เซลล์ (อังกฤษ: cell จากภาษาละติน cella แปลว่าห้องเล็ก ๆ) เป็นโครงสร้างและหน่วยการทำงานพื้นฐานที่สุดของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่ทราบกัน เซลล์เป็นหน่วยย่อยที่สุดที่จะเรียกว่า "ชีวิต" ได้ ในบางครั้งอาจเรียกว่า"หน่วยโครงสร้างของชีวิต" (the building block of life) การศึกษาเกี่ยวกับเซลล์เรียกว่าชีววิทยาของเซลล์ (cell biology), ชีววิทยาระดับเซลล์, หรือเซลล์วิทยา (cytology)
เซลล์ | |
---|---|
เซลล์ของรากหัวหอม ( cepa) ที่อยู่ในระยะต่าง ๆ ของการแบ่งเซลล์ (ภาพโดย , 1900) | |
เซลล์ยูแคริโอต (ซ้าย) และเซลล์โพรแคริโอต (ขวา) | |
ตัวระบุ | |
MeSH | D002477 |
H1.00.01.0.00001 | |
FMA | 686465 |
[แก้ไขบนวิกิสนเทศ] |
เซลล์ประกอบจากไซโทพลาซึมที่มีเยื่อหุ้มล้อมรอบ ภายในไซโทพลาซึมบรรจุสารชีวโมเลกุลเช่น โปรตีนและกรดนิวคลิอิก เซลล์ของพืชและสัตว์ส่วนใหญ่สามารถมองเห็นได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสงที่มีมิติ (dimension) ระหว่าง 1 ถึง 100 ไมโครเมตรกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนให้ความคมชัดและรายละเอียดที่มากกว่า สิ่งมีชีวิตถูกจำแนกออกเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว (unicellular; เช่นแบคทีเรีย) และหลายเซลล์ (multicellular; เช่น พืชและสัตว์) โดยสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวส่วนมากจัดเป็นจุลชีพ (microorganism)
จำนวนของเซลล์ในพืชและสัตว์แตกต่างกันออกไปตามแต่ละสปีชีส์ มีการประมาณว่าร่างกายของมนุษย์มีจำนวนเซลล์ที่ 40 ล้านล้าน (4×1013) เซลล์ สำหรับเซลล์ในสมองอยู่ที่ประมาณ 8 หมื่นล้านเซลล์
รอเบิร์ต ฮุก (Robert Hooke) ค้นพบเซลล์ใน ค.ศ. 1665 โดยตั้งชื่อว่า cell เนื่องจากเขาเปรียบเซลล์ของไม้ก๊อกที่เห็นว่ามีลักษณะคล้ายคลึงกับห้องที่นักบวชในศาสนาคริสต์ใช้อาศัยภายในอาราม ใน ค.ศ. 1839 (Matthias Jakob Schleiden) และ (Theodor Schwann) พัฒนาทฤษฎีเซลล์ที่กล่าวว่า สิ่งมีชีวิตทุกชนิดล้วนประกอบขึ้นจากหนึ่งเซลล์หรือมากกว่าหนึ่ง เซลล์เป็นโครงสร้างและหน่วยการทำงานที่เป็นขั้นมูลฐานของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด และเซลล์ทั้งหมดกำเนิดมาจากเซลล์ที่มีอยู่ก่อน (preexisting cell) เซลล์ปรากฏขึ้นบนโลกเมื่อประมาณ 3.5 พันล้านปีก่อน
ประเภทของเซลล์
เซลล์มีสองประเภทคือ ยูแคริโอตที่มีนิวเคลียส และโพรแคริโอตที่ไม่มีนิวเคลียส โดยโพรแคริโอตจะพบเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวเท่านั้น ในขณะที่ยูแคริโอตสามารถพบได้ทั้งสิ่งมีชีวิตที่มีเซลล์เดียวและหลายเซลล์
เซลล์โพรแคริโอต
โพรแคริโอตประกอบด้วยแบคทีเรียและอาร์เคีย ซึ่งเป็นสองจากของสิ่งมีชีวิต เซลล์โพรแคริโอตเป็นรูปแบบแรกของชีวิตบนโลก ซึ่งถูกกำหนดลักษณะด้วยการมีกระบวนการทางชีววิทยาที่จำเป็น อันรวมไปถึงการสื่อสารระหว่างเซลล์ เซลล์ประเภทนี้มีความซับซ้อนน้อยและขนาดที่เล็กกว่าเซลล์ยูแคริโอต และไม่มีนิวเคลียสกับออร์แกเนลล์ที่มีเยื่อหุ้ม ดีเอ็นเอของเซลล์โพรแคริโอตประกอบด้วยเพียงหนึ่งวงที่สัมผัสกับไซโทพลาซึมโดยตรง บริเวณของไซโทพลาซึมที่มีสารพันธุกรรมเรียกว่า (nucleoid) โพรแคริโอตเกือบทุกชนิดเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 0.5 ถึง 2.0 μm
เซลล์โพรแคริโอตมีสามบริเวณ คือ
- ส่วนห่อหุ้มเซลล์ – โดยทั่วไปประกอบขึ้นจากเยื่อหุ้มเซลล์ที่หุ้มด้วยผนังเซลล์อีกชั้นหนึ่ง ในแบคทีเรียบางชนิดอาจพบชั้นห่อหุ้มเซลล์ชั้นที่สามเรียกว่า (capsule) แม้วว่าโพรแคริโอตส่วนใหญ่จะมีชั้นของเยื่อหุ้มเซลล์และผนังเซลล์ แต่ก็มียกเว้นเช่น Mycoplasma (แบคทีเรีย) และ (อาร์เคีย) ที่มีเพียงชั้นเยื่อหุ้มเซลล์เท่านั้น ส่วนห่อหุ้มเซลล์ให้แข็งแรงแก่เซลล์และแยกภายในของเซลล์ออกจากสิ่งแวดล้อม โดยเป็นตัวกรองที่ทำหน้าที่ป้องกันได้ด้วย (protective filter) ในแบคทีเรีย ผนังเซลล์ประกอบขึ้นจาก (peptidoglycan) ทำหน้าที่เป็นส่วนเสริมเพื่อป้องกันแรงภายนอก และยังช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์ขยายตัวและระเบิดออก () เนื่องจากแรงดันออสโมติกในสารละลายที่มีความเข้มข้นน้อยกว่าในเซลล์ (hypotonic solution) เซลล์ยูแคริโอตบางชนิด (เช่นเซลล์พืชและเซลล์เห็ดรา) สามารถพบผนังเซลล์ได้เช่นกัน
- บริเวณของไซโทพลาซึมที่บรรจุจีโนม (ดีเอ็นเอ), ไรโบโซม, และอินคลูชันหลายชนิดไว้ สารพันธุกรรมสามารถพบได้เป็นอิสระในไซโทพลาซึม โพรแคริโอตมี (extrachromosomal DNA) ที่เรียกว่าพลาสมิด (plasmid) ซึ่งโดยปกติอยู่ในรูปวงกลม สำหรับพลาสมิดแบบเส้นมีการระบุในแบคทีเรียชั้นบางสปีชีส์ ทั้งในสกุล ซึ่งเป็นที่ทราบกันเช่น ซึ่งเป็นสาเหตุของ (Lyme disease) ดีเอ็นเอขดตัวอยู่ที่บริเวณแม้ว่านิวเคลียสจะไม่ก่อตัว พลาสมิดเข้ารหัสสำหรับยีนส่วนเสริมเช่น ยีนต้านทานยาปฏิชีวนะ
- ด้านนอกของเซลล์พบแฟลเจลลาและยื่นออกมาจากผิวเซลล์ ซึงเป็นโครงสร้างที่ประกอบจากโปรตีนที่ช่วยให้เซลล์สามารถเคลื่อนไหวและสื่อสารกับเซลล์อื่นได้
เซลล์ยูแคริโอต
พืช, สัตว์, เห็ดรา, ราเมือก, โพรโทซัว, และสาหร่าย ล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตยูแคริโอต เซลล์ประเภทนี้มีความกว้างมากกว่าเซลล์โพรแครโอตทั่วไปประมาณ 15 เท่า และอาจมีปริมาตรที่มากกว่าถึง 1000 เท่า คุณลักษณะสำคัญที่ใช้แยกเซลล์ยูแคริโอตออกจากเซลล์โพรแคริโอตคือ (compartmentalisation) ด้วยการมีออร์แกเนลล์ที่มีเยื่อหุ้ม (ส่วนการทำงาน) ที่ซึ่งเกิดกิจกรรมต่าง ๆ ภายในเซลล์ โดยออร์แกเนลล์ที่สำคัญที่สุดคือนิวเคลียส อันบรรจุดีเอ็นเอของเซลล์ไว้ นิวเคลียสยังเป็นที่มาของของชื่อ ยูแคริโอต ที่แปลว่า แก่นแท้จริง (true kernel) และยังมีความแตกต่างอื่น ๆ เช่น
- เยื่อหุ้มเซลล์ที่คล้ายคลึงกับของโพรแคริโอตในด้านของหน้าที่และการทำงาน โดยมีความแตกต่างเล็กน้อยในกระบวนการก่อรูป อาจพบผนังเซลล์หรือไม่ก็ได้
- ดีเอ็นเอของยูแคริโอตจัดตัวร่วมกับโปรตีนฮิสโตนอยู่ในโมเลกุลเดียวหรือมากกว่า เรียกว่าโครโมโซม (chromosome) ดีเอ็นทั้งหมดที่อยู่ในโครโมโซมถูกเก็บไว้ในนิวเคลียสแยกต่างหากจากไซโทพลาซึมด้วยเยื่อหุ้ม ออร์แกเนลล์บางชนิดของยูแคริโอตเช่น ไมโทคอนเดรีย สามารถมีดีเอ็นเอของตัวเองได้
- เซลล์ยูแคริโอตหลายชนิดเป็นพวกซิลิเอต (cilate) ที่มีซิเลียปฐมภูมิสำหรับทำหน้าที่รับรู้สิ่งเร้าในเชิงเคมี, , และเชิงอุณหภูมิ ซิเลียมแต่ละเส้นอาจถูกพิจารณา ได้ว่าเป็นระดับเซลล์ที่ทำหน้าที่ประสานวิถีการสื่อสัญญาณระดับเซลล์ ในบางครั้งอาจควบสัญญาณเพื่อนำไปสู่การเคลื่อนไหวของซิเลียเองหรือนำไปสู่กระบวนการแบ่งเซลล์หรือกระบวนการพัฒนาไปทำหน้าที่เฉพาะ (cell differentiation)
- เซลล์ยูแคริโอตที่เคลื่อนที่ได้จะใช้ซิเลียและแฟลเจลลา ในพืชตระกูลสนและพืชดอกไม่พบเซลล์ที่เคลื่อนที่ได้ และแฟลเจลลาของยูแคริโอตมีความซับซ้อนมากกว่าของในโพรแคริโอต
โพรแคริโอต | ยูแคริโอต | |
---|---|---|
Typical organisms | แบคทีเรีย, อาร์เคีย | โพรทิสต์, เห็ดรา, พืช, สัตว์ |
ขนาดโดยทั่วไป | ~ 1–5 | ~ 10–100 μm |
ประเภทของนิวเคลียส | ; ไม่มีนิวเคลียสแท้จริง | นิวเคลียสแท้จริงที่มีเยื่อหุ้มสองชั้น |
ดีเอ็นเอ | แบบวงแหวน (โดยปกติ) | แบบเส้น (โครโมโซม) พร้อมกับมีโปรตีนฮิสโตน |
อาร์เอ็นเอ/การสังเคราะห์โปรตีน | เกิดขึ้นควบคู่กันในไซโทพลาซึม | การสังเคราะห์อาร์เอ็นเอเกิดขึ้นในนิวเคลียส การสังเคราะห์โปรตีนเกิดขึ้นในไซโทพลาซึม |
ไรโบโซม | และ | และ |
โครงสร้างภายในไซโตพลาสซึม | มีโครงสร้างน้อยมาก | มีความซับซ้อนสูงจากการที่มีและไซโทสเกเลตัน |
แฟลกเจลลาที่สร้างด้วย | แฟลกเจลลาและซิเลียที่มีไมโครทิวบูล; และที่มีแอกติน | |
ไมโทคอนเดรีย | ไม่มี | ตั้งแต่หนึ่งจนถึงหลายพัน |
คลอโรพลาสต์ | ไม่มี | ในสาหร่ายและพืช |
การจัดระเบียบ | ปกติเป็นเซลล์เดี่ยว | เซลล์เดี่ยว, โคโลนี, สิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ชั้นสูงจะมีเซลล์หลายชนิดที่มีหน้าที่เฉพาะมากมาย |
การแบ่งเซลล์ | (การแบ่งเซลล์อย่างง่าย) | ไมโทซิส (แบ่งออกเป็นสองหรือแตกหน่อ) ไมโอซิส |
โครโมโซม | โครโมโซมหนึ่งอัน | มีโครโมโซมมากกว่าหนึ่งอัน |
เยื่อหุ้มเซลล์ | เยื่อหุ้มเซลล์และเยื่อหุ้มออร์แกเนลล์ |
องค์ประกอบในระดับเล็กกว่าเซลล์
เซลล์ทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นโพรแคริโอตหรือยูแคริโอต ล้วนมีเยื่อหุ้มล้อมรอบเซลล์ เพื่อควบคุมการผ่านเข้าออกของสาร (เยื่อเลือกผ่าน), และรักษาศักย์ไฟฟ้าของเซลล์ ด้านในของเยื่อหุ้ม ไซโทพลาซึมกินปริมาตรเกือบทั้งหมดของเซลล์ เซลล์ทุกชนิด (ยกเว้นเซลล์เม็ดเลือดแดงที่ไม่มีนิวเคลียสและออร์แกเนลล์เกือบทุกชนิด เพื่อเอื้อให้มีพื้นที่สูงสุดสำหรับรองรับฮีโมโกลบิน) มีดีเอ็นเอที่เป็นสารที่ถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรมของยีน, และอาร์เอ็นเอมที่บรรจุข้อมูลที่จำเป็นสำหรับโปรตีนหลายชนิดเช่น เอนไซม์ (หน่วยปฏิบัติงานที่สำคัญของเซลล์) และยังมีชีวโมเลกุลอีกหลายชนิด ในที่นี้จะกล่าวถึงองค์ประกอบของเซลล์ที่สำคัญเท่านั้น
