมและราชสกุลสีสุวัตถิ์ โดยในปีพ.ศ. 2508 พระองค์ยังคงเป็นบุคคลทั่วไปในการอภิปรายทางประวัติศาสตร์การเมืองและมีความชัดเจนในตัวตนของพระองค์มากขึ้น
แต่ต่อมาในปีพ.ศ. 2538 พระเจ้าแตงหวานได้กลายเป็นบุคคลเพียงในตำนานมากกว่าจะบุคคลเป็นบุคคลที่มีตัวตนในประวัติศาสตร์เพราะการหาหลักฐานมาพิสูจน์ความมีตัวตนของพระองค์นั้นแทบไม่มีหลักฐานใดๆที่เชื่อมโยงถึงพระองค์นอกจากพระราชพงษาวดารกรุงกัมพูชาฉบับนักองค์เองซึ่งยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ
วง โสเธียรา ( Vong Sotheara ) ศาสตราจารย์ด้านจารึกเขมรและประวัติศาสตร์กัมพูชา-เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการมีตัวตนของพระเจ้าตรอซ็อกผแอมโดยศึกษารวบรวมจากจารึกและเอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่พบความเชื่อมโยงใดๆเกี่ยวกับพระองค์และระยะช่วงเวลาการมีพระชนม์ชีพนั้นอยู่ระหว่าง ค.ศ.1221 - ค.ศ.1340 นั้นไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงและมีความเป็นไปได้ที่ พระเจ้าตรอซ็อกผแอม (ตาชัย) และพระบาทศรีสุริโยพันธุ์ที่ 1 (พระบาทองค์ชัย) อาจไม่ใช่บุคคลคนเดียวกัน
พระราชประวัติของพระบาทองค์ชัยนั้นระบุว่าทรงเป็นพระราชบุตรเขยของพระเจ้าชัยวรมันปรเมศวร ( พระเจ้าชัยวรมันที่ 9 ) และทรงอภิเษกสมรสกับพระนางจันทรวรเทวีพระราชธิดาของพระเจ้าชัยวรมันที่ 9ในปี ค.ศ. 1290 ซึ่งเกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์การสวรรคตของพระเจ้าชัยวรมันที่ 9 ถึง 45 ปี โดยจารึกระบุปีที่พระเจ้าแตงหวานขึ้นครองราชสมบัติหลังการสวรรคตของพระสัสสุระคือปี ค.ศ. 1336 แต่ตำนานพระเจ้าแตงหวานระบุว่าทรงปลงพระชนม์พระเจ้าชัยวรมันที่ 9 ในปี 1336 และอภิเษกกับพระนางจันทรวรเทวีและสถาปนาขึ้นเป็นพระมเหสี ซึ่งในรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 9 พระองค์ทรงหันมานับถือศาสนาฮินดูและพยายามโน้มน้าวพระทัยพระราชบิดาให้หันกลับมานับถือฮินดู โดยบ้านเมืองในขณะนั้นมีการยึดถือระบบชนชั้นวรรณะอย่างเข้มข้นการที่พระองค์จะให้พระราชธิดาซึ่งมีวรรณะกษัตริย์อภิเษกสมรสกับตาชัยผู้เฝ้าสวนแตงและมีวรรณะศูทรนั้นย่อมเป็นไปได้ยาก หากเป็นเช่นนั้นจริงพระบรมนิพพานบทพระราชโอรสจะขึ้นครองราชสมบัติขณะมีพระชนมายุเพียง 4 ชันษาแต่พงศาวดารระบุว่าพระองค์ครองราชสมบัติต่อจากพระราชบิดาเมื่อพระชนมายุ 49 พรรษา และสวรรคตขณะมีพระชนมายุได้ 54 พรรษา
อย่างไรก็ตามเรื่องราวของพระบาทศรีสุริโยพันธุ์ที่ 1 นั้นมีความสอดคล้องกับพระราชพงศาวดารกรุงกัมพูชา พงศาวดารจามปาและศึกสงครามระหว่างเมืองพระนครกับอาณาจักรจามปา รวมถึงรอยต่อทางประวัติศาสตร์ของสงครามที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงมีชัยชนะเหนืออาณาจักรจามปา และมีการกวาดต้อนเชื้อพระวงศ์จามปามาไว้ในเมืองพระนครหลวงและเกณฑ์เป็นแรงงานสร้างเมืองนครธม ดังนั้นนักวิชาการจึงยังไม่ตัดประเด็นความเป็นไปได้ที่พระบาทศรีสุริโยพันธุ์ที่ 1 ( พระองค์ชัย ) พระราชบิดาพระบรมนิพพานบท และพระสิทธานราชาจะมีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาตร์ซึ่งอาจมีความเป็นไปได้ที่พระองค์อาจจะไม่ใช่บุคคลคนเดียวกันกับตาชัยผู้เฝ้าสวนแตงหรือพระเจ้าแตงหวาน
พระราชประวัติ
