บทความนี้ยังต้องการเพิ่มเพื่อ |
ครูเสด (อังกฤษ: Crusade) เป็นชุดสงครามทางศาสนาในช่วงยุคกลาง ซึ่งคริสตจักรละตินเป็นผู้ริเริ่ม สนับสนุน และบางครั้งก็สั่งการเอง สงครามครั้งที่รู้จักกันดีที่สุด คือ คราวที่ส่งกองทัพไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ระหว่าง ค.ศ. 1095–1291 โดยประสงค์จะปลดปล่อยเยรูซาเล็มกับพื้นที่รายรอบให้พ้นจากการปกครองของมุสลิม กิจกรรมทางทหารที่เกิดขึ้นพร้อมกันในคาบสมุทรไอบีเรียเพื่อต่อต้านชาวมัวร์ (สงครามเรกองกิสตา) และในยุโรปตอนเหนือเพื่อต่อต้านเผ่าสลาฟ () ก็ได้ชื่อว่าครูเสดเช่นกัน ตลอดคริสต์ศตวรรษที่ 15 ยังมีครูเสดคราวอื่น ๆ อีกที่ได้รับอนุมัติจากศาสนจักรให้รบกับนิกายคริสต์นอกรีต รบกับจักรวรรดิไบแซนไทน์และจักรวรรดิออตโตมัน ปราบปรามลัทธินอกศาสนากับกลุ่มมิจฉาทิฐิ และเป็นไปเพื่อเหตุผลทางการเมือง ก็เกิดบ่อยครั้ง แต่ศาสนจักรไม่อนุมัติ นับตั้งแต่เริ่มครูเสดครั้งที่หนึ่งซึ่งส่งผลให้ศาสนาคริสต์ยึดเยรูซาเล็มคืนได้ใน ค.ศ. 1099 เป็นต้นมา ก็เกิดครูเสดอีกหลายสิบครั้ง ซึ่งก่อให้เกิดจุดศูนย์รวมความสนใจจุดหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ยุโรปนานหลายร้อยปี
ครูเสดนั้นเริ่มด้วยการที่ ประกาศครูเสดครั้งที่หนึ่ง ณ สภาแกลร์มงใน ค.ศ. 1095 โดยหนุนให้มีการสนับสนุนทางทหารแก่จักรพรรดิอเล็กซิออสที่ 1 แห่งไบแซนไทน์ เพื่อยกไปปราบ และเรียกร้องให้มีการส่งคณะจาริกอาวุธครบมือไปเยรูซาเล็ม มีกระแสตอบรับอย่างตื่นตัวจากทั่วทุกชนชั้นทางสังคมในยุโรปตะวันตก แรงจูงใจให้เกิดครูเสดครั้งที่หนึ่งนั้นมีหลายประการ เป็นต้นว่า ความต้องการช่วยให้รอดในทางศาสนา การปฏิบัติตามพันธะหน้าที่ในระบอบศักดินา โอกาสที่จะได้ชื่อเสียง และผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการเมือง ครูเสดครั้งหลัง ๆ มักมีกองทหารที่จัดตั้งขึ้นอย่างเป็นระบบเป็นผู้ดำเนินการ บางครั้งก็มีกษัตริย์นำไป และทุกครั้งจะได้รับ (indulgence) จากสันตะปาปา ความสำเร็จในช่วงแรก ๆ นำไปสู่การเกิดขึ้นของรัฐครูเสดสี่แห่ง คือ เคาน์ตีอิเดสซา ราชรัฐแอนติออก ราชอาณาจักรเยรูซาเลม และเคาน์ตีตริโปลี การมีอยู่ของนักรบครูเสดในภูมิภาคนี้ยังดำเนินต่อไปในบางรูปแบบจนกระทั่งใน ค.ศ. 1291 หลังจากนั้นก็ไม่มีครูเสดเกิดขึ้นเพื่อยึดดินแดนศักดิ์สิทธิ์กลับคืนอีก
ส่วนการต่อสู้ระหว่างชาวคริสต์กับชาวมุสลิมในคาบสมุทรไอบีเรีย ซึ่งได้รับการประกาศให้เป็นครูเสดเมื่อ ค.ศ. 1123 นั้น ได้รับการเรียกขานในหมู่ชาวคริสต์ว่า สงครามเรกองกิสตา สงครามนี้ยุติใน ค.ศ. 1492 ด้วยการล่มสลายของรัฐมุสลิม และนับแต่ ค.ศ. 1147 มา เกิดการรบในยุโรปตอนเหนือเพื่อต่อต้านชนเผ่านอกรีต ซึ่งถือว่าเป็นครูเสดเช่นกัน ใน ค.ศ. 1199 ริเริ่มการประกาศสงครามครูเซดทางการเมืองต่อชาวคริสต์นอกรีต ในคริสต์ศตวรรษที่ 13 มีการใช้ครูเสดเป็นเครื่องมือต่อต้านผู้ถือลัทธิใน และต่อต้านรัฐ มีการประพฤติเช่นนี้ต่อ ๆ มาเพื่อต่อต้านชาวในซาวอยและชาวในโบฮีเมียในคริสต์ศตวรรษที่ 15 และต่อต้านชาวโปรเตสแตนต์ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 นับแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 14 เป็นต้นมา มีการใช้วาทศิลป์เกี่ยวกับครูเสดเพื่อสนองต่อการเกิดขึ้นของจักรวรรดิออตโตมัน มายุติลงใน ค.ศ. 1699 ด้วย
ศัพทวิทยา
ในประวัติศาสตร์นิพนธ์สมัยใหม่ คำว่า "crusade" แรกเริ่มใช้เรียกคณะทหารอาสาชาวคริสต์ยุโรปในคริสต์ศตวรรษที่ 11, 12 และ 13 ที่เดินทางสู่แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ ต่อมาเริ่มนำคำไปใช้รวมถึงการรณรงค์ที่ชักนำ สนับสนุน และบางครั้งชี้นำโดยโรมันคาทอลิกเพื่อต่อต้านคนนอกศาสนา, หรือกล่าวหาศาสนาอื่นที่เป็นเป้าหมาย สิ่งเหล่านี้แตกต่างจากสงครามอื่น ๆ ของศาสนาคริสต์ที่ถูกพิจารณาว่าเป็นการสำนึกบาปและผู้ที่เข้าร่วมจะได้รับการให้อภัยต่อบาปที่รับสารภาพทั้งหมด การใช้คำศัพท์สามารถสร้างความซาบซึ้งประทับใจที่เข้าใจผิดถึงความเชื่อมโยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับสงครามครูเสดครั้งแรก และคำจำกัดความเป็นเรื่องสำคัญทางประวัติศาสตร์นิพนธ์ที่ยกมาอภิปรายกันในหมู่นักประวัติศาสตร์ร่วมสมัย
ในสงครามครูเสดครั้งที่ 1, iter, "การเดินทาง" และ peregrinatio, "จาริกแสวงบุญ" ถูกนำมาใช้ในการการรณรงค์ คำศัพท์ Crusader ยังคงไม่ถูกแยกออกจากการจาริกแสวงบุญของคริสเตียนในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12 ในตอนท้ายของคริสต์ศตวรรษภาษาเฉพาะของสงครามครูเสดถูกนำมาใช้ในรูปแบบของ crucesignatus—"หนึ่งสัญลักษ์คือกางเขน"—สำหรับผู้ทำสงครามศาสนา นำไปสู่ภาษาฝรั่งเศส croisade—เส้นทางแห่งกางเขน ในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 13 กางเขนได้กลายเป็นตัวบ่งชี้หลักของสงครามครูเสด ด้วย crux transmarina—"กางเขนโพ้นทะเล"— ใช้สำหรับสงครามครูเสดในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก และ crux cismarina—"กางเขนข้างทะเลนี้"— สำหรับสงครามครูเสดในยุโรป ในภาษาอังกฤษสมัยใหม่ คำว่า "crusade" สร้างขึ้นตั้งแต่ต้นคริสต์ทศวรรษที่ 1700
คำในภาษาอาหรับสำหรับการต่อสู้หรือการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการเผยแผ่ศาสนาอิสลาม—jihād— ถูกใช้สำหรับสงครามศาสนาของชาวมุสลิมกับคนนอกศาสนา และชาวมุสลิมบางคนเชื่อว่ามันคือหน้าที่ตามคัมภีร์กุรอานและหะดีษ "ภาษาแฟรงก์" และ "ภาษาละติน" ถูกใช้โดยประชาชนในตะวันออกใกล้ระหว่างสงครามครูเสดสำหรับชาวยุโรปตะวันตก ซึ่งแยกจากคริสเตียนไบแซนไทน์ซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม "Greeks" "Saracen" ถูกใช้เรียกชาวมุสลิมอาหรับ มาจากชื่อกรีกและโรมันสำหรับชนเผ่าเร่ร่อนในทะเลทรายซีเรีย-อาหรับ แหล่งข้อมูลสงครามครูเสดใช้คำว่า "Syrians" เพื่ออธิบายคริสเตียนที่พูดภาษาอาหรับซึ่งเป็นสมาชิกของคริสตจักรออร์โธดอกกรีก และ "Jacobites" สำหรับผู้ที่เป็นสมาชิกของคริสตจักรออร์โธดอกซ์ของซีเรีย รัฐสงครามครูเสดแห่งซีเรียและปาเลสไตน์เป็นที่รู้จักกันในนาม "Outremer" มาจากภาษาฝรั่งเศส outre-mer หรือ "ดินแดนโพ้นทะเล"
สงครามครูเสดแต่ละครั้ง
มีสงครามครูเสดเกิดขึ้นหลายครั้ง แต่ครั้งที่สำคัญที่ใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 11 ถึง 13 ซึ่งมีสงครามใหญ่ ๆ เกิดขึ้นถึง 9 ครั้งในมหาสงครามครั้งนี้และยังมีสงครามย่อย ๆ เกิดอีกหลายครั้งในระหว่างนั้น สงครามบางครั้งก็เกิดขึ้นภายในยุโรปเอง เช่น ที่สเปน และมีสงครามย่อย ๆ เกิดขึ้นตลอดศตวรรษที่ 16 จนถึงยุคเรอเนสซองซ์ และการปฏิรูปศาสนา
เมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก
พื้นหลัง
