ดาวเสาร์ เป็นดาวเคราะห์ที่มีระบบวงแหวนดาวเคราะห์ขนาดใหญ่มากกว่าดาวเคราะห์อื่นในระบบสุริยะ วงแหวนของดาวเสาร์ประกอบด้วยอนุภาคขนาดเล็กจำนวนมากนับไม่ถ้วน ที่มีขนาดตั้งแต่ไม่กี่ไมโครเมตรไปจนถึงหลายเมตร กระจุกตัวรวมกันอยู่และโคจรไปรอบ ๆ ดาวเสาร์ อนุภาคในวงแหวนส่วนใหญ่เป็นน้ำแข็ง มีบางส่วนที่เป็นฝุ่นและสสารอื่น ๆ
วงแหวนของดาวเสาร์ช่วยสะท้อนแสง ทำให้มองเห็นความสว่างของดาวเสาร์เพิ่มมากขึ้น แต่เราไม่สามารถมองเห็นวงแหวนเหล่านี้ได้ด้วยตาเปล่า ในปี ค.ศ. 1610 ซึ่งกาลิเลโอเริ่มใช้กล้องโทรทรรศน์ในการสำรวจท้องฟ้า เขาเป็นกลุ่มคนยุคแรก ๆ ที่พบและเฝ้าสังเกตวงแหวนของดาวเสาร์ แม้จะมองไม่เห็นลักษณะอันแท้จริงของมันได้อย่างชัดเจน ปี ค.ศ. 1655 คริสตียาน เฮยเคินส์ เป็นผู้แรกที่สามารถอธิบายลักษณะของวงแหวนว่าเป็นแผนจานวนรอบ ๆ ดาวเสาร์
มีแถบช่องว่างระหว่างวงแหวนอยู่หลายช่อง ในจำนวนนี้มีอยู่ 2 แถบที่มีดวงจันทร์แทรกอยู่ ช่องอื่น ๆ อีกหลายช่องอยู่ในตำแหน่งการสั่นพ้องของวงโคจรกับดวงจันทร์ของดาวเสาร์ และยังมีอีกหลายช่องที่ยังหาคำอธิบายไม่ได้
การแบ่งและโครงสร้างภายในวงแหวน
ส่วนที่หนาแน่นที่สุดของระบบวงแหวนของดาวเสาร์ เป็นวงแหวน A และ B ซึ่งถูกแยกออก โดย ส่วนของยานแคสสินี (ค้นพบในปี ค.ศ. 1675 โดย โจวันนี โดเมนีโก กัสซีนี) พร้อมกับวงแหวน C ซึ่งถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1850 และเป็นที่คล้ายกันในลักษณะส่วนที่ของยานแคสสินี บริเวณนี้ประกอบด้วยวงแหวนหลัก วงแหวนหลักเป็นแถวทึบและประกอบด้วยอนุภาคที่มีขนาดใหญ่กว่าวงแหวนฝุ่นเปราะบาง หลังจากรวมถึงวงแหวน D หลังจากรวมถึงวงแหวน D ขยายภายในไปยอดเมฆดาวเสาร์ G และวงแหวนE กับอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากระบบวงแหวนหลัก วงแหวนเหล่านี้แพร่กระจายมีลักษณะเป็น "ฝุ่น" เนื่องจากขนาดที่เล็กของอนุภาคของมัน (มักจะเกี่ยวกับไมโครเมตร) ส่วนประกอบทางเคมีของพวกมันคือเหมือนกับวงแหวนหลักเกือบทั้งหมดของน้ำแข็ง ที่คับแคบวงแหวน F ไม่ไกลจากขอบด้านนอกของวงแหวนเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะจำแนก ส่วนของมันมีความหนาแน่นมาก แต่ก็ยังมีการจัดการที่ดีของอนุภาคขนาดของฝุ่น
ข้อมูลในตาราง
หมายเหตุ
(1) ระยะทางไปยังศูนย์กลางของช่องว่างวงแหวน และอนุภาคเล็กที่มีความแคบกว่า 1,000 กิโลเมตร
(2) เป็นชื่ออย่างไม่เป็นทางการ
(3) เป็นชื่อที่กำหนดไว้โดยสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล เว้นแต่ถ้าไม่สังเกตเห็น
(4) การแยกที่กว้างขึ้นระหว่างชื่อวงแหวนเรียกว่าส่วน ในขณะที่การแยกแคบภายในชื่อวงแหวนเรียกว่าช่องว่าง
(5) ข้อมูลส่วนใหญ่มาจากอักขรานุกรมภูมิศาสตร์ของดาวเคราะห์ศัพท์ ข้อมูลสำคัญของนาซา และเอกสารต่าง ๆ
