บทความนี้ยังต้องการเพิ่มเพื่อ |
ราชวงศ์โก้นบอง (พม่า: ကုန်းဘောင်ခေတ်, ออกเสียง: [kóʊ̯ɰ̃.bàʊ̯ɰ̃ kʰɪʔ], กุน์ะเภาง์) ราชวงศ์อลองพญา หรือ ราชวงศ์คองบอง หรือเป็นที่รู้จักใน จักรวรรดิพม่าที่สาม (တတိယမြန်မာနိုင်ငံတော်) เป็นราชวงศ์ที่ 3 ในประวัติศาสตร์พม่า และเป็นราชวงศ์สุดท้ายของพม่า ก่อนที่จะตกเป็นเมืองขึ้นของสหราชอาณาจักร และสิ้นสุดการปกครองระบอบราชาธิปไตยของพม่า
จักรวรรดิพม่าที่สาม โก้นบอง ကုန်းဘောင် | |||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ค.ศ. 1752–ค.ศ. 1885 | |||||||||||||||||
เพลงชาติ: စံရာတောင်ကျွန်းလုံးသူ့ | |||||||||||||||||
จักรวรรดิโก้นบองในเดือนเมษายน ปี พ.ศ. 2310 | |||||||||||||||||
จักรวรรดิโก้นบองในปี พ.ศ. 2367 | |||||||||||||||||
สถานะ | จักรวรรดิ | ||||||||||||||||
เมืองหลวง | ชเวโบ (ค.ศ. 1752–1760) ซะไกง์ (ค.ศ. 1760–1765) | ||||||||||||||||
ภาษาทั่วไป | ภาษาพม่า | ||||||||||||||||
ศาสนา | พุทธศาสนาเถรวาท | ||||||||||||||||
การปกครอง | ราชาธิปไตย | ||||||||||||||||
พระมหากษัตริย์ | |||||||||||||||||
• ค.ศ. 1752–1760 | พระเจ้าอลองพญา (แรก) | ||||||||||||||||
• ค.ศ. 1878–1885 | พระเจ้าธีบอ (สุดท้าย) | ||||||||||||||||
สภานิติบัญญัติ | ปยีดองซุลุตอ | ||||||||||||||||
ยุคประวัติศาสตร์ | สมัยใหม่ตอนต้น | ||||||||||||||||
• ก่อตั้งราชวงศ์ | 29 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1752 | ||||||||||||||||
• รวบรวมอาณาจักรในพม่า | ค.ศ. 1752–1757 | ||||||||||||||||
• สงครามกับสยาม | ค.ศ. 1760–1854 | ||||||||||||||||
ค.ศ. 1765–1769 | |||||||||||||||||
• | ค.ศ. 1824–1826, ค.ศ. 1852, ค.ศ. 1885 | ||||||||||||||||
• ราชวงศ์ล่มสลาย | 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 1885 | ||||||||||||||||
พื้นที่ | |||||||||||||||||
ค.ศ. 1824 | 794,000 ตารางกิโลเมตร (307,000 ตารางไมล์) | ||||||||||||||||
ค.ศ. 1826 | 584,000 ตารางกิโลเมตร (225,000 ตารางไมล์) | ||||||||||||||||
ค.ศ. 1852 | 470,000 ตารางกิโลเมตร (180,000 ตารางไมล์) | ||||||||||||||||
ค.ศ. 1875 | 460,000 ตารางกิโลเมตร (180,000 ตารางไมล์) | ||||||||||||||||
ประชากร | |||||||||||||||||
• ค.ศ. 1824 | 3 ล้านคน | ||||||||||||||||
สกุลเงิน | จัต (ค.ศ. 1852) | ||||||||||||||||
| |||||||||||||||||
ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ | พม่า ไทย ลาว จีน อินเดีย |
ราชวงศ์อลองพญานั้นได้รับการสถาปนาขึ้นโดยการเสวยราชสมบัติของพระเจ้าอลองพญาในปี ค.ศ. 1752 (พ.ศ. 2295) พระองค์ขับไล่ชาวมอญและยึดครองอาณาจักรมอญได้อีกครั้งในปี ค.ศ. 1759 (พ.ศ. 2302) ภายหลังการล่มสลายของราชวงศ์ตองอู ทั้งยังสามารถกลับเข้ายึดครองเมืองมณีปุระได้ในช่วงเวลาเดียวกัน ทรงสถาปนาเมืองชเวโบขึ้นเป็นราชธานี ก่อนจะย้ายไปที่อังวะและทรงพัฒนาเมืองย่างกุ้ง หมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ขึ้นเป็นเมืองท่าสำคัญ
