ตำนานแทงข้างหลัง (เยอรมัน: , อังกฤษ: stab-in-the-back myth) เป็นแนวคิดที่เชื่อถือกันอย่างกว้างขวางในแวดวงฝ่ายขวาในเยอรมนีหลัง ค.ศ. 1918 ว่ากองทัพเยอรมันมิได้แพ้สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง หากแต่ถูกทรยศหักหลังโดยพลเรือนหลังแนวหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกนิยมสาธารณรัฐที่ล้มล้างจักรวรรดิเยอรมันและราชวงศ์โฮเอ็นโซลเลิร์นโดยผู้สนับสนุนประณามผู้นำรัฐบาลเยอรมันที่ลงนามการสงบศึกเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 ว่า "อาชญากรพฤศจิกายน"
เมื่อพรรคนาซีเถลิงอำนาจใน ค.ศ. 1933 พรรคได้จัดให้ตำนานดังกล่าวเป็นส่วนสำคัญของประวัติศาสตร์อย่างเป็นทางการช่วงคริสต์ทศวรรษ 1920 โดยบรรยายสาธารณรัฐไวมาร์ว่าเป็นผลงานของ "อาชญากรพฤศจิกายน" ผู้ใช้การแทงข้างหลังเพื่อยึดอำนาจขณะที่ทรยศประเทศชาติ โฆษณาชวนเชื่อนาซีอธิบายไวมาร์ว่าเป็น "หล่มการฉ้อราษฎร์บังหลวง ความเสื่อม การลดเกียรติประเทศชาติ การเบียดเบียน 'ผู้ต่อต้านของชาติ' ที่ซื่อสัตย์อย่างไร้ความปรานี — สิบสี่ปีของการปกครองโดยยิว พวกนิยมมากซิสต์ และ 'บอลเชวิคทางวัฒนธรรม' ผู้ซึ่งถูกกวาดล้างโดยขบวนการชาติสังคมนิยม นำโดย อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ และชัยชนะของ 'การปฏิวัติแห่งชาติ' ใน ค.ศ. 1933 ในที่สุด"
นักวิชาการทั้งในและนอกประเทศเยอรมนีปฏิเสธแนวคิดดังกล่าวอย่างเป็นเอกฉันท์ โดยชี้ว่า กองทัพเยอรมันขาดกองหนุนและกำลังถูกเอาชนะในปลาย ค.ศ. 1918
แนวคิด
แก่นของตำนานแทงข้างหลังถูกกล่าวถึงอย่างชัดเจนที่สุดโดย พลเอกเอริช ลูเดินดอร์ฟ หนึ่งในสองผู้บัญชาการระดับสูงสุดของเยอรมนี เมื่อปี 1919 เขาประณามรัฐบาลเบอร์ลินและประชากรพลเรือนแก่การสงบศึก/ยอมจำนนในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1918 โดยพูดว่า ทั้งสองต่างล้มเหลวที่จะสนับสนุนเขา ทำให้เขาผิดหวัง และได้พิสูจน์ตนเองแล้วว่า ไม่คู่ควรกับประเพณีของชาตินักรบ เขาทำให้ระบบคำศัพท์ดอลช์สทอสส์ (Dolchstoß terminology) แพร่หลาย และกลายเป็นผู้นำฝ่ายขวาที่โดดเด่นในคริสต์ทศวรรษ 1920
ปฏิกิริยาของประชาชนเยอรมันต่อสนธิสัญญาแวร์ซาย ค.ศ. 1919 นั้นเป็นการคัดค้านอย่างสูง ด้วยผลแห่งสนธิสัญญาฯ ดินแดนของเยอรมนีถูกตัดไปราว 13% เชื้อชาติเยอรมันหลายล้านคนอยู่ถูกต่างชาติปกครอง, แม้พวกเขาจะเป็นคนส่วนใหญ่ในพื้นที่เหล่านี้จำนวนมาก, ไรน์ลันท์ถูกทำให้ปลอดทหาร และทหารสัมพันธมิตรยึดครองในหลายพื้นที่ นอกจากนี้ ยังบังคับให้จ่ายค่าปฏิกรรมสงครามมหาศาลภายในเวลา 70 ปี แม้จะยุติลงใน ค.ศ. 1931 (ก่อนจะกลับมาจ่ายอีกหลังสงครามโลกครั้งที่สอง) ส่วนสำคัญที่สุดของสนธิสัญญาที่เกี่ยวข้องกับตำนานแทงข้างหลัง คือ "อนุประโยคความรับผิดในอาชญากรรมสงคราม" ซึ่งบังคับให้เยอรมนียอมรับความรับผิดชอบแก่ความเป็นปรปักษ์ทั้งหมด
ปฏิกิริยาหลังสงครามและผลกระทบ
พวกอนุรักษนิยม ชาตินิยม และอดีตผู้นำทางทหารเริ่มพูดวิจารณ์เกี่ยวกับสันติภาพกับนักการเมืองไวมาร์ พวกสังคมนิยม พวกคอมมิวนิสต์ ยิว และบางครั้งรวมถึงคาทอลิก ซึ่งถูกมองว่ามีพิรุธเกี่ยวกับการทึกทักเอาเองว่าตนมีความจงรักภักดีต่อชาติเป็นพิเศษ มีการอ้างว่าพวกเขาไม่ได้สนับสนุนสงครามและมีส่วนขายชาติเยอรมนีให้ข้าศึก อาชญากรพฤศจิกายนเหล่านี้ หรือผู้ที่ราวกับได้ประโยชน์จากสาธารณรัฐไวมาร์ที่เพิ่งก่อตั้งใหม่ ถูกมองว่า "แทงพวกเขาจากข้างหลัง" ที่แนวหน้า ไม่ว่าจะโดยการวิจารณ์ชาตินิยมเยอรมัน ยุยงความไม่สงบและการนัดหยุดงานในอุตสาหกรรมทหารที่สำคัญหรือการค้ากำไรเกินควร ที่สำคัญ การกล่าวหามีว่า คนเหล่านี้กบฏต่ออุดมการณ์ร่วมที่ "กุศลและชอบธรรม" ทฤษฎีเหล่านี้ได้รับการยอมรับจากข้อเท็จจริงที่ว่า เมื่อเยอรมนียอมจำนนในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1918 กองทัพเยอรมันยังอยู่ในดินแดนฝรั่งเศสและเบลเยียม เบอร์ลินยังอยู่ห่างจากแนวรบที่ใกล้ที่สุด 450 ไมล์ และกองทัพเยอรมันถอนตัวจากสมรภูมิอย่างเป็นระเบียบดีอยู่
