ราชวงศ์ที่สี่แห่งอียิปต์ เป็นราชวงศ์ในช่วง "ยุคทอง" ของสมัยราชอาณาจักรเก่าของอียิปต์โบราณ ราชวงศ์ที่สี่มีอำนาจขึ้นมมาปกครองนับตั้งแต่ ราว 2613 ถึง 2494 ปีก่อนคริสตกาล นับว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความสงบสุขและความเจริญรุ่งเรืองรวมถึงช่วงเวลาที่มีการบันทึกการค้ากับดินแดนอื่น ๆ
ราชวงศ์ที่สี่แห่งอียิปต์ | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ราว 2613 ปีก่อนคริสตกาล–ราว 2494 ปีก่อนคริสตกาล | |||||||||
เมืองหลวง | เมมฟิส | ||||||||
ภาษาทั่วไป | ภาษาอียิปต์ | ||||||||
ศาสนา | ศาสนาอียิปต์โบราณ | ||||||||
การปกครอง | สมบูรณาญาสิทธิราชย์ | ||||||||
ยุคประวัติศาสตร์ | ยุคสัมฤทธิ์ | ||||||||
• ก่อตั้ง | ราว 2613 ปีก่อนคริสตกาล | ||||||||
• สิ้นสุด | ราว 2494 ปีก่อนคริสตกาล | ||||||||
|
ราชวงศ์ที่สี่ขึ้นสู่จุดสูงสุดของช่วงเวลาแห่งการสร้างพีระมิด ความสงบสุขจากราชวงศ์ที่สามทำให้ผู้ปกครองแห่งราชวงศ์ที่สี่ทรงมีเวลาว่างในการสำรวจศิลปะและวัฒนธรรมมากขึ้น การทดลองสร้างของฟาโรห์สเนเฟรู ได้นำไปสู่วิวัฒนาการจากพีระมิดขั้นบันไดรูปแบบมาสตาบาซ้อนชั้น ไปสู่พีระมิดด้านเรียบที่ “แท้จริง” เช่น หมู่พีระมิดบนที่ราบสูงกิซา ไม่มีช่วงเวลาอื่นใดในประวัติศาสตร์ของอียิปต์ที่เทียบเท่ากับความสำเร็จทางสถาปัตยกรรมของราชวงศ์ที่สี่แห่งอียิปต์ได้ ผู้ปกครองแต่ละพระองค์ของราชวงศ์นี้ (ยกเว้นฟาโรห์เชปเซสคาฟ ซึ่งเป็นฟาโรห์พระองค์สุดท้ายของราชวงศ์) ได้ทรงโปรดให้สร้างพีระมิดอย่างน้อยหนึ่งแห่งเพื่อใช้เป็นสุสานหรืออนุสาวรีย์[]
ราชวงศ์ที่สี่เป็นราชวงศ์ลำดับที่สองในสี่ราชวงศ์ที่จัดรวมกันอยู่ในช่วงสมัย "ราชอาณาจักรเก่า" โดยที่ฟาโรห์สเนเฟรู ซึ่งทรงเป็นฟาโรห์พระองค์แรกของราชวงศ์ที่สี่ ทรงได้ครอบครองดินแดนตั้งแต่ลิเบียโบราณทางตะวันตกไปจนถึงคาบสมุทรซีนายทางตะวันออก ไปจนถึงนิวเบียในทางใต้ เป็นยุคที่ประสบความสำเร็จ และยุคนี้ขึ้นชื่อเรื่องความก้าวหน้าและการปกครองที่เข้มแข็ง ดังที่เห็นได้จากการสร้างพีระมิดและอนุสรณ์สถานอื่นๆ
ความรู้เกี่ยวกับสมัยราชอาณาจักรเก่า ส่วนใหญ่มาจากสิ่งก่อสร้างและวัตถุโบราณที่ค้นพบในสุสานทะเลทรายแห่งกิซ่า
ราชวงศ์ที่สาม, ราชวงศ์ที่สี่, ราชวงศ์ที่ห้า และราชวงศ์ที่หก เป็นกลุ่มราชวงศ์ที่ปกครองอยู่ในช่วงเวลาของสมัยราชอาณาจักรเก่า ซึ่งมักจะเรียกว่าเป็น ยุคแห่งพีระมิด เมืองหลวงในเวลาดังกล่าวคือเมืองเมมฟิส
รายนามฟาโรห์แห่งราชวงศ์ที่สี่
พระนาม | พระนามฮอรัส | ช่วงเวลาที่ทรงครองราชย์ | พีระมิด | พระมเหสี | |
---|---|---|---|---|---|
สเนเฟรู | เนบมา'อัต | 2613–2589 ปีก่อนคริสตกาล | พีระมิดแดง พีระมิดโค้งงอ พีระมิดที่ไมดุม | เฮเทปเฮอร์เอสที่ 1 | |
คูฟู"คีออปส์" | เมดเจดอู | 2589–2566 ปีก่อนคริสตกาล | มหาพีระมิดแห่งกิซา | เมริตอิเตสที่ 1เฮนุตเซน | |
ดเจดเอฟเร | เคเปอร์ | 2566–2558 ปีก่อนคริสตกาล ? | พีระมิดแห่งดเจดเอฟเร | เฮเทปเฮอร์เอสที่ 2 | |
คาฟเร | ยูเซอร์อิบ | 2558–2532 ปีก่อนคริสตกาล | พีระมิดแห่งคาฟเร |
| |
(อาจจะเป็นฟาโรห์บาคาหรือฟาโรห์) | ราว 2532 ปีก่อนคริสตกาล? | ? | |||
เมนคาอูเร | คาเคต | 2532–2503 ปีก่อนคริสตกาล ? | พีระมิดแห่งเมนคาอูเร | คาร์เมอร์เออร์เนบติที่ 2 | |
เชปเซสคาฟ | เชปเซสเคต | 2503–2496 ปีก่อนคริสตกาล ? | ? | ||
ดเจดเอฟฟทาห์(การดำรงอยู่เป็นที่ถกเถียงกัน) | 2496-2494 ปีก่อนคริสตกาล? | ? |
ประวัติราชวงศ์
ฟาโรห์สเนเฟรู
ฟาโรห์สเนเฟรูทรงได้รับการยกย่องว่าเป็น "ผู้นำแห่งความงาม" "เจ้าแห่งความยุติธรรม" และ "ผู้ปกครองแม่น้ำไนล์ล่างและบน" ทรงเป็นฟาโรห์พระองค์แรกของราชวงศ์ที่สี่ พระองค์ทรงสืบเชื้อสายมาจากตระกูลในอียิปต์กลางที่อาศัยอยู่ใกล้กับเมืองเฮอร์โมโพลิส และน่าจะทรงขึ้นครองพระราชบัลลังก์อย่างเป็นไปได้มากที่สุดด้วยการอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงรัชทายาท ซึ่งยังมีการถกเถียงกันว่าพระราชบิดาของพระองค์คือใคร โดยมักจะสันนิษฐานว่าคือฟาโรห์ฮูนิ แต่ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ เนื่องจากความแตกแยกของราชวงศ์ กับพระราชมารดาของพระองค์พระนามว่า เมอร์เอสอังค์ที่ 1 ซึ่งเป็นเป็นพระมเหสีรองหรือพระสนมของฟาโรห์ฮูนิ
อียิปต์ในสามพันปีก่อนคริสตกาลนั้นเป็นดินแดนแห่งความสงบและอุดมสมบูรณ์ ชนชั้นสูงมักจะกินเป็ดและห่านอ้วนๆ และสวมผ้าลินินสีขาวเนื้อดี
จนกระทั่งรัชสมัยของพระองค์ ฟาโรห์อียิปต์ถูกยกย่องว่าเป็นร่างอวตารของเทพฮอรัสบนโลกมนุษย์ โดยทรงได้รับการบูชาอย่างเทพเจ้าเฉพาะในช่วงหลังสวรรคตเท่านั้น แต่ฟาโรห์สเนเฟรูทรงเป็นฟาโรห์พระองค์แรกที่ทรงประกาศว่าพระองค์เป็นอวตารแห่งเทพรา ซึ่งเป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์อีกพระองค์หนึ่ง ซึ่งฟาโรห์คูฟูก็ทรงเดินตามรอยพระราชบิดาของพระองค์ โดยใช้พระนามว่า บุตรแห่งเทพดวงอาทิตย์
