นกตะขาบอินเดีย | |
---|---|
นกตะขาบอินเดีย (C. benghalensis benghalensis) ที่พบในรัฐราชสถาน ประเทศอินเดีย | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Chordata |
ชั้น: | Aves |
อันดับ: | Coraciiformes |
วงศ์: | Coraciidae |
สกุล: | |
สปีชีส์: | C. benghalensis |
ชื่อทวินาม | |
Coracias benghalensis L., 1758 | |
นกตะขาบอินเดีย (ชื่อวิทยาศาสตร์: Coracias benghalensis; อังกฤษ: Indian roller) เป็นนกประจำถิ่นที่พบในเอเชียตะวันตกและอนุทวีปอินเดีย ตั้งแต่บางส่วนทางตะวันออกของภูมิภาคตะวันออกกลางรอบอ่าวเปอร์เซีย ปากีสถาน อินเดีย จนถึงบังกลาเทศและศรีลังกา พบได้ทั่วไปตามต้นไม้ริมทางหรือสายไฟฟ้า ทุ่งนา ทุ่งหญ้า ป่าโปร่ง ในอดีตนกตะขาบทุ่ง (C. affinis) ที่พบในประเทศไทยถูกระบุเป็นชนิดย่อยของนกตะขาบอินเดีย (C. benghalensis) ซึ่งปัจจุบันแยกออกเป็นต่างชนิดกัน ลักษณะเด่นที่แตกต่างของนกตะขาบอินเดียคือ หน้าและคอสีน้ำตาลอ่อนอมชมพู ท้ายทอยสีน้ำตาลเทาหรือ มีริ้วขาวคาดตามยาวช่วงลำคอและอก นกตะขาบอินเดียมีขนาดใกล้เคียงกับนกพิราบ ยาว 30–34 เซนติเมตร กินอาหารจำพวกแมลง สัตว์ขนาดเล็ก หรือกิ้งก่าในบางครั้ง เป็นนกที่ส่งเสียงร้องไม่มากนัก กระดกหางช้า ๆ เป็นบางครั้ง
อนุกรมวิธาน
นกตะขาบอินเดียเป็นหนึ่งในนกหลายสายพันธุ์ที่กาโรลุส ลินเนียส ระบุชนิดไว้ในระบบธรรมชาติ (Systema Naturae) ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 10 ค.ศ. 1758 ในชื่อทวินาม Corvus benghalensis ซึ่งตั้งตามคำอธิบายและภาพวาดแสดงลักษณะของชนิดหนึ่งจาก ในปี ค.ศ. 1731 โดยเอเลียซาร์ อัลบิน (Eleazar Albin) นักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษ ซึ่งได้คัดลอกมาจากภาพวาดโดยโจเซฟ แดนดริดจ์ (Joseph Dandridge) นักวาดภาพประกอบ
ในปี ค.ศ. 1766 ลินเนียสได้ระบุชนิดนกตะขาบอินเดียภายใต้ชื่อใหม่ Coracias indica ตามคำอธิบายของจอร์จ เอ็ดเวิร์ด (George Edwards) จากตัวอย่างที่เก็บได้ในศรีลังกาในปี ค.ศ. 1764 ชื่อหลังนี้เป็นที่นิยมมากกว่าชื่อแรกและถูกใช้นานหลายปี ซึ่งพิศวมัย พิศวาส นักปักษีวิทยาชาวอินเดีย ให้ข้อสังเกตความนิยมที่สับสนนี้อาจเกิดจากหนังสือ ระบบธรรมชาติ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 12 ของลินเนียสเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการตั้งชื่อทวินามอย่างเป็นทางการ (ทำให้ชื่อหลังถูกใช้ แทนที่ควรเป็นชื่อที่ตั้งครั้งแรกในฉบับที่ 10) ต่อมาเอิรนส์ ฮาร์แทท (Ernst Hartert) นักปักษีวิทยาชาวเยอรมัน ระบุว่ามีชนิดย่อยทางตอนเหนือที่ระบุชนิดครั้งแรกควรใช้ชื่อ benghalensis แยกออกอย่างชัดเจนจากชนิดย่อยทางใต้ที่ระบุชนิดครั้งหลังควรใช้ชื่อ indica อย่างไรก็ตาม พิศวมัยตั้งข้อสังเกตว่าชนิดต้นแบบ (ที่ซึ่งเดิมพบตัวอย่างครั้งแรก) ของ benghalensis นั้นคือแคว้นมัทราส (Madras Presidency) ซึ่งอยู่ภายในขอบเขตพื้นที่กระจายพันธุ์ของชนิดย่อยทางใต้ จึงเสนอให้มีการคัดเลือกเก็บตัวอย่างชนิดต้นแบบใหม่ (neotype) จาก ที่ซึ่งเดิมลินเนียสเข้าใจอย่างคลาดเคลื่อนว่าเป็นพื้นที่ที่เก็บตัวอย่างต้นแบบ แนวคิดนี้ได้รับการยอมรับให้ดำเนินการจากในปี ค.ศ. 1962
นกตะขาบอินเดีย (Coracias benghalensis) เป็นนกใน (Coracias) ของวงศ์นกตะขาบ (Coraciidae)
ชนิดย่อย
สองชนิดย่อยที่ได้รับการยอมรับ คือ
- Coracias benghalensis benghalensis (Linnaeus, 1758) — พบในด้านตะวันออกของภูมิภาคตะวันออกกลางโดยรอบอ่าวเปอร์เซีย จนถึงทางตะวันออกเฉียงเหนือของอนุทวีปอินเดีย ตามแนว อาจตลอดจนถึงบังกลาเทศ
- Coracias benghalensis indicus (Linnaeus, 1766) — กระจาบอยู่ทางใต้ของอินเดีย ไปจนถึงศรีลังกา มีลักษณะที่แตกต่างคือ ปีกและหางสั้นกว่าเล็กน้อย กระหม่อมและสีแซมบนปีกสีน้ำเงินเข้มกว่า หลังด้านบนสีออกไปทางน้ำตาลกว่า รอบคอสีออกน้ำตาลแดง
ความสัมพันธ์กับนกตะขาบทุ่ง
|
ในอดีตนกตะขาบทุ่ง (Coracias affinis) ที่พบในแถบอินโดจีนรวมทั้งประเทศไทยถูกระบุเป็นชนิดย่อยของนกตะขาบอินเดีย (C. benghalensis) (ในชื่อสามัญร่วมกันคือ นกตะขาบทุ่ง) จากหลักฐานการผสมข้ามพันธุ์ในเขตรอยต่อทับซ้อนในพื้นที่ตั้งแต่ตอนกลางของเนปาล บังกลาเทศ ไปจนถึงรัฐอัสสัมตะวันตก อย่างไรก็ตามในปัจจุบันนกตะขาบทุ่งแยกออกเป็นต่างชนิดกันกับนกตะขาบอินเดีย จากการศึกษาระดับโมเลกุลของนิวเคลียร์และไมโทคอนเดรียดีเอนเอในปี ค.ศ. 2018 พบว่า นกตะขาบทุ่งเป็นญาติใกล้ชิดที่สุดกับนกตะขาบปีกม่วง (C. temminckii) (นกตะขาบทุ่งที่แยกออกนี้บางครั้งสามารถเรียกเป็น "นกตะขาบทุ่งอินโดจีน") ในขณะที่นกตะขาบอินเดีย (C. benghalensis) เป็นเพียงญาติระดับถัดไปซึ่งแยกออกจาก C. affinis และ C. temminckii
สายวิวัฒนาการ
ความสัมพันธ์ทางสายวิวัฒนาการใน (Coracias) ถูกระบุจากการศึกษาระดับโมเลกุลที่ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 2018
ได้กำหนดให้ชื่อ "นกตะขาบอินเดีย" (อังกฤษ: Indian roller) เป็นชื่อสามัญอย่างเป็นทางการของนกชนิดนี้ ในบริติชอินเดียเดิม เรียกว่า 'บลูเจย์' (blue jay; นกเจย์สีฟ้า) และนกตะขาบอินเดียยังถูกเรียกว่า 'ราชาน้อย' (Little King) โดยชาวบ้านในในประเทศอิหร่าน
ชื่ออื่น
ภาษาเบงกอล : বাংলা নীলকণ্ঠ (Bānlā nīlakaṇṭha, บานลา นิลกันฑา)
ภาษาฮินดี : Pal kuruvi (พาล คุรุวี)
ภาษามลยาฬัม : പനംകക്ക, പനങ്കാക്ക (panaṅkakka; พะนังคัคคา)
ภาษาทมิฬ : Panangadai (พะนังกะได)
ภาษาเปอร์เซีย : سبزقبای هندی
ลูกผสม
พบลูกผสม นกตะขาบทุ่ง x นกตะขาบอินเดีย (Coracias benghalensis x affinis) ในพื้นที่กระจายพันธุ์ที่ทับซ้อนกันของนกตะขาบอินเดีย (C. benghalensis) กับ นกตะขาบทุ่ง (C. affinis) ในช่วงตอนกลางของประเทศบังกลาเทศ และตอนเหนือของรัฐเบงกอลตะวันตก โดยทั่วไปมีลักษณะขนสีฟ้าซีดและขนส่วนมากเป็นสีน้ำตาลทึมโดยเฉพาะส่วนท้องและบนกระหม่อมเกือบทั้งหมด ลำคออาจมีสีครามเล็กน้อยพร้อมกับริ้วขาวประปรายเล็กน้อย ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของ C. affinis กับ C. benghalensis ตามลำดับ หรือไม่มีเลย (น้ำตาลอ่อนล้วน)
ลักษณะ
เป็นนกขนาดกลาง มีขนาดลำตัวประมาณ 30–34 เซนติเมตร น้ำหนัก 166–176กรัม ตัวผู้และตัวเมียมีลักษณะเหมือนกัน รูปร่างป้อมไม่เพรียวลม ลำตัวตั้งตรง คอสั้น หัวโต ปากสีดำด้าน ยาวปานกลาง สันปากบนโค้ง จะงอยเป็นตะของุ้ม หนังรอบตาสีส้มแก่ ม่านตาสีน้ำตาลเทา
ปีกกว้างแต่ยาวและปลายปีกแหลม ปีกกว้าง 65–74 เซนติเมตร ปลายปีกมีขน 11 เส้น ขนปลายปีกเส้นที่ 11 สั้นกว่าขนเส้นอื่น ๆ จึงเห็นได้ชัดเพียง 10 เส้น ปลายหางเป็นรูปสี่เหลี่ยมหรือเว้ากลางเล็กน้อย
ขาและตีนเหลืองอมน้ำตาล ขาสั้น นิ้วตีนสั้นและไม่แข็งแรง เล็บโค้ง นิ้วตีนข้างละ 4 นิ้ว นิ้วที่ 2 และนิ้วที่ 3 เชื่อมติดกันตรงโคนนิ้ว เรียกตีนที่มีลักษณะดังกล่าวว่า (syndactyly foot) ความคล้ายคลึงกับนกกะรางหัวขวาน ในวงศ์ Upupidae
สีขน
ขนที่หน้าผาก คาง และโคนจะงอยปากเป็นสีชมพูอมน้ำตาลอ่อน ขนปิดรูหูมีสีน้ำตาลแดงเข้มและมีริ้วสีชมพูหรือชมพูอ่อน คอสีน้ำตาลแดงหม่นและมีริ้วสีชมพูอ่อน กระหม่อมและต้นคอสีฟ้าเข้ม หลังและตะโพกสีเขียวมะกอก ท้องสีฟ้า ส่วนหางเป็นสีฟ้า ส่วนปลายสีครามถึงน้ำเงิน โคนหางโดยรอบเป็นสีครามเข้ม ขนปีกบนปีกมีสีม่วงน้ำเงินเหมือนกันกับขนที่หาง คาดด้วยแถบสีฟ้า ปลายสุดของขนปีกนอกที่หนึ่งถึงห้าหรือหกมีแถบสีน้ำเงิน ใต้โคนปีกและข้อพับสีฟ้า โคนปีกบนเป็นสีไล่จากนอกไปในคือฟ้าน้ำเงินไปจนสีเขียวหม่น (สีมะกอก) โคนหางด้านในสีฟ้าอ่อนมีปลายขนแซมสีมะกอกหรือคราม
สีขนโดยรวมดูหม่นซีดเมื่อนกเกาะอยู่กับที่ แต่ดูสดใสหลากสีมากขึ้นเมื่อกางปีกบิน การผลัดขนเริ่มตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนสิงหาคมและสิ้นสุดระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนมีนาคม
สีฟ้าของขนปีกนั้นประกอบขึ้นจากโครงสร้างระดับจุลภาคในหนามขนที่สร้างสีน้ำเงินจากการกระเจิง ซึ่ง (นักฟิสิกส์ชางอินเดีย) ตั้งข้อสังเกตในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1930 ว่ามีความซับซ้อนเกินกว่าจะอธิบายได้ด้วยปรากฏการณ์ทินดอลล์ จากการศึกษาในปี ค.ศ. 2010 พบว่าหนามขนนกมีโครงสร้างเหมือนช่องที่มีแท่ง β-keratin เส้นผ่านศูนย์กลาง 100 นาโนเมตร สลับกับช่องว่างระหว่างเส้นขน
นกตะขาบอินเดียตัวผู้และตัวเมียที่โตเต็มวัยจะมีรูปร่างสัณฐานคล้ายคลึงกันและไม่มีการเปลี่ยนแปลงสีขนตามฤดูกาล นกวัยรุ่นมีสีทึมกว่า ซีดกว่าและออกสีน้ำตาลมากกว่า กระหม่อมสีเขียวหม่นและท้องสีฟ้าอมเขียวหม่นแต้มด้วยจุดประปรายสีน้ำตาลอ่อน จะงอยปาหมีสีน้ำตาลและมีโคนปากเป็นสีเหลืองแทนที่เป็นสีดำแบบตัวเต็มวัย
เสียง
นกตะขาบอินเดีย ส่งเสียงร้องแบบพยางค์เดี่ยว "จิด ๆ " แตกต่างกันไป ทั้งสั้น ยาว และกระแทกเสียง การร้องร้องเสียงดัง "ค๊าบ แค๊บ ค๊าบ" เกิดขึ้นในระหว่างการบินผาดแผลง และเพิ่มความถี่และระดับเสียงเมื่อนกบินเข้าหาผู้บุกรุก เมื่อเกาะอยู่ข้างกันในรัง ลูกนกส่งเสียงดังเมื่อเรียกหาอาหาร ในขณะที่ลูกนกจะแหกร้องดังหลังกิน นกตะขาบอินเดียวัยรุ่นมักทำเสียงเหมือนแมวขณะหาอาหาร
ความแตกต่างจากนกตะขาบอื่น
- นกตะขาบทุ่ง (C. affinis)—โดยรวมนกตะขาบทุ่งมีสีเข้มกว่า ขนาดใหญ่กว่า มีคาง คอ และหน้าอกสีครามและไม่มีริ้วลาย หน้าผากสีเขียวอมฟ้า ขนใต้ปีกเป็นสีน้ำเงินเข้มกว่า เสียงเรียกมีเสียงแหลมสูงและมีเสียงจมูกมากกว่า
- นกตะขาบยุโรป (C. garrulus)—ในระยะไกลอาจเข้าใจผิดว่านกตะขาบอินเดียเป็นนกตะขาบยุโรป ซึ่งเป็นนกอพยพบางส่วนในของเขตการกระจายพันธุ์ของนกตะขาบอินเดีย นกตะขาบยุโรปมีคอและหางยาวกว่าขณะบิน เช่นเดียวกับขนปีกนอกสีดำและหัวสีน้ำเงินล้วน
นกตะขาบอินเดีย (C. benghalensis) | เปรียบเทียบกับชนิดอื่นที่คล้ายกันในสกุล (เฉพาะที่พบในเอเชีย) | ||
---|---|---|---|
นกตะขาบทุ่ง (C. affinis) | (C. garrulus) | นกตะขาบปีกม่วง (C. temminckii) | |
|
|
|
|
|
|
|
|
การกระจายพันธุ์
มีเขตการกระจายพันธุ์ จากอิรัก โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอิหร่านในช่วงโดยรอบอ่าวเปอร์เซีย ผ่านอนุทวีปอินเดียได้แก่ อัฟกานิสถาน, ปากีสถาน, อินเดีย, บังกลาเทศ บางส่วนของภูฏานและเนปาล รวมถึงศรีลังกา
ในประเทศปากีสถานมีถิ่นที่อยู่อาศัยในพื้นที่ชุ่มน้ำรอบ ๆ เขื่อนโชเทียรี (Chotiari Dam) ในแคว้นสินธ์ ในพื้นที่ชุ่มน้ำชายฝั่งชีวานี ใน และในแคว้นปัญจาบ ตามแนวเขื่อนกั้นน้ำทวนซา (Taunsa Barrage) และแม่น้ำจนาพ ได้รับการบันทึกว่าเป็นนกอพยพในช่วงฤดูร้อนที่จะลาลาบาดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอัฟกานิสถาน และเป็นนกพลัดหลงในซีเรีย ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ เยเมน โซโคตรา บาห์เรน ซึ่งถูกพบเห็นในปี ค.ศ. 1996 และในปี ค.ศ. 2008หมู่เกาะลักษทวีป หมู่เกาะมัลดีฟส์ และตุรกี เป็นนกอพยพในฤดูหนาวในคูเวตบนเกาะกรีนและพื้นที่เกษตรกรรมใกล้กับ
นกตะขาบอินเดียพบได้ทั่วไปในป่าเปิดที่มีต้นไม้ในสกุลอาเคเชีย และ Prosopis และปรับตัวได้ดีกับภูมิประเทศที่มนุษย์อาศัย เช่น สวนสาธารณะและสวน ทุ่งนา สวนอินทผาลัม และสวนมะพร้าว
ในภาคเหนือของโอมานมีชื่อเล่นว่า "นกวงเวียน" จากการที่นกมักอาศัยอยู่ในหย่อมสวนกลาง ในโอมาน เป็นเรื่องปกติในภูมิภาค Al Batinah และในพื้นที่เพาะปลูกทางตะวันออกของ Sharqiya Sands ที่ต่ำกว่าระดับความสูง 1,000 เมตร (3,300 ฟุต) ในอินเดีย มีการมองเห็นที่ระดับความสูงตั้งแต่ระดับน้ำทะเลในป่าชายเลนภิตารกานิกาและอ่าวมันนาร์ไปจนถึงประมาณ 2,100 เมตร (6,900 ฟุต) ในเทือกเขานิลคีรี
พฤติกรรมและนิเวศวิทยา
นกตะขาบอินเดียมักไม่อยู่รวมกันเป็นฝูง และมักพบอยู่ตามลำพังหรือเป็นคู่ เป็นนกหวงถิ่น แต่ในขณะอพยพอาจแสดงพฤติกรรมหาอาหารเป็นฝูงโดยไม่มีการรุกรานนกอื่น นกตะขาบอินเดียมักลาดตระเวนอาณาเขตของตนโดยบินบนยอดไม้หรือสูง 10–15 เมตร และเมื่อพบผู้บุกรุกจะทำการการบินม้วนตัวลงมายังผู้บุกรุกอย่างรวดเร็วเพื่อขับไล่ ความสามารถในการบินม้วนตัวกลางอากาศได้ ในภาษาอังกฤษจึงเรียกมันว่า "Roller" ซึ่งแปลว่า "ลูกกลิ้ง" หรือ"นักม้วนตัว"
นกตะขาบอินเดียมักใช้ไซร้ขนประมาณสองสามนาทีแล้วจึงบินไปรอบ ๆ บริเวณที่หากิน มักชอบเกาะสายไฟฟ้าหรือสายโทรเลข มีการสังเกตการเกาะบนต้นไม้และพุ่มไม้มักอยู่ในระดับความสูง 3–9 เมตร จากจุดที่มันบินลงไปหาแมลงบนพื้น นอกจากนี้ยังเกาะบนยอดไม้ที่สูงกว่า นกตะขาบอินเดียมักบินผาดแผลงด้วยการบินควงสว่านและบินหมุนตัว
มักชอบบินโฉบเข้าหาพื้นที่ที่มีไฟป่าเนื่องจากควันเหล่านั้นช่วยไล่แมลงจำนวนมากให้ปรากฏตัว มีการสังเกตพฤติกรรมการติดตามรถของนกตะขาบอินเดียในการหาเหยื่อจำพวกสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังที่ถูกรถพลิกหน้าดินขึ้นมา ในแหล่งการเกษตรทางตอนใต้ของอินเดียพบว่าความหนาแน่นของนกที่มารวมกันตามรถไถประมาณ 50 ตัวต่อตารางกิโลเมตร
นกตะขาบอินเดียที่สร้างรังมีกแสดพฤติกรรมก้าวร้าวต่อสัตว์ผู้ล่าที่เป็นไปได้ว่าเข้ามารบกวน เช่นไล่กาป่าอินเดีย (Corvus culminatus) ออกจากพื้นที่ทำรัง และได้รับการบันทึกหลายครั้งว่า สามารถบินไล่อีแร้งอียิปต์ (Neophron percnopterus) และบินโฉบไล่มนุษย์