ต่อมาพระเจ้าอลองพญาได้ทรงนำทัพบุกกรุงศรีอยุธยา เนื่องจากทางอยุธยาได้ให้การสนับสนุนมอญที่ลี้ภัยสงครามเข้ามาพึ่งกษัตริย์ไทย ซึ่งตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าเอกทัศและไม่พอใจที่อยุธยายึดเรือสินค้าที่จะเดินทางมาค้าขายกับพม่าที่เมืองมะริด โดยเดินทัพเข้ามาทางด่านสิงขร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่ไม่ประสบความสำเร็จและสิ้นพระชนม์หลังจากการทำสงครามครั้งนั้น พระเจ้ามังระผู้เป็นพระราชโอรสของพระองค์ได้สืบทอดเจตนารมณ์ของพระราชบิดาต่อ โดยได้ส่งทัพใหญ่มา 2 ทางล้อมกรุงศรีอยุธยาในปี ค.ศ. 1764 (พ.ศ. 2307) ทางหนึ่งให้เนเมียวสีหบดีนำพลเข้ามาทางเหนือด้วยการตีล้านนา ล้านช้างและหัวเมืองเหนือก่อน และอีกทางหนึ่งให้มังมหานรธานำกองทัพเข้ามาทางใต้ ทั้ง 2 ทัพเข้าล้อมกรุงศรีอยุธยาไว้นานถึง 1 ปีครึ่งแม้ผ่านฤดูน้ำหลากก็ไม่ยกทัพกลับ ภายหลังแม่ทัพฝ่ายใต้ คือ มังมหานรธา เสียชีวิตลงก็ส่งแม่ทัพคนใหม่จากเมืองเมาะตะมะชื่อ เมงเยเมงละอูสะนา เข้ามาทำหน้าที่แทนจนในที่สุดก็สามารถตีกรุงศรีอยุธยาแตกได้ในปี ค.ศ. 1767 (พ.ศ. 2310) แต่กองทัพพม่าก็อยู่ได้ไม่นานเนื่องจากพระเจ้ามังระทรงให้เร่งทำการและรีบกลับเพื่อทำสงครามกับจีนในรัชสมัยของจักรพรรดิเฉียนหลง
ถึงแม้อาณาจักรอยุธยาจะถูกทำลายแต่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชก็ทรงสถาปนาศูนย์กลางอำนาจขึ้นมาใหม่ที่กรุงธนบุรี พระเจ้ามังระจึงทรงส่งแม่ทัพคนใหม่มา คือ อะแซหวุ่นกี้ นำทัพใหญ่เข้ามาปราบปรามฝ่ายธนบุรีในปี ค.ศ. 1775 (พ.ศ. 2318) อะแซหวุ่นกี้สามารถตีหัวเมืองพิษณุโลกแตกและกำลังจะยกทัพตามลงมาตามแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ก็ต้องยกทัพกลับเนื่องจากการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้ามังระในปี ค.ศ. 1776 (พ.ศ. 2319) จากนั้นก็เกิดการแย่งชิงราชสมบัติราว 4–5 ปี ก่อนที่จะกลับมามีความมั่นคงขึ้นอีกครั้งในรัชสมัยของพระเจ้าปดุง พระองค์ทรงยกทัพเข้าตีดินแดนยะไข่ได้สำเร็จ ซึ่งไม่เคยมีกษัตริย์พม่าพระองค์ใดทำได้มาก่อน ทำให้พระองค์เกิดความฮึกเหิม ยกกองทัพใหญ่มา 9 ทัพ 5 เส้นทาง ที่เรียกว่า สงครามเก้าทัพ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
ในรัชสมัยพระเจ้าจักกายแมง พม่าได้ยึดครองแคว้นอัสสัมของอินเดียได้สำเร็จ ทำให้พม่าต้องเผชิญหน้ากับจักรวรรดิอังกฤษซึ่งกำลังล่าอาณานิคมอยู่ในขณะนั้น ก่อให้เกิดเป็นสงครามที่เรียกว่า "สงครามพม่า-อังกฤษครั้งที่หนึ่ง" กินระยะเวลา 2 ปี คือ ค.ศ. 1824–1826 (พ.ศ. 2367–2369) สงครามจบลงด้วยชัยชนะของอังกฤษด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เหนือกว่า มหาบัณฑุละ แม่ทัพพม่าที่เลื่องชื่อก็เสียชีวิตลง ทำให้ต้องลงนามในสนธิสัญญาชื่อ สนธิสัญญารานตะโบ พม่าจำต้องยกเมืองที่สำคัญให้แก่อังกฤษ เช่น มณีปุระ ยะไข่ ตะนาวศรี
