วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใด เดิมชื่อ วัดแหลม หรือ วัดไทรทอง ภายหลังได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวใหม่ว่า วัดเบญจบพิตร ซึ่งหมายถึง วัดของเจ้านาย 5 พระองค์ที่ทรงร่วมกันปฏิสังขรณ์วัดแห่งนี้ เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างสวนดุสิตขึ้น พระองค์ทรงทำผาติกรรมสถาปนาวัดขึ้นใหม่และพระราชทานามว่า วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม อันหมายถึง วัดของพระเจ้าแผ่นดินรัชกาลที่ ๕
วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร | |
---|---|
พระอุโบสถวัดเบญจมบพิตร มุมมองจากทิศตะวันตกในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2566 | |
ชื่อสามัญ | วัดเบญจมบพิตร |
ที่ตั้ง | 69 ถนนพระรามที่ 5 แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300 |
ประเภท | พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร |
นิกาย | เถรวาท มหานิกาย |
พระประธาน | พระพุทธชินราช (จำลอง) |
พระพุทธรูปสำคัญ | พระฝาง |
เจ้าอาวาส | |
ความพิเศษ | เป็นวัดประจำพระราชวังดุสิต |
เวลาทำการ | ทุกวัน 8.30-17.30 |
จุดสนใจ | พระอุโบสถ และ พิพิธภัณฑ์ฯวัดเบญจฯ |
กิจกรรม | บวชสามเณรภาคฤดูร้อน (เม.ย.) บวชชาวเขา (ก.ค.) ตานก๋วยสลาก (ต.ค.) |
ส่วนหนึ่งของ |
ประวัติ
วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร เดิมเป็นวัดราษฎรวัดแหลม หลังจากปราบกบฏเจ้าอนุวงศ์แล้ว พระองค์เจ้าพนมวัน พร้อมพระอนุชาและพระขนิษฐาร่วมเจ้าจอมมารดาเดียวกันอีก 4 พระองค์ คือ
- พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระพิทักษเทเวศร์ (ต้น)
- พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงภูวเนตรนรินทรฤทธิ์ (ต้น)
- พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอินทนิล
- พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวงศ์
มีพระประสงค์ที่จะร่วมกันปฏิสังขรณ์วัดแหลม พร้อมทั้งทรงสร้างพระเจดีย์เรียงรายไว้หน้าวัด 5 องค์ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามใหม่ว่า วัดเบญจบพิตร หมายความว่า วัดของเจ้านาย 5 พระองค์
ในปี พ.ศ. 2441 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ซื้อที่ดินระหว่างคลองผดุงกรุงเกษมจนถึงคลองสามเสนเพื่อสร้างที่ประทับพักผ่อนพระอิริยาบถส่วนพระองค์ โดยพระราชทานนามว่า "สวนดุสิต" (พระราชวังดุสิต ในปัจจุบัน) ซึ่งบริเวณที่ดินที่ทรงซื้อนั้นมีวัดโบราณ 2 แห่ง คือ วัดดุสิตซึ่งอยู่ในสภาพทรุดโทรมโดยถูกใช้เป็นที่สร้างพลับพลา และวัดร้างอีกแห่งซึ่งจำเป็นต้องใช้ที่ดินของวัดสำหรับตัดเป็นถนน พระองค์จึงทรงกระทำผาติกรรม สร้างวัดแห่งใหม่เพื่อเป็นการทดแทนตามประเพณี โดยทรงเลือกวัดเบญจมบพิตรเป็นวัดที่ทรงสถาปนาตามพระราชดำริว่า การสร้างวัดใหม่หลายวัดยากต่อการบำรุงรักษา ถ้ารวมเงินสร้างวัดเดียวให้เป็นวัดใหญ่ และทำโดยฝีมือประณีตจะดีกว่า จึงโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เป็นผู้ทรงออกแบบก่อสร้างพระอุโบสถและถาวรวัตถุอื่น ๆ และมีพระยาราชสงคราม (กร หงสกุล) เป็นนายช่างก่อสร้าง
เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2441 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมายังวัด ในการนี้มีพระบรมราชโองการประกาศพระบรมราชูทิศถวายที่ดินให้เป็นเขตวิสุงคามสีมาของวัด พร้อมทั้งพระราชทานนามวัดใหม่ว่า วัดเบญจมบพิตร อันหมายถึง วัดของพระเจ้าแผ่นดินรัชกาลที่ 5 และเพื่อแสดงลำดับรัชกาลในพระบรมราชจักรีวงศ์ ต่อมา พระองค์ได้ถวายที่ดินซึ่งพระองค์ขนานนามว่า ดุสิตวนาราม ให้เป็นที่วิสุงคามสีมาเพิ่มเติมแก่วัดเบญจมบพิตร และโปรดฯ ให้เรียกนามรวมกันว่า วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม
เมื่อมีการจัดระเบียบพระอารามหลวงในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวในปี พ.ศ. 2458 วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามจัดเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร ดังนั้น ชื่อวัดจึงมีสร้อยนามต่อท้ายด้วย "ราชวรวิหาร" ดังเช่นในปัจจุบัน
สิ่งก่อสร้างสำคัญ
ศาลาสี่สมเด็จ
