อาณาจักรพระนคร (เขมร: ចក្រភពអង្គរ จกฺรภพองฺคร) หรือ อาณาจักรเขมร (เขมร: ចក្រភពខ្មែរ จกฺรภพขฺแมร) บ้างเรียก อาณาจักรขอม เป็นคำที่นักประวัติศาสตร์ใช้เรียกประเทศกัมพูชาในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9–15 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศนี้เป็นจักรวรรดิพุทธ-ฮินดูอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จักรวรรดิแห่งนี้วิวัฒนาการขึ้นจากอารยธรรมโบราณที่เรียกฟูนันและเจนละซึ่งปกครองหรือเป็นเจ้าประเทศราชอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภาคพื้นดินส่วนใหญ่ ตลอดจนบางส่วนของ โดยมีอาณาเขตตั้งแต่ปลายคาบสมุทรอินโดจีนไปทางเหนือจนถึงมณฑลยูนนานในประเทศจีนปัจจุบัน และทางตะวันตกจากประเทศเวียดนามไปจนถึงประเทศเมียนมา
อาณาจักรพระนคร | |||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ค.ศ. 802–ค.ศ. 1431 | |||||||||||||
ธงชาติ | |||||||||||||
อาณาจักรพระนคร ป. ค.ศ. 900 | |||||||||||||
สถานะ | จักรวรรดิ | ||||||||||||
เมืองหลวง |
| ||||||||||||
สันสกฤต | |||||||||||||
ภาษาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อื่น ๆ | |||||||||||||
ศาสนา |
| ||||||||||||
เดมะนิม | เขมร | ||||||||||||
การปกครอง | สมบูรณาญาสิทธิราชย์แบบ | ||||||||||||
พระมหากษัตริย์ | |||||||||||||
• ค.ศ. 802–850 | พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 | ||||||||||||
• ค.ศ. 1113–1150 | พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 | ||||||||||||
• ค.ศ. 1181–1218 | พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 | ||||||||||||
• ค.ศ. 1417–1431 | เจ้าพระยาญาติ | ||||||||||||
ยุคประวัติศาสตร์ | สมัยกลาง | ||||||||||||
• พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ขึ้นครองราชย์ | ค.ศ. 802 | ||||||||||||
• สถาปนานครวัด | ค.ศ. 1113–1150 | ||||||||||||
• | ค.ศ. 1431 | ||||||||||||
พื้นที่ | |||||||||||||
ค.ศ. 1290 | 1,000,000 ตารางกิโลเมตร (390,000 ตารางไมล์) | ||||||||||||
|
ตามขนบแล้ว อาณาจักรพระนครเริ่มต้นใน ค.ศ. 802 เมื่อพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ทรงประกาศพระองค์เป็นพระเจ้าจักรพรรดิที่พนมกุเลน และสิ้นสุดลงเมื่ออาณาจักรอยุธยาเข้ายึดเมืองพระนครใน ค.ศ. 1431 แต่สาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้อาณาจักรพระนครล่มลายนั้นยังคงเป็นที่สงสัยของนักวิชาการ นักวิจัยเห็นว่า ปัญหาหนึ่งในอาณาจักรนี้ คือ การที่เกิดฝนมรสุมสลับไปมากับภาวะร้อนแล้งซึ่งสร้างความเสียหายแก่โครงสร้างพื้นฐาน
มรดกที่โดดเด่นที่สุดของอาณาจักรพระนครคือ เมืองพระนคร ซึ่งเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรนี้ในช่วงรุ่งเรืองที่สุด โบราณสถานอลังการหลายแห่งในเมืองพระนคร เช่น นครวัดและปราสาทบายน เป็นเครื่องยืนยันถึงความมหาศาลของอำนาจ ราชทรัพย์ ศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาการทางสถาปัตยกรรม และระบบความเชื่ออันหลากหลายในอาณาจักรนี้ ภาพถ่ายจากดาวเทียมแสดงให้เห็นว่า ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 11–12 ซึ่งอาณาจักรพระนครเจริญถึงขีดสุดนั้น อาณาจักรพระนครเป็นชุมชนเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลกก่อนยุคอุตสาหกรรม นักวิจัยยังเห็นว่า อาณาจักรพระนครเป็นแห่งแรกในโลกที่ก่อตั้งระบบสาธารณสุข โดยมีสถานพยาบาลสาธารณะถึง 102 แห่ง
ชื่อเรียก
ขอม - เขมร (ขะแมร์)