ต่อมาได้มีการละเมิดสนธิสัญญาฉบับนี้ทำให้เกิดสงครามพม่า-อังกฤษครั้งที่สองและจบลงด้วยชัยชนะของอังกฤษ ในรัชสมัยของพระเจ้ามินดงพระองค์พยายามที่จะฟื้นฟูความเข้มแข็งของอาณาจักรขึ้นมาอีกครั้ง โดยสถาปนามัณฑะเลย์ขึ้นเป็นราชธานีมีการสร้างพระราชวังอย่างใหญ่โต แต่ในรัชสมัยของพระโอรสของพระองค์ คือ พระเจ้าธีบอ พระองค์ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ทั้งในและนอกประเทศไว้ได้ทำให้นำไปสู่การทำสงครามกับอังกฤษอีกครั้ง และครั้งนี้อังกฤษสามารถครอบครองพม่าไว้ได้หมดทั้งประเทศในปี พ.ศ. 2428 ทำให้พระเจ้าธีบอถูกบังคับให้สละราชสมบัติและเนรเทศไปอยู่ที่อินเดียหลังสิ้นสงครามพม่า-อังกฤษครั้งที่สาม ทรงเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของพม่าและเป็นการสิ้นสุดระบอบกษัตริย์ในพม่าที่มีมายาวนาน
ราชวงศ์โก้นบอง มีกษัตริย์ทั้งหมด 11 พระองค์ กินระยะเวลาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1752 (พ.ศ. 2295) จนถึงปี ค.ศ. 1885 (พ.ศ. 2428) มีเมืองหลวงหลายเมือง ทั้งชเวโบ ซะไกง์ อังวะ อมรปุระ และมัณฑะเลย์
ลำดับกษัตริย์
ลำดับที่ | พระฉายาลักษณ์ | พระนามภาษาไทย | พระนามภาษาพม่า | ความหมายของ พระนาม | ตำแหน่ง/ความสัมพันธ์กับกษัตริย์ลำดับก่อนหน้า | ครองราชย์ (ค.ศ.) | หมายเหตุ |
---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | พระเจ้าอลองพญา | အလောင်းမင်းတရား อะล่องมี่นตะย่า, အလောင်းဘုရား อะล่องพะย่า | หน่อพระพุทธเจ้า | นายบ้านมุกโชโบ | 1752–1760 | ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์อลองพญา ผู้ทรงนำทัพเข้าตีกรุงศรีอยุธยาใน ค.ศ. 1760 (พ.ศ. 2303) | |
2 | พระเจ้ามังลอก | နောင်တော်ကြီးမင်း นองดอจี้มี่น | พระบรมเชษฐาธิราช | พระราชโอรส (พระราชโอรสพระองค์โตในพระเจ้าอลองพญา) | 1760–1763 | ร่วมทัพในศึกกรุงศรีอยุธยา ค.ศ. 1760 | |
3 | พระเจ้ามังระ | ဆင်ဖြူရှင်မင်း ซีน-พยูชีนมี่น | พระเจ้าช้างเผือก | พระอนุชา (พระราชโอรสพระองค์ที่ 2 ในพระเจ้าอลองพญา) | 1763–1776 | พิชิตกรุงศรีอยุธยา ค.ศ. 1767 (พ.ศ. 2310), ขยายอิทธิพลสู่ล้านนา ล้านช้าง และมณีปุระ, ประสบความสำเร็จในการต่อต้านการรุกรานจากจีน 4 ครั้ง | |
4 | พระเจ้าจิงกูจา | စဉ့်ကူးမင်း สิ่นกู้มี่น | พระเจ้าสิ่นกู้ | พระราชโอรส | 1776–1781 | ||
5 | พระเจ้าหม่องหม่อง | ဖောင်းကားစား မောင်မောင် ผ้องก้าซ่า มองมอง | พระเจ้าผ้องก้าซ่า มองมอง | พระญาติ (พระราชโอรสของพระเจ้ามังลอก) | 1782 | อยู่ในราชสมบัติเพียงหนึ่งสัปดาห์ | |
6 | พระเจ้าปดุง | ဗဒုံမင်း บะโดนมี่น, ဘိုးတော်ဘုရား โบ้ดอพะย่า, ဆင်ဖြူများရှင် ซีน-พยู-มย่าชีน | พระเจ้าบะโดน, พระบรมอัยกาธิราช, พระเจ้าช้างเผือก | พระปิตุลา (พระราชโอรสพระองค์ที่ 4 ในพระเจ้าอลองพญา) | 1782–1819 | ทำสงครามกับกรุงรัตนโกสินทร์, ผนวกดินแดนยะไข่สำเร็จ | |
7 | พระเจ้าจักกายแมง | ဘကြီးတော် บะจี้ดอ, စစ်ကိုင်းမင်း ซะไก้ง์มี่น | พระบรมปิตุลาธิบดี, พระเจ้าซะไกง์ | พระราชนัดดา (หลานปู่) | 1819–1837 | ร่วมรบกับพระเจ้าปดุงในสงครามกับกรุงรัตนโกสินทร์, ยกทัพตีมณีปุระและอัสสัมของอินเดีย, พ่ายแพ้สงครามพม่า-อังกฤษครั้งที่หนึ่ง | |
8 | พระเจ้าแสรกแมง | သာယာဝတီမင်း ตายาวะดีมี่น | พระเจ้าสารวดี | พระอนุชา | 1837–1846 | ร่วมรบในสงครามพม่า-อังกฤษครั้งที่หนึ่ง ในฐานะเจ้าเมืองสารวดี | |
9 | พระเจ้าพุกามแมง | ပုဂံမင်း ปะกานมี่น | พระเจ้าพุกาม | พระราชโอรส | 1846–1853 | ถูกถอดจากราชบัลลังก์หลังทรงแพ้สงครามพม่า-อังกฤษครั้งที่สอง | |