ศาลาสี่สมเด็จ เป็นศาลาจตุรมุขพื้นศิลา หลังคาประดับด้วยช่อฟ้าใบระกา สร้างขึ้นจากพระราชทรัพย์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวร่วมกับสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอและสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอร่วมพระราชชนนีอีก 3 พระองค์ ได้แก่ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล โสภณภควดี กรมหลวงวิสุทธิกระษัตริย์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงษ์ และสมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช โดยพระองค์พระราชทานนามศาลาแห่งนี้ว่า ศาลาสี่สมเด็จ ไว้เป็นที่พักผ่อนสำหรับพระสงฆ์และสามเณร ปัจจุบัน ศาลาสี่สมเด็จใช้เป็นหอกลอง
บริเวณหน้าบันทั้ง 4 ด้านของศาลาสี่สมเด็จได้จำหลักลายไทยเป็นตราประจำพระองค์ของแต่ละพระองค์ไว้ ได้แก่ ตราพระเกี้ยว พระราชลัญจกรในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตราจันทรมณฑล ตราประจำพระองค์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล โสภณภควดี กรมหลวงวิสุทธิกระษัตริย์ ตราจักร ตราประจำพระองค์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงษ์ และ ตราสุริโยทัย ตราประจำพระองค์ในสมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช จากเว็บไซต์วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร
พระที่นั่งทรงธรรม
เป็นตึก ๒ ชั้น ก่ออิฐถือปูนตลอด พื้นชั้นล่างและบันไดปูหินอ่อน ชั้นบนปูไม้ หลังคา ๒ ชั้น มุงกระเบื้องเคลือบสี ช่อฟ้าใบระกาลงรักปิดทองทึบ หน้าบันทั้ง ๔ ด้าน จำหลักภาพต่าง ๆ ปิดทองประดับกระจก ภายในผนังเสมอกรอบหน้าต่าง ประกบแผ่นหินอ่อนสีขาว เสาเขียนลายรดน้ำเทพนม ตั้งธรรมาสน์กลางห้อง ด้านใต้กั้นพระฉากดีบุกฉลุลายไทยเทพนมและกุมภัณฑ์ เพื่อเป็นที่ประทับของฝ่ายใน พระที่นั่งทรงธรรมนี้ "สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า" ทรงสร้างอุทิศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อ พ.ศ. 2445 ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชประสงค์ใช้เป็นที่ประทับแรมเวลาทรงธรรมรักษาอุโบสถศีล ต่อมาได้เคยใช้เป็นที่ประชุมสังฆมนตรี, ที่ศึกษาพระปริยัติธรรม จัดงานประจำปีของวัด ตั้งพระศพและศพบุคคลสำคัญของชาติ ในเวลาตั้งพระศพศาลาแห่งนี้มีศักดิ์เป็นรองจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เช่น
- สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร
- พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ
- สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปลด กิตฺติโสภโณ)
- พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอดิสัยสุริยาภา
- จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ อดีตนายกรัฐมนตรี
- พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเหมวดี
- พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร อดีตประธานองคมนตรี
- หม่อมหลวงเดช สนิทวงศ์ อดีตประธานองคมนตรี
- พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์
- พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต
- พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวาปีบุษบากร
- พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี
- พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล
- พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ
- นายสัญญา ธรรมศักดิ์ อดีตประธานองคมนตรี
- พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ
ปัจจุบันคงใช้ในกิจกรรมของวัด และตั้งพระศพหรือศพบุคคลสำคัญ
หอระฆังบวรวงศ์
หอระฆังบวรวงศ์ เป็นหอระฆังทรงไทยประกอบหินอ่อน สร้างขึ้นโดยพระบรมวงศานุวงศ์ในกรมพระราชวังบวรสถานมงคล และข้าราชการ ระฆังภายในหอนั้นนำมาจากวัดบวรสถานสุทธาวาส ซึ่งเป็นวัดประจำพระราชวังบวรสถานมงคล หน้าบันของหอระฆังจำหลักลายไทยประกอบภาพตราประจำตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคล โดยหน้าบันทิศตะวันตกเป็นภาพ "พระลักษณ์ทรงหนุมาน" ซึ่งเป็นตราประจำตำแหน่งองค์เดิม ส่วนหน้าบันทิศตะวันออก เป็นภาพ "พระนารายณ์ทรงปืน" ซึ่งเป็นตราประจำตำแหน่งองค์ที่ได้รับการปรับปรุงขึ้นใหม่ จากเว็บไซต์วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการเปิดและฉลองหอระฆังเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2445 พร้อมทั้งพระราชทานามว่า หอระฆังบวรวงศ์