ตามตำนานพระทอง-นางนาคได้มีการเรียกดินแดนที่อาณาจักรพระนครตั้งอยู่ว่า กัมโพชะ หรือ กัมพูชา มาตั้งแต่สมัยอาณาจักรฟูนัน หลักฐานที่เรียกชาวกัมพูชาว่า เขมร เก่าที่สุด คือ ศิลาจารึก Ka. 64 ซึ่งเป็นศิลาจารึกสมัยก่อนเมืองพระนคร อายุราวพุทธศตวรรษที่ 12 กล่าวถึงชาวเขมรโบราณไว้ว่า “(๑๓) กฺญุม เกฺมร โฆ โต ๒๐. ๒๐. ๗ เทร สิ ๒” คำว่า กฺญุม ในภาษาเขมรโบราณสมัยก่อนพระนครหมายถึง "ข้า" สันนิษฐานว่า หมายถึง "ข้าพเจ้า" ใช้เรียกตนเอง เหมือนคำว่า ขยม อัญขยม ส่วนคำว่า เกฺมร (kmer) เมื่อรวมความหมายของคำว่า “กฺญุม เกฺมร” แล้ว จึงอาจแปลว่า “ข้าพเจ้า (ที่เป็น) ชาวเขมร” แสดงว่าชาวกัมพูชาเรียกตัวเองว่า เกฺมร (kmer) มาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 12 ก่อนที่จะพัฒนามาเป็นคำว่า เขฺมร (khmer) ในช่วงเขมรสมัยเมืองพระนคร และกลายเป็น แขฺมร ออกเสียงว่า แคฺมร์ (khmaer) ดังที่ปรากฏในภาษาเขมรปัจจุบัน ส่วนบางทฤษฏีสันนิษฐานว่า เกฺมร หมายถึง ทาส เช่น บ่าว ไพร่ ซึ่งอาจตีความได้ว่าเป็นข้ารับใช้ของพระมหากษัตริย์ในยุคอาณาจักรพระนคร
โดยคำว่า เขมร ในดินแดนไทยได้มีหลักฐานปรากฏขึ้นอย่างน้อย ๆ เมื่อ พ.ศ. 1069 (ตรงกับยุคอาณาจักรพระนคร) จากจารึกคำว่า เขมร ใน อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา
คำว่า ขอม สันนิษฐานว่าเกิดขึ้นในภายหลัง ปรากฏในจารึกวัดศรีชุม สุโขทัย 2 แห่ง ระบุชื่อ ขอมสบาดโขลญลำพง ซึ่งคาดว่าสร้างขึ้นราว พ.ศ. 1884-1910 ปลายยุคอาณาจักรพระนครจิตร ภูมิศักดิ์ได้เสนอว่า ขอม ไม่ได้หมายถึงเชื้อชาติ แต่หมายถึงกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ที่รับวัฒนธรรมฮินดูจากชมพูทวีปแล้วภายหลังเปลี่ยนเป็นพุทธมหายาน (ต่างกับชนชาติไทย-ลาวที่นับถือผีก่อนเปลี่ยนมารับพุทธเถรวาทจากชมพูทวีป) ใช้อักษรขอมในการจดจารึก ซึ่งคนกลุ่มนี้รวมถึงชนชาติเขมรและรัฐเครือญาติทั้งหมด รวมทั้งละโว้ ซึ่งต่อมาได้กลายมาเป็นอโยธยาศรีรามเทพนครด้วย คำว่า "ขอม" ถูกใช้เรียกกลุ่มคนโดยรวม คล้ายกับการใช้คำว่า "แขก" เรียกคนอิสลาม/ซิกข์/ฮินดูโดยรวม โดยไม่แยกว่าเป็นคนอินเดีย มลายู ชวา หรือตะวันออกกลาง สำหรับชาวเขมรนั้นไม่ได้เรียกตัวเองว่า ขอม อีกทั้งไม่ปรากฏหลักฐานว่าชาวเขมรเรียกตนเองว่า กโรม หรือ ขอม (ในความหมายว่า ชาวเขมร หรือ ชาวกัมพูชา) แต่พวกเขาเรียกตนเองอย่างชัดเจนว่า ขะแมร์ (เขมร) และเรียกดินแดนของตนว่า กัมพูชา มาตั้งแต่สมัยก่อนเมืองพระนคร
การเปลี่ยนแปลงดินแดน
พื้นที่อาณาจักรพระนครระบายด้วยสีแดง
- ค.ศ. 900 (พ.ศ. 1443)
- ประมาณ ค.ศ. 1000 - 1100 (พ.ศ. 1543–1643)
- ประมาณ ค.ศ. 1300 (พ.ศ. 1843)
- ประมาณ ค.ศ. 1400 (พ.ศ. 1943)
รายพระนามพระมหากษัตริย์พระนคร
บทความนี้ไม่มีจาก |
รายพระนามพระมหากษัตริย์กัมพูชา | ||||
พระมหากษัตริย์ | ครองราชย์ | |||
---|---|---|---|---|
รัชกาล | พระรูป | พระนาม | ระหว่าง | หมายเหตุ |
อาณาจักรพระนคร (พ.ศ. 1345 – 1974) | ||||
สถาปนา มเหนทรบรรพต เป็นเมืองหลวง | ||||
สถาปนา หริหราลัย เป็นเมืองหลวง | ||||
31 | พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 | พ.ศ. 1345 – 1378 (33 ปี) | ประกาศอิสรภาพกัมพูชาจากการยึดครองของอาณาจักรศรีวิชัย สถาปนาอาณาจักรพระนคร และรับการอภิเษกเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ณ พนมกุเลนและริเริ่มลัทธิเทวราชขึ้นเป็นครั้งแรกในกัมพูชา | |
32 | พระเจ้าชัยวรมันที่ 3 | พ.ศ. 1378 – 1420 (42 ปี) | เป็นพระราชโอรสในพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 | |
33 | พระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 | พ.ศ. 1420 – 1432 (12 ปี) | ภาคิไนยในพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 พระองค์ได้สร้าง โดยอุทิศแด่พระราชบิดาและพระอัยกา และสร้างปราสาทบากอง | |
สถาปนา ยโศธรปุระ เป็นเมืองหลวง | ||||
34 | พระเจ้ายโศวรมันที่ 1 | พ.ศ. 1432 – 1453 (21 ปี) | พระราชโอรสในพระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 พระองค์ได้สร้างปราสาทโลเลย ย้ายราชธานีไปตั้งที่กรุงยโศธรปุระล้อมรอบด้วย อีกทั้งยังทรงโปรดให้ขุดบารายตะวันออก | |
35 | พระเจ้าหรรษวรมันที่ 1 | พ.ศ. 1453 – 1466 (13 ปี) | พระราชโอรสในพระเจ้ายโศวรมันที่ 1 พระองค์ได้สร้างปราสาทปักษีจำกรุง | |