สมเด็จพระองค์ชัย (เขมร: ព្រះបាទអង្គជ័យ อักษรโรมัน: Trasak Peam ) หรือพระเจ้าตระซ็อกประแอม หรือพระบาทศรีสุริโยพันธุ์ที่ 1 พระเจ้าแตงหวานทรงสถาปนาพระองค์ขึ้นปกครองเมืองทางตอนใต้ (ใกล้เมืองจตุมุข,พนมเปญ) โดยการรวมตัวของทาสที่เป็นกลุ่มพวกเดียวกันในพระราชอาณาจักรชัยวรมันที่หลบหนีออกจากพระนครหลวงและกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆที่เป็นชนชั้นที่ถูกปกครองทางตอนใต้ โดยช่วงเวลานั้นอำนาจในพระนครหลวงได้เริ่มเสื่อมอำนาจลงอย่างมาก เมืองภายใต้การปกครองพยายามแยกตัวออกเป็นรัฐอิสระ ซึ่งต่อมาเมืองนี้ได้กลายเป็นฐานอำนาจสำคัญของราชสกุลตระซ็อกประแอม เมื่อพระบรมราชาหรือเจ้าพญาญาติทรงย้ายราชธานีจากพระนครหลวงมายังเมืองนี้ซึ่งเป็นฐานอำนาจเก่ามาตั้งแต่รัชสมัยพระเจ้าแตงหวาน พระเจ้าแตงหวานทรงขึ้นปกครองเมืองนี้เมื่อพระชนมายุ 70 ปี ในปี ค.ศ. 1290 และทรงอภิเษกกับพระนางจันทรวรเทวีพระราชธิดาของพระเจ้าชัยวรมันที่ 9 ในปีนี้ด้วยต่อมาทรงได้ครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์แห่งพระนครหลวง ในปี ค.ศ. 1336-1340 พระเจ้าแตงหวานทรงเป็นผู้สร้างพระแสงหอกลำแพงชัย อันเป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์ที่สำคัญมากที่สุดของอาณาจักรกัมพูชาคู่กับ พระขรรค์ราช ทรงเฉลิมพระนามหลังจากเสวยราชสมบัติว่า พระบาทกมรเตง อัญศรีสุริโยพันธุ์ บรมมหาบพิตรธรรมิกมหาราชาธิราช (เขมร: ព្រះបាទសម្ដេចមហាបពិត្រ ធម្មិករាជាធិរាជ ជាអង្គម្ចាស់ផែនដីក្រុងកម្ពុជាធិបតី ) อยู่ในราชสมบัติ 5 ปี
พระราชพงศาวดารกรุงกัมพูชา
ในพระราชพงศาวดารกรุงกัมพูชาซึ่งพระราชนิพพนธ์โดยสมเด็จนักองค์เองพระเจ้าแผ่นดินแห่งพระราชอาณาจักรเขมรในขณะนั้น (ปัจจุบันคือ เมืองอุดงฦาไชย จังหวัดกำปงสปือ) กล่าวว่า สมเด็จพระองค์ชัย หรือ พระเจ้าแตงหวานนี้ เป็นปฐมกษัตริย์ต้นราชวงศ์ของราชสกุลนโรดม และทรงเป็นผู้สร้าง อันเป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์ที่สำคัญมากที่สุดของอาณาจักรกัมพูชาคู่กับ พระขรรค์ราช พระเจ้าแตงหวานมีชื่อเดิมว่าองค์ชัย พระราชบิดาเป็นเจ้าชายเชื้อพระวงศ์แห่งอาณาจักรจามปา เมื่อครั้งพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรพระนครหลวงยกทัพหลวงจากละโว้ (ลพบุรี) เข้าโจมตีเมืองพระนครหลวงได้คืนจากพระมหากษัตริย์แห่งอาณาจักรจามปาที่ปกครองพระนครหลวงแล้วยกทัพหลวงบุกต่อไปถึงอาณาจักรจามปา จนมีชัยชนะสามารถผนวกดินแดนจามปาเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิได้สำเร็จ เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะเหนือจามปา พระองค์ได้กวาดต้อนเชื้อพระวงศ์จามปา รวมถึงไพร่ทาสชาวจามปาเข้าเป็นเชลยเกณฑ์เป็นแรงงานสร้างปราสาทหิน เจ้าชายปทุมะแห่งจามปาผู้เป็นพระราชบิดา ได้ถูกกวาดต้อนมาในครั้งนี้ด้วย ด้วยเป็นเชื้อพระวงศ์ที่สวามิภักดิ์จึงได้รับการดูแลเยี่ยงเชลยศักดิ์ ต่อมาพระองค์ได้ทูลขอเสด็จออกบวชเป็นพราหมณ์ขึ้นไปบำเพ็ญตบะอยู่บนเขาพนมกุเลน ส่วนพระนางโสภาวดีพระชายาทรงพระครรภ์ปลอมปนพระองค์อยู่กับเชลย เมื่อพระนางคลอดบุตรชายตั้งชื่อว่าองค์ชัย เป็นเด็กฉลาดและมีบุญญาธิการมากพออายุได้ 7 ปี มารดาให้ออกตามหาบิดาที่ออกบวชอยู่บนเขา บิดาได้มอบเมล็ดแตงให้ 3 เมล็ดและเหล็กอีกก้อนหนึ่งเชื่อว่าเป็นของวิเศษ องค์ชัยได้นำเมล็ดแตงมาปลูก ต่อมาเด็กเลี้ยงวัวมาเก็บกินพบว่ารสชาติดีมีรสหวานฉ่ำ องค์ชัยจึงหวงแตงนั้นมากวันหนึ่งมีวัวจะมากินแตงที่ปลูกไว้องค์ชัยได้นำเหล็กที่บิดามอบให้ขว้างใส่วัวจนทะลุตัววัวเสียชีวิต เรื่องราวของผลแตงหวานนั้นดังไปถึงหูพระราชาพระเจ้าชัยวรมันที่ 9 พระองค์จึงโปรดที่จะเสวยแตงนั้น เมื่อเสวยแล้วทรงโปรดปรานยิ่งนักจึงทรงแต่งตั้งเป็นหัวหน้าสวนหลวง และโปรดให้นำเหล็กที่ขว้างวัวจนตายไปตีเป็นหอก ไว้ป้องกันโจรขโมยมาลักขโมยแตง พระเจ้าชัยวรมันที่ 9 ทรงพระราชทานนั้นให้เป็นอาญาสิทธิ์ อยู่มาวันหนึ่งพระเจ้าชัยวรมันที่ 9 ปรารถนาเสวยแตงขึ้นมากลางดึก จึงเสด็จลงไปในสวนจะไปเก็บแตงมาเสวย ซึ่งนายแตงหวานนึกว่าเป็นโจรมาลักแตง จึงขว้างอันเป็นอาญาสิทธิ์โดนพระเจ้าชัยวรมันที่ 9 ถึงแก่สวรรคต บรรดานาหมื่นสรรพมุขมนตรีทั้งหลายจึงพร้อมใจกันถวายราชสมบัติให้ขึ้นสืบราชบัลลังก์เป็นพระเจ้าแผ่นดินแห่งกรุงพระนครหลวง ต่อมาโดยเฉลิมพระนามหลังจากเสวยราชสมบัติว่า พระบาทกมรเตง อัญศรีสุริโยพันธุ์ บรมมหาบพิตรธรรมิกมหาราชาธิราช (เขมร: ព្រះបាទសម្ដេចមហាបពិត្រ ធម្មិករាជាធិរាជ ជាអង្គម្ចាស់ផែនដីក្រុងកម្ពុជាធិបតី ) และทรงรับพระนางจันทรวรเทวี(เขมร: ព្រះនាងច័ន្ទតារាវត្តី) อันพระราชธิดาในพระเจ้าชัยวรมันที่ 9 เป็นสมเด็จพระอัครมเหสี เรื่องราวตำนานของพระเจ้าแตงหวานนี้มีลักษณะแบบเดียวพระเจ้าญองอู้ ซอยะฮ่านแห่งราชวงศ์พุกาม นักวิชาการกัมพูชาเชื่อว่าการเสด็จขึ้นครองราชย์ของพระเจ้าตระซ็อกประแอมไม่ใช่เหตุบังเอิญแต่มีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนและมีการเตรียมการไว้โดยพระปทุมราชาพระราชบิดาและเชลยทาสชาวจามปาที่ต้องการยึดอำนาจเพื่อปลดแอกจากพวกชนชั้นปกครอง เพราะหลังจากการเสด็จขึ้นครองราชย์พระเจ้าตระซ็อกปะแอมได้ทำการกวาดล้างกลุ่มอำนาจเก่าจนเกือบสิ้น
การก่อจลาจลในพระนครหลวง
ในปี ค.ศ. 1335 - 1336 ตรงกับรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันปรเมศวร แห่งพระนครหลวงได้เกิดการลุกฮือของชนชั้นทาสในเมืองพระนครหลวงเนื่องจากการถูกบังคับกดขี่ใช้แรงงานหนักจากชนชั้นปกครองในรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันปรเมศวร(เอกสารเขมรระบุว่าทรงปกครองโดยไม่ชอบธรรม ทำให้บ้านเมืองเกิดกลียุค) จนเกิดเหตุการณ์การปฏิวัติขอม จากบันทึกของโจว ต้ากวาน ทูตชาวจีนที่เข้ามาในเมืองพระนครหลวงในรัชสมัยพระเจ้าอินทรวรมันที่ 3 ได้บันทึกว่า ในเมืองมีทาสมากกว่านายทาส ซึ่งอาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมทาสถึงกล้าลุกฮือขึ้นก่อจลาจลเพื่อปลดแอกจากชนชั้นปกครอง จากนั้นทาสได้ร่วมกันสังหารนายทาสจนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก ต่อมาในปี ค.ศ.1336 ได้ปรากฏพระนามกษัตริย์พระองค์ใหม่พระนามพระบาทศรีสุริโยพันธุ์ หรือพระเจ้าแตงหวาน ซึ่งกษัตริย์พระองค์ใหม่ทรงนับถือพระพุทธศาสนาและยกเลิกประเพณีการสร้างปราสาทหินเพื่อถวายแด่เทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์ฮินดู พระเจ้าแตงหวานเกิดและโตในอาณาจักรขะแมร์ในฐานะชนชั้นกสิกรซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่บรรดาทาสชาวจามเลือกที่จะยกพระเจ้าแตงหวานขึ้นเป็นกษัตริย์เพราะทรงสืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์จาม พงศาวดารกล่าวว่าพระเจ้าแตงหวานทรงซัดพระแสงหอกลำแพงชัยถูกพระเจ้าชัยวรมันปรเมศวรถึงแก่สวรรคตในปี ค.