มหาสฟิงซ์แห่งกีซา (อังกฤษ: The Great Sphinx of Giza) คือรูปสฟิงซ์ สัตว์ในตำนานที่มีหัวเป็นมนุษย์และร่างกายเป็นสิงโต ที่ผ่านการแกะสลักบนหินปูน มีท่าเอนกายในแนวทิศตะวันตก หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ตั้งอยู่บริเวณที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ ในเมืองกีซา ประเทศอียิปต์ ใบหน้าของสฟิงซ์ดูเหมือนจะเป็นตัวแทนของฟาโรห์คาเฟร
แสดงที่ตั้งภายในประเทศอียิปต์ | |
ที่ตั้ง | กีซา |
---|---|
ภูมิภาค | ประเทศอียิปต์ |
พิกัด | 29°58′31″N 31°08′16″E / 29.97528°N 31.13778°E |
ความยาว | 73 เมตร (240 ฟุต) |
ความกว้าง | 19 เมตร (62 ฟุต) |
ความสูง | 20 เมตร (66 ฟุต) |
ความเป็นมา | |
วัสดุ | หินปูน |
หมายเหตุเกี่ยวกับสถานที่ | |
สภาพ | ฟื้นฟูบางส่วน |
รูปร่างเดิมของสฟิงซ์สลักจาก ที่ภายหลังฟื้นฟูด้วยบล็อกหินปูน มีความยาวจากเท้าหน้าไปที่หาง 73 เมตร (240 ฟุต) ความสูงจากฐานไปยังหัวที่ 20 เมตร (66 ฟุต) และความกว้างตรงโหนกหลังที่ 19 เมตร (62 ฟุต) จมูกของมันหักโดยไม่ทราบสาเหตุในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 3 ถึง 10
สฟิงซ์เป็นมหาประติมากรรมที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่รู้จักในอียิปต์ และเป็นหนึ่งในรูปปั้นที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก หลักฐานทางโบราณคดีกล่าวแนะว่ารูปปั้นนี้สร้างขึ้นโดยชาวอียิปต์โบราณในราชอาณาจักรเก่าแห่งอียิปต์รัชสมัยฟาโรห์คาเฟร (ป. 2558–2532 ปีก่อนคริสต์ศักราช)
ที่มาของชื่อ"สฟิงซ์"
ไม่มีใครทราบชื่อเดิมของสฟิงซ์ที่ผู้สร้างในสมัยราชอาณาจักรเก่าตั้งไว้ เนื่องจากวิหารสฟิงซ์ที่ปิดหรืออาจเป็นสฟิงซ์ในเวลานั้นยังสร้างไม่เสร็จ ทำให้วัสดุทางวัฒนธรรมจึงมีจำกัด ในสมัยราชอาณาจักรใหม่แห่งอียิปต์ สฟิงซ์ได้รับการบูชาเป็น Hor-em- ("ฮอรัสแห่งขอบฟ้า"; : Harmachis) และฟาโรห์ทุตโมสที่ 4 (1401–1391 ปีก่อนคริสต์ศักราช หรือ 1397–1388 ปีก่อนคริสต์ศักราช) ทรงกล่าวถึงสิ่งนี้เป็นการเฉพาะใน
ส่วน "สฟิงซ์" ชื่อที่มีการใช้ทั่วไป มีที่มาจากสมัยคลาสสิก ประมาณ 2,000 ปีหลังการก่อสร้าง โดยอิงจาก(ปีศาจในเทพปกรณัมกรีก)ที่มีหัวผู้หญิง นกเหยี่ยว แมว หรือแกะ และตัวเป็นสิงโตที่มีปีกของอินทรี (ถึงแม้ว่ามหาสฟิงซ์จะมีหัวเป็นมมุษย์และไม่มีปีกเหมือนกับ(สฟิงซ์อียิปต์)ก็ตาม) ศัพท์ภาษาอังกฤษของ sphinx มาจากภาษากรีกโบราณว่า Σφίγξ (ถอดเป็นอักษรโรมัน: sphinx) จากรูปกริยา σφίγγω (ถอดเป็นอักษรโรมัน: sphingo / บีบ) ตามสฟิงซ์กรีกที่จะรัดคอใครก็ตามที่ไม่สามารถตอบปริศนาคำทายได้[]
นักเขียนชาวอาหรับสมัยกลาง ซึ่งรวมถึง เรียกสฟิงซ์จากภาษาคอปติกที่ถูกแผลงเป็นอาหรับว่า บิลฮีบ (อาหรับ: بلهيب) และ บิลฮะวียะฮ์ (อาหรับ: بلهويه) ซึ่งมาจาก : pꜣ-Ḥwr ชื่อเทพของชาวคานาอันที่มีการระบุถึงตัวสฟิงซ์ ชื่อสมัยใหม่เรียกเป็น أبو الهول (อะบู อัลโฮล / อะบู อัลเฮาล์ สัทอักษรสากล: [ʔabu alhoːl], "ผู้น่ากลัว"; แปลว่า "บิดาแห่งความกลัว") ซึ่งตรงกับชื่อในภาษาคอปติก
ประวัติ
ประมาณ 1 พันปีต่อมา หลังจากยุคสมัยของฟาโรห์คาเฟรที่มหาสฟิงซ์ถูกสร้างขึ้น มหาสฟิงซ์ถูกพายุทรายพัดทับถมจนเหลือให้เห็นเพียงส่วนหัว เล่ากันว่ามีเทพเจ้ามาเข้าฝัน เจ้าชายธุตโมส บอกให้พระองค์นำทรายที่ทับถมมหาสฟิงซ์ออก หากทำตามจะส่งผลให้ พระองค์ได้เป็นฟาโรห์ที่ยิ่งใหญ่ มหาสฟิงซ์ จึงได้รับการดูแลรักษาเป็นครั้งแรก
เจ้าชายธุตโมสนี้ ต่อมาได้ขึ้นครองอียิปต์เป็น ฟาโรห์ทุตโมสที่ 4 (Thutmose IV) แห่งราชวงศ์ที่ 18 นับเป็นฟาโรห์ที่ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่ง หลังยุคสมัยของฟาโรห์ธุสโมซิสที่ 4 ในเวลาต่อมา มหาสฟิงซ์ ก็ถูกทรายทับถมอีก และได้รับการดูแลรักษาขึ้นมาใหม่ จนเห็นเต็มตัวในปัจจุบัน
ปัจจุบันใบหน้ามหาสฟิงซ์ ถูกทำลายจนแทบสังเกตรายละเอียดไม่ออก ร่ำลือกันว่า เกิดจากทหารของ นโปเลียน ที่มาอียิปต์ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 ใช้ใบหน้าของมหาสฟิงซ์ เป็นเป้าซ้อมยิงปืน ทำให้รูปงูแผ่แม่เบี้ยที่หน้าผากชำรุดเสียหาย จมูกแหว่ง และเคราหลุด อย่างไรก็ตามจากหลักฐานภาพวาดเก่าแก่เมื่อ 400 ปีก่อน พบว่าจมูกของมหาสฟิงซ์ชำรุด ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว และมีบันทึกของอาหรับว่า ใบหน้าสฟิงซ์ถูกทำลาย ในคริสต์ศตวรรษที่ 14 ซึ่งเป็นเวลาก่อนหน้ายุคสมัยของ นโปเลียน หลายร้อยปี
คำถามที่นักโบราณคดีกระแสหลักยังคงตามหาคำตอบกันอยู่ก็คือ เอกสารของอัล-มักริสีที่พูดถึงการกระทำของกลุ่มมุสลิมซูฟียฺนั้นเป็นความจริงมากน้อยแค่ไหน มูฮัมหมัดจะเป็นคนร้ายตัวจริงในการกระทำครั้งนี้หรือไม่ ตอนนี้เรายังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนชิ้นใดพูดถึงการทำลายจมูกของสฟิงซ์ที่เก่าแก่ไปกว่าหลักฐานของอัล-มักริสี ดังนั้นตอนนี้ถ้าถามว่าใครเป็นต้นเหตุให้จมูกของสฟิงซ์บี้แบนเช่นนี้แล้วละก็ คนร้าย(เป็นการชั่วคราว)ของคดีนี้ก็คือมูฮัมหมัด ซา’อิม อัล-ดาห์ร (Muhammad Sa'im al-Dahr) จากกลุ่มมุสลิมซูฟียฺนั่นเอง ซึ่งถูกจับแขวนคอใน ข้อหาทำลายทรัพย์สินของรัฐอย่างไร้เหตุผลเมื่อปี 1378 (พ.ศ. 1921).