โดยรวมแล้ว อียิปต์ถูกปกครองโดยศูนย์กลางอำนาจสองแห่ง ได้แก่ อำนาจทางกฎหมายและอำนาจตามประเพณี อำนาจทางกฎหมายที่จัดตั้งขึ้นปกครองโดยฟาโรห์ ไม่ใช่ประชาชนโดยตรง แต่ผ่านทางราชมนตรีและขุนนาง อำนาจตามประเพณีมาจากแนวคิดที่ว่าเทพเจ้าทรงประทานสิทธิอันสูงส่งแก่ฟาโรห์ในการปกครองตามความประสงค์ หัวใจสำคัญคือคณะรัฐบาลอียิปต์สมัยราชวงศ์ที่สี่ได้รับการจัดระเบียบเพื่อให้มีเพียงฟาโรห์เท่านั้นที่สามารถสั่งการอำนาจตามประเพณีได้
พีระมิดโค้งงอเป็นความพยายามครั้งแรกของฟาโรห์สเนเฟรูในการสร้างโครงสร้างพีระมิดที่สมบูรณ์แบบ แต่ในที่สุดมันก็ลาดเอียงและโค้งงอเป็นมุมที่ต่ำกว่า ทำให้โครงสร้างพีระมิดดูบิดเบี้ยว พีระมิดแดงของพระองค์ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นพีระมิดที่แท้จริงตัวแรก และได้รับชื่อจากโทนสีแดงในหินปูนที่ใช้ พีระมิดแดงถือว่าเป็นพีระมิดแห่งแรกในช่วงประมาณ 150 ปีหลังจากพีระมิดที่ฟาโรห์ดโจเซอร์ทรงโปรดให้สร้างขึ้น พีระมิดแดงเป็นพีระมิดแรกที่ได้รับรากฐานที่มั่นคงเพื่อให้มั่นคงเพียงพอสำหรับโครงสร้างอาคารที่สูงขึ้น พระองค์ยังกล่าวกันว่าเป็นผู้รับผิดชอบในการสร้างพีระมิดหลายแห่งที่สร้างขึ้นในไซลา พระองค์ทรงโปรดให้สร้างพีระมิดทั้งหมดสามแห่ง แต่มีประวัติที่ชี้ไปที่พีระมิดหนึ่งในสี่แห่ง แม้ว่าพระองค์จะไม่ได้สร้างพีระมิดใดๆ ที่กิซ่า แต่พระก็เป็นที่รู้จักในฐานะฟาโรห์ที่เคลื่อนย้ายหินและอิฐมากที่สุด การเดินทางทางการเมืองของฟาโรห์สเนเฟรูจำนวนหลายครั้งไปยังดินแดนอื่น ๆ นั้น เพื่อรักษาสองสิ่ง คือ กำลังแรงงานจำนวนมากและการเข้าถึงคลังวัสดุขนาดใหญ่ พระองค์ทรงสั่งให้เดินทางไปยังนิวเบียและลิเบียเพื่อเข้าถึงทรัพยากรดังกล่าว การรุกรานของพระองค์ในพื้นที่เหล่านี้ ทำให้ฟาโรห์สเนเฟรูทรงสามารถจัดหาแรงงานจำนวนมาก ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เป็นการรุกรานขนาดใหญ่มากจนสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อดินแดนที่ถูกโจมตี นอกจากนี้ พระองค์ทรงยังต้องการปศุสัตว์และแหล่งอาหารอื่น ๆ เพื่อมอบให้กับผู้คนที่สร้างพีระมิดของพระองค์ ในตอนท้ายของความพยายามทางทหาร พระองค์ทรงสามารถจับเชลยได้ 11,000 คน และหัวปศุสัตว์อีก 13,100 หัว[]
ฟาโรห์คูฟู
ฟาโรห์คูฟูหรือที่ชาวกรีกรู้จักในพระนาม คีออปส์ และเป็นผู้สืบทอดพระราชบัลลังก์ของฟาโรห์สเนเฟรู ถึงแม้ว่าจะไม่แน่ชัดว่าพระองค์จะทรงเป็นพระราชโอรสทางสายพระโลหิตของฟาโรห์สเนเฟรูหรือไม่ แต่ก็ทรงเป็นฟาโรห์ที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง พระองค์ทรงยังเป็นที่รู้จักดีในสื่อปัจจุบัน ทั้งในภาพยนตร์ นวนิยาย และรายการโทรทัศน์ ชื่อเสียงของพระองค์มาจากพีระมิดของพระองค์บนที่ราบสูงทางตะวันออกเฉียงเหนือของกิซา ซึ่งเป็นที่ฝังพระบรมศพของพระองค์ วิหารบูชาพระบรมศพของพระองค์ถูกสร้างขึ้นทางตอนเหนือสุดของพีระมิด ซึ่งไม่สามารถเข้าถึงได้อีกต่อไป เนื่องจากถูกปล้นสะดมโดยโจรปล้นหลุมฝังศพ มีเพียงภาพนูนต่ำสามมิติเท่านั้นที่ได้รับการซ่อมแซมและคงอยู่ถึงในปัจจุบัน รวมถึงรูปสลักครึ่งตัวที่ทำจากหินปูนและรูปปั้นดินเผาจำนวนมาก กิจกรรมในรัชสมัยของฟาโรห์คูฟูทั้งในและนอกดินแดนอียิปต์นั้นไม่ค่อยถูกบันทึกไว้ (ยกเว้นงานสถาปัตยกรรมของพระองค์) และชาวกรีกโบราณก็รู้สึกดูดีจนเกินความเป็นจริงไปมาก ชาวกรีกเหล่านี้รู้สึกว่าฟาโรห์คูฟูทรงเป็นคนชั่วร้ายที่ทำให้เทพเจ้าขุ่นเคืองและบังคับให้ราษฎรไปเป็นทาส เชื่อกันว่าฟาโรห์คูฟูในฐานะพระราชโอรสของฟาโรห์สเนเฟรูทรงเป็นคนผิดทำนองคลองธรรมและทรงไม่คู่ควรกับพระราชบัลลังก์ แม้ว่าพระองค์จะเป็นพระราชโอรสแท้ๆ ของฟาโรห์สเนเฟรู แต่พระองค์ก็ทรงทำได้น้อยมากในการขยายดินแดนอียิปต์และทรงล้มเหลวในการเดินตามรอยเท้าของพระราชบิดา มีเพียงไม่กี่บันทึกที่ระบุว่าพระองค์มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองใดๆ นักประวัติศาสตร์คาดเดาได้ดีที่สุดว่ามีหลักฐานการก่อสร้างท่าเรือบนชายฝั่งทะเลแดงที่ขุดค้นพบโดยและในปี ค.ศ. 1823
ฟาโรห์ดเจดเอฟเร
ฟาโรห์ดเจดเอฟเรทรงได้รับการกำหนดจากนักประวัติศาสตร์ด้วยที่พระองค์ทรงครองราชย์เป็นเวลาแปดปี ไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวข้องรวมถึงทายาทที่คลุมเครือของพระองค์ และเป็นไปได้ว่าพระองค์เป็นพระราชโอรสหรือเป็นพระอนุชาของฟาโรห์คูฟู ซึ่งมีความคิดเห็นว่าอย่างกว้างขวางว่าพระองค์เป็นพระราชโอรสของพระมเหสีรอง ผู้ซึ่งทรงสังหารองค์รัชทายาทโดยชอบธรรมและเป็นพระอนุชาต่างพระมารดาของฟาโรห์ดเจดเอฟเรพระนามว่า มกุฎราชกุมารคาวาบ ฟาโรห์ดเจดเอฟเรทรงเลือกที่จะสร้างพีระมิดของพระองค์ห่างจากกิซ่าไปทางเหนือหลายกิโลเมตร ซึ่งเกิดการคาดเดาว่ามีความบาดหมางในะรัราชวงศ์ที่ทำให้ฟาโรห์ดเจดเอฟเรต้องการอยู่ห่างจากที่ฝังพระบรมศพศพของฟาโรห์คูฟู ข้อสรุปที่น่ายินดีกว่านั้นคือฟาโรห์ดเจดเอฟเรทรงเลือกที่จะฝังพระบรมศพไว้ใกล้กับเมืองยูนู ซึ่งเป็นศูนย์กลางของลัทธิเทพรา พีระมิดของพระองค์ทรงยังมีรูปสลักของพระมเหสีของพระองค์พระนามว่า เฮเทปเฮอร์เอสที่ 2 ในรูปแบบของสฟิงซ์ พระองค์เป็นพระราชธิดาของฟาโรห์คูฟู และเป็นพระชายาของเจ้าชายคาวาบ บางครั้งก็มีการเสนอว่าเป็นสฟิงซ์ที่แท้จริงตัวแรก ถึงแม้ว่าจะมีการถกเถียงกันเกี่ยวกับสฟิงซ์ที่กิซาซึ่งกล่าวว่าเป็นผลงานของฟาโรห์คาฟเร พระองค์ทรงกลายเป็นสมาชิกแห่งราชวงศ์ที่ทรงมีพระชนมายุยาวที่สุดในราชวงศ์จนถึงรัชสมัยของฟาโรห์เชปเซสคาฟ