เยื่อหุ้ม
เยื่อหุ้มเซลล์ หรือพลาสมาเมมเบรน เป็นที่ล้อมรอบไซโทพลาซึม สำหรับในสัตว์ เยื่อหุ้มเป็นขอบเขตนอกสุดของเซลล์ ในขณะที่พืชและโพรแคริโอตมักหุ้มด้วยผนังเซลล์ เยื่อหุ้มทำหน้าที่แยกและปกป้องเซลล์จากสิ่งแวดล้อมภายนอก โดยประกอบจากชั้นคู่ของฟอสโฟลิพิดที่มีสมบัติเป็น (มีทั้งส่วนที่เป็นไฮโดรโฟบิกและ) ด้วยเหตุนี้จึงถูกเรียกว่าฟอสโฟลิพิดไบแลร์ (phospholipid bilayer) หรืออาจเรียกว่าฟลูอิดโมเซอิคเมมเบรน (fluid mosaic membrane) มีโครงสร้างระดับมหโมเลกุลที่เรียกว่า (porosome) เป็นทางผ่านเอนกประสงค์สำหรับการหลั่งสารของเซลล์ และมีโมเลกุลของโปรตีนจำนวนมากทำหน้าที่เป็นทั้งช่องทางผ่านและปั๊มสำหรับเคลื่อนสารเข้าและออกจากเซลล์ เยื่อหุ้มเซลล์ยอมให้สารบางอย่างผ่าน โดยให้สสาร (เช่นโมเลกุลหรือไอออน) ผ่านได้อย่างอิสระ, ผ่านได้ในจำนวนที่จำกัด, หรือผ่านไม่ได้เลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้ผิวนอกของเยื่อหุ้มเซลล์ยังมีโปรตีน (receptor protein) ที่ทำให้เซลล์สามารถตรวจจับโมเลกุลสื่อสัญญาณเช่น ฮอร์โมน
ไซโทสเกเลตัน
ไซโทสเกเลตันทำหน้าที่จัดและรักษารูปร่างของเซลล์; ยึดออร์แกเนลล์ให้อยู่กับที่, ช่วยให้เกิดกระบวนการเอนโดไซโทซิสที่ทำให้เซลล์สามารถรับสารเข้ามาได้, และกระบวนการซึ่งเป็นกระบวนการแยกเซลล์ลูกหลังจากการแบ่งเซลล์; และเคลื่อนส่วนของเซลล์ในระหว่างการเจริญเติบโตและการเคลื่อนที่ ไซโทสเกเลตันของยูแคริโอตประกอบด้วยไมโครฟิลาเมนต์, , และไมโครทิวบูล อินเทอร์มีเดียตฟิลาเมนต์ของเซลล์ประสาทเรียกว่า (neurofilament) โดยมีโปรตีนเข้ามาช่วยการทำงานทั้งการกำกับ, รวมกลุ่ม, และจัดเรียง ไซโทสเกเลตันในโพรแคริโอตยังไม่มีการศึกษาอย่างกระจ่างนัก แต่มีความเกี่ยวข้องกับรูปร่าง, ขั้วเซลล์ (polarity), และการแบ่งเซลล์ (cytokinesis) โปรตีนที่เป็นหน่วยย่อยของไมโครฟิลาเมนต์มีขนาดเล็กและเป็นโมโนเมอริกโปรตีน (monomeric protein) เรียกว่าแอกติน โปรตีนที่เป็นหน่วยย่อยของไมโครทิวบูลเป็นโมเลกุลไดเมอร์ (dimeric protein) ที่เรียกว่าทูบิวลิน สำหรับอินเทอร์มีเดียตฟิลาเมนต์เป็นเฮเทอโรโพลีเมอร์ (heteropolymer) ซึ่งมีหน่วยย่อยต่างกันไปตามชนิดของเซลล์ที่อยู่ในเนื้อเยื่อต่าง ๆ โปรตีนหน่วยย่อยของอินเทอร์มีเดียทฟิลาเมนต์มีได้ตั้งแต่, , (ลามินเอ, บี, และซี), (ทั้งที่มีสมบัติเป็นกรดและเบสหลายชนิด), โปรตีนนิวโรฟิลาเมนต์ (NF–L, NF–M)
สารพันธุกรรม
สารพันธุกรรมมีอยู่สองรูปแบบที่แตกต่างกันคือ (ดีเอ็นเอ) และ (อาร์เอ็นเอ) เซลล์ใช้ดีเอ็นเอเป็นแหล่งเก็บข้อมูลทางชีวภาพในระยะยาว โดยข้อมูลจะถูกเข้ารหัสอยู่ในลำดับของดีเอ็นเอ อาร์เอ็นเอใช้สำหรับขนส่งข้อมูล (เช่นเอ็มอาร์เอ็นเอ) และทำหน้าที่เป็นเอนไซม์ (เช่นไรโบโซมัลอาร์เอ็นเอ) สำหรับมีหน้าที่เพิ่มกรดอะมิโนระหว่างกระบวนการแปลรหัสโปรตีน
สารพันธุกรรมของโพรแคริโอตอยู่ในบริเวณของไซโทพลาซึม และสารพันธุกรรมของยูแคริโอตจัดตัวเป็นเส้นที่แตกต่างกัน เรียกว่าโครโมโซม อยู่ภายในนิวเคลียส โดยอาจพบสารพันธุกรรมอยู่ภายในออร์แกเนลล์เช่นไมโทคอนเดรียและคลอโรพลาสต์ (ดู − ทฤษฎีเอนโดซิมไบโอติก)
มีสารพันธุกรรมที่ถุกบรรจุอยู่ในนิวเคลียส (nuclear genome) และในไมโทคอนเดรีย (mitocondrial genome) ในมนุษย์ จีโนมในนิวเคลียสถูกแบ่งออกเป็นโมเลกุลดีเอ็นเอ 46 เส้นที่เรียกว่าโครโมโซม อันประกอบด้วย 22 คู่ และโครโมโซมเพศหนึ่งคู่ เป็นโมเลกุลดีเอ็นเอแบบวงกลมซึ่งต่างจากดีเอ็นเอในนิวเคลียส แม้ว่าดีเอ็นเอของไมโทคอนเดรียจะมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับโครโมโซมในนิวเคลียส แต่ก็เก็บรหัสสำหรับโปรตีน 13 ชนิดที่เกี่ยวข้องกับการสร้างพลังงานของไมโทคอนเดรีย และทีอาร์เอ็นเอบางชนิด
สารพันธุกรรมแปลกปลอม (ส่วนมากเป็นดีเอ็นเอ) สามารถถูกนำเข้าสู่เซลล์ได้ด้วยกระบวนการ (transfaction) โดยอาจอยู่ได้ชั่วคราวหากดีเอ็นเอไม่ถูกแทรกเข้าจีโนม หรือเสถียรหากแทรกตัวเข้าไปแแล้ว ไวรัสบางชนิดสามารถแทรกสารพันธุกรรมของมันเข้าสู่จีโนมของเจ้าบ้านได้
ออร์แกเนลล์
ออร์แกเนลล์เป็นส่วนหนึ่งของเซลล์ที่ปรับตัวและ/หรือพัฒนาไปทำหน้าที่สำคัญ เปรีบยได้กับอวัยวะ (organ) ของร่างกายมนุษย์เช่นหัวใจ, ไต, และตับ โดยแต่ละอวัยวะมีหน้าที่ต่างกันออกไป ทั้งโพรแคริโอตและยูแคริโอตมีออร์แกเนลล์ แต่ออร์แกเนลล์ของโพรแคริโอตมีความซับซ้อนน้อยกว่าและไม่มีเยื่อหุ้มออร์แกเนลล์
ออร์แกเนลล์มีอยู่หลายชนิด บางชนิดพบแยกอยู่เดี่ยว ๆ (เช่น นิวเคลียสและกอลไจแอปพาราตัส) ในขณะที่บางชนิดพบได้จำนวนมาก ตั้งแต่หลายร้อยถึงหลายพัน (เช่น , คลอโรพลาสต์, เพอรอกซิโซม, และไลโซโซม) ไซโทซอลเป็นของเหลวคล้ายวุ้นที่เติมเต็มช่องว่างในเซลล์และล้อมรอบออร์แกเนลล์
ยูแคริโอต
- นิวเคลียสของเซลล์ : เป็นศูนย์กลางข้อมูลของเซลล์ สามารถมองเห็นได้อย่างเด่นชัดในเซลล์ยูแคริโอต เป็นแหล่งจัดเก็บโครโมโซมและเป็นที่ซึ่งการจำลองตัวเองของดีเอ็นเอและการสังเคราะห์ อาร์เอ็นเอผ่าน เกิดขึ้น นิวเคลียสมีรูปร่างเป็นทรงกลมและถูกแยกจากไซโทพลาซึมด้วยเยื่อหุ้มสองชั้นที่เรียกว่า (nuclear envelope) ซึ่งนอกจากนี้ยังมีหน้าที่ปกป้องดีเอ็นเอจากโมเลกุลที่อาจทำอันตรายต่อโครงสร้างหรือรบกวนกระบวนการของมัน ดีเอ็นเอถูกถอดรหัส (transcribed), หรือถูกคัดลอกไปยังอาร์เอ็นเอชนิดพิเศษที่เรียกว่าเอ็มอาร์เอ็นเอ ที่จะถูกขนส่งออกนอกนิวเคลียสไปยังไซโพลาซึม อันเป็นที่ซึ่งมันจะถูกแปลไปเป็นโมเลกุลโปรตีนที่จำเพาะ นิวคลีโอลัสเป็นบริเวณพิเศษภายในนิวเคลียสสำหรับประกอบหน่วยย่อยของไรโบโซม ในโพรแคริโอต กระบวนการที่เกี่ยวข้องกับดีเอ็นเอเกิดขึ้นในไซโทพลาซึม
- ไมโทคอนเดรียและคลอโรพลาสต์: ทำหน้าที่สร้างพลังงานสำหรับเซลล์ ไมโทคอนเดรียเป็นออร์แกเนลล์ที่สามารถเพิ่มจำนวนได้เอง (self-replicating) พบได้หลากหลายในด้านจำนวน, รูปร่าง, และขนาดในไซโทพลาซึมของยูแคริโอต กระบวนการหายใจระดับเซลล์เกิดขึ้นในไมโทคอนเดรีย ซึ่งสร้างพลังงานให้แก่เซลล์ด้วยกระบวนการ (oxydative phosphorylation) โดยใช้ออกซิเจนปลดปล่อยพลังงานที่สะสมอยู่ในสารอาหาร (ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับกลูโคส) เพื่อสร้าง ATP ไมโทคอนเดรียเพิ่มจำนวนด้วยเช่นเดียวกับโพรแคริโอต คลอโรพลาสต์พบได้ในพืชและสาหร่ายเท่านั้น ทำหน้าที่จับพลังงานจากแสงอาทิตย์เพื่อสร้างคาร์โบไฮเดรตผ่านกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง
- ร่างแหเอนโดพลาซึม: เป็นเครือข่ายสำหรับขนส่งโมเลกุลที่ถูกกำหนดให้รับการดัดแปลงหรือไปยังจุดหมายที่เฉพาะ (เทียบกับโมเลกุลที่ลอยอยูอย่างอิสระในไซโทพลาซึม) ร่างแหเอนโดพลาซึมมีสองรูปชนิดคือ ร่างแหเอนโดพลาซึมชนิดขรุขระที่มีไรโบโซมมาเกาะบนผิวเพื่อส่งโปรตีนเข้าไปข้างในร่างแห และร่างแหเอนโดพลาซึมชนิดเรียบที่ไม่มีไรโบโซมมาเกาะ โดยมีบทบาทเกี่ยวกับการคัดแยกและหลั่งแคลเซียม
- กอลไจแอพพาราตัส: หน้าที่หลักของกอลไจแอพพาราตัสคือการแปรรูปและบรรจุโมเลกุลขนาดใหญ่ (macromolecule) เช่นโปรตีนและลิพิดที่เซลล์สังเคราะห์ขึ้นมา
- ไลโซโซมและเพอรอกซิโซม: ไลโซโซมบรรจุ (เอซิด) ออร์แกเนลล์ที่เกินมาหรือหมดอายุแล้ว, อาหาร, และไวรัสหรือแบคทีเรียที่ถูกเซลล์กลืนกิน เพอรอกซิโซมมีเอนไซม์ที่ขจัดสารที่เป็นพิษออกจากเซลล์ เซลล์จะไม่สามารถเก็บเอนไซม์ไวได้เลยหากไม่เก็บไว้ในระบบที่มีเยื่อหุ้ม
- เซนโทรโซม: ทำหน้าที่เป็นตัวจัดระเบียบไซโทสเกเลตัน สร้างไมโครทิวบูลที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของไซโทสเกเลตัน กำกับการขนส่งระหว่างร่างแหเอนโดพลาซึมและกอลไจแอปพาราตัส เซนโทรโซมประกอบด้วยเซนทริโอลสองอัน ที่จะแยกออกจากกันระหว่างกระบวนการแบ่งเซลล์และช่วยในการก่อตัวของ (mitotic spindle) เซลล์สัตว์พบเซนโทรโซมอันเดียว และยังอาจพบในเซลล์เห็ดราและสาหร่ายได้ด้วย
- แวคิวโอล: แวคิวโอลแยกสารที่เซลล์ไม่ต้องการแล้ว ในพืชทำหน้าที่เก็บสะสมน้ำ มักถูกอธิบายว่าเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยของเหลวและมีเยื่อหุ้มมาล้อมรอบ บางเซลล์ (โดยเฉพาะใน) มีคอนแทร็กไทล์แวคิวโอลที่สามารถสูบน้ำออกจากเซลล์หากมีน้ำมากเกินไป แวคิวโอลในเซลล์พืชและเห็ดรามักมีขนาดใหญ่กว่าของเซลล์สัตว์
ยูแคริโอตและโพรแคริโอต
- ไรโบโซม : ไรโบโซมเป็นโครงสร้างที่เกิดขึ้นจากโมเลกุลอาร์เอ็นเอและโปรตีน ประกอบขึ้นจากสองหน่วยย่อยและทำหน้าที่เป็นสายการประกอบ (assembly line) ที่มีการนำอาร์เอ็นเอมาใช้เพื่อสังเคราะห์โปรตีนขึ้นจากกรดอะมิโน ไรโบโซมสามารถพบลอยอยู่อย่างอิสระในไซโทพลาซึม หรือเกาะอยู่กับเยื่อหุ้ม (ร่างแหเอนโดพลาซึมแบบขรุขระในยูแคริโอต หรือที่เยื่อหุ้มเซลล์ในโพรแคริโอต)
โครงสร้างภายนอกเยื่อหุ้มเซลล์
เซลล์หลายชนิดมีโครงสร้างที่อยู่ภายนอกเยื่อหุ้มเซลล์ทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน โครงสร้างเหล่านี้ค่อนข้างเด่นชัดเนื่องจากมันไม่ได้รับการปกป้องจากสภาพแวดล้อมภายนอกโดยเยื่อหุ้มเซลล์ที่เป็นเยื่อเลือกผ่าน องค์ประกอบของโครงสร้างเหล่านี้จำต้องมีกระบวนการส่งออกข้ามเยื่อหุ้มเซลล์สำหรับการประกอบเป็นโครงสร้างต่อไป