นอกจากนี้ยังร่ำลือกันว่า ชิ้นส่วนของจมูกและเครามหาสฟิงซ์ ถูกนำไปเก็บรักษาไว้ที่ พิพิธภัณฑ์อังกฤษ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และทางการอียิปต์ ได้พยายามดำเนินการทวงถาม เพื่อนำกลับคืนประเทศอียิปต์แต่ยังไม่เป็นผล เรื่องชิ้นส่วนจมูกและเคราของมหาสฟิงซ์นั้น ความจริงปรากฏว่า ปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์อังกฤษ ได้เก็บรักษา "ส่วนหนึ่ง" ของ เครามหาสฟิงซ์ ที่มีความยาวประมาณ 78 เซนติเมตรเอาไว้
ดูเพิ่ม
หมายเหตุ
- ดู(ฟาโรห์ทุตโมสที่ 4#วันที่และระยะเวลาในการครองราชย์)
อ้างอิง
- . Ancient History Encyclopedia. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 June 2018. สืบค้นเมื่อ 2016-12-07.
- Sims, Lesley (2000). "The Great Pyramids". A Visitor's Guide to Ancient Egypt. Saffron Hill, London: . p. 17. ISBN .
- "Saving the Sphinx – NOVA | PBS". pbs.org. สืบค้นเมื่อ 2016-12-07.
- Rigano, Charles (2014). Pyramids of the Giza Plateau. p. 148. ISBN .
- "Sphinx Project « Ancient Egypt Research Associates". 10 September 2009. สืบค้นเมื่อ 12 November 2021.
- Dunford, Jane; Fletcher, Joann; French, Carole (ed., 2007). Egypt: Eyewitness Travel Guide 2009-02-18 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. London: , 2007. ISBN .
- Lehner 1991.
- Lehner 1991, p. 96.
- (1974). Atlas of Ancient Archaeology. . p. 150. ISBN .
- Bryan, Betsy M. (1991) The Reign of Thutmose IV. The Johns Hopkins University Press. pp. 145–146
- "sphinx | mythology". Encyclopædia Britannica. สืบค้นเมื่อ 2016-12-07.
- "ص229 - كتاب المواعظ والاعتبار بذكر الخطط والآثار - ذكر الصنم الذي يقال له أبو الهول - المكتبة الشاملة الحديثة". al-maktaba.org. สืบค้นเมื่อ 12 November 2021.
- Peust, Carsten. "Die Toponyme vorarabischen Ursprungs im modernen Ägypten" (PDF). p. 46.
บรรณานุกรม
- Lehner, Mark (1991). Archaeology of an Image: The Great Sphinx of Giza.
- Lehner, Mark (1994). "The Passage Under the Sphinx". Hommages à Jean Leclant. 1: 201–216.
- Hassan, Selim (1953). Excavations at Giza 8: 1936-1937. The Great Sphinx and its Secrets. Historical Studies in the Light of the Recent Excavations. Cairo: Government Press.
แหล่งข้อมูลอื่น
- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ มหาสฟิงซ์
- Riddle of the Sphinx
- The Sphinx's Nose
- What happened to the Sphinx's nose? 16 พฤษภาคม 2014 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Sphinx photo gallery
- Al Maqrizi's account (ในภาษาอาหรับ)
- The Age of the Sphinx by
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
mhasfingsaehngkisa xngkvs The Great Sphinx of Giza khuxrupsfings stwintananthimihwepnmnusyaelarangkayepnsingot thiphankaraekaslkbnhinpun mithaexnkayinaenwthistawntk hnhnaipthangthistawnxxk tngxyubriewnthifngtawntkkhxngaemnainl inemuxngkisa praethsxiyipt ibhnakhxngsfingsduehmuxncaepntwaethnkhxngfaorhkhaefrmhasfingsaesdngthitngphayinpraethsxiyiptthitngkisaphumiphakhpraethsxiyiptphikd29 58 31 N 31 08 16 E 29 97528 N 31 13778 E 29 97528 31 13778khwamyaw73 emtr 240 fut khwamkwang19 emtr 62 fut khwamsung20 emtr 66 fut khwamepnmawsduhinpunhmayehtuekiywkbsthanthisphaphfunfubangswn ruprangedimkhxngsfingsslkcak thiphayhlngfunfudwyblxkhinpun mikhwamyawcakethahnaipthihang 73 emtr 240 fut khwamsungcakthanipynghwthi 20 emtr 66 fut aelakhwamkwangtrngohnkhlngthi 19 emtr 62 fut cmukkhxngmnhkodyimthrabsaehtuinchwngkhriststwrrsthi 3 thung 10 sfingsepnmhapratimakrrmthiekaaekthisudethathiruckinxiyipt aelaepnhnunginruppnthiepnthiruckmakthisudinolk hlkthanthangobrankhdiklawaenawaruppnnisrangkhunodychawxiyiptobraninrachxanackrekaaehngxiyiptrchsmyfaorhkhaefr p 2558 2532 pikxnkhristskrach thimakhxngchux sfings immiikhrthrabchuxedimkhxngsfingsthiphusranginsmyrachxanackrekatngiw enuxngcakwiharsfingsthipidhruxxacepnsfingsinewlannyngsrangimesrc thaihwsduthangwthnthrrmcungmicakd insmyrachxanackrihmaehngxiyipt sfingsidrbkarbuchaepn Hor em hxrsaehngkhxbfa Harmachis aelafaorhthutomsthi 4 1401 1391 pikxnkhristskrach hrux 1397 1388 pikxnkhristskrach thrngklawthungsingniepnkarechphaain swn sfings chuxthimikarichthwip mithimacaksmykhlassik praman 2 000 pihlngkarkxsrang odyxingcakpisacinethphpkrnmkrikthimihwphuhying nkehyiyw aemw hruxaeka aelatwepnsingotthimipikkhxngxinthri thungaemwamhasfingscamihwepnmmusyaelaimmipikehmuxnkbsfingsxiyiptktam sphthphasaxngkvskhxng sphinx macakphasakrikobranwa Sfig3 thxdepnxksrormn sphinx cakrupkriya sfiggw thxdepnxksrormn sphingo bib tamsfingskrikthicardkhxikhrktamthiimsamarthtxbprisnakhathayid txngkarxangxing nkekhiynchawxahrbsmyklang sungrwmthung eriyksfingscakphasakhxptikthithukaephlngepnxahrbwa bilhib xahrb بلهيب aela bilhawiyah xahrb بلهويه sungmacak pꜣ Ḥwr chuxethphkhxngchawkhanaxnthimikarrabuthungtwsfings chuxsmyihmeriykepn أبو الهول xabu xlohl xabu xlehal sthxksrsakl ʔabu alhoːl phunaklw aeplwa bidaaehngkhwamklw sungtrngkbchuxinphasakhxptikprawtiphaph mhasfings thukthraythbthmbnthukemuxpi kh s 1867 praman 1 phnpitxma hlngcakyukhsmykhxngfaorhkhaefrthimhasfingsthuksrangkhun mhasfingsthukphayuthrayphdthbthmcnehluxihehnephiyngswnhw elaknwamiethphecamaekhafn ecachaythutoms bxkihphraxngkhnathraythithbthmmhasfingsxxk hakthatamcasngphlih phraxngkhidepnfaorhthiyingihy mhasfings cungidrbkarduaelrksaepnkhrngaerk ecachaythutomsni txmaidkhunkhrxngxiyiptepn faorhthutomsthi 4 Thutmose IV aehngrachwngsthi 18 nbepnfaorhthiyingihyphraxngkhhnung hlngyukhsmykhxngfaorhthusomsisthi 4 inewlatxma mhasfings kthukthraythbthmxik aelaidrbkarduaelrksakhunmaihm cnehnetmtwinpccubn pccubnibhnamhasfings thukthalaycnaethbsngektraylaexiydimxxk raluxknwa ekidcakthharkhxng nopeliyn thimaxiyiptchwngkhriststwrrsthi 18 ichibhnakhxngmhasfings epnepasxmyingpun thaihrupnguaephaemebiythihnaphakcharudesiyhay cmukaehwng aelaekhrahlud xyangirktamcakhlkthanphaphwadekaaekemux 400 pikxn phbwacmukkhxngmhasfingscharud tngaettxnnnaelw aelamibnthukkhxngxahrbwa ibhnasfingsthukthalay inkhriststwrrsthi 14 sungepnewlakxnhnayukhsmykhxng nopeliyn hlayrxypi khathamthinkobrankhdikraaeshlkyngkhngtamhakhatxbknxyukkhux exksarkhxngxl mkrisithiphudthungkarkrathakhxngklummuslimsufiy nnepnkhwamcringmaknxyaekhihn muhmhmdcaepnkhnraytwcringinkarkrathakhrngnihruxim txnnierayngimmihlkthanthichdecnchinidphudthungkarthalaycmukkhxngsfingsthiekaaekipkwahlkthankhxngxl mkrisi dngnntxnnithathamwaikhrepntnehtuihcmukkhxngsfingsbiaebnechnniaelwlak khnray epnkarchwkhraw khxngkhdinikkhuxmuhmhmd sa xim xl dahr Muhammad Sa im al Dahr cakklummuslimsufiy nnexng sungthukcbaekhwnkhxin khxhathalaythrphysinkhxngrthxyangirehtuphlemuxpi 1378 ph s 1921 nxkcakniyngraluxknwa chinswnkhxngcmukaelaekhramhasfings thuknaipekbrksaiwthi phiphithphnthxngkvs krunglxndxn praethsxngkvs aelathangkarxiyipt idphyayamdaeninkarthwngtham ephuxnaklbkhunpraethsxiyiptaetyngimepnphl eruxngchinswncmukaelaekhrakhxngmhasfingsnn khwamcringpraktwa pccubn phiphithphnthxngkvs idekbrksa swnhnung khxng ekhramhasfings thimikhwamyawpraman 78 esntiemtrexaiwduephimphiramidxiyipt phiramidkhufu phiramidkhaefr phiramidemnkhierhmayehtudufaorhthutomsthi 4 wnthiaelarayaewlainkarkhrxngrachyxangxing Ancient History Encyclopedia khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 12 June 2018 subkhnemux 2016 12 07 Sims Lesley 2000 The Great Pyramids A Visitor s Guide to Ancient Egypt Saffron Hill London p 17 ISBN 0 7460 30673 Saving the Sphinx NOVA PBS pbs org subkhnemux 2016 12 07 Rigano Charles 2014 Pyramids of the Giza Plateau p 148 ISBN 9781496952493 Sphinx Project Ancient Egypt Research Associates 10 September 2009 subkhnemux 12 November 2021 Dunford Jane Fletcher Joann French Carole ed 2007 Egypt Eyewitness Travel Guide 2009 02 18 thi ewyaebkaemchchin London 2007 ISBN 978 0 7566 2875 8 Lehner 1991 Lehner 1991 p 96 1974 Atlas of Ancient Archaeology p 150 ISBN 0 07 027293 X Bryan Betsy M 1991 The Reign of Thutmose IV The Johns Hopkins University Press pp 145 146 sphinx mythology Encyclopaedia Britannica subkhnemux 2016 12 07 ص229 كتاب المواعظ والاعتبار بذكر الخطط والآثار ذكر الصنم الذي يقال له أبو الهول المكتبة الشاملة الحديثة al maktaba org subkhnemux 12 November 2021 Peust Carsten Die Toponyme vorarabischen Ursprungs im modernen Agypten PDF p 46 brrnanukrm Lehner Mark 1991 Archaeology of an Image The Great Sphinx of Giza Lehner Mark 1994 The Passage Under the Sphinx Hommages a Jean Leclant 1 201 216 Hassan Selim 1953 Excavations at Giza 8 1936 1937 The Great Sphinx and its Secrets Historical Studies in the Light of the Recent Excavations Cairo Government Press aehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxekiywkb mhasfings Riddle of the Sphinx The Sphinx s Nose What happened to the Sphinx s nose 16 phvsphakhm 2014 thi ewyaebkaemchchin Sphinx photo gallery Al Maqrizi s account inphasaxahrb The Age of the Sphinx by