สถานที่อื่น ๆ
- พระอุโบสถ เป็นแบบจตุรมุข มุขด้านตะวันออกขยายยาว ด้านเหนือและใต้มีมุขกระสันต่อกับพระระเบียง หลังคา ๔ ชั้น ด้านมุขกระสันทิศเหนือและทิศใต้ ๕ ชั้น มีพระระเบียงโอบรอบด้านหลังด้านหน้าพระอุโบสถ มีกำแพงแก้ว บนมุมกำแพงแก้วซ้าย-ขวา มีเสาคอนกรีตหัวเสาเป็นศิลาสลักรูปดอกบัวตูม คือเครื่องหมาย "สีมา" สำหรับด้านหน้า ส่วนสีมาด้านหลังพระอุโบสถ สลักรูปเสมาธรรมจักรที่แผ่นหินแกรนิตปูพื้นภายในกำแพงแก้ว ปูหินแกรนิตสีชมพูอ่อนและสีเทา โดยมีพระพุทธชินราช (จำลอง) ประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถ
- พระที่นั่งผนวช เป็นพระที่นั่งที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯให้รื้อมาจากพระพุทธรัตนสถาน เป็นหมู่กุฏิประกอบด้วย "พระที่นั่งทรงผนวช" อยู่ด้านทิศเหนือ "พระกุฏิ" อยู่ด้านทิศใต้ กับกุฏิ ๒ ห้อง ๒ หลัง อยู่ด้านตะวันออกและตะวันตก มีหอเสวยกลาง มีลานหินอ่อนโดยรอบมีช่อฟ้า ใบระกา ลำยอง ลงรักปิดทองทึบหลังด้านทิศใต้คือ "พระกุฏิ" หน้าบันจำหลักลายประกอบ "พัดยศ" ลงรักปิดทองประดับกระจก มีความหมายว่าเป็นที่ประทับของสมเด็จพระอุปัชฌาย์ เมื่อพระองค์ทรงผนวชส่วนหลังทิศเหนือคือ '"พระที่นั่งทรงผนวช"' เป็นตรีมุข ประตูหน้าต่างด้านนอกเขียนลายรดน้ำตรา "เครื่องราชอิสริยาภรณ์" ที่ทรงปรับปรุงขึ้นใหม่เป็น 5 สาย 5 ชั้น ด้านในเขียนภาพเทวดาถือดอกไม้เหนือคนแคระหน้าบันทั้ง ๓ ด้านจำหลักลายไทยประกอบตรา "พระเกี้ยว" ซึ่งเป็นตราประจำของพระองค์ ลงรักปิดทองประดับกระจก หมายถึงพระที่นั่งองค์นี้ เป็นที่ประทับเมื่อคราวพระองค์ทรงผนวชภายในพระที่นั่งทรงผนวช มีพระแท่นบรรทม พระบรมรูปเมื่อทรงผนวช พระบรมรูปสลักหินอ่อน พระพุทธรูป พระเสลี่ยงน้อย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงถวายเพื่อเป็นธรรมาสน์แสดงธรรมและแสดงพระปาติโมกข์ครั้งแรกในวัดเบญจมบพิตร เครื่องลายครามต่าง ๆ
- ศาลาบัณณรศภาค เป็นศาลาจตุรมุข สร้างด้วยทุนทรัพย์ของพระมเหสี เจ้าจอม พระราชโอรส พระราชธิดาและพระญาติในรัชกาลที่ 5 รวม 15 พระองค์ ปัจจุบัน ใช้เป็นที่ตั้งศพบุคคลสำคัญ เช่น
- สมเด็จพระวันรัต (จ่าย ปุณฺณทตฺโต)
- หม่อมเจ้าบุญจิราธร จุฑาธุช
- พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร
- หม่อมราชวงศ์กัลยาณกิติ์ กิติยากร
- นายจรูญพันธ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตองคมนตรี
- พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุทธสิริโสภา
- หม่อมหลวงมณีรัตน์ บุนนาค
- พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุไรรัตนศิริมาน
- พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุทธวงษวิจิตร
- หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล
- หม่อมราชวงศ์อดุลกิติ์ กิติยากร
- พันโทหญิง หม่อมกอบแก้ว อาภากร ณ อยุธยา
- นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี
- นายสวัสดิ์ วัฒนายากร อดีตองคมนตรี
- นายจำรัส เขมะจารุ อดีตองคมนตรี
- นายขวัญแก้ว วัชโรทัย อดีตรองเลขาธิการพระราชวัง
- หม่อมหลวงอัศนี ปราโมช
- หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี
- ท่านผู้หญิงทัศนีย์ บุณยคุปต์
- หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ ฯลฯ
- พระวิหารสมเด็จ เป็นตึกจตุรมุข 2 ชั้น แต่มุขด้านใต้เชื่อมต่อกับมุขกุฏิสมเด็จ มุขด้านตะวันออกและตะวันตกขยายยาวเป็นชั้นเดียว บันไดพื้นชั้นล่างปูหินอ่อน ชั้นบนปูไม้ความงามของพระวิหารนี้อยู่ที่ประตูหน้าต่างที่เขียนลายไทยรดน้ำทั้งชั้นล่างและชั้นบน หน้าบันและซุ้มประตูหน้าต่าง ปั้นลายก้านขดประกอบตราพระนามาภิไธยย่อ'"ส.ผ."'(เสาวภาผ่องศรี) ลงรักปิดทองประดับกระจกข้างบันไดขึ้นด้านหน้าหล่อราชสีห์ประดับ 2 ตัว