นบีมุฮัมมัดก่อตั้งศาสนาอิสลามในคาบสมุทรอาหรับและเมื่อสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 632 เกิดการรวมตัวของชาวอาหรับขึ้นเป็นรัฐเดียว อำนาจอาหรับขยายตัวอย่างรวดเร็วในคริสต์ศตวรรษที่ 7 และ 8 ส่วนใหญ่เกิดจากการพิชิตทางทหาร การแผ่อิทธิพลขยายไปถึงภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเอเชียใต้ ข้ามเอเชียกลาง ตะวันออกกลาง รวมถึงการยึดกรุงเยรูซาเล็มจากจักรวรรดิไบแซนไทน์หลังจากปิดล้อมในปี ค.ศ. 637 แอฟริกาเหนือ ตอนใต้ของอิตาลี คาบสมุทรไอบีเรียและเทือกเขาพิเรนีส ความอดกลั้น การค้า และความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างอาหรับและรัฐคริสเตียนของยุโรปเกิดขึ้นและจางหาย ยกตัวอย่างเช่น (al-Hakim bi-Amr Allah) กาหลิบราชวงศ์ฟาติมียะห์ได้ทำลายโบสถ์แห่งสุสานศักดิ์สิทธิ์ (Church of the Holy Sepulchre) ในกรุงเยรูซาเล็ม แต่ผู้สืบตำแหน่งอนุญาตให้จักรวรรดิไบแซนไทน์สร้างขึ้นใหม่ จักรวรรดิไบแซนไทน์ได้ดินแดนคืนเมื่อปลายคริสต์ศตวรรษที่ 10 โดยกษัตริย์บาซิลที่ 2 (Basil II) ซึ่งใช้เวลาส่วนใหญ่ในรัชกาลถึงครึ่งศตวรรษในการปราบพิชิต การแสวงบุญของชาวคาทอลิกไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ได้รับอนุญาต ชาวคริสเตียนในดินแดนมุสลิมได้รับสถานะษิมมี (Dhimmi) มีสิทธิตามกฎหมายและได้รับการคุ้มครองจากกฎหมาย คริสเตียนเหล่านี้ได้รับอนุญาตให้รักษาโบสถ์ไว้ และการแต่งงานข้ามศาสนาหรือความเชื่อไม่ใช่เรื่องแปลก วัฒนธรรมและหลักความเชื่อต่าง ๆ ดำรงอยู่ร่วมกันและและแข่งขันกัน แต่เมื่อกลับไปยังยุโรปตะวันตก ผู้แสวงบุญชาวคาทอลิกและพ่อค้ากลับรายงานว่าสภาพชายแดนระหว่างท่าเรือซีเรียและกรุงเยรูซาเล็มไม่เอื้ออำนวยต่อการอยู่อาศัยเป็นอย่างมาก
ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 8 คริสตศาสนิกชนเข้าร่วมการทัพเพื่อยึดคาบสมุทรไอบีเรียคืน ที่รู้จักกันในชื่อ เรกองกิสตา การทัพถึงจุดผลิกผันในปี ค.ศ. 1085 เมื่อกษัตริย์อัลฟอนโซแห่งเลอองและคาสเตล (Alfonso VI of León and Castile) เข้ายึดโตเลโด ในเวลาเดียวกัน เอมิเรตแห่งซิซิลีถูกพิชิตโดยนอร์มัน โรเจอร์แห่งฮัวเตวิลล์ (Roger de Hauteville) ผู้เสี่ยงโชคใน ค.ศ. 1091 ยุโรปในช่วงเวลานี้ตกอยู่ในการดิ้นรนต่อสู้กับอำนาจต่าง ๆ หลายด้าน ใน ค.ศ. 1054 จากความพยายามนับศตวรรษของคริสตจักรลาตินที่จะถือสิทธิ์สูงสุดเหนืออัครบิดรแห่งจักรวรรดิตะวันออกนำไปสู่การแบ่งแยกคริสตจักรอย่างถาวรที่เรียกว่าศาสนเภทตะวันออก-ตะวันตก จากการปฏิรูปเกรกอเรียน (Gregorian Reform) สันตะปาปานักปฏิรูปพยายามที่จะเพิ่มอำนาจและอิทธิพลเหนือฆราวาส เริ่มต้นราว ค.ศ. 1075 และต่อเนื่องไประหว่างสงครามครูเสดครั้งที่ 1 ข้อขัดแย้งเรื่องการสถาปนาสมณศักดิ์คือการต่อสู้ทางอำนาจระหว่างคริสตจักรกับรัฐในยุโรปยุคกลางว่าคริสตจักรคาทอลิกหรือจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ที่จะแต่งตั้งและสถาปนาสมณศักดิ์นักบวช พระสันตะปาปาซ้อนคลีเมนต์ที่ 3 (Antipope Clement III) ซึ่งเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาอีกองค์หนึ่งในช่วงเวลานี้และสมเด็จพระสันตะปาปาเออร์บันทรงใช้เวลาส่วนใหญ่ในตอนต้นของการดำรงตำแหน่งสังฆราชของพระองค์ในการลี้ภัยออกจากโรม ผลที่ตามมาก็คือการนับถือศาสนาและความสนใจในเรื่องศาสนาเพิ่มมากขึ้นในหมู่ประชากรทั่วไปในยุโรปคาทอลิก และการโฆษณาชวนเชื่อทางศาสนาโดยองค์สันตะปาปาสนับสนุนสงครามอันชอบธรรมเพื่อเรียกคืนปาเลสไตน์จากชาวมุสลิม การร่วมในสงครามครูเสดถูกมองว่าเป็นรูปแบบของการสำนึกบาปที่สามารถชดเชยบาปได้
สภานการณ์ที่เป็นอยู่ถูกทำให้เสียกระบวนโดยการอพยพชาวตะวันตกของเผ่าเติร์ก ปี ค.ศ. 1071 ชัยชนะเหนือกองทัพไบแซนไทน์ใน เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์สำคัญโดยนักประวัติศาสตร์ เหตุการณ์นี้ถือว่าเป็นหนึ่งในขั้นตอนของการขยายตัวของจักรวรรดิเซลจุคสู่อานาโตเลีย หนึ่งปีหลังจากนั้น ชาวเติร์กได้แย่งสิทธ์การควบคุมปาเลสไตน์จากราชวงศ์ฟาติมียะห์
สงครามครูเสดครั้งที่ 1 ค.ศ. 1095-1101
เริ่มต้นเมื่อปี 1095 โดยสมเด็จพระสันตะปาปาเออร์บันที่ 2 (Urban II) แห่งกรุงโรม รวบรวมกองทัพชาวคริสต์ไปยังกรุงเยรูซาเลม ช่วงแรกกองทัพของ (Peter the Hermit) นำล่วงหน้ากองทัพใหญ่ไปก่อน ส่วนกองทัพหลักมีประมาณ 50,000 คนซึ่งส่วนใหญ่มาจากประเทศฝรั่งเศส นำโดย โอรสของสมเด็จพระเจ้าวิลเลียมที่ 1 แห่งอังกฤษ
ในที่สุดเมื่อปี 1099 กองทัพก็เดินทางจากแอนติออคมาถึงกำแพงเมือง และยึดฐานที่มั่นใกล้กำแพงเข้าปิดล้อมเยรูซาเลมไว้ กองกำลังมุสลิมที่ได้รับการขนานนามว่า ได้ต่อสู้ด้วยความเข้มแข็ง ทว่าท้ายที่สุดนักรบครูเสดก็บุกฝ่าเข้าไป และฆ่าล้างทุกคนที่ไม่ใช่ชาวคริสต์กระทั่งชาวมุสลิมในเมืองหรือชาวยิวในสถานที่ทางศาสนาก็ล้วนถูกฆ่าจนหมด เหลือเพียงผู้ปกครองเดิมในขณะนั้นซึ่งได้รับอนุญาตให้ออกไปได้ แต่ทว่าข่าวการรบนั้นไม่อาจไปถึงพระสันตะปาปา เนื่องจากพระองค์สิ้นพระชนม์ในอีกไม่กี่วันถัดมา
ผู้นำเหล่านักรบศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับเลือกคือ กอดฟรีย์แห่งบูยง ซึ่งอยู่ในตำแหน่งนานหนึ่งปีจึงเสียชีวิต เดือนกรกฎาคมปี 1100 จากเอเดสซาจึงขึ้นสืบเป็นกษัตริย์ พระองค์อภิเษกกับเจ้าหญิงอาร์เมเนีย แต่ไร้รัชทายาท พระองค์สวรรคตในปี 1118 ผู้เป็นราชนัดดานามจึงครองราชย์เป็นกษัตริย์บอลด์วินที่ 2 แห่งอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ มีราชธิดา 3 พระองค์ และที่น่าสนใจคือครั้งนี้บัลลังก์สืบทอดทางธิดาองค์โตหรือมเหสี และพระสวามีจะครองราชย์แทนกษัตริย์องค์ก่อน
สงครามครูเสดมีสาเหตุหลักมาจากความแตกต่างทางความเชื่อในศาสนาแต่ละศาสนา จนทำให้ไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน ซึ่งผู้เริ่มต้นคือชาวมุสลิมต้องการครอบครองดินแดนศักดิ์สิทธิ์ คือ กรุงเยรูซาเลม นอกจากนั้นเหตุผลทางการเมืองก็เป็นอีกสาเหตุของสงครามด้วย เพราะในสมัยนั้นเศรษฐกิจในยุโรปตกต่ำ ผู้นำศาสนาในโรมันคาทอลิกเรืองอำนาจมาก และมีอำนาจเหนือกษัตริย์ และครอบครองทรัพย์สินมหาศาล ขนาดมีความเชื่อในตอนนั้นว่า ถ้าเป็นไปได้พ่อแม่ทุกคนอยากให้บุตรชายของตนเป็นนักบวชเพื่อจะเป็นผู้นำศาสนา
สงครามครูเสดได้คร่าชีวิตและทรัพย์สินของมนุษยชาติอย่างมากมายมหาศาล เพราะพระสันตะปาปาอ้างว่าเขาสามารถล้างบาปให้กับนักรบครูเสดได้ และอนุญาตให้ปล้น ฆ่า ยึดทรัพย์พวกนอกศาสนาได้ ซึ่งหลักการนี้ไม่มีในพระคำภีร์ไบเบิ้ล อีกทั้งขุนนางในสมัยนั้นต้องการยึดทรัพย์สินของพวกยิวที่ร่ำรวย และต้องการมีอิทธิพลในยุโรบไปจนถึงตะวันออกกลางจึงใช้ข้ออ้างของศาสนามาอ้างในการทำสงครามครั้งนี้
ผลของสงครามครูเสดนี้ฆ่าคนไปจำนวนมากมายนับจากยิวในยุโรบไปจนถึงยิวในเยรูซาเร็ม และทำให้ชาวมุสลิมและคริสเตียนบาดหมางกันทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ทั้งสองศาสนา แม้ทั้งสองจะมีความต่างกันแต่สามารถอยู่ร่วมกันได้ในดินแดนแถบนั้น และสงครามครูเสดทำให้ความขัดแย้งเหล่านั้นยังคงหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน
สงครามครูเสดครั้งที่ 2 (1147–1149)
ลัทธิศักดินา (Feudalism) ที่พวกครูเสดนำมาใช้ในเอเชียน้อย (Asia Minor) นี้ได้ระบาดในหมู่พวกมุสลิมเช่นกัน พวกมุสลิมชนชาติต่าง ๆ ในตะวันออกกลางต่างก็แก่งแย่งถืออำนาจกัน แตกออกเป็นหลายนคร
อิมาดุดดีน ซังกี (Imaduddin Zangi) ผู้เป็นบุตรคนหนึ่งของ อัก สุนกูร อัลฮาญิบ ซึ่งเป็นเจ้าเมืองฮะลับ หรืองอเลปโป (ภาษาละติน: Aleppo) ภายใต้อาณาจักรของ ใน ค.ศ. 1127 ได้เป็นอะตาเบก (เจ้านคร) แห่งโมสุล และต่อมา 1128 ก็ได้รวบรวมอเลปโปเข้าอยู่ใต้อำนาจของตน โดยเข้าข้างกษัตริย์แห่งสัลญูก ซึ่งกำลังแย่งชิงเขตแดนต่าง ๆ ของจักรวรรดิอับบาซียะฮ์ ในปี ค.ศ. 1135 เขาพยายามตีนครดามัสคัส เมื่อรวบรวมให้อยู่ใต้อำนาจ แต่ก็ไม่สำเร็จ ระหว่างทางที่ถอยทัพกลับไปอเลปโป ก็ได้เข้าตีนครฮิมสฺ เพื่อยึดมาเป็นของตน แต่ตีไม่สำเร็จ สองปีต่อมา ซังกีย้อนกลับมาตีนครฮิมสฺอีกครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จอีกเช่นกัน ทางนครดามัสคัสเมื่อกลัวว่าซังกีจะยกทัพมาประชิตเมืองอีกครั้ง ก็ได้ผูกสัมพันธไมตรีกับอาณาจักรเยรูซาเลมของพวกครูเสด