กองทัพสัมพันธมิตรได้รับเสบียงจากสหรัฐอเมริกาอย่างพอเพียง ซึ่งยังมีกองทัพใหม่ที่พร้อมทำการรบ แต่สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสนั้นกรำศึกเกินกว่าจะพิจารณาการรุกรานเยอรมนีโดยมีผลกระทบตามมาที่ไม่ทราบ บนแนวรบด้านตะวันตก ไม่มีกองทัพสัมพันธมิตรทัพใดเจาะผ่านพรมแดนเยอรมนีด้านตะวันตก และบนแนวรบด้านตะวันออก เยอรมนีชนะสงครามต่อรัสเซียแล้ว ซึ่งยุติลงด้วยสนธิสัญญาเบรสท์-ลีตอฟสก์ ทางตะวันตก เยอรมนีเกือบชนะสงครามด้วยการรุกฤดูใบไม้ผลิ ความล้มเหลวของการรุกถูกประณามว่าเป็นเพราะการนัดหยุดงานในอุตสาหกรรมอาวุธในช่วงเวลาวิกฤตของการรุก อันเป็นที่มาของตำนานแทงข้างหลัง ทิ้งให้ทหารขาดเสบียงยุทธภัณฑ์ที่เพียงพอ การนัดหยุดงานดังกล่าวถูกมองว่าถูกยุยงจากกลุ่มทรยศ การนัดหยุดงานดังกล่าวมองข้ามฐานะทางยุทธศาสตร์ของเยอรมนีและละเลยว่า ความพยายามของปัจเจกบุคคลที่ถูกลดความสำคัญทางใดทางหนึ่งบนแนวรบอย่างไร เพราะคู่สงครามกำลังสู้รบกับอยู่ในสงครามรูปแบบใหม่ การปรับให้สงครามเป็นอุตสาหกรรมได้ลดลักษณะความเป็นมนุษย์ของกระบวนการ และทำให้ความพ่ายแพ้รูปแบบใหม่เป็นไปได้ ซึ่งชาวเยอรมันประสบ เมื่อสงครามเบ็ดเสร็จกำเนิดขึ้น
สภาพทางยุทธศาสตร์ของเยอรมนีที่อ่อนแอถูกทำให้ทรุดหนักลงด้วยความพ่ายแพ้อย่างรวดเร็วของประเทศฝ่ายมหาอำนาจกลางอื่น ๆ ในปลาย ค.ศ. 1918 หลังจากชัยชนะของฝ่ายสัมพันธมิตรบนแนวรบมาเซโดเนียและอิตาลี บัลแกเรียเป็นประเทศแรกที่ลงนามการสงบศึกเมื่อวันที่ 29 กันยายน ค.ศ. 1918 วันที่ 30 ตุลาคม จักรวรรดิออตโตมันยอมจำนนที่มูดรอส วันที่ 3 พฤศจิกายน ออสเตรีย-ฮังการีส่งธงสงบศึกเพื่อขอการสงบศึก เงื่อนไข ซึ่งจัดเตรียมโดยโทรเลขกับทางการสัมพันธมิตรในกรุงปารีส ถูกสื่อสารไปยังผู้บัญชาการออสเตรียและมีการตอบรับ การสงบศึกกับออสเตรีย-ฮังการีมีการลงนามในวิลลาจิอุสติ ใกล้กับปาดัว ในวันเดียวกันนั้น ออสเตรียและฮังการีลงนามการสงบศึกแยกกันหลังการล้มล้างราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค
อย่างไรก็ดี แนวคิดของการทรยศจากในประเทศได้ตรงใจบรรดาผู้ฟัง และการอ้างจะให้พื้นฐานการสนับสนุนของสาธารณะบางส่วนแก่พรรคชาติสังคมนิยมที่กำลังกำเนิดขึ้น ภายใต้ชาตินิยมรูปแบบอัตตาธิปไตย ความรู้สึกเกลียดชังยิวทวีความรุนแรงขึ้นโดย สาธารณรัฐโซเวียตบาวาเรีย รัฐบาลคอมมิวนิสต์ที่ปกครองนครมิวนิกนานสองสัปดาห์ก่อนจะถูกปราบโดย ทหารอาสาสมัครไฟรคอร์พส์ ผู้นำสาธารณรัฐโซเวียตบาวาเรียจำนวนมากเป็นยิว ทำให้นักโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านยิวเชื่อมโยงยิวเข้ากับคอมมิวนิสต์ (และดังนั้นจึงเป็นกบฏ)
จุดกำเนิด
ช่วงปลายสงคราม เยอรมนีอยู่ภายใต้การปกครองแบบเผด็จการทหารในทางปฏิบัติ โดยมีกรมบัญชาการทัพบกสูงสุด (Oberste Heeresleitung) และจอมพลเพาล์ ฟ็อน ฮินเดินบวร์ค ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด ถวายคำแนะนำแก่องค์ไคเซอร์ หลังการรุกครั้งสุดท้ายบนแนวรบด้านตะวันตกประสบความล้มเหลว ความพยายามทำสงครามก็ถึงวาระสุดท้าย กรมบัญชาการทัพบกสูงสุดตอบสนองโดยการเปลี่ยนรัฐบาลพลเรือนอย่างรวดเร็ว พลเอกลูเดินดอร์ฟกล่าวว่า
ผมทูลขอองค์ไคเซอร์ให้นำคนพวกนั้นขึ้นสู่อำนาจ ซึ่งเราเองก็ขอบคุณมากที่มาได้นานถึงเพียงนี้ เพราะฉะนั้น เราจะนำเหล่าสุภาพบุรุษเหล่านั้นเข้าเป็นคณะรัฐมนตรี ตอนนี้ พวกเขาสามารถสร้างสันติภาพที่ต้องทำ พวกเขาสามารถกินน้ำแกงที่พวกเขาเตรียมไว้ให้เรา!