36 | พระเจ้าอิศานวรมันที่ 2 | พ.ศ. 1466 – 1471 (5 ปี) | พระราชโอรสในพระเจ้ายโศวรมันที่ 1 พระเชษฐาในพระเจ้าหรรษวรมันที่ 1 พระองค์มีบทบาทในการชิงพระราชบัลลังก์พระมาตุลาของพระองค์เอง (พระเจ้าชัยวรมันที่ 4) พระองค์โปรดให้สร้าง | |
สถาปนา เกาะแกร์ เป็นเมืองหลวง | ||||
37 | พระเจ้าชัยวรมันที่ 4 | พ.ศ. 1471 – 1484 (13 ปี) | พระราชนัดดาในพระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 (ประสูติแต่พระนางมเหนทรเทวี พระธิดาในพระเจ้าอินทรวรมันที่ 1) พระองค์ได้อภิเษกสมรสกับพระนางชยเทวี พระขนิษฐาในพระเจ้ายโศวรมันที่ 1 พระองค์ทรงราชาภิเษกโดยอ้างสิทธิ์ทางสายพระราชมารดา และเป็นผู้สถาปนาเกาะแกร์เป็นราชธานี | |
38 | พระเจ้าหรรษวรมันที่ 2 | พ.ศ. 1484 – 1487 (3 ปี) | พระราชโอรสในพระเจ้าชัยวรมันที่ 4 | |
สถาปนา ยโศธรปุระ เป็นเมืองหลวง | ||||
39 | พระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 | พ.ศ. 1487 – 1511 (24 ปี) | เป็นพระปิตุลาและพระภาดาของพระเจ้าหรรษวรมันที่ 2 พระองค์ได้ชิงพระราชบัลลังก์จากพระเจ้าหรรษวรมันที่ 2และทรงย้ายราชธานีกลับมาที่เมืองพระนคร ทรงโปรดให้สร้างและ, ทรงเริ่มทำสงครามกับอาณาจักรจามปาในปี ค.ศ. 946 | |
สถาปนา พระนคร เป็นเมืองหลวง | ||||
40 | พระเจ้าชัยวรมันที่ 5 | พ.ศ. 1511 – 1544 (33 ปี) | พระราชโอรสของพระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 ทรงสถาปนาราชธานีแห่งใหม่คือเมืองชัยเยนทรนครและ ให้เป็นศูนย์กลางแทนเมืองศรียโศธรปุระ | |
41 | พระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 1 | พ.ศ. 1544 – 1549 (5 ปี) | เป็นยุคแห่งความวุ่นวาย เนื่องจากมีพระมหากษัตริย์ 3 พระองค์ครองราชย์พร้อมกันทำให้เกิดความขัดแย้ง | |
42 | พระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 | พ.ศ. 1549 – 1593 (42 ปี) | ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ได้สำเร็จ ดำเนินนโยบายเป็นพันธมิตรกับราชวงศ์โจฬะและสู้รบกับอาณาจักรตามพรลิงก์ โปรดให้สร้าง พระองค์ได้หันมานับถือศาสนาพุทธนิกายมหายาน | |
43 | พระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 | พ.ศ. 1593 – 1609 (16 ปี) | ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ได้สำเร็จ พระองค์สืบราชสันตติวงศ์แต่พระมเหสีในพระเจ้ายโศวรมันที่ 1 โปรดให้สร้างปราสาทบาปวน โปรดให้ขุดบารายตะวันตกและโปรดให้สร้างปราสาทแม่บุญตะวันตกและปราสาทสด็อกก็อกธม | |
44 | พระเจ้าหรรษวรมันที่ 3 | พ.ศ. 1609 – 1623 (14 ปี) | แย่งราชบัลลังก์จากพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 ตั้งศูนย์กลางพระนครที่ปราศาทบาปวน การรุกรานของอาณาจักรจามปาในปี พ.ศ. 1617 และ 1625 | |
45 | พระเจ้าชัยวรรมันที่ 6 | พ.ศ. 1623 – 1650 (27 ปี) | พระองค์ชิงราชบัลลังก์จากวิมายปุระ เป็นปฐมกษัตริย์ต้นสายราชสกุลมหิธรปุระ โปรดให้สร้างปราสาทพิมาย | |
46 | พระเจ้าธรณินทรวรมันที่ 1 | พ.ศ. 1650 – 1656 (6 ปี) | ชิงราชบัลลังก์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 6 | |
47 | พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 | พ.ศ. 1656–1688 (32 ปี) | ลอบปลงพระชนม์พระปัยกาและแย่งชิงเพื่อขึ้นครองราชสมบัติต่อ และยังโปรดให้สร้าง ปราสาทนครวัด, บันทายสำเหร่, , และ อีกทั้งยังทำศึกสงครามรุกรานกับอาณาจักรไดเวียต และ จามปา | |
48 | พระเจ้าธรณินทรวรมันที่ 2 | พ.ศ. 1693 – 1703 (10 ปี) | เป็นลูกพี่ลูกน้องของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 | |
49 | พระเจ้ายโศวรมันที่ 2 | พ.ศ. 1703 – 1710 (7 ปี) | ถูกยึดอำนาจโดยพระเจ้าตรีภูวนาทิตยวรมัน | |
50 | พระเจ้าตรีภูวนาทิตยวรมัน | พ.ศ. 1710 – 1720 (10 ปี) | อาณาจักรจามปาได้เข้ามารุกรานเมื่อปี พ.ศ. 1720 จนกระทั่งเสียพระนครให้แก่จามปาในรัชสมัยพระเจ้าชัยอินทรวรมันที่ 4 กษัตริย์แห่งอาณาจักรจามปา ในอีกหนึ่งปีต่อมา คือเมื่อปี พ.ศ. 1721 | |
ถูกรุกรานโดยอาณาจักรจามปา (ว่างเว้นกษัตริย์ พ.ศ. 1721 – 1724) | ||||
สถาปนา นครธม เป็นเมืองหลวง | ||||