- ศาลาอุรุพงศ์ เป็นศาลาทรงไทย จตุรมุข หลังเล็ก ๆ ก่ออิฐถือปูน พื้นคอนกรีต หลังคามุงกระเบื้องเคลือบ ตั้งอยู่สนามหญ้าหลังพระอุโบสถ ด้านทิศเหนือต้นพระศรีมหาโพธิ์ สันนิษฐานว่าหลังเดิมสร้างแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ประมาณ พ.ศ. 2453 เป็นศาลาเครื่องไม้ทั้งหมด ต่อมาถึงสมัยรัชกาลที่ ๖ ในปี พ.ศ. 2459 ถูกพายุพัดหักลง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้าฯให้ซ่อมขึ้นใหม่ แต่คงเป็นศาลาเครื่องไม้เช่นเดิมต่อมาเจ้าจอมมารดาเลื่อน ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้บริจาคทรัพย์เปลี่ยนศาลาจากเดิมให้เป็นจตุรมุข ผูกเหล็กหล่อคอนกรีตทั้งหลังศาลาหลังนี้เป็นที่บรรจุพระอังคารของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอุรุพงษ์รัชสมโภชพระราชโอรสในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับเจ้าจอมมารดาเลื่อน
- ศาลาธรรมชินราชปัญจบพิธ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ๔ ชั้น มีดาดฟ้าเป็นชั้นที่๕สร้างขึ้นเนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารเจริญพระชนมมายุครบ ๒๕ ชันษา เมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๑๘ สร้างเสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิด เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๒๔ ศาลาธรรมชินราชปัญจบพิธ เป็นศาลาอเนกประสงค์ ที่รวมหน่วยงานสำคัญต่าง ๆ ของวัด
- โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นด้วยทุนทรัพย์ซึ่งเป็นสมบัติของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอิศริยาภรณ์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรสิริประสาธน์ และเจ้าจอมมารดาหม่อมราชวงศ์เกสร ในรัชกาลที่ 5 เมื่อ ร.ศ. 121 โดยมีพระราชประสงค์ให้สร้างขึ้นเพื่อ "สอนศิษย์ซึ่งเป็นคฤหัสถ์" ปัจจุบัน ทางการได้เปลี่ยนชื่อโรงเรียนเป็น "โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร" เปิดสอนเฉพาะนักเรียนชาย
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ วัดเบญจมบพิตร
- พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ วัดเบญจมบพิตร เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเพื่อจัดแสดงพระพุทธรูปทั้งในและนอกประเทศ
ลำดับเจ้าอาวาส
ลำดับที่ | รูป | รายนาม | เริ่มวาระ | สิ้นสุดวาระ |
1 | สมเด็จพระวันรัต (จ่าย ปุณฺณทตฺโต) | พ.ศ. 2443 | พ.ศ. 2471 | |
2 | สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปลด กิตฺติโสภโณ) | พ.ศ. 2471 | พ.ศ. 2505 | |
3 | สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สุวรรณ สุวณฺณโชโต) | พ.ศ. 2505 | พ.ศ. 2537 | |
4 | พระพรหมจริยาจารย์ (สมุท รชตวณฺโณ) | พ.ศ. 2537 | พ.ศ. 2549 | |
5 | พระพุทธวรญาณ (ทอง สุวณฺณสาโร) | พ.ศ. 2549 | พ.ศ. 2557 | |
6 | พ.ศ. 2557 | ปัจจุบัน |
ระเบียงภาพ
- มุมมองพระอุโบสถ มุมมองจากทิศตะวันตก
- มุมมองพระอุโบสถจากทางเข้า
- บริเวณด้านหน้าทางเข้าพระอุโบสถในยามกลางคืน
- ศาลาตรีมุขสะพานน้ำ
อ้างอิงแก้
- ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศกระทรวงธรรมการ แผนกกรมสังฆการี เรื่อง จัดระเบียบพระอารามหลวง 2011-11-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๓๒, ตอน ๐ ก, ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๘, หน้า ๒๘๔
- จุลลดา ภักดีภูมินทร์, วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม 2009-06-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, สกุลไทย, ฉบับที่ 2598, ปีที่ 50, ประจำวันอังคารที่ 3 สิงหาคม 2547
- ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความเรื่องสวนดุสิต, เล่ม ๑๕, ตอน ๕๐, ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๔๑, หน้า ๕๔๓
- ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ พระบรมราชูทิศที่แผ่นดินวิสุงคามสีมาวัดเบ็ญจมบพิตร, เล่ม ๑๖, ตอน ๕๐, ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๔๒, หน้า ๖๙๔
- ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ พระบรมราชูทิศถวายที่สงฆกับปิยภูมิ์เขตรพระอารามแลกุฎีสังฆเสนาศน์ วัดเบ็ญจมบพิตร, เล่ม ๑๗, ตอน ๓๙, ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๔๓, หน้า ๕๕๔
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2014-03-13.