การแบ่งที่สำคัญของวงแหวน
ชื่อ (3) | ระยะห่างจากดาวเสาร์ (จากศูนย์กลางในกิโลเมตร) (4) | กว้าง (กิโลเมตร) (4) | ตั้งชื่อจาก |
---|---|---|---|
วงแหวน D | 66,900 – 74,510 | 7,500 | |
วงแหวน C | 74,658 – 92,000 | 17,500 | |
วงแหวน B | 92,000 – 117,580 | 25,500 | |
ส่วนยานแคสสินี | 117,580 – 122,170 | 4,700 | โจวันนี กัสซีนี |
วงแหวน A | 122,170 – 136,775 | 14,600 | |
ส่วนโรช | 136,775 – 139,380 | 2,600 | |
วงแหวน F | 140,180 (1) | 30 – 500 | |
วงแหวนเจนัส/เอพิมีเทียส (2) | 149,000 – 154,000 | 5,000 | และ |
วงแหวน G | 166,000 – 175,000 | 9,000 | |
วงแหวนอาร์คมีโทนี (2) | 194,230 | ? | |
วงแหวนอาร์คแอนที (2) | 197,665 | ? | |
วงแหวนพาลลีน (2) | 211,000 – 213,500 | 2,500 | |
วงแหวน E | 180,000 – 480,000 | 300,000 | |
วงแหวนพออีบี | ประมาณ 4,000,000 – มากกว่า 13,000,000 |
โครงสร้างภายในวงแหวน C
ชื่อ (3) | ระยะห่างจากดาวเสาร์ (จากศูนย์กลางในกิโลเมตร) (4) | กว้าง (กิโลเมตร) (4) | ตั้งชื่อจาก |
---|---|---|---|
ช่องว่างโกลอมโบ | 77,870 (1) | 150 | |
Titan Ringlet | 77,870 (1) | 25 | ไททัน ดาวบริวารของดาวเสาร์ |
ช่องว่างแมกซ์เวล | 87,491 (1) | 270 | เจมส์ เคลิร์ก แมกซ์เวลล์ |
Maxwell Ringlet | 87,491 (1) | 64 | เจมส์ เคลิร์ก แมกซ์เวลล์ |
ช่องว่างบอนด์ | 88,705 (1) | 30 | และ |
1.470RS Ringlet | 88,716 (1) | 16 | รัศมี |
1.495RS Ringlet | 90,171 (1) | 62 | รัศมี |
ช่องว่างเดเวส | 90,210 (1) | 20 |
โครงสร้างภายในส่วนแคสสินี
- แหล่งที่มา:
ชื่อ (3) | ระยะห่างจากดาวเสาร์ (จากศูนย์กลางในกิโลเมตร) (4) | กว้าง (กิโลเมตร) (4) | ตั้งชื่อจาก |
---|---|---|---|
ช่องว่างเฮยเคินส์ | 117,680 (1) | 285–400 | คริสตียาน เฮยเคินส์ |
Huygens Ringlet | 117,848 (1) | ~17 | คริสตียาน เฮยเคินส์ |
ช่องว่างเฮอร์เชล | 118,234 (1) | 102 | วิลเลียม เฮอร์เชล |
ช่องว่างรัซเซลล | 118,614 (1) | 33 | |
ช่องว่างเจฟฟ์เรย์ส | 118,950 (1) | 38 | |
ช่องว่างไคเปอร | 119,405 (1) | 3 | เจอราร์ด ปีเตอร์ ไคเปอร์ |
ช่องว่างลาปลัส | 119,967 (1) | 238 | ปีแยร์-ซีมง ลาปลัส |
ช่องว่างเบสเซล | 120,241 (1) | 10 | ฟรีดดริค เบสเซล |
ช่องว่างบาร์นาร์ด | 120,312 (1) | 13 |
โครงสร้างภายในวงแหวน A
ชื่อ (3) | ระยะห่างจากดาวเสาร์ (จากศูนย์กลางในกิโลเมตร) (4) | กว้าง (กิโลเมตร) (4) | ตั้งชื่อจาก |
---|---|---|---|
Encke Gap | 133,589 (1) | 325 | |
Keeler Gap | 136,505 (1) | 35 |
อ้างอิง
- Hamilton, Calvin (2004). "Saturn's Magnificent Rings". สืบค้นเมื่อ 2007-07-25.