51 | พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 | พ.ศ. 1724 – 1761 (37 ปี) | เป็นผู้นำกองทัพชาวพระนครในการกอบกู้เอกราชของอาณาจักรพระนครให้พ้นจากการปกครองของอาณาจักรจามปา จนได้รับชัยชนะและเป็นเอกราชอีกครั้งในปี พ.ศ. 1734 หลังจากประสบความสำเร็จจากการทำศึกครั้งนั้นแล้ว จึงได้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่สำคัญเช่น การสร้างอโรคยศาลา พระราชวัง สระน้ำหลวง รวมไปถึงปราสาทองค์สำคัญ เช่น ปราสาทตาพรหม, ปราสาทพระขรรค์, ปราสาทบายน ใน นครธม และ ปราสาทนาคพันธ์ เป็นต้น | |
52 | พระเจ้าอินทรวรมันที่ 2 | พ.ศ. 1762 – 1786 (24 ปี) | เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ในรัชสมัยของพระองค์นั้นได้สูญเสียดินแดนทางฝั่งตะวันตกโดยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ได้ทำการฟื้นฟูอาณาจักรสุโขทัยขึ้น และดินแดนทางฝั่งตะวันออกนั้น อาณาจักรจามปา ก็ยังได้ประกาศเอกราชขึ้นมาอีกในรัชสมัยเดียวกัน | |
53 | พระเจ้าชัยวรมันที่ 8 | พ.ศ. 1786 – 1838 (76 ปี) | ถูกชาวมองโกลนำโดยกุบไลข่าน รุกรานในปี พ.ศ. 1826 และทำสงครามกับอาณาจักรสุโขทัย | |
54 | พระเจ้าอินทรวรมันที่ 3 | พ.ศ. 1838 – 1851 (13 ปี) | ลอบปลงพระชนม์พระเจ้าชัยวรมันที่ 8 ผู้เป็นพระสัสสุระ ทำให้พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทเป็นศาสนาประจำชาติ มีการรับนักการทูตชาวจีนหยวน โจว ต๋ากวาน (พ.ศ. 1839 – 1840) | |
55 | พระเจ้าอินทรวรมันที่ 4 | พ.ศ. 1851 – 1870 (19 ปี) | ||
56 | พระเจ้าชัยวรมันที่ 9 | พ.ศ. 1870 – 1879 (9 ปี) | มีพระนามปรากฏในศิลาจารึกภาษาสันสกฤตเป็นพระองค์สุดท้าย สิ้นสุดการปกครองโดยราชสกุลมหิธรปุระหลังจากที่ได้ปกครองอาณาจักรมาอย่างยาวนานกว่า 300 ปี | |
57 | พระเจ้าแตงหวาน | พ.ศ. 1879 – 1883 (4 ปี) | ต้นสายราชสกุลตระซ็อกประแอม | |
58 | พระบรมนิพพานบท | พ.ศ. 1883 – 1889 (6 ปี) | ||
59 | พระสิทธานราชา | พ.ศ. 1889 – 1890 (1 ปี) | ||
60 | พระบรมลำพงษ์ราชา | พ.ศ. 1890 – 1896 (6 ปี) | ||
อาณาจักรอยุธยา ตีนครธมแตก แต่ยังคงมีพระมหากษัตริย์ครองราชย์ต่อไป | ||||
61 | พระบาสาต (พระบากระษัตร) | พ.ศ. 1896 – 1899 (3 ปี) | ||
62 | พระบาอาต (พระบาอัฐ) | พ.ศ. 1899 – 1900 (1 ปี) | ||
63 | พระกฎุมบงพิสี | พ.ศ. 1900 (น้อยกว่า 1 ปี) | ||
64 | พระศรีสุริโยวงษ์ | พ.ศ. 1900 – 1906 (6 ปี) | ||
65 | พระบรมรามา | พ.ศ. 1906 – 1916 (10 ปี) | ||
66 | พระธรรมาโศกราช | พ.ศ. 1916 – 1936 (20 ปี) | ||
อาณาจักรอยุธยา นำโดยสมเด็จพระราเมศวร ตีนครธมแตกครั้งที่ 2 แต่ยังคงมีพระมหากษัตริย์ครองราชย์ต่อไป | ||||
67 | พระอินทราชา (พญาแพรก) | พ.ศ. 1931 – 1964 (33 ปี) | ||
สถาปนา เป็นเมืองหลวง | ||||
68 | พระบรมราชารามาธิบดีที่ 1 (พระบรมราชาเจ้าพระยาญาติ) | พ.ศ. 1915 – 1976 (61 ปี) | ตัดสินพระทัยทิ้งเมืองนครธมในปี ค.ศ. 1974 และย้ายเมืองหลวงไปตั้งที่กรุง |
หมายเหตุ
- ภาษาสันสกฤตใช้เฉพาะในทางศาสนา
อ้างอิง
- Turchin, Peter; Adams, Jonathan M.; Hall, Thomas D (December 2006). "East-West Orientation of Historical Empires". Journal of World-Systems Research. 12 (2): 223. ISSN 1076-156X. จากแหล่งเดิมเมื่อ 20 May 2019. สืบค้นเมื่อ 16 September 2016.
- (September 1997). "Expansion and Contraction Patterns of Large Polities: Context for Russia". . 41 (3): 493. doi:10.1111/0020-8833.00053. JSTOR 2600793. จากแหล่งเดิมเมื่อ 17 August 2018. สืบค้นเมื่อ 7 September 2018.
- บวรศักดิ์ อุวรรณโน (2015). "คดีปราสาทพระวิหาร: ความเป็นมาและเป็นไป". 80 ปีราชบัณฑิตยสถาน (PDF). กรุงเทพฯ: สำนักงานราชบัณฑิตยสภา. p. 128. ISBN .
- ราชบัณฑิตยสภา (2015). "ประเทศกัมพูชา". สารานุกรมประวัติศาสตร์ประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน (PDF). กรุงเทพฯ: สำนักงานราชบัณฑิตยสภา. p. 24. ISBN .
