เขนงนายพราน | |
---|---|
หม้อบนของ Nepenthes mirabilis | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Plantae |
หมวด: | Magnoliophyta |
ชั้น: | Magnoliopsida |
อันดับ: | Caryophyllales |
วงศ์: | Nepenthaceae |
สกุล: | Nepenthes |
สปีชีส์: | N. mirabilis |
ชื่อทวินาม | |
Nepenthes mirabilis () (1916) | |
การกระจายพันธุ์ของ N. mirabilis | |
ชื่อพ้อง | |
|
เขนงนายพราน (ชื่อวิทยาศาสตร์: Nepenthes mirabilis, มีรากศัพท์มาจากคำในภาษาละตินว่า mirabilis หมายถึง น่าพิศวง) หรือ Common Swamp Pitcher-Plant เป็นพืชกินสัตว์ชนิดหนึ่ง ในวงศ์หม้อข้าวหม้อแกงลิง พบได้ตามหนองน้ำในเขตร้อนชื้นในแทบทุกภาคของประเทศไทย และมีการกระจายพันธุ์อย่างกว้างขวางในหลายพื้นที่ ได้แก่ เกาะบอร์เนียว เกาะสุมาตรา ไทย มาเลเซียตะวันตก กัมพูชา เกาะนิวกินี อินโดจีน ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย จีน เกาะฮ่องกง ปาเลา หมู่เกาะโมลุกกะ พม่า มาเก๊า และไมโครนีเซีย ซึ่งผลสืบเนื่องมาจากการกระจายพันธุ์อย่างกว้างขวางนี้เอง จึงทำให้เขนงนายพรานมีรูปร่างลักษณะแตกต่างกันไปหลากหลายรูปแบบ ที่เห็นได้เด่นชัดคือ N. mirabilis var. echinostoma ชึ่งเป็นรูปแบบที่หายากประจำถิ่นในบรูไนและรัฐซาราวัก ซึ่งเพอริสโตมจะบาน กว้างและหนาพิเศษ ทั้งยังมีร่องละเอียดอย่างเห็นได้ชัด
ในประเทศไทย เขนงนายพรานมีชื่อพื้นเมืองอื่น ๆ อีกดังนี้: กระบอกน้ำพราน (ภาคใต้) ปูโยะ (มลายู ปัตตานี) ลึงค์นายพราน (พัทลุง) หม้อแกงค่าง (ปัตตานี) หม้อข้าวลิง (จันทบุรี) หม้อข้าวหม้อแกงลิง (ใต้ นราธิวาส) เหน่งนายพราน (ใต้)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
เขนงนายพรานเป็นไม้เลื้อยหรือเกาะกันเป็นพุ่มเล็กแน่น อาจยาวได้ถึง 10 เมตร
ใบ
ใบเดี่ยวรี ใบเรียงตัวเป็นเกลียว บางเหมือนกระดาษ ใบรูปไข่หรือรูปปลายหอก ขอบใบเป็นจักฟันเลื่อยเมื่อยังเล็กและจะหายไปเมื่อโตเต็มที่ ใบยาวไม่เกิน 30 ซม. กว้างไม่เกิน 7 ซม. ปลายใบแหลม โคนใบค่อย ๆ แคบลงหรือแคบลงอย่างลาดชัน โคนใบธรรมดา-โอบรัดลำต้นกึ่งหนึ่งหากไม่มีก้านใบ เส้นใบแนวยาวเห็นได้ชัดเจน ฝั่งละ 4-5 เส้น เส้นใบย่อยจำนวนมาก สายดิ่งหรือมือจับยาวไม่เกิน 10 ซม.
หม้อ
หม้อล่างมีลักษณะยาว ก้นหม้อเป็นกระเปาะ มีเอวช่วง 1 ใน 3 จากก้น ด้านบนทรงกระบอก สูงไม่เกิน 20 ซม. กว้างไม่เกิน 4 ซม. มีครีบ 1 คู่ (กว้างไม่เกิน 4 มม.) ตั้งแต่ขอบปากถึงก้นหม้อ บริเวณต่อมผลิตน้ำย่อยอยู่บริเวณก้นหม้อที่เป็นกระเปาะ ปากหม้อกลม ขนานกับพื้นหรือเฉียง เพอริสโตมแบนโค้งที่ขอบ หนาไม่เกิน 10 มม. ฟันเห็นไม่ชัดเจน ฝาหม้อเป็นรูปกลมรี ไม่มีเดือยใต้ฝา มีเดือย 1-2 เดือยที่ฐานด้านหลัง ยาวไม่เกิน 5 มม. หม้อบนทรงกระบอกครีบหดเล็กลง สีของหม้อมีสีตั้งแต่สีเขียวถึงแดง อาจมีจุด
ดอก
ดอกเป็นแบบช่อกระจะ แบบดอกแยกเพศอยู่ต่างต้น ก้านช่อเดี่ยว ช่อดอกยาวไม่เกิน 30 ซม. ก้านดอกยาวไม่เกิน 15 มม. ไม่มีฐานรองดอก กลีบดอกรูปกลมหรือรูปไข่ ยาวไม่เกิน 7 มม. ดอกเพศผู้มีขดเกสรตัวผู้ 1 ขดมีลักษณะกลม ดอกเพศเมียมีรังไข่รูปรี เสมือนมีก้านดอก ออกดอกช่วงเดือนมิถุนายน-กุมภาพันธ์
อื่น ๆ
- ลำต้นหนาไม่เกิน 10 มม. ระยะระหว่างข้อไม่เกิน 15 ซม.
- ผล/ฝักเป็นรูปวงรีคล้ายแคปซูล 4 ลิ้นและแตกเมื่อแก่ ยาว 1.5–3 ซม. เมื่อแก่มีสีน้ำตาล เมล็ดรูปเส้นด้าย ยาว ประมาณ 1.2 ซม.
- เมื่อยังเล็กจะปกคลุมด้วยขนหนาสั้นสีขาว แต่เมื่อโตเต็มที่ขนจะหายไป
ญาติใกล้ชิด
เขนงนายพรานจะมีลักษณะใกล้เคียงกับญาติใกล้ชิดของมันมากคือ และ N. tenax มาก ซึ่ง 2 ชนิดหลังนี้เป็นพืชถิ่นเดียวของออสเตรเลีย
ลักษณะ | N. mirabilis | N. rowanae |
---|---|---|
สัณฐานวิทยาของแผ่นใบ | แหลมถึงกลม | แคบลงไปทางส่วนปลาย, และต่อไปตามสายดิ่งในลักษณะที่แคบ, แหลม, กว้าง |
จุดต่อของสายดิ่งกับใบ | ทั่วไป | แบบก้นปิด |
ปีกหม้อ | ทั่วไป, มีขนขึ้นที่ขอบ | แบนที่ด้านหน้า, รูปร่างรูปตัวที, มีขนขึ้นที่ขอบ |
พื้นผิวของแผ่นใบ | คล้ายกระดาษ | คล้ายแผ่นหนัง แข็ง |
จุดต่อของแผ่นใบกับลำต้น | ทั่วไป, เป็นครีบ ⅓ ของความยาวของปล้อง | เป็นครีบน้อยกว่า ½ ของความยาวของปล้อง, ทั่วไปจะยาวกว่า |
ความหนาแน่นของต่อมในส่วนล่างของหม้อ | 1600-2500 / ซม.² | ประมาณ 3600 / ซม.² |
ตำแหน่งคอ/เอวในหม้อบน | กึ่งกลาง, ต่ำกว่ากึ่งกลาง | สูงกว่าหนึ่งในสี่ |
ตำแหน่งคอ/เอวในหม้อล่าง | ต่ำกว่าสามถึงหนึ่งในสี่ | ติดกับใต้เพอริสโตม |
การกระจายพันธุ์และถิ่นอาศัย
เขนงนายพรานเป็นหม้อข้าวหม้อแกงลิงชนิดหนึ่งที่มีการกระจายพันธุ์เป็นวงกว้าง ทำให้มีความหลากหลายที่สูงมาก แล้วด้วยเหตุนี้เองในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 เอฟ.เอ็ม.เบลีย์ (F.M. Bailey) นักพฤกษศาสตร์ชาวออสเตรเลีย ได้เข้าใจผิดและตั้งให้เขนงนายพรานเป็นหม้อข้าวหม้อแกงลิงถึง 10 ชนิด เพราะลักษณะที่แตกต่างกันของตัวอย่างที่พบ ในการสำรวจหม้อข้าวหม้อแกงลิงในรัฐควีนส์แลนด์ ต่อมา บี.เอช. แดนเซอร์ (B. H. Danser) นักอนุกรมวิธานได้ตรวจสอบผลงานของเบลีย์และพบว่าหม้อข้าวหม้อแกงลิงทั้ง 10 ชนิดนั้น แท้ที่จริงล้วนเป็นเขนงนายพรานทั้งสิ้น จึงได้แก้ไขใหม่หมดโดยระบุว่ามันเป็นเพียงรูปแบบหนึ่งของเขนงนายพรานเท่านั้น เขนงนายพรานสามารถพบได้ที่ระดับความสูงตั้งแต่ระดับน้ำทะเล ไปจนถึงระดับสูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,500 เมตร แต่ส่วนใหญ่จะพบเจริญเติบโตที่ระดับความสูงไม่เกิน 100 เมตรจากระดับน้ำทะเล และมักเป็นบริเวณริมตลิ่ง พบได้มากบริเวณที่โล่ง เฉอะแฉะ บึงน้ำซึ่งมีน้ำท่วมขังเป็นประจำ หรือแม้กระทั่งในสวนยางพารา
เขนงนายพรานสามารถพบได้ในเกาะบอร์เนียว เกาะสุมาตรา ไทย มาเลเซียตะวันตก กัมพูชา เกาะนิวกินี อินโดจีน ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย จีน เกาะฮ่องกง ปาเลา หมู่เกาะโมลุกกะ พม่า มาเก๊า และไมโครนีเซีย ในประเทศไทย สามารถพบได้ตั้งแต่ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคตะวันออก และที่พบมากที่สุดคือ ภาคใต้ เขนงนายพรานมีชื่อพื้นเมืองอื่น ๆ อีกดังนี้: กระบอกน้ำพราน (ภาคใต้) ปูโยะ (มลายู ปัตตานี) ลึงค์นายพราน (พัทลุง) หม้อแกงค่าง (ปัตตานี) หม้อข้าวลิง (จันทบุรี) หม้อข้าวหม้อแกงลิง (ใต้ นราธิวาส) เหน่งนายพราน (ใต้)