จากการศึกษาตรวจพบปรสิตเซลล์เม็ดเลือดแดง Haemoproteus coraciae และปรสิตในเลือด Leucocytozoon ในเนื้อเยื่อปอดของนกตะขาบอินเดีย รวมทั้งพยาธิ Hadjelia srivastavai, Cyrnea graphophasiani, Habronema tapari และ Synhimantus spiralis
การอพยพ
โดยทั่วไปไม่อพยพโดยเฉพาะประชากรที่อาศัยในช่วงทางตะวันออกของเขตการกระจายพันธุ์ รูปแบบการอพยพยังไม่เป็นที่เข้าใจมากนัก ในโอมานมีการอพยพตลอดทั้งปี แต่ดูเหมือนจะพบได้บ่อยในฤดูหนาวมากกว่าฤดูร้อน
การผสมพันธุ์
ฤดูผสมพันธุ์ นกตัวผู้และตัวเมียโตเต็มวัยเริ่มจับคู่ในช่วงเดือนมีนาคมถึงมิถุนายน ซึ่งอาจเร็วกว่าเล็กน้อยในอินเดียตอนใต้ ในระหว่างการเกี้ยวพาน นกคู่รักจะแสดงการเกี้ยวพานทางอากาศซึ่งได้แก่ การบินขึ้นในมุมชัน, บินขึ้น ๆ ลง ๆ , ตีลังกา, บินปักหัวลงในแนวดิ่ง, โฉบ และบินควงสว่าน ซึ่งมาพร้อมกับการเปล่งเสียงร้อง จากนั้นทั้งคู่จะเกาะคอนและแสดงการเกี้ยวพานให้กันและกันด้วยท่าโก้งโค้ง ลู่ปีกลง และรำแพนหาง และอาจมีการไซร้ขนให้คู่ของตัว (allopreening)
พื้นที่ทำรังมักจะเป็นรูโพรงที่มีอยู่แล้วของต้นไม้ ซากต้นปาล์ม หรือโพรงของอาคาร และแม้แต่รูในแอ่งโคลนหรือโพรงเก่าของนกอื่นเพื่อวางไข่ นกสามารถขุดโพรงได้หากเป็นวัสดุเนื้ออ่อน เช่น ไม้ผุ ปูรังบาง ๆ ด้วยฟางหรือหญ้าที่ด้านล่างของโพรง ในอุทยานแห่งชาติ Bandhavgarh ได้รับการบันทึกว่า มีการสร้างรังที่ความสูง 3 เมตร ในต้นสาละ และสูง 7.5 เมตร เหนือพื้นดินในต้นหว้า
แต่ละครอก อาจมีไข่ 3-5 ฟอง ไข่มีสีขาวและทรงรี โดยมีขนาดเฉลี่ยยาว 33 มิลลิเมตร กว้าง 27 มิลลิเมตร ไข่ถูกฟักโดยตัวเมียเป็นหลักทันทีที่วางไข่ฟองแรก และผลัดกันฟัก (asynchronously hatching) หลังจากวันที่ 17 ถึง 19 นกตัวอ่อนเมื่อแรกฟักไม่มีขน เริ่มงอกขนเมื่อวันที่ 30 ถึง 35
อาหารและการหาอาหาร
นกตะขาบอินเดียบินลงมาที่พื้นเพื่อจับแมลงและแมงเช่น ตั๊กแตน, จิ้งหรีด, , , บุ้ง, ต่อ, ด้วง, แมลงปอและแมงมุม สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สัตว์เลื้อยคลาน นก และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก นกตะขาบอินเดียชื่นชอบฝูง (ปลวกมีปีก) ซึ่งบางครั้งสามารถพบเห็นนกตะขาบอินเดียหนาแน่นมากถึง 40 ตัวเกาะอยู่บนสายไฟที่ยาวเพียง 70 เมตร เพียงเพื่อกินแมลงเม่า
อาหารโดยส่วนใหญ่คือ แมลงปีกแข็ว เช่น ด้วง เป็นประมาณร้อยละ 45 ของอาหารที่กินทั้งหมด รองลงมาเป็นตั๊กแตนและจิ้งหรีดประมาณร้อยละ 25
โดยทั่วไปนกตะขาบ (ได้แก่นกตะขาบทุ่ง และนกตะขาบอินเดีย) นับว่าเป็นนกล่าเหยื่อที่พิเศษกว่านกล่าเหยื่ออื่น ๆ เช่น นกอีเสือ นกกระเต็น หรือนกแซงแซว จากการที่มันสามารถล่าเหยื่อที่นกชนิดอื่น ๆ ไม่กล้าแตะต้องเนื่องจากมีพิษได้ อย่างเช่น ตั๊กแตนหรือผีเสื้อกลางคืนที่มีสีเตือนภัย แมงป่อง ตะขาบหรืองูพิษเป็นต้น
นกตะขาบอินเดียมักรวมฝูงกับ (Ardeotis nigriceps) เพื่อจับแมลงที่ถูกไล่ออกมาจากการขุดคุ้ยของซึ่งเป็นนกที่มีขนาดใหญ่มาก ในรัฐทมิฬนาฑู พบว่าเป็นอาหารหลักโดยการจิกคุ้ยเหยื่อบนพื้นผิวต่าง ๆ (gleaning) ตามด้วยการหาอาหารบนพื้นดิน และในอากาศ นกตะขาบอินเดียอาจดำลงไปในน้ำเป็นครั้งคราวเพื่อจับกบและปลาขนาดเล็ก แบบเดียวกับนกกระเต็น การหาอาหารอาจมีขึ้นแม้ในยามพลบค่ำ โดยอาจใช้ประโยชน์จากสิ่งช่วยต่างๆ เช่น แมลงที่ดึงดูดด้วยแสงไฟ นกตะขาบอินเดียจะล่าเหยื่อตั้งแต่ตอนเช้าจนกระทั่งพลบค่ำ หรือแม้กระทั่งในเวลากลางคืน
การอนุรักษ์
ในอินเดีย นกตะขาบอินเดียได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายในปี ค.ศ. 1887 เมื่อการล่าสัตว์ถูกห้ามภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองนกป่าปี ค.ศ. 1887 และต่อมาภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองนกและสัตว์ป่า ค.ศ. 1912
ในอิหร่าน นกตะขาบอินเดียได้รับการคุ้มครองตามประมวลกฎหมายอิสลาม แต่ไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย
เป็นนกประจำถิ่นของประเทศอินเดียและศรีลังกา มีสถานะมีความเสี่ยงต่ำต่อการสูญพันธุ์ โดยสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ ในปี ค.ศ. 2016 นกตะขาบอินเดียถูกระบุว่าเป็นนกชนิดที่มีความกังวลน้อยที่สุด (LC) เนื่องจากมีช่วงการกระจายพันธุ์ที่กว้างและจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้ไม่ทราบขนาดประชากรทั้งหมดแต่ดูเหมือนว่าจะพบได้ทั่วไปในเกือบทุกช่วงการกระจายพันธุ์ ในปี ค.ศ. 2015 ในอิรักมีประชากรนกตะขาบอินเดียประมาณ 2,500 คู่ผสมพันธุ์อาศัย และ 15,000 คู่ผสมพันธุ์ในคาบสมุทรอาหรับ คาดว่าจำนวนประชากรจะเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ภัยคุกคาม
จำนวนนกตะขาบอินเดียที่พบเห็นได้ตามทางหลวงระหว่างอลีครห์และนิวเดลีลดลงระหว่างกลางคริสต์ทศวรรษ 1960 ถึงกลางคริสต์ทศวรรษ 1980 เนื่องจากการจราจรเพิ่มขึ้นในช่วงเวลานั้น พฤติกรรมการกินอาหารริมถนนของนกบางครั้งทำให้รถหลบเลี่ยงและชนกัน
พฤติกรรมการเกาะสายไฟทำให้เสี่ยงต่อการถูก ในรัฐราชสถาน พบว่าเป็นนกที่ถูกไฟฟ้าดูดมากที่สุดเป็นอันดับสองรองจากอีแก (Corvus splendens)
ในวัฒนธรรม
นกตะขาบอินเดียมีความเกี่ยวข้องกับตำนานศาสนาฮินดูในพิธีที่เกี่ยวข้องกับพระวิษณุ มักถูกจับเพื่อให้คนนำไปปล่อยในช่วงเทศกาลเช่น วิชัยทัศมี (ดุสเสห์รา) หรือวันสุดท้ายของทุรคาบูชา เชื่อกันว่าการใส่ขนที่สับละเอียดลงในอาหารสำหรับวัวนั้นจะเพิ่มผลผลิตน้ำนมของวัว ซึ่งมีชื่อภาษาเตลูกูว่า "ผาลละพิททา" แปลว่า "นกนม" ชื่อในภาษาฮินดูสตานีคือ "นิลกัณฐ์" (ภาษาฮินดี: नीलकंठ; ภาษาอูรดู: نیل کنٹھ อักษรโรมัน: nīlkṇṭh) หมายถึง "ผู้มีคอสีน้ำเงิน" (ผู้มีคอสีดำ) ซึ่งเป็นชื่อที่เกี่ยวข้องกับพระอิศวรเนื่องจากพระองค์ได้พิษนาคไว้เมื่อครั้งกวนเกษียรสมุทรทำน้ำอมฤตเพื่อช่วยโลก และพระศอเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน (ดำ)
ตามธรรมเนียมถือว่าการเห็นนกตะขาบอินเดียเป็นลางดี เช่นเดียวกับชาวเบงกอลเมื่อเห็นนกนี้จะสวดมนต์เพื่อนมัสการแด่พระวิษณุ และมองหาทิศทางที่นกมองประหนึ่งทิศที่นำไปสู่พระวิษณุในเวลาที่พวกเขาใกล้ตาย หมอดูของชนเผ่าเร่ร่อนจากวิสาขปัตนัม (Vishakapatnam) สวมขนนกตะขาบอินเดียบนหัวด้วยใช้ความเชื่อพื้นบ้านว่านกสามารถช่วยทำนายเหตุการณ์ได้
นกตะขาบอินเดียเป็นนกประจำรัฐของรัฐโอริศา รัฐเตลังคานา และรัฐกรณาฏกะของอินเดีย
จุดสูงสุดของการค้าขนนกของอินเดียในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 นกตะขาบอินเดียได้ถูกล่าเพื่อส่งออกและเป็นหนึ่งในนกที่ถูกฆ่าอย่างกว้างขวางที่สุดในอินเดีย
อ้างอิง
- International), BirdLife International (BirdLife (2016-10-01). "IUCN Red List of Threatened Species: Coracias benghalensis". IUCN Red List of Threatened Species.