10 | พระเจ้ามินดง | မင်းတုန်းမင်း มี่นโด้นมี่น | พระเจ้ามี่นโด้น | พระอนุชา | 1853–1878 | ||
11 | พระเจ้าธีบอ | သီပေါမင်း ตีบอมี่น | พระเจ้าสี่ป้อ | พระราชโอรส | 1878–1885 | กษัตริย์พระองค์สุดท้ายแห่งพม่า ทรงถูกบังคับให้สละราชสมบัติและเนรเทศไปอยู่ที่อินเดียหลังสิ้นสงครามพม่า-อังกฤษครั้งที่สาม |
เชิงอรรถ
- တက္ကသိုလ်စိန်တင် (June 2005). သီပေါဘုရင်နှင့် စုဖုရားလတ် [King Thibaw and Supayalat].
- Harvey 1925, p. 333.
- จิรภาไพศาล, วิภา (2022-06-19). "ตามรอย "สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร" จากกรุงศรีอยุธยา ถึงกรุงอังวะ". ศิลปวัฒนธรรม.
- http://www.4dw.net/royalark/Burma/konbaun1.htm
- บางแห่งเรียกว่า พระเจ้าอลองพระ, พระเจ้ามังลอง หรือพระเจ้ามางลอง
- เอกสารไทยเรียกตามพระนามเดิมก่อนขึ้นเสวยราชสมบัติ
- พระเชษฐา (พี่ชาย) ของพระเจ้ามังระและพระเจ้าปะดุง
- เอกสารไทยเรียกตามพระนามเดิมก่อนขึ้นเสวยราชสมบัติ
- พงศาวดารฝ่ายไทยออกพระนามว่าพระเจ้าจิงกูจา เหตุที่เรียกดังนี้เพราะพระองค์เคยปกครองเมืองในสมัยก่อนเสวยราชสมบัติ
- หม่องหม่องเป็นพระนามเดิม ส่วนผ้องก้าซ่าคือชื่อเมืองซึ่งพระเจ้าหม่องหม่องเคยปกครองในสมัยก่อนเสวยราชสมบัติ
- คำว่า "พระเจ้าบะโดน" (พระเจ้าปดุง) เรียกตามนามเมืองซึ่งพระองค์เคยปกครองในสมัยก่อนเสวยราชสมบัติ, คำว่า โบ้ดอพะย่า (ไทยมักสะกดว่า "โบดอพญา") ซึ่งแปลว่าพระบรมอัยกาธิราช หมายความว่าเป็นพระอัยกา (ปู่) ในพระเจ้าจักกายแมงและพระเจ้าแสรกแมง, คำว่า "พระเจ้าช้างเผือก" เป็นพระนามเฉลิมพระเกียรติของพระเจ้าปดุงซึ่งทรงมีช้างเผือกในครองครองตามราชประเพณี
- คำว่า บะจี้ดอ ซึ่งแปลว่าพระบรมปิตุลาธิบดี (ลุงฝ่ายพ่อ) หมายความว่าเป็นพระปิตุลาของพระเจ้าพุกามแมงและพระเจ้ามินดง, คำว่า ซะไก้ง์มี่น ในพงศาวดารไทยเรียกเป็นพระเจ้าจักกายแมง เหตุที่มีพระนามดังนี้เพราะทรงเคยครองเมืองซะไกง์ในสมัยก่อนเสวยราชสมบัติ
- เรียกตามนามเมืองสารวดีซึ่งพระเจ้าแสรกแมงเคยปกครองในสมัยก่อนเสวยราชสมบัติ
- เรียกตามนามเมืองพุกามซึ่งพระเจ้าพุกามเมงเคยปกครองในสมัยก่อนเสวยราชสมบัติ (คำว่าพุกามนี้เป็นคำเรียกในภาษาไทย ภาษาพม่าเรียกว่า ปะกาน)
- เรียกตามนามเมืองมี่นโด้นซึ่งพระเจ้ามินดงเคยปกครองในสมัยก่อนเสวยราชสมบัติ
- เรียกตามนามเมืองสี่ป้อซึ่งพระเจ้าธีบอเคยปกครองในสมัยก่อนเสวยราชสมบัติ เมืองสี่ป้อนี้เป็นเมืองของชาวไทใหญ่ (ปัจจุบันอยู่ในรัฐฉาน ประเทศพม่า) ชื่อดังกล่าวนี้เป็นการเรียกตามภาษาไทใหญ่ (ภาษาพม่าออกเสียงเป็น ตีบอ) พระราชมารดาของพระเจ้าธีบอเป็นพระราชธิดาของเจ้าฟ้าไทใหญ่เมืองนี้
อ้างอิง
- Life at the Burmese Court under the Konbaung Kings เก็บถาวร 2009-03-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Dr Yi Yi, Historical Research Department, Rangoon, 1982
- Forty Years in Burma John Ebenezer Marks, London: Hutchinson & Co., 1917
- The Last Queen of Burma เก็บถาวร 2012-02-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Kenneth Champeon, , July 2003
- Ayutthaya and the End of History:Thai Views of Burma Revisted เก็บถาวร 2012-02-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Min Zin, , August 2000