ประวัติและการค้นพบ
(เยอรมัน: Georg Eberhard Rumphius) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันได้ค้นพบหม้อข้าวหม้อแกงลิง 2 ชนิดใหม่ในหมู่เกาะมลายู จากภาพในหนังสือ Herbarium Amboinensis (พรรณไม้จากอองบง) ทั้ง 6 เล่มของเขาที่เขียนเสร็จสิ้นในปี พ.ศ. 2233 และได้ตีพิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2284 ในภาพหม้อข้าวหม้อแกงลิงชนิดที่ชื่อ Cantharifera ที่แปลว่า "คนถือเหยือก" นั้นเมื่อนำมาพิจารณาแล้วคาดว่าคือเขนงนายพราน ส่วนชนิดที่เหลือก็คือ N. maxima แต่ยังไม่เป็นที่แน่ใจนัก
ปี พ.ศ. 2333 (โปรตุเกส: João de Loureiro) นักบวชชาวโปรตุเกส ได้พรรณนาถึง Phyllamphora mirabilis หรือ "ใบรูปหม้ออันน่าพิศวง" จากเวียดนาม หรือก็คือเขนงนายพรานนั่นเอง แม้เขาจะอยู่ในประเทศนี้มาถึง 35 ปี มันดูเหมือนว่า เลอรีโรจะไม่ได้เฝ้าศึกษาหม้อข้าวหม้อแกงลิงชนิดนี้อย่างจริงจังนัก เขาอ้างว่าฝาของหม้อเคลื่อนไหวได้ในรูปแบบเปิดและปิดฝาหม้อไว้ในงานที่มีชื่อเสียงของเขา Flora Cochinchinensis (พืชจากเวียดนามใต้) ซึ่งเขาเขียนไว้ว่า:
...สายดิ่งที่ยื่นยาวต่อจากปลายสุดของใบที่บิดขดเป็นวงอยู่ตรงกลาง ทำหน้ายึดหม้อนิ่ม ๆ รูปไข่นั่นไว้ มันมีปากที่เรียบเป็นโครงยื่นตรงขอบและที่ด้านตรงข้ามเป็นฝาปิด ซึ่งเปิดอยู่โดยธรรมชาติ และจะปิดเมื่อต้องเก็บกักน้ำค้างไว้ เป็นผลงานของพระผู้เป็นเจ้าที่น่าพิศวงมาก! — จากหนังสือหม้อข้าวหม้อแกงลิงจากบอร์เนียว
ในที่สุด Phyllamphora mirabilis ก็ถูกเปลี่ยนเข้าสู่สกุลของหม้อข้าวหม้อแกงลิงโดย (George Claridge Druce) ในปี พ.ศ. 2459 ดังนั้น P. mirabilis จึงเป็น ชื่อเดิม (basionym) ของหม้อข้าวหม้อแกงลิงทั่วโลกหลายชนิด
ในปี พ.ศ. 2382 พี.ดับเบิลยู. โคร์ทอลส์ (P. W. Korthals) ได้ตีพิมพ์เอกสารหม้อข้าวหม้อแกงลิงฉบับแรก โดยในรายชื่อหม้อข้าวหม้อแกงลิงทั้ง 9 ชนิดมีเขนงนายพรานรวมอยู่ด้วย
อนุกรมวิธาน
หน่วยอนุกรมวิธานต่ำกว่าระดับชนิด
การกระจายตัวที่กว้างจะทำให้เกิดการวิวัฒนาการที่แตกต่างของลักษณะของหม้อและสี ทำให้มีการแจกแจงไว้ดังนี้
- Nepenthes mirabilis f. anamensis (Hort.Weiner) Hort.Westphal (1991)
- Nepenthes mirabilis var. anamensis Hort.Weiner in sched. (1985) nom.nud.
- Nepenthes mirabilis var. biflora J.H.Adam & Wilcock (1992)
- Nepenthes mirabilis var. echinostoma (Hook.f.) Hort.Slack ex J.H.Adam & Wilcock (1992)
- Nepenthes mirabilis var. globosa M.Catal. (2010)
- Nepenthes mirabilis f. simensis (Hort.Weiner) Hort.Westphal (1991)
- Nepenthes mirabilis var. simensis Hort.Weiner in sched. (1985) nom.nud.
- Nepenthes mirabilis f. smilesii (Hemsl.) Hort.Westphal (2000) = Nepenthes smilesii
- Nepenthes mirabilis var. smilesii (Hemsl.) Hort.Weiner in sched. (1985) = Nepenthes smilesii
N. mirabilis var. echinostoma
N. mirabilis var. echinostoma (มีรากศัพท์มาจากคำในภาษาละตินว่า echinostoma อันหมายถึง ปากเป็นมันวาวคล้ายเปลือกกุ้ง หอย) มีลักษณะแปรผันที่เด่นชัด มีเพอริสโตมที่บาน กว้างและหนาพิเศษ ทั้งยังมีร่องละเอียดอย่างเห็นได้ชัด ถูกค้นพบโดย (Odoardo Beccari) ในปี พ.ศ. 2408 และถูกจำแนกชนิดโดยเซอร์ ในปี พ.ศ. 2416N. mirabilis var. echinostoma เป็นลักษณะเดียวของชนิดที่ผิดแปลกไปการลักษณะอื่นเป็นอย่างมาก พบในประเทศบรูไน รัฐซาราวัก และรัฐซาบะฮ์ (ยังไม่ถูกยืนยัน) ครั้งแรกที่พบมันถูกจัดจำแนกเป็น Nepenthes echinostoma แต่ในภายหลัง อดัมและวิลคัก ได้จัดลำดับอนุกรมวิธานให้พืชนี้เป็นความหลากหลายของเขนงนายพรานเท่านั้น
N. mirabilis var. globosa
ในปี พ.ศ. 2550 หม้อข้าวหม้อแกงลิงชนิด N. globosa ที่ได้รับการระบุบโดย ไซเกะโอะ คุระตะ (Shigeo Kurata) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Nepenthes sp. Viking ซึ่งสามารถพบในเกาะบริเวณชายฝั่งทะเลอันดามันของจังหวัดพังงา ใกล้กับจังหวัดตรัง ประเทศไทย ในงาน Sarawak Nepenthes summit 2007 (งานประชุมเรื่องหม้อข้าวหม้อแกงลิงที่รัฐซาราวัก ปี พ.ศ. 2550) ได้ลดระดับ N. globosa ลงเหลือสปีชีส์ย่อยของเขนงนายพรานแทน เพราะยังมีการศึกษาในหม้อข้าวหม้อแกงลิงชนิดนี้น้อยมาก และถ้า N. globosa เป็นสปีชีส์ย่อยของเขนงนายพรานจริง จะทำให้ N. globosa เป็นความแปรผันมากที่สุดในรูปทรงของหม้อของเขนงนายพราน ต่อมาในภายหลังได้รับการระบุบโดย มาร์เชลโล กาตาลาโน (Marcello Catalano) ในปี พ.ศ. 2553 ภายใต้ชื่อ Nepenthes sp. Phanga Nga
ลูกผสมตามธรรมชาติ
ลูกผสมตามธรรมชาติของเขนงนายพรานตามที่มีการบันทึกไว้มีดังนี้:
- ? [I] (N. alata × N. merrilliana) × N. mirabilis = N. × tsangoya[II]
- ? [I]N. alata × N. mirabilis = N. × mirabilata[II]
- N. ampullaria × N. mirabilis = N. × kuchingensis, Nepenthes cutinensis
- ? [I] (N. ampullaria × N. rafflesiana) × N. mirabilis = N. × hookeriana × N. mirabilis
- × N. mirabilis
- N. bicalcarata × N. mirabilis
- ? [I] (N. bicalcarata × N. rafflesiana) × N. mirabilis var. echinostoma
- N. gracilis × N. mirabilis = N. × ghazallyana, N. × grabilis, N. neglecta ? [I]
- × N. mirabilis
- N. mirabilis × N. northiana
- N. mirabilis × N. rafflesiana
- N. mirabilis ×
- N. mirabilis × N. smilesii
- N. mirabilis × N. spathulata
- N. mirabilis × N. sumatrana
- N. mirabilis × N. tenax
- ? [I]N. mirabilis × N. thorelii
- ? [I]N. mirabilis × N. tomoriana
- N. mirabilis × N. northiana
- N. mirabilis × N. rafflesiana
- N. mirabilis × N. sumatrana
- ? N. mirabilis × N. tomoriana
สถานะการอนุรักษ์
เนื่องจากมีการกระจายพันธุ์เป็นวงกว้าง เขนงนายพรานจึงถูกจัดให้อยู่ในสถานะ LR/lc โดย IUCN ซึ่งหมายความว่ามีความเสี่ยงต่ำต่อการสูญพันธุ์ แต่ไม่มีแผนงานอนุรักษ์รองรับ และไม่ทราบว่าจะมีความเสี่ยงสูงต่อการสูญพันธุ์จากพื้นที่ธรรมชาติในอนาคตข้างหน้าหรือไม่ และอยู่ในบัญชีที่ 2 ของไซเตส ที่กำหนดให้หม้อข้าวหม้อแกงลิงทุกชนิดอยู่ในบัญชีที่ 2 ยกเว้น และ N. rajah จัดอยู่ในบัญชีที่ 1
ในส่วนของประเทศไทยที่เป็นสมาชิกของไซเตสนั้น ได้กำหนดนโยบาย มาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามอนุสัญญาฯ ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เรื่อง พืชอนุรักษ์ตามพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พุทธศักราช 2518 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พุทธศักราช 2535 มีรายละเอียดเกี่ยวกับเขนงนายพรานดังนี้
- วงศ์หม้อข้าวหม้อแกงลิง
- พืชอนุรักษ์บัญชีที่ 2
- Nepenthes spp. (ไทย: นีเพนเธส สปีชีส์) (Pitcher-plants, สกุลหม้อข้าวหม้อแกงลิงทุกชนิด)
- พืชอนุรักษ์บัญชีที่ 2
โดยมีข้อบังคับไว้โดยสรุปเกี่ยวกับพืชอนุรักษ์ดังนี้
- ห้ามมิให้ผู้ใดนำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านพืชอนุรักษ์และซากของพืชอนุรักษ์ เว้นแต่ได้รับหนังสืออนุญาตจากอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย (มาตรา 29 ตรี)
- ผู้ใดประสงค์จะขยายพันธุ์เทียมพืชอนุรักษ์เพื่อการค้า ให้ยื่นคำขอขึ้นทะเบียนสถานที่เพาะเลี้ยงพืชอนุรักษ์ต่อกรมวิชาการเกษตร (มาตรา 29 จัตวา)
สิ่งมีชีวิตอิงอาศัยหม้อข้าวหม้อแกงลิง
มีการพบหลายชนิดในหม้อของเขนงนายพราน ประกอบไปด้วย แมลงวันวงศ์ และแมลงหกขาขนาดเล็ก ซึ่งทั้งคู่พบในประชากรของเขนงนายพรานในประเทศออสเตรเลีย ในทำนองเดียวกัน ยังพบยุง และ อาศัยอยู่ในหม้อของเขนงนายพรานบนเกาะของประเทศปาเลาและ (Yap) ตามลำดับ ยุงทั้ง 2 ชนิดมีวงจรชีวิตที่ผิดแปลกไปและรูปร่างสัญฐานลักษณะเฉพาะที่สัมพันธ์กับถิ่นอาศัยนี้
นีมาโทดา ได้รับการระบุว่าพบได้จากเขนงนายพรานในประเทศไทย ซึ่งคาดกันว่าไม่ใช่ความบังเอิญที่หม้อของเขนงนายพรานจะเป็นถิ่นอาศัยตามธรรมชาติของนีมาโทดาชนิดนี้ ระบบนิเวศขนาดจิ๋วในหม้อถูกครอบครองโดยลูกน้ำยุง แมลงตัวเล็ก ๆ และ B. mirabilis มีการคาดเดากันว่านีมาโทดาชนิดนี้อาจมีความสัมพันธ์แบบพาหะกับแมลงอิงอาศัยชนิดหนึ่งหรือหลายชนิด
ในตอนใต้ของประเทศจีน มีการพบกบต้นไม้ในหม้อของเขนงนายพราน สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำนี้ ไม่พลัดตกลงไปในหม้อจนกลายเป็นเหยื่อของเขนงนายพราน แต่น่าจะลงไปกินแมลงที่ตกลงไปในหม้อมากกว่า กบนั้นไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำย่อยที่มีฤทธ์เป็นกรดที่อยู่ในหม้อของเขนงนายพราน (ซึ่งอาจมีค่า ต่ำถึง 2) เป็นเพราะมีเมือกห่อหุ้มชั้นผิวหนังอยู่
มีบันทึกว่าพบเห็ดราที่อาศัยอยู่ในน้ำครั้งแรกในหม้อของพืชกินสัตว์ มาจากตัวอย่างของเขนงนายพรานที่ขึ้นอยู่ริมแม่น้ำจาร์ดิน (Jardine) ในประเทศออสเตรเลีย เห็ดราที่เป็นเส้นใยนี้ สังเกตพบทั้งในน้ำที่อยู่ในกับดักของพืชกินสัตว์และติดกับไคทินแมลงที่เหลืออยู่
นอกจากนี้ หม้อของเขนงนายพรานยังเป็นแหล่งอาศัยของชุมชนแบคทีเรียที่ซับซ้อนอีกด้วย
ประโยชน์
- เถาหรือลำต้นของเขนงนายพรานมีความเหนียวทนทานมาก ชาวบ้านนิยมไปทำเชือกเพื่อผูกมัดสิ่งของต่าง ๆ เช่น ผูกเสาทำรั้วบ้าน หรือ ใช้ถักเครื่องจักสาน เช่น พวกเครื่องดักปลา เป็นต้น
- รากของเขนงนายพรานใช้ฝนกับน้ำในกระเปาะใช้พอกแผลถอนพิษสัตว์ ใช้ผสมยาอื่นแก้โลหิตเป็นพิษ ส่วนของหม้อใช้ผสมยาอื่นกินแก้โรคน้ำเหลืองเสีย
- ทางภาคใต้ได้มีการนำเขนงนายพรานไปทำขนมที่มีชื่อว่า "ข้าวเหนียวหม้อแกงลิง" วิธีการทำเริ่มจากการแช่ข้าวเหนียว แล้วนำส่วนที่เป็นหม้อของเขนงนายพรานไปล้างให้สะอาด กรอกข้าวเหนียวลงไปในหม้อ จากนั้นหยอดหางกะทิตามลงไป ยกขึ้นเตานึ่ง พอข้าวเหนียวใกล้สุกจึงหยอดหัวกะทิที่ผสมเกลือพอเค็ม นำมานึ่งอีกครั้งจนสุก
การปลูกเลี้ยง
- ดูเพิ่ม: (การปลูกเลี้ยงหม้อข้าวหม้อแกงลิง)
เขนงนายพรานเป็นหม้อข้าวหม้อแกงลิงพืชพื้นราบ ส่วนมากพบสูงจากระดับน้ำทะเลไม่เกิน 100 เมตร สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นต่ำได้ดี (ประมาณ 20%) จึงเป็นหนึ่งในหม้อข้าวหม้อแกงลิงที่ปลูกเลี้ยงได้ง่ายมาก เป็นพืชต้องการแสงมาก อากาศไหลเวียนได้ดี เครื่องปลูกต้องระบายน้ำได้ดีแต่ไม่จับตัวกันแน่น และต้องชุ่มน้ำทั่วกระถางเมื่อมีการให้น้ำ ถึงแม้จะมีรายงานว่าพบเขนงนายพรานในบึงน้ำซึ่งมีน้ำท่วมขัง แต่ไม่ควรแฉะมากและไม่ควรหล่อน้ำทิ้งไว้เพราะจะทำให้รากเน่าได้ แนะนำให้ใช้กาบมะพร้าวสับเป็นเครื่องปลูก
การให้ปุ๋ยเคมี (ที่ประกอบไปด้วย NPK) นั้นสามารถให้ได้แต่ควรใช้เจือจางกว่าที่ระบุบในฉลาก และเนื่องจากเขนงนายพรานเป็นไม้เลื้อยที่อาจยาวได้ถึง 10 เมตร จึงจำเป็นต้องทำหลักหรือร้านให้มันยึดเกาะและเลื้อยไต่
การเผยแพร่ในสื่อ
- ประเทศไทยได้จัดพิมพ์แสตมป์ชุดพืชกินแมลง 4 ดวง เป็นที่ระลึกสัปดาห์สากลแห่งการเขียนจดหมาย พ.ศ. 2549 โดยใช้ภาพที่ชนะเลิศจากการประกวดในงานสัปดาห์สากลแห่งการเขียนจดหมายประจำปี พ.ศ. 2548 ในหัวข้อ "พืชกินแมลง" 1 ใน 4 ดวงนั้นเป็นรูปเขนงนายพราน[III] ที่ออกแบบโดย นายพงศพล โพนะทา ราคา 3.00 บาท ออกจำหน่ายครั้งแรกเมื่อ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2549
เชิงอรรถ
I. ^ เครื่องหมาย ? หมายถึง ผู้แต่งก็ยังไม่แน่ใจหรือยังมีความสับสนในหม้อข้าวหม้อแกงลิงชนิดนั้นอยู่
II. ^ N. × mirabilata (N. alata × N. mirabilis) และ N. × tsangoya ((N. alata × N. merrilliana) × N. mirabilis) เป็นแนวทางในการกล่าวอ้างของลูกผสมในธรรมชาติของลูกผสมหม้อข้างหม้อแกงลิงชนิดต่าง ๆ ( Nepenthes Hybrids (1995) )
III. ^ ภาพหม้อบนของหม้อข้าวหม้อแกงลิงในรูปภาพบนแสตมป์ คาดว่าเป็นหม้อข้าวหม้อแกงลิงชนิด N. × ventrata มากกว่าที่จะเป็นเขนงนายพราน สังเกตได้จากเพอริสโตมมีขอบเป็นจีบหยัก หม้อมีเอวคอด ซึ่งโดยปกติแล้วหม้อบนของเขนงนายพรานนั้นเพอริสโตมมีขอบเรียบกลม หม้อเป็นทรงกระบอก
อ้างอิง
- เต็ม สมิตินันทน์ ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย 2010-05-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน สำนักงานหอพรรณไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช, พ.ศ. 2549
- Phillipps, A. & A. Lamb 1996. Pitcher-Plants of Borneo. Natural History Publications (Borneo) , Kota Kinabalu.
- Nepenthes mirabilis Encyclocedia of Life
- Clarke, C.M. 1997. Nepenthes of Borneo. Natural History Publications (Borneo) , Kota Kinabalu.
- Danser's Monograph on Nepenthes: Nepenthes mirabilis
- Nepenthes rowanae (Nepenthaceae), a remarkable species from Cape York, Australia Carnivorous Plant Newsletter Volume 34, Number 2, June 2005, pages 36 - 41
- Rumphius, G.E. 1741–1750. Cantharifera. In: Herbarium Amboinense 5, lib. 7, cap. 61, p. 121, t. 59, t. 2.
- de Loureiro, J. 1790. Flora Cochinchinensis 2: 606–607.
- Druce, G. 1916. Nepenthes mirabilis. In: Botanical Exchange Club of the British Isles Report 4: 637.
- Clarke, C.M. 1997. Nepenthes of Borneo. Natural History Publications (Borneo), Kota Kinabalu.
- Catalano, M. 2010. Nepenthes mirabilis var. globosa M. Catal. var. nov.PDF In: . Prague. p. 40.
- "neofarm" Nepenthes mirabilis var. echinostoma
- McPherson, S.R. 2009. . 2 volumes. Redfern Natural History Productions, Poole.
- หม้อข้าวหม้อแกงลิงในเมืองไทย 2009-02-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน exoflora.net 2018-03-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Lauffenberger, A. 1995. Guide to Nepenthes Hybrids.
- Clarke, C.M. 2001. Nepenthes of Sumatra and Peninsular Malaysia. Natural History Publications (Borneo) , Kota Kinabalu.
- APPENDICES I AND II as adopted by the Conference of the PartiesPDF (120 )
- "ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง พืชอนุรักษ์ตามพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. ๒๕๑๘" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๙ ตอนพิเศษ ๑๘๗ ง หน้า ๔๓–๖๑. วันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๕.
- Yeates, D.K., H. de Souza Lopes & G.B. Monteith 1989. A commensal sarcophagid (Diptera: Sarcophagidae) in Nepenthes mirabilis (Nepenthaceae) pitchers in Australia. Australian Entomological Magazine 16: 33–39.
- Fashing, N.J. 2002. Nepenthacarus, a new genus of Histiostomatidae (Acari: Astigmata) inhabiting the pitchers of Nepenthes mirabilis (Lour.) Druce in Far North Queensland, Australia.PDF (1.64 ) Australian Journal of Entomology 41(1): 7–17. doi:10.1046/j.1440-6055.2002.00263.x
- Sota, T. & M. Mogi 2006. Origin of pitcher plant mosquitoes in Aedes (Stegomyia): a molecular phylogenetic analysis using mitochondrial and nuclear gene sequences. Journal of Medical Entomology 43(5): 795–800. doi:10.1603/0022-2585(2006)43[795:OOPPMI2.0.CO;2]
- Bohart, R.M. 1956. Insects of Micronesia. Diptera: Culicidae.PDF Insects Micronesia 12(1): 1–85.
- Mogi, M. 2010. Unusual life history traits of Aedes (Stegomyia) mosquitoes (Diptera: Culicidae) inhabiting Nepenthes pitchers. Annals of the Entomological Society of America 103(4): 618–624. doi:10.1603/AN10028
- Bert, W., I.T. De Ley, R. Van Driessche, H. Segers & P. De Ley 2003. Baujardia mirabilis gen. n., sp. n. from pitcher plants and its phylogenetic position within Panagrolaimidae (Nematoda: Rhabditida).PDF Nematology 5(3): 405–420. doi:10.1163/156854103769224395
- Hua, Y. & H. Li 2005. Food web and fluid in pitchers of Nepenthes mirabilis in Zhuhai, China.PDF Acta Botanica Gallica 152(2): 165–175.
- Hua, Y. & L. Kuizheng 2004. The Special Relationship Between Nepenthes and Tree Frogs.PDF 33(1): 23–24.
- Cribbs, A.B. 1987. An aquatic fungus from pitchers of Nepenthes mirabilis. Queensland Naturalist 28: 72–73.
- Shnell, D.E. 1992. Literature Review. 21(3): 80–82.
- Yogiara, A. Suwanto & M.T. Suhartono 2006. A complex bacterial community living in pitcher plant fluid. Jurnal Mikrobiologi Indonesia 11(1): 9–14.
- มูลนิธิสืบนาคะเสถียร 2009-06-07 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน “หม้อแกงลิง” พืชสารพัดประโยชน์
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-04-25. สืบค้นเมื่อ 2009-06-19.
- Nepenthes mirabilis www.nepenthesaroundthehouse.com
- แสตมป์ชุดพืชกินแมลง 2016-03-05 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน stampthai.org 2007-05-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
แหล่งข้อมูลอื่น
- Adam, J. H., R. Omar & C. C. Wilcock 2002. Phytochemical Screening of Flavonoids in Three Hybrids of Nepenthes (Nepenthaceae) and their Putative Parental Species from Sarawak and Sabah.PDF OnLine Journal of Biological Sciences 2 (9) : 623–625.
- Bednar, B.L. 1983. Nepenthes mirabilis variation.PDF (111 KiB) Carnivorous Plant Newsletter 12 (3) : 64.
- Bednar, B.L. 1985. An Unusual mirabilis Plant.PDF Carnivorous Plant Newsletter 14 (4) : 91.
- Bert, W., I.T. De Ley, R. Van Driessche, H. Segers & P. De Ley 2003. Baujardia mirabilis gen. n., sp. n. from pitcher plants and its phylogenetic position within Panagrolaimidae (Nematoda: Rhabditida). Nematology 5 (3) : 405–420.
- Chaveerach, A., A. Tanomtong, R. Sudmoon & T. Tanee 2006. Genetic diversity among geographically separated populations of Nepenthes mirabilis. Biologia 61 (3) : 295–298.
- Clementi, G. 1843. Sull'aascidio della Nepenthes phyllamphora di Wildenow. Il Cimento 1 (13–14) : 217–220.
- Fashing, N.J. 2002. Nepenthacarus, a new genus of Histiostomatidae (Acari: Astigmata) inhabiting the pitchers of Nepenthes mirabilis (Lour.) Druce in Far North Queensland, Australia.PDF (1.64 ) Australian Journal of Entomology 41 (1) : 7–17.
- Hua, Y. & H. Li 2005. Food web and fluid in pitchers of Nepenthes mirabilis in Zhuhai, China.PDF Acta Botanica Gallica 152 (2) : 165–175.
- Lavarack, P.S. 1977. Notes on Nepenthes mirabilis and other Carnivorous Plants in Queensland.PDF Carnivorous Plant Newsletter 6 (3) : 49–50.
- Lavarack, P.S. 1981. Nepenthes mirabilis in Australia.PDF Carnivorous Plant Newsletter 10 (3) : 69–72, 74–76.
- Mokkamul, P., A. Chaveerach, R. Sudmoon & T. Tanee 2007. Species Identification and Sex Determination of the Genus Nepenthes (Nepenthaceae).PDF (702 ) Pakistan Journal of Biological Sciences 10 (4) : 561–567.
- Moran, J.A., W.E. Booth & J.K. Charles 1999. Aspects of Pitcher Morphology and Spectral Characteristics of Six Bornean Nepenthes Pitcher Plant Species: Implications for Prey Capture.PDF Annals of Botany 83: 521–528.
- Normawati, Y. 2002. The effect of stem length on pitcher and inflorescence production in Nepenthes gracilis and Nepenthes mirabilis at Serendah Selangor. B.Sc. Thesis. Universiti Kebangsaan Malaysia.
- Pavlovič, A., E. Masarovičová & J. Hudák 2007. Carnivorous Syndrome in Asian Pitcher Plants of the Genus Nepenthes. Annals of Botany 100 (3) : 527–536.
- Rice, B. 2007. Carnivorous plants with hybrid trapping strategies. Carnivorous Plant Newsletter 36 (1) : 23–27.
- Schulze, W., E.D. Schulze, J.S. Pate, A.N. Gillison 1997. The nitrogen supply from soils and insects during growth of the pitcher plants Nepenthes mirabilis, Cephalotus follicularis and Darlingtonia californica. Oecologia 112 (4) : 464–471.
- Sota, T. & M. Mogi 2006. Origin of Pitcher Plant Mosquitoes in Aedes (Stegomyia) : A Molecular Phylogenetic Analysis Using Mitochondrial and Nuclear Gene Sequences. Journal of Medical Entomology 43 (5) : 795–800.
- Ziemer, R.R. 1988. Carnivorous Plants in Micronesia.PDF Carnivorous Plant Newsletter 17 (3) : 70–73.
- รูปความหลากหลายและรูปแบบของเขนงนายพราน
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
ekhnngnayphranhmxbnkhxng Nepenthes mirabilissthanakarxnurkskhwamesiyngta IUCN 2 3 karcaaenkchnthangwithyasastrxanackr Plantaehmwd Magnoliophytachn Magnoliopsidaxndb Caryophyllaleswngs Nepenthaceaeskul Nepenthesspichis N mirabilischuxthwinamNepenthes mirabilis 1916 karkracayphnthukhxng N mirabilischuxphxngNepenthes alata auct non 1928 N alata N mirabilis Nepenthes albolineata 1898 Nepenthes alicae 1898 Nepenthes armbrustae 1905 Nepenthes bernaysii 1881 Nepenthes cantharifera ex 1835 Nepenthes cholmondeleyi 1900 Nepenthes distillatoria auct non L 1841 Nepenthes echinostoma 1873 Nepenthes fimbriata Bl 1852 Nepenthes fimbriata var leptostachya Bl 1852 Nepenthes garrawayae 1905 Nepenthes hainanensis Metcalfe amp Chalk 1950 sphalm typogr Nepenthes hainaniana Metcalfe amp Chalk 1950 nom nud Nepenthes hainensis Hort ex Y Fukatsu 1999 sphalm typogr Nepenthes jardinei 1897 Nepenthes kampotiana auct non Hort ex Hort Bot Berlin in sched 1996 Nepenthes kennedyana 1865 Nepenthes kennedyana var rubra Hort 1880 nom nud Nepenthes kennedyi 1873 sphalm typogr Nepenthes macrostachya Bl 1852 Nepenthes mirabilis auct non 1928 N mirabilis Nepenthes moluccensis 1841 Nepenthes moorei 1898 Nepenthes obrieniana Linden amp Rodigas 1890 nom ambiguum N gracilis N rafflesiana N distillatoria N gracilis N mirabilis Nepenthes pascoensis 1905 Nepenthes phyllamphora auct non Regel 1881 N mirabilis Nepenthes phyllamphora 1805 nom illeg Nepenthes phyllamphora var macrantha 1873 Nepenthes phyllamphora var pediculata 1909 Nepenthes phyllamphora var platyphylla Bl 1852 Nepenthes scyphus ex 1835 Nepenthes sinensis Hort Bot Goettingen in sched 1998 nom nud Nepenthes tubulosa 1908 Nepenthes vieillardii auct non Hort ex Studnicka 1989 Phyllamphora mirabilis 1790 Cantharifera 1750 Cantherifera amp 1996 sphalm typogr ekhnngnayphran chuxwithyasastr Nepenthes mirabilis miraksphthmacakkhainphasalatinwa mirabilis hmaythung naphiswng hrux Common Swamp Pitcher Plant epnphuchkinstwchnidhnung inwngshmxkhawhmxaekngling phbidtamhnxngnainekhtrxnchuninaethbthukphakhkhxngpraethsithy aelamikarkracayphnthuxyangkwangkhwanginhlayphunthi idaek ekaabxreniyw ekaasumatra ithy maelesiytawntk kmphucha ekaaniwkini xinodcin filippins xxsetreliy cin ekaahxngkng paela hmuekaaomlukka phma maeka aelaimokhrniesiy sungphlsubenuxngmacakkarkracayphnthuxyangkwangkhwangniexng cungthaihekhnngnayphranmirupranglksnaaetktangkniphlakhlayrupaebb thiehnidednchdkhux N mirabilis var echinostoma chungepnrupaebbthihayakpracathininbruinaelarthsarawk sungephxrisotmcaban kwangaelahnaphiess thngyngmirxnglaexiydxyangehnidchd inpraethsithy ekhnngnayphranmichuxphunemuxngxun xikdngni krabxknaphran phakhit puoya mlayu pttani lungkhnayphran phthlung hmxaekngkhang pttani hmxkhawling cnthburi hmxkhawhmxaekngling it nrathiwas ehnngnayphran it lksnathangphvkssastrekhnngnayphranepnimeluxyhruxekaaknepnphumelkaenn xacyawidthung 10 emtr ib ibediywri iberiyngtwepnekliyw bangehmuxnkradas ibrupikhhruxrupplayhxk khxbibepnckfneluxyemuxyngelkaelacahayipemuxotetmthi ibyawimekin 30 sm kwangimekin 7 sm playibaehlm okhnibkhxy aekhblnghruxaekhblngxyangladchn okhnibthrrmda oxbrdlatnkunghnunghakimmikanib esnibaenwyawehnidchdecn fngla 4 5 esn esnibyxycanwnmak saydinghruxmuxcbyawimekin 10 sm chxdxkephsphukhxngekhnngnayphranthikhunxyubnhininpaelahmx hmxlangmilksnayaw knhmxepnkraepaa miexwchwng 1 in 3 cakkn danbnthrngkrabxk sungimekin 20 sm kwangimekin 4 sm mikhrib 1 khu kwangimekin 4 mm tngaetkhxbpakthungknhmx briewntxmphlitnayxyxyubriewnknhmxthiepnkraepaa pakhmxklm khnankbphunhruxechiyng ephxrisotmaebnokhngthikhxb hnaimekin 10 mm fnehnimchdecn fahmxepnrupklmri immieduxyitfa mieduxy 1 2 eduxythithandanhlng yawimekin 5 mm hmxbnthrngkrabxkkhribhdelklng sikhxnghmxmisitngaetsiekhiywthungaedng xacmicud dxk dxkepnaebbchxkraca aebbdxkaeykephsxyutangtn kanchxediyw chxdxkyawimekin 30 sm kandxkyawimekin 15 mm immithanrxngdxk klibdxkrupklmhruxrupikh yawimekin 7 mm dxkephsphumikhdeksrtwphu 1 khdmilksnaklm dxkephsemiymirngikhrupri esmuxnmikandxk xxkdxkchwngeduxnmithunayn kumphaphnth xun latnhnaimekin 10 mm rayarahwangkhximekin 15 sm phl fkepnrupwngrikhlayaekhpsul 4 linaelaaetkemuxaek yaw 1 5 3 sm emuxaekmisinatal emldrupesnday yaw praman 1 2 sm emuxyngelkcapkkhlumdwykhnhnasnsikhaw aetemuxotetmthikhncahayipyatiiklchid ekhnngnayphrancamilksnaiklekhiyngkbyatiiklchidkhxngmnmakkhux aela N tenax mak sung 2 chnidhlngniepnphuchthinediywkhxngxxsetreliy khwamaetktangrahwang ekhnngnayphran aela N rowanae khlark amp khruekxr 2005 lksna N mirabilis N rowanaesnthanwithyakhxngaephnib aehlmthungklm aekhblngipthangswnplay aelatxiptamsaydinginlksnathiaekhb aehlm kwangcudtxkhxngsaydingkbib thwip aebbknpidpikhmx thwip mikhnkhunthikhxb aebnthidanhna ruprangruptwthi mikhnkhunthikhxbphunphiwkhxngaephnib khlaykradas khlayaephnhnng aekhngcudtxkhxngaephnibkblatn thwip epnkhrib khxngkhwamyawkhxngplxng epnkhribnxykwa khxngkhwamyawkhxngplxng thwipcayawkwakhwamhnaaennkhxngtxminswnlangkhxnghmx 1600 2500 sm praman 3600 sm taaehnngkhx exwinhmxbn kungklang takwakungklang sungkwahnunginsitaaehnngkhx exwinhmxlang takwasamthunghnunginsi tidkbitephxrisotmkarkracayphnthuaelathinxasyekhnngnayphranepnhmxkhawhmxaeknglingchnidhnungthimikarkracayphnthuepnwngkwang thaihmikhwamhlakhlaythisungmak aelwdwyehtuniexngintnkhriststwrrsthi 20 exf exm ebliy F M Bailey nkphvkssastrchawxxsetreliy idekhaicphidaelatngihekhnngnayphranepnhmxkhawhmxaeknglingthung 10 chnid ephraalksnathiaetktangknkhxngtwxyangthiphb inkarsarwchmxkhawhmxaeknglinginrthkhwinsaelnd txma bi exch aednesxr B H Danser nkxnukrmwithanidtrwcsxbphlngankhxngebliyaelaphbwahmxkhawhmxaeknglingthng 10 chnidnn aeththicringlwnepnekhnngnayphranthngsin cungidaekikhihmhmdodyrabuwamnepnephiyngrupaebbhnungkhxngekhnngnayphranethann ekhnngnayphransamarthphbidthiradbkhwamsungtngaetradbnathael ipcnthungradbsungkwaradbnathael 1 500 emtr aetswnihycaphbecriyetibotthiradbkhwamsungimekin 100 emtrcakradbnathael aelamkepnbriewnrimtling phbidmakbriewnthiolng echxaaecha bungnasungminathwmkhngepnpraca hruxaemkrathnginswnyangphara ekhnngnayphransamarthphbidinekaabxreniyw ekaasumatra ithy maelesiytawntk kmphucha ekaaniwkini xinodcin filippins xxsetreliy cin ekaahxngkng paela hmuekaaomlukka phma maeka aelaimokhrniesiy inpraethsithy samarthphbidtngaetphakhehnux phakhxisan phakhtawnxxk aelathiphbmakthisudkhux phakhit ekhnngnayphranmichuxphunemuxngxun xikdngni krabxknaphran phakhit puoya mlayu pttani lungkhnayphran phthlung hmxaekngkhang pttani hmxkhawling cnthburi hmxkhawhmxaekngling it nrathiwas ehnngnayphran it prawtiaelakarkhnphbCantharifera in Herbarium Amboinensis phrrnimcakxxngbng khxngrmfixxs elm 5 pi ph s 2290 thungaemwacathukwadhlngkhriststwrrsthi 17 aetimethathangkhwaimichhmxkhawhmxaekngling aetepn eyxrmn Georg Eberhard Rumphius nkphvkssastrchaweyxrmnidkhnphbhmxkhawhmxaekngling 2 chnidihminhmuekaamlayu cakphaphinhnngsux Herbarium Amboinensis phrrnimcakxxngbng thng 6 elmkhxngekhathiekhiynesrcsininpi ph s 2233 aelaidtiphimphemux ph s 2284 inphaphhmxkhawhmxaeknglingchnidthichux Cantharifera thiaeplwa khnthuxehyuxk nnemuxnamaphicarnaaelwkhadwakhuxekhnngnayphran swnchnidthiehluxkkhux N maxima aetyngimepnthiaenicnk pi ph s 2333 oprtueks Joao de Loureiro nkbwchchawoprtueks idphrrnnathung Phyllamphora mirabilis hrux ibruphmxxnnaphiswng cakewiydnam hruxkkhuxekhnngnayphrannnexng aemekhacaxyuinpraethsnimathung 35 pi mnduehmuxnwa elxriorcaimidefasuksahmxkhawhmxaeknglingchnidnixyangcringcngnk ekhaxangwafakhxnghmxekhluxnihwidinrupaebbepidaelapidfahmxiwinnganthimichuxesiyngkhxngekha Flora Cochinchinensis phuchcakewiydnamit sungekhaekhiyniwwa saydingthiyunyawtxcakplaysudkhxngibthibidkhdepnwngxyutrngklang thahnayudhmxnim rupikhnniw mnmipakthieriybepnokhrngyuntrngkhxbaelathidantrngkhamepnfapid sungepidxyuodythrrmchati aelacapidemuxtxngekbkknakhangiw epnphlngankhxngphraphuepnecathinaphiswngmak cakhnngsuxhmxkhawhmxaeknglingcakbxreniyw inthisud Phyllamphora mirabilis kthukepliynekhasuskulkhxnghmxkhawhmxaeknglingody George Claridge Druce inpi ph s 2459 dngnn P mirabilis cungepn chuxedim basionym khxnghmxkhawhmxaeknglingthwolkhlaychnid inpi ph s 2382 phi dbebilyu okhrthxls P W Korthals idtiphimphexksarhmxkhawhmxaeknglingchbbaerk odyinraychuxhmxkhawhmxaeknglingthng 9 chnidmiekhnngnayphranrwmxyudwyxnukrmwithanhnwyxnukrmwithantakwaradbchnid Nepenthes mirabilis var echinostoma thikhunxyurimthnn karkracaytwthikwangcathaihekidkarwiwthnakarthiaetktangkhxnglksnakhxnghmxaelasi thaihmikaraeckaecngiwdngni Nepenthes mirabilis f anamensis Hort Weiner Hort Westphal 1991 Nepenthes mirabilis var anamensis Hort Weiner in sched 1985 nom nud Nepenthes mirabilis var biflora J H Adam amp Wilcock 1992 Nepenthes mirabilis var echinostoma Hook f Hort Slack ex J H Adam amp Wilcock 1992 Nepenthes mirabilis var globosa M Catal 2010 Nepenthes mirabilis f simensis Hort Weiner Hort Westphal 1991 Nepenthes mirabilis var simensis Hort Weiner in sched 1985 nom nud Nepenthes mirabilis f smilesii Hemsl Hort Westphal 2000 Nepenthes smilesii Nepenthes mirabilis var smilesii Hemsl Hort Weiner in sched 1985 Nepenthes smilesiiN mirabilis var echinostoma N mirabilis var echinostoma miraksphthmacakkhainphasalatinwa echinostoma xnhmaythung pakepnmnwawkhlayepluxkkung hxy milksnaaeprphnthiednchd miephxrisotmthiban kwangaelahnaphiess thngyngmirxnglaexiydxyangehnidchd thukkhnphbody Odoardo Beccari inpi ph s 2408 aelathukcaaenkchnidodyesxr inpi ph s 2416N mirabilis var echinostoma epnlksnaediywkhxngchnidthiphidaeplkipkarlksnaxunepnxyangmak phbinpraethsbruin rthsarawk aelarthsabah yngimthukyunyn khrngaerkthiphbmnthukcdcaaenkepn Nepenthes echinostoma aetinphayhlng xdmaelawilkhk idcdladbxnukrmwithanihphuchniepnkhwamhlakhlaykhxngekhnngnayphranethann N mirabilis var globosa N mirabilis var globosa inpi ph s 2550 hmxkhawhmxaeknglingchnid N globosa thiidrbkarrabubody isekaoxa khurata Shigeo Kurata hruxthiruckkninchux Nepenthes sp Viking sungsamarthphbinekaabriewnchayfngthaelxndamnkhxngcnghwdphngnga iklkbcnghwdtrng praethsithy inngan Sarawak Nepenthes summit 2007 nganprachumeruxnghmxkhawhmxaeknglingthirthsarawk pi ph s 2550 idldradb N globosa lngehluxspichisyxykhxngekhnngnayphranaethn ephraayngmikarsuksainhmxkhawhmxaeknglingchnidninxymak aelatha N globosa