ซังกียกทัพไปตีพวกครูเสด จนเกิดปะทะกันที่บารีน ฟูล์ก เจ้าราชอาณาจักรเยรูซาเลมพ่ายแพ้ พากองทัพที่รอดตายหนีออกจากนครเยรูซาเลม ซังกีได้ผูกสัมพันธไมตรีกับนครดามัสคัส เมื่อเห็นว่าตนไม่มีความสามารถที่จะเอาชนะได้ ประกอบกับได้ข่าวว่า จักรพรรดิยอห์น คอมเนนุส (John Comnenus) ได้ยึดเอานครอันติออก ที่พวกครูเสดปกครองอยู่นั้น เข้ามาอยู่ในอาณาจักรไบแซนไทน์ และได้ส่งกองทัพมาประชิตเมืองอเลปโปของตน
พวกครูเสดที่ส่งมาโดยจักรพรรดิยอห์น คอมเนนุส (John Comnenus) พวกนี้ยึดเมืองบุซาอะ (Buzaa) ได้ฆ่าพวกผู้ชายทั้งหมดแล้วกวาดต้อนผู้หญิงและเด็กไปเป็นทาส
แม้ซังกีจะวางแผนการเพื่อยึดนครดามัสคัสอีกในเวลาต่อมา ถึงขั้นกับสมรสกับนางซุมุรรุด มารดาเจ้านคร ด้วยการยกเมืองฮิมสฺเป็นสินสอด และต่อมาเจ้านครก็ถูกลอบสังหาร ซังกีก็ไม่อาจจะยึดเอานครดามัสคัสเป็นของตนได้ เวลาต่อมา นครดามัสคัสก็กลับไปรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับพวกครูเสดอีกครั้ง และได้ร่วมกันโจมตีกองทัพของซังกีที่บานิยาส
ซังกีได้ยกทัพเข้าตีนครเอเดสสาที่อยู่ภายใต้พวกครูเสดแตกเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ค.ศ. 1114 จุดนี้เป็นจุดเริ่มต้นของสงครามครูเสดครั้งที่ 2
ซังงีถูกทาสรับใช้ของตน ซึ่งเป็นชาวแฟรงก์ ลอบสังหารเมื่อวันที่ 5 เราะบีอุษษานีย์ 541 ตรงกับวันที่ 14 กันยายน 1146 ซังงีมีบุตร 4 คน ล้วนเป็นคนมีความสามารถทั้งสิ้น ในระหว่างความยุ่งยากนี้พวกคริสต์ในเมืองเอเดสสา คิดกบฏฆ่าทหารมุสลิมที่รักษาเมืองและได้รับความช่วยเหลือจากพวกแฟรงก์ ภายใต้การนำของโยสเซลิน (Joscellin) ยึดเมืองเอเดสสาได้ แต่บุตรสองคนของซังงี ชื่อ นูรุดดีน มะฮฺมูด (ฝรั่งเรียก Noradius) ตีเมืองเอเดสสากลับคืนมาได้ พวกที่ก่อกบฏและทหารแฟรงก์ถูกฆ่า พวกอาร์มิเนียนที่เป็นต้นคิดกบฏถูกเนรเทศ และนูรุดดีนสั่งให้รื้อกำแพงเมือง ผู้คนต่างหนีออกจากเมืองจนเมืองเอเดสสากลายเป็นเมืองร้าง
การสูญเสียเมืองเอเดสสาเป็นครั้งที่ 2 นี้ ได้ก่อให้เกิดการโฆษณาขนานใหญ่ในยุโรป แบร์นาร์แห่งแกลร์โว (Bernard Clairvaux) ซึ่งฉลาดในการพูดและได้ฉายาว่า ปีเตอร์นักพรตคนที่สอง ได้เที่ยวเทศนาปลุกใจนักรบ ให้ร่วมกันป้องกันสถานกำเนิดแห่งศาสนาคริสต์ เหตุนี้ทำให้พวกคริสเตียนตกใจกลัวยิ่งนักว่า พวกสัลญูกตุรกีจะยกทัพมาตียุโรป และตนจะไม่ได้เป็นเจ้าของศาสนสถานในปาเลสไตน์อีก การปลุกใจครั้งนี้ไม่เร้าใจแต่เพียงขุนนาง อัศวินและสามัญชน ซึ่งเป็นส่วนในสงครามครูเสดครั้งแรกเท่านั้น พวกกษัตริย์ต่าง ๆ ก็พลอยนิยมไปด้วย พระเจ้าหลุยส์ที่ 7 แห่งฝรั่งเศสได้ถือเอาสงครามครูเสดเป็นเครื่องเบี่ยงบ่ายการกระทำอันโหดร้าย ต่อพลเมืองบางพวกที่เป็นกบฏต่อพระองค์ กษัตริย์คอนราดที่ 3 แห่งเยอรมันเข้าร่วมทัพด้วย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นใน ค.ศ. 1147 ข้างพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 แห่งฝรั่งเศส มีพระมเหสีร่วมไปในกองทัพด้วย ชื่ออิเลนอร์ (เอลินอร์แห่งอากีแตน มเหสีคนนี้ต่อมาไปสมรสกับพระเจ้าเฮนรี่ที่ 2 แห่งอังกฤษ) การที่ราชินีเข้าร่วมกองทัพด้วยทำให้ผู้หญิงฝรั่งเศสอีกจำนวนมากอาสาเข้ากองทัพครูเสด ซึ่งคราวนั้นมีพลประมาณ 900,000 คน พวกฝรั่งเศสได้กระทำชู้กับหญิงในกองทัพอย่างเปิดเผย กองทัพของสองกษัตริย์ได้รับการต่อต้านและเสียหายอย่างหนัก
ส่วนหนึ่งกองทัพของกษัตริย์คอนราดถูกทำลายที่เมืองลาซิกียะหฺ (ภาษาละติน: Laodicea หรือ Latakia) ส่วนกองทัพของพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 ที่ยกมาทางทะเลก็ถูกโจมตียับเยินโดยเฉพาะที่เมืองก็อดมูส (Babadagh ปัจจุบันในตุรกี ภาษาละติน: Cadmus) อย่างไรก็ตามเนื่องจากพวกครูเสดมีกำลังพลมาก จึงเหลือรอดมาถึงเมืองอันติออก ซึ่งเวลานั้นพวกขุนนางและอัศวินจำนวนมากพักอยู่ในเมืองอันติออก ซึ่งเวลานั้นเรย์มอง ผู้เป็นลุงของราชินีอีเลนอร์ เป็นผู้ปกครองเวลานั้นพวกขุนนางและอัศวินจำนวนมากพักอยู่ในเมืองอันติออกเช่น เคาน์เตสแห่งบัวส์ (Countess of Blois) เคาน์เตสแห่งรูสสี (Countess of Roussi) ดัชเชสแห่งบุยยอง (Duchess of Bouillon) Sybille แห่งแฟลนเดอร์ส และสตรีของผู้สูงศักดิ์อื่น ๆ อีก แต่จอมราชินีของพวกเขา คือมเหสีของพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 เมื่อพักผ่อนและสนุกสนานกับพวกผู้หญิงเพียงพอแล้ว พวกครูเสดก็ยกทัพเข้าล้อมเมืองดามัสคัส แต่ไม่สำเร็จ เพราะนูรุดดีน และสัยฟุดดีน อัลฆอซี บุตรทั้งสองของซังกี ได้ยกทัพมาช่วย ทั้งกษัตริย์คอนราดแห่งเยอรมนีและพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 แห่งฝรั่งเศสได้เลิกทัพกลับยุโรป พวกครูเสดต้องล่าทัพกลับบ้านเมืองด้วยความผิดหวังและสูญเสียอย่างหนัก
ส่วนพวกครูเสดที่มาจากพวกยุโรปเหนือ ก็ได้เคลื่อนทัพจนถึงโปรตุเกส แล้วได้ร่วมมือกับกษัตริย์อัลฟอนโซ เพื่อโจมตีนครลิสบอน และขับไล่พวกมุสลิมออกจากนครนี้ในปี 1147
กองทัพครูเสดจากเยอรมันได้เข้าไปโจมตีพวกสลาฟที่อยู่รอบอาณาเขตอาณาจักรเยอรมัน
สงครามครูเสดครั้งที่ 3 (1187–1192)
ศอลาฮุดดีน อัลอัยยูบีย์ ได้ตีเอานครเยรูซาเลมกลับคืนมาเป็นของพวกมุสลิมอีกครั้งในปี 1187
เมื่อศอลาฮุดดีนได้ข่าวพวกแฟรงก์ยกทัพมา จึงประชุมนายทัพโดยให้ความเห็นว่าจะโจมตีพวกนี้ขณะเดินทัพอยู่ แต่พวกนายพลว่าให้ตีเมื่อมาถึงชานเมืองอักกะ (Acre) พวกครูเสดได้ตั้งทัพล้อมเมืองนี้ไว้ และปีกข้างหนึ่งจดทะเล ทำให้สามารถรับเสบียงจากยุโรปได้สะดวก ถ้าศอลาฮุดดีนได้เริ่มโจมตีพวกนี้ขณะเดินทาง ก็คงไม่ประสบสถาณะคับขันเช่นนี้ พวกตุรกีจากเมืองใกล้ ๆ ก็ยกทัพมาช่วย และในวันที่ 1 ชะอฺบาน 585 (14 กันยายน 1189) ศอลาฮุดดีนได้เริ่มโจมตีพวกครูเสด หลานชายของท่านคนหนึ่งชื่อ ตะกียุดดีน ได้แสดงความกล้าหาญมากในการรบ ตอนนี้ทหารศอลาฮุดดีนมีกำลังน้อยกว่าพวกครุเสดมาก เพราะต้องกระจายกำลังป้องกันเมืองหน้าด่านต่าง ๆ เช่นที่ยืนยันเขตแดนติดเมืองตริโปลี เอเดสสา อันติออก อเล็กซานเดรีย ฯลฯ ในรอบนอกเมืองอักกานั้น พวกครูเสดถูกฆ่าราว 10,000 คน ได้เกิดโรคระบาดขึ้นเพราะด้วยศพทหารเหล่านี้ เนื่องจากติดพันอยู่การสงคราม ไม่สามารถรักษาที่รบให้สะอาดได้ ศอลาฮุดดีนเองได้รับโรคระบาดนี้ด้วย แพทย์แนะนำให้ถอนทหารและได้ยกทัพไปตั้งมั่นอยู่ที่ อัลคอรรูบะหฺ พวกครูเสดจึงยกทัพเข้าเมืองอักกาและเริ่มขุดคูรอบตัวเมือง
ศอลาฮุดดีนได้มีหนังสือไปยังสุลฎอนของมอร็อคโคให้ยกทัพมาสมทบช่วยแต่พวกนี้ได้ปฏิเสธ ในฤดูใบไม้ผลิศอลาฮุดดีนได้ยกทัพมาโจมตีเมืองอักกาอีก พวกครูเสดได้เสริมกำลังมั่นและสร้างหอคอยหลายแห่ง แต่ทั้งหมดถูกกองทัพศอลาฮุดดีนยิงด้วยด้วยลูกไฟ เกิดไฟไหม้ทำลายหมด ตอนนี้กำลังสมทบจากอียิปต์มาถึงทางเรือและกำลังการรบจากที่อื่นมาด้วย พวกแฟรงก์เสียกำลังการรบทางแก่อียิปต์อย่างยับเยิน พวกครูเสดถูกฆ่าและเสียกำลังทัพมาก แต่ในปลายเดือนกรกฎาคม 1190 เคานต์เฮนรี่แห่งแชมเปญ ผู้มีสายสัมพันธ์กับพระเจ้าแผ่นดินฝรั่งเศสได้ยกทัพหนุนมาถึง ศอลาฮุดดีนได้ถอยทัพไปตั้งมั่นที่อัลคอรรูบะหฺอีก ได้ทิ้งกองทหารย่อย ๆ ไว้ ซึ่งได้ต่อสู้พวกครูเสดอย่างกล้าหาญ ตอนนี้พวกครูเสดไม่สามารถคืบหน้าได้ จึงจดหมายไปยังพระสันตะปาปาขอให้จัดทัพหนุนมาช่วย พวกคริสเตียนได้หลั่งไหลกลับมาสมทบพวกครูเสดอีกครั้ง เพราะถือว่าการรบ "พวกนอกศาสนา" ครั้งนี้ทำให้ตนถูกเว้นบาปกรรมทั้งหมดและได้ขึ้นสวรรค์ ศอลาฮุดดีนจัดทัพรับมือพวกนี้อย่างเต็มที่ ให้ลูกชายของตนชื่อ อะลีย์ อุษมาน และฆอซี อยู่กลางทัพ ส่วนปีกทางขวาให้น้องชายชื่อสัยฟุดดีนเป็นแม่ทัพ ทางซ้ายให้เจ้านครต่าง ๆ คุม แต่ในวันประจัญบานกันนั้นตัวศอลาฮุดดีนเองป่วย จึงได้เฝ้าดูการสู้รบจากยอดเขาแห่งหนึ่ง พวกครูเสดถูกตีพ่ายตกทะเลได้รับความเสียหายอย่างหนัก พวกนี้เริ่มขาดแคลนอาหารและโดยที่ฤดูหนาวย่างเข้ามา จึงพักการรบ
