ในประเทศไทย สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก คือประมุขแห่งคณะสงฆ์หรือพระราชาของคณะสงฆ์ ซึ่งตามกฎหมายคณะสงฆ์บัญญัติให้ทรงดำรงตำแหน่งสกลมหาสังฆปริณายก ที่มาและอำนาจหน้าที่ของสมเด็จพระสังฆราชเป็นไปตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก | |
---|---|
พระเศวตฉัตร 3 ชั้น ประจำองค์สมเด็จพระสังฆราช | |
การเรียกขาน | ฝ่าพระบาท |
จวน | พระอารามหลวง |
ผู้แต่งตั้ง | พระมหากษัตริย์ไทย ทรงสถาปนา สนองพระบรมราชโองการรัฐบาลไทย |
วาระ | ตลอดพระชนม์ชีพ |
ผู้ประเดิมตำแหน่ง | สมเด็จพระสังฆราช (ศรี) |
สถาปนา | พ.ศ. 2325 (242 ปี) |
เงินตอบแทน | 34,200 บาท |
พระสังฆราชแห่งสังฆมณฑลไทย
สมเด็จพระสังฆราช เป็นตำแหน่งที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย ดังมีหลักฐานจากศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ได้จารึกคำว่าสังฆราชไว้ด้วย สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นตำแหน่งสมณะศักดิ์สูงสุดฝ่ายพุทธจักรของคณะสงฆ์ราชอาณาไทย ทรงเป็นองค์ประธานการปกครองคณะสงฆ์ ตำแหน่งนี้น่าจะมีที่มาจากคณะสงฆ์ไทย นำแบบอย่างมาจาก ลัทธิลังกาวงศ์ ซึ่งพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ได้ทรงอัญเชิญพระเถระผู้ใหญ่ของลังกา ที่เชี่ยวชาญในพระไตรปิฎก เข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทในประเทศไทย
ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้เพิ่มตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชเป็นสกลมหาสังฆปริณายก มีอำนาจว่ากล่าวออกไปถึงหัวเมือง โดยมีสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ เจ้าคณะใหญ่ฝ่ายคามวาสี เป็นพระสังฆราชขวา สมเด็จพระวันรัตเจ้าคณะใหญ่ฝ่ายอรัญวาสี เป็นสังฆราชซ้าย องค์ใดมีพรรษายุกาลมากกว่า ก็ได้เป็นสมเด็จพระสังฆราช ในปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา พระอริยมุนี ได้ไปสืบอายุพระพุทธศาสนาที่ลังกาทวีป มีความชอบมาก เมื่อกลับมาได้รับสมณศักดิ์สูงขึ้นตามลำดับจนเป็นสมเด็จพระสังฆราช สมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์มีพระราชดำริให้คงราชทินนามนี้ไว้ จึงทรงตั้งราชทินนามสมเด็จพระสังฆราชเป็น สมเด็จพระอริยวงศาสังฆราชาธิบดี และมาเป็น สมเด็จพระอริยวงษญาณ ในสมัยกรุงธนบุรี และได้ใช้ต่อมาจนถึง รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้ทรงปรับปรุงเพิ่มเติมเป็น "สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ" ซึ่งได้ใช้มาจนถึงปัจจุบัน
ตามทำเนียบสมณศักดิ์ตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ที่มีตำแหน่งสังฆปริณายก 2 องค์ ที่เรียกว่า พระสังฆราชซ้าย/ขวา ดังกล่าวแล้ว ยังมีคำอธิบายอีกประการหนึ่งว่า สมเด็จพระอริยวงศ์ เป็นพระสังฆราชฝ่ายขวาว่า คณะเหนือ พระพนรัตน์เป็นพระสังฆราชฝ่ายซ้ายว่า คณะใต้ มีพระสุพรรณบัฏจารึกพระนามเมื่อทรงตั้งทั้ง 2 พระองค์ แต่ที่สมเด็จพระพนรัตน์ โดยปกติไม่ได้เป็นสมเด็จ ส่วนพระสังฆราชฝ่ายขวานั้นเป็นสมเด็จทุกพระองค์ จึงเรียกว่าสมเด็จพระสังฆราช จึงเป็นมหาสังฆปริณายก มีศักดิ์สูงกว่าพระสังฆราชฝ่ายซ้าย ที่พระพนรัตน์แต่เดิม ทรงยกพระเกียรติยศเป็นสมเด็จแต่บางองค์ มาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงเป็นสมเด็จทุกพระองค์