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 คณะผู้แทนสาธารณรัฐไวมาร์ที่เพิ่งตั้งใหม่นั้น ได้ลงนามการสงบศึกกับฝ่ายสัมพันธมิตร อันเป็นการยุติสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ผลกระทบที่ตามมาจากสนธิสัญญาแวร์ซายก่อให้เกิดความสูญเสียดินแดนและเศรษฐกิจอย่างมหาศาล เมื่อองค์ไคเซอร์ทรงถูกบังคับให้สละราชสมบัติและกองทัพสละอำนาจบริหาร รัฐบาลพลเรือนชั่วคราวก็ได้เรียกร้องสันติภาพ ลายมือชื่อของ พลเรือน ปรากฏบนการสงบศึก ซึ่งต่อมาเขาถูกสังหารในภายหลังเพราะการทรยศที่ถูกกล่าวหา การเสียชีวิตของเขานำไปสู่การลงนามสนธิสัญญาแวร์ซาย
การถือกำเนิดอย่างของ "ตำนานแทงข้างหลัง" อย่างเป็นทางการนั้นอาจสามารถสืบได้ถึงฤดูใบไม้ร่วง ค.ศ. 1919 เมื่อลูเดินดอร์ฟกำลังทานอาหารพลเอกนีล มัลคอล์ม หัวหน้าทูตทหารอังกฤษในกรุงเบอร์ลิน มัลคอล์มถามลูเดินดอร์ฟว่า เหตุใด เขาจึงคิดว่าเยอรมนีแพ้สงคราม ลูเดินดอร์ฟตอบคำแก้ตัวเป็นรายการของเขา รวมทั้งที่ว่า แนวหลังพังกองทัพ
มัลคอล์มถามเขาว่า "ท่านนายพล คุณหมายความว่า คุณถูกแทงข้างหลังงั้นหรือ" ดวงตาของลูเดินดอร์ฟสว่างขึ้น และเขากระโจนหาวลีนั้นเหมือนสุนัขกับกระดูก "ถูกแทงข้างหลัง?" เขาย้ำ "ใช่ นั่นแหละ แน่นอน เราถูกแทงข้างหลัง" และนั่นจึงถือกำเนิดตำนานซึ่งไม่เคยตายหมดสิ้น
ประโยคดังกล่าวเป็นที่ถูกใจลูเดนดรอฟอย่างมาก เขาได้เผยแพร่ประโยคนี้ให้กับบรรดานายทหารเสนาธิการโดยกล่าวว่านี่เป็นแนวคิดที่ "เป็นทางการ" ก่อนที่ต่อมาคำนี้จะกระจายไปสู่สังคมเยอรมนีทุกภาคส่วน แนวคิดนี้ได้ถูกพรรคการเมืองฝ่ายขวาทั้งหลายหยิบยกมาเป็นประเด็นโจมตีรัฐบาลสาธารณรัฐไวมาร์ภายใต้การนำของพรรคเอสพีดี ตั้งแต่เถลิงอำนาจหลังการปฏิวัติเยอรมนี ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1918
ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1919 สมาชิกรัฐสภาไวมาร์ได้แต่งตั้งชุด Untersuchungsausschuß für Schuldfragen ขึ้นเพื่อสืบหาสาเหตุของสงครามโลกและปัจจัยที่นำไปสู่ความพ่ายแพ้ของเยอรมนี ในวันที่ 18 พฤศจิกายน จอมพลฮินเดินบวร์คได้ให้การยืนยันต่อหน้าคณะกรรมการของรัฐสภา และได้มีการกล่าวอ้างถึงบทความ Neue Zürcher Zeitung ในวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 1918 ซึ่งเป็นการสรุปบทความสองบทความก่อนหน้านั้นใน ที่เขียนโดยนายพลชาวอังกฤษ ด้วยประโยคที่ว่า กองทัพเยอรมันถูก "แทงข้างหลังโดยพลเมืองชาวเยอรมันเอง" (เมาไรซ์ปฏิเสธในภายหลังว่าเขาไม่ได้กล่าวถึงแนวคิดนี้แต่อย่างใด) การให้ปากคำของฮินเดินบวร์คนี้เองที่ทำให้แนวคิดดังกล่าวแพร่กระจายไปกว้างขวางในเยอรมนีภายหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
ส่วนทางด้านริชาร์ด สไตกมันน์-กัลล์ กล่าวว่า ตำนานแทงข้างหลังสามารถย้อนรอยไปจนถึงการเทศนาของอนุศาสนาจารย์ บรูโน เดอริง (Bruno Doehring) เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1918 หกเดือนก่อนสงครามยุติ บอริส บาร์ท นักวิชาการชาวเยอรมัน มีความเห็นแย้งกับแนวคิดของสไตกมันน์ โดยกล่าวว่า เดอริงไม่ได้ใช้คำว่า "แทงข้างหลัง" แต่อย่างใด เพียงแต่กล่าวถึงการทรยศเท่านั้น บาร์ทเขียนเอกสารที่กล่าวถึงตำนานแทงข้างหลังครั้งแรกในบันทึกการประชุมของพรรคการเมืองสายกลางในมิวนิก เลอเวนบรอย-เคลเลอร์ เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 1918 ซึ่งเอิร์สต์ มึลเลอร์ ไมนิงเกน สมาชิกของรัฐบาลผสมชุดใหม่แห่งรัฐสภาไรชส์ทาค ได้ใช้คำดังกล่าวเพื่อปลุกใจให้ผู้ฟังมีความรู้สึกฮึกเหิม
เมื่อการรบในแนวหน้าดำเนินไป พวกเราซึ่งมีหน้าที่ที่จะรักษาบ้านเกิดเมืองนอนเอาไว้นั้นควรละอายแก่ตนเองต่อหน้าลูกหลานของเราหากว่าเราโจมตีแนวหน้าจากข้างหลังโดยการแทงมีด (wenn wir der Front in den Rücken fielen und ihr den Dolchstoss versetzten.)
บาร์ทได้แสดงให้เห็นอีกว่า คำดังกล่าวเป็นที่นิยมมากในหนังสือพิมพ์เยอรมันฉบับหนึ่งซึ่งมีเนื้อหาแสดงความรักชาติที่ชื่อ Deutsche Tageszeitung ที่มีการหยิบยกเอาบทความ Neue Zürcher ซึ่งเป็นคำตอบของฮินเดินบวร์คต่อหน้าคณะกรรมการไต่สวนของรัฐสภามากล่าวอ้างอยู่บ่อยครั้ง
การโจมตีแนวคิดสมคบคิดของชาวยิวในประเด็นความพ่ายแพ้ของเยอรมนีนั้นส่วนใหญ่ตกอยู่กับบุคคลที่มีชื่อเสียง อย่าง คุร์ท ไอซเนอร์ ชาวเยอรมันเชื้อสายยิว ผู้อาศัยอยู่ในนครมิวนิก เขาได้เขียนเกี่ยวกับสงครามซึ่งผิดกฎหมายนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1916 เป็นต้นมา นอกจากนี้เขายังมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากในการปฏิวัติมิวนิก จนกระทั่งเขาถูกลอบสังหารในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1919 สาธารณรัฐไวมาร์ภายใต้การนำของฟรีดริช เอเบิร์ท ได้ปราบปรามการก่อจลาจลของเหล่าชนชั้นแรงงานอย่างรุนแรง และปราบหน่วยทหารเสรีที่จัดตั้งขึ้นทั่วประเทศเยอรมนี ด้วยความช่วยเหลือจากกุสตาฟ นอร์เก และนายพลแห่งกองกำลังป้องกันแห่งชาติ วิลเฮม โกรเนอร์ แม้ว่าการโจมตีนั้นจะมีการรับฟังความเห็นของผู้อื่นก็ตาม แต่ความชอบธรรมของสาธารณรัฐนั้นก็ได้ถูกโจมตีโดยมีการกล่าวอ้างประเด็นการแทงข้างหลัง โดยผู้แทนของหน่วยทหารเสรีจำนวนมาก อย่างเช่น มัททิอัส เออร์ซเบอร์เกอร์ และวัลเทอร์ ราเทอนาว ถูกลอบสังหาร ผู้นำของกลุ่มถูกตราหน้าว่าเป็นอาชญากรและชาวยิว โดยสื่อฝ่ายขวาของ