ศ. 1336 บรรดาขุนนางจึงยกพระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่ซึ่งพระองค์ไม่ใช่คนในราชวงศ์หรือเกี่ยวข้องกันกับกษัตริย์ในราชสกุลมหิธรปุระ และเป็นเรื่องยากที่บรรดาขุนนางที่ภักดีกับกษัตริย์องค์ก่อนจะยกคนที่สังหารกษัตริย์ขึ้นเป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่เว้นแต่มีการก่อกบฏยึดพระราชอำนาจขุนนางจึงจำยอมต้องสวามิภักดิ์
เสด็จสวรรคต
พระเจ้าแตงหวาน ทรงประชวรด้วยทรงพระชราภาพสวรรคต ในปี ค.ศ. 1341 พระชนม์มายุ 120 ปี หลังจากสวรรคตกองทัพอยุธยาได้ยกทัพเข้าโจมตีพระนครหลวงในรัชสมัยพระราชโอรสของพระองค์คือพระบรมนิพพานบทแต่ยังไม่สามารถตีชิงเอาเมืองได้พระบรมนิพพานบททรงประชวรสวรรคตครองราชสมบัติได้ 5 ปีพระสิทธานราชาอนุชาจึงขึ้นสืบราชบัลลังกเพื่อรักษาราชสมบัติ ทัพอยุธยาจึงยกทัพกลับไปในรัชสมัยพระสิทธานราชา หลังจากพระเจ้าแตงหวานสวรรคตได้ 12 ปี กรุงศรีอยุธยาได้ยกทัพเข้าโจมตีพระนครหลวงอีกครั้ง กรุงแตกในรัชสมัยพระบรมลำพงษ์ราชา
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- "Cambodia's King Trasak Paem 'is just a fictional monarch' - Khmer Times". Khmer Times. 26 December 2022. สืบค้นเมื่อ 3 February 2023.
- Phoeun, Mak (1995). Histoire du Cambodge: de la fin du XVIe siècle au début du XVIIIe (ภาษาฝรั่งเศส). Presses de l'Ecole française d'Extrême-Orient. p. 30. ISBN .
- Harris, Ian (2008-03-11). Cambodian Buddhism: History and Practice. University of Hawaii Press. p. 109. .
- Phoeun, Mak (1995). Histoire du Cambodge: de la fin du XVIe siècle au début du XVIIIe (in French). Presses de l'Ecole française d'Extrême-Orient. p. 30. .
- Cambodia's King Trasak Paem 'is just a fictional monarch' - Khmer Times". Khmer Times. 26 December 2022
- Phoeun, Mak (1995). Histoire du Cambodge: de la fin du XVIe siècle au début du XVIIIe (in French). Presses de l'Ecole française d'Extrême-Orient. p. 30. .
- Georges Coedès: Un grand roi de Cambodge - Jayavarman VII., Phnom Penh 1935.
- Paul Mus: Angkor at the Time of Jayavarman VII., Bulletin de Société des Études Indochinoises (Paris), 27 (1952) 3: 261-273
- ប្រវត្តិសាស្ត្រខ្មែរភាគរឿងនិទាន ដោយលោកបណ្ឌិតសភាចារ្យ រស់ ចន្ទ្រាបុត្រ
- Renowned for its ability to grow tasty cucumbers," according to A. Dauphin-Meunier, History of Cambodia.
- ศานติ ภักดีคำ. เขมรรบไทย. กทม. มติชน. 2554. หน้า 272
- ↑ "Renowned for its ability to grow tasty cucumbers," according to A. Dauphin-Meunier, History of Cambodia.
- http://www.rfa.org/khmer/news/history/the-king-of-angkor-continued-06252014003352.html
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-09-06. สืบค้นเมื่อ 2019-09-06.
- Zhou Daguan (2007). A Record of Cambodia. Translated by Peter Harris. University of Washington Press. .