- A rare meeting with the last of Burma's royals เก็บถาวร 2008-04-15 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน The Daily Telegraph, 26 February 2008
- Myanmar's last royal laments a crumbling nation เก็บถาวร 2013-01-04 ที่ Reuters, 10 March 2008
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniyngtxngkarephimaehlngxangxingephuxphisucnkhwamthuktxngkhunsamarthphthnabthkhwamniidodyephimaehlngxangxingtamsmkhwr enuxhathikhadaehlngxangxingxacthuklbxxk haaehlngkhxmul rachwngsoknbxng khaw hnngsuxphimph hnngsux skxlar JSTOR eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir rachwngsoknbxng phma က န ဘ င ခ တ xxkesiyng koʊ ɰ baʊ ɰ kʰɪʔ kunaephang rachwngsxlxngphya hrux rachwngskhxngbxng hruxepnthiruckin ckrwrrdiphmathisam တတ ယမ န မ န င င တ epnrachwngsthi 3 inprawtisastrphma aelaepnrachwngssudthaykhxngphma kxnthicatkepnemuxngkhunkhxngshrachxanackr aelasinsudkarpkkhrxngrabxbrachathipitykhxngphmackrwrrdiphmathisam oknbxng က န ဘ င kh s 1752 kh s 1885thngchati traaephndin 1 ephlngchati စ ရ တ င က န လ သ ckrwrrdioknbxngineduxnemsayn pi ph s 2310ckrwrrdioknbxnginpi ph s 2367sthanackrwrrdi emuxnghlwngchewob kh s 1752 1760 saikng kh s 1760 1765 xngwa kh s 1765 1783 1821 1842 xmrpura kh s 1783 1821 1842 1859 mnthaely 1859 1885 phasathwipphasaphmasasnaphuththsasnaethrwathkarpkkhrxngrachathipityphramhakstriy kh s 1752 1760phraecaxlxngphya aerk kh s 1878 1885phraecathibx sudthay sphanitibyytipyidxngsulutxyukhprawtisastrsmyihmtxntn kxtngrachwngs29 kumphaphnth kh s 1752 rwbrwmxanackrinphmakh s 1752 1757 sngkhramkbsyamkh s 1760 1854 sngkhramcin phmakh s 1765 1769 kh s 1824 1826 kh s 1852 kh s 1885 rachwngslmslay29 phvscikayn kh s 1885phunthikh s 1824794 000 tarangkiolemtr 307 000 tarangiml kh s 1826584 000 tarangkiolemtr 225 000 tarangiml kh s 1852470 000 tarangkiolemtr 180 000 tarangiml kh s 1875460 000 tarangkiolemtr 180 000 tarangiml prachakr kh s 18243 lankhnskulenginct kh s 1852 kxnhna thdiprachwngstxngxuxanackrhngsawdiihmxanackrmeyaaxuxanackrxyuthya britichrachphmaphayitkarpkkhrxngkhxngbrietnpccubnepnswnhnungkhxng phma ithy law cin xinediybthkhwamnimixksrphma hakxupkrnkhxngkhunimsamarthernedxrxksrniid khunxacehnekhruxnghmaykhatham xksrphiess klxng hruxsylksnxun aethnthixksrphma rachwngsxlxngphyannidrbkarsthapnakhunodykareswyrachsmbtikhxngphraecaxlxngphyainpi kh s 1752 ph s 2295 phraxngkhkhbilchawmxyaelayudkhrxngxanackrmxyidxikkhrnginpi kh s 1759 ph s 2302 phayhlngkarlmslaykhxngrachwngstxngxu thngyngsamarthklbekhayudkhrxngemuxngmnipuraidinchwngewlaediywkn thrngsthapnaemuxngchewobkhunepnrachthani kxncayayipthixngwaaelathrngphthnaemuxngyangkung hmubanchawpramngelk khunepnemuxngthasakhy txmaphraecaxlxngphyaidthrngnathphbukkrungsrixyuthya enuxngcakthangxyuthyaidihkarsnbsnunmxythiliphysngkhramekhamaphungkstriyithy sungtrngkbrchsmysmedcphraecaexkthsaelaimphxicthixyuthyayuderuxsinkhathicaedinthangmakhakhaykbphmathiemuxngmarid odyedinthphekhamathangdansingkhr cnghwdpracwbkhirikhnth aetimprasbkhwamsaercaelasinphrachnmhlngcakkarthasngkhramkhrngnn phraecamngraphuepnphrarachoxrskhxngphraxngkhidsubthxdectnarmnkhxngphrarachbidatx odyidsngthphihyma 2 thanglxmkrungsrixyuthyainpi kh s 1764 ph s 2307 thanghnungihenemiywsihbdinaphlekhamathangehnuxdwykartilanna lanchangaelahwemuxngehnuxkxn aelaxikthanghnungihmngmhanrthanakxngthphekhamathangit thng 2 thphekhalxmkrungsrixyuthyaiwnanthung 1 pikhrungaemphanvdunahlakkimykthphklb phayhlngaemthphfayit khux mngmhanrtha esiychiwitlngksngaemthphkhnihmcakemuxngemaatamachux emngeyemnglaxusana ekhamathahnathiaethncninthisudksamarthtikrungsrixyuthyaaetkidinpi kh s 1767 ph s 2310 aetkxngthphphmakxyuidimnanenuxngcakphraecamngrathrngiherngthakaraelaribklbephuxthasngkhramkbcininrchsmykhxngckrphrrdiechiynhlng thungaemxanackrxyuthyacathukthalayaetsmedcphraecataksinmharachkthrngsthapnasunyklangxanackhunmaihmthikrungthnburi phraecamngracungthrngsngaemthphkhnihmma khux xaaeshwunki nathphihyekhamaprabpramfaythnburiinpi kh s 1775 ph s 2318 xaaeshwunkisamarthtihwemuxngphisnuolkaetkaelakalngcaykthphtamlngmatamaemnaecaphraya aetktxngykthphklbenuxngcakkarsinphrachnmkhxngphraecamngrainpi kh s 1776 ph s 2319 caknnkekidkaraeyngchingrachsmbtiraw 4 5 pi kxnthicaklbmamikhwammnkhngkhunxikkhrnginrchsmykhxngphraecapdung phraxngkhthrngykthphekhatidinaednyaikhidsaerc sungimekhymikstriyphmaphraxngkhidthaidmakxn thaihphraxngkhekidkhwamhukehim ykkxngthphihyma 9 thph 5 esnthang thieriykwa sngkhramekathph inrchsmyphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach aetimprasbkhwamsaerc inrchsmyphraecackkayaemng phmaidyudkhrxngaekhwnxssmkhxngxinediyidsaerc thaihphmatxngephchiyhnakbckrwrrdixngkvssungkalnglaxananikhmxyuinkhnann kxihekidepnsngkhramthieriykwa sngkhramphma xngkvskhrngthihnung kinrayaewla 2 pi khux kh s 1824 1826 ph s 2367 2369 sngkhramcblngdwychychnakhxngxngkvsdwyxawuthyuthothpkrnthiehnuxkwa mhabnthula aemthphphmathieluxngchuxkesiychiwitlng thaihtxnglngnaminsnthisyyachux snthisyyarantaob phmacatxngykemuxngthisakhyihaekxngkvs echn mnipura yaikh tanawsri txmaidmikarlaemidsnthisyyachbbnithaihekidsngkhramphma xngkvskhrngthisxngaelacblngdwychychnakhxngxngkvs inrchsmykhxngphraecamindngphraxngkhphyayamthicafunfukhwamekhmaekhngkhxngxanackrkhunmaxikkhrng odysthapnamnthaelykhunepnrachthanimikarsrangphrarachwngxyangihyot