นักประวัติศาสตร์ชาวเยอรมัน ฟรีดิช มินเนค พยายามสืบหาร่องรอยของที่มาของคำนี้อยู่ก่อนแล้ว ตามที่ระบุในหนังสือพิมพ์เวียนนิช Neue Freie Presse เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 1922 โดยในการเลือกตั้งแห่งชาติประจำ ค.ศ. 1924 วารสารเกี่ยวกับศาสนาที่ชื่อ Süddeutsche Monatshefte ได้ลงพิมพ์บทความชุดหนึ่งในระหว่างความพยายามทรยศต่อประเทศของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ และลูเดินดอร์ฟในปี 1923 โดยบทความนั้นมีเนื้อหาต่อว่าพรรคเอสพีดีและสหภาพแรงงานเกี่ยวกับความพ่ายแพ้ของเยอรมนีในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง หลังตีพิมพ์บทความ บรรณาธิการของหนังสือพิมพ์พรรคเอสพีดีได้ยื่นฟ้องนิตยสารนั้นในข้อหาหมิ่นประมาท ทำให้เกิดการลุกฮือจนเป็นเหตุการณ์ที่เรียกว่า Munich Dolchstossprozess ตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม ถึง 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 1924 มีบุคคลสำคัญหลายคนได้ให้การเป็นพยานในศาลชั้นต้น ซึ่งรวมถึงคณะกรรมการของรัฐสภาที่สืบสวนสาเหตุความพ่ายแพ้สงครามเช่นกัน ทำให้มีผลการตัดสินคดีหมิ่นประมาทบางส่วนถูกเปิดเผยสู่สาธารณชนก่อนที่คณะกรรมการดังกล่าวจะได้ตีพิมพ์ผลการตัดสินออกมาใน ค.ศ. 1928
ตำนานแทงข้างหลังนั้นเป็นภาพพจน์ที่ใช้ในการโฆษณาชวนเชื่อที่ผลิตโดยฝ่ายขวา และพรรคการเมืองหัวอนุรักษนิยมที่จัดตั้งขึ้นในช่วงแรก ๆ ของสาธารณรัฐไวมาร์ ซึ่งรวมไปถึงพรรคนาซีของฮิตเลอร์ สำหรับเขาแล้วรูปแบบการจำลองสงครามโลกครั้งที่หนึ่งมีความสำคัญส่วนตัวสำหรับเขามาก เขาได้ทราบข่าวความพ่ายแพ้ของเยอรมนีในระหว่างที่รักษาตัวจากอาการตาบอดชั่วคราวจากการโจมตีด้วยแก๊สมัสตาร์ดในการรบที่แนวหน้า ในหนังสือ ไมน์คัมพฟ์ (การต่อสู้ของข้าพเจ้า) ของเขา เขาได้อธิบายถึงวิสัยทัศน์ของเขาที่ทำให้เขาเข้าสู่วงการเมือง ตลอดอาชีพของเขา เขามักกล่าวโทษเหตุการณ์ "อาชญากรรมเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1918" ที่มีการลอบแทงทหารบกเยอรมันจากด้านหลังเสมอ
แม้ว่าจะมีเรื่องเล่าของประธานาธิบดีชั่วคราวแห่งสาธารณรัฐไวมาร์ ฟรีดริช เอเบิร์ท ที่กล่าวสดุดีทหารผ่านศึกใน ค.ศ. 1919 ว่า "ไม่มีข้าศึกใดพิชิตท่าน" (Kein Feind hat euch überwunden!) และการกล่าวสดุดีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 ว่า "พวกเขากลับจากสมรภูมิโดยไม่แพ้" (Sie sind vom Schlachtfeld unbesiegt zurückgekehrt) ภายหลังคำกล่าวที่ว่า พวกเขากลับมาโดยไม่แพ้ นั้นเป็นสโลแกนกึ่งทางการของไรช์เวร์ โดยย่อให้สั้นลงจนเหลือ Im Felde unbesiegt ก็ตาม แต่เอเบิร์ทเพียงเจตนาพูดเพื่อเป็นขวัญกำลังใจและโน้มน้าวใจทหารเยอรมันเท่านั้น
อรรถอธิบายในสหรัฐอเมริกา
ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2006 บทความซึ่งตีพิมพ์ลงในนิตยสารฮาร์เปอร์ที่เขียนโดย เควิน เบกเกอร์ ได้ขยายความแนวคิดดังกล่าว และได้นำมาปรับใช้กับการเมืองฝ่ายขวาในสหรัฐอเมริกา ว่า:
"ทุกรัฐจำเป็นจะต้องมีศัตรู และประเทศมหาอำนาจก็มักจะมีศัตรูที่โหดร้ายเป็นพิเศษ นอกเหนือจากนั้น ศัตรูดังกล่าวก็อาจถือกำเนิดขึ้นมาจากภายในรัฐนั้นเอง ด้วยเกียรติภูมิของชาตินั้นไม่อาจยอมรับการถูกทำลายโดยกำลังจากภายนอกได้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมแนวคิดการลอบแทงข้างหลังจึงได้กลายมาเป็นตำนานอันเก่าแก่ของลัทธิชาตินิยมอเมริกัน แม้ว่าจุดกำเนิดของแนวคิดการลอบแทงข้างหลังจะเกิดขึ้น ณ ที่ใดก็ตาม นับตั้งแต่การสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่สอง มันได้กลายมาเป็นเครื่องมือของนักการเมืองฝ่ายขวาอเมริกันซึ่งได้กลับฟื้นคืนและมักจะสามารถหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบในสิ่งที่ผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้อย่างบ่อยครั้ง อันที่จริงแล้ว ฝ่ายขวายังได้กลั่นเอาเรื่องเล่าของการทรยศให้กลายมาเป็นหลักเกณฑ์ ซึ่งเป็นการสนับสนุนนโยบายที่เป็นที่นิยมในระยะสั้นแต่ขาดการไตร่ตรองในระยะยาว การปฏิเสธความผิดต่อการกระทำอันเป็นหายนะของตน และกล่าวโทษเหตุหายนะนั้นกับศัตรูภายในรัฐผู้ซึ่งเกลียดอเมริกานั้นมักจะเป็นการสร้างศัตรูให้เพิ่มขึ้นจากภายในซ้ำแล้วซ้ำเล่าเสมอ"
เบกเกอร์ได้กล่าวอ้างว่า ชาวอเมริกันฝ่ายขวามักจะจับประเด็นเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาพูดถึงกับแนวคิดการลอบแทงข้างหลังเสมอ โดยเหตุการณ์ที่มีการนำแนวคิดนี้มาพูดถึงล่าสุดคือสงครามอิรัก แต่แนวคิดนี้ก็โดดเด่นในช่วงที่สงครามเวียดนามจบลงเช่นกัน เมื่อมีการเผยแพร่ทางสื่อของกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านสงครามและผู้ที่เห็นอกเห็นใจกลุ่มนี้ซึ่งกล่าวว่า สหรัฐอเมริกาสูญเสียความหวังที่จะเอาชนะสงคราม
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
บรรณานุกรม
- Joseph A. Fry, Debating Vietnam: Fulbright, Stennis, and Their Senate Hearings. Rowman & Littlefield: 2006 Pp. 74–75.
- Chickering, Rodger, Imperial Germany and the Great War, 1914-1918. Cambridge, Cambridge University Press: 2004
- Feldman, Gerald D., Die Massenbewegungen der Arbeiterschaft in Deutschland am Ende des Ersten Weltkrieges 1917-1920 Politische Vierteljahrschrift: 1972
- Fleming, Thomas J., The New Dealers' War: FDR and the War Within World War II New York, Basic Books: 2001
- "OSS Psychological Profile of Hitler, Part Five" 2006-10-02 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Schivelbusch,Wolfgang (trans. Jefferson Chase), The Culture of Defeat: On National Trauma, Mourning, and Recovery. New York, Picador: 2001
- Spielvogel, Jackson J., Hitler and Nazi Germany: A History. New Jersey, Prentice Hall: 2001
- Steninger, Rolf, The German Question: The Stalin Note of 1952 and the Problem of Reunification. New York, Columbia University: 1990.
เชิงอรรถ
- Eberhard Kolb, The Weimar Republic (Routledge, 2005), p. 140
- Alexander Watson, Enduring the Great War: Combat, Morale and Collapse in the German and British Armies, 1914–1918 (Cambridge Military Histories, 2008) ch 6
- Lindley Fraser, Germany between Two Wars: A Study of Propaganda and War-Guilt (Oxford University Press, 1945) p. 16
- "1918 Timeline".
- John W. Wheeler-Bennett (1938). "Ludendorff: The Soldier and the Politician". The Virginia Quarterly Review. 14 (2): 187–202.
{{}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|month=
ถูกละเว้น ((help)) - , The Holy Reich: Nazi Conceptions of Christianity, 1919–1945 (Cambridge: , 2003) p. 16
- Boris Barth, Dolchstoßlegenden und politische Disintegration: Das Trauma der deutschen Niederlage im Ersten Weltkrieg, 1914-1933 (Düsseldorf: Droste, 2003), 167 and 340f. Barth says Doehring was an army chaplain, not a court chaplain. The following references to Barth are on pages 148 (Müller-Meiningen), and 324 (NZZ article, with a discussion of the Ludendorff-Malcolm conversation).
- , The Dark Valley: A Panorama of the 1930s, p8
- Kevin Baker, "Stabbed in the Back! The past and future of a right-wing myth" 2012-10-19 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Harper's Magazine, June 2006
แหล่งข้อมูลอื่น
- Antisemitism in Germany Post World War 1 2008-10-03 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. The Florida Holocaust Museum
- Die Judischen Gefallenen 2019-05-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน A Roll of Honor Commemorating the 12,000 German Jews Who Died for their Fatherland in World War I.
- Book review by Harold Marcuse, with 15 "stab-in-the-back" illustrations, 1918-1942
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
tananaethngkhanghlng eyxrmn xngkvs stab in the back myth epnaenwkhidthiechuxthuxknxyangkwangkhwanginaewdwngfaykhwaineyxrmnihlng kh s 1918 wakxngthpheyxrmnmiidaephsngkhramolkkhrngthihnung hakaetthukthryshkhlngodyphleruxnhlngaenwhna odyechphaaxyangying phwkniymsatharnrththilmlangckrwrrdieyxrmnaelarachwngsohexnoslelirnodyphusnbsnunpranamphunarthbaleyxrmnthilngnamkarsngbsukemuxwnthi 11 phvscikayn kh s 1918 wa xachyakrphvscikayn phaphprakxbcakiprsniybtrxxsetriy kh s 1919 epnphaphlxyiwkalngaethngthhareyxrmnthangdanhlngdwymid karyxmcannthukklawothsaekprachachnthiimrkchati phwksngkhmniym phwkbxlechwikh satharnrthiwmar aelaodyechphaaxyangying yiwkartunkaremuxngeyxrmnfaykhwa kh s 1924 epnphaphfiliph ichedmnn Philipp Scheidemann nkkaremuxngsngkhmprachathipity phuprakassatharnrthiwmaraelaepnnaykrthmntriiwmarkhnthisxng aelamththixs aexrsaebrekxr Matthias Erzberger nkkaremuxngtxtansngkhramcakphrrkhklang phulngnamkarsngbsukkbfaysmphnthmitr kalngaethngkxngthpheyxrmncakkhanghlng emuxphrrkhnasiethlingxanacin kh s 1933 phrrkhidcdihtanandngklawepnswnsakhykhxngprawtisastrxyangepnthangkarchwngkhristthswrrs 1920 odybrryaysatharnrthiwmarwaepnphlngankhxng xachyakrphvscikayn phuichkaraethngkhanghlngephuxyudxanackhnathithryspraethschati okhsnachwnechuxnasixthibayiwmarwaepn hlmkarchxrasdrbnghlwng khwamesuxm karldekiyrtipraethschati karebiydebiyn phutxtankhxngchati thisuxstyxyangirkhwamprani sibsipikhxngkarpkkhrxngodyyiw phwkniymmaksist aela bxlechwikhthangwthnthrrm phusungthukkwadlangodykhbwnkarchatisngkhmniym naody xdxlf hitelxr aelachychnakhxng karptiwtiaehngchati in kh s 1933 inthisud nkwichakarthnginaelanxkpraethseyxrmniptiesthaenwkhiddngklawxyangepnexkchnth odychiwa kxngthpheyxrmnkhadkxnghnunaelakalngthukexachnainplay kh s 1918aenwkhidaeknkhxngtananaethngkhanghlngthukklawthungxyangchdecnthisudody phlexkexrich luedindxrf hnunginsxngphubychakarradbsungsudkhxngeyxrmni emuxpi 1919 ekhapranamrthbalebxrlinaelaprachakrphleruxnaekkarsngbsuk yxmcannineduxnphvscikayn kh s 1918 odyphudwa thngsxngtanglmehlwthicasnbsnunekha thaihekhaphidhwng aelaidphisucntnexngaelwwa imkhukhwrkbpraephnikhxngchatinkrb ekhathaihrabbkhasphthdxlchsthxss Dolchstoss terminology aephrhlay aelaklayepnphunafaykhwathioddedninkhristthswrrs 1920 ptikiriyakhxngprachachneyxrmntxsnthisyyaaewrsay kh s 1919 nnepnkarkhdkhanxyangsung dwyphlaehngsnthisyya dinaednkhxngeyxrmnithuktdipraw 