- ราชกิจจานุเบกษา, การเปิดหอระฆัง สะพานท่าน้ำ และสะพานข้ามคลองในวัดเบญจมบพิตร, เล่ม ๑๙, ตอน ๔๐, ๒๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๔๕, หน้า ๗๕๙
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
- ภาพถ่ายทางอากาศของ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร
- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร
- ภาพถ่ายดาวเทียมจากวิกิแมเปีย หรือกูเกิลแมปส์
- แผนที่จากลองดูแมป หรือเฮียวีโก
- ภาพถ่ายทางอากาศจากเทอร์ราเซิร์ฟเวอร์
13°45′58″N 100°30′51″E / 13.766095°N 100.514195°E
- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ 2019-08-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ราชวรวิหาร
- วัดเบญจมพิตร
- ภายในพระอุโบสถ วัดเบญจมบพิตร
- ด้านหลังพระอุโบสถ วัดเบญจมบพิตร
- พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ วัดเบญจมบพิตร
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
wdebycmbphitrdusitwnaram epnphraxaramhlwngchnexk chnidrachwrwihar imprakthlkthanwasrangkhunemuxid edimchux wdaehlm hrux wdithrthxng phayhlngidrbphrarachthannamcakphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhwihmwa wdebycbphitr sunghmaythung wdkhxngecanay 5 phraxngkhthithrngrwmknptisngkhrnwdaehngni emuxphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwthrngsrangswndusitkhun phraxngkhthrngthaphatikrrmsthapnawdkhunihmaelaphrarachthanamwa wdebycmbphitrdusitwnaram xnhmaythung wdkhxngphraecaaephndinrchkalthi 5wdebycmbphitrdusitwnaramrachwrwiharphraxuobsthwdebycmbphitr mummxngcakthistawntkineduxnthnwakhm ph s 2566chuxsamywdebycmbphitrthitng69 thnnphraramthi 5 aekhwngdusit ekhtdusit krungethphmhankhr 10300praephthphraxaramhlwngchnexk chnidrachwrwiharnikayethrwath mhanikayphraprathanphraphuththchinrach calxng phraphuththrupsakhyphrafangecaxawaskhwamphiessepnwdpracaphrarachwngdusitewlathakarthukwn 8 30 17 30cudsnicphraxuobsth aela phiphithphnthwdebyckickrrmbwchsamenrphakhvdurxn em y bwchchawekha k kh tankwyslak t kh swnhnungkhxngsaranukrmphraphuththsasnaprawtimummxngcakthangekhahlkfngthistawnxxkineduxnthnwakhm ph s 2566mummxngphraxuobsthfngthistawnxxkineduxnthnwakhm ph s 2566 wdebycmbphitrdusitwnaramrachwrwihar edimepnwdrasdrwdaehlm hlngcakprabkbtecaxnuwngsaelw phraxngkhecaphnmwn phrxmphraxnuchaaelaphrakhnistharwmecacxmmardaediywknxik 4 phraxngkh khux phraecabrmwngsethx krmphraphithksethewsr tnrachskulkuychr phraecabrmwngsethx krmhlwngphuwentrnrinthrvththi tnrachskulthinkr phraecabrmwngsethx phraxngkhecaxinthnil phraecabrmwngsethx phraxngkhecawngs miphraprasngkhthicarwmknptisngkhrnwdaehlm phrxmthngthrngsrangphraecdiyeriyngrayiwhnawd 5 xngkh txmaphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhwoprdekla phrarachthannamihmwa wdebycbphitr hmaykhwamwa wdkhxngecanay 5 phraxngkh inpi ph s 2441 phrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwthrngphrakrunaoprdekla ihsuxthidinrahwangkhlxngphdungkrungeksmcnthungkhlxngsamesnephuxsrangthiprathbphkphxnphraxiriyabthswnphraxngkh odyphrarachthannamwa swndusit phrarachwngdusit inpccubn sungbriewnthidinthithrngsuxnnmiwdobran 2 aehng khux wddusitsungxyuinsphaphthrudothrmodythukichepnthisrangphlbphla aelawdrangxikaehngsungcaepntxngichthidinkhxngwdsahrbtdepnthnn phraxngkhcungthrngkrathaphatikrrm srangwdaehngihmephuxepnkarthdaethntampraephni odythrngeluxkwdebycmbphitrepnwdthithrngsthapnatamphrarachdariwa karsrangwdihmhlaywdyaktxkarbarungrksa tharwmenginsrangwdediywihepnwdihy aelathaodyfimuxpranitcadikwa cungoprdekla ihsmedcphraecabrmwngsethx ecafakrmphrayanrisranuwdtiwngs epnphuthrngxxkaebbkxsrangphraxuobsthaelathawrwtthuxun aelamiphrayarachsngkhram kr hngskul epnnaychangkxsrang emuxwnthi 1 minakhm ph s 2441 phrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwesdcphrarachdaeninmayngwd inkarnimiphrabrmrachoxngkarprakasphrabrmrachuthisthwaythidinihepnekhtwisungkhamsimakhxngwd phrxmthngphrarachthannamwdihmwa wdebycmbphitr xnhmaythung wdkhxngphraecaaephndinrchkalthi 5 aelaephuxaesdngladbrchkalinphrabrmrachckriwngs txma phraxngkhidthwaythidinsungphraxngkhkhnannamwa dusitwnaram ihepnthiwisungkhamsimaephimetimaekwdebycmbphitr aelaoprd iheriyknamrwmknwa wdebycmbphitrdusitwnaram emuxmikarcdraebiybphraxaramhlwnginrchsmyphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhwinpi ph s 2458 wdebycmbphitrdusitwnaramcdepnphraxaramhlwngchnexk chnidrachwrwihar dngnn chuxwdcungmisrxynamtxthaydwy rachwrwihar dngechninpccubnsingkxsrangsakhysalasismedc salasismedc epnsalacturmukhphunsila hlngkhapradbdwychxfaibraka srangkhuncakphrarachthrphykhxngphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwrwmkbsmedcphraecanxngnangethxaelasmedcphraecanxngyaethxrwmphrarachchnnixik 3 phraxngkh idaek smedcphraecabrmwngsethx ecafacnthrmnthl osphnphkhwdi krmhlwngwisuththikrastriy smedcphraecabrmwngsethx ecafacaturntrsmi krmphrackrphrrdiphngs aelasmedcphrarachpitula brmphngsaphimukh ecafaphanurngsiswangwngs krmphrayaphanuphnthuwngswredch odyphraxngkhphrarachthannamsalaaehngniwa salasismedc iwepnthiphkphxnsahrbphrasngkhaelasamenr pccubn salasismedcichepnhxklxng briewnhnabnthng 4 dankhxngsalasismedcidcahlklayithyepntrapracaphraxngkhkhxngaetlaphraxngkhiw idaek traphraekiyw phrarachlyckrinphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw tracnthrmnthl trapracaphraxngkhinsmedcphraecabrmwngsethx ecafacnthrmnthl osphnphkhwdi krmhlwngwisuththikrastriy trackr trapracaphraxngkhinsmedcphraecabrmwngsethx ecafacaturntrsmi krmphrackrphrrdiphngs aela trasurioythy trapracaphraxngkhinsmedcphrarachpitula brmphngsaphimukh ecafaphanurngsiswangwngs krmphrayaphanuphnthuwngswredch cakewbistwdebycmbphitrdusitwnaramrachwrwihar phrathinngthrngthrrm epntuk 2 chn kxxiththuxpuntlxd phunchnlangaelabnidpuhinxxn chnbnpuim hlngkha 2 chn mungkraebuxngekhluxbsi chxfaibrakalngrkpidthxngthub hnabnthng 4 dan cahlkphaphtang pidthxngpradbkrack phayinphnngesmxkrxbhnatang prakbaephnhinxxnsikhaw esaekhiynlayrdnaethphnm tngthrrmasnklanghxng danitknphrachakdibukchlulayithyethphnmaelakumphnth ephuxepnthiprathbkhxngfayin phrathinngthrngthrrmni smedcphrasriswrinthirabrmrachethwi phraphnwssaxyyikaeca thrngsrangxuthissmedcphrabrmoxrsathirach ecafamhawchirunhis syammkudrachkumar emux ph s 2445 sungphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw miphrarachprasngkhichepnthiprathbaermewlathrngthrrmrksaxuobsthsil txmaidekhyichepnthiprachumsngkhmntri thisuksaphrapriytithrrm cdnganpracapikhxngwd tngphrasphaelasphbukhkhlsakhykhxngchati inewlatngphrasphsalaaehngnimiskdiepnrxngcakphrathinngdusitmhaprasath echn smedcphraecabrmwngsethx krmphrayachynathnernthr phrawrwngsethx krmhmuncnthburisurnath smedcphraxriywngsakhtyan pld kit tiosphon phraecabrmwngsethx phraxngkhecaxdisysuriyapha cxmphl svsdi thnarcht xditnaykrthmntri phraecabrmwngsethx phraxngkhecaehmwdi phrawrwngsethx krmhmunphithylaphphvthiyakr xditprathanxngkhmntri hmxmhlwngedch snithwngs xditprathanxngkhmntri phraecawrwngsethx krmhmunnrathipphngspraphnth phraecawrwngsethx phraxngkhecawiphawdirngsit phraecabrmwngsethx phraxngkhecawapibusbakr phranangecasuwthna phrawrrachethwi phraecawrwngsethx phraxngkhecaphanuphnthuyukhl phraecawrwngsethx phraxngkhecaxnusrmngkhlkar naysyya thrrmskdi xditprathanxngkhmntri phlexk eprm tinsulannth xditprathanxngkhmntri aelarthburus pccubnkhngichinkickrrmkhxngwd aelatngphrasphhruxsphbukhkhlsakhy hxrakhngbwrwngs hxrakhngbwrwngs epnhxrakhngthrngithyprakxbhinxxn srangkhunodyphrabrmwngsanuwngsinkrmphrarachwngbwrsthanmngkhl aelakharachkar rakhngphayinhxnnnamacakwdbwrsthansuththawas