- ; และคณะ (October 1984). "The Eccentric Saturnian Ringlets at 1.29RS and 1.45RS". Icarus. 60 (1): 1–16. Bibcode:1984Icar...60....1P. doi:10.1016/0019-1035(84)90134-9.
- ; และคณะ (November 1987). "Eccentric features in Saturn's outer C ring". Icarus. 72 (2): 437–467. Bibcode:1987Icar...72..437P. doi:10.1016/0019-1035(87)90185-0.
- Flynn, B. C.; และคณะ (November 1989). "Regular Structure in the Inner Cassini Division of Saturn's Rings". Icarus. 82 (1): 180–199. Bibcode:1989Icar...82..180F. doi:10.1016/0019-1035(89)90030-4.
- Lakdawalla, E. (2009-02-09). "New names for gaps in the Cassini Division within Saturn's rings". Planetary Society blog. . สืบค้นเมื่อ 2017-12-20.
แหล่งข้อมูลอื่น
- Planetary Rings Node: Saturn's Ring System 2005-08-26 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Saturn's Rings by NASA's Solar System Exploration
- Rings of Saturn nomenclature from the USGS planetary nomenclature page
- (retrieved 2009-10-07)
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
dawesar epndawekhraahthimirabbwngaehwndawekhraahkhnadihymakkwadawekhraahxuninrabbsuriya wngaehwnkhxngdawesarprakxbdwyxnuphakhkhnadelkcanwnmaknbimthwn thimikhnadtngaetimkiimokhremtripcnthunghlayemtr kracuktwrwmknxyuaelaokhcriprxb dawesar xnuphakhinwngaehwnswnihyepnnaaekhng mibangswnthiepnfunaelassarxun phaphthaykhrasdawesarbngdwngxathity cakyankssini ehyekhins emuxwnthi 15 knyayn kh s 2006 wngaehwnkhxngdawesarchwysathxnaesng thaihmxngehnkhwamswangkhxngdawesarephimmakkhun aeteraimsamarthmxngehnwngaehwnehlaniiddwytaepla inpi kh s 1610 sungkalieloxerimichklxngothrthrrsninkarsarwcthxngfa ekhaepnklumkhnyukhaerk thiphbaelaefasngektwngaehwnkhxngdawesar aemcamxngimehnlksnaxnaethcringkhxngmnidxyangchdecn pi kh s 1655 khristiyan ehyekhins epnphuaerkthisamarthxthibaylksnakhxngwngaehwnwaepnaephncanwnrxb dawesar miaethbchxngwangrahwangwngaehwnxyuhlaychxng incanwnnimixyu 2 aethbthimidwngcnthraethrkxyu chxngxun xikhlaychxngxyuintaaehnngkarsnphxngkhxngwngokhcrkbdwngcnthrkhxngdawesar aelayngmixikhlaychxngthiynghakhaxthibayimidkaraebngaelaokhrngsrangphayinwngaehwnswnthihnaaennthisudkhxngrabbwngaehwnkhxngdawesar epnwngaehwn A aela B sungthukaeykxxk ody swnkhxngyanaekhssini khnphbinpi kh s 1675 ody ocwnni odemniok kssini phrxmkbwngaehwn C sungthukkhnphbinpi kh s 1850 aelaepnthikhlaykninlksnaswnthikhxngyanaekhssini briewnniprakxbdwywngaehwnhlk wngaehwnhlkepnaethwthubaelaprakxbdwyxnuphakhthimikhnadihykwawngaehwnfunepraabang hlngcakrwmthungwngaehwn D hlngcakrwmthungwngaehwn D khyayphayinipyxdemkhdawesar G aelawngaehwnE kbxun thinxkehnuxcakrabbwngaehwnhlk wngaehwnehlaniaephrkracaymilksnaepn fun enuxngcakkhnadthielkkhxngxnuphakhkhxngmn mkcaekiywkbimokhremtr swnprakxbthangekhmikhxngphwkmnkhuxehmuxnkbwngaehwnhlkekuxbthnghmdkhxngnaaekhng thikhbaekhbwngaehwn F imiklcakkhxbdannxkkhxngwngaehwnepneruxngthiyakmakthicacaaenk swnkhxngmnmikhwamhnaaennmak aetkyngmikarcdkarthidikhxngxnuphakhkhnadkhxngfun phaphomesksithrrmchatikhxngyanaekhssini thiphaphmummxngaekhbcakklxngindan unilluminated khxngwngaehwnkhxngdawesar D C B A aela F sayipkhwa sungthayinwnthi 9 phvsphakhm kh s 2007 danswangkhxngwngaehwndawesar thimikaraebngthisakhythirabuiwkhxmulintarang