13 echuxchatieyxrmnhlaylankhnxyuthuktangchatipkkhrxng aemphwkekhacaepnkhnswnihyinphunthiehlanicanwnmak irnlnththukthaihplxdthhar aelathharsmphnthmitryudkhrxnginhlayphunthi nxkcakni yngbngkhbihcaykhaptikrrmsngkhrammhasalphayinewla 70 pi aemcayutilngin kh s 1931 kxncaklbmacayxikhlngsngkhramolkkhrngthisxng swnsakhythisudkhxngsnthisyyathiekiywkhxngkbtananaethngkhanghlng khux xnupraoykhkhwamrbphidinxachyakrrmsngkhram sungbngkhbiheyxrmniyxmrbkhwamrbphidchxbaekkhwamepnprpksthnghmd ptikiriyahlngsngkhramaelaphlkrathb thharyiw 12 000 nayesiychiwitinsmrphumiekiyrtiysephuxpituphumi ibpliwsungtiphimphin kh s 1920 odythharphansukchaweyxrmnechuxsayyiw txbotkarklawhakarkhadkhwamrkchati phwkxnurksniym chatiniym aelaxditphunathangthharerimphudwicarnekiywkbsntiphaphkbnkkaremuxngiwmar phwksngkhmniym phwkkhxmmiwnist yiw aelabangkhrngrwmthungkhathxlik sungthukmxngwamiphiruthekiywkbkarthukthkexaexngwatnmikhwamcngrkphkditxchatiepnphiess mikarxangwaphwkekhaimidsnbsnunsngkhramaelamiswnkhaychatieyxrmniihkhasuk xachyakrphvscikaynehlani hruxphuthirawkbidpraoychncaksatharnrthiwmarthiephingkxtngihm thukmxngwa aethngphwkekhacakkhanghlng thiaenwhna imwacaodykarwicarnchatiniymeyxrmn yuyngkhwamimsngbaelakarndhyudnganinxutsahkrrmthharthisakhyhruxkarkhakairekinkhwr thisakhy karklawhamiwa khnehlanikbttxxudmkarnrwmthi kuslaelachxbthrrm thvsdiehlaniidrbkaryxmrbcakkhxethccringthiwa emuxeyxrmniyxmcannineduxnphvscikayn kh s 1918 kxngthpheyxrmnyngxyuindinaednfrngessaelaebleyiym ebxrlinyngxyuhangcakaenwrbthiiklthisud 450 iml aelakxngthpheyxrmnthxntwcaksmrphumixyangepnraebiybdixyu kxngthphsmphnthmitridrbesbiyngcakshrthxemrikaxyangphxephiyng sungyngmikxngthphihmthiphrxmthakarrb aetshrachxanackraelafrngessnnkrasukekinkwacaphicarnakarrukraneyxrmniodymiphlkrathbtammathiimthrab bnaenwrbdantawntk immikxngthphsmphnthmitrthphidecaaphanphrmaedneyxrmnidantawntk aelabnaenwrbdantawnxxk eyxrmnichnasngkhramtxrsesiyaelw sungyutilngdwysnthisyyaebrsth litxfsk thangtawntk eyxrmniekuxbchnasngkhramdwykarrukvduibimphli khwamlmehlwkhxngkarrukthukpranamwaepnephraakarndhyudnganinxutsahkrrmxawuthinchwngewlawikvtkhxngkarruk xnepnthimakhxngtananaethngkhanghlng thingihthharkhadesbiyngyuththphnththiephiyngphx karndhyudngandngklawthukmxngwathukyuyngcakklumthrys karndhyudngandngklawmxngkhamthanathangyuththsastrkhxngeyxrmniaelalaelywa khwamphyayamkhxngpceckbukhkhlthithukldkhwamsakhythangidthanghnungbnaenwrbxyangir ephraakhusngkhramkalngsurbkbxyuinsngkhramrupaebbihm karprbihsngkhramepnxutsahkrrmidldlksnakhwamepnmnusykhxngkrabwnkar aelathaihkhwamphayaephrupaebbihmepnipid sungchaweyxrmnprasb emuxsngkhramebdesrckaenidkhun sphaphthangyuththsastrkhxngeyxrmnithixxnaexthukthaihthrudhnklngdwykhwamphayaephxyangrwderwkhxngpraethsfaymhaxanacklangxun inplay kh s 1918 hlngcakchychnakhxngfaysmphnthmitrbnaenwrbmaesodeniyaelaxitali blaekeriyepnpraethsaerkthilngnamkarsngbsukemuxwnthi 29 knyayn kh s 1918 wnthi 30 tulakhm ckrwrrdixxtotmnyxmcannthimudrxs wnthi 3 phvscikayn xxsetriy hngkarisngthngsngbsukephuxkhxkarsngbsuk enguxnikh sungcdetriymodyothrelkhkbthangkarsmphnthmitrinkrungparis thuksuxsaripyngphubychakarxxsetriyaelamikartxbrb karsngbsukkbxxsetriy hngkarimikarlngnaminwillacixusti iklkbpadw inwnediywknnn xxsetriyaelahngkarilngnamkarsngbsukaeykknhlngkarlmlangrachwngshaphsbwrkh xyangirkdi aenwkhidkhxngkarthryscakinpraethsidtrngicbrrdaphufng aelakarxangcaihphunthankarsnbsnunkhxngsatharnabangswnaekphrrkhchatisngkhmniymthikalngkaenidkhun phayitchatiniymrupaebbxttathipity khwamrusukekliydchngyiwthwikhwamrunaerngkhunody satharnrthosewiytbawaeriy rthbalkhxmmiwnistthipkkhrxngnkhrmiwniknansxngspdahkxncathukprabody thharxasasmkhrifrkhxrphs phunasatharnrthosewiytbawaeriycanwnmakepnyiw thaihnkokhsnachwnechuxtxtanyiwechuxmoyngyiwekhakbkhxmmiwnist aeladngnncungepnkbt cudkaenidmieruxngelaekiywkbfridrich exebirth khnathiekhadarngtaaehnngprathanathibdisatharnrthiwmarchwkhrawin kh s 1919 wa ekhaklawaekthharphansukthiklbbanwa immikhasukidphichitthan chwngplaysngkhram eyxrmnixyuphayitkarpkkhrxngaebbephdckarthharinthangptibti odymikrmbychakarthphbksungsud Oberste Heeresleitung aelacxmphlephal fxn hinedinbwrkh inthanaphubychakarthharsungsud thwaykhaaenanaaekxngkhikhesxr hlngkarrukkhrngsudthaybnaenwrbdantawntkprasbkhwamlmehlw khwamphyayamthasngkhramkthungwarasudthay krmbychakarthphbksungsudtxbsnxngodykarepliynrthbalphleruxnxyangrwderw phlexkluedindxrfklawwa phmthulkhxxngkhikhesxrihnakhnphwknnkhunsuxanac sungeraexngkkhxbkhunmakthimaidnanthungephiyngni ephraachann eracanaehlasuphaphburusehlannekhaepnkhnarthmntri txnni phwkekhasamarthsrangsntiphaphthitxngtha phwkekhasamarthkinnaaekngthiphwkekhaetriymiwihera emuxwnthi 11 phvscikayn kh s 1918 khnaphuaethnsatharnrthiwmarthiephingtngihmnn idlngnamkarsngbsukkbfaysmphnthmitr xnepnkaryutisngkhramolkkhrngthihnung phlkrathbthitammacaksnthisyyaaewrsaykxihekidkhwamsuyesiydinaednaelaesrsthkicxyangmhasal emuxxngkhikhesxrthrngthukbngkhbihslarachsmbtiaelakxngthphslaxanacbrihar rthbalphleruxnchwkhrawkideriykrxngsntiphaph laymuxchuxkhxng phleruxn praktbnkarsngbsuk sungtxmaekhathuksngharinphayhlngephraakarthrysthithukklawha karesiychiwitkhxngekhanaipsukarlngnamsnthisyyaaewrsay karthuxkaenidxyangkhxng tananaethngkhanghlng xyangepnthangkarnnxacsamarthsubidthungvduibimrwng kh s 1919 emuxluedindxrfkalngthanxaharphlexknil mlkhxlm hwhnathutthharxngkvsinkrungebxrlin mlkhxlmthamluedindxrfwa ehtuid ekhacungkhidwaeyxrmniaephsngkhram luedindxrftxbkhaaektwepnraykarkhxngekha rwmthngthiwa aenwhlngphngkxngthph mlkhxlmthamekhawa thannayphl khunhmaykhwamwa khunthukaethngkhanghlngngnhrux dwngtakhxngluedindxrfswangkhun aelaekhakraocnhawlinnehmuxnsunkhkbkraduk thukaethngkhanghlng ekhaya ich nnaehla aennxn erathukaethngkhanghlng aelanncungthuxkaenidtanansungimekhytayhmdsin praoykhdngklawepnthithukicluedndrxfxyangmak ekhaidephyaephrpraoykhniihkbbrrdanaythharesnathikarodyklawwaniepnaenwkhidthi epnthangkar kxnthitxmakhanicakracayipsusngkhmeyxrmnithukphakhswn aenwkhidniidthukphrrkhkaremuxngfaykhwathnghlayhyibykmaepnpraednocmtirthbalsatharnrthiwmarphayitkarnakhxngphrrkhexsphidi tngaetethlingxanachlngkarptiwtieyxrmni ineduxnphvscikayn kh s 1918 ineduxnphvscikayn kh s 1919 smachikrthsphaiwmaridaetngtngchud Untersuchungsausschuss fur Schuldfragen khunephuxsubhasaehtukhxngsngkhramolkaelapccythinaipsukhwamphayaephkhxngeyxrmni inwnthi 18 phvscikayn cxmphlhinedinbwrkhidihkaryunyntxhnakhnakrrmkarkhxngrthspha aelaidmikarklawxangthungbthkhwam Neue Zurcher Zeitung inwnthi 17 thnwakhm kh s 1918 sungepnkarsrupbthkhwamsxngbthkhwamkxnhnannin thiekhiynodynayphlchawxngkvs dwypraoykhthiwa kxngthpheyxrmnthuk aethngkhanghlngodyphlemuxngchaweyxrmnexng emairsptiesthinphayhlngwaekhaimidklawthungaenwkhidniaetxyangid karihpakkhakhxnghinedinbwrkhniexngthithaihaenwkhiddngklawaephrkracayipkwangkhwangineyxrmniphayhlngsngkhramolkkhrngthihnung swnthangdanrichard sitkmnn kll klawwa tananaethngkhanghlngsamarthyxnrxyipcnthungkarethsnakhxngxnusasnacary bruon edxring Bruno Doehring emuxwnthi 3 kumphaphnth kh s 1918 hkeduxnkxnsngkhramyuti bxris barth nkwichakarchaweyxrmn mikhwamehnaeyngkbaenwkhidkhxngsitkmnn odyklawwa edxringimidichkhawa aethngkhanghlng aetxyangid ephiyngaetklawthungkarthrysethann barthekhiynexksarthiklawthungtananaethngkhanghlngkhrngaerkinbnthukkarprachumkhxngphrrkhkaremuxngsayklanginmiwnik elxewnbrxy ekhlelxr emuxwnthi 2 phvscikayn 1918 sungexirst mulelxr imningekn smachikkhxngrthbalphsmchudihmaehngrthsphairchsthakh idichkhadngklawephuxplukicihphufngmikhwamrusukhukehim emuxkarrbinaenwhnadaeninip phwkerasungmihnathithicarksabanekidemuxngnxnexaiwnnkhwrlaxayaektnexngtxhnalukhlankhxngerahakwaeraocmtiaenwhnacakkhanghlngodykaraethngmid wenn wir der Front in den Rucken fielen und ihr den Dolchstoss versetzten barthidaesdngihehnxikwa khadngklawepnthiniymmakinhnngsuxphimpheyxrmnchbbhnungsungmienuxhaaesdngkhwamrkchatithichux Deutsche Tageszeitung thimikarhyibykexabthkhwam Neue Zurcher sungepnkhatxbkhxnghinedinbwrkhtxhnakhnakrrmkaritswnkhxngrthsphamaklawxangxyubxykhrng karocmtiaenwkhidsmkhbkhidkhxngchawyiwinpraednkhwamphayaephkhxngeyxrmninnswnihytkxyukbbukhkhlthimichuxesiyng xyang khurth ixsenxr chaweyxrmnechuxsayyiw phuxasyxyuinnkhrmiwnik ekhaidekhiynekiywkbsngkhramsungphidkdhmaynbtngaetpi kh s 1916 epntnma nxkcakniekhayngmiswnekiywkhxngxyangmakinkarptiwtimiwnik cnkrathngekhathuklxbsngharineduxnkumphaphnth kh s 1919 satharnrthiwmarphayitkarnakhxngfridrich exebirth idprabpramkarkxclaclkhxngehlachnchnaerngnganxyangrunaerng aelaprabhnwythharesrithicdtngkhunthwpraethseyxrmni dwykhwamchwyehluxcakkustaf nxrek aelanayphlaehngkxngkalngpxngknaehngchati wilehm okrenxr aemwakarocmtinncamikarrbfngkhwamehnkhxngphuxunktam aetkhwamchxbthrrmkhxngsatharnrthnnkidthukocmtiodymikarklawxangpraednkaraethngkhanghlng odyphuaethnkhxnghnwythharesricanwnmak xyangechn mththixs exxrsebxrekxr aelawlethxr raethxnaw thuklxbsnghar phunakhxngklumthuktrahnawaepnxachyakraelachawyiw odysuxfaykhwakhxng nkprawtisastrchaweyxrmn fridich minenkh phyayamsubharxngrxykhxngthimakhxngkhanixyukxnaelw tamthirabuinhnngsuxphimphewiynnich Neue Freie Presse emuxwnthi 11 mithunayn kh s 1922 odyinkareluxktngaehngchatipraca kh s 1924 warsarekiywkbsasnathichux Suddeutsche Monatshefte idlngphimphbthkhwamchudhnunginrahwangkhwamphyayamthrystxpraethskhxngxdxlf hitelxr aelaluedindxrfinpi 1923 odybthkhwamnnmienuxhatxwaphrrkhexsphidiaelashphaphaerngnganekiywkbkhwamphayaephkhxngeyxrmniinsngkhramolkkhrngthihnung hlngtiphimphbthkhwam brrnathikarkhxnghnngsuxphimphphrrkhexsphidiidyunfxngnitysarnninkhxhahminpramath thaihekidkarlukhuxcnepnehtukarnthieriykwa Munich Dolchstossprozess tngaetwnthi 19 tulakhm thung 20 phvscikayn kh s 1924 mibukhkhlsakhyhlaykhnidihkarepnphyaninsalchntn sungrwmthungkhnakrrmkarkhxngrthsphathisubswnsaehtukhwamphayaephsngkhramechnkn thaihmiphlkartdsinkhdihminpramathbangswnthukepidephysusatharnchnkxnthikhnakrrmkardngklawcaidtiphimphphlkartdsinxxkmain kh s 1928 tananaethngkhanghlngnnepnphaphphcnthiichinkarokhsnachwnechuxthiphlitodyfaykhwa aelaphrrkhkaremuxnghwxnurksniymthicdtngkhuninchwngaerk khxngsatharnrthiwmar sungrwmipthungphrrkhnasikhxnghitelxr sahrbekhaaelwrupaebbkarcalxngsngkhramolkkhrngthihnungmikhwamsakhyswntwsahrbekhamak ekhaidthrabkhawkhwamphayaephkhxngeyxrmniinrahwangthirksatwcakxakartabxdchwkhrawcakkarocmtidwyaeksmstardinkarrbthiaenwhna inhnngsux imnkhmphf kartxsukhxngkhapheca khxngekha ekhaidxthibaythungwisythsnkhxngekhathithaihekhaekhasuwngkaremuxng tlxdxachiphkhxngekha ekhamkklawothsehtukarn xachyakrrmeduxnphvscikayn kh s 1918 thimikarlxbaethngthharbkeyxrmncakdanhlngesmx aemwacamieruxngelakhxngprathanathibdichwkhrawaehngsatharnrthiwmar fridrich exebirth thiklawsdudithharphansukin kh s 1919 wa immikhasukidphichitthan Kein Feind hat euch uberwunden aelakarklawsdudiemuxwnthi 10 phvscikayn kh s 1918 wa phwkekhaklbcaksmrphumiodyimaeph Sie sind vom Schlachtfeld unbesiegt zuruckgekehrt phayhlngkhaklawthiwa phwkekhaklbmaodyimaeph nnepnsolaeknkungthangkarkhxngirchewr odyyxihsnlngcnehlux Im Felde unbesiegt ktam aetexebirthephiyngectnaphudephuxepnkhwykalngicaelaonmnawicthhareyxrmnethannxrrthxthibayinshrthxemrikaineduxnmithunayn kh s 2006 bthkhwamsungtiphimphlnginnitysarharepxrthiekhiynody ekhwin ebkekxr idkhyaykhwamaenwkhiddngklaw aelaidnamaprbichkbkaremuxngfaykhwainshrthxemrika wa thukrthcaepncatxngmistru aelapraethsmhaxanackmkcamistruthiohdrayepnphiess nxkehnuxcaknn strudngklawkxacthuxkaenidkhunmacakphayinrthnnexng dwyekiyrtiphumikhxngchatinnimxacyxmrbkarthukthalayodykalngcakphaynxkid nnkhuxehtuphlwathaimaenwkhidkarlxbaethngkhanghlngcungidklaymaepntananxnekaaekkhxnglththichatiniymxemrikn aemwacudkaenidkhxngaenwkhidkarlxbaethngkhanghlngcaekidkhun n thiidktam nbtngaetkarsinsudkhxngsngkhramolkkhrngthisxng mnidklaymaepnekhruxngmuxkhxngnkkaremuxngfaykhwaxemriknsungidklbfunkhunaelamkcasamarthhlikeliyngkhwamrbphidchxbinsingthiphidphladthiekidkhunidxyangbxykhrng xnthicringaelw faykhwayngidklnexaeruxngelakhxngkarthrysihklaymaepnhlkeknth sungepnkarsnbsnunnoybaythiepnthiniyminrayasnaetkhadkaritrtrxnginrayayaw karptiesthkhwamphidtxkarkrathaxnepnhaynakhxngtn aelaklawothsehtuhaynannkbstruphayinrthphusungekliydxemrikannmkcaepnkarsrangstruihephimkhuncakphayinsaaelwsaelaesmx ebkekxridklawxangwa chawxemriknfaykhwamkcacbpraednehtukarntang thiekidkhunmaphudthungkbaenwkhidkarlxbaethngkhanghlngesmx odyehtukarnthimikarnaaenwkhidnimaphudthunglasudkhuxsngkhramxirk aetaenwkhidnikoddedninchwngthisngkhramewiydnamcblngechnkn emuxmikarephyaephrthangsuxkhxngklumekhluxnihwephuxtxtansngkhramaelaphuthiehnxkehnicklumnisungklawwa shrthxemrikasuyesiykhwamhwngthicaexachnasngkhramduephimxdxlf hitelxr chatisngkhmniym satharnrthiwmarxangxingbrrnanukrm Joseph A Fry Debating Vietnam Fulbright Stennis and Their Senate Hearings Rowman amp Littlefield 2006 Pp 74 75 Chickering Rodger Imperial Germany and the Great War 1914 1918 Cambridge Cambridge University Press 2004 Feldman Gerald D Die Massenbewegungen der Arbeiterschaft in Deutschland am Ende des Ersten Weltkrieges 1917 1920 Politische Vierteljahrschrift 1972 Fleming Thomas J The New Dealers War FDR and the War Within World War II New York Basic Books 2001 OSS Psychological Profile of Hitler Part Five 2006 10 02 thi ewyaebkaemchchin Schivelbusch Wolfgang trans Jefferson Chase The Culture of Defeat On National Trauma Mourning and Recovery New York Picador 2001 Spielvogel Jackson J Hitler and Nazi Germany A History New Jersey Prentice Hall 2001 Steninger Rolf The German Question The Stalin Note of 1952 and the Problem of Reunification New York Columbia University 1990 ISBN 0 231 07216 3 echingxrrth Eberhard Kolb The Weimar Republic Routledge 2005 p 140 Alexander Watson Enduring the Great War Combat Morale and Collapse in the German and British Armies 1914 1918 Cambridge Military Histories 2008 ch 6 Lindley Fraser Germany between Two Wars A Study of Propaganda and War Guilt Oxford University Press 1945 p 16 1918 Timeline John W Wheeler Bennett 1938 Ludendorff The Soldier and the Politician The Virginia Quarterly Review 14 2 187 202 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a imruckpharamietxr month thuklaewn help The Holy Reich Nazi Conceptions of Christianity 1919 1945 Cambridge 2003 p 16 Boris Barth Dolchstosslegenden und politische Disintegration Das Trauma der deutschen Niederlage im Ersten Weltkrieg 1914 1933 Dusseldorf Droste 2003 167 and 340f Barth says Doehring was an army chaplain not a court chaplain The following references to Barth are on pages 148 Muller Meiningen and 324 NZZ article with a discussion of the Ludendorff Malcolm conversation The Dark Valley A Panorama of the 1930s p8 ISBN 0 375 40881 9 Kevin Baker Stabbed in the Back The past and future of a right wing myth 2012 10 19 thi ewyaebkaemchchin Harper s Magazine June 2006aehlngkhxmulxunAntisemitism in Germany Post World War 1 2008 10 03 thi ewyaebkaemchchin The Florida Holocaust Museum Die Judischen Gefallenen 2019 05 14 thi ewyaebkaemchchin A Roll of Honor Commemorating the 12 000 German Jews Who Died for their Fatherland in World War I Book review by Harold Marcuse with 15 stab in the back illustrations 1918 1942