เมื่อถึงต้นฤดูใบไม้ผลิ คือเดือนเมษายน 1191 พวกครูเสดได้รับทัพหนุนเพิ่มขึ้นอีก โดยพระเจ้าแผ่นดินฝรั่งเศสได้ยกทัพมา พร้อมกันนั้นพระเจ้าริชาร์ดใจสิงห์แห่งอังกฤษก็ยกทัพมาอีกด้วย มีเรือรบมา 20 ลำ เต็มไปด้วยทหารและกระสุน กำลังหนุนของศอลาฮุดดีนมาไม่พร้อม ทหารมุสลิมในเมืองอักกามีกำลังน้อยกว่าจึงขอยอมแพ้พวกครูเสด โดยแม่ทัพมุสลิมมีนคนหนึ่งชื่อ มัชตูบ ผู้คุมกำลังป้องกันอักกาได้อุทรต่อพระเจ้าแผ่นดินฝรั่งเศสแต่ถูกปฏิเสธเว้นแต่ พวกมุสลิมจะยอมยกเมืองเยรูซาเลมให้ พวกมุสลิมจึงกลับสู้รบอีกจนสุดชีวิต ขณะการล้อมเมืองและการสู้รบอยู่เป็นเช่นนี้ได้เกิดโรคระบาดเกิดขึ้น ในที่สุดมีเงื่อนไขว่า พวกมุสลิมจะต้องคืนไม้กางเขน(ดั้งเดิมสมัยพระเยซู) และต้องเสียค่าปรับเป็นทอง 200,000 แท่ง แต่เนื่องจากต้องเสียเวลาหาทองจำนวนเท่านี้ กษัตริย์ริชาร์ดใจสิงห์แห่งอังกฤษ ผู้ที่นักประวัติศาสตร์เคยยกย่องและชื่นชมกันนั้นได้จับทหารมุสลิมจำนวน 27,000 คน ออกจากเมืองและสับต่อหน้าต่อตาคนทั้งหลาย เมืองอักกาตกอยู่ในมือพวกครูเสดที่บ้าศาสนาเหล่านี้ ส่วนทัพศอลาฮุดดีนต้องถอยทัพไปตั้งที่อื่นเพราะกำลังน้อยกว่าและกำลังหนุนไม่มีพอ ตอนหนึ่งมีเรือจากอียิปต์ลำเลียงเสบียงมาช่วย แต่เกือบถูกครูเสดยึดได้ นายเรือจึงสั่งให้จมเรือพร้อมทั้งคนในเรือทั้งหมด
กองทัพครูเสดภายใต้การนำของพระเจ้าริชาร์ดใจสิงห์ได้บุกไปยังอัสก็อลาน (ภาษาละติน: Ascolon) ศอลาฮุดดีนได้ยกกองทัพไปยันไว้ได้มีการรบกันอย่างกล้าหาญถึง 11 ครั้ง ในการรบที่อัรสูฟ ศอลาฮุดดีนเสียทหารราว 8,000 คน ซึ่งเป็นทหารชั้นดีและพวกกล้าตาย เมื่อเห็นว่าอ่อนกำลังป้องกันปาเลสไตน์ไม่ได้ จึงยกทัพไปยังอัสก็ออลาน อพยพผู้คนออกหมดแล้วรื้ออาคารทิ้ง เมื่อพระเจ้าริชาร์ดมาถึง ก็เห็นแต่เมืองร้าง จึงทำสัญญาสงบศึกด้วย โดยได้ส่งทหารไปพบน้องชายศอลาฮุดดีนชื่อ สัยฟุดดีน (ภาษาละติน: Saphadin) ทั้งสองได้พบกัน ลูกของเจ้านครครูเสดคนหนึ่งเป็นล่าม พระเจ้าริชาร์ดจึงให้บอกความประสงค์ที่อยากให้ทำสัญญาสงบศึก พร้อมทั้งบอกเงื่อนไขด้วย ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ฝ่ายมุสลิมยอมรับไม่ได้ การพบกันครั้งนั้นไม่ได้ผล
ฝ่ายมาร์ควิสแห่งมองเฟอร์รัดผู้ร่วมมาในกองทัพด้วยเห็นว่าการทำสัญญาโอ้เอ้ จึงส่งสารถึงศอลาฮุดดีน โดยระบุเงื่อนไขบางอย่าง แต่สัญญานี้ไม่เป็นผลเช่นกัน ต่อมาพระเจ้าริชาร์ดขอพบศอลาฮุดดีนและเจรจาเรื่องสัญญาสงบศึกอีก โดยเสนอเงื่อนไขว่า พวกครูเสดต้องมีสิทธิครอบครองเมืองต่าง ๆ ที่ได้ตีไว้ และฝ่ายมุสลิมต้องคืนเยรูซาเลมให้พวกครูเสด พร้อมกับไม้กางเขนที่ทำด้วยไม้ ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าเป็นไม้ที่พระเยซูถูกพวกยิวตรึงทรมานด้วย ศอลาฮุดดีนปฏิเสธที่จะยกเมืองเยรูซาเลมให้พวกครูเสด แต่ยอมในเรื่องให้เอาไม้กางเขนที่กล่าวในเงื่อนไขที่ว่า พวกครูเสดต้องปฏิบัติตามสัญญาของตนอย่างเคร่งครัด การเจรจานี้ก็ไม่เป็นผลอีกเช่นกัน พระเจ้าริชาร์ดจึงหันไปเจรจากับสัยฟุดดีนใหม่โดยให้ความเห็นว่าการเจรจานี้ จะเป็นผลบังคับเมื่อศอลาฮุดดีนยินยอมด้วยในปั้นปลาย เงื่อนไขมีว่า
- กษัตริย์ริชาร์ดยินดียกน้องสาวของเขาผู้เป็นแม่หม้าย (แต่เดิมเป็นมเหสีของกษัตริย์ครองเกาะซิซิลี) ให้แก่สัยฟุดดีน(น้องชายศอลาฮุดดีน)
- ของหมั้นในการสมรสนี้คือ กษัตริย์ริชาร์ดจะยกเมืองที่พระองค์ตีได้ ตามชายทะเลให้น้องสาวของตน และศอลาฮุดดีนก็ต้องยกเมืองต่าง ๆ ที่ยึดได้ให้ น้องชายเป็นการทำขวัญเช่นกัน
- ให้ถือเมืองเยรูซาเลมเป็นเมืองกลาง ยกให้แก่คู่บ่าวสาวนี้ และศาสนิกของทั้งสองฝ่ายมีสิทธิ์ที่จะไปมาพำนัก อยู่ในเมืองนี้อย่างเสรี บ้านเมืองและอาคารทางศาสนาที่ปรักหักพัง ต่างช่วยกันซ่อมแซม
ศอลาฮุดดีนยอมตามเงื่อนไขนี้ แต่สัญญาก็ไม่เป็นผลอีก เพราะพวกพระในศาสนาคริสต์ไม่ยอมให้พวกคริสเตียนยกลูกสาว น้องสาว หรือผู้หญิงฝ่ายตนไปแต่งงานกับมุสลิมผู้ที่พวกเขาถือว่าเป็น “พวกนอกศาสนา” พวกบาทหลวงได้ชุมนุมกันที่จะขับพระเจ้าริชาร์ดออกจากศาสนาคริสต์ให้ตกเป็นคน นอกศาสนาไปด้วย และได้ขู่เข็ญน้องสาวของพระองค์ต่าง ๆ นานา
กษัตริย์ริชาร์ดจึงได้เข้าพบสัยฟุดดีนอีก ขอให้เปลี่ยนจากการนับถืออิสลามมาเป็นคริสเตียน แต่สัยฟุดดีนปฏิเสธ ในขณะเดียวกันกษัตริย์ริชาร์ดเกิดการรำคาญการแทรกแซงของมาร์ควิสแห่งมองเฟอร์รัด จึงจ้างให้ชาวพื้นเมืองลอบฆ่า เมื่อเรื่องมาถึงเช่นนี้ กษัตริย์ริชาร์ดก็ท้อใจอยากยกทัพกลับบ้าน เพราะตีเอาเยรูซาเลมไม่ได้ ได้เสนอเงื่อนไขที่จะทำสัญญาสงบศึกกับศอลาฮุดดีนไม่ยอมต่อเงื่อนไขบางข้อ เพราะบางเมืองที่กล่าวนั้นมีความสำคัญต่อการป้องกันอาณาจักรอย่างยิ่ง ไม่สามารถปล่อยให้หลุดมือไปได้ แต่ความพยายามของนักรบทั้งสองนี้ยังคงมีต่อไป จนในที่สุดเมื่อวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1192 (22 ชะอ์บาน ฮ.ศ. 588) ทั้งสองฝ่ายได้ทำสัญญาสงบศึกเป็นการถาวรและกษัตริย์ริชาร์ดได้ยกทัพกลับบ้านเมือง เขายกทัพผ่านทางตะวันออกของยุโรปโดยปลอมตัว แต่กลับถูกพวกเป็นคริสเตียนจับไว้ได้คุมขังไว้ ทางอังกฤษต้องส่งเงินจำนวนมากเพื่อไถ่ตัวเขา
สงครามครูเสดครั้งที่ 3 ก็ยุติลงเพียงนี้ ด้วยการสูญเสียชีวิตมนุษย์นับแสน ผู้คนนับล้านไร้ที่อยู่ บ้านเมืองถูกทำลาย หลังจากนั้นศอลาฮุดดีนได้ยกทหารกองเล็ก ๆ ไปตรวจตามเมืองชายฝั่ง และซ่อมแซมสถานที่ต่าง ๆ และได้กลับมาพักที่ดามัสคัสพร้อมครอบครัว จนกระทั่งท่านได้ถึงแก่กรรม เมื่อวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 1193 (27 เศาะฟัร ฮ.ศ. 589) มีอายุเพียง 55 ปี
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- "crusades". Oxford English Dictionary (3rd ed.). Oxford University Press. กันยายน 2005.
- Tyerman 2019, p. 1.
- Asbridge 2012, p. 40.
- Tyerman 2011, pp. 225–226.
- Constable 2001, pp. 1–22.
- Tyerman 2019, p. 5.
- "Outremer". Oxford English Dictionary (3rd ed.). Oxford University Press. กันยายน 2005.
- Tyerman 2011, p. 77.
- "jihad". Oxford English Dictionary (3rd ed.). Oxford University Press. กันยายน 2005.
- "Frank". Oxford English Dictionary (3rd ed.). Oxford University Press. กันยายน 2005.
- "Latin". Oxford English Dictionary (3rd ed.). Oxford University Press. กันยายน 2005.
- "Saracen". Oxford English Dictionary (3rd ed.). Oxford University Press. กันยายน 2005.
- Jotischky 2004, p. 141.
- Tyerman 2019, p. 105.
- Wickham 2009, p. 280
- Lock 2006, p. 4
- Hindley 2004, p. 14
- Pringle 1999, p. 157
- Findley 2005, p. 73
- Asbridge 2012, p. 28
- Bull 1999, pp. 18–19
- Mayer 1988, pp. 17–18
- Mayer 1988, pp. 2–3
- Rubenstein 2011, p. 18
- Cantor 1958, pp. 8–9
- Riley-Smith 2005, pp. 8–10
- Asbridge 2012, p. 27
- Hindley 2004, p. 15
บรรณานุกรม
- Asbridge, Thomas (2011). The Crusades: The Authoritative History of the War for the Holy Land. Ecco. ISBN .
- Esposito, John L. What Everyone Needs to Know about Islam.