ฟาโรห์คาฟเร
ฟาโรห์คาฟเร เป็นพระราชโอรสในฟาโรห์คูฟู ซึ่งทรงสืบทอดพระราชบัลลังก์ต่อจากฟาโรห์ดเจดเอฟเร ซึ่งเป็นพระเชษฐาของพระองค์ หลังจากครองราชย์ได้ไม่นาน พระองค์ทรงเลือกที่จะสร้างพีระมิดใกล้กับพระราชบิดาของพระองค์ ซึ่งมาลักษณะคล้ายกันและมีขนาดใหญ่กว่าเกือบเท่าตัว ที่ด้านหน้าของทางเดินพีระมิดมีมหาสฟิงซ์ ซึ่งกล่าวกันว่ามีลักษณะตามพระองค์ ยังมีการถกเถียงกันว่าสฟิงซ์ของพระองค์จะถูกสร้างขึ้นก่อนรัชสมัยฟาโรห์ดเจดเอฟเรหรือไม่ มหาสฟิงซ์แห่งคาฟเรกลายเป็นที่รู้จักและใกล้ชิดกับราษฎรของพระองค์มากขึ้น ทำให้ยากต่อการตัดสินว่าสิ่งไหนสร้างขึ้นก่อน เนื่องจากการจดบันทึกที่มีอคติ
ฟาโรห์เมนคาอูเร
เช่นเดียวกับฟาโรห์หลายพระองค์ในราชวงศ์นี้ ระยะเวลาการครองราชย์ของฟาโรห์เมนคาอูเรนั้นยังคลุมเครือ โดยคาดการณ์ไว้ว่าทรงครองราชย์นานกว่า 63 ปี แต่อาจจะเป็นเรื่องเกินจริงอย่างแน่นอน ฟาโรห์เมนเคอูเรทรงสืบพระราชบัลลังก์ต่อจากฟาโรห์คาฟเร ซึ่งเป็นพระราชบิดาของพระองค์ พีระมิดของพระองค์เป็นพีระมิดที่สามและเล็กที่สุดในบรรดาพีระมิดกิซ่า และเป็นที่รู้จักในชื่อ เนทเจอร์-เออร์-เมนคาอูเร ซึ่งแปลว่า "เมนคาอูเรคือพระเจ้า" มีโลงศพที่พบในพีระมิด ซึ่งมีความยาวประมาณแปดฟุตและสูงสามฟุต ทำจากหินบะซอลต์ เช่นเดียวกับพีระมิดหลายๆ แห่งก่อนหน้านี้ ฟาโรห์เมนคาอูเรทรงไม่ได้ถูกจารึกไว้เลยและภายในพีระมิดไม่มีการจดบันทึกใดๆ
ฟาโรห์เชปเซสคาฟ
ฟาโรห์เชปเซสคาฟทรงเป็นฟาโรห์พระองค์สุดท้ายของราชวงศ์ที่สี่ พระองค์สืบพระราชบัลลังก์ต่อจากฟาโรห์เมนคาอูเร ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าพระราชมารดาของพระองค์คือใคร แม้เชื่อกันว่าพระองค์เป็นพระราชโอรสของพระมเหสีรองก็ตาม และพระมเหสีของพระองค์เป็นใครก็ไม่ทราบเช่นกัน ฟาโรห์เชปเซสคาฟทรงทำลายห่วงโซ่ของการสร้างพีระมิดโดยฟาโรห์ห้าพระองค์ก่อนหน้านี้ แทนที่จะสร้างพีระมิดทรงสามเหลี่ยม พระองค์ทรงเลือกที่จะสร้างบล็อกสี่เหลี่ยม ซึ่งรู้จักกันทั่วไปในชื่อ ("ม้านั่งแห่งฟาโรห์") อย่างไรก็ตาม ในทำนองเดียวกัน มีการพบจารึกเล็กๆ น้อยๆ ในหลุมฝังพระบรมศพของพระองค์ และพระองค์ทรงถูกฝังไว้อย่างเรียบง่าย
บุคคลที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ
ฟาโรห์บาคา
การระบุตัวตนของฟาโรห์บาคานั้นยังคงคลุมเครืออยู่ บันทึกพระนามฟาโรห์หลายบันทึกยังคงหลงเหลือ อย่างไรก็ตามบันทึกเหล่านั้นก็บันทึกพระนามไม่เหมือนกันและมีส่วนเสียหาย บันทึกพระนามแห่งตูรินมีส่วนที่สูญหายไประหว่างพระนามของฟาโรห์คาฟเรและฟาโรห์เมนคาอูเร ซึ่งผู้เขียนเคยได้บันทึกพระนามฟาโรห์พระองค์ดังกล่าวที่ทรงครองราชย์ระหว่างรัชสมัยฟาโรห์ทั้งสองพระองค์ พระนามของพระองค์และระยะเวลาของการครองราชย์น่าจะสูญหายทั้งหมดบันทึกพระนามแห่งซักกอเราะฮ์ยังบันทึกพระนามของฟาโรห์ที่ครองราชย์ระหว่างรัชสมัยฟาโรห์คาฟเรและฟาโรห์เมนคาอูเร แต่พระนามก็สูญหายไปเช่นกัน นักวิชาการบางคนจึงสันนิษฐานว่าฟาโรห์พระองค์นี้ คือ ฟาโรห์บิเคอร์ริส (Bikheris) ซึ่งปรากฏพระนามในบันทึกพระนามของมาเนโธที่ตรงกับพระนามในภาษาอียิปต์ที่ว่า บาคา หรือ บาคาเร
เคนท์คาอุสที่ 1
บางครั้งหลักฐานที่น่าสนใจที่สุดของราชวงศ์ที่สี่ก็คือพระราชฐานะของพระนาง หรือ เคนติคาเวส พระองค์เป็นพระราชธิดาของฟาโรห์เมนคาอูเร และสุสานของพระองค์ถูกสร้างขึ้นตามทางหลวงแห่งเมนคาอูเร ซึ่งพระองค์อาจจะทรงปกครองในฐานะฟาโรห์
หลุมฝังพระศพของพระองค์เป็นหลุมฝังศพมาสตาบาขนาดใหญ่ โดยมีมาสตาบาที่อยู่นอกศูนย์กลางอีกอันวางอยู่ด้านบน จึงทำให้มาสตาบาตัวที่สองไม่สามารถอยู่กึ่งกลางเหนือมาสตาบาหลักของพระองค์ได้ เนื่องจากพื้นที่ว่างที่ไม่ได้รองรับในห้องด้านล่าง
บนประตูหินแกรนิตที่นำไปสู่หลุมฝังพระศพของพระองค์ ปรากฏว่าพระองค์ทรงได้รับตำแหน่งที่อาจจะอ่านได้ว่าทรงเป็น พระราชมารดาของกษัตริย์สองพระองค์แห่งอียิปต์บนและล่าง พระราชมารดาของกษัตริย์แห่งอียิปต์บนและล่าง และกษัตริย์แห่งอียิปต์บนและล่าง หรือตามที่นักวิชาการคนหนึ่งอ่าน คือ กษัตริย์แห่งอียิปต์บนและล่างและพระราชมารดาของกษัตริย์สองพระองค์แห่งอียิปต์บนและล่าง
นอกจากนี้ ภาพสลักของพระองค์ที่ประตูทางเข้าดังกล่าวยังปรากฏว่าพระองค์มีเครื่องราชอิสริยาภรณ์ครบถ้วน รวมถึงเคราปลอมของฟาโรห์ด้วย การพรรณนาและพระนามที่ได้รับ ทำให้นักไอยคุปต์วิทยาบางคนคิดว่า พระองค์ทรงขึ้นครองราชย์เป็นฟาโรห์ในช่วงใกล้สิ้นสุดราชวงศ์ที่สี่
หลุมฝังพระศพของพระองค์สร้างเสร็จในลักษณะเฉพาะของสถาปัตยกรรมแบบช่องซอก อย่างไรก็ตาม ช่องซอกดังกล่าวถูกฉาบทับด้วยหินปูนเรียบ
ยุคแห่งพีระมิด
ยุคแห่งพีระมิดได้สื่อถึงข้อเท็จจริงที่ว่าราชวงศ์ที่สี่เป็นช่วงเวลาที่พีระมิดที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้น ซึ่งรวมถึงพีระมิดที่กิซาด้วย ฟาโรห์สเนเฟรูทรงเป็นฟาโรห์พระองค์แรกที่แสดงความสนใจเกี่ยวกับพิธีฝังพระบรมศพและสุสาน ซึ่งนำพระองค์ไปสู่การวางแผนสร้างพีระมิดที่ใหญ่ที่สุดในอียิปต์ พีระมิดแห่งแรกของพระองค์เรียกว่าพีระมิดโค้งงอและพีระมิดแดง "ยุคแห่งพีระมิด" ไม่ใช่แค่การสร้างสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่และเป็นที่จดจำได้ง่ายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเปลี่ยนแปลงการฝังพระบรมศพและพิธีกรรมด้วย ซึ่งรวมถึงการฝังศพของชนชั้นสูงในโครงสร้างขนาดใหญ่และการทำมัมมี่อย่างกว้างขวาง
การเปลี่ยนแปลงทางศาสนา
ในช่วงเวลาของราชวงศ์ที่สี่นั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงในการปฏิบัติทางศาสนาอย่างแท้จริง ซึ่งการบูชาดวงอาทิตย์เป็นเรื่องธรรมดา ลัทธิบูชาเทพราได้แผ่ขยายขนาดขึ้น โดยย้อนไปถึงข้อเท็จจริงที่ว่าหลุมฝังพระบรมศพของฟาโรห์ดเจดเอฟเรถูกสร้างขึ้นใกล้กับศูนย์กลางการเคารพบูชาในสิ่งที่ชาวกรีกโบราณเรียกว่า เฮลิโอโพลิส ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่บริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำใกล้กับกรุงไคโรในปัจจุบันที่ถูกยึดครองมาตั้งแต่ยุคก่อนราชวงศ์ ซึ่งมีชื่ออียิปต์โบราณว่า ยูนู (I͗wnw) และแปลว่าเสา
ในยุคสมัยที่การรวมศูนย์ของวัตถุ ปัจจัย และทรัพยากรมนุษย์ของรัฐได้เริ่มพัฒนาขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างฟาโรห์กับเหล่าทวยเทพกลายเป็นสิ่งที่ไม่สามารถขัดขวางได้ และฟาโรห์ก็ทรงเริ่มสลักพระนามของพระองค์ลงในรูปสลักและอนุสาวรีย์ที่ก่อนหน้านี้สงวนไว้สำหรับเทพเจ้า ซึ่งก็จะพูดถึงประเภทของเทพเจ้าที่ซับซ้อนในส่วนของฟาโรห์ รูปสลักที่มีชื่อเสียงของฟาโรห์คาฟเร ซึ่งมีนกเหยี่ยวรวมอยู่ในพระมาลาของพระองค์ จึงเป็นเปรียบว่าองค์ฟาโรห์เป็นเทพเจ้าฮอรัส
อย่างไรก็ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวได้นำไปสู่การเกิดความขัดแย้ง เป็นการละทิ้งความศรัทธาของฟาโรห์คาฟเรต่อเทพฮอรัส แต่กลับไปศรัทธาต่อลัทธิแห่งเทพราที่กำลังเติบโต ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองเฮลิโพลิส ฟาโรห์ทรงไม่เกี่ยวข้องกับพีระมิดกับพระชนม์ชีพหลังการสวรรคตอีกต่อไป ชีวิตหลังความตายที่ครั้งหนึ่งเคยเชื่อกันว่าเป็นอาณาจักรอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นตัวแทนของสวรรค์ในอุดมคติซึ่งมีเพียงฟาโรห์และหัวใจที่บริสุทธิ์เท่านั้นที่สามารถไปได้ แทน ที่ราชวงศ์ที่สี่เป็นตัวแทนของการเปลี่ยนแปลงในแนวความคิดดังกล่าว กลับกำหนดแนวความคิดที่ว่าชีวิตหลังความตายเป็นสถานที่เข้าถึงได้ และพิธีกรรมทางศาสนาเป็นที่เลื่องลือว่ายังคงรักษาเอาไว้ จากสิ่งที่นักประวัติศาสตร์ทราบ และมีสิ่งที่ต้องการอีกมากจากบันทึกที่ทราบกันในปัจจุบัน
การเปลี่ยนแปลงทางประเพณีสู่การเปลี่ยนแปลงทางสถาปัตยกรรม
ในช่วงสมัราชอาณาจักรเก่าปรากฏการเพิ่มขึ้นของการเก็บรักษาศพ ซึ่งทำให้การเตรียมศพมีความซับซ้อนมากขึ้น ตำแหน่งช่างแต่งศพถูกสร้างขึ้น และเป็นงานที่เตรียมศพเป็นการส่วนตัวเท่านั้น การทำมัมมี่ศพมีสามวิธี คือ 1) การฉาบปูนปั้น คือ ศพจะถูกห่อด้วยผ้าลินินเนื้อดีแล้วปิดทับด้วยปูนปั้น ส่วนของร่างกาย (รวมถึงใบหน้า) ได้รับตกแต่งด้วยปูนปลาสเตอร์ 2) การห่อผ้าลินิน คือ ศพจะห่อด้วยผ้าลินินซึ่งบางครั้งได้รับการดองด้วย (ส่วนผสมของโซเดียมคาร์บอเนตหลายตัว) และผ้าลินินจะทาด้วยเรซินเพื่อให้สามารถจำลองลักษณะของร่างกายได้ และ 3) การขูดเอาเนื้อเยื่อออก คือ เอาเนื้อออกให้หมดและห่อกระดูกด้วยผ้าลินิน โดยทั่วไปแล้ว อวัยวะต่างๆ จะถูกเอาออกและใส่ลงในไหที่จะมาพร้อมกับศพในหลุมฝังศพ และภายในของร่างกายจะถูกชำระออก
สุสานในช่วงสมัยราชวงศ์ที่สี่นั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก หลุมฝังศพที่ "ไม่ใหญ่โต" จะกลายเป็นสิ่งที่ไม่พอใจของชนชั้นสูง หมายความว่า การที่ยอมใช้โครงสร้างสุสานที่ขนาดเล็กลงหากมีการตกแต่งภายใน งานเขียนอักษรอียิปต์โบราณมีความสำคัญต่อชนชั้นสูง เพราะประการแรก ถือว่าเป็นการแสดงความมั่งคั่งอย่างฟุ่มเฟือย และประการที่สอง จะช่วยนำทางดวงวิญญาณไปสู่ชีวิตหลังความตาย อย่างไรก็ตาม ราชวงศ์ที่สี่ไม่มีงานเขียนเหล่านี้ หลุมฝังศพนั้นลึกกว่าและโครงสร้างที่ใหญ่โตกว่า หลังจากกลุ่มพีระมิดแห่งกิซาสร้างเสร็จ สุสานรุ่นต่อๆ มาก็มีขนาดที่สมเหตุสมผลกว่า หลังจากสมัย ราชวงศ์ต่าง ๆ ยกเลิกการสร้างพีระมิด โดยเปลี่ยนมาสร้างหลุมฝังศพที่แกะสลักไว้ในหินบนภูเขาในอียิปต์บนแทน
เส้นเวลาของราชวงศ์ที่สี่แห่งอียิปต์
เส้นเวลาของราชวงศ์ที่สี่แห่งอียิปต์
อ้างอิง
- Shaw, Ian, บ.ก. (2000). The Oxford History of Ancient Egypt. Oxford University Press. p. 480. ISBN .
- Egypt: Land and Lives of the Pharaohs Revealed, (2005), pp. 80–90, Global Book Publishing: Australia
- Levy, Janey (30 December 2005). The Great Pyramid of Giza: Measuring Length, Area, Volume, and Angles. Rosen Classroom. p. 4. ISBN .
- Tyldesley, Joyce. "Who was Khufu?".
{{}}
: Cite journal ต้องการ|journal=
((help)) - Spencer, A. J. (1990). "The Egyptian Pyramids. A Comprehensive Illustrated Reference. By J.P. Lepre. 233 × 156mm. Pp. xviii + 341, many ills. Jefferson, North Carolina: McFarland and Company, Inc.1990. ISBN 0-89950-461-2. £37·50". The Antiquaries Journal (ภาษาอังกฤษ). 70 (2): 479. doi:10.1017/S0003581500070906. S2CID 162040068. สืบค้นเมื่อ 21 April 2018.
- Spencer, A. J. (1990). "The Egyptian Pyramids. A Comprehensive Illustrated Reference. By J.P. Lepre. 233 × 156mm. Pp. xviii + 341, many ills. Jefferson, North Carolina: McFarland and Company, Inc.1990. ISBN 0-89950-461-2. £37·50". The Antiquaries Journal (ภาษาอังกฤษ). 70 (2): 479. doi:10.1017/S0003581500070906. S2CID 162040068. สืบค้นเมื่อ 21 April 2018.
- Peter Jánosi: Giza in der 4. Dynastie. Die Baugeschichte und Belegung einer Nekropole des Alten Reiches. vol. I: Die Mastabas der Kernfriedhöfe und die Felsgräber, Verlag der Österreichischen Akademie der Wissenschaften, Wien 2005, ISBN , page 64–65.
- Wolfgang Helck: Untersuchungen zu Manetho und den ägyptischen Königslisten, (= Untersuchungen zur Geschichte und Altertumskunde Ägyptens, Bd. 18), Leipzig/ Berlin 1956, page 52
- Aidan Dodson, Dyan Hilton: The Complete Royal Families of Ancient Egypt, The American University in Cairo Press, London 2004, ISBN , page 61
- Bolshakov, Andrey O (1991). "The Old Kingdom Representations of Funeral Procession". Göttinger Miszellen (ภาษาอังกฤษ). 121: 31–54. สืบค้นเมื่อ 14 April 2018.
- Baines, John; Lesko, Leonard H.; Silverman, David P. (1991). Religion in Ancient Egypt: Gods, Myths, and Personal Practice. Cornell University Press. p. 97. ISBN .
- Roth, Ann Macy (1993). "Social Change in the Fourth Dynasty: The Spatial Organization of Pyramids, Tombs, and Cemeteries". Journal of the American Research Center in Egypt. 30: 33–55. doi:10.2307/40000226. JSTOR 40000226.
- "Fragments of stucco from a mummy". Museum of Fine Arts, Boston (ภาษาอังกฤษ). 12 March 2018.
- Gill, N.S. (20 August 2018). "Natron, Ancient Egyptian Chemical Salt and Preservative". ThoughtCo.
- "BBC – History – Ancient History in depth: Mummies Around the World".
บรรณานุกรม
- Clayton, Peter A. Chronicle of the Pharaohs: The Reign-by-Reign Record of the Rulers and Dynasties of Ancient Egypt. London: Thames & Hudson Ltd., 2006. .
ดูเพิ่ม
ก่อนหน้า | ราชวงศ์ที่สี่แห่งอียิปต์ | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
ราชวงศ์ที่สาม | ราชวงศ์แห่งอียิปต์ (ประมาณ 2613 - 2494 ปีก่อนคริสตกาล) | ราชวงศ์ที่ห้า |
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
rachwngsthisiaehngxiyipt epnrachwngsinchwng yukhthxng khxngsmyrachxanackrekakhxngxiyiptobran rachwngsthisimixanackhunmmapkkhrxngnbtngaet raw 2613 thung 2494 pikxnkhristkal nbwaepnchwngewlaaehngkhwamsngbsukhaelakhwamecriyrungeruxngrwmthungchwngewlathimikarbnthukkarkhakbdinaednxun rachwngsthisiaehngxiyiptraw 2613 pikxnkhristkal raw 2494 pikxnkhristkalphiramidokhngngxkhxngfaorhsenefruthidahchur karthdlxngkarsrangphiramidthiaethcringebuxngtnemuxnghlwngemmfisphasathwipphasaxiyiptsasnasasnaxiyiptobrankarpkkhrxngsmburnayasiththirachyyukhprawtisastryukhsmvththi kxtngraw 2613 pikxnkhristkal sinsudraw 2494 pikxnkhristkalkxnhna thdiprachwngsthisamaehngxiyipt rachwngsthihaaehngxiyipt rachwngsthisikhunsucudsungsudkhxngchwngewlaaehngkarsrangphiramid khwamsngbsukhcakrachwngsthisamthaihphupkkhrxngaehngrachwngsthisithrngmiewlawanginkarsarwcsilpaaelawthnthrrmmakkhun karthdlxngsrangkhxngfaorhsenefru idnaipsuwiwthnakarcakphiramidkhnbnidrupaebbmastabasxnchn ipsuphiramiddaneriybthi aethcring echn hmuphiramidbnthirabsungkisa immichwngewlaxunidinprawtisastrkhxngxiyiptthiethiybethakbkhwamsaercthangsthaptykrrmkhxngrachwngsthisiaehngxiyiptid phupkkhrxngaetlaphraxngkhkhxngrachwngsni ykewnfaorhechpesskhaf sungepnfaorhphraxngkhsudthaykhxngrachwngs idthrngoprdihsrangphiramidxyangnxyhnungaehngephuxichepnsusanhruxxnusawriy txngkarxangxing rachwngsthisiepnrachwngsladbthisxnginsirachwngsthicdrwmknxyuinchwngsmy rachxanackreka odythifaorhsenefru sungthrngepnfaorhphraxngkhaerkkhxngrachwngsthisi thrngidkhrxbkhrxngdinaedntngaetliebiyobranthangtawntkipcnthungkhabsmuthrsinaythangtawnxxk ipcnthungniwebiyinthangit epnyukhthiprasbkhwamsaerc aelayukhnikhunchuxeruxngkhwamkawhnaaelakarpkkhrxngthiekhmaekhng dngthiehnidcakkarsrangphiramidaelaxnusrnsthanxun khwamruekiywkbsmyrachxanackreka swnihymacaksingkxsrangaelawtthuobranthikhnphbinsusanthaelthrayaehngkisa rachwngsthisam rachwngsthisi rachwngsthiha aelarachwngsthihk epnklumrachwngsthipkkhrxngxyuinchwngewlakhxngsmyrachxanackreka sungmkcaeriykwaepn yukhaehngphiramid emuxnghlwnginewladngklawkhuxemuxngemmfisraynamfaorhaehngrachwngsthisifaorhcakrachwngsthisiaehngxiyipt phranam phranamhxrs chwngewlathithrngkhrxngrachy phiramid phramehsisenefru enbma xt 2613 2589 pikxnkhristkal phiramidaedng phiramidokhngngx phiramidthiimdum ehethpehxrexsthi 1khufu khixxps emdecdxu 2589 2566 pikxnkhristkal mhaphiramidaehngkisa emritxietsthi 1ehnutesndecdexfer ekhepxr 2566 2558 pikxnkhristkal phiramidaehngdecdexfer ehethpehxrexsthi 2khafer yuesxrxib 2558 2532 pikxnkhristkal phiramidaehngkhafer xaccaepnfaorhbakhahruxfaorh raw 2532 pikxnkhristkal emnkhaxuer khaekht 2532 2503 pikxnkhristkal phiramidaehngemnkhaxuer kharemxrexxrenbtithi 2echpesskhaf echpessekht 2503 2496 pikxnkhristkal decdexffthah kardarngxyuepnthithkethiyngkn 2496 2494 pikxnkhristkal prawtirachwngsphiramidaedngaehngsenefruthidahchur nbepnkhwamphyayamkhrngaerkkhxngxiyiptinkarsrangphiramiddaneriybthi aethcring faorhsenefru faorhsenefruthrngidrbkarykyxngwaepn phunaaehngkhwamngam ecaaehngkhwamyutithrrm aela phupkkhrxngaemnainllangaelabn thrngepnfaorhphraxngkhaerkkhxngrachwngsthisi phraxngkhthrngsubechuxsaymacaktrakulinxiyiptklangthixasyxyuiklkbemuxngehxromophlis aelanacathrngkhunkhrxngphrarachbllngkxyangepnipidmakthisuddwykarxphiesksmrskbecahyingrchthayath sungyngmikarthkethiyngknwaphrarachbidakhxngphraxngkhkhuxikhr odymkcasnnisthanwakhuxfaorhhuni aetkyngimsamarthyunynid enuxngcakkhwamaetkaeykkhxngrachwngs kbphrarachmardakhxngphraxngkhphranamwa emxrexsxngkhthi 1 sungepnepnphramehsirxnghruxphrasnmkhxngfaorhhuni xiyiptinsamphnpikxnkhristkalnnepndinaednaehngkhwamsngbaelaxudmsmburn chnchnsungmkcakinepdaelahanxwn aelaswmphalininsikhawenuxdi cnkrathngrchsmykhxngphraxngkh faorhxiyiptthukykyxngwaepnrangxwtarkhxngethphhxrsbnolkmnusy odythrngidrbkarbuchaxyangethphecaechphaainchwnghlngswrrkhtethann aetfaorhsenefruthrngepnfaorhphraxngkhaerkthithrngprakaswaphraxngkhepnxwtaraehngethphra sungepnethphaehngdwngxathityxikphraxngkhhnung sungfaorhkhufukthrngedintamrxyphrarachbidakhxngphraxngkh odyichphranamwa butraehngethphdwngxathity odyrwmaelw xiyiptthukpkkhrxngodysunyklangxanacsxngaehng idaek xanacthangkdhmayaelaxanactampraephni xanacthangkdhmaythicdtngkhunpkkhrxngodyfaorh imichprachachnodytrng aetphanthangrachmntriaelakhunnang xanactampraephnimacakaenwkhidthiwaethphecathrngprathansiththixnsungsngaekfaorhinkarpkkhrxngtamkhwamprasngkh hwicsakhykhuxkhnarthbalxiyiptsmyrachwngsthisiidrbkarcdraebiybephuxihmiephiyngfaorhethannthisamarthsngkarxanactampraephniid phiramidokhngngxepnkhwamphyayamkhrngaerkkhxngfaorhsenefruinkarsrangokhrngsrangphiramidthismburnaebb aetinthisudmnkladexiyngaelaokhngngxepnmumthitakwa thaihokhrngsrangphiramiddubidebiyw phiramidaedngkhxngphraxngkhidrbkaryxmrbxyangkwangkhwangwaepnphiramidthiaethcringtwaerk aelaidrbchuxcakothnsiaednginhinpunthiich phiramidaedngthuxwaepnphiramidaehngaerkinchwngpraman 150 pihlngcakphiramidthifaorhdocesxrthrngoprdihsrangkhun phiramidaedngepnphiramidaerkthiidrbrakthanthimnkhngephuxihmnkhngephiyngphxsahrbokhrngsrangxakharthisungkhun phraxngkhyngklawknwaepnphurbphidchxbinkarsrangphiramidhlayaehngthisrangkhuninisla phraxngkhthrngoprdihsrangphiramidthnghmdsamaehng aetmiprawtithichiipthiphiramidhnunginsiaehng aemwaphraxngkhcaimidsrangphiramidid thikisa aetphrakepnthiruckinthanafaorhthiekhluxnyayhinaelaxithmakthisud karedinthangthangkaremuxngkhxngfaorhsenefrucanwnhlaykhrngipyngdinaednxun nn ephuxrksasxngsing khux kalngaerngngancanwnmakaelakarekhathungkhlngwsdukhnadihy phraxngkhthrngsngihedinthangipyngniwebiyaelaliebiyephuxekhathungthrphyakrdngklaw karrukrankhxngphraxngkhinphunthiehlani thaihfaorhsenefruthrngsamarthcdhaaerngngancanwnmak sunginkhwamepncringaelw epnkarrukrankhnadihymakcnsrangkhwamesiyhayxyangihyhlwngtxdinaednthithukocmti nxkcakni phraxngkhthrngyngtxngkarpsustwaelaaehlngxaharxun ephuxmxbihkbphukhnthisrangphiramidkhxngphraxngkh intxnthaykhxngkhwamphyayamthangthhar phraxngkhthrngsamarthcbechlyid 11 000 khn aelahwpsustwxik 13 100 hw txngkarxangxing faorhkhufu faorhkhufuthrngoprdihsrangmhaphiramidaehngkisa faorhkhufuhruxthichawkrikruckinphranam khixxps aelaepnphusubthxdphrarachbllngkkhxngfaorhsenefru thungaemwacaimaenchdwaphraxngkhcathrngepnphrarachoxrsthangsayphraolhitkhxngfaorhsenefruhruxim aetkthrngepnfaorhthiepnthiruckxyangkwangkhwang phraxngkhthrngyngepnthiruckdiinsuxpccubn thnginphaphyntr nwniyay aelaraykarothrthsn chuxesiyngkhxngphraxngkhmacakphiramidkhxngphraxngkhbnthirabsungthangtawnxxkechiyngehnuxkhxngkisa sungepnthifngphrabrmsphkhxngphraxngkh wiharbuchaphrabrmsphkhxngphraxngkhthuksrangkhunthangtxnehnuxsudkhxngphiramid sungimsamarthekhathungidxiktxip enuxngcakthukplnsadmodyocrplnhlumfngsph miephiyngphaphnuntasammitiethannthiidrbkarsxmaesmaelakhngxyuthunginpccubn rwmthungrupslkkhrungtwthithacakhinpunaelaruppndinephacanwnmak kickrrminrchsmykhxngfaorhkhufuthnginaelanxkdinaednxiyiptnnimkhxythukbnthukiw ykewnngansthaptykrrmkhxngphraxngkh aelachawkrikobrankrusukdudicnekinkhwamepncringipmak chawkrikehlanirusukwafaorhkhufuthrngepnkhnchwraythithaihethphecakhunekhuxngaelabngkhbihrasdripepnthas echuxknwafaorhkhufuinthanaphrarachoxrskhxngfaorhsenefruthrngepnkhnphidthanxngkhlxngthrrmaelathrngimkhukhwrkbphrarachbllngk aemwaphraxngkhcaepnphrarachoxrsaeth khxngfaorhsenefru aetphraxngkhkthrngthaidnxymakinkarkhyaydinaednxiyiptaelathrnglmehlwinkaredintamrxyethakhxngphrarachbida miephiyngimkibnthukthirabuwaphraxngkhmiswnrwminkickrrmthangkaremuxngid nkprawtisastrkhadedaiddithisudwamihlkthankarkxsrangthaeruxbnchayfngthaelaedngthikhudkhnphbodyaelainpi kh s 1823hmuphiramidaehngkisa cakthangsayipthangkhwa khux phiramidaehngemnkhaxuer phiramidaehngkhafer mhasfings aelamhaphiramidkhxngfaorhkhufu faorhdecdexfer sfingshinpunthasikhxngehethpehxrexsthi 2 sungxacepnsfingstwaerk phraxngkhthrngepnhnunginsmachikrachwngsthisithimixayuyunyawthisud phraxngkhepnphrarachthidakhxngfaorhkhufu aelaepnphramehsiinfaorhecdiefr aelathrngmiphrachnmchiphxyuinrchsmykhxngfaorhechpsiskhaf faorhdecdexferthrngidrbkarkahndcaknkprawtisastrdwythiphraxngkhthrngkhrxngrachyepnewlaaepdpi imthrabkhxmulekiywkhxngrwmthungthayaththikhlumekhruxkhxngphraxngkh aelaepnipidwaphraxngkhepnphrarachoxrshruxepnphraxnuchakhxngfaorhkhufu sungmikhwamkhidehnwaxyangkwangkhwangwaphraxngkhepnphrarachoxrskhxngphramehsirxng phusungthrngsngharxngkhrchthayathodychxbthrrmaelaepnphraxnuchatangphramardakhxngfaorhdecdexferphranamwa mkudrachkumarkhawab faorhdecdexferthrngeluxkthicasrangphiramidkhxngphraxngkhhangcakkisaipthangehnuxhlaykiolemtr sungekidkarkhadedawamikhwambadhmanginarrachwngsthithaihfaorhdecdexfertxngkarxyuhangcakthifngphrabrmsphsphkhxngfaorhkhufu khxsrupthinayindikwannkhuxfaorhdecdexferthrngeluxkthicafngphrabrmsphiwiklkbemuxngyunu sungepnsunyklangkhxnglththiethphra phiramidkhxngphraxngkhthrngyngmirupslkkhxngphramehsikhxngphraxngkhphranamwa ehethpehxrexsthi 2 inrupaebbkhxngsfings phraxngkhepnphrarachthidakhxngfaorhkhufu aelaepnphrachayakhxngecachaykhawab bangkhrngkmikaresnxwaepnsfingsthiaethcringtwaerk thungaemwacamikarthkethiyngknekiywkbsfingsthikisasungklawwaepnphlngankhxngfaorhkhafer phraxngkhthrngklayepnsmachikaehngrachwngsthithrngmiphrachnmayuyawthisudinrachwngscnthungrchsmykhxngfaorhechpesskhaf faorhkhafer faorhkhafer epnphrarachoxrsinfaorhkhufu sungthrngsubthxdphrarachbllngktxcakfaorhdecdexfer sungepnphraechsthakhxngphraxngkh hlngcakkhrxngrachyidimnan phraxngkhthrngeluxkthicasrangphiramidiklkbphrarachbidakhxngphraxngkh sungmalksnakhlayknaelamikhnadihykwaekuxbethatw thidanhnakhxngthangedinphiramidmimhasfings sungklawknwamilksnatamphraxngkh yngmikarthkethiyngknwasfingskhxngphraxngkhcathuksrangkhunkxnrchsmyfaorhdecdexferhruxim mhasfingsaehngkhaferklayepnthiruckaelaiklchidkbrasdrkhxngphraxngkhmakkhun thaihyaktxkartdsinwasingihnsrangkhunkxn enuxngcakkarcdbnthukthimixkhti faorhemnkhaxueraelaphranangkhaemxrexxrenbtithi 2 phuepnphrakhnisbaaelaphramehsifaorhemnkhaxuer echnediywkbfaorhhlayphraxngkhinrachwngsni rayaewlakarkhrxngrachykhxngfaorhemnkhaxuernnyngkhlumekhrux odykhadkarniwwathrngkhrxngrachynankwa 63 pi aetxaccaepneruxngekincringxyangaennxn faorhemnekhxuerthrngsubphrarachbllngktxcakfaorhkhafer sungepnphrarachbidakhxngphraxngkh phiramidkhxngphraxngkhepnphiramidthisamaelaelkthisudinbrrdaphiramidkisa aelaepnthiruckinchux enthecxr exxr emnkhaxuer sungaeplwa emnkhaxuerkhuxphraeca miolngsphthiphbinphiramid sungmikhwamyawpramanaepdfutaelasungsamfut thacakhinbasxlt echnediywkbphiramidhlay aehngkxnhnani faorhemnkhaxuerthrngimidthukcarukiwelyaelaphayinphiramidimmikarcdbnthukid faorhechpesskhaf faorhechpesskhafthrngepnfaorhphraxngkhsudthaykhxngrachwngsthisi phraxngkhsubphrarachbllngktxcakfaorhemnkhaxuer immihlkthanaenchdwaphrarachmardakhxngphraxngkhkhuxikhr aemechuxknwaphraxngkhepnphrarachoxrskhxngphramehsirxngktam aelaphramehsikhxngphraxngkhepnikhrkimthrabechnkn faorhechpesskhafthrngthalayhwngoskhxngkarsrangphiramidodyfaorhhaphraxngkhkxnhnani aethnthicasrangphiramidthrngsamehliym phraxngkhthrngeluxkthicasrangblxksiehliym sungruckknthwipinchux manngaehngfaorh xyangirktam inthanxngediywkn mikarphbcarukelk nxy inhlumfngphrabrmsphkhxngphraxngkh aelaphraxngkhthrngthukfngiwxyangeriybngaybukhkhlthimichuxesiyngxun faorhbakha karrabutwtnkhxngfaorhbakhannyngkhngkhlumekhruxxyu bnthukphranamfaorhhlaybnthukyngkhnghlngehlux xyangirktambnthukehlannkbnthukphranamimehmuxnknaelamiswnesiyhay bnthukphranamaehngturinmiswnthisuyhayiprahwangphranamkhxngfaorhkhaferaelafaorhemnkhaxuer sungphuekhiynekhyidbnthukphranamfaorhphraxngkhdngklawthithrngkhrxngrachyrahwangrchsmyfaorhthngsxngphraxngkh phranamkhxngphraxngkhaelarayaewlakhxngkarkhrxngrachynacasuyhaythnghmdbnthukphranamaehngskkxeraahyngbnthukphranamkhxngfaorhthikhrxngrachyrahwangrchsmyfaorhkhaferaelafaorhemnkhaxuer aetphranamksuyhayipechnkn nkwichakarbangkhncungsnnisthanwafaorhphraxngkhni khux faorhbiekhxrris Bikheris sungpraktphranaminbnthukphranamkhxngmaenoththitrngkbphranaminphasaxiyiptthiwa bakha hrux bakhaer ekhnthkhaxusthi 1 bangkhrnghlkthanthinasnicthisudkhxngrachwngsthisikkhuxphrarachthanakhxngphranang hrux ekhntikhaews phraxngkhepnphrarachthidakhxngfaorhemnkhaxuer aelasusankhxngphraxngkhthuksrangkhuntamthanghlwngaehngemnkhaxuer sungphraxngkhxaccathrngpkkhrxnginthanafaorh hlumfngphrasphkhxngphraxngkhepnhlumfngsphmastabakhnadihy odymimastabathixyunxksunyklangxikxnwangxyudanbn cungthaihmastabatwthisxngimsamarthxyukungklangehnuxmastabahlkkhxngphraxngkhid enuxngcakphunthiwangthiimidrxngrbinhxngdanlang bnpratuhinaekrnitthinaipsuhlumfngphrasphkhxngphraxngkh praktwaphraxngkhthrngidrbtaaehnngthixaccaxanidwathrngepn phrarachmardakhxngkstriysxngphraxngkhaehngxiyiptbnaelalang phrarachmardakhxngkstriyaehngxiyiptbnaelalang aelakstriyaehngxiyiptbnaelalang hruxtamthinkwichakarkhnhnungxan khux kstriyaehngxiyiptbnaelalangaelaphrarachmardakhxngkstriysxngphraxngkhaehngxiyiptbnaelalang nxkcakni phaphslkkhxngphraxngkhthipratuthangekhadngklawyngpraktwaphraxngkhmiekhruxngrachxisriyaphrnkhrbthwn rwmthungekhraplxmkhxngfaorhdwy karphrrnnaaelaphranamthiidrb thaihnkixykhuptwithyabangkhnkhidwa phraxngkhthrngkhunkhrxngrachyepnfaorhinchwngiklsinsudrachwngsthisi hlumfngphrasphkhxngphraxngkhsrangesrcinlksnaechphaakhxngsthaptykrrmaebbchxngsxk xyangirktam chxngsxkdngklawthukchabthbdwyhinpuneriybyukhaehngphiramidyukhaehngphiramididsuxthungkhxethccringthiwarachwngsthisiepnchwngewlathiphiramidthimichuxesiyngswnihythuksrangkhun sungrwmthungphiramidthikisadwy faorhsenefruthrngepnfaorhphraxngkhaerkthiaesdngkhwamsnicekiywkbphithifngphrabrmsphaelasusan sungnaphraxngkhipsukarwangaephnsrangphiramidthiihythisudinxiyipt phiramidaehngaerkkhxngphraxngkheriykwaphiramidokhngngxaelaphiramidaedng yukhaehngphiramid imichaekhkarsrangsingkxsrangkhnadihyaelaepnthicdcaidngayethann aetyngrwmthungkarepliynaeplngkarfngphrabrmsphaelaphithikrrmdwy sungrwmthungkarfngsphkhxngchnchnsunginokhrngsrangkhnadihyaelakarthammmixyangkwangkhwang karepliynaeplngthangsasna inchwngewlakhxngrachwngsthisinnekidkarepliynaeplnginkarptibtithangsasnaxyangaethcring sungkarbuchadwngxathityepneruxngthrrmda lththibuchaethphraidaephkhyaykhnadkhun odyyxnipthungkhxethccringthiwahlumfngphrabrmsphkhxngfaorhdecdexferthuksrangkhuniklkbsunyklangkarekharphbuchainsingthichawkrikobraneriykwa ehlioxophlis