- ปิยะแสง จันทรวงศไพศาล (2023). "ลำดับประวัติศาสตร์ศิลปะเขมร". ศิลปะอาเซียน. มหาวิทยาลัยศิลปากร.
- ซีเลีย ฮัตตัน (2023-02-21). "กัมพูชา: สมบัติอาณาจักรขอมที่ถูกโจรกรรมถูกพบอีกครั้งในกรุงลอนดอน". บีบีซี ไทย. บีบีซี.
- "Khmer Empire | Infoplease". www.infoplease.com. สืบค้นเมื่อ 15 January 2023.
- Reynolds, Frank. "Angkor". Encyclopædia Britannica. Encyclopædia Britannica, Inc. จากแหล่งเดิมเมื่อ 26 July 2019. สืบค้นเมื่อ 17 August 2018.
- Plubins, Rodrigo. "Khmer Empire". . จากแหล่งเดิมเมื่อ 17 April 2021. สืบค้นเมื่อ 17 August 2018.
- . National Geographic Society. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 March 2022. สืบค้นเมื่อ 30 March 2022.
- "Prasad, J. (2020, April 14). Climate change and the collapse of Angkor Wat. The University of Sydney. Retrieved March 30, 2022". จากแหล่งเดิมเมื่อ 24 May 2022. สืบค้นเมื่อ 30 March 2022.
- Damian Evans; และคณะ (9 April 2009). "A comprehensive archaeological map of the world's largest preindustrial settlement complex at Angkor, Cambodia". Proceedings of the National Academy of Sciences. 104 (36): 14277–82. doi:10.1073/pnas.0702525104. PMC 1964867. PMID 17717084.
- "Galloway, M. (2021, May 31). How Did Hydro-Engineering Help Build The Khmer Empire? The Collector. Retrieved November 12, 2021". จากแหล่งเดิมเมื่อ 12 November 2021. สืบค้นเมื่อ 12 November 2021.
- "Bunthoeurn, O. (2022, July 21). Khmer Empire had 'world's first' system for healthcare. The Phnom Penh Post. Retrieved August 9, 2022". จากแหล่งเดิมเมื่อ 10 August 2022. สืบค้นเมื่อ 10 August 2022.
- เยาวชนไทยกับขแมร์ ร่วมเมิลขแมร์แลไทย ไทยรัฐ สืบค้นเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2558
- จารึกในประเทศไทย ศูนย์มานุษวิทยาสิรินธรฯ
- เจ้าพิธีลัทธิเทวราช อยู่สด๊กก๊อกธม จ.สระแก้ว ชุมทางเครือข่ายอำนาจ.สุจิตต์ วงษ์เทศ,มติชนสุดสัปดาห์,2562
- Kenneth T. So. (PDF). Cambosastra. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2021-07-08. สืบค้นเมื่อ February 16, 2023.
แหล่งข้อมูลอื่น
- คู่มือการท่องเที่ยว อาณาจักรพระนคร จากวิกิท่องเที่ยว (ในภาษาอังกฤษ)
- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ Khmer Empire
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
xanackrphrankhr ekhmr ចក រភពអង គរ ck rphphxng khr hrux xanackrekhmr ekhmr ចក រភពខ ម រ ck rphphkh aemr bangeriyk xanackrkhxm epnkhathinkprawtisastricheriykpraethskmphuchainchwngkhriststwrrsthi 9 15 sungepnchwngthipraethsniepnckrwrrdiphuthth hinduxyuinexechiytawnxxkechiyngit ckrwrrdiaehngniwiwthnakarkhuncakxarythrrmobranthieriykfunnaelaecnlasungpkkhrxnghruxepnecapraethsrachxyuinexechiytawnxxkechiyngitphakhphundinswnihy tlxdcnbangswnkhxng odymixanaekhttngaetplaykhabsmuthrxinodcinipthangehnuxcnthungmnthlyunnaninpraethscinpccubn aelathangtawntkcakpraethsewiydnamipcnthungpraethsemiynmaxanackrphrankhrkh s 802 kh s 1431thngchatixanackrphrankhr p kh s 900sthanackrwrrdiemuxnghlwngmehnthrbrrpht tnkhriststwrrsthi 9 hrihraly khriststwrrsthi 9 lingkhpura ekaaaekr kh s 928 944 yosthrpura emuxngphrankhr playkhriststwrrsthi 9 tnkhriststwrrsthi 15 snskvtphasaexechiytawnxxkechiyngitxun sasnasasnahindu sasnaphuththaebbmhayan sasnaphuththaebbethrwathedmanimekhmrkarpkkhrxngsmburnayasiththirachyaebbphramhakstriy kh s 802 850phraecachywrmnthi 2 kh s 1113 1150phraecasuriywrmnthi 2 kh s 1181 1218phraecachywrmnthi 7 kh s 1417 1431ecaphrayayatiyukhprawtisastrsmyklang phraecachywrmnthi 2 khunkhrxngrachykh s 802 sthapnankhrwdkh s 1113 1150 kh s 1431phunthikh s 12901 000 000 tarangkiolemtr 390 000 tarangiml kxnhna thdipecnla kmphuchasmyhlngphrankhrxanackrlanchangxyuthya tamkhnbaelw xanackrphrankhrerimtnin kh s 802 emuxphraecachywrmnthi 2 thrngprakasphraxngkhepnphraecackrphrrdithiphnmkueln aelasinsudlngemuxxanackrxyuthyaekhayudemuxngphrankhrin kh s 1431 aetsaehtuthiaethcringthithaihxanackrphrankhrlmlaynnyngkhngepnthisngsykhxngnkwichakar nkwicyehnwa pyhahnunginxanackrni khux karthiekidfnmrsumslbipmakbphawarxnaelngsungsrangkhwamesiyhayaekokhrngsrangphunthan mrdkthioddednthisudkhxngxanackrphrankhrkhux