- สงครามครูเสด โดยอะบู อิสรอฟีล 2012-10-30 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniyngtxngkarephimaehlngxangxingephuxphisucnkhwamthuktxngkhunsamarthphthnabthkhwamniidodyephimaehlngxangxingtamsmkhwr enuxhathikhadaehlngxangxingxacthuklbxxk haaehlngkhxmul sngkhramkhruesd khaw hnngsuxphimph hnngsux skxlar JSTOR eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir khruesd xngkvs Crusade epnchudsngkhramthangsasnainchwngyukhklang sungkhristckrlatinepnphurierim snbsnun aelabangkhrngksngkarexng sngkhramkhrngthiruckkndithisud khux khrawthisngkxngthphipyngdinaednskdisiththirahwang kh s 1095 1291 odyprasngkhcapldplxyeyrusaelmkbphunthirayrxbihphncakkarpkkhrxngkhxngmuslim kickrrmthangthharthiekidkhunphrxmkninkhabsmuthrixbieriyephuxtxtanchawmwr sngkhramerkxngkista aelainyuorptxnehnuxephuxtxtanephaslaf kidchuxwakhruesdechnkn tlxdkhriststwrrsthi 15 yngmikhruesdkhrawxun xikthiidrbxnumticaksasnckrihrbkbnikaykhristnxkrit rbkbckrwrrdiibaesnithnaelackrwrrdixxtotmn prabpramlththinxksasnakbklummicchathithi aelaepnipephuxehtuphlthangkaremuxng kekidbxykhrng aetsasnckrimxnumti nbtngaeterimkhruesdkhrngthihnungsungsngphlihsasnakhristyudeyrusaelmkhunidin kh s 1099 epntnma kekidkhruesdxikhlaysibkhrng sungkxihekidcudsunyrwmkhwamsniccudhnunginhnaprawtisastryuorpnanhlayrxypiphaphkrungeyrusaelminsngkhramkhruesdkhrngaerk khruesdnnerimdwykarthi prakaskhruesdkhrngthihnung n sphaaeklrmngin kh s 1095 odyhnunihmikarsnbsnunthangthharaekckrphrrdixelksixxsthi 1 aehngibaesnithn ephuxykipprab aelaeriykrxngihmikarsngkhnacarikxawuthkhrbmuxipeyrusaelm mikraaestxbrbxyangtuntwcakthwthukchnchnthangsngkhminyuorptawntk aerngcungicihekidkhruesdkhrngthihnungnnmihlayprakar epntnwa khwamtxngkarchwyihrxdinthangsasna karptibtitamphnthahnathiinrabxbskdina oxkasthicaidchuxesiyng aelaphlpraoychnthangesrsthkicaelakaremuxng khruesdkhrnghlng mkmikxngthharthicdtngkhunxyangepnrabbepnphudaeninkar bangkhrngkmikstriynaip aelathukkhrngcaidrb indulgence caksntapapa khwamsaercinchwngaerk naipsukarekidkhunkhxngrthkhruesdsiaehng khux ekhantixiedssa rachrthaexntixxk rachxanackreyrusaelm aelaekhantitriopli karmixyukhxngnkrbkhruesdinphumiphakhniyngdaenintxipinbangrupaebbcnkrathngin kh s 1291 hlngcaknnkimmikhruesdekidkhunephuxyuddinaednskdisiththiklbkhunxik swnkartxsurahwangchawkhristkbchawmusliminkhabsmuthrixbieriy sungidrbkarprakasihepnkhruesdemux kh s 1123 nn idrbkareriykkhaninhmuchawkhristwa sngkhramerkxngkista sngkhramniyutiin kh s 1492 dwykarlmslaykhxngrthmuslim aelanbaet kh s 1147 ma ekidkarrbinyuorptxnehnuxephuxtxtanchnephanxkrit sungthuxwaepnkhruesdechnkn in kh s 1199 rierimkarprakassngkhramkhruesdthangkaremuxngtxchawkhristnxkrit inkhriststwrrsthi 13 mikarichkhruesdepnekhruxngmuxtxtanphuthuxlththiin aelatxtanrth mikarpraphvtiechnnitx maephuxtxtanchawinsawxyaelachawinobhiemiyinkhriststwrrsthi 15 aelatxtanchawopretsaetntinkhriststwrrsthi 16 nbaetklangkhriststwrrsthi 14 epntnma mikarichwathsilpekiywkbkhruesdephuxsnxngtxkarekidkhunkhxngckrwrrdixxtotmn mayutilngin kh s 1699 dwysphthwithyainprawtisastrniphnthsmyihm khawa crusade aerkerimicheriykkhnathharxasachawkhristyuorpinkhriststwrrsthi 11 12 aela 13 thiedinthangsuaephndinskdisiththi txmaerimnakhaipichrwmthungkarrnrngkhthichkna snbsnun aelabangkhrngchinaodyormnkhathxlikephuxtxtankhnnxksasna hruxklawhasasnaxunthiepnepahmay singehlaniaetktangcaksngkhramxun khxngsasnakhristthithukphicarnawaepnkarsanukbapaelaphuthiekharwmcaidrbkarihxphytxbapthirbsarphaphthnghmd karichkhasphthsamarthsrangkhwamsabsungprathbicthiekhaicphidthungkhwamechuxmoyng odyechphaaxyangyingekiywkbsngkhramkhruesdkhrngaerk aelakhacakdkhwamepneruxngsakhythangprawtisastrniphnththiykmaxphipraykninhmunkprawtisastrrwmsmy insngkhramkhruesdkhrngthi 1 iter karedinthang aela peregrinatio carikaeswngbuy thuknamaichinkarkarrnrngkh khasphth Crusader yngkhngimthukaeykxxkcakkarcarikaeswngbuykhxngkhrisetiyninchwngkhriststwrrsthi 12 intxnthaykhxngkhriststwrrsphasaechphaakhxngsngkhramkhruesdthuknamaichinrupaebbkhxng crucesignatus hnungsylkskhuxkangekhn sahrbphuthasngkhramsasna naipsuphasafrngess croisade esnthangaehngkangekhn inchwngklangkhriststwrrsthi 13 kangekhnidklayepntwbngchihlkkhxngsngkhramkhruesd dwy crux transmarina kangekhnophnthael ichsahrbsngkhramkhruesdinthaelemdietxrereniyntawnxxk aela crux cismarina kangekhnkhangthaelni sahrbsngkhramkhruesdinyuorp inphasaxngkvssmyihm khawa crusade srangkhuntngaettnkhristthswrrsthi 1700 khainphasaxahrbsahrbkartxsuhruxkaraekhngkhn odyechphaaxyangyingsahrbkarephyaephsasnaxislam jihad thukichsahrbsngkhramsasnakhxngchawmuslimkbkhnnxksasna aelachawmuslimbangkhnechuxwamnkhuxhnathitamkhmphirkurxanaelahadis phasaaefrngk aela phasalatin thukichodyprachachnintawnxxkiklrahwangsngkhramkhruesdsahrbchawyuorptawntk sungaeykcakkhrisetiynibaesnithnsungepnthiruckinnam Greeks Saracen thukicheriykchawmuslimxahrb macakchuxkrikaelaormnsahrbchnephaerrxninthaelthraysieriy xahrb aehlngkhxmulsngkhramkhruesdichkhawa Syrians ephuxxthibaykhrisetiynthiphudphasaxahrbsungepnsmachikkhxngkhristckrxxrothdxkkrik aela Jacobites sahrbphuthiepnsmachikkhxngkhristckrxxrothdxkskhxngsieriy rthsngkhramkhruesdaehngsieriyaelapaelsitnepnthiruckkninnam Outremer macakphasafrngess outre mer hrux dinaednophnthael sngkhramkhruesdaetlakhrngmisngkhramkhruesdekidkhunhlaykhrng aetkhrngthisakhythiihythisudekidkhunrahwangstwrrsthi 11 thung 13 sungmisngkhramihy ekidkhunthung 9 khrnginmhasngkhramkhrngniaelayngmisngkhramyxy ekidxikhlaykhrnginrahwangnn sngkhrambangkhrngkekidkhunphayinyuorpexng echn thisepn aelamisngkhramyxy ekidkhuntlxdstwrrsthi 16 cnthungyukherxenssxngs aelakarptirupsasna emdietxrereniyntawnxxk phunhlng karkhyaytwkhxngsasnaxislamrahwang kh s 622 750 karkhyaytwkhxngsasnaxislamphayitmuhmmd kh s 622 632 rahwangckrwrrdirxchidin kh s 632 661 aelarahwangrachwngsxumyyah kh s 661 750 nbimuhmmdkxtngsasnaxislaminkhabsmuthrxahrbaelaemuxsinphrachnminpi kh s 632 ekidkarrwmtwkhxngchawxahrbkhunepnrthediyw xanacxahrbkhyaytwxyangrwderwinkhriststwrrsthi 7 aela 8 swnihyekidcakkarphichitthangthhar karaephxiththiphlkhyayipthungphakhtawntkechiyngehnuxkhxngexechiyit khamexechiyklang tawnxxkklang rwmthungkaryudkrungeyrusaelmcakckrwrrdiibaesnithnhlngcakpidlxminpi kh s 637 aexfrikaehnux txnitkhxngxitali khabsmuthrixbieriyaelaethuxkekhaphiernis khwamxdkln karkha aelakhwamsmphnththangkaremuxngrahwangxahrbaelarthkhrisetiynkhxngyuorpekidkhunaelacanghay yktwxyangechn al Hakim bi Amr Allah kahlibrachwngsfatimiyahidthalayobsthaehngsusanskdisiththi Church of the Holy Sepulchre inkrungeyrusaelm aetphusubtaaehnngxnuyatihckrwrrdiibaesnithnsrangkhunihm ckrwrrdiibaesnithniddinaednkhunemuxplaykhriststwrrsthi 