- "นกตะขาบอินเดีย - eBird". ebird.org.
- Linnaeus, C. (1758). "Corvus benghalensis". Systema Naturae per regna tria naturae, secundum classes, ordines, genera, species, cum characteribus, differentiis, synonymis, locis (ภาษาละติน). Vol. 1 (10th ed.). Holmiae (Stockholm): Laurentii Salvii. p. 106.
- Albin, E.; Derham, W. (1731). A Natural History of Birds : Illustrated with a Hundred and One Copper Plates, Curiously Engraven from the Life. Vol. 1. London: Printed for the author and sold by William Innys. p. 17, Plate 17.
- Linnaeus, C. (1766). "Coracias indica". Systema naturae : per regna tria natura, secundum classes, ordines, genera, species, cum characteribus, differentiis, synonymis, locis (ภาษาละติน). Vol. 1 (12th ed.). Holmiae (Stockholm): Laurentii Salvii. p. 159.
- Edwards, G. (1764). "The Blue Jay from the East Indies". Gleanings of Natural History. Vol. III. London: Printed for author at the Royal College of Physicians. pp. 247–248.
- (1961). "Proposal to designate a neotype for Corvus benghalensis Linnaeus, 1758 (Aves), under the plenary powers Z.N. (S) 1465". Bulletin of Zoological Nomenclature. 18 (3): 217–219.
- China, W. E. (1963). "Opinion 663: Corvus benghalensis Linnaeus, 1758 (Aves): Designation of a neotype under the plenary powers". Bulletin of Zoological Nomenclature. 20 (3): 195–196.
- ; Donsker, David; , บ.ก. (January 2021). "Rollers, ground rollers, kingfishers". IOC World Bird List Version 11.1. International Ornithologists' Union. สืบค้นเมื่อ 5 April 2021.
- Rasmussen, P. C.; Anderton, J. C. (2012). Birds of South Asia. The Ripley Guide. Vol. 2: Attributes and Status (Second ed.). Washington D.C. and Barcelona: Smithsonian National Museum of Natural History and Lynx Edicions. p. 270. ISBN .
- "Avibase - ฐานข้อมูล World Bird". avibase.bsc-eoc.org.
- Johansson, U. S.; Irestedt, M.; Qu, Y.; Ericson, P. G. P. (2018). "Phylogenetic relationships of rollers (Coraciidae) based on complete mitochondrial genomes and fifteen nuclear genes". Molecular Phylogenetics and Evolution. 126: 17–22. doi:10.1016/j.ympev.2018.03.030. PMID 29631051.
- Thurston, E. (1912). "The Indian roller (Coracias indica)". Omens and superstitions of southern India. New York: McBride, Nast and Company. p. 88.
- Goodell, G. (1979). "Bird lore in southwestern Iran". Asian Folklore Studies. 38 (2): 131–153. doi:10.2307/1177687. JSTOR 1177687.
- "ลูกผสม นกตะขาบทุ่ง x นกตะขาบอินเดีย - eBird". ebird.org.
- Indochinese Roller
- , บ.ก. (1985). "Coracias benghalensis Indian roller". Handbook of the Birds of Europe the Middle East and North Africa. The Birds of the Western Palearctic. Vol. IV: Terns to Woodpeckers. Oxford: Oxford University Press. pp. 778–783. ISBN .
- Fry, C. H.; Fry, K.; Harris, A. (1992). Kingfishers, Bee-eaters and Rollers: A Handbook. Helm Field Guides. London, New York, New Delhi, Sydney: Bloomsbury. pp. 289–291. ISBN .
- del Hoyo, J.; Elliott, A.; Sargatal, J., บ.ก. (2001). Handbook of the Birds of the World, Volume 6: Mousebirds to Hornbills. p. 371. ISBN .
- Ali, S.; Ripley, S. D. (1983). Handbook of the Birds of India and Pakistan. Vol. 4 (Second ed.). Oxford University Press. pp. 116–120.
- , บ.ก. (1985). "Coracias benghalensis Indian roller". Handbook of the Birds of Europe the Middle East and North Africa. The Birds of the Western Palearctic. Vol. IV: Terns to Woodpeckers. Oxford: Oxford University Press. pp. 778–783. ISBN .
- "นกตะขาบทุ่ง Indian Roller – ภาพถ่ายนกทุกชนิดที่พบในประเทศไทย".
- International), BirdLife International (BirdLife (2016-10-01). "IUCN Red List of Threatened Species: Coracias benghalensis". IUCN Red List of Threatened Species.
- Rais, M.; Khan, M. Z.; Abbass, D.; Akber, G.; Nawaz, R. (2011). "A qualitative study on wildlife of Chotiari Reservoir, Sanghar, Sindh, Pakistan" (PDF). Pakistan Journal of Zoology. 43 (2): 237–247.
- Ali, Z.; Bibi, F.; Shelly, S. Y.; Qazi, A.; Khan, A. M. (2011). "Comparative avian faunal diversity of Jiwani Coastal Wetlands and Taunsa Barrage Wildlife Sanctuary, Pakistan" (PDF). Journal of Animal and Plant Sciences. 21 (2): 381–387.
- Altaf, M.; Javid, A.; Khan, A. M.; Khan, M. S. H.; Umair, M.; Ali, Z. (2018). "Anthropogenic impact on the distribution of the birds in the tropical thorn forest, Punjab, Pakistan". Journal of Asia-Pacific Biodiversity. 11 (2): 229–236. doi:10.1016/j.japb.2018.03.001.
- Bhatti, Z.; Ghufran, A.; Nazir, F. (2020). "Seasonal population fluctuations in some non-passeriformes at Marala Head, Pakistan". Journal of Bioresource Management. 7 (1): 53–56. doi:10.35691/JBM.0202.0120.
- Porter, R.; Aspinall, S. (2019). "Indian roller Coracias benghalensis". Birds of the Middle East. Helm Field Guides (Second ed.). London: Bloomsbury Publishing. p. 204. ISBN .
- Balmer, D.; Murdoch, D. (2009). (PDF). Sandgrouse (1): 91–103. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2020-01-05. สืบค้นเมื่อ 2021-09-07.
- Bonser, R.; Al-Sirhan, A.; Crochet, P.-A.; Legrand, V.; Monticelli, D.; Pope, M. (2011). "Birding Kuwait". Birding World. 24: 1–18.
- Pandav, B. (1996). "The birds of Bhitarkanika Mangroves, eastern India". Forktail (12): 9–20.
- Balachnadran, S. (1995). "Shore birds of the Marine National Park in the Gulf of Mannar, Tamil Nadu". Journal of the Bombay Natural History Society. 92 (3): 303–313.
- Zarri, A. A.; Rahmani, A. R. (2005). "Annotated avifauna of the Upper Nilgiris, Western Ghats, India". Buceros. 10 (1): 1–60.
- นกตะขาบทุ่ง[], birdsofthailand.net
- Sivakumaran, N.; Thiyagesan, K. (2003). "Population, diurnal activity patterns and feeding ecology of the Indian Roller Coracias benghalensis (Linnaeus, 1758)". Zoos' Print Journal. 18 (5): 1091–1095. doi:10.11609/jott.zpj.18.5.1091-5.
- Mathew, D. N.; Narendran, T. C.; Zacharias, V. J. (1978). "A comparative study of the feeding habits of certain species of Indian birds affecting agriculture". Journal of the Bombay Natural History Society. 75 (4): 1178–1197.
- Burton, P. K. J. (1984). "Anatomy and evolution of the feeding apparatus in the avian orders Coraciiformes and Piciformes". Bulletin of the British Museum (Natural History), Zoology Series. 47 (6): 331–443.
- Bishop, M. A.; Bennett, G. F. (1986). "Avian Haemoproteidae. 23. The haemoproteids of the avian family Coraciidae (rollers)". Canadian Journal of Zoology. 64 (9): 1860–1863. doi:10.1139/z86-277.
- De Mello, I. F.; Emidio, A. (1935). "Blood parasites of Coracias b. benghalensis with special remarks on its two types of Leucocytozoon" (PDF). Proceedings of the Indian Academy of Sciences, Section B. 2: 67–73. (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 29 March 2012. สืบค้นเมื่อ 4 July 2009.
- Ilyas, R. (1981). "Redescription of Dispharynx pavonis Sanwal, 1951 and Cyrnea graphophasiani Yamaguti 1935". Rivista di Parassitologia. 42 (1): 179–183.
- Sanwal, K. C. (1951). "On a new avian nematode, Habronema thapari n.sp. (sub-fam. Spirurinae Railliet, 1915) from the blue jay, Coracias benghalensis (Linnaeus)". Indian Journal of Helminthology. 3 (2): 79–86.
- Junker, K.; Boomker, J. (2007). "A check list of the helminths of guineafowls (Numididae) and a host list of these parasites". Onderstepoort Journal of Veterinary Research. 74 (4): 315–337. doi:10.4102/ojvr.v74i4.118. PMID 18453241.
- Tyabji, H. N. (1994). "The birds of Bandhavgarh National Park, M.P." Journal of the Bombay Natural History Society. 91 (1): 51–77.
- นกตะขาบทุ่ง (Indian Roller)[], chiangmaizoo.com
- Mason, C. W. (1911). "1022. Coracias indica". ใน Maxwell-Lefroy, H. (บ.ก.). Memoirs of the Department of Agriculture in India. Entomological Series. Vol. III. The Food of Birds in India. Pusa: Agricultural Research Institute. pp. 155–159.
- Bharos, A. M. K. (1990). "Unusually large congregation and behaviour of Indian Rollers Coracias benghalensis". Journal of the Bombay Natural History Society. 87 (2): 300.
- Rahmani, A. R.; Manakadan, R. (1987). "Interspecific behaviour the Great Indian Bustard Ardeotis nigriceps (Vigors)". Journal of the Bombay Natural History Society. 84 (2): 317–331.
- Ali, S.; Ripley, S. D. (1983). Handbook of the Birds of India and Pakistan. Vol. 4 (Second ed.). Oxford University Press. pp. 116–120.
- Bharos, A. M. K. (1992). "Feeding by Common Nightjars Caprimulgus asiaticus and Indian Roller Coracias benghalensis in the light of mercury vapour lamps". Journal of the Bombay Natural History Society. 89 (1): 124.
- Bainbrigge Fletcher, T.; Inglis, C. M. (1920). "Some common Indian birds. No. 1 – The Indian Roller (Coracias indica)". The Agricultural Journal of India. 15: 1–4.
- Bidie, G. (1901). The Protection of Wild Birds in India. Society for the Protection of Birds. No. 37.
- Almasieh, K.; Moazami, M. (2020). "Identifying avifauna and the presence time of migratory birds at a university campus in the southwest of Iran". Journal of Animal Diversity. 2 (1): 104–126. doi:10.29252/JAD.2020.2.1.4. จากแหล่งเดิมเมื่อ 2 September 2021. สืบค้นเมื่อ 7 June 2021.
- Symes, A.; Taylor, J.; Mallon, D.; Porter, R.; Simms, C.; Budd, K. (2015). The conservation status and distribution of the breeding birds of the Arabian peninsula (PDF). Cambridge, UK; Gland, Switzerland; Sharjah, United Arab Emirates: IUCN and Environment and Protected Areas Authority. (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 29 April 2019. สืบค้นเมื่อ 9 April 2021.
- Saiduzzafar, H. (1984). "Some observations on the apparent decrease in numbers of the Northern Roller or Blue Jay Coracias benghalensis". Newsletter for Birdwatchers. 24 (5&6): 4–5.
- Goenka, D. (1986). "Lack of traffic sense amongst Indian Rollers". Journal of the Bombay Natural History Society. 83 (3): 665.
- Sundar, K. S. G. (2004). "Mortality of herpetofauna, birds and mammals due to vehicular traffic in Etawah District, Uttar Pradesh, India". Journal of the Bombay Natural History Society. 101 (3): 392–398.
- Siva, T.; Neelanarayanan, P. (2020). "Impact of vehicular traffic on birds in Tiruchirappalli District, Tamil Nadu, India". Journal of Threatened Taxa. 12 (10): 16352–16356. doi:10.11609/jott.5532.12.10.16352-16356.
- Harness, R. E.; Javvadi, P. R. & Dwyer, J. F. (2013). "Avian electrocutions in western Rajasthan, India". Journal of Raptor Research. 47 (4): 352–364. doi:10.3356/JRR-13-00002.1.
- Kipling, J. L. (1904). "The Roller". Beast and Man in India; a Popular Sketch of Indian Animals in Their Relations with the People. London: Macmillan and Co. p. 33.
- จากพันทิปดอตคอม
- Griffiths, Walter G. (1946). "Luck and Omens". The Kol tribe of central India. Calcutta: The Asiatic Society. p. 196.
- (1898). "Bengali and Behari Folklore about Birds. Part I". Journal of the Asiatic Society of Bengal. Part III. Anthropology and Cognate Subjects. 67 (2): 67–74.
- Thurston, Edgar (1909). Castes and Tribes of Southern India. Volume VI. Madras: Government Press. p. 262.
- . Know India. National Informatics Centre (NIC), DeitY, MoCIT, Government of India. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 November 2013. สืบค้นเมื่อ 26 June 2016.
- "State Symbols". Telangana State Portal. Government of Telangana. จากแหล่งเดิมเมื่อ 19 May 2017. สืบค้นเมื่อ 26 June 2016.
- Ilango, K. (2013). "An Overview". ใน The Director (บ.ก.). Fauna of Karnataka. State Fauna Series, 21. Kolkata: Zoological Survey of India. pp. 1–6.
- Watt, G. (1908). "Plumage-Birds". The Commercial Products of India. London: John Murray. p. 140.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
nktakhabxinediynktakhabxinediy C benghalensis benghalensis thiphbinrthrachsthan praethsxinediysthanakarxnurkskhwamesiyngta IUCN 3 1 lt references gt karcaaenkchnthangwithyasastrxanackr Animaliaiflm Chordatachn Avesxndb Coraciiformeswngs Coraciidaeskul spichis C benghalensischuxthwinamCoracias benghalensis L 1758 khnabin nktakhabxinediy chuxwithyasastr Coracias benghalensis xngkvs Indian roller epnnkpracathinthiphbinexechiytawntkaelaxnuthwipxinediy tngaetbangswnthangtawnxxkkhxngphumiphakhtawnxxkklangrxbxawepxresiy pakisthan xinediy cnthungbngklaethsaelasrilngka phbidthwiptamtnimrimthanghruxsayiffa thungna thunghya paoprng inxditnktakhabthung C affinis thiphbinpraethsithythukrabuepnchnidyxykhxngnktakhabxinediy C benghalensis sungpccubnaeykxxkepntangchnidkn lksnaednthiaetktangkhxngnktakhabxinediykhux hnaaelakhxsinatalxxnxmchmphu thaythxysinatalethahrux miriwkhawkhadtamyawchwnglakhxaelaxk nktakhabxinediymikhnadiklekhiyngkbnkphirab yaw 30 34 esntiemtr kinxaharcaphwkaemlng stwkhnadelk hruxkingkainbangkhrng epnnkthisngesiyngrxngimmaknk kradkhangcha epnbangkhrngxnukrmwithannktakhabxinediyepnhnunginnkhlaysayphnthuthikaorlus lineniys rabuchnidiwinrabbthrrmchati Systema Naturae chbbphimphkhrngthi 10 kh s 1758 inchuxthwinam Corvus benghalensis sungtngtamkhaxthibayaelaphaphwadaesdnglksnakhxngchnidhnungcak inpi kh s 1731 odyexeliysar xlbin Eleazar Albin nkthrrmchatiwithyachawxngkvs sungidkhdlxkmacakphaphwadodyocesf aedndridc Joseph Dandridge nkwadphaphprakxb inpi kh s 1766 lineniysidrabuchnidnktakhabxinediyphayitchuxihm Coracias indica tamkhaxthibaykhxngcxrc exdewird George Edwards caktwxyangthiekbidinsrilngkainpi kh s 1764 chuxhlngniepnthiniymmakkwachuxaerkaelathukichnanhlaypi sungphiswmy phiswas nkpksiwithyachawxinediy ihkhxsngektkhwamniymthisbsnnixacekidcakhnngsux rabbthrrmchati chbbphimphkhrngthi 12 khxnglineniysepncuderimtnsahrbkartngchuxthwinamxyangepnthangkar thaihchuxhlngthukich aethnthikhwrepnchuxthitngkhrngaerkinchbbthi 10 txmaexirns haraethth Ernst Hartert nkpksiwithyachaweyxrmn rabuwamichnidyxythangtxnehnuxthirabuchnidkhrngaerkkhwrichchux benghalensis aeykxxkxyangchdecncakchnidyxythangitthirabuchnidkhrnghlngkhwrichchux indica xyangirktam phiswmytngkhxsngektwachnidtnaebb thisungedimphbtwxyangkhrngaerk khxng benghalensis nnkhuxaekhwnmthras Madras Presidency sungxyuphayinkhxbekhtphunthikracayphnthukhxngchnidyxythangit cungesnxihmikarkhdeluxkekbtwxyangchnidtnaebbihm neotype cak thisungedimlineniysekhaicxyangkhladekhluxnwaepnphunthithiekbtwxyangtnaebb aenwkhidniidrbkaryxmrbihdaeninkarcakinpi kh s 1962 nktakhabxinediy Coracias benghalensis epnnkin Coracias khxngwngsnktakhab Coraciidae chnidyxy sxngchnidyxythiidrbkaryxmrb khux Coracias benghalensis benghalensis Linnaeus 1758 phbindantawnxxkkhxngphumiphakhtawnxxkklangodyrxbxawepxresiy cnthungthangtawnxxkechiyngehnuxkhxngxnuthwipxinediy tamaenw xactlxdcnthungbngklaeths Coracias benghalensis indicus Linnaeus 1766 kracabxyuthangitkhxngxinediy ipcnthungsrilngka milksnathiaetktangkhux pikaelahangsnkwaelknxy krahmxmaelasiaesmbnpiksinaenginekhmkwa hlngdanbnsixxkipthangnatalkwa rxbkhxsixxknatalaedngkhwamsmphnthkbnktakhabthung Coracias nktakhabhwhngxk C cyanogaster nktakhabmwng C naevius nktakhabthunghangbwng C spatulatus nktakhabthungxksimwng C caudatus C abyssinicus C garrulus nktakhabxinediy C benghalensis nktakhabthung C affinis nktakhabpikmwng C temminckii inxditnktakhabthung Coracias affinis thiphbinaethbxinodcinrwmthngpraethsithythukrabuepnchnidyxykhxngnktakhabxinediy C benghalensis inchuxsamyrwmknkhux nktakhabthung cakhlkthankarphsmkhamphnthuinekhtrxytxthbsxninphunthitngaettxnklangkhxngenpal bngklaeths ipcnthungrthxssmtawntk xyangirktaminpccubnnktakhabthungaeykxxkepntangchnidknkbnktakhabxinediy cakkarsuksaradbomelkulkhxngniwekhliyraelaimothkhxnedriydiexnexinpi kh s 2018 phbwa nktakhabthungepnyatiiklchidthisudkbnktakhabpikmwng C temminckii nktakhabthungthiaeykxxknibangkhrngsamartheriykepn nktakhabthungxinodcin inkhnathinktakhabxinediy C benghalensis epnephiyngyatiradbthdipsungaeykxxkcak C affinis aela C temminckii saywiwthnakar khwamsmphnththangsaywiwthnakarin Coracias thukrabucakkarsuksaradbomelkulthitiphimphinpi kh s 2018 ifl nktakhabthung jpgemuxkangpikbin camxngehnsipiksinaengin sifasathxnaesng ehluxbphray source source source source phaphekhluxnihwkhndanhlngsinatalpnekhiywmakxk idkahndihchux nktakhabxinediy xngkvs Indian roller epnchuxsamyxyangepnthangkarkhxngnkchnidni inbritichxinediyedim eriykwa bluecy blue jay nkecysifa aelanktakhabxinediyyngthukeriykwa rachanxy Little King odychawbanininpraethsxihran chuxxun phasaebngkxl ব ল ন লকণ ঠ Banla nilakaṇṭha banla nilkntha phasahindi Pal kuruvi phal khuruwi phasamlyalm പന കക ക പനങ ക ക ക panaṅkakka phanngkhkhkha phasathmil Panangadai phanngkaid phasaepxresiy سبزقبای هندی lukphsm phblukphsm nktakhabthung x nktakhabxinediy Coracias benghalensis x affinis inphunthikracayphnthuthithbsxnknkhxngnktakhabxinediy C benghalensis kb nktakhabthung C affinis inchwngtxnklangkhxngpraethsbngklaeths aelatxnehnuxkhxngrthebngkxltawntk odythwipmilksnakhnsifasidaelakhnswnmakepnsinatalthumodyechphaaswnthxngaelabnkrahmxmekuxbthnghmd lakhxxacmisikhramelknxyphrxmkbriwkhawpraprayelknxy sungepnlksnaednkhxng C affinis kb C benghalensis tamladb hruximmiely natalxxnlwn lksnalatwtngtrng khxsn hwot paksidayawpanklangnktakhabxinediywyxxn epnnkkhnadklang mikhnadlatwpraman 30 34 esntiemtr nahnk 166 176krm twphuaelatwemiymilksnaehmuxnkn ruprangpxmimephriywlm latwtngtrng khxsn hwot paksidadan yawpanklang snpakbnokhng cangxyepntakhxngum hnngrxbtasismaek mantasinataletha pikkwangaetyawaelaplaypikaehlm pikkwang 65 74 esntiemtr playpikmikhn 11 esn khnplaypikesnthi 11 snkwakhnesnxun cungehnidchdephiyng 10 esn playhangepnrupsiehliymhruxewaklangelknxy khaaelatinehluxngxmnatal khasn niwtinsnaelaimaekhngaerng elbokhng niwtinkhangla 4 niw niwthi 2 aelaniwthi 3 echuxmtidkntrngokhnniw eriyktinthimilksnadngklawwa syndactyly foot khwamkhlaykhlungkbnkkaranghwkhwan inwngs Upupidae sikhn itpikaelahang epnsifaslbnaengin khnpiknxkplaysifakhadaethbelk sinaenginplaynxksud pikinepnnaenginekuxbthnghmdewnokhnkhnpiksifa duruplang khnnktakhabxinediy khnpiknxk khnpikindannxksxngesn aelakhnhangsxngesn caksayipkhwa khnthihnaphak khang aelaokhncangxypakepnsichmphuxmnatalxxn khnpidruhumisinatalaedngekhmaelamiriwsichmphuhruxchmphuxxn khxsinatalaednghmnaelamiriwsichmphuxxn krahmxmaelatnkhxsifaekhm hlngaelataophksiekhiywmakxk thxngsifa swnhangepnsifa swnplaysikhramthungnaengin okhnhangodyrxbepnsikhramekhm khnpikbnpikmisimwngnaenginehmuxnknkbkhnthihang khaddwyaethbsifa playsudkhxngkhnpiknxkthihnungthunghahruxhkmiaethbsinaengin itokhnpikaelakhxphbsifa okhnpikbnepnsiilcaknxkipinkhuxfanaenginipcnsiekhiywhmn simakxk okhnhangdaninsifaxxnmiplaykhnaesmsimakxkhruxkhram sikhnodyrwmduhmnsidemuxnkekaaxyukbthi aetdusdishlaksimakkhunemuxkangpikbin karphldkhnerimtngaetklangeduxnmithunaynthungklangeduxnsinghakhmaelasinsudrahwangeduxnphvscikaynthungtneduxnminakhm sifakhxngkhnpiknnprakxbkhuncakokhrngsrangradbculphakhinhnamkhnthisrangsinaengincakkarkraecing sung nkfisikschangxinediy tngkhxsngektinchwngkhristthswrrsthi 1930 wamikhwamsbsxnekinkwacaxthibayiddwypraktkarnthindxll cakkarsuksainpi kh s 2010 phbwahnamkhnnkmiokhrngsrangehmuxnchxngthimiaethng b keratin esnphansunyklang 100 naonemtr slbkbchxngwangrahwangesnkhn nktakhabxinediytwphuaelatwemiythiotetmwycamiruprangsnthankhlaykhlungknaelaimmikarepliynaeplngsikhntamvdukal nkwyrunmisithumkwa sidkwaaelaxxksinatalmakkwa krahmxmsiekhiywhmnaelathxngsifaxmekhiywhmnaetmdwycudprapraysinatalxxn cangxypahmisinatalaelamiokhnpakepnsiehluxngaethnthiepnsidaaebbtwetmwy esiyng nktakhabxinediy sngesiyngrxngaebbphyangkhediyw cid aetktangknip thngsn yaw aelakraaethkesiyng karrxngrxngesiyngdng khab aekhb khab ekidkhuninrahwangkarbinphadaephlng aelaephimkhwamthiaelaradbesiyngemuxnkbinekhahaphubukruk emuxekaaxyukhangkninrng luknksngesiyngdngemuxeriykhaxahar inkhnathiluknkcaaehkrxngdnghlngkin nktakhabxinediywyrunmkthaesiyngehmuxnaemwkhnahaxahar khwamaetktangcaknktakhabxun nktakhabthung C affinis odyrwmnktakhabthungmisiekhmkwa khnadihykwa mikhang khx aelahnaxksikhramaelaimmiriwlay hnaphaksiekhiywxmfa khnitpikepnsinaenginekhmkwa esiyngeriykmiesiyngaehlmsungaelamiesiyngcmukmakkwa nktakhabyuorp C garrulus inrayaiklxacekhaicphidwanktakhabxinediyepnnktakhabyuorp sungepnnkxphyphbangswninkhxngekhtkarkracayphnthukhxngnktakhabxinediy nktakhabyuorpmikhxaelahangyawkwakhnabin echnediywkbkhnpiknxksidaaelahwsinaenginlwnnktakhabxinediy C benghalensis epriybethiybkbchnidxunthikhlaykninskul echphaathiphbinexechiy nktakhabthung C affinis C garrulus nktakhabpikmwng C temminckii hnaaelakhxsinatalxxnxmchmphu miriwkhawkhadtamyawchwnglakhxaelaxk thaythxyaelahlngsinataletha sifaaelanaenginodyrwmekhm khxsikhramednchd thaythxyaelahlngsinatalmakxkekhm siodyrwmepnsifaxxnxmekhiyw hwaelakhxsifalwnhruxekuxbthnghmd hlngsinatal playpiknxkaelainkhlayknkhuximmiaethbsifatrngplay siodyrwmepnsinaenginekhm playpikaelahangsinaenginsd thaythxyaelahlngsinatalmakxkekhmimphbinpraethsithy phbinexechiytawntktxnehnux aelaxnuthwipxinediy nkpracathinkhxngpraethsithy imphbinpraethsithy phbinthwipyuorp exechiytawntktxnehnux aelaxnuthwipxinediy bangswnkhxngpakisthan xfkanisthan imphbinpraethsithy phbinpraethsxinodniesiykarkracayphnthumiekhtkarkracayphnthu cakxirk oxman shrthxahrbexmierts aelaxihraninchwngodyrxbxawepxresiy phanxnuthwipxinediyidaek xfkanisthan pakisthan xinediy bngklaeths bangswnkhxngphutanaelaenpal rwmthungsrilngka inpraethspakisthanmithinthixyuxasyinphunthichumnarxb ekhuxnochethiyri Chotiari Dam inaekhwnsinth inphunthichumnachayfngchiwani in aelainaekhwnpycab tamaenwekhuxnknnathwnsa Taunsa Barrage aelaaemnacnaph idrbkarbnthukwaepnnkxphyphinchwngvdurxnthicalalabadinphakhtawnxxkechiyngehnuxkhxngxfkanisthan aelaepnnkphldhlnginsieriy saxudixaraebiy katar eyemn osokhtra bahern sungthukphbehninpi kh s 1996 aelainpi kh s 2008hmuekaalksthwip hmuekaamldifs aelaturki epnnkxphyphinvduhnawinkhuewtbnekaakrinaelaphunthiekstrkrrmiklkb nktakhabxinediyphbidthwipinpaepidthimitniminskulxaekhechiy aela Prosopis aelaprbtwiddikbphumipraethsthimnusyxasy echn swnsatharnaaelaswn thungna swnxinthphalm aelaswnmaphraw inphakhehnuxkhxngoxmanmichuxelnwa nkwngewiyn cakkarthinkmkxasyxyuinhyxmswnklang inoxman epneruxngpktiinphumiphakh Al Batinah aelainphunthiephaaplukthangtawnxxkkhxng Sharqiya Sands thitakwaradbkhwamsung 1 000 emtr 3 300 fut inxinediy mikarmxngehnthiradbkhwamsungtngaetradbnathaelinpachayelnphitarkanikaaelaxawmnnaripcnthungpraman 2 100 emtr 6 900 fut inethuxkekhanilkhiriphvtikrrmaelaniewswithyanktakhabxinediykalng nktakhabxinediymkimxyurwmknepnfung aelamkphbxyutamlaphnghruxepnkhu epnnkhwngthin aetinkhnaxphyphxacaesdngphvtikrrmhaxaharepnfungodyimmikarrukrannkxun nktakhabxinediymkladtraewnxanaekhtkhxngtnodybinbnyxdimhruxsung 10 15 emtr aelaemuxphbphubukrukcathakarkarbinmwntwlngmayngphubukrukxyangrwderwephuxkhbil khwamsamarthinkarbinmwntwklangxakasid inphasaxngkvscungeriykmnwa Roller sungaeplwa lukkling hrux nkmwntw nktakhabxinediymkichisrkhnpramansxngsamnathiaelwcungbiniprxb briewnthihakin mkchxbekaasayiffahruxsayothrelkh mikarsngektkarekaabntnimaelaphumimmkxyuinradbkhwamsung 3 9 emtr cakcudthimnbinlngiphaaemlngbnphun nxkcakniyngekaabnyxdimthisungkwa nktakhabxinediymkbinphadaephlngdwykarbinkhwngswanaelabinhmuntw mkchxbbinochbekhahaphunthithimiifpaenuxngcakkhwnehlannchwyilaemlngcanwnmakihprakttw mikarsngektphvtikrrmkartidtamrthkhxngnktakhabxinediyinkarhaehyuxcaphwkstwimmikraduksnhlngthithukrthphlikhnadinkhunma inaehlngkarekstrthangtxnitkhxngxinediyphbwakhwamhnaaennkhxngnkthimarwmkntamrthithpraman 50 twtxtarangkiolemtr nktakhabxinediythisrangrngmikaesdphvtikrrmkawrawtxstwphulathiepnipidwaekhamarbkwn echnilkapaxinediy Corvus culminatus xxkcakphunthitharng aelaidrbkarbnthukhlaykhrngwa samarthbinilxiaerngxiyipt Neophron percnopterus aelabinochbilmnusy cakkarsuksatrwcphbprsitesllemdeluxdaedng Haemoproteus coraciae aelaprsitineluxd Leucocytozoon inenuxeyuxpxdkhxngnktakhabxinediy rwmthngphyathi Hadjelia srivastavai Cyrnea graphophasiani Habronema tapari aela Synhimantus spiralis karxphyph odythwipimxphyphodyechphaaprachakrthixasyinchwngthangtawnxxkkhxngekhtkarkracayphnthu rupaebbkarxphyphyngimepnthiekhaicmaknk inoxmanmikarxphyphtlxdthngpi aetduehmuxncaphbidbxyinvduhnawmakkwavdurxn karphsmphnthu lukklingxinediytharnginophrnghruxrxyaeykinxakhar vduphsmphnthu nktwphuaelatwemiyotetmwyerimcbkhuinchwngeduxnminakhmthungmithunayn sungxacerwkwaelknxyinxinediytxnit inrahwangkarekiywphan nkkhurkcaaesdngkarekiywphanthangxakassungidaek karbinkhuninmumchn binkhun lng tilngka binpkhwlnginaenwding ochb aelabinkhwngswan sungmaphrxmkbkareplngesiyngrxng caknnthngkhucaekaakhxnaelaaesdngkarekiywphanihknaelakndwythaokngokhng lupiklng aelaraaephnhang aelaxacmikarisrkhnihkhukhxngtw allopreening phunthitharngmkcaepnruophrngthimixyuaelwkhxngtnim saktnpalm hruxophrngkhxngxakhar aelaaemaetruinaexngokhlnhruxophrngekakhxngnkxunephuxwangikh nksamarthkhudophrngidhakepnwsduenuxxxn echn imphu purngbang dwyfanghruxhyathidanlangkhxngophrng inxuthyanaehngchati Bandhavgarh idrbkarbnthukwa mikarsrangrngthikhwamsung 3 emtr intnsala aelasung 7 5 emtr ehnuxphundinintnhwa aetlakhrxk xacmiikh 3 5 fxng ikhmisikhawaelathrngri odymikhnadechliyyaw 33 milliemtr kwang 27 milliemtr ikhthukfkodytwemiyepnhlkthnthithiwangikhfxngaerk aelaphldknfk asynchronously hatching hlngcakwnthi 17 thung 19 nktwxxnemuxaerkfkimmikhn erimngxkkhnemuxwnthi 30 thung 35 xaharaelakarhaxahar nktakhabxinediykalngkintkaetn nktakhabxinediybinlngmathiphunephuxcbaemlngaelaaemngechn tkaetn cinghrid bung tx dwng aemlngpxaelaaemngmum stwkhrungbkkhrungna stweluxykhlan nk aelastweliynglukdwynmkhnadelk nktakhabxinediychunchxbfung plwkmipik sungbangkhrngsamarthphbehnnktakhabxinediyhnaaennmakthung 40 twekaaxyubnsayifthiyawephiyng 70 emtr ephiyngephuxkinaemlngema xaharodyswnihykhux aemlngpikaekhw echn dwng epnpramanrxyla 45 khxngxaharthikinthnghmd rxnglngmaepntkaetnaelacinghridpramanrxyla 25 odythwipnktakhab idaeknktakhabthung aelanktakhabxinediy nbwaepnnklaehyuxthiphiesskwanklaehyuxxun echn nkxiesux nkkraetn hruxnkaesngaesw cakkarthimnsamarthlaehyuxthinkchnidxun imklaaetatxngenuxngcakmiphisid xyangechn tkaetnhruxphiesuxklangkhunthimisietuxnphy aemngpxng takhabhruxnguphisepntn nktakhabxinediymkrwmfungkb Ardeotis nigriceps ephuxcbaemlngthithukilxxkmacakkarkhudkhuykhxngsungepnnkthimikhnadihymak inrththmilnathu phbwaepnxaharhlkodykarcikkhuyehyuxbnphunphiwtang gleaning tamdwykarhaxaharbnphundin aelainxakas nktakhabxinediyxacdalngipinnaepnkhrngkhrawephuxcbkbaelaplakhnadelk aebbediywkbnkkraetn karhaxaharxacmikhunaeminyamphlbkha odyxacichpraoychncaksingchwytang echn aemlngthidungduddwyaesngif nktakhabxinediycalaehyuxtngaettxnechacnkrathngphlbkha hruxaemkrathnginewlaklangkhunkarxnurksinxinediy nktakhabxinediyidrbkarkhumkhrxngthangkdhmayinpi kh s 1887 emuxkarlastwthukhamphayitphrarachbyytikhumkhrxngnkpapi kh s 1887 aelatxmaphayitphrarachbyytikhumkhrxngnkaelastwpa kh s 1912 inxihran nktakhabxinediyidrbkarkhumkhrxngtampramwlkdhmayxislam aetimidrbkarkhumkhrxngtamkdhmay epnnkpracathinkhxngpraethsxinediyaelasrilngka misthanamikhwamesiyngtatxkarsuyphnthu odyshphaphnanachatiephuxkarxnurksthrrmchatiaelathrphyakrthrrmchati inpi kh s 2016 nktakhabxinediythukrabuwaepnnkchnidthimikhwamkngwlnxythisud LC enuxngcakmichwngkarkracayphnthuthikwangaelacanwnprachakrthiephimkhunxyangehnidchd aemimthrabkhnadprachakrthnghmdaetduehmuxnwacaphbidthwipinekuxbthukchwngkarkracayphnthu inpi kh s 2015 inxirkmiprachakrnktakhabxinediypraman 2 500 khuphsmphnthuxasy aela 15 000 khuphsmphnthuinkhabsmuthrxahrb khadwacanwnprachakrcaephimkhunodyechphaainshrthxahrbexmierts phykhukkham canwnnktakhabxinediythiphbehnidtamthanghlwngrahwangxlikhrhaelaniwedlildlngrahwangklangkhristthswrrs 1960 thungklangkhristthswrrs 1980 enuxngcakkarcracrephimkhuninchwngewlann phvtikrrmkarkinxaharrimthnnkhxngnkbangkhrngthaihrthhlbeliyngaelachnkn phvtikrrmkarekaasayifthaihesiyngtxkarthuk inrthrachsthan phbwaepnnkthithukiffadudmakthisudepnxndbsxngrxngcakxiaek Corvus splendens inwthnthrrmphaphwadody Sheikh Zainuddin cak Impey Album kh s 1780 nktakhabxinediymikhwamekiywkhxngkbtanansasnahinduinphithithiekiywkhxngkbphrawisnu mkthukcbephuxihkhnnaipplxyinchwngethskalechn wichythsmi duseshra hruxwnsudthaykhxngthurkhabucha echuxknwakariskhnthisblaexiydlnginxaharsahrbwwnncaephimphlphlitnanmkhxngww sungmichuxphasaetlukuwa phallaphiththa aeplwa nknm chuxinphasahindustanikhux nilknth phasahindi न लक ठ phasaxurdu نیل کنٹھ xksrormn nilkṇṭh hmaythung phumikhxsinaengin phumikhxsida sungepnchuxthiekiywkhxngkbphraxiswrenuxngcakphraxngkhidphisnakhiwemuxkhrngkwneksiyrsmuthrthanaxmvtephuxchwyolk aelaphrasxepliynepnsinaengin da tamthrrmeniymthuxwakarehnnktakhabxinediyepnlangdi echnediywkbchawebngkxlemuxehnnknicaswdmntephuxnmskaraedphrawisnu aelamxnghathisthangthinkmxngprahnungthisthinaipsuphrawisnuinewlathiphwkekhaikltay hmxdukhxngchnephaerrxncakwisakhptnm Vishakapatnam swmkhnnktakhabxinediybnhwdwyichkhwamechuxphunbanwanksamarthchwythanayehtukarnid nktakhabxinediyepnnkpracarthkhxngrthoxrisa rthetlngkhana aelarthkrnatkakhxngxinediy cudsungsudkhxngkarkhakhnnkkhxngxinediyinchwngtnkhriststwrrsthi 20 nktakhabxinediyidthuklaephuxsngxxkaelaepnhnunginnkthithukkhaxyangkwangkhwangthisudinxinediyxangxingInternational BirdLife International BirdLife 2016 10 01 IUCN Red List of Threatened Species Coracias benghalensis IUCN Red List of Threatened Species nktakhabxinediy eBird ebird org Linnaeus C 1758 Corvus benghalensis Systema Naturae per regna tria naturae secundum classes ordines genera species cum characteribus differentiis synonymis locis phasalatin Vol 1 10th ed Holmiae Stockholm Laurentii Salvii p 106 Albin E Derham W 1731 A Natural History of Birds Illustrated with a Hundred and One Copper Plates Curiously Engraven from the Life Vol 1 London Printed for the author and sold by William Innys p 17 Plate 17 Linnaeus C 1766 Coracias indica Systema naturae per regna tria natura secundum classes ordines genera species cum characteribus differentiis synonymis locis phasalatin Vol 1 12th ed Holmiae Stockholm Laurentii Salvii p 159 Edwards G 1764 The Blue Jay from the East Indies Gleanings of Natural History Vol III London Printed for author at the Royal College of Physicians pp 247 248 1961 Proposal to designate a neotype for Corvus benghalensis Linnaeus 1758 Aves under the plenary powers Z N S 1465 Bulletin of Zoological Nomenclature 18 3 217 219 China W E 1963 Opinion 663 Corvus benghalensis Linnaeus 1758 Aves Designation of a neotype under the plenary powers Bulletin of Zoological Nomenclature 20 3 195 196 Donsker David b k January 2021 Rollers ground rollers kingfishers IOC World Bird List Version 11 1 International Ornithologists Union subkhnemux 5 April 2021 Rasmussen P C Anderton J C 2012 Birds of South Asia The Ripley Guide Vol 2 Attributes and Status Second ed Washington D C and Barcelona Smithsonian National Museum of Natural History and Lynx Edicions p 270 ISBN 978 84 96553 87 3 Avibase thankhxmul World Bird avibase bsc eoc org Johansson U S Irestedt M Qu Y Ericson P G P 2018 Phylogenetic relationships of rollers Coraciidae based on complete mitochondrial genomes and fifteen nuclear genes Molecular Phylogenetics and Evolution 126 17 22 doi 10 1016 j ympev 2018 03 030 PMID 29631051 Thurston E 1912 The Indian roller Coracias indica Omens and superstitions of southern India New York McBride Nast and Company p 88 Goodell G 1979 Bird lore in southwestern Iran Asian Folklore Studies 38 2 131 153 doi 10 2307 1177687 JSTOR 1177687 lukphsm nktakhabthung x nktakhabxinediy eBird ebird org Indochinese Roller b k 1985 Coracias benghalensis Indian roller Handbook of the Birds of Europe the Middle East and North Africa The Birds of the Western Palearctic Vol IV Terns to Woodpeckers Oxford Oxford University Press pp 778 783 ISBN 978 0 19 857507 8 Fry C H Fry K Harris A 1992 