emuxngphrankhr sungepnemuxnghlwngkhxngxanackrniinchwngrungeruxngthisud obransthanxlngkarhlayaehnginemuxngphrankhr echn nkhrwdaelaprasathbayn epnekhruxngyunynthungkhwammhasalkhxngxanac rachthrphy silpa wthnthrrm withyakarthangsthaptykrrm aelarabbkhwamechuxxnhlakhlayinxanackrni phaphthaycakdawethiymaesdngihehnwa inchwngkhriststwrrsthi 11 12 sungxanackrphrankhrecriythungkhidsudnn xanackrphrankhrepnchumchnemuxngthiihythisudinolkkxnyukhxutsahkrrm nkwicyyngehnwa xanackrphrankhrepnaehngaerkinolkthikxtngrabbsatharnsukh odymisthanphyabalsatharnathung 102 aehngchuxeriykkhxm ekhmr khaaemr tamtananphrathxng nangnakhidmikareriykdinaednthixanackrphrankhrtngxyuwa kmophcha hrux kmphucha matngaetsmyxanackrfunn hlkthanthieriykchawkmphuchawa ekhmr ekathisud khux silacaruk Ka 64 sungepnsilacaruksmykxnemuxngphrankhr xayurawphuththstwrrsthi 12 klawthungchawekhmrobraniwwa 13 k yum ek mr okh ot 20 20 7 ethr si 2 khawa k yum inphasaekhmrobransmykxnphrankhrhmaythung kha snnisthanwa hmaythung khapheca icheriyktnexng ehmuxnkhawa khym xykhym swnkhawa ek mr kmer emuxrwmkhwamhmaykhxngkhawa k yum ek mr aelw cungxacaeplwa khapheca thiepn chawekhmr aesdngwachawkmphuchaeriyktwexngwa ek mr kmer matngaetphuththstwrrsthi 12 kxnthicaphthnamaepnkhawa ekh mr khmer inchwngekhmrsmyemuxngphrankhr aelaklayepn aekh mr xxkesiyngwa aekh mr khmaer dngthipraktinphasaekhmrpccubn swnbangthvstisnnisthanwa ek mr hmaythung thas echn baw iphr sungxactikhwamidwaepnkharbichkhxngphramhakstriyinyukhxanackrphrankhr odykhawa ekhmr indinaednithyidmihlkthanpraktkhunxyangnxy emux ph s 1069 trngkbyukhxanackrphrankhr cakcarukkhawa ekhmr in xaephxpkthngchy cnghwdnkhrrachsima khawa khxm snnisthanwaekidkhuninphayhlng praktincarukwdsrichum suokhthy 2 aehng rabuchux khxmsbadokhlylaphng sungkhadwasrangkhunraw ph s 1884 1910 playyukhxanackrphrankhrcitr phumiskdiidesnxwa khxm imidhmaythungechuxchati aethmaythungklumkhnklumhnung thirbwthnthrrmhinducakchmphuthwipaelwphayhlngepliynepnphuththmhayan tangkbchnchatiithy lawthinbthuxphikxnepliynmarbphuththethrwathcakchmphuthwip ichxksrkhxminkarcdcaruk sungkhnklumnirwmthungchnchatiekhmraelarthekhruxyatithnghmd rwmthnglaow sungtxmaidklaymaepnxoythyasriramethphnkhrdwy khawa khxm thukicheriykklumkhnodyrwm khlaykbkarichkhawa aekhk eriykkhnxislam sikkh hinduodyrwm odyimaeykwaepnkhnxinediy mlayu chwa hruxtawnxxkklang sahrbchawekhmrnnimideriyktwexngwa khxm xikthngimprakthlkthanwachawekhmreriyktnexngwa korm hrux khxm inkhwamhmaywa chawekhmr hrux chawkmphucha aetphwkekhaeriyktnexngxyangchdecnwa khaaemr ekhmr aelaeriykdinaednkhxngtnwa kmphucha matngaetsmykxnemuxngphrankhrkarepliynaeplngdinaednphunthixanackrphrankhrrabaydwysiaedng kh s 900 ph s 1443 praman kh s 1000 1100 ph s 1543 1643 praman kh s 1300 ph s 1843 praman kh s 1400 ph s 1943 rayphranamphramhakstriyphrankhrbthkhwamniimmikarxangxingcakaehlngthimaidkrunachwyprbprungbthkhwamni odyephimkarxangxingaehlngthimathinaechuxthux enuxkhwamthiimmiaehlngthimaxacthukkhdkhanhruxlbxxk eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir rayphranamphramhakstriykmphuchaphramhakstriy khrxngrachyrchkal phrarup phranam rahwang hmayehtuxanackrphrankhr ph s 1345 1974 sthapna mehnthrbrrpht epnemuxnghlwngsthapna hrihraly epnemuxnghlwng31 phraecachywrmnthi 2 ph s 1345 1378 33 pi prakasxisrphaphkmphuchacakkaryudkhrxngkhxngxanackrsriwichy sthapnaxanackrphrankhr aelarbkarxphieskepnphraecackrphrrdi n phnmkuelnaelarierimlththiethwrachkhunepnkhrngaerkinkmphucha32 phraecachywrmnthi 3 ph s 1378 1420 42 pi epnphrarachoxrsinphraecachywrmnthi 233 phraecaxinthrwrmnthi 1 ph s 1420 1432 12 pi phakhiinyinphraecachywrmnthi 2 phraxngkhidsrang odyxuthisaedphrarachbidaaelaphraxyka aelasrangprasathbakxngsthapna yosthrpura epnemuxnghlwng34 phraecayoswrmnthi 1 ph s 1432 1453 21 pi phrarachoxrsinphraecaxinthrwrmnthi 1 phraxngkhidsrangprasatholely yayrachthaniiptngthikrungyosthrpuralxmrxbdwy xikthngyngthrngoprdihkhudbaraytawnxxk35 phraecahrrswrmnthi 1 ph s 1453 1466 13 pi phrarachoxrsinphraecayoswrmnthi 1 phraxngkhidsrangprasathpksicakrung36 phraecaxisanwrmnthi 2 ph s 1466 1471 5 pi phrarachoxrsinphraecayoswrmnthi 1 phraechsthainphraecahrrswrmnthi 1 phraxngkhmibthbathinkarchingphrarachbllngkphramatulakhxngphraxngkhexng phraecachywrmnthi 4 phraxngkhoprdihsrangsthapna ekaaaekr epnemuxnghlwng37 phraecachywrmnthi 4 ph s 1471 1484 13 pi phrarachnddainphraecaxinthrwrmnthi 1 prasutiaetphranangmehnthrethwi phrathidainphraecaxinthrwrmnthi 1 phraxngkhidxphiesksmrskbphranangchyethwi phrakhnisthainphraecayoswrmnthi 1 phraxngkhthrngrachaphieskodyxangsiththithangsayphrarachmarda aelaepnphusthapnaekaaaekrepnrachthani38 phraecahrrswrmnthi 2 ph s 1484 1487 3 pi phrarachoxrsinphraecachywrmnthi 4sthapna yosthrpura epnemuxnghlwng39 phraecaraechnthrwrmnthi 2 ph s 1487 1511 24 pi epnphrapitulaaelaphraphadakhxngphraecahrrswrmnthi 2 phraxngkhidchingphrarachbllngkcakphraecahrrswrmnthi 2aelathrngyayrachthaniklbmathiemuxngphrankhr thrngoprdihsrangaela thrngerimthasngkhramkbxanackrcampainpi kh s 946sthapna phrankhr epnemuxnghlwng40 phraecachywrmnthi 5 ph s 1511 1544 33 pi phrarachoxrskhxngphraecaraechnthrwrmnthi 2 thrngsthapnarachthaniaehngihmkhuxemuxngchyeynthrnkhraela ihepnsunyklangaethnemuxngsriyosthrpura41 phraecaxuthythitywrmnthi 1 ph s 1544 1549 5 pi epnyukhaehngkhwamwunway enuxngcakmiphramhakstriy 3 phraxngkhkhrxngrachyphrxmknthaihekidkhwamkhdaeyng42 phraecasuriywrmnthi 1 ph s 1549 1593 42 pi prabdaphieskkhunepnphramhakstriyidsaerc daeninnoybayepnphnthmitrkbrachwngsoclaaelasurbkbxanackrtamphrlingk oprdihsrang phraxngkhidhnmanbthuxsasnaphuththnikaymhayan43 phraecaxuthythitywrmnthi 2 ph s 1593 1609 16 pi prabdaphieskkhunepnphramhakstriyidsaerc phraxngkhsubrachsnttiwngsaetphramehsiinphraecayoswrmnthi 1 oprdihsrangprasathbapwn oprdihkhudbaraytawntkaelaoprdihsrangprasathaembuytawntkaelaprasathsdxkkxkthm44 phraecahrrswrmnthi 3 ph s 1609 1623 14 pi aeyngrachbllngkcakphraecaxuthythitywrmnthi 2 tngsunyklangphrankhrthiprasathbapwn karrukrankhxngxanackrcampainpi ph s 1617 aela 162545 phraecachywrrmnthi 6 ph s 1623 1650 27 pi phraxngkhchingrachbllngkcakwimaypura epnpthmkstriytnsayrachskulmhithrpura oprdihsrangprasathphimay46 phraecathrninthrwrmnthi 1 ph s 1650 1656 6 pi chingrachbllngkkhxngphraecachywrmnthi 647 phraecasuriywrmnthi 2 ph s 1656 1688 32 pi lxbplngphrachnmphrapykaaelaaeyngchingephuxkhunkhrxngrachsmbtitx aelayngoprdihsrang prasathnkhrwd bnthaysaehr aela xikthngyngthasuksngkhramrukrankbxanackridewiyt aela campa48 phraecathrninthrwrmnthi 2 ph s 1693 1703 10 pi epnlukphiluknxngkhxngphraecasuriywrmnthi 249 phraecayoswrmnthi 2 ph s 1703 1710 7 pi thukyudxanacodyphraecatriphuwnathitywrmn50 phraecatriphuwnathitywrmn ph s 1710 1720 10 pi xanackrcampaidekhamarukranemuxpi ph s 1720 cnkrathngesiyphrankhrihaekcampainrchsmyphraecachyxinthrwrmnthi 4 kstriyaehngxanackrcampa inxikhnungpitxma khuxemuxpi ph s 1721thukrukranodyxanackrcampa wangewnkstriy ph s 1721 1724 sthapna nkhrthm epnemuxnghlwng51 phraecachywrmnthi 7 ph s 1724 1761 37 pi epnphunakxngthphchawphrankhrinkarkxbkuexkrachkhxngxanackrphrankhrihphncakkarpkkhrxngkhxngxanackrcampa cnidrbchychnaaelaepnexkrachxikkhrnginpi ph s 1734 hlngcakprasbkhwamsaerccakkarthasukkhrngnnaelw cungidptibtiphrarachkrniykicthisakhyechn karsrangxorkhysala phrarachwng sranahlwng rwmipthungprasathxngkhsakhy echn prasathtaphrhm prasathphrakhrrkh prasathbayn in nkhrthm aela prasathnakhphnth epntn52 phraecaxinthrwrmnthi 2 ph s 1762 1786 24 pi epnphrarachoxrskhxngphraecachywrmnthi 7 inrchsmykhxngphraxngkhnnidsuyesiydinaednthangfngtawntkodyphxkhunsrixinthrathityidthakarfunfuxanackrsuokhthykhun aeladinaednthangfngtawnxxknn xanackrcampa kyngidprakasexkrachkhunmaxikinrchsmyediywkn53 phraecachywrmnthi 8 ph s 1786 1838 76 pi thukchawmxngoklnaodykubilkhan rukraninpi ph s 1826 aelathasngkhramkbxanackrsuokhthy54 phraecaxinthrwrmnthi 3 ph s 1838 1851 13 pi lxbplngphrachnmphraecachywrmnthi 8 phuepnphrasssura thaihphraphuththsasnanikayethrwathepnsasnapracachati