epnspichisyxykhxngekhnngnayphrancring cathaih N globosa epnkhwamaeprphnmakthisudinrupthrngkhxnghmxkhxngekhnngnayphran txmainphayhlngidrbkarrabubody marechlol katalaon Marcello Catalano inpi ph s 2553 phayitchux Nepenthes sp Phanga Nga lukphsmtamthrrmchati lukphsmtamthrrmchatikhxngekhnngnayphrantamthimikarbnthukiwmidngni I N alata N merrilliana N mirabilis N tsangoya II I N alata N mirabilis N mirabilata II N ampullaria N mirabilis N kuchingensis Nepenthes cutinensis I N ampullaria N rafflesiana N mirabilis N hookeriana N mirabilis N mirabilis N bicalcarata N mirabilis I N bicalcarata N rafflesiana N mirabilis var echinostoma N gracilis N mirabilis N ghazallyana N grabilis N neglecta I N mirabilis N mirabilis N northiana N mirabilis N rafflesiana N mirabilis N mirabilis N smilesii N mirabilis N spathulata N mirabilis N sumatrana N mirabilis N tenax I N mirabilis N thorelii I N mirabilis N tomorianaN mirabilis N northiana N mirabilis N rafflesiana N mirabilis N sumatrana N mirabilis N tomorianasthanakarxnurksenuxngcakmikarkracayphnthuepnwngkwang ekhnngnayphrancungthukcdihxyuinsthana LR lc ody IUCN sunghmaykhwamwamikhwamesiyngtatxkarsuyphnthu aetimmiaephnnganxnurksrxngrb aelaimthrabwacamikhwamesiyngsungtxkarsuyphnthucakphunthithrrmchatiinxnakhtkhanghnahruxim aelaxyuinbychithi 2 khxngisets thikahndihhmxkhawhmxaeknglingthukchnidxyuinbychithi 2 ykewn aela N rajah cdxyuinbychithi 1 inswnkhxngpraethsithythiepnsmachikkhxngisetsnn idkahndnoybay matrkartang thiekiywkhxngihepniptamxnusyya tamprakaskrathrwngekstraelashkrneruxng phuchxnurkstamphrarachbyytiphnthuphuch phuththskrach 2518 aelaaekikhephimetim chbbthi 2 phuththskrach 2535 miraylaexiydekiywkbekhnngnayphrandngni wngshmxkhawhmxaekngling phuchxnurksbychithi 2 Nepenthes spp ithy niephneths spichis Pitcher plants skulhmxkhawhmxaeknglingthukchnid odymikhxbngkhbiwodysrupekiywkbphuchxnurksdngni hammiihphuidnaekha sngxxk hruxnaphanphuchxnurksaelasakkhxngphuchxnurks ewnaetidrbhnngsuxxnuyatcakxthibdihruxphusungxthibdimxbhmay matra 29 tri phuidprasngkhcakhyayphnthuethiymphuchxnurksephuxkarkha ihyunkhakhxkhunthaebiynsthanthiephaaeliyngphuchxnurkstxkrmwichakarekstr matra 29 ctwa singmichiwitxingxasyhmxkhawhmxaeknglingmikarphbhlaychnidinhmxkhxngekhnngnayphran prakxbipdwy aemlngwnwngs aelaaemlnghkkhakhnadelk sungthngkhuphbinprachakrkhxngekhnngnayphraninpraethsxxsetreliy inthanxngediywkn yngphbyung aela xasyxyuinhmxkhxngekhnngnayphranbnekaakhxngpraethspaelaaela Yap tamladb yungthng 2 chnidmiwngcrchiwitthiphidaeplkipaelaruprangsythanlksnaechphaathismphnthkbthinxasyni nimaothda idrbkarrabuwaphbidcakekhnngnayphraninpraethsithy sungkhadknwaimichkhwambngexiythihmxkhxngekhnngnayphrancaepnthinxasytamthrrmchatikhxngnimaothdachnidni rabbniewskhnadciwinhmxthukkhrxbkhrxngodyluknayung aemlngtwelk aela B mirabilis mikarkhadedaknwanimaothdachnidnixacmikhwamsmphnthaebbphahakbaemlngxingxasychnidhnunghruxhlaychnid intxnitkhxngpraethscin mikarphbkbtniminhmxkhxngekhnngnayphran stwkhrungbkkhrungnani imphldtklngipinhmxcnklayepnehyuxkhxngekhnngnayphran aetnacalngipkinaemlngthitklngipinhmxmakkwa kbnnimidrbphlkrathbcaknayxythimivththepnkrdthixyuinhmxkhxngekhnngnayphran sungxacmikha tathung 2 epnephraamiemuxkhxhumchnphiwhnngxyu mibnthukwaphbehdrathixasyxyuinnakhrngaerkinhmxkhxngphuchkinstw macaktwxyangkhxngekhnngnayphranthikhunxyurimaemnacardin Jardine inpraethsxxsetreliy ehdrathiepnesniyni sngektphbthnginnathixyuinkbdkkhxngphuchkinstwaelatidkbikhthinaemlngthiehluxxyu nxkcakni hmxkhxngekhnngnayphranyngepnaehlngxasykhxngchumchnaebkhthieriythisbsxnxikdwypraoychnhmxkhxngekhnngnayphranthithuknamaprakxbxaharodychawcaray Jarai people incnghwdkxntum praethsewiydnam ethahruxlatnkhxngekhnngnayphranmikhwamehniywthnthanmak chawbanniymipthaechuxkephuxphukmdsingkhxngtang echn phukesatharwban hrux ichthkekhruxngcksan echn phwkekhruxngdkpla epntn rakkhxngekhnngnayphranichfnkbnainkraepaaichphxkaephlthxnphisstw ichphsmyaxunaekolhitepnphis swnkhxnghmxichphsmyaxunkinaekorkhnaehluxngesiy thangphakhitidmikarnaekhnngnayphranipthakhnmthimichuxwa khawehniywhmxaekngling withikarthaerimcakkaraechkhawehniyw aelwnaswnthiepnhmxkhxngekhnngnayphraniplangihsaxad krxkkhawehniywlngipinhmx caknnhyxdhangkathitamlngip ykkhunetanung phxkhawehniywiklsukcunghyxdhwkathithiphsmekluxphxekhm namanungxikkhrngcnsukkarplukeliyngduephim karplukeliynghmxkhawhmxaekngling ekhnngnayphranepnhmxkhawhmxaeknglingphuchphunrab swnmakphbsungcakradbnathaelimekin 100 emtr samarthprbtwekhakbsphaphaewdlxmthimikhwamchuntaiddi praman 20 cungepnhnunginhmxkhawhmxaeknglingthiplukeliyngidngaymak epnphuchtxngkaraesngmak xakasihlewiyniddi ekhruxngpluktxngrabaynaiddiaetimcbtwknaenn aelatxngchumnathwkrathangemuxmikarihna thungaemcamiraynganwaphbekhnngnayphraninbungnasungminathwmkhng aetimkhwraechamakaelaimkhwrhlxnathingiwephraacathaihrakenaid aenanaihichkabmaphrawsbepnekhruxngpluk karihpuyekhmi thiprakxbipdwy NPK nnsamarthihidaetkhwrichecuxcangkwathirabubinchlak aelaenuxngcakekhnngnayphranepnimeluxythixacyawidthung 10 emtr cungcaepntxngthahlkhruxranihmnyudekaaaelaeluxyitkarephyaephrinsuxaestmpchudphuchkinaemlng ph s 2549praethsithyidcdphimphaestmpchudphuchkinaemlng 4 dwng epnthiralukspdahsaklaehngkarekhiyncdhmay ph s 2549 odyichphaphthichnaeliscakkarprakwdinnganspdahsaklaehngkarekhiyncdhmaypracapi ph s 2548 inhwkhx phuchkinaemlng 1 in 4 dwngnnepnrupekhnngnayphran III thixxkaebbody nayphngsphl ophnatha rakha 3 00 bath xxkcahnaykhrngaerkemux 9 tulakhm ph s 2549echingxrrthI ekhruxnghmay hmaythung phuaetngkyngimaenichruxyngmikhwamsbsninhmxkhawhmxaeknglingchnidnnxyu II N mirabilata N alata N mirabilis aela N tsangoya N alata N merrilliana N mirabilis epnaenwthanginkarklawxangkhxnglukphsminthrrmchatikhxnglukphsmhmxkhanghmxaeknglingchnidtang Nepenthes Hybrids 1995 III phaphhmxbnkhxnghmxkhawhmxaeknglinginrupphaphbnaestmp khadwaepnhmxkhawhmxaeknglingchnid N ventrata makkwathicaepnekhnngnayphran sngektidcakephxrisotmmikhxbepncibhyk hmxmiexwkhxd sungodypktiaelwhmxbnkhxngekhnngnayphrannnephxrisotmmikhxberiybklm hmxepnthrngkrabxkxangxingetm smitinnthn chuxphrrnimaehngpraethsithy 2010 05 01 thi ewyaebkaemchchin sanknganhxphrrnim krmxuthyanaehngchati stwpa aelaphnthuphuch ph s 2549 Phillipps A amp A Lamb 1996 Pitcher Plants of Borneo Natural History Publications Borneo Kota Kinabalu Nepenthes mirabilis Encyclocedia of Life Clarke C M 1997 Nepenthes of Borneo