sungepnwdpracaphrarachwngbwrsthanmngkhl hnabnkhxnghxrakhngcahlklayithyprakxbphaphtrapracataaehnngkrmphrarachwngbwrsthanmngkhl odyhnabnthistawntkepnphaph phralksnthrnghnuman sungepntrapracataaehnngxngkhedim swnhnabnthistawnxxk epnphaph phranaraynthrngpun sungepntrapracataaehnngxngkhthiidrbkarprbprungkhunihm cakewbistwdebycmbphitrdusitwnaramrachwrwihar phrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwthrngphrakrunaoprdekla ihcdkarepidaelachlxnghxrakhngemuxwnthi 6 thnwakhm ph s 2445 phrxmthngphrarachthanamwa hxrakhngbwrwngs sthanthixun phraphuththchinrach calxng phayinphraxuobsthphraxuobsth epnaebbcturmukh mukhdantawnxxkkhyayyaw danehnuxaelaitmimukhkrasntxkbphraraebiyng hlngkha 4 chn danmukhkrasnthisehnuxaelathisit 5 chn miphraraebiyngoxbrxbdanhlngdanhnaphraxuobsth mikaaephngaekw bnmumkaaephngaekwsay khwa miesakhxnkrithwesaepnsilaslkrupdxkbwtum khuxekhruxnghmay sima sahrbdanhna swnsimadanhlngphraxuobsth slkrupesmathrrmckrthiaephnhinaekrnitpuphunphayinkaaephngaekw puhinaekrnitsichmphuxxnaelasietha odymiphraphuththchinrach calxng pradisthanepnphraprathaninphraxuobsth phrathinngphnwch epnphrathinngthiphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwoprdeklaihruxmacakphraphuththrtnsthan epnhmukutiprakxbdwy phrathinngthrngphnwch xyudanthisehnux phrakuti xyudanthisit kbkuti 2 hxng 2 hlng xyudantawnxxkaelatawntk mihxeswyklang milanhinxxnodyrxbmichxfa ibraka layxng lngrkpidthxngthubhlngdanthisitkhux phrakuti hnabncahlklayprakxb phdys lngrkpidthxngpradbkrack mikhwamhmaywaepnthiprathbkhxngsmedcphraxupchchay emuxphraxngkhthrngphnwchswnhlngthisehnuxkhux phrathinngthrngphnwch epntrimukh pratuhnatangdannxkekhiynlayrdnatra ekhruxngrachxisriyaphrn thithrngprbprungkhunihmepn 5 say 5 chn daninekhiynphaphethwdathuxdxkimehnuxkhnaekhrahnabnthng 3 dancahlklayithyprakxbtra phraekiyw sungepntrapracakhxngphraxngkh lngrkpidthxngpradbkrack hmaythungphrathinngxngkhni epnthiprathbemuxkhrawphraxngkhthrngphnwchphayinphrathinngthrngphnwch miphraaethnbrrthm phrabrmrupemuxthrngphnwch phrabrmrupslkhinxxn phraphuththrup phraesliyngnxy sungphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw thrngthwayephuxepnthrrmasnaesdngthrrmaelaaesdngphrapatiomkkhkhrngaerkinwdebycmbphitr ekhruxnglaykhramtang salabnnrsphakh epnsalacturmukh srangdwythunthrphykhxngphramehsi ecacxm phrarachoxrs phrarachthidaaelaphrayatiinrchkalthi 5 rwm 15 phraxngkh pccubn ichepnthitngsphbukhkhlsakhy echn smedcphrawnrt cay pun ntht ot hmxmecabuycirathr cuthathuch phrawrwngsethx phraxngkhecaeprmburchtr hmxmrachwngsklyankiti kitiyakr naycruyphnth xisrangkur n xyuthya xditxngkhmntri phrawrwngsethx phraxngkhecasuththsiriospha hmxmhlwngmnirtn bunnakh phraecawrwngsethx phraxngkhecacuirrtnsiriman phraecawrwngsethx phraxngkhecasuththwngswicitr hmxmecasuphthrdis diskul hmxmrachwngsxdulkiti kitiyakr phnothhying hmxmkxbaekw xaphakr n xyuthya naysmkhr sunthrewch xditnaykrthmntri nayswsdi wthnayakr xditxngkhmntri naycars ekhmacaru xditxngkhmntri naykhwyaekw wchorthy xditrxngelkhathikarphrarachwng hmxmhlwngxsni praomch hmxmecaphisedch rchni thanphuhyingthsniy bunykhupt hmxmecapusan swsdiwtn l phrawiharsmedc epntukcturmukh 2 chn aetmukhdanitechuxmtxkbmukhkutismedc mukhdantawnxxkaelatawntkkhyayyawepnchnediyw bnidphunchnlangpuhinxxn chnbnpuimkhwamngamkhxngphrawiharnixyuthipratuhnatangthiekhiynlayithyrdnathngchnlangaelachnbn hnabnaelasumpratuhnatang pnlaykankhdprakxbtraphranamaphiithyyx s ph esawphaphxngsri lngrkpidthxngpradbkrackkhangbnidkhundanhnahlxrachsihpradb 2 tw salaxuruphngs epnsalathrngithy cturmukh hlngelk kxxiththuxpun phunkhxnkrit hlngkhamungkraebuxngekhluxb tngxyusnamhyahlngphraxuobsth danthisehnuxtnphrasrimhaophthi snnisthanwahlngedimsrangaetsmyrchkalthi 5 praman ph s 