mikarrbnkkarthutchawcinhywn ocw takwan ph s 1839 1840 55 phraecaxinthrwrmnthi 4 ph s 1851 1870 19 pi 56 phraecachywrmnthi 9 ph s 1870 1879 9 pi miphranampraktinsilacarukphasasnskvtepnphraxngkhsudthay sinsudkarpkkhrxngodyrachskulmhithrpurahlngcakthiidpkkhrxngxanackrmaxyangyawnankwa 300 pi57 phraecaaetnghwan ph s 1879 1883 4 pi tnsayrachskultrasxkpraaexm58 phrabrmniphphanbth ph s 1883 1889 6 pi 59 phrasiththanracha ph s 1889 1890 1 pi 60 phrabrmlaphngsracha ph s 1890 1896 6 pi xanackrxyuthya tinkhrthmaetk aetyngkhngmiphramhakstriykhrxngrachytxip61 phrabasat phrabakrastr ph s 1896 1899 3 pi 62 phrabaxat phrabaxth ph s 1899 1900 1 pi 63 phrakdumbngphisi ph s 1900 nxykwa 1 pi 64 phrasrisurioywngs ph s 1900 1906 6 pi 65 phrabrmrama ph s 1906 1916 10 pi 66 phrathrrmaoskrach ph s 1916 1936 20 pi xanackrxyuthya naodysmedcphraraemswr tinkhrthmaetkkhrngthi 2 aetyngkhngmiphramhakstriykhrxngrachytxip67 phraxinthracha phyaaephrk ph s 1931 1964 33 pi sthapna epnemuxnghlwng68 phrabrmracharamathibdithi 1 phrabrmrachaecaphrayayati ph s 1915 1976 61 pi tdsinphrathythingemuxngnkhrthminpi kh s 1974 aelayayemuxnghlwngiptngthikrunghmayehtuphasasnskvtichechphaainthangsasnaxangxingTurchin Peter Adams Jonathan M Hall Thomas D December 2006 East West Orientation of Historical Empires Journal of World Systems Research 12 2 223 ISSN 1076 156X cakaehlngedimemux 20 May 2019 subkhnemux 16 September 2016 September 1997 Expansion and Contraction Patterns of Large Polities Context for Russia 41 3 493 doi 10 1111 0020 8833 00053 JSTOR 2600793 cakaehlngedimemux 17 August 2018 subkhnemux 7 September 2018 bwrskdi xuwrrnon 2015 khdiprasathphrawihar khwamepnmaaelaepnip 80 pirachbnthitysthan PDF krungethph sanknganrachbnthityspha p 128 ISBN 978 616 389 003 0 rachbnthityspha 2015 praethskmphucha saranukrmprawtisastrpraethsephuxnbaninxaesiyn PDF krungethph sanknganrachbnthityspha p 24 ISBN 978 616 389 010 8 piyaaesng cnthrwngsiphsal 2023 ladbprawtisastrsilpaekhmr silpaxaesiyn mhawithyalysilpakr sieliy httn 2023 02 21 kmphucha smbtixanackrkhxmthithukocrkrrmthukphbxikkhrnginkrunglxndxn bibisi ithy bibisi Khmer Empire Infoplease www infoplease com subkhnemux 15 January 2023 Reynolds Frank Angkor Encyclopaedia Britannica Encyclopaedia Britannica Inc cakaehlngedimemux 26 July 2019 subkhnemux 17 August 2018 Plubins Rodrigo Khmer Empire cakaehlngedimemux 17 April 2021 subkhnemux 17 August 2018 National Geographic Society khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 28 March 2022 subkhnemux 30 March 2022 Prasad J 2020 April 14 Climate change and the collapse of Angkor Wat The University of Sydney Retrieved March 30 2022 cakaehlngedimemux 24 May 2022 subkhnemux 30 March 2022 Damian Evans aelakhna 9 April 2009 A comprehensive archaeological map of the world s largest preindustrial settlement complex at Angkor Cambodia Proceedings of the National Academy of Sciences 104 36 14277 82 doi 10 1073 pnas 0702525104 PMC 1964867 PMID 17717084 Galloway M 2021 May 31 How Did Hydro Engineering Help Build The Khmer Empire The Collector Retrieved November 12 2021 cakaehlngedimemux 12 November 2021 subkhnemux 12 November 2021 Bunthoeurn O 2022 July 21 Khmer Empire had world s first system for healthcare The Phnom Penh Post Retrieved August 9 2022 cakaehlngedimemux 10 August 2022 subkhnemux 10 August 2022 eyawchnithykbkhaemr rwmemilkhaemraelithy ithyrth subkhnemux 3 phvscikayn 2558 carukinpraethsithy sunymanuswithyasirinthr ecaphithilththiethwrach xyusdkkxkthm c sraaekw chumthangekhruxkhayxanac sucitt wngseths mtichnsudspdah 2562 Kenneth T So PDF Cambosastra khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2021 07 08 subkhnemux February 16 2023 aehlngkhxmulxunkhumuxkarthxngethiyw xanackrphrankhr cakwikithxngethiyw inphasaxngkvs wikimiediykhxmmxnsmisuxekiywkb Khmer Empire 13 26 N 103 50 E 13 433 N 103 833 E 13 433 103 833 bthkhwamprawtisastrniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldkhk