บทความนี้ไม่มีจาก |
พระบรมลำพงษ์ราชา (เขมร: លំពង្សរាជា, 1862-1894) กษัตริย์แห่ง จักรวรรดิเขมร ครองสิริราชสมบัติระหว่าง พ.ศ. 1889-1894 เป็นเวลาทั้งสิ้น 5 ปี
พระบรมลำพงษ์ราชา | |||||
---|---|---|---|---|---|
ครองราชย์ | 1889-1894 | ||||
ก่อนหน้า | พระสิทธานราชา | ||||
ถัดไป | พระบาสาต | ||||
ประสูติ | พ.ศ. 1862 | ||||
สวรรคต | พ.ศ. 1894 | ||||
| |||||
ราชวงศ์ | ราชสกุลตระซ็อกประแอม | ||||
พระราชบิดา | พระบรมนิพพานบท |
พระองค์ประสูติเมื่อ พ.ศ. 1862 เป็นพระราชโอรสองค์ใหญ่ของ พระบรมนิพพานบท เมื่อ พระสิทธานราชา ผู้เป็นพระปิตุลา (อา) ซึ่งขึ้นสืบราชบัลลังก์ต่อจาก พระบรมนิพพานบท ผู้เป็นพระบรมเชษฐาธิราชได้สละราชบัลลังก์ให้กับพระองค์เมื่อ พ.ศ. 1889 หลังจากครองสิริราชสมบัติได้เพียงปีเดียว
ในรัชสมัยของพระองค์ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือ พระเจ้าอู่ทอง ได้สถาปนา กรุงศรีอยุธยา ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1893 ซึ่งเป็นช่วงที่ จักรวรรดิเขมร อ่อนแอและเสื่อมอำนาจถึงขีดสุดโดยที่พระองค์เสด็จสวรรคตในปีถัดมาคือ พ.ศ. 1894
พระราชประวัติ
พระบรมลำพงษ์ราชา หรือพระลำพังราชาธิราช พระมหากษัตริย์แห่งกรุงพระนครหลวงเป็นพระราชโอรสของพระบรมนิภารบาทหรือบรมพระนิพันทบท พระมหากษัตริย์แห่งพระนครหลวง พระองค์ประสูติเมื่อปี ค.ศ. 1319 เป็นพระราชโอรสองค์โตของ พระบรมนิพพานบท และเป็นเชษฐาของพระสุริโยทัยและพระศรีสุริโยวงศ์
พระองค์ทรงครองราชสมบัติในปี ค.ศ. 1348 ต่อจากพระสิทธานราชาพระปิตุลา ต้นรัชสมัยของพระองค์บ้านเมืองอยู่ในยุคสงครามและเกิดความยุ่งยากหลายอย่างโดยเฉพาะศึกสงครามกับกรุงศรีอยุธยาที่สืบเนื่องมาแต่รัชสมัยของพระบรมนิพพานบท ผู้เป็นพระราชบิดาเมื่อกรุงละโว้อโยธยาศรีรามเทพนครได้ส่งเจ้าใส้เทวดาเป็นราชทูตมาเจริญไมตรี พระบรมนิพพานบทมิไว้วางพระทัยจึงให้ฆ่าเสีย เหตุนี้ทำให้กองทัพละโว้อโยธยาได้ยกทัพมาล้อมพระนครไว้ได้ 1 ปีเศษแต่ยังตีชิงเอาเมืองมิได้พระบรมนิพพานบทผู้เป็นพระราชบิดาทรงปริวิตกเป็นอันมากเนื่องจากภายในกำแพงพระนครเกิดการขาดแคลนเสบียงอาหาร ทรงตรอมพระทัยประชวรเสด็จทิวงคตในปี ค.ศ. 1346 ท่ามกลางข้าศึกที่ยังล้อมพระนครไว้พระสิทธานราชาผู้เป็นพระปิตุลาจึงขึ้นสืบราชสมบัติรักษาพระนครทัพละโว้อโยธยาจึงยกทัพกลับ พระสิทธานราชาทรงครองราชสมบัติเพียง 1 ปีจึงสละราชสมบัติให้พระบรมลำพงษ์ราชา ในปี ค.ศ. 1348
ศึกสงครามกับอยุธยา