sungepnemuxngthitngxyubriewndindxnsamehliympakaemnaiklkbkrungikhorinpccubnthithukyudkhrxngmatngaetyukhkxnrachwngs sungmichuxxiyiptobranwa yunu I wnw aelaaeplwaesa inyukhsmythikarrwmsunykhxngwtthu pccy aelathrphyakrmnusykhxngrthiderimphthnakhun khwamsmphnthrahwangfaorhkbehlathwyethphklayepnsingthiimsamarthkhdkhwangid aelafaorhkthrngerimslkphranamkhxngphraxngkhlnginrupslkaelaxnusawriythikxnhnanisngwniwsahrbethpheca sungkcaphudthungpraephthkhxngethphecathisbsxninswnkhxngfaorh rupslkthimichuxesiyngkhxngfaorhkhafer sungminkehyiywrwmxyuinphramalakhxngphraxngkh cungepnepriybwaxngkhfaorhepnethphecahxrs xyangirktamkhxethccringdngklawidnaipsukarekidkhwamkhdaeyng epnkarlathingkhwamsrththakhxngfaorhkhafertxethphhxrs aetklbipsrththatxlththiaehngethphrathikalngetibot sungxyuimiklcakemuxngehliophlis faorhthrngimekiywkhxngkbphiramidkbphrachnmchiphhlngkarswrrkhtxiktxip chiwithlngkhwamtaythikhrnghnungekhyechuxknwaepnxanackrxnskdisiththi sungepntwaethnkhxngswrrkhinxudmkhtisungmiephiyngfaorhaelahwicthibrisuththiethannthisamarthipid aethn thirachwngsthisiepntwaethnkhxngkarepliynaeplnginaenwkhwamkhiddngklaw klbkahndaenwkhwamkhidthiwachiwithlngkhwamtayepnsthanthiekhathungid aelaphithikrrmthangsasnaepnthieluxngluxwayngkhngrksaexaiw caksingthinkprawtisastrthrab aelamisingthitxngkarxikmakcakbnthukthithrabkninpccubn karepliynaeplngthangpraephnisukarepliynaeplngthangsthaptykrrm phaphslkkhxngonefxrkbphriyathikisa caksusan G2110 chwngrachwngsthi raw 2575 2465 pikxnkhristkal inchwngsmrachxanackrekapraktkarephimkhunkhxngkarekbrksasph sungthaihkaretriymsphmikhwamsbsxnmakkhun taaehnngchangaetngsphthuksrangkhun aelaepnnganthietriymsphepnkarswntwethann karthammmisphmisamwithi khux 1 karchabpunpn khux sphcathukhxdwyphalininenuxdiaelwpidthbdwypunpn swnkhxngrangkay rwmthungibhna idrbtkaetngdwypunplasetxr 2 karhxphalinin khux sphcahxdwyphalininsungbangkhrngidrbkardxngdwy swnphsmkhxngosediymkharbxenthlaytw aelaphalinincathadwyersinephuxihsamarthcalxnglksnakhxngrangkayid aela 3 karkhudexaenuxeyuxxxk khux exaenuxxxkihhmdaelahxkradukdwyphalinin odythwipaelw xwywatang cathukexaxxkaelaislnginihthicamaphrxmkbsphinhlumfngsph aelaphayinkhxngrangkaycathukcharaxxk susaninchwngsmyrachwngsthisinnepliynipxyangmak hlumfngsphthi imihyot caklayepnsingthiimphxickhxngchnchnsung hmaykhwamwa karthiyxmichokhrngsrangsusanthikhnadelklnghakmikartkaetngphayin nganekhiynxksrxiyiptobranmikhwamsakhytxchnchnsung ephraaprakaraerk thuxwaepnkaraesdngkhwammngkhngxyangfumefuxy aelaprakarthisxng cachwynathangdwngwiyyanipsuchiwithlngkhwamtay xyangirktam rachwngsthisiimminganekhiynehlani hlumfngsphnnlukkwaaelaokhrngsrangthiihyotkwa hlngcakklumphiramidaehngkisasrangesrc susanruntx makmikhnadthismehtusmphlkwa hlngcaksmy rachwngstang ykelikkarsrangphiramid odyepliynmasranghlumfngsphthiaekaslkiwinhinbnphuekhainxiyiptbnaethnesnewlakhxngrachwngsthisiaehngxiyiptesnewlakhxngrachwngsthisiaehngxiyiptxangxingShaw Ian b k 2000 The Oxford History of Ancient Egypt Oxford University Press p 480 ISBN 978 0 19 815034 3 Egypt Land and Lives of the Pharaohs Revealed 2005 pp 80 90 Global Book Publishing Australia Levy Janey 30 December 2005 The Great Pyramid of Giza Measuring Length Area Volume and Angles Rosen Classroom p 4 ISBN 978 1 4042 6059 7 Tyldesley Joyce Who was Khufu a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a Cite journal txngkar journal help Spencer A J 1990 The Egyptian Pyramids A Comprehensive Illustrated Reference By J P Lepre 233 156mm Pp xviii 341 many ills Jefferson North Carolina McFarland and Company Inc 1990 ISBN 0 89950 461 2 37 50 The Antiquaries Journal phasaxngkvs 70 2 479 doi 10 1017 S0003581500070906 S2CID 162040068 subkhnemux 21 April 2018 Spencer A J 1990 The Egyptian Pyramids A Comprehensive Illustrated Reference By J P Lepre 233 156mm Pp xviii 341 many ills Jefferson North Carolina McFarland and Company Inc 1990 ISBN 0 89950 461 2 37 50 The Antiquaries Journal phasaxngkvs 70 2 479 doi 10 1017 S0003581500070906 S2CID 162040068 subkhnemux 21 April 2018 Peter Janosi Giza in der 4 Dynastie Die Baugeschichte und Belegung einer Nekropole des Alten Reiches vol I Die Mastabas der Kernfriedhofe und die Felsgraber Verlag der Osterreichischen Akademie der Wissenschaften Wien 2005 ISBN 3 7001 3244 1 page 64 65 Wolfgang Helck Untersuchungen zu Manetho und den agyptischen Konigslisten Untersuchungen zur Geschichte und Altertumskunde Agyptens Bd 18 Leipzig Berlin 1956 page 52 Aidan Dodson Dyan Hilton The Complete Royal Families of Ancient Egypt The American University in Cairo Press London 2004 ISBN 977 424 878 3 page 61 Bolshakov Andrey O 1991 The Old Kingdom Representations of Funeral Procession Gottinger Miszellen phasaxngkvs 121 31 54 subkhnemux 14 April 2018 Baines John Lesko Leonard H Silverman David P 1991 Religion in Ancient Egypt Gods Myths and Personal Practice Cornell University Press p 97 ISBN 978 0 8014 9786 5 Roth Ann Macy 1993 Social Change in the Fourth Dynasty The Spatial Organization of Pyramids Tombs and Cemeteries Journal of the American Research Center in Egypt 30 33 55 doi 10 2307 40000226 JSTOR 40000226 Fragments of stucco from a mummy Museum of Fine Arts Boston phasaxngkvs 12 March 2018 Gill N S 20 August 2018 Natron Ancient Egyptian Chemical Salt and Preservative ThoughtCo BBC History Ancient History in depth Mummies Around the World brrnanukrmClayton Peter A Chronicle of the Pharaohs The Reign by Reign Record of the Rulers and Dynasties of Ancient Egypt London Thames amp Hudson Ltd 2006 ISBN 0500286280 duephimaephnphngladbphrawngsinrachwngsthisiaehngxiyiptkxnhna rachwngsthisiaehngxiyipt thdiprachwngsthisam rachwngsaehngxiyipt praman 2613 2494 pikxnkhristkal rachwngsthiha