aetinrchsmykhxngphraoxrskhxngphraxngkh khux phraecathibx phraxngkhimsamarthkhwbkhumsthankarnthnginaelanxkpraethsiwidthaihnaipsukarthasngkhramkbxngkvsxikkhrng aelakhrngnixngkvssamarthkhrxbkhrxngphmaiwidhmdthngpraethsinpi ph s 2428 thaihphraecathibxthukbngkhbihslarachsmbtiaelaenrethsipxyuthixinediyhlngsinsngkhramphma xngkvskhrngthisam thrngepnkstriyxngkhsudthaykhxngphmaaelaepnkarsinsudrabxbkstriyinphmathimimayawnan rachwngsoknbxng mikstriythnghmd 11 phraxngkh kinrayaewlatngaetpi kh s 1752 ph s 2295 cnthungpi kh s 1885 ph s 2428 miemuxnghlwnghlayemuxng thngchewob saikng xngwa xmrpura aelamnthaelyladbkstriyladbthi phrachayalksn phranamphasaithy phranamphasaphma khwamhmaykhxng phranam taaehnng khwamsmphnthkbkstriyladbkxnhna khrxngrachy kh s hmayehtu1 phraecaxlxngphya အလ င မင တရ xalxngmintaya အလ င ဘ ရ xalxngphaya hnxphraphuththeca naybanmukochob 1752 1760 pthmkstriyaehngrachwngsxlxngphya phuthrngnathphekhatikrungsrixyuthyain kh s 1760 ph s 2303 2 phraecamnglxk န င တ က မင nxngdxcimin phrabrmechsthathirach phrarachoxrs phrarachoxrsphraxngkhotinphraecaxlxngphya 1760 1763 rwmthphinsukkrungsrixyuthya kh s 17603 phraecamngra ဆင ဖ ရ င မင sin phyuchinmin phraecachangephuxk phraxnucha phrarachoxrsphraxngkhthi 2 inphraecaxlxngphya 1763 1776 phichitkrungsrixyuthya kh s 1767 ph s 2310 khyayxiththiphlsulanna lanchang aelamnipura prasbkhwamsaercinkartxtankarrukrancakcin 4 khrng4 phraecacingkuca စဉ က မင sinkumin phraecasinku phrarachoxrs 1776 17815 phraecahmxnghmxng ဖ င က စ မ င မ င phxngkasa mxngmxng phraecaphxngkasa mxngmxng phrayati phrarachoxrskhxngphraecamnglxk 1782 xyuinrachsmbtiephiynghnungspdah6 phraecapdung ဗဒ မင baodnmin ဘ တ ဘ ရ obdxphaya ဆင ဖ မ ရ င sin phyu myachin phraecabaodn phrabrmxykathirach phraecachangephuxk phrapitula phrarachoxrsphraxngkhthi 4 inphraecaxlxngphya 1782 1819 thasngkhramkbkrungrtnoksinthr phnwkdinaednyaikhsaerc7 phraecackkayaemng ဘက တ bacidx စစ က င မင saikngmin phrabrmpitulathibdi phraecasaikng phrarachndda hlanpu 1819 1837 rwmrbkbphraecapdunginsngkhramkbkrungrtnoksinthr ykthphtimnipuraaelaxssmkhxngxinediy phayaephsngkhramphma xngkvskhrngthihnung8 phraecaaesrkaemng သ ယ ဝတ မင tayawadimin phraecasarwdi phraxnucha 1837 1846 rwmrbinsngkhramphma xngkvskhrngthihnung inthanaecaemuxngsarwdi9 phraecaphukamaemng ပ ဂ မင pakanmin phraecaphukam phrarachoxrs 1846 1853 thukthxdcakrachbllngkhlngthrngaephsngkhramphma xngkvskhrngthisxng10 phraecamindng မင တ န မင minodnmin phraecaminodn phraxnucha 1853 187811 phraecathibx သ ပ မင tibxmin phraecasipx phrarachoxrs 1878 1885 kstriyphraxngkhsudthayaehngphma thrngthukbngkhbihslarachsmbtiaelaenrethsipxyuthixinediyhlngsinsngkhramphma xngkvskhrngthisamechingxrrthတက ကသ လ စ န တင June 2005 သ ပ ဘ ရင န င စ ဖ ရ လတ King Thibaw and Supayalat Harvey 1925 p 333 sfn error no target CITEREFHarvey1925 cirphaiphsal wipha 2022 06 19 tamrxy smedcphraecaxuthumphr cakkrungsrixyuthya thungkrungxngwa silpwthnthrrm http www 4dw net royalark Burma konbaun1 htm bangaehngeriykwa phraecaxlxngphra phraecamnglxng hruxphraecamanglxng exksarithyeriyktamphranamedimkxnkhuneswyrachsmbti phraechstha phichay khxngphraecamngraaelaphraecapadung exksarithyeriyktamphranamedimkxnkhuneswyrachsmbti phngsawdarfayithyxxkphranamwaphraecacingkuca ehtuthieriykdngniephraaphraxngkhekhypkkhrxngemuxnginsmykxneswyrachsmbti hmxnghmxngepnphranamedim swnphxngkasakhuxchuxemuxngsungphraecahmxnghmxngekhypkkhrxnginsmykxneswyrachsmbti khawa phraecabaodn phraecapdung eriyktamnamemuxngsungphraxngkhekhypkkhrxnginsmykxneswyrachsmbti khawa obdxphaya ithymksakdwa obdxphya sungaeplwaphrabrmxykathirach hmaykhwamwaepnphraxyka pu inphraecackkayaemngaelaphraecaaesrkaemng khawa phraecachangephuxk epnphranamechlimphraekiyrtikhxngphraecapdungsungthrngmichangephuxkinkhrxngkhrxngtamrachpraephni khawa bacidx sungaeplwaphrabrmpitulathibdi lungfayphx hmaykhwamwaepnphrapitulakhxngphraecaphukamaemngaelaphraecamindng khawa saikngmin inphngsawdarithyeriykepnphraecackkayaemng ehtuthimiphranamdngniephraathrngekhykhrxngemuxngsaiknginsmykxneswyrachsmbti eriyktamnamemuxngsarwdisungphraecaaesrkaemngekhypkkhrxnginsmykxneswyrachsmbti eriyktamnamemuxngphukamsungphraecaphukamemngekhypkkhrxnginsmykxneswyrachsmbti khawaphukamniepnkhaeriykinphasaithy phasaphmaeriykwa pakan eriyktamnamemuxngminodnsungphraecamindngekhypkkhrxnginsmykxneswyrachsmbti eriyktamnamemuxngsipxsungphraecathibxekhypkkhrxnginsmykxneswyrachsmbti emuxngsipxniepnemuxngkhxngchawithihy pccubnxyuinrthchan praethsphma chuxdngklawniepnkareriyktamphasaithihy phasaphmaxxkesiyngepn tibx phrarachmardakhxngphraecathibxepnphrarachthidakhxngecafaithihyemuxngnixangxingwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb rachwngsoknbxng Life at the Burmese Court under the Konbaung Kings ekbthawr 2009 03 04 thi ewyaebkaemchchin Dr Yi Yi Historical Research Department Rangoon 1982 Forty Years in Burma John Ebenezer Marks London Hutchinson amp Co 1917 The Last Queen of Burma ekbthawr 2012 02 10 thi ewyaebkaemchchin Kenneth Champeon July 2003 Ayutthaya and the End of History Thai Views of Burma Revisted ekbthawr 2012 02 10 thi ewyaebkaemchchin Min Zin August 2000 A rare meeting with the last of Burma s royals ekbthawr 2008 04 15 thi ewyaebkaemchchin The Daily Telegraph 26 February 2008 Myanmar s last royal laments a crumbling nation ekbthawr 2013 01 04 thi Reuters 10 March 2008