10 odykstriybasilthi 2 Basil II sungichewlaswnihyinrchkalthungkhrungstwrrsinkarprabphichit karaeswngbuykhxngchawkhathxlikipyngsthanthiskdisiththiidrbxnuyat chawkhrisetiynindinaednmuslimidrbsthanasimmi Dhimmi misiththitamkdhmayaelaidrbkarkhumkhrxngcakkdhmay khrisetiynehlaniidrbxnuyatihrksaobsthiw aelakaraetngngankhamsasnahruxkhwamechuximicheruxngaeplk wthnthrrmaelahlkkhwamechuxtang darngxyurwmknaelaaelaaekhngkhnkn aetemuxklbipyngyuorptawntk phuaeswngbuychawkhathxlikaelaphxkhaklbraynganwasphaphchayaednrahwangthaeruxsieriyaelakrungeyrusaelmimexuxxanwytxkarxyuxasyepnxyangmak tnkhriststwrrsthi 8 khristsasnikchnekharwmkarthphephuxyudkhabsmuthrixbieriykhun thiruckkninchux erkxngkista karthphthungcudphlikphninpi kh s 1085 emuxkstriyxlfxnosaehngelxxngaelakhasetl Alfonso VI of Leon and Castile ekhayudotelod inewlaediywkn exmiertaehngsisilithukphichitodynxrmn orecxraehnghwetwill Roger de Hauteville phuesiyngochkhin kh s 1091 yuorpinchwngewlanitkxyuinkardinrntxsukbxanactang hlaydan in kh s 1054 cakkhwamphyayamnbstwrrskhxngkhristckrlatinthicathuxsiththisungsudehnuxxkhrbidraehngckrwrrditawnxxknaipsukaraebngaeykkhristckrxyangthawrthieriykwasasnephthtawnxxk tawntk cakkarptirupekrkxeriyn Gregorian Reform sntapapankptirupphyayamthicaephimxanacaelaxiththiphlehnuxkhrawas erimtnraw kh s 1075 aelatxenuxngiprahwangsngkhramkhruesdkhrngthi 1 khxkhdaeyngeruxngkarsthapnasmnskdikhuxkartxsuthangxanacrahwangkhristckrkbrthinyuorpyukhklangwakhristckrkhathxlikhruxckrwrrdiormnxnskdisiththithicaaetngtngaelasthapnasmnskdinkbwch phrasntapapasxnkhliemntthi 3 Antipope Clement III sungepnsmedcphrasntapapaxikxngkhhnunginchwngewlaniaelasmedcphrasntapapaexxrbnthrngichewlaswnihyintxntnkhxngkardarngtaaehnngsngkhrachkhxngphraxngkhinkarliphyxxkcakorm phlthitammakkhuxkarnbthuxsasnaaelakhwamsnicineruxngsasnaephimmakkhuninhmuprachakrthwipinyuorpkhathxlik aelakarokhsnachwnechuxthangsasnaodyxngkhsntapapasnbsnunsngkhramxnchxbthrrmephuxeriykkhunpaelsitncakchawmuslim karrwminsngkhramkhruesdthukmxngwaepnrupaebbkhxngkarsanukbapthisamarthchdechybapid sphankarnthiepnxyuthukthaihesiykrabwnodykarxphyphchawtawntkkhxngephaetirk pi kh s 1071 chychnaehnuxkxngthphibaesnithnin emuxphicarnacakehtukarnsakhyodynkprawtisastr ehtukarnnithuxwaepnhnunginkhntxnkhxngkarkhyaytwkhxngckrwrrdieslcukhsuxanaoteliy hnungpihlngcaknn chawetirkidaeyngsiththkarkhwbkhumpaelsitncakrachwngsfatimiyah sngkhramkhruesdkhrngthi 1 kh s 1095 1101 smedcphrasntapapaexxrbnthi 2 insphaaehngekhliymxnthprakasihaeyngchingaednskdisiththikhun erimtnemuxpi 1095 odysmedcphrasntapapaexxrbnthi 2 Urban II aehngkrungorm rwbrwmkxngthphchawkhristipyngkrungeyrusaelm chwngaerkkxngthphkhxng Peter the Hermit nalwnghnakxngthphihyipkxn swnkxngthphhlkmipraman 50 000 khnsungswnihymacakpraethsfrngess naody oxrskhxngsmedcphraecawileliymthi 1 aehngxngkvs inthisudemuxpi 1099 kxngthphkedinthangcakaexntixxkhmathungkaaephngemuxng aelayudthanthimniklkaaephngekhapidlxmeyrusaelmiw kxngkalngmuslimthiidrbkarkhnannamwa idtxsudwykhwamekhmaekhng thwathaythisudnkrbkhruesdkbukfaekhaip aelakhalangthukkhnthiimichchawkhristkrathngchawmusliminemuxnghruxchawyiwinsthanthithangsasnaklwnthukkhacnhmd ehluxephiyngphupkkhrxngediminkhnannsungidrbxnuyatihxxkipid aetthwakhawkarrbnnimxacipthungphrasntapapa enuxngcakphraxngkhsinphrachnminxikimkiwnthdma phunaehlankrbskdisiththithiidrbeluxkkhux kxdfriyaehngbuyng sungxyuintaaehnngnanhnungpicungesiychiwit eduxnkrkdakhmpi 1100 cakexedssacungkhunsubepnkstriy phraxngkhxphieskkbecahyingxaremeniy aetirrchthayath phraxngkhswrrkhtinpi 1118 phuepnrachnddanamcungkhrxngrachyepnkstriybxldwinthi 2 aehngxanackrskdisiththi mirachthida 3 phraxngkh aelathinasnickhuxkhrngnibllngksubthxdthangthidaxngkhothruxmehsi aelaphraswamicakhrxngrachyaethnkstriyxngkhkxn sngkhramkhruesdmisaehtuhlkmacakkhwamaetktangthangkhwamechuxinsasnaaetlasasna cnthaihimekhaicsungknaelakn sungphuerimtnkhuxchawmuslimtxngkarkhrxbkhrxngdinaednskdisiththi khux krungeyrusaelm nxkcaknnehtuphlthangkaremuxngkepnxiksaehtukhxngsngkhramdwy ephraainsmynnesrsthkicinyuorptkta phunasasnainormnkhathxlikeruxngxanacmak aelamixanacehnuxkstriy aelakhrxbkhrxngthrphysinmhasal khnadmikhwamechuxintxnnnwa thaepnipidphxaemthukkhnxyakihbutrchaykhxngtnepnnkbwchephuxcaepnphunasasna sngkhramkhruesdidkhrachiwitaelathrphysinkhxngmnusychatixyangmakmaymhasal ephraaphrasntapapaxangwaekhasamarthlangbapihkbnkrbkhruesdid aelaxnuyatihpln kha yudthrphyphwknxksasnaid sunghlkkarniimmiinphrakhaphiribebil xikthngkhunnanginsmynntxngkaryudthrphysinkhxngphwkyiwthirarwy aelatxngkarmixiththiphlinyuorbipcnthungtawnxxkklangcungichkhxxangkhxngsasnamaxanginkarthasngkhramkhrngni phlkhxngsngkhramkhruesdnikhakhnipcanwnmakmaynbcakyiwinyuorbipcnthungyiwineyrusaerm aelathaihchawmuslimaelakhrisetiynbadhmangknthng thikxnhnanithngsxngsasna aemthngsxngcamikhwamtangknaetsamarthxyurwmknidindinaednaethbnn aelasngkhramkhruesdthaihkhwamkhdaeyngehlannyngkhnghlngehluxmacnthungpccubn sngkhramkhruesdkhrngthi 2 1147 1149 lththiskdina Feudalism thiphwkkhruesdnamaichinexechiynxy Asia Minor niidrabadinhmuphwkmuslimechnkn phwkmuslimchnchatitang intawnxxkklangtangkaekngaeyngthuxxanackn aetkxxkepnhlaynkhr ximaduddin sngki Imaduddin Zangi phuepnbutrkhnhnungkhxng xk sunkur xlhayib sungepnecaemuxnghalb hruxngxelpop phasalatin Aleppo phayitxanackrkhxng in kh s 1127 idepnxataebk ecankhr aehngomsul aelatxma 1128 kidrwbrwmxelpopekhaxyuitxanackhxngtn odyekhakhangkstriyaehngslyuk sungkalngaeyngchingekhtaedntang khxngckrwrrdixbbasiyah inpi kh s 1135 ekhaphyayamtinkhrdamskhs emuxrwbrwmihxyuitxanac aetkimsaerc rahwangthangthithxythphklbipxelpop kidekhatinkhrhims ephuxyudmaepnkhxngtn aettiimsaerc sxngpitxma sngkiyxnklbmatinkhrhims xikkhrng aetkimsaercxikechnkn thangnkhrdamskhsemuxklwwasngkicaykthphmaprachitemuxngxikkhrng kidphuksmphnthimtrikbxanackreyrusaelmkhxngphwkkhruesd sngkiykthphiptiphwkkhruesd cnekidpathaknthibarin fulk ecarachxanackreyrusaelmphayaeph phakxngthphthirxdtayhnixxkcaknkhreyrusaelm sngkiidphuksmphnthimtrikbnkhrdamskhs emuxehnwatnimmikhwamsamarththicaexachnaid prakxbkbidkhawwa ckrphrrdiyxhn khxmennus John Comnenus idyudexankhrxntixxk thiphwkkhruesdpkkhrxngxyunn ekhamaxyuinxanackribaesnithn aelaidsngkxngthphmaprachitemuxngxelpopkhxngtn phwkkhruesdthisngmaodyckrphrrdiyxhn khxmennus John Comnenus phwkniyudemuxngbusaxa Buzaa idkhaphwkphuchaythnghmdaelwkwadtxnphuhyingaelaedkipepnthas aemsngkicawangaephnkarephuxyudnkhrdamskhsxikinewlatxma thungkhnkbsmrskbnangsumurrud mardaecankhr dwykarykemuxnghims epnsinsxd aelatxmaecankhrkthuklxbsnghar sngkikimxaccayudexankhrdamskhsepnkhxngtnid ewlatxma nkhrdamskhskklbipruxfunkhwamsmphnthkbphwkkhruesdxikkhrng aelaidrwmknocmtikxngthphkhxngsngkithibaniyas sngkiidykthphekhatinkhrexedssathixyuphayitphwkkhruesdaetkemuxwnthi 24 thnwakhm kh s 1114 cudniepncuderimtnkhxngsngkhramkhruesdkhrngthi 2 sngngithukthasrbichkhxngtn sungepnchawaefrngk lxbsngharemuxwnthi 5 eraabixussaniy 541 trngkbwnthi 14 knyayn 1146 sngngimibutr 4 khn lwnepnkhnmikhwamsamarththngsin inrahwangkhwamyungyakniphwkkhristinemuxngexedssa khidkbtkhathharmuslimthirksaemuxngaelaidrbkhwamchwyehluxcakphwkaefrngk phayitkarnakhxngoyseslin Joscellin yudemuxngexedssaid aetbutrsxngkhnkhxngsngngi chux nuruddin mah mud frngeriyk Noradius tiemuxngexedssaklbkhunmaid phwkthikxkbtaelathharaefrngkthukkha phwkxarmieniynthiepntnkhidkbtthukenreths aelanuruddinsngihruxkaaephngemuxng phukhntanghnixxkcakemuxngcnemuxngexedssaklayepnemuxngrang karsuyesiyemuxngexedssaepnkhrngthi 2 ni idkxihekidkarokhsnakhnanihyinyuorp aebrnaraehngaeklrow Bernard Clairvaux sungchladinkarphudaelaidchayawa pietxrnkphrtkhnthisxng idethiywethsnaplukicnkrb ihrwmknpxngknsthankaenidaehngsasnakhrist ehtunithaihphwkkhrisetiyntkicklwyingnkwa phwkslyukturkicaykthphmatiyuorp aelatncaimidepnecakhxngsasnsthaninpaelsitnxik karplukickhrngniimeraicaetephiyngkhunnang xswinaelasamychn sungepnswninsngkhramkhruesdkhrngaerkethann phwkkstriytang kphlxyniymipdwy phraecahluysthi 7 aehngfrngessidthuxexasngkhramkhruesdepnekhruxngebiyngbaykarkrathaxnohdray txphlemuxngbangphwkthiepnkbttxphraxngkh kstriykhxnradthi 3 aehngeyxrmnekharwmthphdwy ehtukarnniekidkhunin kh s 1147 khangphraecahluysthi 7 aehngfrngess miphramehsirwmipinkxngthphdwy chuxxielnxr exlinxraehngxakiaetn mehsikhnnitxmaipsmrskbphraecaehnrithi 2 aehngxngkvs karthirachiniekharwmkxngthphdwythaihphuhyingfrngessxikcanwnmakxasaekhakxngthphkhruesd sungkhrawnnmiphlpraman 900 000 khn phwkfrngessidkrathachukbhyinginkxngthphxyangepidephy kxngthphkhxngsxngkstriyidrbkartxtanaelaesiyhayxyanghnk swnhnungkxngthphkhxngkstriykhxnradthukthalaythiemuxnglasikiyah phasalatin Laodicea hrux Latakia swnkxngthphkhxngphraecahluysthi 7 thiykmathangthaelkthukocmtiybeyinodyechphaathiemuxngkxdmus Babadagh pccubninturki phasalatin Cadmus xyangirktamenuxngcakphwkkhruesdmikalngphlmak cungehluxrxdmathungemuxngxntixxk sungewlannphwkkhunnangaelaxswincanwnmakphkxyuinemuxngxntixxk sungewlannerymxng phuepnlungkhxngrachinixielnxr epnphupkkhrxngewlannphwkkhunnangaelaxswincanwnmakphkxyuinemuxngxntixxkechn ekhanetsaehngbws Countess of Blois ekhanetsaehngrussi Countess of Roussi dchechsaehngbuyyxng Duchess of Bouillon Sybille aehngaeflnedxrs aelastrikhxngphusungskdixun xik aetcxmrachinikhxngphwkekha khuxmehsikhxngphraecahluysthi 7 emuxphkphxnaelasnuksnankbphwkphuhyingephiyngphxaelw phwkkhruesdkykthphekhalxmemuxngdamskhs aetimsaerc ephraanuruddin aelasyfuddin xlkhxsi butrthngsxngkhxngsngki idykthphmachwy thngkstriykhxnradaehngeyxrmniaelaphraecahluysthi 7 aehngfrngessidelikthphklbyuorp phwkkhruesdtxnglathphklbbanemuxngdwykhwamphidhwngaelasuyesiyxyanghnk swnphwkkhruesdthimacakphwkyuorpehnux kidekhluxnthphcnthungoprtueks aelwidrwmmuxkbkstriyxlfxnos ephuxocmtinkhrlisbxn aelakhbilphwkmuslimxxkcaknkhrniinpi 1147 kxngthphkhruesdcakeyxrmnidekhaipocmtiphwkslafthixyurxbxanaekhtxanackreyxrmn sngkhramkhruesdkhrngthi 3 1187 1192 sxlahuddin xlxyyubiy idtiexankhreyrusaelmklbkhunmaepnkhxngphwkmuslimxikkhrnginpi 1187 emuxsxlahuddinidkhawphwkaefrngkykthphma cungprachumnaythphodyihkhwamehnwacaocmtiphwknikhnaedinthphxyu aetphwknayphlwaihtiemuxmathungchanemuxngxkka Acre phwkkhruesdidtngthphlxmemuxngniiw aelapikkhanghnungcdthael thaihsamarthrbesbiyngcakyuorpidsadwk thasxlahuddiniderimocmtiphwknikhnaedinthang kkhngimprasbsthanakhbkhnechnni phwkturkicakemuxngikl kykthphmachwy aelainwnthi 1 chax ban 585 14 knyayn 1189 sxlahuddiniderimocmtiphwkkhruesd hlanchaykhxngthankhnhnungchux takiyuddin idaesdngkhwamklahaymakinkarrb txnnithharsxlahuddinmikalngnxykwaphwkkhruesdmak ephraatxngkracaykalngpxngknemuxnghnadantang echnthiyunynekhtaedntidemuxngtriopli exedssa xntixxk xelksanedriy l inrxbnxkemuxngxkkann phwkkhruesdthukkharaw 10 000 khn idekidorkhrabadkhunephraadwysphthharehlani enuxngcaktidphnxyukarsngkhram imsamarthrksathirbihsaxadid sxlahuddinexngidrborkhrabadnidwy aephthyaenanaihthxnthharaelaidykthphiptngmnxyuthi xlkhxrrubah phwkkhruesdcungykthphekhaemuxngxkkaaelaerimkhudkhurxbtwemuxng sxlahuddinidmihnngsuxipyngsuldxnkhxngmxrxkhokhihykthphmasmthbchwyaetphwkniidptiesth invduibimphlisxlahuddinidykthphmaocmtiemuxngxkkaxik phwkkhruesdidesrimkalngmnaelasranghxkhxyhlayaehng aetthnghmdthukkxngthphsxlahuddinyingdwydwylukif ekidifihmthalayhmd txnnikalngsmthbcakxiyiptmathungthangeruxaelakalngkarrbcakthixunmadwy phwkaefrngkesiykalngkarrbthangaekxiyiptxyangybeyin phwkkhruesdthukkhaaelaesiykalngthphmak aetinplayeduxnkrkdakhm 1190 ekhantehnriaehngaechmepy phumisaysmphnthkbphraecaaephndinfrngessidykthphhnunmathung sxlahuddinidthxythphiptngmnthixlkhxrrubah xik idthingkxngthharyxy iw sungidtxsuphwkkhruesdxyangklahay txnniphwkkhruesdimsamarthkhubhnaid cungcdhmayipyngphrasntapapakhxihcdthphhnunmachwy phwkkhrisetiynidhlngihlklbmasmthbphwkkhruesdxikkhrng ephraathuxwakarrb phwknxksasna khrngnithaihtnthukewnbapkrrmthnghmdaelaidkhunswrrkh sxlahuddincdthphrbmuxphwknixyangetmthi ihlukchaykhxngtnchux xaliy xusman aelakhxsi xyuklangthph swnpikthangkhwaihnxngchaychuxsyfuddinepnaemthph thangsayihecankhrtang khum aetinwnpracybanknnntwsxlahuddinexngpwy cungidefadukarsurbcakyxdekhaaehnghnung phwkkhruesdthuktiphaytkthaelidrbkhwamesiyhayxyanghnk phwknierimkhadaekhlnxaharaelaodythivduhnawyangekhama cungphkkarrb emuxthungtnvduibimphli khuxeduxnemsayn 1191 phwkkhruesdidrbthphhnunephimkhunxik odyphraecaaephndinfrngessidykthphma phrxmknnnphraecarichardicsinghaehngxngkvskykthphmaxikdwy mieruxrbma 20 la etmipdwythharaelakrasun kalnghnunkhxngsxlahuddinmaimphrxm thharmusliminemuxngxkkamikalngnxykwacungkhxyxmaephphwkkhruesd odyaemthphmuslimminkhnhnungchux mchtub phukhumkalngpxngknxkkaidxuthrtxphraecaaephndinfrngessaetthukptiesthewnaet phwkmuslimcayxmykemuxngeyrusaelmih