ผนังเซลล์
เซลล์โพรแคริโอตและยูแคริโอตหลายชนิดมีผนังเซลล์ที่ทำหน้าที่ปกป้องเซลล์จากสิ่งแวดล้อมทั้งเชิงกลและเชิงเคมี และเป็นชั้นเสริมการป้องกันให้กับเยื่อหุ้มเซลล์ เซลล์ต่างชนิดกันมีผนังเซลล์ที่องค์ประกอบต่างกันออกไปเช่น เซลล์พืชมีผนังเซลล์ที่ประกอบขึ้นจากเซลลูโลส, ผนังเซลล์ของเห็ดราที่ประกอบขึ้นจากไคทิน, และผนังเซลล์ของแบคทีเรียที่ประกอบขึ้นจาก
โพรแคริโอต
แคปซูล
เจลาตินพบได้ภายนอกเยื่อหุ้มเซลล์และผนังเซลล์ของแบคทีเรียบางชนิด แคปซูลอาจเป็นได้ทั้งพอลิแซ็กคาไรด์เช่นใน และ meningococci, เป็นพอลิเพปไทด์ดังเช่น , หรือเป็นกรดไฮยาลูรอนิกดังที่พบใน แคปซูลไม่สามารถทำให้เด่นชัดได้ด้วยกระบวนการย้อมตามปกติ สีย้อมที่ใช้สำหรับตรวจหาแคปซูลเช่น, ทำให้แคปซูลมีความแตกต่าง (contrast) จากเซลล์มากพอที่จะทำการส่องภายใต้กล้องจุลทรรศน์ได้: 87
แฟลเจลลา
แฟลเจลลาเป็นออร์แกเนลล์สำหรับการเคลื่อนไหวในระดับเซลล์ แฟลเจลลาของแบคทีเรียยืดออกมาจากไซโทพลาซึมผ่านเยื่อหุ้มเซลล์และโผล่ออกทางผนังเซลล์ แฟลเจลลาเป็นรยางคล้ายเส้นด้ายที่ยาวและหนา ประกอบขึ้นจากโปรตีน ชนิดของแฟลเจลลาต่างกันออกไปในอาร์เคียและยูแคริโอต
ฟิมเบรีย
เป็นฟิลาเมนต์คล้ายเส้นผมที่สั้นและบาง พบบนผิวเซลล์แบคทีเรีย ก่อตัวขึ้นจากโปรตีนที่เรียกว่า (pilin) และมีความเกี่ยวข้องกับของแบคทีเรียกับตัวรับที่จำเพาะบนผิวเซลล์ของมนุษย์ และยังมีพิไลชนิดพิเศษที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการ
กระบวนการในระดับเซลล์
การจำลองตัวเอง
การแบ่งเซลล์เกี่ยวข้องกับการที่เซลล์หนึ่งแบ่งตัวออกเป็นเซลล์ลูกสองเซลล์ ซึ่งนำไปสู่การเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ (การเจริญของเนื้อเยื่อ) และการสืบพันธุ์ (แบบไม่อาศัยเพศ) ในสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว เซลล์โพรแคริโอตแบ่งตัวด้วยกระบวน (binary fission) ในขณะที่เซลล์ยูแคริโอตแบ่งผ่านกระบวนการแบ่งนิวเคลียสที่เรียกว่าไมโทซิส (mitosis) ตามด้วยกระบวนการแบ่งเซลล์ที่เรียกว่า (cytokinesis) เซลล์ดิพลอยด์อาจผ่านกระบวนการไมโอซิสเพื่อผลิตเซลล์แฮพลอยด์ ที่ปกติได้เซลล์ลูกสี่เซลล์ เซลล์แฮพลอยด์ที่ได้ทำหน้าที่เป็นเซลล์สืบพันธุ์ในสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ โดยรวมตัวกันเป็นเซลล์ดิพลอยด์
การจำลองดีเอ็นเอ (หรือกระบวนการทำสำเนาจีโนมของเซลล์) เกิดขึ้นเมื่อเซลล์แบ่งตัวผ่านกระบวนการไมโทซิสหรือการแบ่งออกเป็นสอง ในระยะ S ของวัฏจักรเซลล์
ในไมโอซิส ดีเอ็นเอถูกจำลองเพียงครั้งเดียว ในระยะที่เซลล์มีการแบ่งตัวสองครั้ง การจำลองดีเอ็นเอเกิดขึ้นก่อนระยะ เท่านั้น โดยจะไม่เกิดขึ้นในการแบ่งเซลล์ระยะที่สองของระยะ และเช่นเดียวกับกิจกรรมอื่น ๆ ของเซลล์ การจำลองตัวเองต้องอาศัยโปรตีนที่พัฒนามาเป็นพิเศษสำหรับดำเนินกระบวนการ
การซ่อมแซมดีเอ็นเอ
โดยปกติ เซลล์ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบรรจุเอนไซม์ที่ตรวจตราดีเอ็นเอเพื่อหาและดำเนินกระบวนการซ่อมแซมเมื่อตรวจพบ สิ่งมีชีวิตตั้งแต่แบคทีเรียจนถึงมนุษย์ได้พัฒนากระบวนการซ่อมแซมที่หลากหลาย อันเป็นสิ่งที่ระบุได้ถึงความสำคัญของการบำรุงรักษาดีเอ็นเอให้อยู่ในสภาวะปกติเพื่อหลีกเลี่ยงการตายของเซลล์หรือความผิดพลาดในกระบวนการจำลองตัวเองที่เป็นผลมาจากความเสียหายของดีเอ็นเอ ซึ่งอาจนำไปสู่การกลายพันธ์ (mutation) แบคทีเรีย E. coli เป็นตัวอย่างหนึ่งของสิ่งมีชีวิตที่เป็นเซลล์ (cellular organism) ที่มีการศึกษากระบวนการซ่อมแซมดีเอ็นเอที่พัฒนามาเป็นอย่างดีและหลากหลาย อันประกอบด้วย: (1) (nucleotide excision repair) (2) (DNA mismatch repair) (3) ของดีเอ็นเอที่ขาดทั้งสองสาย (non-homologous end joining of double-strand breaks) (4) (recombinational repair) และ (5) (light-dependent repair, )
การเจริญเติบโตและเมแทบอลิซึม
ระหว่างกระบวนการแบ่งเซลล์ที่เกิดขึ้นสืบเนื่อง เซลล์เจริญเติบโตผ่านการทำงานของกระบวนการเมแทบอลิซึมระดับเซลล์ ซึ่งเป็นกระบวนการที่แต่ละเซลล์มีการแปรรูปโมเลกุลของสารอาหาร โดยมีอยู่สองประเภทคือ แคแทบอลิซึมที่เป็นการแยกสลายโมเลกุลซับซ้อนเพื่อให้ได้พลังงานและความสามารถในการรีดิวซ์ (reducing power) และแอแนบอลิซึมซึ่งเซลล์ใช้พลังงานและความสามารถในการรีดิวซ์เพื่อสร้างโมเลกุลซับซ้อนแล[[ะดำเนินกระบวนการทางชีววิทยาอื่น ๆ น้ำตาลเชิงซ้อนที่สิ่งมีชีวิตบริโภคเข้าไปสามารถถูกย่อยสลายเป็นโมเลกุลน้ำตาลอย่างง่ายที่เรียกว่ามอโนแซ็กคาไรด์]] (monosaccharide) เช่นกลูโคส ที่เมื่ออยู่ภายในเซลล์จะถูกแยกสลายไปอีก เพื่อสร้างอะดีโนซีนไตรฟอสเฟต (adenosine triphosphate, ATP) อันเป็นโมเลกุลเป็นแหล่งพลังงานพร้อมใช้งานของเซลล์ ผ่านสองวิถีที่แตกต่างกัน
การสังเคราะห์โปรตีน
เซลล์มีความสามารถในการสังเคราะห์โปรตีนขึ้นมาใหม่ โปรตีนที่สร้างใหม่นี้มีความจำเป็นต่อการปรับสภาพและบำรุงรักษากิจกรรมต่าง ๆ ภายในเซลล์ การสังเคราะห์โปรตีนเกี่ยวข้องกับการก่อตัวของโมเลกุลโปรตีนขึ้นจากหน่วยย่อยกรดอะมิโนที่มีพื้นฐานมาจากข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสอยู่ในดีเอ็นเอและอาร์เอ็นเอ โดยทั่วไปการสังเคราะห์โปรตีนประกอบด้วยสองขั้นตอนใหญ่คือ การถอดรหัสและการแปลรหัส
การถอดรหัสเป็นกระบวนการซึ่งข้อมูลทางพันธุกรรมในดีเอ็นเอถูกใช้เพื่อสร้างสายอาร์เอ็นเอคู่สม (complimentary RNA) ซึ่งจะถูกนำผ่านกระบวนการที่ทำให้ได้เอ็มอาร์เอ็นเอ (messenger RNA, mRNA) ที่สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างอิสระทั่วเซลล์ โมเลกุลเอ็มอาร์เอ็นเอเข้าจับกับองค์ประกอบของโปรตีน-อาร์เอ็นเอที่เรียกว่าไรโบโซม ซึ่งพบในไซโทซอลอันเป็นที่ซึ่งเอ็มอาร์เอ็นเอถูกแปลรหัสไปเป็นลำดับพอลิเพปไทด์ ไรโบโซมควบคุมการก่อตัวของลำดับพอลิเพปไทด์ที่มีพื้นมาจากเอ็มอาร์เอ็นเอ ลำดับของเอ็มอาร์เอ็นเอสัมพันธ์โดยตรงกับลำดับพอลิเพปไทด์ด้วยการเข้าจับกับ (transfer RNA, tRNA) ที่เป็นโมเลกุลตัวแปลง ในช่องสำหรับเข้าจับในไรโบโซม สายพอลิเพปไทด์ที่สร้างใหม่จะพับตัวเป็นโปรตีนสามมิติที่พร้อมทำงานต่อไป
การเคลื่อนไหว
สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวสามารถเคลื่อนที่เพื่อหาอาหารและหนีจากผู้ล่า กลไกการเคลื่อนไหวมักเกี่ยวข้องกับซิเลียและแฟลเจลลา
ในสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ เซลล์สามารถเคลื่อนที่ระหว่างกระบวนการเช่น การรักษาบาดแผล, การตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน และการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง อย่างในการรักษาบาดแผล เซลล์เม็ดเลือดขาวเคลื่อนที่ไปยังบาดแผลเพื่อฆ่าจุลชีพที่อาจก่อให้เกิดการติดเชื้อ การเคลื่อนไหวของเซลล์เกี่ยวข้องกับโปรตีนหลายชนิดที่ทำหน้าที่เป็นตัวรับ, ตัวเชื่อมโยง, รวมกลุ่ม, ประสาน, ยึดติด, ขับเคลื่อน, และอื่นๆ การเคลื่อนไหวประกอบด้วยสามขั้นตอนคือ การยื่นขอบนำทาง (leading edge) ของเซลล์, การยึดติดกับพื้นผิวของขอบนำและการปล่อยตัวจากพื้นผิวของตัวและส่วนท้ายของเซลล์, และการหดตัวของไซโทสเกเลตันเพื่อดึงเซลล์ไปข้างหน้า แต่ละขั้นตอนขับเคลื่อนด้วยแรงเชิงกลที่เกิดจากส่วนที่แตกต่างกันของไซโทสเกเลตัน
การนำทาง, ควบคุม, และสื่อสาร
ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2020 นักวิทยาศาสตร์ได้อธิบายว่าเซลล์วิถีเดียว (one way cell, ค้นพบจากเซลล์ของราเมือกและเซลล์มะเร็งตับอ่อนของหนู) มีความสามารถในภายในร่างกายและการระบุเส้นทางที่ดีสุดผ่านเขาวงกตที่ซับซ้อน โดยสร้างระดับขั้นความเข้มข้น (gradient) ผ่านการแยกสลายสารเ (chemoattractant) ที่ละลายอยู่ในตัวกลาง ซึ่งทำให้เซลล์สามารถรับรู้ถึงแยกในเขาวงกตก่อนที่จะไปถึง รวมไปถึงตามมุมต่าง ๆ ด้วย
การมีหลายเซลล์
การพัฒนาไปทำหน้าที่เฉพาะและการแบ่งแยกหน้าที่
สิ่งมีชีวิตหลายเซลล์คือสิ่งมีชีวิตที่ประกอบขึ้นจากเซลล์หลาย ๆ เซลล์ ตรงกันข้ามกับสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว
ในสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ที่ซับซ้อน เซลล์มีการพัฒนาไปเป็นหลายประเภทที่แตกต่างกันตามหน้าที่ที่จำเพาะ ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ชนิดหลัก ๆ ของเซลล์คือ เซลล์ผิวหนัง, , เซลล์ประสาท, , ไฟโบรบลาสต์, สเต็มเซลล์, และอื่น ๆ เซลล์ต่างชนิดกันมักมีรูปร่างและการทำงานที่ต่างกันจากการแสดงออกที่ต่างกันของยีนที่เซลล์บรรจุไว้ แต่กระนั้นก็ยังเหมือนกันในทางพันธุกรรม โดยมีจีโนไทป์ที่เหมือนกัน
เซลล์แต่ละชนิดที่แตกต่างกันล้วนมีพัฒนามาจากเซลล์ต้นกำเนิดเพียงเซลล์เดียวที่เรียกว่าไซโกต ซึ่งพัฒนาไปเป็นเซลล์หลายร้อยชนิดที่แตกต่างกันระหว่างกระบวนการพัฒนาไซโกต การพัฒนาไปทำหน้าที่เฉพาะ (differentiation) ถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยจากสิ่งแวดล้อม (เช่น การมีปฏิสัมพันธ์กับเซลล์ข้างเคียง) และจากความแตกต่างภายในเซลล์ (เช่น ที่เกิดจากการกระจายของโมเลกุลที่ไม่เท่ากันระหว่างกระบวนการแบ่งเซลล์)
ต้นกำเนิดของการมีหลายเซลล์
การมีหลายเซลล์มีการพัฒนาขึ้นอย่างเป็นอิสระต่อกันอย่างน้อย 25 ครั้ง รวมถึงในโพรแคริโอตเช่น ไซยาโนแบคทีเรีย, , , , หรือ อย่างไรก็ตาม สิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ที่มีความซับซ้อนพัฒนาขึ้นในยูแคริโอตเพียงหกกลุ่ม: สัตว์, เห็ดรา, สาหร่ายสีน้ำตาล, สาหร่ายสีแดง, สาหร่ายสีเขียว, และพืช พบว่ามีการวิวัฒน์ขึ้นซ้ำไปมาในพืช (), หนึ่งหรือสองครั้งในสัตว์, หนึ่งครั้งใน, และอาจหลายครั้งในเห็ดรา, , และสาหร่ายสีแดง การมีหลายเซลล์อาจวิวัฒน์ขึ้นจาก (colony) ของสิ่งมีชีวิตที่พึ่งพาระหว่างกัน, (cellularisation), หรือจากสิ่งมีชีวิตที่มี (symbiotic relationship)
หลักฐานแรกของการมีหลายเซลล์มาจากสิ่งมีชีวิตคล้ายไซยาโนแบคทีเรียที่มีชีวิตอยู่ระหว่าง 3 ถึง 3.5 พันล้านปีที่แล้ว ฟอสซิลอื่นของสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ยุคแรกมีทั้ง spiralis (ที่ยังคงมีการโต้แย้งกันอยู่) และฟอสซิลในหินดินดานสีดำจาก Fossil B Formation ในกาบอง
วิวัฒนาการของการมีหลายเซลล์จากบรรพบุรุษที่มีเซลล์เดียวได้มีการจำลองในห้องปฏิบัติการ เป็นที่ใช้การล่าเหยื่อเป็น (selective pressure)
ต้นกำเนิด
กำเนิดเซลล์แรก
มีอยู่หลายทฤษฎีเกี่ยวกับโมเลกุลขนาดเล็กที่นำไปสู่สรรพชีวิตใน ซึ่งอาจถูกนำมาที่โลกด้วยอุกกาบาต (ดูเพิ่มที่อุกกาบาตเมอร์ชิสัน), ถูกสร้างขึ้นที่ปล่องน้ำร้อนใต้ทะเลลึก, หรืออาจถูกสังเคราะห์ด้วยฟ้าผ่าในบรรยากาศรีดิวซ์ (ดูเพิ่มที่) มีข้อมูลจากการทดลองน้อยมากที่สามารถให้นิยามว่า "รูปแบบ" แรกที่สามารถจำลองตัวเองได้คืออะไร แต่เชื่อว่าอาร์เอ็นเออาจเป็นโมเลกุลจำลองตัวเองได้รูปแบบแรกสุด จากความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลทางพันธุกรรมและการเร่งปฏิกิริยาเคมี (ดูเพิ่มที่) ทั้งนี้ตัวตน (entity) ที่มีศักยภาพในการจำลองตัวเองอาจมีอยู่ก่อนหน้าอาร์เอ็นเอแล้ว เช่นมอนต์มอริลโลไนต์และ
เซลล์ปรากฏขึ้นเมื่อ 3.5 พันล้านปีที่แล้ว ในปัจจุบันเชื่อว่าเซลล์ที่เกิดขึ้นมาในยุคนั้นเป็น (heterotroph) เยื่อหุ้มเซลล์มีความเป็นไปได้ว่าจะซับซ้อนน้อยกว่าและยอมให้สารผ่านเข้าออกได้ง่ายกว่าในยุคปัจจุบัน ด้วยการมีกรดไขมันเพียงสายเดียวต่อลิพิด จากที่ทราบกันว่าลิพิดจัดตัวเป็นเวสิเคิลเยื่อไขมันแบบสองชั้นในทันทีเมื่ออยู่ในน้ำ และอาจมีมาก่อนอาร์เอ็นเอ แต่เยื่อหุ้มเซลล์แบบแรก ๆ อาจถูกสร้างขึ้นโดยอาร์เอ็นเอที่เร่งปฏิกิริยาเคมีได้ และอาจต้องอาศัยโปรตีนโครงสร้างสำหรับการก่อตัว
กำเนิดเซลล์ยูแคริโอต
เซลล์ยูแคริโอตอาจวิวัฒน์ขึ้นมาจากกลุ่มสังคมเอนโดซิมไบโอซิสของเซลล์โพรแคริโอต ออร์แกเนลล์ที่บรรจุดีเอ็นเอเช่นไมโทคอนเดรียและคลอโรพลาสต์ สืบเชื้อมาจากโบราณและไซยาโนแบคทีเรียที่หายใจโดยใช้ออกซิเจนตามลำดับ และถูกควบรวมให้เข้ามาอาศัยในเซลล์บรรพบุรุษที่เป็นอาร์เคีย
ปัจจุบันยังคงมีข้อถกเถียงกันว่าออร์แกเนลล์อย่างเช่นไฮโดรเจโนโซมมีมาก่อนกำเนิดของไมโทคอนเดรียหรือว่าเป็นไปในทางกลับกัน (ดูเพิ่มที่ สำหรับต้นกำเนิดของเซลล์ยูแคริโอต)
ประวัติศาสตร์ของการค้นคว้า
- 1632–1723: อันโตนี ฟัน เลเวินฮุกเรียนรู้การสร้างเลนส์ด้วยตนเอง, สร้างกล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสงอย่างง่ายขึ้นและนำพร้อมทั้งส่องดูและวาดภาพโพรโตซัวเช่นจากน้ำฝน, และแบคทีเรียจากปากของเขาเอง
- 1665: รอเบิร์ต ฮุกค้นพบเซลล์ในไม้ก๊อกและในเนื่อเยื่อของพืชที่ยังมีชีวิตอยู่ จากกล้องจุลทรรศน์เชิงซ้อนในยุคแรก เขาเป็นผู้ที่บัญญัติคำว่า cell (จากภาษาละติน cella ที่แปลว่าห้องขนาดเล็ก) ในหนังสือ
- 1839: และ ชี้แจงหลักการที่ว่าทั้งพืชและสัตว์ล้วนประกอบขึ้นจากเซลล์ ซึ่งเป็นการสรุปว่าเซลล์เป็นหน่วยย่อยสามัญของโครงสร้างและพัฒนาการของสิ่งมีชีวิต และเป็นการตั้งทฤษฎีเซลล์
- 1855: กล่าวว่าเซลล์ที่เกิดขึ้นใหม่มาจากเซลล์ที่มีอยู่ก่อนหน้าผ่านกระบวนการแบ่งเซลล์ (omnis cellula ex cellula)
- 1859: ความเชื่อที่ว่าสรรพชีวิตสามารถเกิดขึ้นได้เอง (generatio spontanea) ถูกโต้แย้งโดยหลุยส์ ปาสเตอร์ (แม้ว่าจะได้ทำการทดลองในปี 1668 ที่ได้ผลสรุปเหมือนกันก็ตาม)
- 1931: แอ็นสท์ รุสคาสร้างกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องผ่านตัวแรกขึ้นที่มหาวิทยาลัยฮุมบ็อลท์แห่งเบอร์ลิน จนถึงปี 1935 เขาได้สร้างกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนที่มีความสามารถจำแนกจุด (resolution) มากเป็นสองเท่าของกล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสง ทำให้ค้นพบออร์แกเนลล์ใหม่ ๆ
- 1953: โดยอาศัยงานของโรซาลินด์ แฟรงคลิน และคริกประกาศการค้นพบโครงสร้างของดีเอ็นเอ
- 1981: เผยแพร่ผลงาน Symbiosis in Cell Evolution ที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับทฤษฎีเอนโดซิมไบโอติก
หน้าที่เกี่ยวข้อง
อ้างอิง
- "Cell". Online Etymology Dictionary. สืบค้นเมื่อ 31 December 2012.
- Cell Movements and the Shaping of the Vertebrate Body in Chapter 21 of Molecular Biology of the Cell fourth edition, edited by Bruce Alberts (2002) published by Garland Science.
The Alberts text discusses how the "cellular building blocks" move to shape developing embryos. It is also common to describe small molecules such as amino acids as "molecular building blocks". - Campbell NA, Williamson B, Heyden RJ (2006). Biology: Exploring Life. Boston, Massachusetts: Pearson Prentice Hall. ISBN .
- บทความนี้รวมเอาจากเว็บไซต์หรือเอกสารของ 30 March 2004.
- Bianconi E, Piovesan A, Facchin F, Beraudi A, Casadei R, Frabetti F, และคณะ (November 2013). "An estimation of the number of cells in the human body". Annals of Human Biology. 40 (6): 463–71. doi:10.3109/03014460.2013.807878. PMID 23829164. S2CID 16247166.
These partial data correspond to a total number of 3.72±0.81×1013 [cells].
- Azevedo FA, Carvalho LR, Grinberg LT, Farfel JM, Ferretti RE, Leite RE, และคณะ (April 2009). "Equal numbers of neuronal and nonneuronal cells make the human brain an isometrically scaled-up primate brain". The Journal of Comparative Neurology. 513 (5): 532–41. doi:10.1002/cne.21974. PMID 19226510. S2CID 5200449.
- Karp G (19 October 2009). Cell and Molecular Biology: Concepts and Experiments. John Wiley & Sons. p. 2. ISBN .
Hooke called the pores cells because they reminded him of the cells inhabited by monks living in a monastery.
- Tero AC (1990). Achiever's Biology. Allied Publishers. p. 36. ISBN .
In 1665, an Englishman, Robert Hooke observed a thin slice of" cork under a simple microscope. (A simple microscope is a microscope with only one biconvex lens, rather like a magnifying glass). He saw many small box like structures. These reminded him of small rooms called "cells" in which Christian monks lived and meditated.
- Maton A (1997). Cells Building Blocks of Life. New Jersey: Prentice Hall. ISBN .
- Schopf JW, Kudryavtsev AB, Czaja AD, Tripathi AB (2007). "Evidence of Archean life: Stromatolites and microfossils". Precambrian Research. 158 (3–4): 141–55. Bibcode:2007PreR..158..141S. doi:10.1016/j.precamres.2007.04.009.
- Schopf JW (June 2006). "Fossil evidence of Archaean life". Philosophical Transactions of the Royal Society of London. Series B, Biological Sciences. 361 (1470): 869–85. doi:10.1098/rstb.2006.1834. PMC 1578735. PMID 16754604.
- Raven PH, Johnson GB (2002). Biology. McGraw-Hill Education. p. 68. ISBN . สืบค้นเมื่อ 7 July 2013.
- Microbiology : Principles and Explorations By Jacquelyn G. Black
- European Bioinformatics Institute, Karyn's Genomes: Borrelia burgdorferi, part of 2can on the EBI-EMBL database. Retrieved 5 August 2012
- Satir P, Christensen ST (June 2008). "Structure and function of mammalian cilia". Histochemistry and Cell Biology. 129 (6): 687–93. doi:10.1007/s00418-008-0416-9. PMC 2386530. PMID 18365235. 1432-119X.
- PH Raven, Evert RF, Eichhorm SE (1999) Biology of Plants, 6th edition. WH Freeman, New York
- Blair DF, Dutcher SK (October 1992). "Flagella in prokaryotes and lower eukaryotes". Current Opinion in Genetics & Development. 2 (5): 756–67. doi:10.1016/S0959-437X(05)80136-4. PMID 1458024.
- Campbell Biology—Concepts and Connections. Pearson Education. 2009. p. 320.
- Michie KA, Löwe J (2006). "Dynamic filaments of the bacterial cytoskeleton". Annual Review of Biochemistry. 75: 467–92. doi:10.1146/annurev.biochem.75.103004.142452. PMID 16756499. S2CID 4550126.
- Ménétret JF, Schaletzky J, Clemons WM, Osborne AR, Skånland SS, Denison C, และคณะ (December 2007). "Ribosome binding of a single copy of the SecY complex: implications for protein translocation" (PDF). Molecular Cell. 28 (6): 1083–92. doi:10.1016/j.molcel.2007.10.034. PMID 18158904.
- Prokaryotes. Newnes. Apr 11, 1996. ISBN .
- Campbell Biology—Concepts and Connections. Pearson Education. 2009. p. 138.
- D. Peter Snustad, Michael J. Simmons, Principles of Genetics – 5th Ed. (DNA repair mechanisms) pp. 364-368
- Ananthakrishnan R, Ehrlicher A (June 2007). "The forces behind cell movement". International Journal of Biological Sciences. Biolsci.org. 3 (5): 303–17. doi:10.7150/ijbs.3.303. PMC 1893118. PMID 17589565.
- Alberts B (2002). Molecular biology of the cell (4th ed.). Garland Science. pp. 973–975. ISBN .
- Ananthakrishnan R, Ehrlicher A (June 2007). "The forces behind cell movement". International Journal of Biological Sciences. 3 (5): 303–17. doi:10.7150/ijbs.3.303. PMC 1893118. PMID 17589565.
- Willingham E. "Cells Solve an English Hedge Maze with the Same Skills They Use to Traverse the Body". Scientific American (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 7 September 2020.
- "How cells can find their way through the human body". phys.org (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 7 September 2020.
- Tweedy L, Thomason PA, Paschke PI, Martin K, Machesky LM, Zagnoni M, Insall RH (August 2020). "Seeing around corners: Cells solve mazes and respond at a distance using attractant breakdown". Science. 369 (6507): eaay9792. doi:10.1126/science.aay9792. PMID 32855311. S2CID 221342551.
- Becker WM, และคณะ (2009). The world of the cell. . p. 480. ISBN .
- Grosberg RK, Strathmann RR (2007). (PDF). Annu Rev Ecol Evol Syst. 38: 621–54. doi:10.1146/annurev.ecolsys.36.102403.114735. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2020-11-15.
- Popper ZA, Michel G, Hervé C, Domozych DS, Willats WG, Tuohy MG, และคณะ (2011). "Evolution and diversity of plant cell walls: from algae to flowering plants" (PDF). Annual Review of Plant Biology. 62: 567–90. doi:10.1146/annurev-arplant-042110-103809. :10379/6762. PMID 21351878.
- (1998). (PDF). Integrative Biology: Issues, News, and Reviews. 1 (1): 27–36. doi:10.1002/(SICI)1520-6602(1998)1:1<27::AID-INBI4>3.0.CO;2-6. ISSN 1093-4391. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF, 0.2 MB)เมื่อ March 8, 2012.
- , Bengtson S, Canfield DE, Bekker A, Macchiarelli R, Mazurier A, และคณะ (July 2010). "Large colonial organisms with coordinated growth in oxygenated environments 2.1 Gyr ago". Nature. 466 (7302): 100–4. Bibcode:2010Natur.466..100A. doi:10.1038/nature09166. PMID 20596019. S2CID 4331375.
- Orgel LE (December 1998). "The origin of life--a review of facts and speculations". Trends in Biochemical Sciences. 23 (12): 491–5. doi:10.1016/S0968-0004(98)01300-0. PMID 9868373.
- Griffiths G (December 2007). "Cell evolution and the problem of membrane topology". Nature Reviews. Molecular Cell Biology. 8 (12): 1018–24. doi:10.1038/nrm2287. PMID 17971839. S2CID 31072778.
- Hooke R (1665). Micrographia: ... London, England: Royal Society of London. p. 113." ... I could exceedingly plainly perceive it to be all perforated and porous, much like a Honey-comb, but that the pores of it were not regular [...] these pores, or cells, [...] were indeed the first microscopical pores I ever saw, and perhaps, that were ever seen, for I had not met with any Writer or Person, that had made any mention of them before this ... " – Hooke describing his observations on a thin slice of cork. See also: Robert Hooke
เชิงอรรถ
- ใช้การประมาณจากบุคคลที่มีอายุ 30 ปี, น้ำหนัก 70 กิโลกรัม (150 ปอนด์), และมีความสูง 172 เซนติเมตร (5.64 ฟุต) ไม่ใช่การประมาณที่แม่นยำนัก จากการศึกษาพบว่าจำนวนเซลล์ของมนุษย์มี 3.72±0.81×1013 เซลล์
รายการอ่านเพิ่มเติม
- Alberts B, Johnson A, Lewis J, Morgan D, Raff M, Roberts K, Walter P (2015). Molecular Biology of the Cell (6th ed.). Garland Science. p. 2. ISBN .
- Alberts B, Johnson A, Lewis J, Raff M, Roberts K, Walter P (2014). (6th ed.). Garland. ISBN . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-07-14. สืบค้นเมื่อ 2020-11-15.; The fourth edition is freely available from Bookshelf.
- Lodish H, Berk A, Matsudaira P, Kaiser CA, Krieger M, Scott MP, Zipurksy SL, Darnell J (2004). Molecular Cell Biology (5th ed.). WH Freeman: New York, NY. ISBN .
- Cooper GM (2000). The cell: a molecular approach (2nd ed.). Washington, D.C: ASM Press. ISBN .
แหล่งข้อมูลอื่น
- MBInfo – Descriptions on Cellular Functions and Processes
- MBInfo – Cellular Organization
- Inside the Cell 2017-07-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน – a science education booklet by National Institutes of Health, in PDF and .
- Cell Biology in "The Biology Project" of .
- Centre of the Cell online 2022-06-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- The Image & Video Library of The American Society for Cell Biology 2011-06-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, a collection of peer-reviewed still images, video clips and digital books that illustrate the structure, function and biology of the cell.
- HighMag Blog, still images of cells from recent research articles.
- New Microscope Produces Dazzling 3D Movies of Live Cells 2013-05-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, March 4, 2011 – .
- WormWeb.org: Interactive Visualization of the C. elegans Cell lineage – Visualize the entire cell lineage tree of the nematode C. elegans
- Cell Photomicrographs
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
esll xngkvs cell cakphasalatin cella aeplwahxngelk epnokhrngsrangaelahnwykarthanganphunthanthisudkhxngsingmichiwitthukchnidthithrabkn esllepnhnwyyxythisudthicaeriykwa chiwit id inbangkhrngxaceriykwa hnwyokhrngsrangkhxngchiwit the building block of life karsuksaekiywkbeslleriykwachiwwithyakhxngesll cell biology chiwwithyaradbesll hruxesllwithya cytology esllesllkhxngrakhwhxm cepa thixyuinrayatang khxngkaraebngesll phaphody 1900 esllyuaekhrioxt say aelaesllophraekhrioxt khwa twrabuMeSHD002477H1 00 01 0 00001FMA686465 aekikhbnwikisneths esllprakxbcakisothphlasumthimieyuxhumlxmrxb phayinisothphlasumbrrcusarchiwomelkulechn oprtinaelakrdniwkhlixik esllkhxngphuchaelastwswnihysamarthmxngehniddwyklxngculthrrsnaebbichaesngthimimiti dimension rahwang 1 thung 100 imokhremtrklxngculthrrsnxielktrxnihkhwamkhmchdaelaraylaexiydthimakkwa singmichiwitthukcaaenkxxkepnsingmichiwitesllediyw unicellular echnaebkhthieriy aelahlayesll multicellular echn phuchaelastw odysingmichiwitesllediywswnmakcdepnculchiph microorganism canwnkhxngesllinphuchaelastwaetktangknxxkiptamaetlaspichis mikarpramanwarangkaykhxngmnusymicanwnesllthi 40 lanlan 4 1013 esll sahrbesllinsmxngxyuthipraman 8 hmunlanesll rxebirt huk Robert Hooke khnphbesllin kh s 1665 odytngchuxwa cell enuxngcakekhaepriybesllkhxngimkxkthiehnwamilksnakhlaykhlungkbhxngthinkbwchinsasnakhristichxasyphayinxaram in kh s 1839 Matthias Jakob Schleiden aela Theodor Schwann phthnathvsdiesllthiklawwa singmichiwitthukchnidlwnprakxbkhuncakhnungesllhruxmakkwahnung esllepnokhrngsrangaelahnwykarthanganthiepnkhnmulthankhxngsingmichiwitthukchnid aelaesllthnghmdkaenidmacakesllthimixyukxn preexisting cell esllpraktkhunbnolkemuxpraman 3 5 phnlanpikxnpraephthkhxngesllesllmisxngpraephthkhux yuaekhrioxtthiminiwekhliys aelaophraekhrioxtthiimminiwekhliys odyophraekhrioxtcaphbepnephiyngsingmichiwitesllediywethann inkhnathiyuaekhrioxtsamarthphbidthngsingmichiwitthimiesllediywaelahlayesll esllophraekhrioxt okhrngsrangthwipkhxngesllophraekhrioxt ophraekhrioxtprakxbdwyaebkhthieriyaelaxarekhiy sungepnsxngcakkhxngsingmichiwit esllophraekhrioxtepnrupaebbaerkkhxngchiwitbnolk sungthukkahndlksnadwykarmikrabwnkarthangchiwwithyathicaepn xnrwmipthungkarsuxsarrahwangesll esllpraephthnimikhwamsbsxnnxyaelakhnadthielkkwaesllyuaekhrioxt aelaimminiwekhliyskbxxraekenllthimieyuxhum diexnexkhxngesllophraekhrioxtprakxbdwyephiynghnungwngthismphskbisothphlasumodytrng briewnkhxngisothphlasumthimisarphnthukrrmeriykwa nucleoid ophraekhrioxtekuxbthukchnidepnsingmichiwitkhnadelkthimiesnphansunyklangtngaet 0 5 thung 2 0 mm esllophraekhrioxtmisambriewn khux swnhxhumesll odythwipprakxbkhuncakeyuxhumesllthihumdwyphnngesllxikchnhnung inaebkhthieriybangchnidxacphbchnhxhumesllchnthisameriykwa capsule aemwwaophraekhrioxtswnihycamichnkhxngeyuxhumesllaelaphnngesll aetkmiykewnechn Mycoplasma aebkhthieriy aela xarekhiy thimiephiyngchneyuxhumesllethann swnhxhumesllihaekhngaerngaekesllaelaaeykphayinkhxngesllxxkcaksingaewdlxm odyepntwkrxngthithahnathipxngkniddwy protective filter inaebkhthieriy phnngesllprakxbkhuncak peptidoglycan thahnathiepnswnesrimephuxpxngknaerngphaynxk aelayngchwypxngknimihesllkhyaytwaelaraebidxxk enuxngcakaerngdnxxsomtikinsarlalaythimikhwamekhmkhnnxykwainesll hypotonic solution esllyuaekhrioxtbangchnid echnesllphuchaelaesllehdra samarthphbphnngesllidechnkn briewnkhxngisothphlasumthibrrcucionm diexnex irobosm aelaxinkhluchnhlaychnidiw sarphnthukrrmsamarthphbidepnxisrainisothphlasum ophraekhrioxtmi extrachromosomal DNA thieriykwaphlasmid plasmid sungodypktixyuinrupwngklm sahrbphlasmidaebbesnmikarrabuinaebkhthieriychnbangspichis thnginskul sungepnthithrabknechn sungepnsaehtukhxng Lyme disease diexnexkhdtwxyuthibriewnaemwaniwekhliyscaimkxtw phlasmidekharhssahrbyinswnesrimechn yintanthanyaptichiwna dannxkkhxngesllphbaeflecllaaelayunxxkmacakphiwesll sungepnokhrngsrangthiprakxbcakoprtinthichwyihesllsamarthekhluxnihwaelasuxsarkbesllxunidokhrngsrangodythwipkhxngesllstwokhrngsrangodythwipkhxngesllyuaekhrioxt phuch stw ehdra raemuxk ophrothsw aelasahray lwnepnsingmichiwityuaekhrioxt esllpraephthnimikhwamkwangmakkwaesllophraekhroxtthwippraman 15 etha aelaxacmiprimatrthimakkwathung 1000 etha khunlksnasakhythiichaeykesllyuaekhrioxtxxkcakesllophraekhrioxtkhux compartmentalisation dwykarmixxraekenllthimieyuxhum swnkarthangan thisungekidkickrrmtang phayinesll odyxxraekenllthisakhythisudkhuxniwekhliys xnbrrcudiexnexkhxngeslliw niwekhliysyngepnthimakhxngkhxngchux yuaekhrioxt thiaeplwa aeknaethcring true kernel aelayngmikhwamaetktangxun echn eyuxhumesllthikhlaykhlungkbkhxngophraekhrioxtindankhxnghnathiaelakarthangan odymikhwamaetktangelknxyinkrabwnkarkxrup xacphbphnngesllhruximkid diexnexkhxngyuaekhrioxtcdtwrwmkboprtinhisotnxyuinomelkulediywhruxmakkwa eriykwaokhromosm chromosome diexnthnghmdthixyuinokhromosmthukekbiwinniwekhliysaeyktanghakcakisothphlasumdwyeyuxhum xxraekenllbangchnidkhxngyuaekhrioxtechn imothkhxnedriy samarthmidiexnexkhxngtwexngid esllyuaekhrioxthlaychnidepnphwksiliext cilate thimisieliypthmphumisahrbthahnathirbrusingerainechingekhmi aelaechingxunhphumi sieliymaetlaesnxacthukphicarna idwaepnradbesllthithahnathiprasanwithikarsuxsyyanradbesll inbangkhrngxackhwbsyyanephuxnaipsukarekhluxnihwkhxngsieliyexnghruxnaipsukrabwnkaraebngesllhruxkrabwnkarphthnaipthahnathiechphaa cell differentiation esllyuaekhrioxtthiekhluxnthiidcaichsieliyaelaaefleclla inphuchtrakulsnaelaphuchdxkimphbesllthiekhluxnthiid aelaaeflecllakhxngyuaekhrioxtmikhwamsbsxnmakkwakhxnginophraekhrioxtkarepriybethiybkhunlksnarahwangesllophraekhrioxtaelayuaekhrioxt ophraekhrioxt yuaekhrioxtTypical organisms aebkhthieriy xarekhiy ophrthist ehdra phuch stwkhnadodythwip 1 5 10 100 mmpraephthkhxngniwekhliys imminiwekhliysaethcring niwekhliysaethcringthimieyuxhumsxngchndiexnex aebbwngaehwn odypkti aebbesn okhromosm phrxmkbmioprtinhisotnxarexnex karsngekhraahoprtin ekidkhunkhwbkhukninisothphlasum karsngekhraahxarexnexekidkhuninniwekhliys karsngekhraahoprtinekidkhuninisothphlasumirobosm aela aelaokhrngsrangphayinisotphlassum miokhrngsrangnxymak mikhwamsbsxnsungcakkarthimiaelaisothsekeltnaeflkecllathisrangdwy aeflkecllaaelasieliythimiimokhrthiwbul aelathimiaexktinimothkhxnedriy immi tngaethnungcnthunghlayphnkhlxorphlast immi insahrayaelaphuchkarcdraebiyb pktiepnesllediyw esllediyw okholni singmichiwithlayesllchnsungcamiesllhlaychnidthimihnathiechphaamakmaykaraebngesll karaebngesllxyangngay imothsis aebngxxkepnsxnghruxaetkhnx imoxsisokhromosm okhromosmhnungxn miokhromosmmakkwahnungxneyuxhumesll eyuxhumesllaelaeyuxhumxxraekenllxngkhprakxbinradbelkkwaesllesllthukchnidimwacaepnophraekhrioxthruxyuaekhrioxt lwnmieyuxhumlxmrxbesll ephuxkhwbkhumkarphanekhaxxkkhxngsar eyuxeluxkphan aelarksaskyiffakhxngesll daninkhxngeyuxhum isothphlasumkinprimatrekuxbthnghmdkhxngesll esllthukchnid ykewnesllemdeluxdaedngthiimminiwekhliysaelaxxraekenllekuxbthukchnid ephuxexuxihmiphunthisungsudsahrbrxngrbhiomoklbin midiexnexthiepnsarthithaythxdidthangphnthukrrmkhxngyin aelaxarexnexmthibrrcukhxmulthicaepnsahrboprtinhlaychnidechn exnism hnwyptibtinganthisakhykhxngesll aelayngmichiwomelkulxikhlaychnid inthinicaklawthungxngkhprakxbkhxngesllthisakhyethann eyuxhum aephnphaphodylaexiydkhxngeyuxhumesll eyuxhumesll hruxphlasmaemmebrn epnthilxmrxbisothphlasum sahrbinstw eyuxhumepnkhxbekhtnxksudkhxngesll inkhnathiphuchaelaophraekhrioxtmkhumdwyphnngesll eyuxhumthahnathiaeykaelapkpxngesllcaksingaewdlxmphaynxk odyprakxbcakchnkhukhxngfxsofliphidthimismbtiepn mithngswnthiepnihodrofbikaela dwyehtunicungthukeriykwafxsofliphidibaelr phospholipid bilayer hruxxaceriykwafluxidomesxikhemmebrn fluid mosaic membrane miokhrngsrangradbmhomelkulthieriykwa porosome epnthangphanexnkprasngkhsahrbkarhlngsarkhxngesll aelamiomelkulkhxngoprtincanwnmakthahnathiepnthngchxngthangphanaelapmsahrbekhluxnsarekhaaelaxxkcakesll eyuxhumesllyxmihsarbangxyangphan odyihssar echnomelkulhruxixxxn phanidxyangxisra phanidincanwnthicakd hruxphanimidelyaemaetnxy nxkcakniphiwnxkkhxngeyuxhumesllyngmioprtin receptor protein thithaihesllsamarthtrwccbomelkulsuxsyyanechn hxromn isothsekeltn phaphfluxxersesntkhxngexnodthieliym niwekhliys imothkhxnedriy aelaimokhrfilaemnttidsinaengin aedng aelaekhiyw tamladb isothsekeltnthahnathicdaelarksaruprangkhxngesll yudxxraekenllihxyukbthi chwyihekidkrabwnkarexnodisothsisthithaihesllsamarthrbsarekhamaid aelakrabwnkarsungepnkrabwnkaraeykeslllukhlngcakkaraebngesll aelaekhluxnswnkhxngesllinrahwangkarecriyetibotaelakarekhluxnthi isothsekeltnkhxngyuaekhrioxtprakxbdwyimokhrfilaemnt aelaimokhrthiwbul xinethxrmiediytfilaemntkhxngesllprasatheriykwa neurofilament odymioprtinekhamachwykarthanganthngkarkakb rwmklum aelacderiyng isothsekeltninophraekhrioxtyngimmikarsuksaxyangkracangnk aetmikhwamekiywkhxngkbruprang khwesll polarity aelakaraebngesll cytokinesis oprtinthiepnhnwyyxykhxngimokhrfilaemntmikhnadelkaelaepnomonemxrikoprtin monomeric protein eriykwaaexktin oprtinthiepnhnwyyxykhxngimokhrthiwbulepnomelkulidemxr dimeric protein thieriykwathubiwlin sahrbxinethxrmiediytfilaemntepnehethxorophliemxr heteropolymer sungmihnwyyxytangkniptamchnidkhxngesllthixyuinenuxeyuxtang oprtinhnwyyxykhxngxinethxrmiediythfilaemntmiidtngaet laminex bi aelasi thngthimismbtiepnkrdaelaebshlaychnid oprtinniworfilaemnt NF L NF M sarphnthukrrm krddixxksiirobniwkhlixik diexnex sarphnthukrrmmixyusxngrupaebbthiaetktangknkhux diexnex aela xarexnex esllichdiexnexepnaehlngekbkhxmulthangchiwphaphinrayayaw odykhxmulcathukekharhsxyuinladbkhxngdiexnex xarexnexichsahrbkhnsngkhxmul echnexmxarexnex aelathahnathiepnexnism echnirobosmlxarexnex sahrbmihnathiephimkrdxamionrahwangkrabwnkaraeplrhsoprtin sarphnthukrrmkhxngophraekhrioxtxyuinbriewnkhxngisothphlasum aelasarphnthukrrmkhxngyuaekhrioxtcdtwepnesnthiaetktangkn eriykwaokhromosm xyuphayinniwekhliys odyxacphbsarphnthukrrmxyuphayinxxraekenllechnimothkhxnedriyaelakhlxorphlast du thvsdiexnodsimiboxtik misarphnthukrrmthithukbrrcuxyuinniwekhliys nuclear genome aelainimothkhxnedriy mitocondrial genome inmnusy cionminniwekhliysthukaebngxxkepnomelkuldiexnex 46 esnthieriykwaokhromosm xnprakxbdwy 22 khu aelaokhromosmephshnungkhu epnomelkuldiexnexaebbwngklmsungtangcakdiexnexinniwekhliys aemwadiexnexkhxngimothkhxnedriycamikhnadelkemuxethiybkbokhromosminniwekhliys aetkekbrhssahrboprtin 13 chnidthiekiywkhxngkbkarsrangphlngngankhxngimothkhxnedriy aelathixarexnexbangchnid sarphnthukrrmaeplkplxm swnmakepndiexnex samarththuknaekhasueslliddwykrabwnkar transfaction odyxacxyuidchwkhrawhakdiexneximthukaethrkekhacionm hruxesthiyrhakaethrktwekhaipaeaelw iwrsbangchnidsamarthaethrksarphnthukrrmkhxngmnekhasucionmkhxngecabanid xxraekenll xxraekenllepnswnhnungkhxngesllthiprbtwaela hruxphthnaipthahnathisakhy epribyidkbxwywa organ khxngrangkaymnusyechnhwic it aelatb odyaetlaxwywamihnathitangknxxkip thngophraekhrioxtaelayuaekhrioxtmixxraekenll aetxxraekenllkhxngophraekhrioxtmikhwamsbsxnnxykwaaelaimmieyuxhumxxraekenll xxraekenllmixyuhlaychnid bangchnidphbaeykxyuediyw echn niwekhliysaelakxlicaexppharats inkhnathibangchnidphbidcanwnmak tngaethlayrxythunghlayphn echn khlxorphlast ephxrxksiosm aelailososm isothsxlepnkhxngehlwkhlaywunthietimetmchxngwanginesllaelalxmrxbxxraekenll yuaekhrioxt esllmaernginmnusy inthinikhux diexnexthukyxmdwysinaengin eslltrngklangaelathangkhwaxyuinraya cungmxngehndiexnexidimchdecnaelaniwekhliysthukyxmidtlxdthngokhrngsrang esllthangdansaykalngxyuinkrabwnkarimothsisaelaokhromosmmikarhdtwaebbcalxngsammitikhxngesllyuaekhrioxtniwekhliyskhxngesll epnsunyklangkhxmulkhxngesll samarthmxngehnidxyangednchdinesllyuaekhrioxt epnaehlngcdekbokhromosmaelaepnthisungkarcalxngtwexngkhxngdiexnexaelakarsngekhraah xarexnexphan ekidkhun niwekhliysmiruprangepnthrngklmaelathukaeykcakisothphlasumdwyeyuxhumsxngchnthieriykwa nuclear envelope sungnxkcakniyngmihnathipkpxngdiexnexcakomelkulthixacthaxntraytxokhrngsranghruxrbkwnkrabwnkarkhxngmn diexnexthukthxdrhs transcribed hruxthukkhdlxkipyngxarexnexchnidphiessthieriykwaexmxarexnex thicathukkhnsngxxknxkniwekhliysipyngisophlasum xnepnthisungmncathukaeplipepnomelkuloprtinthicaephaa niwkhlioxlsepnbriewnphiessphayinniwekhliyssahrbprakxbhnwyyxykhxngirobosm inophraekhrioxt krabwnkarthiekiywkhxngkbdiexnexekidkhuninisothphlasum imothkhxnedriyaelakhlxorphlast thahnathisrangphlngngansahrbesll imothkhxnedriyepnxxraekenllthisamarthephimcanwnidexng self replicating phbidhlakhlayindancanwn ruprang aelakhnadinisothphlasumkhxngyuaekhrioxt krabwnkarhayicradbesllekidkhuninimothkhxnedriy sungsrangphlngnganihaekeslldwykrabwnkar oxydative phosphorylation odyichxxksiecnpldplxyphlngnganthisasmxyuinsarxahar sungmkekiywkhxngkbkluokhs ephuxsrang ATP imothkhxnedriyephimcanwndwyechnediywkbophraekhrioxt khlxorphlastphbidinphuchaelasahrayethann thahnathicbphlngngancakaesngxathityephuxsrangkharobihedrtphankrabwnkarsngekhraahdwyaesngaephnphaphaesdngrangaehexnodphlasum epnekhruxkhaysahrbkhnsngomelkulthithukkahndihrbkarddaeplnghruxipyngcudhmaythiechphaa ethiybkbomelkulthilxyxyuxyangxisrainisothphlasum rangaehexnodphlasummisxngrupchnidkhux rangaehexnodphlasumchnidkhrukhrathimiirobosmmaekaabnphiwephuxsngoprtinekhaipkhanginrangaeh aelarangaehexnodphlasumchnideriybthiimmiirobosmmaekaa odymibthbathekiywkbkarkhdaeykaelahlngaekhlesiym kxlicaexphpharats hnathihlkkhxngkxlicaexphpharatskhuxkaraeprrupaelabrrcuomelkulkhnadihy macromolecule echnoprtinaelaliphidthiesllsngekhraahkhunma ilososmaelaephxrxksiosm ilososmbrrcu exsid xxraekenllthiekinmahruxhmdxayuaelw xahar aelaiwrshruxaebkhthieriythithukesllklunkin ephxrxksiosmmiexnismthikhcdsarthiepnphisxxkcakesll esllcaimsamarthekbexnismiwidelyhakimekbiwinrabbthimieyuxhum esnothrosm thahnathiepntwcdraebiybisothsekeltn srangimokhrthiwbulthiepnswnprakxbsakhykhxngisothsekeltn kakbkarkhnsngrahwangrangaehexnodphlasumaelakxlicaexppharats esnothrosmprakxbdwyesnthrioxlsxngxn thicaaeykxxkcakknrahwangkrabwnkaraebngesllaelachwyinkarkxtwkhxng mitotic spindle esllstwphbesnothrosmxnediyw aelayngxacphbinesllehdraaelasahrayiddwy aewkhiwoxl aewkhiwoxlaeyksarthiesllimtxngkaraelw inphuchthahnathiekbsasmna mkthukxthibaywaepnphunthithietmipdwykhxngehlwaelamieyuxhummalxmrxb bangesll odyechphaain mikhxnaethrkithlaewkhiwoxlthisamarthsubnaxxkcakesllhakminamakekinip aewkhiwoxlinesllphuchaelaehdramkmikhnadihykwakhxngesllstwyuaekhrioxtaelaophraekhrioxt irobosm irobosmepnokhrngsrangthiekidkhuncakomelkulxarexnexaelaoprtin prakxbkhuncaksxnghnwyyxyaelathahnathiepnsaykarprakxb assembly line thimikarnaxarexnexmaichephuxsngekhraahoprtinkhuncakkrdxamion irobosmsamarthphblxyxyuxyangxisrainisothphlasum hruxekaaxyukbeyuxhum rangaehexnodphlasumaebbkhrukhrainyuaekhrioxt hruxthieyuxhumesllinophraekhrioxt okhrngsrangphaynxkeyuxhumesllesllhlaychnidmiokhrngsrangthixyuphaynxkeyuxhumesllthnghmdhruxaetephiyngbangswn okhrngsrangehlanikhxnkhangednchdenuxngcakmnimidrbkarpkpxngcaksphaphaewdlxmphaynxkodyeyuxhumesllthiepneyuxeluxkphan xngkhprakxbkhxngokhrngsrangehlanicatxngmikrabwnkarsngxxkkhameyuxhumesllsahrbkarprakxbepnokhrngsrangtxip phnngesll esllophraekhrioxtaelayuaekhrioxthlaychnidmiphnngesllthithahnathipkpxngesllcaksingaewdlxmthngechingklaelaechingekhmi aelaepnchnesrimkarpxngknihkbeyuxhumesll eslltangchnidknmiphnngesllthixngkhprakxbtangknxxkipechn esllphuchmiphnngesllthiprakxbkhuncakeslluols phnngesllkhxngehdrathiprakxbkhuncakikhthin aelaphnngesllkhxngaebkhthieriythiprakxbkhuncak ophraekhrioxt aekhpsul eclatinphbidphaynxkeyuxhumesllaelaphnngesllkhxngaebkhthieriybangchnid aekhpsulxacepnidthngphxliaeskkhairdechnin aela meningococci epnphxliephpithddngechn hruxepnkrdihyalurxnikdngthiphbin aekhpsulimsamarththaihednchdiddwykrabwnkaryxmtampkti siyxmthiichsahrbtrwchaaekhpsulechn thaihaekhpsulmikhwamaetktang contrast cakesllmakphxthicathakarsxngphayitklxngculthrrsnid 87 aefleclla aeflecllaepnxxraekenllsahrbkarekhluxnihwinradbesll aeflecllakhxngaebkhthieriyyudxxkmacakisothphlasumphaneyuxhumesllaelaophlxxkthangphnngesll aeflecllaepnryangkhlayesndaythiyawaelahna prakxbkhuncakoprtin chnidkhxngaeflecllatangknxxkipinxarekhiyaelayuaekhrioxt fimebriy epnfilaemntkhlayesnphmthisnaelabang phbbnphiwesllaebkhthieriy kxtwkhuncakoprtinthieriykwa pilin aelamikhwamekiywkhxngkbkhxngaebkhthieriykbtwrbthicaephaabnphiwesllkhxngmnusy aelayngmiphiilchnidphiessthiekiywkhxngkbkrabwnkarkrabwnkarinradbesllesllophraekhrioxtaebngtwdwykrabwn inkhnathiesllyuaekhrioxtaebngesllphankrabwnkarimothsishruximoxsiskarcalxngtwexng karaebngesllekiywkhxngkbkarthiesllhnungaebngtwxxkepnesllluksxngesll sungnaipsukarecriyetibotkhxngsingmichiwithlayesll karecriykhxngenuxeyux aelakarsubphnthu aebbimxasyephs insingmichiwitesllediyw esllophraekhrioxtaebngtwdwykrabwn binary fission inkhnathiesllyuaekhrioxtaebngphankrabwnkaraebngniwekhliysthieriykwaimothsis mitosis tamdwykrabwnkaraebngesllthieriykwa cytokinesis eslldiphlxydxacphankrabwnkarimoxsisephuxphlitesllaehphlxyd thipktiidesllluksiesll esllaehphlxydthiidthahnathiepnesllsubphnthuinsingmichiwithlayesll odyrwmtwknepneslldiphlxyd karcalxngdiexnex hruxkrabwnkarthasaenacionmkhxngesll ekidkhunemuxesllaebngtwphankrabwnkarimothsishruxkaraebngxxkepnsxng inraya S khxngwtckresll inimoxsis diexnexthukcalxngephiyngkhrngediyw inrayathiesllmikaraebngtwsxngkhrng karcalxngdiexnexekidkhunkxnraya ethann odycaimekidkhuninkaraebngesllrayathisxngkhxngraya aelaechnediywkbkickrrmxun khxngesll karcalxngtwexngtxngxasyoprtinthiphthnamaepnphiesssahrbdaeninkrabwnkar aephnphngodysngekhpkhxngkrabwnkaraekhaethbxlisumkhxngoprtin kharobihedrtaelaikhmnkarsxmaesmdiexnex odypkti esllkhxngsingmichiwitthukchnidbrrcuexnismthitrwctradiexnexephuxhaaeladaeninkrabwnkarsxmaesmemuxtrwcphb singmichiwittngaetaebkhthieriycnthungmnusyidphthnakrabwnkarsxmaesmthihlakhlay xnepnsingthirabuidthungkhwamsakhykhxngkarbarungrksadiexnexihxyuinsphawapktiephuxhlikeliyngkartaykhxngesllhruxkhwamphidphladinkrabwnkarcalxngtwexngthiepnphlmacakkhwamesiyhaykhxngdiexnex sungxacnaipsukarklayphnth mutation aebkhthieriy E coli epntwxyanghnungkhxngsingmichiwitthiepnesll cellular organism thimikarsuksakrabwnkarsxmaesmdiexnexthiphthnamaepnxyangdiaelahlakhlay xnprakxbdwy 1 nucleotide excision repair 2 DNA mismatch repair 3 khxngdiexnexthikhadthngsxngsay non homologous end joining of double strand breaks 4 recombinational repair aela 5 light dependent repair karecriyetibotaelaemaethbxlisum phaphrwmkhxngkrabwnkarsngekhraahoprtin phayinniwekhliyskhxngesll sifa yin sinaengin thukthxdrhsipepnxarexnex thisungphayhlngcaekharbkarprbaetngaelakhwbkhumhlngthxdrhs post transcriptional modification and control thaihidexmxarexnex siaedng thicathukkhnsngxxknxkisothphlasumipyngniwekhliys siphich xnepnthiekidkrabwnkaraeplrhsipepnoprtindwyirobosm simwng thithahnathicbkhuniwkhlioxithdbnokhdxnthilasamtwkbkhuthixarexnexthiehmaasm oprtinthisngekhraahkhunihm sida mkthuknaipaeprruptxip echnkarekhacbkboprtinptibtingan effector protein sida ephuxihxyuinsphaphphrxmthangan rahwangkrabwnkaraebngesllthiekidkhunsubenuxng esllecriyetibotphankarthangankhxngkrabwnkaremaethbxlisumradbesll sungepnkrabwnkarthiaetlaesllmikaraeprrupomelkulkhxngsarxahar odymixyusxngpraephthkhux aekhaethbxlisumthiepnkaraeykslayomelkulsbsxnephuxihidphlngnganaelakhwamsamarthinkarridiws reducing power aelaaexaenbxlisumsungesllichphlngnganaelakhwamsamarthinkarridiwsephuxsrangomelkulsbsxnael adaeninkrabwnkarthangchiwwithyaxun natalechingsxnthisingmichiwitbriophkhekhaipsamarththukyxyslayepnomelkulnatalxyangngaythieriykwamxonaeskkhaird monosaccharide echnkluokhs thiemuxxyuphayinesllcathukaeykslayipxik ephuxsrangxadionsinitrfxseft adenosine triphosphate ATP xnepnomelkulepnaehlngphlngnganphrxmichngankhxngesll phansxngwithithiaetktangkn karsngekhraahoprtin esllmikhwamsamarthinkarsngekhraahoprtinkhunmaihm oprtinthisrangihmnimikhwamcaepntxkarprbsphaphaelabarungrksakickrrmtang phayinesll karsngekhraahoprtinekiywkhxngkbkarkxtwkhxngomelkuloprtinkhuncakhnwyyxykrdxamionthimiphunthanmacakkhxmulthithukekharhsxyuindiexnexaelaxarexnex odythwipkarsngekhraahoprtinprakxbdwysxngkhntxnihykhux karthxdrhsaelakaraeplrhs karthxdrhsepnkrabwnkarsungkhxmulthangphnthukrrmindiexnexthukichephuxsrangsayxarexnexkhusm complimentary RNA sungcathuknaphankrabwnkarthithaihidexmxarexnex messenger RNA mRNA thisamarthekhluxnyayidxyangxisrathwesll omelkulexmxarexnexekhacbkbxngkhprakxbkhxngoprtin xarexnexthieriykwairobosm sungphbinisothsxlxnepnthisungexmxarexnexthukaeplrhsipepnladbphxliephpithd irobosmkhwbkhumkarkxtwkhxngladbphxliephpithdthimiphunmacakexmxarexnex ladbkhxngexmxarexnexsmphnthodytrngkbladbphxliephpithddwykarekhacbkb transfer RNA tRNA thiepnomelkultwaeplng inchxngsahrbekhacbinirobosm sayphxliephpithdthisrangihmcaphbtwepnoprtinsammitithiphrxmthangantxip karekhluxnihw singmichiwitesllediywsamarthekhluxnthiephuxhaxaharaelahnicakphula klikkarekhluxnihwmkekiywkhxngkbsieliyaelaaefleclla insingmichiwithlayesll esllsamarthekhluxnthirahwangkrabwnkarechn karrksabadaephl kartxbsnxngthangphumikhumkn aelakaraephrkracaykhxngesllmaerng xyanginkarrksabadaephl esllemdeluxdkhawekhluxnthiipyngbadaephlephuxkhaculchiphthixackxihekidkartidechux karekhluxnihwkhxngesllekiywkhxngkboprtinhlaychnidthithahnathiepntwrb twechuxmoyng rwmklum prasan yudtid khbekhluxn aelaxun karekhluxnihwprakxbdwysamkhntxnkhux karyunkhxbnathang leading edge khxngesll karyudtidkbphunphiwkhxngkhxbnaaelakarplxytwcakphunphiwkhxngtwaelaswnthaykhxngesll aelakarhdtwkhxngisothsekeltnephuxdungesllipkhanghna aetlakhntxnkhbekhluxndwyaerngechingklthiekidcakswnthiaetktangknkhxngisothsekeltn karnathang khwbkhum aelasuxsar ineduxnsinghakhm kh s 2020 nkwithyasastridxthibaywaesllwithiediyw one way cell khnphbcakesllkhxngraemuxkaelaesllmaerngtbxxnkhxnghnu mikhwamsamarthinphayinrangkayaelakarrabuesnthangthidisudphanekhawngktthisbsxn odysrangradbkhnkhwamekhmkhn gradient phankaraeykslaysare chemoattractant thilalayxyuintwklang sungthaihesllsamarthrbruthungaeykinekhawngktkxnthicaipthung rwmipthungtammumtang dwykarmihlayesllkarphthnaipthahnathiechphaaaelakaraebngaeykhnathi Caenorhabditis elegans thithukyxmephuxennihehnniwekhliyskhxngaetlaesll singmichiwithlayesllkhuxsingmichiwitthiprakxbkhuncakesllhlay esll trngknkhamkbsingmichiwitesllediyw insingmichiwithlayesllthisbsxn esllmikarphthnaipepnhlaypraephththiaetktangkntamhnathithicaephaa instweliynglukdwynm chnidhlk khxngesllkhux esllphiwhnng esllprasath ifobrblast setmesll aelaxun eslltangchnidknmkmiruprangaelakarthanganthitangkncakkaraesdngxxkthitangknkhxngyinthiesllbrrcuiw aetkrannkyngehmuxnkninthangphnthukrrm odymicionithpthiehmuxnkn esllaetlachnidthiaetktangknlwnmiphthnamacakeslltnkaenidephiyngesllediywthieriykwaisokt sungphthnaipepnesllhlayrxychnidthiaetktangknrahwangkrabwnkarphthnaisokt karphthnaipthahnathiechphaa differentiation thukkhbekhluxndwypccycaksingaewdlxm echn karmiptismphnthkbesllkhangekhiyng aelacakkhwamaetktangphayinesll echn thiekidcakkarkracaykhxngomelkulthiimethaknrahwangkrabwnkaraebngesll tnkaenidkhxngkarmihlayesll karmihlayesllmikarphthnakhunxyangepnxisratxknxyangnxy 25 khrng rwmthunginophraekhrioxtechn isyaonaebkhthieriy hrux xyangirktam singmichiwithlayesllthimikhwamsbsxnphthnakhuninyuaekhrioxtephiynghkklum stw ehdra sahraysinatal sahraysiaedng sahraysiekhiyw aelaphuch phbwamikarwiwthnkhunsaipmainphuch hnunghruxsxngkhrnginstw hnungkhrngin aelaxachlaykhrnginehdra aelasahraysiaedng karmihlayesllxacwiwthnkhuncak colony khxngsingmichiwitthiphungpharahwangkn cellularisation hruxcaksingmichiwitthimi symbiotic relationship hlkthanaerkkhxngkarmihlayesllmacaksingmichiwitkhlayisyaonaebkhthieriythimichiwitxyurahwang 3 thung 3 5 phnlanpithiaelw fxssilxunkhxngsingmichiwithlayesllyukhaerkmithng spiralis thiyngkhngmikarotaeyngknxyu aelafxssilinhindindansidacak Fossil B Formation inkabxng wiwthnakarkhxngkarmihlayesllcakbrrphburusthimiesllediywidmikarcalxnginhxngptibtikar epnthiichkarlaehyuxepn selective pressure tnkaenidkaenidesllaerk thiisyaonaebkhthieriy sahraysiekhiywaekmnaengin thingiw epnfxssilkhxngsingmichiwitthiekaaekthisudbnolkethathithrabkn fxssilthimixayukwaphnlanpinimacak inshrthxemrika mixyuhlaythvsdiekiywkbomelkulkhnadelkthinaipsusrrphchiwitin sungxacthuknamathiolkdwyxukkabat duephimthixukkabatemxrchisn thuksrangkhunthiplxngnarxnitthaelluk hruxxacthuksngekhraahdwyfaphainbrryakasridiws duephimthi mikhxmulcakkarthdlxngnxymakthisamarthihniyamwa rupaebb aerkthisamarthcalxngtwexngidkhuxxair aetechuxwaxarexnexxacepnomelkulcalxngtwexngidrupaebbaerksud cakkhwamsamarthinkarcdekbkhxmulthangphnthukrrmaelakarerngptikiriyaekhmi duephimthi thngnitwtn entity thimiskyphaphinkarcalxngtwexngxacmixyukxnhnaxarexnexaelw echnmxntmxrilolintaela esllpraktkhunemux 3 5 phnlanpithiaelw inpccubnechuxwaesllthiekidkhunmainyukhnnepn heterotroph eyuxhumesllmikhwamepnipidwacasbsxnnxykwaaelayxmihsarphanekhaxxkidngaykwainyukhpccubn dwykarmikrdikhmnephiyngsayediywtxliphid cakthithrabknwaliphidcdtwepnewsiekhileyuxikhmnaebbsxngchninthnthiemuxxyuinna aelaxacmimakxnxarexnex aeteyuxhumesllaebbaerk xacthuksrangkhunodyxarexnexthierngptikiriyaekhmiid aelaxactxngxasyoprtinokhrngsrangsahrbkarkxtw kaenidesllyuaekhrioxt esllyuaekhrioxtxacwiwthnkhunmacakklumsngkhmexnodsimiboxsiskhxngesllophraekhrioxt