พระบรมนิพพานบท (เขมร: និព្វានបាទ, 1834-1888) หรือพระบาทสมเด็จพระศรีสุริโยพันธ์ุ ที่ 2 กษัตริย์แห่งเขมรครองสิริราชสมบัติจาก พ.ศ. 1883-1888 เป็นเวลาทั้งสิ้น 5 ปี
พระบาทสมเด็จพระศรีสุริโยพันธุ์ที่ 2 (พระบรมนิพพานบท) | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
กษัตริย์ แห่ง จักรวรรดิเขมร | |||||||||
ครองราชย์ | 1883-1888 | ||||||||
ก่อนหน้า | พระศรีสุริโยพันธุ์ที่ 1 | ||||||||
ถัดไป | พระสิทธานราชา | ||||||||
ประสูติ | พ.ศ. 1834 ศรียโศธรปุระ | ||||||||
สวรรคต | พ.ศ. 1888 | ||||||||
พระราชบุตร | •พระบรมลำพงษ์ราชา • •พระนางแก้วกัญญา( แก้วเก็งยา ) •พระศรีสุริโยวงษ์ | ||||||||
| |||||||||
ราชวงศ์ | ราชวงศ์ศรีสุริโยพันธุ์ | ||||||||
พระราชบิดา | พระศรีสุริโยพันธุ์ที่ 1 | ||||||||
พระราชมารดา | พระนางจันทรวรเทวี | ||||||||
ศาสนา | พุทธศาสนาเถรวาท |
ศึกสงครามกับเมืองเชียงทอง
เจ้าเมืองเชียงทอง(ปัจจุบันคือหลวงพระบาง) ทรงแข็งเมืองไม่ส่งราชบรรณาการให้กรุงพระนครหลวงอีกด้วยทรงเห็นว่าเมืองพระนครหลวง (อินทปัตนคร)ไม่ได้มีความยิ่งใหญ่เหมือนแต่ก่อนและมีศึกสงครามภายในและภายนอก เมืองภายใต้การปกครองได้ทยอยประกาศแยกตัวเป็นอิสระ อาณาจักรพระนครเริ่มเสื่อมอำนาจลงเนื่องจากปัญการแยกตัวของอาณาจักรละโว้ที่แข็งเมืองในสมัยพระบาทศรีสุริโยพันธุ์ที่ 1(พระเจ้าตรอซ็อกผแอม) ต่อมาเมื่อพระองค์ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระราชบิดาอาณาจักรละโว้ได้ส่งราชฑูตมาเจริญไมตรีกับเมืองพระนครหลวงอีกครั้ง ด้วยพระองค์มิไว้วางพระทัยคณะฑูตจากเมืองละโว้จึงสั่งให้ประหารคณะฑูตทำให้ขาดทางไมตรีกับละโว้ ดังนั้นการแข็งเมืองของเจ้าเชียงทอง จึงมีผลกระทบที่สั่นคลอนพระราชอำนาจของพระองค์อย่างมาก พระบรมนิพพานบทจึงตัดสินพระทัยให้ พระเจ้าฟ้างุ้ม เชื้อสายกษัตริย์เมืองเชียงทองที่ให้การชุบเลี้ยงนำกองทัพจากพระนครหลวงยกทัพขึ้นไปปราบเจ้าเมืองเชียงทอง เมื่อเจ้าฟ้างุ้มปราบปรามจลาจลในเมืองเชียงทองจนสงบลงแล้ว จึงโปรดให้ครองเมืองเชียงทองและโปรดให้อภิเษกกับพระนางแก้วกัญญา พระราชธิดาของพระองค์ และมอบพระบาง เป็นของขวัญในการอภิเษกสมรส
พระราชประวัติ
พระบรมนิพพานบท ( เขมร: ព្រះបាទនិព្វានបាទ อักษรโรมัน: Nippean Bat ) ครองราชย์: ค.ศ. 1340 - ค.ศ. 1346 พระบรมนิพพานบท หรือ พระบรมนิพันทบท หรือ พระบรมนิภาร พระมหากษัตริย์แห่งกรุงพระนครหลวงพระองค์ทรงเป็นพระราชโอรสใน พระศรีสุริโยพันธุ์ที่ 1 หรือ พระบาทองค์ชัย กับพระนางจันทรวรเทวี พระองค์ทรงสืบเชื้อสายมาจากสองราชสกุล ฝ่ายทางพระราชบิดา(จามปา) และฝ่ายทางพระราชมารดา(ขะแมร์) เมื่อพระเจ้าตา(พระเจ้าชัยวรมันที่ 9)เสด็จสวรรคตพระราชบิดาของพระองค์(พระบาทองค์ชัย)จึงได้ขึ้นสืบราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงพระนครหลวง และโปรดสถาปนาพระองค์ขึ้นเป็นพระอุปราชขณะมีพระชนมายุได้ 44 พรรษาเมื่อพระราชบิดาเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 1883 พระองค์จึงขึ้นสืบราชบัลลังก์เมื่อพระชนมายุได้ 49 พรรษา เฉลิมพระนาม "พระบาทสมเด็จพระศรีสุริโยพันธุ์ บรมราชาธิราช ธรรมิกราชบรมนาถบพิตร" เมื่อพระองค์ครองราชสมบัติได้เพียง 5 ปีทรงประชวรเสด็จสวรรคต สิริพระชนมายุได้ 54 พรรษาภายหลังเสด็จสวรรคตได้รับการเฉลิมพระนาม "พระบรมนิพพานบท" อันแปลว่าผู้เสด็จไปแล้วโดยสุคติสุข ตลอดรัชสมัยของพระองค์มีการเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างแพร่หลาย มีการสร้างพระพุทธรูป และสร้างวัดวาอารามทั่วพระราชอาณาจักร พระองค์ทรงส่งเสริมพระพุทธศาสนาไม่เหมือนกษัตริย์องค์ก่อนๆ ที่นับถือฮินดู ช่วงปลายรัชกาลเกิดศึกสงครามและเกิดการจลาจลไปทั่ว
เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 1888 จึงเป็นการสิ้นสุดตำนานภาคแรกของ เอกสารมหาบุรุษเขมร ตามพระราชพงศาวดารกัมพูชาที่ได้บันทึกพระราชวงศ์วรมัน ส่วนพระราชอนุชาของพระองค์จึงขึ้นสืบราชบัลลังก์ต่อมาเป็น พระสิทธานราชา พระสิทธานราชาครองราชสมบัติได้เพียง 1 ปีจึงมอบราชสมบัติให้ พระบรมลำพงษ์ราชา พระราชโอรสในพระบรมนิพพานบท
สวรรคต
พระบรมนิพพานบททรงขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงยโศธรปุระต่อจากพระราชบิดาในปี ค.ศ. 1340 ตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 แห่งกรุงศรีอยุธยา ทางกรุงศรีอยุธยาได้ส่งเจ้าใส้เทวดาเข้ามาเป็นราชฑูตเพื่อเจริญพระราชสัมพันธไมตรีกับกรุงพระนครหลวงแต่พระบรมนิพพานบทมิไว้วางพระทัยสั่งให้จับเจ้าใส้เทวดาสังหารเสีย โดยพระราชระบุว่า "ศักราช ๑๒๖๘ ปีจ่ออัฐศก สมเดจ์พระมหานิภารเสวยราชสมบัติพระนครศรีโสทรราชธานี ทรงพระราชสั้ทธาทำนุบำรุงพระสาศหนา คะณะนั้นสมเดจ์พระรามาธิบดีผู้เปนพระราชบุตร สมเดจ์พระมหาจักรพัทตราธิราช ได้เสวยราชสมบัติกรุงพระนครศรีอยุทธยา สมเดจ์พระรามาธิบดีมีพระราชโองการตรัสให้เจ้าไส้เจ้าเทวดาจำทูลพระราชสารเปนทางพระราชไม้ตรี มายังกรุงกำภูชาธิบดี สมเด็จพระมหานิภารหมิไว้พระไท ให้จับเจ้าไส้เจ้าเทวดาฆ่าเสีย” เหตุการณ์นี้ได้สร้างความบาดหมางระหว่างกรุงศรีอยุธยากับพระนครหลวงเป็นเหตุให้กรุงศรีอยุธยายกทัพเข้าโจมตีเมืองพระนครหลวงในเวลาต่อมา เมื่อพระบรมนิพพานบทครองราชสมบัติได้เพียง 4 ปีกรุงศรีอยุธยายกทัพมาล้อมเมืองพระนครหลวงได้ 1 ปีแต่ยังโจมตีเอาเมืองมิได้ ภายในเมืองเกิดการจราจลไปทั่วพระนครเนื่องจากขาดแคลนเสบียงอาหาร พระบรมนิพพานบททรงตรอมพระทัยประชวรเสด็จทิวงคตในปี ค.ศ.1346 สิริพระชนมายุ 54 พรรษา อยู่ในราชสมบัติ 5 ปี พระสิทธานราชาพระอนุชาจึงขึ้นสืบราชสมบัติเพื่อรักษาพระนครกรุงศรีอยุทธยาจึงยกทัพกลับ และยกทัพกลับมาอีกครั้งในรัชสมัยพระบรมลำพงษ์ราชา
อ้างอิง
- Société Asiatique (1871) Journal asiatique ou recueil de mémoires, d'extraits et de notices relatifs à l'histoire, à la philosophie, aux sciences, à la littérature et aux langues des peuples orientaux, Volume 99, Publisher: Dondey-Dupré, Original from National Library of the Netherlands
- Adhémard Leclère (1914) Histoire du Cambodge depuis le 1er siècle de notre ère, d'après les inscriptions lapidaires: les annales chinoises et annamites et les documents européens des six derniers siècles, Publisher: P. Geuthner, Original from the University of Michigan p.547
- ศานติ ภักดีคำ. "เอกสารกัมพูชากับการศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา" (PDF).
- สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 สงคราม "ขอมแปรพักตร์" - โอรสพระเจ้าอู่ทองได้ครองเมืองนครธม.อนุรัตน์ บุตรดี
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
phrabrmniphphanbth ekhmr ន ព វ នប ទ 1834 1888 hruxphrabathsmedcphrasrisurioyphnthu thi 2 kstriyaehngekhmrkhrxngsirirachsmbticak ph s 1883 1888 epnewlathngsin 5 piphrabathsmedcphrasrisurioyphnthuthi 2 phrabrmniphphanbth kstriy aehng ckrwrrdiekhmrkhrxngrachy1883 1888kxnhnaphrasrisurioyphnthuthi 1thdipphrasiththanrachaprasutiph s 1834 sriyosthrpuraswrrkhtph s 1888phrarachbutr phrabrmlaphngsracha phranangaekwkyya aekwekngya phrasrisurioywngsphranametmphrabathsmedcphrasrisurioyphnthu brmrachathirach thrrmikrachbrmnathbphitrphramrnnamphrabrmniphphanbth khaaepl phuekhasuphraniphphanhlngkhwamtay rachwngsrachwngssrisurioyphnthuphrarachbidaphrasrisurioyphnthuthi 1phrarachmardaphranangcnthrwrethwisasnaphuththsasnaethrwathsuksngkhramkbemuxngechiyngthxngecaemuxngechiyngthxng pccubnkhuxhlwngphrabang thrngaekhngemuxngimsngrachbrrnakarihkrungphrankhrhlwngxikdwythrngehnwaemuxngphrankhrhlwng xinthptnkhr imidmikhwamyingihyehmuxnaetkxnaelamisuksngkhramphayinaelaphaynxk emuxngphayitkarpkkhrxngidthyxyprakasaeyktwepnxisra xanackrphrankhrerimesuxmxanaclngenuxngcakpykaraeyktwkhxngxanackrlaowthiaekhngemuxnginsmyphrabathsrisurioyphnthuthi 1 phraecatrxsxkphaexm txmaemuxphraxngkhkhunkhrxngrachytxcakphrarachbidaxanackrlaowidsngrachthutmaecriyimtrikbemuxngphrankhrhlwngxikkhrng dwyphraxngkhmiiwwangphrathykhnathutcakemuxnglaowcungsngihpraharkhnathutthaihkhadthangimtrikblaow dngnnkaraekhngemuxngkhxngecaechiyngthxng cungmiphlkrathbthisnkhlxnphrarachxanackhxngphraxngkhxyangmak phrabrmniphphanbthcungtdsinphrathyih phraecafangum echuxsaykstriyemuxngechiyngthxngthiihkarchubeliyngnakxngthphcakphrankhrhlwngykthphkhunipprabecaemuxngechiyngthxng emuxecafangumprabpramclaclinemuxngechiyngthxngcnsngblngaelw cungoprdihkhrxngemuxngechiyngthxngaelaoprdihxphieskkbphranangaekwkyya phrarachthidakhxngphraxngkh aelamxbphrabang epnkhxngkhwyinkarxphiesksmrsphrarachprawtiphrabrmniphphanbth ekhmr ព រ ប ទន ព វ នប ទ xksrormn Nippean Bat khrxngrachy kh s 1340 kh s 1346 phrabrmniphphanbth hrux phrabrmniphnthbth hrux phrabrmniphar phramhakstriyaehngkrungphrankhrhlwngphraxngkhthrngepnphrarachoxrsin phrasrisurioyphnthuthi 1 hrux phrabathxngkhchy kbphranangcnthrwrethwi phraxngkhthrngsubechuxsaymacaksxngrachskul faythangphrarachbida campa aelafaythangphrarachmarda khaaemr emuxphraecata phraecachywrmnthi 9 esdcswrrkhtphrarachbidakhxngphraxngkh phrabathxngkhchy cungidkhunsubrachsmbtiepnphramhakstriyaehngkrungphrankhrhlwng aelaoprdsthapnaphraxngkhkhunepnphraxuprachkhnamiphrachnmayuid 44 phrrsaemuxphrarachbidaesdcswrrkhtinpi ph s 1883 phraxngkhcungkhunsubrachbllngkemuxphrachnmayuid 49 phrrsa echlimphranam phrabathsmedcphrasrisurioyphnthu brmrachathirach thrrmikrachbrmnathbphitr emuxphraxngkhkhrxngrachsmbtiidephiyng 5 pithrngprachwresdcswrrkht siriphrachnmayuid 54 phrrsaphayhlngesdcswrrkhtidrbkarechlimphranam phrabrmniphphanbth xnaeplwaphuesdcipaelwodysukhtisukh tlxdrchsmykhxngphraxngkhmikarephyaephphraphuththsasnaxyangaephrhlay mikarsrangphraphuththrup aelasrangwdwaxaramthwphrarachxanackr phraxngkhthrngsngesrimphraphuththsasnaimehmuxnkstriyxngkhkxn thinbthuxhindu chwngplayrchkalekidsuksngkhramaelaekidkarclaclipthw emuxphraxngkhesdcswrrkhtinpi ph s 1888 cungepnkarsinsudtananphakhaerkkhxng exksarmhaburusekhmr tamphrarachphngsawdarkmphuchathiidbnthukphrarachwngswrmn swnphrarachxnuchakhxngphraxngkhcungkhunsubrachbllngktxmaepn phrasiththanracha phrasiththanrachakhrxngrachsmbtiidephiyng 1 picungmxbrachsmbtiih phrabrmlaphngsracha phrarachoxrsinphrabrmniphphanbthswrrkhtphrabrmniphphanbththrngkhunkhrxngrachsmbtiepnphramhakstriyaehngkrungyosthrpuratxcakphrarachbidainpi kh s 1340 trngkbrchsmykhxngsmedcphraramathibdithi 1 aehngkrungsrixyuthya thangkrungsrixyuthyaidsngecaisethwdaekhamaepnrachthutephuxecriyphrarachsmphnthimtrikbkrungphrankhrhlwngaetphrabrmniphphanbthmiiwwangphrathysngihcbecaisethwdasngharesiy odyphrarachrabuwa skrach 1268 picxxthsk smedcphramhaniphareswyrachsmbtiphrankhrsriosthrrachthani thrngphrarachsththathanubarungphrasashna khanannsmedcphraramathibdiphuepnphrarachbutr smedcphramhackrphthtrathirach ideswyrachsmbtikrungphrankhrsrixyuththya smedcphraramathibdimiphrarachoxngkartrsihecaisecaethwdacathulphrarachsarepnthangphrarachimtri mayngkrungkaphuchathibdi smedcphramhanipharhmiiwphraith ihcbecaisecaethwdakhaesiy ehtukarnniidsrangkhwambadhmangrahwangkrungsrixyuthyakbphrankhrhlwngepnehtuihkrungsrixyuthyaykthphekhaocmtiemuxngphrankhrhlwnginewlatxma emuxphrabrmniphphanbthkhrxngrachsmbtiidephiyng 4 pikrungsrixyuthyaykthphmalxmemuxngphrankhrhlwngid 1 piaetyngocmtiexaemuxngmiid phayinemuxngekidkarcraclipthwphrankhrenuxngcakkhadaekhlnesbiyngxahar phrabrmniphphanbththrngtrxmphrathyprachwresdcthiwngkhtinpi kh s 1346 siriphrachnmayu 54 phrrsa xyuinrachsmbti 5 pi phrasiththanrachaphraxnuchacungkhunsubrachsmbtiephuxrksaphrankhrkrungsrixyuththyacungykthphklb aelaykthphklbmaxikkhrnginrchsmyphrabrmlaphngsrachaxangxingSociete Asiatique 1871 Journal asiatique ou recueil de memoires d extraits et de notices relatifs a l histoire a la philosophie aux sciences a la litterature et aux langues des peuples orientaux Volume 99 Publisher Dondey Dupre Original from National Library of the Netherlands Adhemard Leclere 1914 Histoire du Cambodge depuis le 1er siecle de notre ere d apres les inscriptions lapidaires les annales chinoises et annamites et les documents europeens des six derniers siecles Publisher P Geuthner Original from the University of Michigan p 547 santi phkdikha exksarkmphuchakbkarsuksaprawtisastrxyuthya PDF smedcphrabrmrachathirachthi 1 sngkhram khxmaeprphktr oxrsphraecaxuthxngidkhrxngemuxngnkhrthm xnurtn butrdi