- พงศาวดารกัมพูชาที่แปลชำระและที่นิพนธ์เป็นภาษาไทย พ.ศ. 2339-2459 กับหน้าที่ที่มีต่อชนชั้นปกครองไทย,ธิบดี บัวคำศรี
- วัฒนธรรมขอมกับความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา, อุดม เชยกีวงศ์, สำนักพิมพ์ภูมิปัญญา,พศ. ๒๕๕๒, หน้า ๑๖๓
- สถาบันกษัตริย์เขมรโบราณจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 13 ,หอสมุดวังท่าพระ(PDF)
- เขมรรบไทย,ศานติ ภักดีคำ.มติชน .2554
- A Study report of Ankor Vat
- สุมาลี บำรุงสุข. นักองค์เอง ใน สารานุกรมประวัติศาสตร์สากลสมัยใหม่: เอเชีย เล่ม 1 อักษร A-B ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. กทม.ราชบัณฑิตยสถาน. 2539. หน้า 155 - 157
ก่อนหน้า | พระเจ้าแตงหวาน | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระเจ้าชัยวรมันที่ 9 (ราชวงศ์วรมันแห่งเมืองพระนครหลวง) | สมเด็จพระเจ้าศรียโศธราปุระแห่งพระนครหลวง (ค.ศ.1290 ถึง 1341) | พระบรมนิพพานบท (ราชวงศ์ตระซ็อกประแอม) |
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
smedcphraxngkhchy ekhmr ព រ ប ទអង គជ យ hruxthiruckinphranam phrabathtrasxkpraaexm phraecaaetnghwan ekhmr ត រសក ផ អ ម hruxphrabathsmedcphrasrisurioyphnthuthi 1 ព រ ប ទស រ ស រ យ ពណ ទ ១ odythwipthuxwaepnkstriyintanankhxngxanackrphrankhrsungsnnisthanwaswrrkhtpraman ph s 1883phrabathkmretng xysrisurioyphnthuphrabathxngkhchyphrarupchlxngphraxngkhsmedcphraxngkhchy phrabathsrisurioyphnthuthi 1 thrng xnepnekhruxngrachkkuthphnthkstriyintanan xanackrphrankhrkhrxngrachy kh s 1290 1336 kh s 1336 1340 sriyosthrpura kxnhnaphraecarachnkhrin rachwngswrmn sayrachskulmhithrpura odysnnisthan thdipphrabrmniphphanbth rachskultrasxkpraaexm odysnnisthan prasutikh s 1221swrrkhtkh s 1341khuxphieskphranangcnthrwrethwi ekhmr ព រ ន ង ច ន ទត រ វត ត phrarachthidainphraecarachnkhrin phrarachbutrphrabrmniphphanbth phrasiththanracha hruxphrasirirtnekhmr ព រ ស រ រតន odysnnisthan phranametmphrabathkmretng xysrisurioyphnthu brmmhabphitrthrrmikmharachathirach phraecakrungkmphuchathibdi ekhmr ព រ ប ទស រ ស រ យ ពណ សម ដ ច មហ បព ត រ ធម ម ក រ ជ ធ រ ជ ជ អង គម ច ស ផ នដ ក រ ង កម ព ជ ធ បត rachwngsrachwngstrxsxkphaexm ekhmr រ ជវង ស ព រ ប ទអង គជ យ rachwngsphraxngkhchy phrarachbida ekhmr ព រ បទ មរ ជ phrarachmarda ekhmr ព រ ន ងស ភវត ត sasnaphraphuththsasnaethrwath txngkarxangxing phrarachprawtikhxngphraxngkhnnyngkhngepnthithkethiyngaelaynghakhxsrupimidinhmunkwichakarkmphuchaaelankwichakarithy odyechphaaaenwkhidwadwykmphuchainchwngkarptiwtikhxm phraecaaetnghwaninprawtisastrkmphuchainpccubnnkwichakarthangdanprawtisastrkhxngkmphucha yngimsamarthrabutwtnkhxngphraxngkhthangprawtisastridwaphraxngkhthrngmitwtnxyucringhruxim ephraathimakhxngphraxngkhimmikhwamchdecnsungemuxethiybkbphngsawdartananecafangumkhxnglawsungmiphrachnmchiphxyuinchwngewlaediywknkimphbphranamkhxngphraxngkh hruxhlkthanthangprawtisastrthiechuxmoyngthungphraxngkh dngnnnkwichakarkmphuchacungihsmmutithanwaeruxngrawkhxngphraxngkhxacepnephiyngnithanthielasubtxknmaaelamikarphukeruxngrawkbphraaesnghxklaaephngchy ekhruxngrachkkuthphnthkstriythaihkarmitwtnkhxngphraxngkhyingmikhwamchdecnmakyingkhun eruxngrawtanankhxngphraecaaetnghwannimilksnaaebbediywphraecayxngxu sxyahanaehngrachwngsphukamsungepntananthielasubtxknmahlaychnchatiinphumiphakhni inpi ph s 2448 phraecaaetnghwanhruxphraecatrasxkpraaexmerimidrbkaryxmrbxyangkwangkhwanginkmphuchawaepnbukhkhlsakhythangprawtisastrodymikarechidchuphraekiyrtiysodykstriykmphuchahlayphraxngkhthnginrachskulnordmaelarachskulsisuwtthi odyinpiph s 2508 phraxngkhyngkhngepnbukhkhlthwipinkarxphipraythangprawtisastrkaremuxngaelamikhwamchdecnintwtnkhxngphraxngkhmakkhun aettxmainpiph s 2538 phraecaaetnghwanidklayepnbukhkhlephiyngintananmakkwacabukhkhlepnbukhkhlthimitwtninprawtisastrephraakarhahlkthanmaphisucnkhwammitwtnkhxngphraxngkhnnaethbimmihlkthanidthiechuxmoyngthungphraxngkhnxkcakphrarachphngsawdarkrungkmphuchachbbnkxngkhexngsungyngimminahnkephiyngphx