xxraekenllthibrrcudiexnexechnimothkhxnedriyaelakhlxorphlast subechuxmacakobranaelaisyaonaebkhthieriythihayicodyichxxksiecntamladb aelathukkhwbrwmihekhamaxasyinesllbrrphburusthiepnxarekhiy pccubnyngkhngmikhxthkethiyngknwaxxraekenllxyangechnihodreconosmmimakxnkaenidkhxngimothkhxnedriyhruxwaepnipinthangklbkn duephimthi sahrbtnkaenidkhxngesllyuaekhrioxt prawtisastrkhxngkarkhnkhwaphaphwadkhxnghukaesdngesllinimkxk kh s 16651632 1723 xnotni fn elewinhukeriynrukarsrangelnsdwytnexng srangklxngculthrrsnaebbichaesngxyangngaykhunaelanaphrxmthngsxngduaelawadphaphophrotswechncaknafn aelaaebkhthieriycakpakkhxngekhaexng 1665 rxebirt hukkhnphbesllinimkxkaelainenuxeyuxkhxngphuchthiyngmichiwitxyu cakklxngculthrrsnechingsxninyukhaerk ekhaepnphuthibyytikhawa cell cakphasalatin cella thiaeplwahxngkhnadelk inhnngsux 1839 aela chiaecnghlkkarthiwathngphuchaelastwlwnprakxbkhuncakesll sungepnkarsrupwaesllepnhnwyyxysamykhxngokhrngsrangaelaphthnakarkhxngsingmichiwit aelaepnkartngthvsdiesll 1855 klawwaesllthiekidkhunihmmacakesllthimixyukxnhnaphankrabwnkaraebngesll omnis cellula ex cellula 1859 khwamechuxthiwasrrphchiwitsamarthekidkhunidexng generatio spontanea thukotaeyngodyhluys pasetxr aemwacaidthakarthdlxnginpi 1668 thiidphlsrupehmuxnknktam 1931 aexnsth ruskhasrangklxngculthrrsnxielktrxnaebbsxngphantwaerkkhunthimhawithyalyhumbxlthaehngebxrlin cnthungpi 1935 ekhaidsrangklxngculthrrsnxielktrxnthimikhwamsamarthcaaenkcud resolution makepnsxngethakhxngklxngculthrrsnaebbichaesng thaihkhnphbxxraekenllihm 1953 odyxasyngankhxngorsalind aefrngkhlin aelakhrikprakaskarkhnphbokhrngsrangkhxngdiexnex 1981 ephyaephrphlngan Symbiosis in Cell Evolution thiihraylaexiydekiywkbthvsdiexnodsimiboxtikhnathiekiywkhxngxangxing Cell Online Etymology Dictionary subkhnemux 31 December 2012 Cell Movements and the Shaping of the Vertebrate Body in Chapter 21 of Molecular Biology of the Cell fourth edition edited by Bruce Alberts 2002 published by Garland Science The Alberts text discusses how the cellular building blocks move to shape developing embryos It is also common to describe small molecules such as amino acids as molecular building blocks Campbell NA Williamson B Heyden RJ 2006 Biology Exploring Life Boston Massachusetts Pearson Prentice Hall ISBN 9780132508827 bthkhwamnirwmexacakewbisthruxexksarkhxng 30 March 2004 Bianconi E Piovesan A Facchin F Beraudi A Casadei R Frabetti F aelakhna November 2013 An estimation of the number of cells in the human body Annals of Human Biology 40 6 463 71 doi 10 3109 03014460 2013 807878 PMID 23829164 S2CID 16247166 These partial data correspond to a total number of 3 72 0 81 1013 cells Azevedo FA Carvalho LR Grinberg LT Farfel JM Ferretti RE Leite RE aelakhna April 2009 Equal numbers of neuronal and nonneuronal cells make the human brain an isometrically scaled up primate brain The Journal of Comparative Neurology 513 5 532 41 doi 10 1002 cne 21974 PMID 19226510 S2CID 5200449 Karp G 19 October 2009 Cell and Molecular Biology Concepts and Experiments John Wiley amp Sons p 2 ISBN 9780470483374 Hooke called the pores cells because they reminded him of the cells inhabited by monks living in a monastery Tero AC 1990 Achiever s Biology Allied Publishers p 36 ISBN 9788184243697 In 1665 an Englishman Robert Hooke observed a thin slice of cork under a simple microscope A simple microscope is a microscope with only one biconvex lens rather like a magnifying glass He saw many small box like structures These reminded him of small rooms called cells in which Christian monks lived and meditated Maton A 1997 Cells Building Blocks of Life New Jersey Prentice Hall ISBN 9780134234762 Schopf JW Kudryavtsev AB Czaja AD Tripathi AB 2007 Evidence of Archean life Stromatolites and microfossils Precambrian Research 158 3 4 141 55 Bibcode 2007PreR 158 141S doi 10 1016 j precamres 2007 04 009 Schopf JW June 2006 Fossil evidence of Archaean life Philosophical Transactions of the Royal Society of London Series B Biological Sciences 361 1470 869 85 doi 10 1098 rstb 2006 1834 PMC 1578735 PMID 16754604 Raven PH Johnson GB 2002 Biology McGraw Hill Education p 68 ISBN 9780071122610 subkhnemux 7 July 2013 Microbiology Principles and Explorations By Jacquelyn G Black European Bioinformatics Institute Karyn s Genomes Borrelia burgdorferi part of 2can on the EBI EMBL database Retrieved 5 August 2012 Satir P Christensen ST June 2008 Structure and function of mammalian cilia Histochemistry and Cell Biology 129 6 687 93 doi 10 1007 s00418 008 0416 9 PMC 2386530 PMID 18365235 1432 119X PH Raven Evert RF Eichhorm SE 1999 Biology of Plants 6th edition WH Freeman New York Blair DF Dutcher SK October 1992 Flagella in prokaryotes and lower eukaryotes Current Opinion in Genetics amp Development 2 5 756 67 doi 10 1016 S0959 437X 05 80136 4 PMID 1458024 Campbell Biology Concepts and Connections Pearson Education 2009 p 320 Michie KA Lowe J 2006 Dynamic filaments of the bacterial cytoskeleton Annual Review of Biochemistry 75 467 92 doi 10 1146 annurev biochem 75 103004 142452 PMID 16756499 S2CID 4550126 Menetret JF Schaletzky J Clemons WM Osborne AR Skanland SS Denison C aelakhna December 2007 Ribosome binding of a single copy of the SecY complex implications for protein translocation PDF Molecular Cell 28 6 1083 92 doi 10 1016 j molcel 2007 10 034 PMID 18158904 Prokaryotes Newnes Apr 11 1996 ISBN 9780080984735 Campbell Biology Concepts and Connections Pearson Education 2009 p 138 D Peter Snustad Michael J Simmons Principles of Genetics 5th Ed DNA repair mechanisms pp 364 368 Ananthakrishnan R Ehrlicher A June 2007 The forces behind cell movement International Journal of Biological Sciences Biolsci org 3 5 303 17 doi 10 7150 ijbs 3 303 PMC 1893118 PMID 17589565 Alberts B 2002 Molecular biology of the cell 4th ed Garland Science pp 973 975 ISBN 0815340729 Ananthakrishnan R Ehrlicher A June 2007 The forces behind cell movement International Journal of Biological Sciences 3 5 303 17 doi 10 7150 ijbs 3 303 PMC 1893118 PMID 17589565 Willingham E Cells Solve an English Hedge Maze with the Same Skills They Use to Traverse the Body Scientific American phasaxngkvs subkhnemux 7 September 2020 How cells can find their way through the human body phys org phasaxngkvs subkhnemux 7 September 2020 Tweedy L Thomason PA Paschke PI Martin K Machesky LM Zagnoni M Insall RH August 2020 Seeing around corners Cells solve mazes and respond at a distance using attractant breakdown Science 369 6507 eaay9792 doi 10 1126 science aay9792 PMID 32855311 S2CID 221342551 Becker WM aelakhna 2009 The world of the cell p 480 ISBN 9780321554185 Grosberg RK Strathmann RR 2007 PDF Annu Rev Ecol Evol Syst 38 621 54 doi 10 1146 annurev ecolsys 36 102403 114735 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2016 03 04 subkhnemux 2020 11 15 Popper ZA Michel G Herve C Domozych DS Willats WG Tuohy MG aelakhna 2011 Evolution and diversity of plant cell walls from algae to flowering plants PDF Annual Review of Plant Biology 62 567 90 doi 10 1146 annurev arplant 042110 103809 10379 6762 PMID 21351878 1998 PDF Integrative Biology Issues News and Reviews 1 1 27 36 doi 10 1002 SICI 1520 6602 1998 1 1 lt 27 AID INBI4 gt 3 0 CO 2 6 ISSN 1093 4391 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF 0 2 MB emux March 8 2012 Bengtson S Canfield DE Bekker A Macchiarelli R Mazurier A aelakhna July 2010 Large colonial organisms with coordinated growth in oxygenated environments 2 1 Gyr ago Nature 466 7302 100 4 Bibcode 2010Natur 466 100A doi 10 1038 nature09166 PMID 20596019 S2CID 4331375 Orgel LE December 1998 The origin of life a review of facts and speculations Trends in Biochemical Sciences 23 12 491 5 doi 10 1016 S0968 0004 98 01300 0 PMID 9868373 Griffiths G December 2007 Cell evolution and the problem of membrane topology Nature Reviews Molecular Cell Biology 8 12 1018 24 doi 10 1038 nrm2287 PMID 17971839 S2CID 31072778 Hooke R 1665 Micrographia London England Royal Society of London p 113 I could exceedingly plainly perceive it to be all perforated and porous much like a Honey comb but that the pores of it were not regular these pores or cells were indeed the first microscopical pores I ever saw and perhaps that were ever seen for I had not met with any Writer or Person that had made any mention of them before this Hooke describing his observations on a thin slice of cork See also Robert Hookeechingxrrthichkarpramancakbukhkhlthimixayu 30 pi nahnk 70 kiolkrm 150 pxnd aelamikhwamsung 172 esntiemtr 5 64 fut imichkarpramanthiaemnyank cakkarsuksaphbwacanwnesllkhxngmnusymi 3 72 0 81 1013 esllraykarxanephimetimAlberts B Johnson A Lewis J Morgan D Raff M Roberts K Walter P 2015 Molecular Biology of the Cell 6th ed Garland Science p 2 ISBN 9780815344322 Alberts B Johnson A Lewis J Raff M Roberts K Walter P 2014 6th ed Garland ISBN 9780815344322 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2014 07 14 subkhnemux 2020 11 15 The fourth edition is freely available from Bookshelf Lodish H Berk A Matsudaira P Kaiser CA Krieger M Scott MP Zipurksy SL Darnell J 2004 Molecular Cell Biology 5th ed WH Freeman New York NY ISBN 9780716743668 Cooper GM 2000 The cell a molecular approach 2nd ed Washington D C ASM Press ISBN 9780878931026 aehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb esll chiwwithya wikikhakhmmikhakhmekiywkb esll chiwwithya MBInfo Descriptions on Cellular Functions and Processes MBInfo Cellular Organization Inside the Cell 2017 07 20 thi ewyaebkaemchchin a science education booklet by National Institutes of Health in PDF and Cell Biology in The Biology Project of Centre of the Cell online 2022 06 25 thi ewyaebkaemchchin The Image amp Video Library of The American Society for Cell Biology 2011 06 10 thi ewyaebkaemchchin a collection of peer reviewed still images video clips and digital books that illustrate the structure function and biology of the cell HighMag Blog still images of cells from recent research articles New Microscope Produces Dazzling 3D Movies of Live Cells 2013 05 09 thi ewyaebkaemchchin March 4 2011 WormWeb org Interactive Visualization of the C elegans Cell lineage Visualize the entire cell lineage tree of the nematode C elegans Cell Photomicrographs