Natural History Publications Borneo Kota Kinabalu Danser s Monograph on Nepenthes Nepenthes mirabilis Nepenthes rowanae Nepenthaceae a remarkable species from Cape York Australia Carnivorous Plant Newsletter Volume 34 Number 2 June 2005 pages 36 41 Rumphius G E 1741 1750 Cantharifera In Herbarium Amboinense 5 lib 7 cap 61 p 121 t 59 t 2 de Loureiro J 1790 Flora Cochinchinensis 2 606 607 Druce G 1916 Nepenthes mirabilis In Botanical Exchange Club of the British Isles Report 4 637 Clarke C M 1997 Nepenthes of Borneo Natural History Publications Borneo Kota Kinabalu Catalano M 2010 Nepenthes mirabilis var globosa M Catal var nov PDF In Prague p 40 neofarm Nepenthes mirabilis var echinostoma McPherson S R 2009 2 volumes Redfern Natural History Productions Poole hmxkhawhmxaeknglinginemuxngithy 2009 02 09 thi ewyaebkaemchchin exoflora net 2018 03 09 thi ewyaebkaemchchin Lauffenberger A 1995 Guide to Nepenthes Hybrids Clarke C M 2001 Nepenthes of Sumatra and Peninsular Malaysia Natural History Publications Borneo Kota Kinabalu APPENDICES I AND II as adopted by the Conference of the Parties PDF 120 prakaskrathrwngekstraelashkrn eruxng phuchxnurkstamphrarachbyytiphnthuphuch ph s 2518 PDF rachkiccanuebksa elm 129 txnphiess 187 ng hna 43 61 wnthi 13 thnwakhm 2555 Yeates D K H de Souza Lopes amp G B Monteith 1989 A commensal sarcophagid Diptera Sarcophagidae in Nepenthes mirabilis Nepenthaceae pitchers in Australia Australian Entomological Magazine 16 33 39 Fashing N J 2002 Nepenthacarus a new genus of Histiostomatidae Acari Astigmata inhabiting the pitchers of Nepenthes mirabilis Lour Druce in Far North Queensland Australia PDF 1 64 Australian Journal of Entomology 41 1 7 17 doi 10 1046 j 1440 6055 2002 00263 x Sota T amp M Mogi 2006 Origin of pitcher plant mosquitoes in Aedes Stegomyia a molecular phylogenetic analysis using mitochondrial and nuclear gene sequences Journal of Medical Entomology 43 5 795 800 doi 10 1603 0022 2585 2006 43 795 OOPPMI2 0 CO 2 Bohart R M 1956 Insects of Micronesia Diptera Culicidae PDF Insects Micronesia 12 1 1 85 Mogi M 2010 Unusual life history traits of Aedes Stegomyia mosquitoes Diptera Culicidae inhabiting Nepenthes pitchers Annals of the Entomological Society of America 103 4 618 624 doi 10 1603 AN10028 Bert W I T De Ley R Van Driessche H Segers amp P De Ley 2003 Baujardia mirabilis gen n sp n from pitcher plants and its phylogenetic position within Panagrolaimidae Nematoda Rhabditida PDF Nematology 5 3 405 420 doi 10 1163 156854103769224395 Hua Y amp H Li 2005 Food web and fluid in pitchers of Nepenthes mirabilis in Zhuhai China PDF Acta Botanica Gallica 152 2 165 175 Hua Y amp L Kuizheng 2004 The Special Relationship Between Nepenthes and Tree Frogs PDF 33 1 23 24 Cribbs A B 1987 An aquatic fungus from pitchers of Nepenthes mirabilis Queensland Naturalist 28 72 73 Shnell D E 1992 Literature Review 21 3 80 82 Yogiara A Suwanto amp M T Suhartono 2006 A complex bacterial community living in pitcher plant fluid Jurnal Mikrobiologi Indonesia 11 1 9 14 mulnithisubnakhaesthiyr 2009 06 07 thi ewyaebkaemchchin hmxaekngling phuchsarphdpraoychn khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2010 04 25 subkhnemux 2009 06 19 Nepenthes mirabilis www nepenthesaroundthehouse com aestmpchudphuchkinaemlng 2016 03 05 thi ewyaebkaemchchin stampthai org 2007 05 01 thi ewyaebkaemchchinaehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb ekhnngnayphran Adam J H R Omar amp C C Wilcock 2002 Phytochemical Screening of Flavonoids in Three Hybrids of Nepenthes Nepenthaceae and their Putative Parental Species from Sarawak and Sabah PDF OnLine Journal of Biological Sciences 2 9 623 625 Bednar B L 1983 Nepenthes mirabilis variation PDF 111 KiB Carnivorous Plant Newsletter 12 3 64 Bednar B L 1985 An Unusual mirabilis Plant PDF Carnivorous Plant Newsletter 14 4 91 Bert W I T De Ley R Van Driessche H Segers amp P De Ley 2003 Baujardia mirabilis gen n sp n from pitcher plants and its phylogenetic position within Panagrolaimidae Nematoda Rhabditida Nematology 5 3 405 420 Chaveerach A A Tanomtong R Sudmoon amp T Tanee 2006 Genetic diversity among geographically separated populations of Nepenthes mirabilis Biologia 61 3 295 298 Clementi G 1843 Sull aascidio della Nepenthes phyllamphora di Wildenow Il Cimento 1 13 14 217 220 Fashing N J 2002 Nepenthacarus a new genus of Histiostomatidae Acari Astigmata inhabiting the pitchers of Nepenthes mirabilis Lour Druce in Far North Queensland Australia PDF 1 64 Australian Journal of Entomology 41 1 7 17 Hua Y amp H Li 2005 Food web and fluid in pitchers of Nepenthes mirabilis in Zhuhai China PDF Acta Botanica Gallica 152 2 165 175 Lavarack P S 1977 Notes on Nepenthes mirabilis and other Carnivorous Plants in Queensland PDF Carnivorous Plant Newsletter 6 3 49 50 Lavarack P S 1981 Nepenthes mirabilis in Australia PDF Carnivorous Plant Newsletter 10 3 69 72 74 76 Mokkamul P A Chaveerach R Sudmoon amp T Tanee 2007 Species Identification and Sex Determination of the Genus Nepenthes Nepenthaceae PDF 702 Pakistan Journal of Biological Sciences 10 4 561 567 Moran J A W E Booth amp J K Charles 1999 Aspects of Pitcher Morphology and Spectral Characteristics of Six Bornean Nepenthes Pitcher Plant Species Implications for Prey Capture PDF Annals of Botany 83 521 528 Normawati Y 2002 The effect of stem length on pitcher and inflorescence production in Nepenthes gracilis and Nepenthes mirabilis at Serendah Selangor B Sc Thesis Universiti Kebangsaan Malaysia Pavlovic A E Masarovicova amp J Hudak 2007 Carnivorous Syndrome in Asian Pitcher Plants of the Genus Nepenthes Annals of Botany 100 3 527 536 Rice B 2007 Carnivorous plants with hybrid trapping strategies Carnivorous Plant Newsletter 36 1 23 27 Schulze W E D Schulze J S Pate A N Gillison 1997 The nitrogen supply from soils and insects during growth of the pitcher plants Nepenthes mirabilis Cephalotus follicularis and Darlingtonia californica Oecologia 112 4 464 471 Sota T amp M Mogi 2006 Origin of Pitcher Plant Mosquitoes in Aedes Stegomyia A Molecular Phylogenetic Analysis Using Mitochondrial and Nuclear Gene Sequences Journal of Medical Entomology 43 5 795 800 Ziemer R R 1988 Carnivorous Plants in Micronesia PDF Carnivorous Plant Newsletter 17 3 70 73 rupkhwamhlakhlayaelarupaebbkhxngekhnngnayphran