wng osethiyra Vong Sotheara sastracarydancarukekhmraelaprawtisastrkmphucha exechiytawnxxkechiyngitidthakarsuksawicyekiywkbkarmitwtnkhxngphraecatrxsxkphaexmodysuksarwbrwmcakcarukaelaexksartangthiekiywkhxng aetimphbkhwamechuxmoyngidekiywkbphraxngkhaelarayachwngewlakarmiphrachnmchiphnnxyurahwang kh s 1221 kh s 1340 nnimsxdkhlxngkbkhwamepncringaelamikhwamepnipidthi phraecatrxsxkphaexm tachy aelaphrabathsrisurioyphnthuthi 1 phrabathxngkhchy xacimichbukhkhlkhnediywkn phrarachprawtikhxngphrabathxngkhchynnrabuwathrngepnphrarachbutrekhykhxngphraecachywrmnpremswr phraecachywrmnthi 9 aelathrngxphiesksmrskbphranangcnthrwrethwiphrarachthidakhxngphraecachywrmnthi 9inpi kh s 1290 sungekidkhunkxnehtukarnkarswrrkhtkhxngphraecachywrmnthi 9 thung 45 pi odycarukrabupithiphraecaaetnghwankhunkhrxngrachsmbtihlngkarswrrkhtkhxngphrasssurakhuxpi kh s 1336 aettananphraecaaetnghwanrabuwathrngplngphrachnmphraecachywrmnthi 9 inpi 1336 aelaxphieskkbphranangcnthrwrethwiaelasthapnakhunepnphramehsi sunginrchsmyphraecachywrmnthi 9 phraxngkhthrnghnmanbthuxsasnahinduaelaphyayamonmnawphrathyphrarachbidaihhnklbmanbthuxhindu odybanemuxnginkhnannmikaryudthuxrabbchnchnwrrnaxyangekhmkhnkarthiphraxngkhcaihphrarachthidasungmiwrrnakstriyxphiesksmrskbtachyphuefaswnaetngaelamiwrrnasuthrnnyxmepnipidyak hakepnechnnncringphrabrmniphphanbthphrarachoxrscakhunkhrxngrachsmbtikhnamiphrachnmayuephiyng 4 chnsaaetphngsawdarrabuwaphraxngkhkhrxngrachsmbtitxcakphrarachbidaemuxphrachnmayu 49 phrrsa aelaswrrkhtkhnamiphrachnmayuid 54 phrrsa xyangirktameruxngrawkhxngphrabathsrisurioyphnthuthi 1 nnmikhwamsxdkhlxngkbphrarachphngsawdarkrungkmphucha phngsawdarcampaaelasuksngkhramrahwangemuxngphrankhrkbxanackrcampa rwmthungrxytxthangprawtisastrkhxngsngkhramthiphraecachywrmnthi 7 thrngmichychnaehnuxxanackrcampa aelamikarkwadtxnechuxphrawngscampamaiwinemuxngphrankhrhlwngaelaeknthepnaerngngansrangemuxngnkhrthm dngnnnkwichakarcungyngimtdpraednkhwamepnipidthiphrabathsrisurioyphnthuthi 1 phraxngkhchy phrarachbidaphrabrmniphphanbth aelaphrasiththanrachacamitwtnxyucringinprawtisatrsungxacmikhwamepnipidthiphraxngkhxaccaimichbukhkhlkhnediywknkbtachyphuefaswnaetnghruxphraecaaetnghwanphrarachprawtismedcphraxngkhchy ekhmr ព រ ប ទអង គជ យ xksrormn Trasak Peam hruxphraecatrasxkpraaexm hruxphrabathsrisurioyphnthuthi 1 phraecaaetnghwanthrngsthapnaphraxngkhkhunpkkhrxngemuxngthangtxnit iklemuxngctumukh phnmepy odykarrwmtwkhxngthasthiepnklumphwkediywkninphrarachxanackrchywrmnthihlbhnixxkcakphrankhrhlwngaelaklumchatiphnthuxunthiepnchnchnthithukpkkhrxngthangtxnit odychwngewlannxanacinphrankhrhlwngiderimesuxmxanaclngxyangmak emuxngphayitkarpkkhrxngphyayamaeyktwxxkepnrthxisra sungtxmaemuxngniidklayepnthanxanacsakhykhxngrachskultrasxkpraaexm emuxphrabrmrachahruxecaphyayatithrngyayrachthanicakphrankhrhlwngmayngemuxngnisungepnthanxanacekamatngaetrchsmyphraecaaetnghwan phraecaaetnghwanthrngkhunpkkhrxngemuxngniemuxphrachnmayu 70 pi inpi kh s 1290 aelathrngxphieskkbphranangcnthrwrethwiphrarachthidakhxngphraecachywrmnthi 9 inpinidwytxmathrngidkhrxngrachsmbtiepnphramhakstriyaehngphrankhrhlwng inpi kh s 1336 1340 phraecaaetnghwanthrngepnphusrangphraaesnghxklaaephngchy xnepnekhruxngrachkkuthphnththisakhymakthisudkhxngxanackrkmphuchakhukb phrakhrrkhrach thrngechlimphranamhlngcakeswyrachsmbtiwa phrabathkmretng xysrisurioyphnthu brmmhabphitrthrrmikmharachathirach ekhmr ព រ ប ទ សម ដ ច មហ បព ត រ ធម ម ក រ ជ ធ រ ជ ជ អង គម ច ស ផ នដ ក រ ង កម ព ជ ធ បត xyuinrachsmbti 5 piphrarachphngsawdarkrungkmphuchainphrarachphngsawdarkrungkmphuchasungphrarachniphphnthodysmedcnkxngkhexngphraecaaephndinaehngphrarachxanackrekhmrinkhnann pccubnkhux emuxngxudnglaichy cnghwdkapngspux klawwa smedcphraxngkhchy hrux phraecaaetnghwanni epnpthmkstriytnrachwngskhxngrachskulnordm aelathrngepnphusrang xnepnekhruxngrachkkuthphnththisakhymakthisudkhxngxanackrkmphuchakhukb phrakhrrkhrach phraecaaetnghwanmichuxedimwaxngkhchy phrarachbidaepnecachayechuxphrawngsaehngxanackrcampa emuxkhrngphraecachywrmnthi 7 aehngxanackrphrankhrhlwngykthphhlwngcaklaow lphburi ekhaocmtiemuxngphrankhrhlwngidkhuncakphramhakstriyaehngxanackrcampathipkkhrxngphrankhrhlwngaelwykthphhlwngbuktxipthungxanackrcampa cnmichychnasamarthphnwkdinaedncampaekhaepnswnhnungkhxngckrwrrdiidsaerc ephuxechlimchlxngchychnaehnuxcampa phraxngkhidkwadtxnechuxphrawngscampa rwmthungiphrthaschawcampaekhaepnechlyeknthepnaerngngansrangprasathhin ecachaypthumaaehngcampaphuepnphrarachbida idthukkwadtxnmainkhrngnidwy dwyepnechuxphrawngsthiswamiphkdicungidrbkarduaeleyiyngechlyskdi txmaphraxngkhidthulkhxesdcxxkbwchepnphrahmnkhunipbaephytbaxyubnekhaphnmkueln swnphranangosphawdiphrachayathrngphrakhrrphplxmpnphraxngkhxyukbechly emuxphranangkhlxdbutrchaytngchuxwaxngkhchy epnedkchladaelamibuyyathikarmakphxxayuid 7 pi mardaihxxktamhabidathixxkbwchxyubnekha bidaidmxbemldaetngih 3 emldaelaehlkxikkxnhnungechuxwaepnkhxngwiess xngkhchyidnaemldaetngmapluk txmaedkeliyngwwmaekbkinphbwarschatidimirshwancha xngkhchycunghwngaetngnnmakwnhnungmiwwcamakinaetngthiplukiwxngkhchyidnaehlkthibidamxbihkhwangiswwcnthalutwwwesiychiwit eruxngrawkhxngphlaetnghwannndngipthunghuphrarachaphraecachywrmnthi 9 phraxngkhcungoprdthicaeswyaetngnn emuxeswyaelwthrngoprdpranyingnkcungthrngaetngtngepnhwhnaswnhlwng aelaoprdihnaehlkthikhwangwwcntayiptiepnhxk iwpxngknocrkhomymalkkhomyaetng phraecachywrmnthi 9 thrngphrarachthannnihepnxayasiththi xyumawnhnungphraecachywrmnthi 9 prarthnaeswyaetngkhunmaklangduk cungesdclngipinswncaipekbaetngmaeswy sungnayaetnghwannukwaepnocrmalkaetng cungkhwangxnepnxayasiththiodnphraecachywrmnthi 9 thungaekswrrkht brrdanahmunsrrphmukhmntrithnghlaycungphrxmicknthwayrachsmbtiihkhunsubrachbllngkepnphraecaaephndinaehngkrungphrankhrhlwng txmaodyechlimphranamhlngcakeswyrachsmbtiwa phrabathkmretng xysrisurioyphnthu brmmhabphitrthrrmikmharachathirach ekhmr ព រ ប ទ សម ដ ច មហ បព ត រ ធម ម ក រ ជ ធ រ ជ ជ អង គម ច ស ផ នដ ក រ ង កម ព ជ ធ បត aelathrngrbphranangcnthrwrethwi ekhmr ព រ ន ង ច ន ទត រ វត ត xnphrarachthidainphraecachywrmnthi 9 epnsmedcphraxkhrmehsi eruxngrawtanankhxngphraecaaetnghwannimilksnaaebbediywphraecayxngxu sxyahanaehngrachwngsphukam nkwichakarkmphuchaechuxwakaresdckhunkhrxngrachykhxngphraecatrasxkpraaexmimichehtubngexiyaetmikarwangaephnepnkhnepntxnaelamikaretriymkariwodyphrapthumrachaphrarachbidaaelaechlythaschawcampathitxngkaryudxanacephuxpldaexkcakphwkchnchnpkkhrxng ephraahlngcakkaresdckhunkhrxngrachyphraecatrasxkpaaexmidthakarkwadlangklumxanacekacnekuxbsinkarkxclaclinphrankhrhlwnginpi kh s 1335 1336 trngkbrchsmykhxngphraecachywrmnpremswr aehngphrankhrhlwngidekidkarlukhuxkhxngchnchnthasinemuxngphrankhrhlwngenuxngcakkarthukbngkhbkdkhiichaerngnganhnkcakchnchnpkkhrxnginrchsmyphraecachywrmnpremswr exksarekhmrrabuwathrngpkkhrxngodyimchxbthrrm thaihbanemuxngekidkliyukh cnekidehtukarnkarptiwtikhxm cakbnthukkhxngocw takwan thutchawcinthiekhamainemuxngphrankhrhlwnginrchsmyphraecaxinthrwrmnthi 3 idbnthukwa inemuxngmithasmakkwanaythas sungxaccaepnehtuphlwathaimthasthungklalukhuxkhunkxclaclephuxpldaexkcakchnchnpkkhrxng caknnthasidrwmknsngharnaythascnbadecblmtayepncanwnmak txmainpi kh s 1336 idpraktphranamkstriyphraxngkhihmphranamphrabathsrisurioyphnthu hruxphraecaaetnghwan