hmayehtu 1 rayathangipyngsunyklangkhxngchxngwangwngaehwn aelaxnuphakhelkthimikhwamaekhbkwa 1 000 kiolemtr 2 epnchuxxyangimepnthangkar 3 epnchuxthikahndiwodyshphnthdarasastrsakl ewnaetthaimsngektehn 4 karaeykthikwangkhunrahwangchuxwngaehwneriykwaswn inkhnathikaraeykaekhbphayinchuxwngaehwneriykwachxngwang 5 khxmulswnihymacakxkkhranukrmphumisastrkhxngdawekhraahsphth khxmulsakhykhxngnasa aelaexksartang karaebngthisakhykhxngwngaehwn chux 3 rayahangcakdawesar caksunyklanginkiolemtr 4 kwang kiolemtr 4 tngchuxcakwngaehwn D 66 900 74 510 7 500 wngaehwn C 74 658 92 000 17 500 wngaehwn B 92 000 117 580 25 500 swnyanaekhssini 117 580 122 170 4 700 ocwnni kssiniwngaehwn A 122 170 136 775 14 600 swnorch 136 775 139 380 2 600wngaehwn F 140 180 1 30 500 wngaehwnecns exphimiethiys 2 149 000 154 000 5 000 aelawngaehwn G 166 000 175 000 9 000 wngaehwnxarkhmiothni 2 194 230 wngaehwnxarkhaexnthi 2 197 665 wngaehwnphallin 2 211 000 213 500 2 500wngaehwn E 180 000 480 000 300 000 wngaehwnphxxibi praman 4 000 000 makkwa 13 000 000 okhrngsrangphayinwngaehwn C chux 3 rayahangcakdawesar caksunyklanginkiolemtr 4 kwang kiolemtr 4 tngchuxcakchxngwangoklxmob 77 870 1 150Titan Ringlet 77 870 1 25 iththn dawbriwarkhxngdawesarchxngwangaemksewl 87 491 1 270 ecms ekhlirk aemksewllMaxwell Ringlet 87 491 1 64 ecms ekhlirk aemksewllchxngwangbxnd 88 705 1 30 aela1 470RS Ringlet 88 716 1 16 rsmi1 495RS Ringlet 90 171 1 62 rsmichxngwangedews 90 210 1 20okhrngsrangphayinswnaekhssini aehlngthima chux 3 rayahangcakdawesar caksunyklanginkiolemtr 4 kwang kiolemtr 4 tngchuxcakchxngwangehyekhins 117 680 1 285 400 khristiyan ehyekhinsHuygens Ringlet 117 848 1 17 khristiyan ehyekhinschxngwangehxrechl 118 234 1 102 wileliym ehxrechlchxngwangrsesll 118 614 1 33chxngwangecfferys 118 950 1 38chxngwangikhepxr 119 405 1 3 ecxrard pietxr ikhepxrchxngwanglapls 119 967 1 238 piaeyr simng laplschxngwangebsesl 120 241 1 10 friddrikh ebseslchxngwangbarnard 120 312 1 13okhrngsrangphayinwngaehwn A chux 3 rayahangcakdawesar caksunyklanginkiolemtr 4 kwang kiolemtr 4 tngchuxcakEncke Gap 133 589 1 325Keeler Gap 136 505 1 35xangxingHamilton Calvin 2004 Saturn s Magnificent Rings subkhnemux 2007 07 25 aelakhna October 1984 The Eccentric Saturnian Ringlets at 1 29RS and 1 45RS Icarus 60 1 1 16 Bibcode 1984Icar 60 1P doi 10 1016 0019 1035 84 90134 9 aelakhna November 1987 Eccentric features in Saturn s outer C ring Icarus 72 2 437 467 Bibcode 1987Icar 72 437P doi 10 1016 0019 1035 87 90185 0 Flynn B C aelakhna November 1989 Regular Structure in the Inner Cassini Division of Saturn s Rings Icarus 82 1 180 199 Bibcode 1989Icar 82 180F doi 10 1016 0019 1035 89 90030 4 Lakdawalla E 2009 02 09 New names for gaps in the Cassini Division within Saturn s rings Planetary Society blog subkhnemux 2017 12 20 aehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb wngaehwnkhxngdawesar wikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb wngaehwnkhxngdawesar Planetary Rings Node Saturn s Ring System 2005 08 26 thi ewyaebkaemchchin Saturn s Rings by NASA s Solar System Exploration Rings of Saturn nomenclature from the USGS planetary nomenclature page retrieved 2009 10 07