เมื่อครั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี วิธีการปกครองพระราชอาณาจักรในครั้งนั้น หัวเมืองใหญ่ที่ห่างไกลจากราชธานี เป็นเมืองประเทศราชโดยมาก แม้เมืองใหญ่ที่อยู่ใกล้ราชธานี ก็ตั้งเจ้านายในพระราชวงศ์เสด็จออกไปครองเมือง ทำนองเจ้าประเทศราช เมืองใหญ่แต่ละเมือง จึงน่าจะมีพระสังฆราชพระองค์หนึ่ง เป็นสังฆปรินายกของสังฆบริษัทในเมืองนั้น ดังปรากฏเค้าเงื่อนในทำเนียบชั้นหลัง ยังเรียกเจ้าคณะเมืองว่าพระสังฆราชอยู่หลายเมือง จนมาถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้ทรงเปลี่ยนมาเป็นสังฆปาโมกข์
พระสงฆ์ฝ่ายคามวาสีและอรัญวาสีนี้มีมาแต่ครั้งพุทธกาล คือฝ่ายที่พำนักอยู่ใกล้เมืองเพื่อศึกษาพระธรรมวินัย เรียกว่าคามวาสี อีกฝ่ายหนึ่งบำเพ็ญสมณธรรมในที่สงบเงียบตามป่าเขา ห่างไกลจากบ้านเมืองเรียกว่าอรัญวาสี ภิกษุแต่ละฝ่ายยังแบ่งออกเป็นคณะ แต่ละคณะจะมีพระราชาคณะปกครอง หัวหน้าพระราชาคณะเรียกว่าสมเด็จพระราชาคณะ
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาเปลี่ยนพระอิสริยยศสมเด็จพระสังฆราชที่เป็นพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เป็น สมเด็จพระมหาสมณเจ้า ทรงเศวตฉัตร 5 ชั้น พระราชวงศ์ชั้นรองลงมา เท่าที่ปรากฏ มีชั้นหม่อมเจ้าผู้ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช มีคำนำหน้า พระนามว่า สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ทรงฉัตรตาดเหลือง 5 ชั้น
ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชหนึ่งพระองค์ ตามคำกราบบังคมทูลของนายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม ในการนี้ นายกรัฐมนตรีจะเสนอนามสมเด็จพระราชาคณะที่มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ แต่ถ้าสมเด็จพระราชาคณะดังกล่าวไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ จะเสนอสมเด็จพระราชาคณะรูปอื่นตามลำดับสมณศักดิ์และความสามารถในการทำหน้าที่แทน
ต่อมาในปี พ.ศ. 2560 ได้มีการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยคณะสงฆ์ กำหนดให้ "มาตรา 7 พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่ง และให้นายกรัฐมนตรี ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ”
เครื่องยศของสมเด็จพระสังฆราช
ธรรมเนียมพระยศของ สมเด็จพระสังฆราช แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ | |
---|---|
ตราประจำพระองค์ | |
การทูล | ฝ่าพระบาท |
การแทนตน | เกล้ากระหม่อม/เกล้ากระหม่อมฉัน |
การขานรับ | เกล้ากระหม่อม พะย่ะค่ะ/เพคะ |
สมเด็จพระสังฆราชจะทรงมีเครื่องพระยศประกอบพระอิสริยยศสมเด็จพระสังราช ดังนี้
- พระแท่นภายใต้เศวตฉัตร 3 ชั้น
- พัดยศสมเด็จพระสังฆราช
- บาตร พร้อมฝาบาตร เชิงบาตรถมปัด
- พานพระศรี ถมปัด
- ขันน้ำและพานรอง ถมปัด
- คณโฑ ถมปัด
- พระสุพรรณศรี ถมปัด
- พระสุพรรณราช ถมปัด
- หีบตราพระจักรี ถมปัด
- ปิ่นโตทรงกลม 4 ชั้น ถมปัด
- กาทรงกระบอก ถมปัด
- หม้อลักจั่น ถมปัด
- กระโถน ถมปัด
เมื่อสิ้นพระชนม์จะทรงได้รับเครื่องประกอบพระอิสริยยศ ได้แก่
- พระโกศกุดั่นน้อย (หรือชั้นที่สูงกว่า)
- พระเศวตฉัตร 3 ชั้นกางกั้นพระโกศ (หรือชั้นที่สูงกว่า)
- เสด็จสรงน้ำพระศพ
- พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระศพ 100 วัน
- พระสงฆ์รับพระราชทานฉันเช้า-เพล 100 วัน
- ริ้วกระบวนพระอิสริยยศเชิญพระโกศพระศพไปยังพระเมรุ
- พระเมรุผ้าขาว สำหรับพระราชทานเพลิงพระศพ (ปัจจุบันใช้พระเมรุวัดเทพศิรินทราวาส)