sungkstriyphraxngkhihmthrngnbthuxphraphuththsasnaaelaykelikpraephnikarsrangprasathhinephuxthwayaedethphecainsasnaphrahmnhindu phraecaaetnghwanekidaelaotinxanackrkhaaemrinthanachnchnksikrsungxacepnehtuphlthibrrdathaschawcameluxkthicaykphraecaaetnghwankhunepnkstriyephraathrngsubechuxsaymacakkstriycam phngsawdarklawwaphraecaaetnghwanthrngsdphraaesnghxklaaephngchythukphraecachywrmnpremswrthungaekswrrkhtinpi kh s 1336 brrdakhunnangcungykphraxngkhkhunepnkstriyphraxngkhihmsungphraxngkhimichkhninrachwngshruxekiywkhxngknkbkstriyinrachskulmhithrpura aelaepneruxngyakthibrrdakhunnangthiphkdikbkstriyxngkhkxncaykkhnthisngharkstriykhunepnkstriyphraxngkhihmewnaetmikarkxkbtyudphrarachxanackhunnangcungcayxmtxngswamiphkdiesdcswrrkhtphraecaaetnghwan thrngprachwrdwythrngphrachraphaphswrrkht inpi kh s 1341 phrachnmmayu 120 pi hlngcakswrrkhtkxngthphxyuthyaidykthphekhaocmtiphrankhrhlwnginrchsmyphrarachoxrskhxngphraxngkhkhuxphrabrmniphphanbthaetyngimsamarthtichingexaemuxngidphrabrmniphphanbththrngprachwrswrrkhtkhrxngrachsmbtiid 5 piphrasiththanrachaxnuchacungkhunsubrachbllngkephuxrksarachsmbti thphxyuthyacungykthphklbipinrchsmyphrasiththanracha hlngcakphraecaaetnghwanswrrkhtid 12 pi krungsrixyuthyaidykthphekhaocmtiphrankhrhlwngxikkhrng krungaetkinrchsmyphrabrmlaphngsrachaduephimaenwkhidwadwykmphuchainchwngkarptiwtikhxmxangxing Cambodia s King Trasak Paem is just a fictional monarch Khmer Times Khmer Times 26 December 2022 subkhnemux 3 February 2023 Phoeun Mak 1995 Histoire du Cambodge de la fin du XVIe siecle au debut du XVIIIe phasafrngess Presses de l Ecole francaise d Extreme Orient p 30 ISBN 978 2 85539 776 4 Harris Ian 2008 03 11 Cambodian Buddhism History and Practice University of Hawaii Press p 109 ISBN 978 0 8248 3298 8 Phoeun Mak 1995 Histoire du Cambodge de la fin du XVIe siecle au debut du XVIIIe in French Presses de l Ecole francaise d Extreme Orient p 30 ISBN 978 2 85539 776 4 Cambodia s King Trasak Paem is just a fictional monarch Khmer Times Khmer Times 26 December 2022 Phoeun Mak 1995 Histoire du Cambodge de la fin du XVIe siecle au debut du XVIIIe in French Presses de l Ecole francaise d Extreme Orient p 30 ISBN 978 2 85539 776 4 Georges Coedes Un grand roi de Cambodge Jayavarman VII Phnom Penh 1935 Paul Mus Angkor at the Time of Jayavarman VII Bulletin de Societe des Etudes Indochinoises Paris 27 1952 3 261 273 ប រវត ត ស ស ត រខ ម រភ គរ ងន ទ ន ដ យល កបណ ឌ តសភ ច រ យ រស ចន ទ រ ប ត រ Renowned for its ability to grow tasty cucumbers according to A Dauphin Meunier History of Cambodia santi phkdikha ekhmrrbithy kthm mtichn 2554 hna 272 Renowned for its ability to grow tasty cucumbers according to A Dauphin Meunier History of Cambodia http www rfa org khmer news history the king of angkor continued 06252014003352 html khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2019 09 06 subkhnemux 2019 09 06 Zhou Daguan 2007 A Record of Cambodia Translated by Peter Harris University of Washington Press ISBN 978 9749511244 phngsawdarkmphuchathiaeplcharaaelathiniphnthepnphasaithy ph s 2339 2459 kbhnathithimitxchnchnpkkhrxngithy thibdi bwkhasri wthnthrrmkhxmkbkhwamsmphnthithy kmphucha xudm echykiwngs sankphimphphumipyya phs 2552 hna 163 sthabnkstriyekhmrobrancnthungkhriststwrrsthi 13 hxsmudwngthaphra PDF ekhmrrbithy santi phkdikha mtichn 2554 A Study report of Ankor Vat sumali barungsukh nkxngkhexng in saranukrmprawtisastrsaklsmyihm exechiy elm 1 xksr A B chbbrachbnthitysthan kthm rachbnthitysthan 2539 hna 155 157kxnhna phraecaaetnghwan thdipphraecachywrmnthi 9 rachwngswrmnaehngemuxngphrankhrhlwng smedcphraecasriyosthrapuraaehngphrankhrhlwng kh s 1290 thung 1341 phrabrmniphphanbth rachwngstrasxkpraaexm