ครั้นถึงปี ค.ศ. 1351 สมเด็จพระรามาธิบดี ที่ 1 หลังจากได้ตั้งราชธานีใหม่ที่กรุงศรีอยุธยาแล้ว ได้มีพระบัญชาให้ยกทัพเข้ามาตีเมืองพระนครหลวงอีกครั้ง แต่ทัพยังมาไม่ถึงเมืองพระนครความทราบถึงฝ่ายเขมร พระสุริโยทัย อนุชาในพระบรมลำพงราชา จึงได้ยกทัพไปสกัดตีแตกทัพพ่ายไปสิ้นคนทิศคนละทาง พระบรมลำพงราชานึกนอนใจว่าศัตรูไม่อาจทำอะไรได้อีก จึงทรงบัญชาให้ถอนทัพกลับกรมกองแยกย้าย เมื่ออยุธยายกทัพกลับมาอีกครั้งในเวลาอันกระชั้นชิดจึงระดมเกณฑ์พลเกณฑ์ทัพไม่ทันการ จึงทำการกวาดต้อนราษฎรนอกกำแพงพระนครให้เข้ามาไว้ในกำแพงเมือง ทัพจากอยุธยาได้เข้าล้อมเมืองพระนครหลวงเป็นเวลา 1 ปี 5 เดือนเศษภายในกำแพงพระนครขาดแคลนเสบียงอาหารอย่างหนัก พระบรมลำพงษ์ราชาจึงตัดสินพระทัยแต่งทัพออกสู้โดยให้พระศรีสุริโยทัยเป็นทัพหน้า พระบรมลำพงษ์ราชาเป็นทัพหลวง และพระศรีสุริโยวงศ์เป็นทัพหลัง ได้แต่งทัพออกสู้เป็นกำลังแต่เนื่องจากการขาดแคลนอาหารจากการถูกล้อมเป็นเวลานานไพร่พลเหล่าทหารจึงอ่อนแรงมิอาจต้านทานกองกำลัง พระบากษัตรแม่ทัพจากอยุธยาสามารถตีทัพหน้าของพระสุริโยทัยได้และทลายประตูพระนคร ส่วนพระสุริโยทัยทรงสิ้นพระชนม์ในสนามรบ พระบรมลำพงษ์ราชาก็เสด็จทิวงคตด้วย พระศรีสุริโยวงศ์เห็นว่ามิอาจต้านทานรักษาพระนครไว้ได้แล้ว จึงสั่งเหล่าราชครูปุโรหิตพากันนำเครื่องสำหรับราชย์กกุธภัณฑ์ อันมีพระขรรค์ราช พระแสงหอกลำแพงชัย ตีฝ่ากองทัพสยามหนีออกไปทางชายแดนล้านช้าง เมืองพระนครหลวงแตกในปี ค.ศ. 1352 บุตรของสมเด็จพระรามาธิบดีทั้ง 3 คือ บากษัตร บาอัฐ และ กำปงพิสี ขึ้นเสวยราชย์สืบต่อกันในเมืองพระนครตั้งแต่ปี ค.ศ. 1352 ถึง ค.ศ. 1357
พระศรีสุริโยวงศ์ อนุชาพระลำพงราชาซึ่งเสด็จหนีราชภัยออกไปได้เมื่อกรุงแตกได้รวมรวมทัพเขมรที่หนีพ่ายและยกทัพมาตีเมืองพระนคร ได้คืนในปี ค.ศ. 1357 เจ้ากำปงพิสีทรงสิ้นพระชนม์ในสนามรบ จากนั้นพระองค์ทรงขับไล่สยามออกจากพระนครหลวงสำเร็จ พระบาทสุริโยวงศ์ทิวงคตในปี ค.ศ. 1363 พระอนุชาของพระองค์พระนามว่า พระบาทศรีธรรมาโศก จึงขึ้นเสวยราชย์ ในปี ค.ศ. 1363 ทัพสยามของ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) ได้ยกมาล้อมพระนครอีกครั้งได้ 7 เดือนกรุงจึงแตก ฝ่ายสยามได้ยกพระยาอินทราชาขึ้นครองเมืองต่างพระเนตรพระกรรณ ภายหลังพระยาอินทราชาทรงสิ้นพระชนม์ด้วยพระโรคปัจจุบันจึงตั้งพระยาแกรกขึ้นครองเมืองพระนคร
ฝ่ายเจ้าพระยาญาติโอรสพระองค์หนึ่งของพระศรีสุริโยวงศ์เสด็จหนีไปได้ เมื่อรวบรวมไพร่พลได้แล้วทรงยกทัพมาตีเอาพระนครคืน เมื่อขึ้นครองราชสมบัติแล้วทรงตัดสินพระทัยในการย้ายราชธานีไปที่เมืองจตุมุข
เสด็จสวรรคต
พระบรมลำพงษ์ราชาเสด็จสวรรคตในปี ค.ศ. 1352 สิริพระชนมายุ 33 พรรษา อยู่ในราชสมบัติ 5 ปี ส่วนเหตุการณ์เนื่องด้วยการสวรรคตนั้นเอกสารฝ่ายไทยระบุว่าสวรรคตในสนามรบ ส่วนพระราชพงษาวดารฝ่ายกัมพูชาระบุว่าประชวรเสด็จสวรรคตด้วยพระโรค
อ้างอิง
- พงศาวดารกัมพูชาที่แปลชำระและที่นิพนธ์เป็นภาษาไทย พ.ศ. 2339-2459 กับหน้าที่ที่มีต่อชนชั้นปกครองไทย,ธิบดี บัวคำศรี
- ศานติ ภักดีคำ. "เอกสารกัมพูชากับการศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา" (PDF).
- ปิดฉาก “เมืองพระนคร” บ้านเมืองล่มสลาย ผู้คนถูกกวาดต้อน เหตุสงคราม “อยุธยา” บุก “เขมร”.silpa-mag.com.เสมียนอารีย์.2565
- สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 สงคราม "ขอมแปรพักตร์" - โอรสพระเจ้าอู่ทองได้ครองเมืองนครธม.อนุรัตน์ บุตรดี
- พงศาวดารกัมพูชาที่แปลชำระและที่นิพนธ์เป็นภาษาไทย พ.ศ. 2339-2459 กับหน้าที่ที่มีต่อชนชั้นปกครองไทย,ธิบดี บัวคำศรี
- ปิดฉาก “เมืองพระนคร” บ้านเมืองล่มสลาย ผู้คนถูกกวาดต้อน เหตุสงคราม “อยุธยา” บุก “เขมร”.silpa-mag.com.เสมียนอารีย์.2565
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniimmikarxangxingcakaehlngthimaidkrunachwyprbprungbthkhwamni odyephimkarxangxingaehlngthimathinaechuxthux enuxkhwamthiimmiaehlngthimaxacthukkhdkhanhruxlbxxk eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir phrabrmlaphngsracha ekhmr ល ពង សរ ជ 1862 1894 kstriyaehng ckrwrrdiekhmr khrxngsirirachsmbtirahwang ph s 1889 1894 epnewlathngsin 5 piphrabrmlaphngsrachakhrxngrachy1889 1894kxnhnaphrasiththanrachathdipphrabasatprasutiph s 1862swrrkhtph s 1894phranametmphrabathsmedcphralaphngsracha ramathibdirachwngsrachskultrasxkpraaexmphrarachbidaphrabrmniphphanbth phraxngkhprasutiemux ph s 1862 epnphrarachoxrsxngkhihykhxng phrabrmniphphanbth emux phrasiththanracha phuepnphrapitula xa sungkhunsubrachbllngktxcak phrabrmniphphanbth phuepnphrabrmechsthathirachidslarachbllngkihkbphraxngkhemux ph s 1889 hlngcakkhrxngsirirachsmbtiidephiyngpiediyw inrchsmykhxngphraxngkh smedcphraramathibdithi 1 hrux phraecaxuthxng idsthapna krungsrixyuthya khunemux ph s 1893 sungepnchwngthi ckrwrrdiekhmr xxnaexaelaesuxmxanacthungkhidsudodythiphraxngkhesdcswrrkhtinpithdmakhux ph s 1894phrarachprawtiphrabrmlaphngsracha hruxphralaphngrachathirach phramhakstriyaehngkrungphrankhrhlwngepnphrarachoxrskhxngphrabrmnipharbathhruxbrmphraniphnthbth phramhakstriyaehngphrankhrhlwng phraxngkhprasutiemuxpi kh s 1319 epnphrarachoxrsxngkhotkhxng phrabrmniphphanbth aelaepnechsthakhxngphrasurioythyaelaphrasrisurioywngs phraxngkhthrngkhrxngrachsmbtiinpi kh s 1348 txcakphrasiththanrachaphrapitula tnrchsmykhxngphraxngkhbanemuxngxyuinyukhsngkhramaelaekidkhwamyungyakhlayxyangodyechphaasuksngkhramkbkrungsrixyuthyathisubenuxngmaaetrchsmykhxngphrabrmniphphanbth phuepnphrarachbidaemuxkrunglaowxoythyasriramethphnkhridsngecaisethwdaepnrachthutmaecriyimtri phrabrmniphphanbthmiiwwangphrathycungihkhaesiy ehtunithaihkxngthphlaowxoythyaidykthphmalxmphrankhriwid 1 piessaetyngtichingexaemuxngmiidphrabrmniphphanbthphuepnphrarachbidathrngpriwitkepnxnmakenuxngcakphayinkaaephngphrankhrekidkarkhadaekhlnesbiyngxahar thrngtrxmphrathyprachwresdcthiwngkhtinpi kh s 1346 thamklangkhasukthiynglxmphrankhriwphrasiththanrachaphuepnphrapitulacungkhunsubrachsmbtirksaphrankhrthphlaowxoythyacungykthphklb phrasiththanrachathrngkhrxngrachsmbtiephiyng 1 picungslarachsmbtiihphrabrmlaphngsracha inpi kh s 1348suksngkhramkbxyuthyakhrnthungpi kh s 1351 smedcphraramathibdi thi 1 hlngcakidtngrachthaniihmthikrungsrixyuthyaaelw idmiphrabychaihykthphekhamatiemuxngphrankhrhlwngxikkhrng aetthphyngmaimthungemuxngphrankhrkhwamthrabthungfayekhmr phrasurioythy xnuchainphrabrmlaphngracha cungidykthphipskdtiaetkthphphayipsinkhnthiskhnlathang phrabrmlaphngrachanuknxnicwastruimxacthaxairidxik cungthrngbychaihthxnthphklbkrmkxngaeykyay emuxxyuthyaykthphklbmaxikkhrnginewlaxnkrachnchidcungradmeknthphleknththphimthnkar cungthakarkwadtxnrasdrnxkkaaephngphrankhrihekhamaiwinkaaephngemuxng thphcakxyuthyaidekhalxmemuxngphrankhrhlwngepnewla 1 pi 5 eduxnessphayinkaaephngphrankhrkhadaekhlnesbiyngxaharxyanghnk phrabrmlaphngsrachacungtdsinphrathyaetngthphxxksuodyihphrasrisurioythyepnthphhna phrabrmlaphngsrachaepnthphhlwng aelaphrasrisurioywngsepnthphhlng idaetngthphxxksuepnkalngaetenuxngcakkarkhadaekhlnxaharcakkarthuklxmepnewlananiphrphlehlathharcungxxnaerngmixactanthankxngkalng phrabakstraemthphcakxyuthyasamarthtithphhnakhxngphrasurioythyidaelathlaypratuphrankhr swnphrasurioythythrngsinphrachnminsnamrb phrabrmlaphngsrachakesdcthiwngkhtdwy phrasrisurioywngsehnwamixactanthanrksaphrankhriwidaelw cungsngehlarachkhrupuorhitphaknnaekhruxngsahrbrachykkuthphnth xnmiphrakhrrkhrach phraaesnghxklaaephngchy tifakxngthphsyamhnixxkipthangchayaednlanchang emuxngphrankhrhlwngaetkinpi kh s 1352 butrkhxngsmedcphraramathibdithng 3 khux bakstr baxth aela kapngphisi khuneswyrachysubtxkninemuxngphrankhrtngaetpi kh s 1352 thung kh s 1357 phrasrisurioywngs xnuchaphralaphngrachasungesdchnirachphyxxkipidemuxkrungaetkidrwmrwmthphekhmrthihniphayaelaykthphmatiemuxngphrankhr idkhuninpi kh s 1357 ecakapngphisithrngsinphrachnminsnamrb caknnphraxngkhthrngkhbilsyamxxkcakphrankhrhlwngsaerc phrabathsurioywngsthiwngkhtinpi kh s 1363 phraxnuchakhxngphraxngkhphranamwa phrabathsrithrrmaosk cungkhuneswyrachy inpi kh s 1363 thphsyamkhxng smedcphrabrmrachathirachthi 2 ecasamphraya idykmalxmphrankhrxikkhrngid 7 eduxnkrungcungaetk faysyamidykphrayaxinthrachakhunkhrxngemuxngtangphraentrphrakrrn phayhlngphrayaxinthrachathrngsinphrachnmdwyphraorkhpccubncungtngphrayaaekrkkhunkhrxngemuxngphrankhr fayecaphrayayatioxrsphraxngkhhnungkhxngphrasrisurioywngsesdchniipid emuxrwbrwmiphrphlidaelwthrngykthphmatiexaphrankhrkhun emuxkhunkhrxngrachsmbtiaelwthrngtdsinphrathyinkaryayrachthaniipthiemuxngctumukhesdcswrrkhtphrabrmlaphngsrachaesdcswrrkhtinpi kh s 1352 siriphrachnmayu 33 phrrsa xyuinrachsmbti 5 pi swnehtukarnenuxngdwykarswrrkhtnnexksarfayithyrabuwaswrrkhtinsnamrb swnphrarachphngsawdarfaykmphucharabuwaprachwresdcswrrkhtdwyphraorkhxangxingphngsawdarkmphuchathiaeplcharaaelathiniphnthepnphasaithy ph s 2339 2459 kbhnathithimitxchnchnpkkhrxngithy thibdi bwkhasri santi phkdikha exksarkmphuchakbkarsuksaprawtisastrxyuthya PDF pidchak emuxngphrankhr banemuxnglmslay phukhnthukkwadtxn ehtusngkhram xyuthya buk ekhmr silpa mag com esmiynxariy 2565 smedcphrabrmrachathirachthi 1 sngkhram khxmaeprphktr oxrsphraecaxuthxngidkhrxngemuxngnkhrthm xnurtn butrdi phngsawdarkmphuchathiaeplcharaaelathiniphnthepnphasaithy ph s 2339 2459 kbhnathithimitxchnchnpkkhrxngithy thibdi bwkhasri pidchak emuxngphrankhr banemuxnglmslay phukhnthukkwadtxn ehtusngkhram xyuthya buk ekhmr silpa mag com esmiynxariy 2565