2453 epnsalaekhruxngimthnghmd txmathungsmyrchkalthi 6 inpi ph s 2459 thukphayuphdhklng phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw cungoprdeklaihsxmkhunihm aetkhngepnsalaekhruxngimechnedimtxmaecacxmmardaeluxn inphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw idbricakhthrphyepliynsalacakedimihepncturmukh phukehlkhlxkhxnkritthnghlngsalahlngniepnthibrrcuphraxngkharkhxngphraecabrmwngsethx phraxngkhecaxuruphngsrchsmophchphrarachoxrsinrchkalphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwkbecacxmmardaeluxn salathrrmchinrachpycbphith epnxakharkxxiththuxpun 4 chn midadfaepnchnthi5srangkhunenuxnginworkasthismedcphrabrmoxrsathirach syammkudrachkumarecriyphrachnmmayukhrb 25 chnsa emuxwnthi 28 krkdakhm 2518 srangesrcaelw phrabathsmedcphraecaxyuhw esdcphrarachdaeninthrngepid emuxwnthi 30 minakhm 2524 salathrrmchinrachpycbphith epnsalaxenkprasngkh thirwmhnwyngansakhytang khxngwd orngeriynmthymwdebycmbphitr phrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwoprdekla ihsrangkhundwythunthrphysungepnsmbtikhxngphraecabrmwngsethx phraxngkhecaxisriyaphrn phraecabrmwngsethx phraxngkhecaxnusrsiriprasathn aelaecacxmmardahmxmrachwngseksr inrchkalthi 5 emux r s 121 odymiphrarachprasngkhihsrangkhunephux sxnsisysungepnkhvhsth pccubn thangkaridepliynchuxorngeriynepn orngeriynmthymwdebycmbphitr epidsxnechphaankeriynchayphiphithphnthsthanaehngchati wdebycmbphitrphiphithphnthsthanaehngchati wdebycmbphitr epnphiphithphnththisrangkhuninrchsmyphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwephuxcdaesdngphraphuththrupthnginaelanxkpraethsladbecaxawasladbthi rup raynam erimwara sinsudwara1 smedcphrawnrt cay pun ntht ot ph s 2443 ph s 24712 smedcphraxriywngsakhtyan pld kit tiosphon ph s 2471 ph s 25053 smedcphraphuththchinwngs suwrrn suwn nochot ph s 2505 ph s 25374 phraphrhmcriyacary smuth rchtwn on ph s 2537 ph s 25495 phraphuththwryan thxng suwn nsaor ph s 2549 ph s 25576 ph s 2557 pccubnraebiyngphaphmummxngphraxuobsth mummxngcakthistawntk mummxngphraxuobsthcakthangekha briewndanhnathangekhaphraxuobsthinyamklangkhun salatrimukhsaphannaxangxingaekrachkiccanuebksa prakaskrathrwngthrrmkar aephnkkrmsngkhkari eruxng cdraebiybphraxaramhlwng 2011 11 09 thi ewyaebkaemchchin elm 32 txn 0 k 3 tulakhm ph s 2458 hna 284 cullda phkdiphuminthr wdebycmbphitrdusitwnaram 2009 06 29 thi ewyaebkaemchchin skulithy chbbthi 2598 pithi 50 pracawnxngkharthi 3 singhakhm 2547 rachkiccanuebksa aecngkhwameruxngswndusit elm 15 txn 50 12 minakhm ph s 2441 hna 543 rachkiccanuebksa phrabrmrachoxngkar prakas phrabrmrachuthisthiaephndinwisungkhamsimawdebycmbphitr elm 16 txn 50 11 minakhm ph s 2442 hna 694 rachkiccanuebksa phrabrmrachoxngkar prakas phrabrmrachuthisthwaythisngkhkbpiyphumiekhtrphraxaramaelkudisngkhesnasn wdebycmbphitr elm 17 txn 39 23 thnwakhm ph s 2443 hna 554 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2016 03 04 subkhnemux 2014 03 13 rachkiccanuebksa karepidhxrakhng saphanthana aelasaphankhamkhlxnginwdebycmbphitr elm 19 txn 40 21 thnwakhm ph s 2445 hna 759duephimorngeriynmthymwdebycmbphitraehlngkhxmulxunphaphthaythangxakaskhxng wdebycmbphitrdusitwnaramrachwrwiharwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb wdebycmbphitr aephnthiaelaphaphthaythangxakaskhxng wdebycmbphitrdusitwnaramrachwrwihar phaphthaydawethiymcakwikiaemepiy hruxkuekilaemps aephnthicaklxngduaemp hruxehiywiok phaphthaythangxakascakethxrraesirfewxr 13 45 58 N 100 30 51 E 13 766095 N 100 514195 E 13 766095 100 514195 ewbistxyangepnthangkar 2019 08 25 thi ewyaebkaemchchin wdebycmbphitrdusitwnaram rachwrwihar wdebycmphitr phayinphraxuobsth wdebycmbphitr danhlngphraxuobsth wdebycmbphitr phiphithphnthsthanaehngchati wdebycmbphitr