- เสด็จพระราชทานเพลิงพระศพ บำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุ ตลอดจนฉลองพระอัฐิ
- เศวตฉัตร 3 ชั้นสุมพระอัฐิบนพระเมรุ (หรือชั้นที่สูงกว่า)
- เครื่องประโคมสังข์ แตรงอน แตรฝรั่ง กลองชนะ จ่าปี่ จ่ากลอง
รายพระนาม
อ้างอิง
- เชิงอรรถ
- . สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดภูเก็ต. 27 เมษายน 2555. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-06-18. สืบค้นเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2559.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554, หน้า 1,167
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-11-27. สืบค้นเมื่อ 2013-10-26.
- ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ สถาปนาสมเด็จพระมหาสมณเจ้า, เล่ม ๓๘, ตอน ๐ ก ,๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๔, หน้า ๑๐
- เรื่องตั้งพระราชาคณะผู้ใหญ่ในกรุงรัตนโกสินทร์ เล่ม ๑, หน้า 319
- บรรณานุกรม
- หอมรดกไทย 2005-10-26 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) , พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คำวัด, วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร กรุงเทพฯ พ.ศ. 2548
- พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 พ.ศ. 2547, ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม 121 ตอนพิเศษ 34 ก หน้า 1, 17 กรกฎาคม 2547
- ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554. พิมพ์ครั้งที่ 2, กรุงเทพฯ : ราชบัณฑิตยสถาน, 2556. 1,544 หน้า. ISBN
- สมมอมรพันธุ์, พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระ. เรื่องตั้งพระราชาคณะผู้ใหญ่ในกรุงรัตนโกสินทร์ เล่ม ๑. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2545. 428 หน้า. ISBN
แหล่งข้อมูลอื่น
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
inpraethsithy smedcphrasngkhrach sklmhasngkhprinayk khuxpramukhaehngkhnasngkhhruxphrarachakhxngkhnasngkh sungtamkdhmaykhnasngkhbyytiihthrngdarngtaaehnngsklmhasngkhprinayk thimaaelaxanachnathikhxngsmedcphrasngkhrachepniptamphrarachbyytikhnasngkh ph s 2505smedcphrasngkhrach sklmhasngkhprinaykphraeswtchtr 3 chn pracaxngkhsmedcphrasngkhrachphudarngtaaehnngkhnpccubn smedcphraxriywngsakhtyan xmphr xm phor tngaet 12 kumphaphnth ph s 2560kareriykkhanfaphrabathcwnphraxaramhlwngphuaetngtngphramhakstriyithy thrngsthapna snxngphrabrmrachoxngkarrthbalithywaratlxdphrachnmchiphphupraedimtaaehnngsmedcphrasngkhrach sri sthapnaph s 2325 242 pi engintxbaethn34 200 bathphrasngkhrachaehngsngkhmnthlithysmedcphrasngkhrach epntaaehnngthimimatngaetsmykrungsuokhthy dngmihlkthancaksilacarukkhxngphxkhunramkhaaehngmharach idcarukkhawasngkhrachiwdwy smedcphrasngkhrach sklmhasngkhprinayk epntaaehnngsmnaskdisungsudfayphuththckrkhxngkhnasngkhrachxanaithy thrngepnxngkhprathankarpkkhrxngkhnasngkh taaehnngninacamithimacakkhnasngkhithy naaebbxyangmacak lththilngkawngs sungphxkhunramkhaaehngmharach idthrngxyechiyphraethraphuihykhxnglngka thiechiywchayinphraitrpidk ekhamaephyaephphraphuththsasnafayethrwathinpraethsithy insmykrungsrixyuthya idephimtaaehnngsmedcphrasngkhrachepnsklmhasngkhprinayk mixanacwaklawxxkipthunghwemuxng odymismedcphraphuththokhsacary ecakhnaihyfaykhamwasi epnphrasngkhrachkhwa smedcphrawnrtecakhnaihyfayxrywasi epnsngkhrachsay xngkhidmiphrrsayukalmakkwa kidepnsmedcphrasngkhrach inplaysmykrungsrixyuthya phraxriymuni idipsubxayuphraphuththsasnathilngkathwip mikhwamchxbmak emuxklbmaidrbsmnskdisungkhuntamladbcnepnsmedcphrasngkhrach smedcphrathinngsuriyasnxmrinthrmiphrarachdariihkhngrachthinnamniiw cungthrngtngrachthinnamsmedcphrasngkhrachepn smedcphraxriywngsasngkhrachathibdi aelamaepn smedcphraxriywngsyan insmykrungthnburi aelaidichtxmacnthung rchsmyphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw cungidthrngprbprungephimetimepn smedcphraxriywngsakhtyan sungidichmacnthungpccubn tamthaeniybsmnskditngaetkhrngkrungsrixyuthya thimitaaehnngsngkhprinayk 2 xngkh thieriykwa phrasngkhrachsay khwa dngklawaelw yngmikhaxthibayxikprakarhnungwa smedcphraxriywngs epnphrasngkhrachfaykhwawa khnaehnux phraphnrtnepnphrasngkhrachfaysaywa khnait miphrasuphrrnbtcarukphranamemuxthrngtngthng 2 phraxngkh aetthismedcphraphnrtn odypktiimidepnsmedc swnphrasngkhrachfaykhwannepnsmedcthukphraxngkh cungeriykwasmedcphrasngkhrach cungepnmhasngkhprinayk miskdisungkwaphrasngkhrachfaysay thiphraphnrtnaetedim thrngykphraekiyrtiysepnsmedcaetbangxngkh mainrchsmyphrabathsmedcphraphuththelishlanphaly cungepnsmedcthukphraxngkh emuxkhrngkrungsuokhthyepnrachthani withikarpkkhrxngphrarachxanackrinkhrngnn hwemuxngihythihangiklcakrachthani epnemuxngpraethsrachodymak aememuxngihythixyuiklrachthani ktngecanayinphrarachwngsesdcxxkipkhrxngemuxng thanxngecapraethsrach emuxngihyaetlaemuxng cungnacamiphrasngkhrachphraxngkhhnung epnsngkhprinaykkhxngsngkhbristhinemuxngnn dngpraktekhaenguxninthaeniybchnhlng yngeriykecakhnaemuxngwaphrasngkhrachxyuhlayemuxng cnmathungrchsmyphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw cungidthrngepliynmaepnsngkhpaomkkh phrasngkhfaykhamwasiaelaxrywasinimimaaetkhrngphuththkal khuxfaythiphankxyuiklemuxngephuxsuksaphrathrrmwiny eriykwakhamwasi xikfayhnungbaephysmnthrrminthisngbengiybtampaekha hangiklcakbanemuxngeriykwaxrywasi phiksuaetlafayyngaebngxxkepnkhna aetlakhnacamiphrarachakhnapkkhrxng hwhnaphrarachakhnaeriykwasmedcphrarachakhna phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw idoprdekla ihsthapnaepliynphraxisriyyssmedcphrasngkhrachthiepnphraecabrmwngsethx epn smedcphramhasmneca thrngeswtchtr 5 chn phrarachwngschnrxnglngma ethathiprakt michnhmxmecaphuidrbsthapnaepnsmedcphrasngkhrach mikhanahna phranamwa smedcphrasngkhracheca thrngchtrtadehluxng 5 chn tamphrarachbyytikhnasngkh ph s 2505 phramhakstriythrngsthapnasmedcphrasngkhrachhnungphraxngkh tamkhakrabbngkhmthulkhxngnaykrthmntriodykhwamehnchxbkhxngmhaethrsmakhm inkarni naykrthmntricaesnxnamsmedcphrarachakhnathimixawuossungsudodysmnskdi aetthasmedcphrarachakhnadngklawimxacptibtihnathiid caesnxsmedcphrarachakhnarupxuntamladbsmnskdiaelakhwamsamarthinkarthahnathiaethn txmainpi ph s 2560 idmikaraekikhkdhmaywadwykhnasngkh kahndih matra 7 phramhakstriythrngsthapnasmedcphrasngkhrachxngkhhnung aelaihnaykrthmntri lngnamrbsnxngphrabrmrachoxngkar ekhruxngyskhxngsmedcphrasngkhrachthrrmeniymphrayskhxng smedcphrasngkhrach aehngkrungrtnoksinthrtrapracaphraxngkhkarthulfaphrabathkaraethntneklakrahmxm eklakrahmxmchnkarkhanrbeklakrahmxm phayakha ephkha smedcphrasngkhrachcathrngmiekhruxngphraysprakxbphraxisriyyssmedcphrasngrach dngni phraaethnphayiteswtchtr 3 chn phdyssmedcphrasngkhrach batr phrxmfabatr echingbatrthmpd phanphrasri thmpd khnnaaelaphanrxng thmpd khnoth thmpd phrasuphrrnsri thmpd phrasuphrrnrach thmpd hibtraphrackri thmpd pinotthrngklm 4 chn thmpd kathrngkrabxk thmpd hmxlkcn thmpd kraothn thmpd emuxsinphrachnmcathrngidrbekhruxngprakxbphraxisriyys idaek phraokskudnnxy hruxchnthisungkwa phraeswtchtr 3 chnkangknphraoks hruxchnthisungkwa esdcsrngnaphrasph phraphithithrrmswdphraxphithrrmphrasph 100 wn phrasngkhrbphrarachthanchnecha ephl 100 wn riwkrabwnphraxisriyysechiyphraoksphrasphipyngphraemru phraemruphakhaw sahrbphrarachthanephlingphrasph pccubnichphraemruwdethphsirinthrawas esdcphrarachthanephlingphrasph baephyphrarachkuslxxkphraemru tlxdcnchlxngphraxthi eswtchtr 3 chnsumphraxthibnphraemru hruxchnthisungkwa ekhruxngpraokhmsngkh aetrngxn aetrfrng klxngchna capi caklxngphraokskudnihyprakxbphraxisriyysphrasphsmedcphrayansngwr ecriy suwth thon rayphranamxangxingechingxrrth sanknganphraphuththsasnacnghwdphuekt 27 emsayn 2555 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2017 06 18 subkhnemux 15 kumphaphnth 2559 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help phcnanukrm chbbrachbnthitysthan ph s 2554 hna 1 167 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2013 11 27 subkhnemux 2013 10 26 rachkiccanuebksa phrabrmrachoxngkar prakas sthapnasmedcphramhasmneca elm 38 txn 0 k 12 emsayn ph s 2464 hna 10 eruxngtngphrarachakhnaphuihyinkrungrtnoksinthr elm 1 hna 319 brrnanukrmhxmrdkithy 2005 10 26 thi ewyaebkaemchchin phrathrrmkittiwngs thxngdi suretoch phcnanukrmephuxkarsuksaphuththsasn chud khawd wdrachoxrsaramrachwrwihar krungethph ph s 2548 phrarachkahndaekikhephimetim phrarachbyytikhnasngkh ph s 2505 ph s 2547 rachkiccanuebksa elm 121 txnphiess 34 k hna 1 17 krkdakhm 2547 rachbnthitysthan phcnanukrm chbbrachbnthitysthan ph s 2554 phimphkhrngthi 2 krungethph rachbnthitysthan 2556 1 544 hna ISBN 978 616 7073 80 4 smmxmrphnthu phraecabrmwngsethx krmphra eruxngtngphrarachakhnaphuihyinkrungrtnoksinthr elm 1 krungethph krmsilpakr 2545 428 hna ISBN 974 417 530 3aehlngkhxmulxunwikisxrs mingantnchbbekiywkb karpkkhrxngkhnasngkhithyaetobran ody krmphrayadarngrachanuphaph