Kingfishers Bee eaters and Rollers A Handbook Helm Field Guides London New York New Delhi Sydney Bloomsbury pp 289 291 ISBN 978 0713680287 del Hoyo J Elliott A Sargatal J b k 2001 Handbook of the Birds of the World Volume 6 Mousebirds to Hornbills p 371 ISBN 978 84 87334 30 6 Ali S Ripley S D 1983 Handbook of the Birds of India and Pakistan Vol 4 Second ed Oxford University Press pp 116 120 b k 1985 Coracias benghalensis Indian roller Handbook of the Birds of Europe the Middle East and North Africa The Birds of the Western Palearctic Vol IV Terns to Woodpeckers Oxford Oxford University Press pp 778 783 ISBN 978 0 19 857507 8 nktakhabthung Indian Roller phaphthaynkthukchnidthiphbinpraethsithy International BirdLife International BirdLife 2016 10 01 IUCN Red List of Threatened Species Coracias benghalensis IUCN Red List of Threatened Species Rais M Khan M Z Abbass D Akber G Nawaz R 2011 A qualitative study on wildlife of Chotiari Reservoir Sanghar Sindh Pakistan PDF Pakistan Journal of Zoology 43 2 237 247 Ali Z Bibi F Shelly S Y Qazi A Khan A M 2011 Comparative avian faunal diversity of Jiwani Coastal Wetlands and Taunsa Barrage Wildlife Sanctuary Pakistan PDF Journal of Animal and Plant Sciences 21 2 381 387 Altaf M Javid A Khan A M Khan M S H Umair M Ali Z 2018 Anthropogenic impact on the distribution of the birds in the tropical thorn forest Punjab Pakistan Journal of Asia Pacific Biodiversity 11 2 229 236 doi 10 1016 j japb 2018 03 001 Bhatti Z Ghufran A Nazir F 2020 Seasonal population fluctuations in some non passeriformes at Marala Head Pakistan Journal of Bioresource Management 7 1 53 56 doi 10 35691 JBM 0202 0120 Porter R Aspinall S 2019 Indian roller Coracias benghalensis Birds of the Middle East Helm Field Guides Second ed London Bloomsbury Publishing p 204 ISBN 978 1 4729 7582 9 Balmer D Murdoch D 2009 PDF Sandgrouse 1 91 103 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2020 01 05 subkhnemux 2021 09 07 Bonser R Al Sirhan A Crochet P A Legrand V Monticelli D Pope M 2011 Birding Kuwait Birding World 24 1 18 Pandav B 1996 The birds of Bhitarkanika Mangroves eastern India Forktail 12 9 20 Balachnadran S 1995 Shore birds of the Marine National Park in the Gulf of Mannar Tamil Nadu Journal of the Bombay Natural History Society 92 3 303 313 Zarri A A Rahmani A R 2005 Annotated avifauna of the Upper Nilgiris Western Ghats India Buceros 10 1 1 60 nktakhabthung lingkesiy birdsofthailand net Sivakumaran N Thiyagesan K 2003 Population diurnal activity patterns and feeding ecology of the Indian Roller Coracias benghalensis Linnaeus 1758 Zoos Print Journal 18 5 1091 1095 doi 10 11609 jott zpj 18 5 1091 5 Mathew D N Narendran T C Zacharias V J 1978 A comparative study of the feeding habits of certain species of Indian birds affecting agriculture Journal of the Bombay Natural History Society 75 4 1178 1197 Burton P K J 1984 Anatomy and evolution of the feeding apparatus in the avian orders Coraciiformes and Piciformes Bulletin of the British Museum Natural History Zoology Series 47 6 331 443 Bishop M A Bennett G F 1986 Avian Haemoproteidae 23 The haemoproteids of the avian family Coraciidae rollers Canadian Journal of Zoology 64 9 1860 1863 doi 10 1139 z86 277 De Mello I F Emidio A 1935 Blood parasites of Coracias b benghalensis with special remarks on its two types of Leucocytozoon PDF Proceedings of the Indian Academy of Sciences Section B 2 67 73 PDF cakaehlngedimemux 29 March 2012 subkhnemux 4 July 2009 Ilyas R 1981 Redescription of Dispharynx pavonis Sanwal 1951 and Cyrnea graphophasiani Yamaguti 1935 Rivista di Parassitologia 42 1 179 183 Sanwal K C 1951 On a new avian nematode Habronema thapari n sp sub fam Spirurinae Railliet 1915 from the blue jay Coracias benghalensis Linnaeus Indian Journal of Helminthology 3 2 79 86 Junker K Boomker J 2007 A check list of the helminths of guineafowls Numididae and a host list of these parasites Onderstepoort Journal of Veterinary Research 74 4 315 337 doi 10 4102 ojvr v74i4 118 PMID 18453241 Tyabji H N 1994 The birds of Bandhavgarh National Park M P Journal of the Bombay Natural History Society 91 1 51 77 nktakhabthung Indian Roller lingkesiy chiangmaizoo com Mason C W 1911 1022 Coracias indica in Maxwell Lefroy H b k Memoirs of the Department of Agriculture in India Entomological Series Vol III The Food of Birds in India Pusa Agricultural Research Institute pp 155 159 Bharos A M K 1990 Unusually large congregation and behaviour of Indian Rollers Coracias benghalensis Journal of the Bombay Natural History Society 87 2 300 Rahmani A R Manakadan R 1987 Interspecific behaviour the Great Indian Bustard Ardeotis nigriceps Vigors Journal of the Bombay Natural History Society 84 2 317 331 Ali S Ripley S D 1983 Handbook of the Birds of India and Pakistan Vol 4 Second ed Oxford University Press pp 116 120 Bharos A M K 1992 Feeding by Common Nightjars Caprimulgus asiaticus and Indian Roller Coracias benghalensis in the light of mercury vapour lamps Journal of the Bombay Natural History Society 89 1 124 Bainbrigge Fletcher T Inglis C M 1920 Some common Indian birds No 1 The Indian Roller Coracias indica The Agricultural Journal of India 15 1 4 Bidie G 1901 The Protection of Wild Birds in India Society for the Protection of Birds No 37 Almasieh K Moazami M 2020 Identifying avifauna and the presence time of migratory birds at a university campus in the southwest of Iran Journal of Animal Diversity 2 1 104 126 doi 10 29252 JAD 2020 2 1 4 cakaehlngedimemux 2 September 2021 subkhnemux 7 June 2021 Symes A Taylor J Mallon D Porter R Simms C Budd K 2015 The conservation status and distribution of the breeding birds of the Arabian peninsula PDF Cambridge UK Gland Switzerland Sharjah United Arab Emirates IUCN and Environment and Protected Areas Authority PDF cakaehlngedimemux 29 April 2019 subkhnemux 9 April 2021 Saiduzzafar H 1984 Some observations on the apparent decrease in numbers of the Northern Roller or Blue Jay Coracias benghalensis Newsletter for Birdwatchers 24 5 amp 6 4 5 Goenka D 1986 Lack of traffic sense amongst Indian Rollers Journal of the Bombay Natural History Society 83 3 665 Sundar K S G 2004 Mortality of herpetofauna birds and mammals due to vehicular traffic in Etawah District Uttar Pradesh India Journal of the Bombay Natural History Society 101 3 392 398 Siva T Neelanarayanan P 2020 Impact of vehicular traffic on birds in Tiruchirappalli District Tamil Nadu India Journal of Threatened Taxa 12 10 16352 16356 doi 10 11609 jott 5532 12 10 16352 16356 Harness R E Javvadi P R amp Dwyer J F 2013 Avian electrocutions in western Rajasthan India Journal of Raptor Research 47 4 352 364 doi 10 3356 JRR 13 00002 1 Kipling J L 1904 The Roller Beast and Man in India a Popular Sketch of Indian Animals in Their Relations with the People London Macmillan and Co p 33 cakphnthipdxtkhxm Griffiths Walter G 1946 Luck and Omens The Kol tribe of central India Calcutta The Asiatic Society p 196 1898 Bengali and Behari Folklore about Birds Part I Journal of the Asiatic Society of Bengal Part III Anthropology and Cognate Subjects 67 2 67 74 Thurston Edgar 1909 Castes and Tribes of Southern India Volume VI Madras Government Press p 262 Know India National Informatics Centre NIC DeitY MoCIT Government of India khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 12 November 2013 subkhnemux 26 June 2016 State Symbols Telangana State Portal Government of Telangana cakaehlngedimemux 19 May 2017 subkhnemux 26 June 2016 Ilango K 2013 An Overview in The Director b k Fauna of Karnataka State Fauna Series 21 Kolkata Zoological Survey of India pp 1 6 Watt G 1908 Plumage Birds The Commercial Products of India London John Murray p 140 wikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb nktakhabxinediy wikispichismikhxmulphasaxngkvsekiywkb Coracias benghalensis