phwkmuslimcungklbsurbxikcnsudchiwit khnakarlxmemuxngaelakarsurbxyuepnechnniidekidorkhrabadekidkhun inthisudmienguxnikhwa phwkmuslimcatxngkhunimkangekhn dngedimsmyphraeysu aelatxngesiykhaprbepnthxng 200 000 aethng aetenuxngcaktxngesiyewlahathxngcanwnethani kstriyrichardicsinghaehngxngkvs phuthinkprawtisastrekhyykyxngaelachunchmknnnidcbthharmuslimcanwn 27 000 khn xxkcakemuxngaelasbtxhnatxtakhnthnghlay emuxngxkkatkxyuinmuxphwkkhruesdthibasasnaehlani swnthphsxlahuddintxngthxythphiptngthixunephraakalngnxykwaaelakalnghnunimmiphx txnhnungmieruxcakxiyiptlaeliyngesbiyngmachwy aetekuxbthukkhruesdyudid nayeruxcungsngihcmeruxphrxmthngkhnineruxthnghmd kxngthphkhruesdphayitkarnakhxngphraecarichardicsinghidbukipyngxskxlan phasalatin Ascolon sxlahuddinidykkxngthphipyniwidmikarrbknxyangklahaythung 11 khrng inkarrbthixrsuf sxlahuddinesiythharraw 8 000 khn sungepnthharchndiaelaphwkklatay emuxehnwaxxnkalngpxngknpaelsitnimid cungykthphipyngxskxxlan xphyphphukhnxxkhmdaelwruxxakharthing emuxphraecarichardmathung kehnaetemuxngrang cungthasyyasngbsukdwy odyidsngthharipphbnxngchaysxlahuddinchux syfuddin phasalatin Saphadin thngsxngidphbkn lukkhxngecankhrkhruesdkhnhnungepnlam phraecarichardcungihbxkkhwamprasngkhthixyakihthasyyasngbsuk phrxmthngbxkenguxnikhdwy sungepnenguxnikhthifaymuslimyxmrbimid karphbknkhrngnnimidphl faymarkhwisaehngmxngefxrrdphurwmmainkxngthphdwyehnwakarthasyyaoxex cungsngsarthungsxlahuddin odyrabuenguxnikhbangxyang aetsyyaniimepnphlechnkn txmaphraecarichardkhxphbsxlahuddinaelaecrcaeruxngsyyasngbsukxik odyesnxenguxnikhwa phwkkhruesdtxngmisiththikhrxbkhrxngemuxngtang thiidtiiw aelafaymuslimtxngkhuneyrusaelmihphwkkhruesd phrxmkbimkangekhnthithadwyim sungphwkekhaechuxwaepnimthiphraeysuthukphwkyiwtrungthrmandwy sxlahuddinptiesththicaykemuxngeyrusaelmihphwkkhruesd aetyxmineruxngihexaimkangekhnthiklawinenguxnikhthiwa phwkkhruesdtxngptibtitamsyyakhxngtnxyangekhrngkhrd karecrcanikimepnphlxikechnkn phraecarichardcunghnipecrcakbsyfuddinihmodyihkhwamehnwakarecrcani caepnphlbngkhbemuxsxlahuddinyinyxmdwyinpnplay enguxnikhmiwa kstriyrichardyindiyknxngsawkhxngekhaphuepnaemhmay aetedimepnmehsikhxngkstriykhrxngekaasisili ihaeksyfuddin nxngchaysxlahuddin khxnghmninkarsmrsnikhux kstriyrichardcaykemuxngthiphraxngkhtiid tamchaythaelihnxngsawkhxngtn aelasxlahuddinktxngykemuxngtang thiyudidih nxngchayepnkarthakhwyechnkn ihthuxemuxngeyrusaelmepnemuxngklang ykihaekkhubawsawni aelasasnikkhxngthngsxngfaymisiththithicaipmaphank xyuinemuxngnixyangesri banemuxngaelaxakharthangsasnathiprkhkphng tangchwyknsxmaesm sxlahuddinyxmtamenguxnikhni aetsyyakimepnphlxik ephraaphwkphrainsasnakhristimyxmihphwkkhrisetiynykluksaw nxngsaw hruxphuhyingfaytnipaetngngankbmuslimphuthiphwkekhathuxwaepn phwknxksasna phwkbathhlwngidchumnumknthicakhbphraecarichardxxkcaksasnakhristihtkepnkhn nxksasnaipdwy aelaidkhuekhynxngsawkhxngphraxngkhtang nana kstriyrichardcungidekhaphbsyfuddinxik khxihepliyncakkarnbthuxxislammaepnkhrisetiyn aetsyfuddinptiesth inkhnaediywknkstriyrichardekidkarrakhaykaraethrkaesngkhxngmarkhwisaehngmxngefxrrd cungcangihchawphunemuxnglxbkha emuxeruxngmathungechnni kstriyrichardkthxicxyakykthphklbban ephraatiexaeyrusaelmimid idesnxenguxnikhthicathasyyasngbsukkbsxlahuddinimyxmtxenguxnikhbangkhx ephraabangemuxngthiklawnnmikhwamsakhytxkarpxngknxanackrxyangying imsamarthplxyihhludmuxipid aetkhwamphyayamkhxngnkrbthngsxngniyngkhngmitxip cninthisudemuxwnthi 2 knyayn kh s 1192 22 chaxban h s 588 thngsxngfayidthasyyasngbsukepnkarthawraelakstriyrichardidykthphklbbanemuxng ekhaykthphphanthangtawnxxkkhxngyuorpodyplxmtw aetklbthukphwkepnkhrisetiyncbiwidkhumkhngiw thangxngkvstxngsngengincanwnmakephuxithtwekha sngkhramkhruesdkhrngthi 3 kyutilngephiyngni dwykarsuyesiychiwitmnusynbaesn phukhnnblanirthixyu banemuxngthukthalay hlngcaknnsxlahuddinidykthharkxngelk iptrwctamemuxngchayfng aelasxmaesmsthanthitang aelaidklbmaphkthidamskhsphrxmkhrxbkhrw cnkrathngthanidthungaekkrrm emuxwnthi 4 minakhm kh s 1193 27 esaafr h s 589 mixayuephiyng 55 piduephimsngkhramkhruesdkhrngthi 4 sngkhramkhruesdkhrngthi 5 sngkhramkhruesdkhrngthi 6 sngkhramkhruesdkhrngthi 7 sngkhramkhruesdkhrngthi 8 sngkhramkhruesdkhrngthi 9xangxing crusades Oxford English Dictionary 3rd ed Oxford University Press knyayn 2005 Tyerman 2019 p 1 sfn error no target CITEREFTyerman2019 Asbridge 2012 p 40 sfn error no target CITEREFAsbridge2012 Tyerman 2011 pp 225 226 sfn error no target CITEREFTyerman2011 Constable 2001 pp 1 22 sfn error no target CITEREFConstable2001 Tyerman 2019 p 5 sfn error no target CITEREFTyerman2019 Outremer Oxford English Dictionary 3rd ed Oxford University Press knyayn 2005 Tyerman 2011 p 77 sfn error no target CITEREFTyerman2011 jihad Oxford English Dictionary 3rd ed Oxford University Press knyayn 2005 Frank Oxford English Dictionary 3rd ed Oxford University Press knyayn 2005 Latin Oxford English Dictionary 3rd ed Oxford University Press knyayn 2005 Saracen Oxford English Dictionary 3rd ed Oxford University Press knyayn 2005 Jotischky 2004 p 141 sfn error no target CITEREFJotischky2004 Tyerman 2019 p 105 sfn error no target CITEREFTyerman2019 Wickham 2009 p 280harvnb error no target CITEREFWickham2009 Lock 2006 p 4harvnb error no target CITEREFLock2006 Hindley 2004 p 14harvnb error no target CITEREFHindley2004 Pringle 1999 p 157harvnb error no target CITEREFPringle1999 Findley 2005 p 73harvnb error no target CITEREFFindley2005 Asbridge 2012 p 28harvnb error no target CITEREFAsbridge2012 Bull 1999 pp 18 19harvnb error no target CITEREFBull1999 Mayer 1988 pp 17 18harvnb error no target CITEREFMayer1988 Mayer 1988 pp 2 3harvnb error no target CITEREFMayer1988 Rubenstein 2011 p 18harvnb error no target CITEREFRubenstein2011 Cantor 1958 pp 8 9harvnb error no target CITEREFCantor1958 Riley Smith 2005 pp 8 10harvnb error no target CITEREFRiley Smith2005 Asbridge 2012 p 27harvnb error no target CITEREFAsbridge2012 Hindley 2004 p 15harvnb error no target CITEREFHindley2004 brrnanukrmAsbridge Thomas 2011 The Crusades The Authoritative History of the War for the Holy Land Ecco ISBN 978 0060787295 Esposito John L What Everyone Needs to Know about Islam sngkhramkhruesd odyxabu xisrxfil 2012 10 30 thi ewyaebkaemchchin bthkhwamprawtisastrniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldkhk