ราชวงศ์ที่สิบสามแห่งอียิปต์โบราณ (อังกฤษ: Thirteenth Dynasty of Egypt ,Dynasty XIII) เป็นราชวงศ์ที่มักจะรวมกับราชวงศ์ที่สิบเอ็ด ,ราชวงศ์สิบสอง และราชวงศ์ที่สิบสี่ ภายใต้ใน สมัย แต่นักเขียนบางคนมักแยกราชวงศ์ที่สิบสามออกจากราชวงศ์เหล่านี้ และเข้าร่วมกับราชวงศ์ที่สิบสี่จนถึงราชวงศ์ที่สิบเจ็ด และเป็นส่วนหนึ่งในสมัย ราชวงศ์ที่สิบสามได้ปกครองตั้งแต่ประมาณ 1802 ปีก่อนคริสตกาล จนถึงประมาณ 1649 ปีก่อนคริสตกาล รวมทั้งหมด 153 ปี
ราชวงศ์ที่สิบสามแห่งอียิปต์ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1803 ปีก่อนคริสตกาล–1649 ปีก่อนคริสตกาล | |||||||||||||||
รูปสลักหินแกรนิตของฟาโรห์อิมิเรเมชอาวในพิพิธภัณฑ์อียิปต์ในกรุงไคโร | |||||||||||||||
เมืองหลวง | อิทจ์-ทาวี (ราว 1803 ปีก่อนคริสตกาล – ราว 1677 ปีก่อนคริสตกาล) ธีบส์ (ราว 1677 ปีก่อนคริสตกาล – ราว 1648 ปีก่อนคริสตกาล) | ||||||||||||||
ภาษาทั่วไป | ภาษาอียิปต์ | ||||||||||||||
ศาสนา | ศาสนาอียิปต์โบราณ | ||||||||||||||
การปกครอง | สมบูรณาญาสิทธิราชย์ | ||||||||||||||
ยุคประวัติศาสตร์ | ยุคสัมฤทธิ์ | ||||||||||||||
• ก่อตั้ง | 1803 ปีก่อนคริสตกาล | ||||||||||||||
• สิ้นสุด | 1649 ปีก่อนคริสตกาล | ||||||||||||||
|
ราชวงศ์ที่สิบสามเป็นราชวงศ์ที่ต่อเนื่องโดยตรงจากราชวงศ์ที่สิบสองแห่งอียิปต์ โดยมีปฐมกษัตริย์พระองค์แรกของราชวงศ์ที่สิบสาม เชื่อกันว่าเป็นพระราชโอรสในฟาโรห์อเมเนมฮัตที่ 4 คิม รีฮอล์ตได้เสนอว่าแบ่งช่วงเวลาระหว่างสองราชวงศ์ ทำให้ได้มีการเพิ่มราชวงศ์ที่สิบสี่แห่งอียิปต์ที่เป็นอิสระในทางตะวันออกของดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์ เหตุการณ์ที่คิม รีฮอล์ตเสนอเกิดขึ้นในช่วงรัชสมัยของฟาโรห์โซเบคเนเฟรู ฟาโรห์แห่งราชวงศ์ที่สิบสามแห่งอียิปต์ มีพระราชอำนาจตั้งแต่เมืองเมมฟิสทางเหนือ ตอนกลางจนถึงอียิปต์บน ตลอดจนถึงแก่งน้ำตกแห่งที่สองของแม่น้ำไนล์ พระราชอำนาจของกษัตริย์แห่งราชวงศ์ที่สิบสาม ค่อยๆเสื่อมลงในช่วงปีที่ 150 ของราชวงศ์ และในที่สุดก็สิ้นสุดลงด้วยการพิชิตเมืองเมมฟิสโดยกษัตริย์แห่งชาวฮิกซอสแห่งราชวงศ์ที่สิบห้าของอียิปต์ก่อน 1650 ปีก่อนคริสต์ศักราช
พระมหากษัตริย์
ในตำราสมัยนี้ ราชวงศ์ที่สิบสามมักจะถูกอธิบายว่าเป็นยุคแห่งความวุ่นวาย อย่างไรก็ตามราชวงศ์นี้อาจจะสงบสุข มากกว่าสมัยในเมืองหลวงเก่าอย่างเมืองอิทจ์-ทาวี ใกล้กับไฟยุม ราชวงศ์นี้เป็นราชวงศ์ที่มีฟาโรห์จำนวนมากหลายพระองค์แต่มีช่วงเวลาแห่งการครองราชที่สั้น และมีเพียงไม่กี่พระองค์ที่ได้รับการรับรองว่ามีอยู่จริง
พระรูป | พระนาม | สุสาน | พระมเหสี | ความคิดเห็น |
---|---|---|---|---|
เซกเอมเร คูทาวี โซเบคโฮเทปที่ 1 | สันนิฐานว่าพระองค์เป็นผู้ก่อตั้งราชวงศ์ที่สิบสาม แต่ในการศึกษาเก่าผู้ก่อตั้งราชวงศ์คือ ฟาโรห์เวกาฟ | |||
โซนเบฟ | ทรงอาจจะเป็นพระราชโอรสใน และพระเชษฐา(พี่ชาย) หรือพระอนุชา(น้องชาย)ของ โซเบคโฮเทปที่ 1 | |||
เนริคาเร | ||||
โฮเทปอิบเร เคมาอู ซิฮาร์เนดจ์เฮริเทฟ | ทรงอาจจะเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวกับ เซโฮเทปอิบเร ซึ่งปรากฏในบันทึกพระนามแห่งตูริน | |||
ปรากฏหลักฐานเฉพาะบันทึกพระนามแห่งตูริน | ||||
เซเมนคาเร เนบนูนิ | ||||
เซเฮเทปอิบเร เซเวเซคทาวี | ||||
ปรากฏหลักฐานเฉพาะบันทึกพระนามแห่งตูริน | ||||
ปรากฏหลักฐานเฉพาะบันทึกพระนามแห่งตูริน | ||||
เรนเซเนบ อเมเนมฮัต | ||||
ฮอร์ อวิบเร | สุสานที่เมืองดาห์ชูร์ ใกล้กับ
| ราชินีนับเฮเทปติ-เคเรด(?) | ||
เซเคมเรคูทาวี คาบาว | อาจเป็นพระราชโอรสในฟาโรห์ฮอร์ | |||
อาจเป็นพระเชษฐาหรือพระอนุชาของฟาโรห์คาบาว | ||||
คูทาวีเร เวกาฟ | ||||
, เมืองซัคคาราใต้ | ราชินีเซเนบ[เซนัส?] | อาจมีพระนามว่า นิมาอัตเร | ||
ราชินีอายา(อี้)? | ||||
ราชินีอายา(อี้)? | ||||
ราชินี ราชินีเนนิ | ||||
สุสานอาจอยู่ที่เมืองอไบดอส | ราชินี | |||
เมนวัดจ์เร ซิฮาเธอร์ | ทรงอาจเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ชั่วคราวของพระเชษฐาหรือ พระอนุชาของ | |||
สุสานอาจอยู่ที่เมืองอไบดอส รหัสสุสาน: | ราชินี | อาจเป็นพระเชษฐาหรือพระอนุชาของ และฟาโรห์ซิฮาเธอร์ | ||
ราชินี? | ||||
พีระมิดไม่ทราบตำแหน่ง อาจจะอยู่ใกล้เมืองเมมฟิส | ราชินีไอเนนิ? | ทรงครองราชได้ 23 ปีซึ่งเป็นรัชกาลที่ยาวนานที่สุดของราชวงศ์ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์องค์สุดท้ายที่เป็นผู้ปกครองอียิปต์ตอนล่าง และอียิปต์ตอนบน |
ตามรายพระนามฟาโรห์ในข้างต้น ผู้ปกครองที่เหลืออยู่ของราชวงศ์ที่สิบสาม ได้รับการยืนยันโดยการค้นพบในบริเวณอียิปต์บนเท่านั้น สิ่งนี้อาจบ่งชี้ถึงการละทิ้งเมืองหลวงเก่าที่อิทจ์-ทาวี ไปยังเมืองธีบส์ แดฟนา เบ็น ทอร์ได้เชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจากการรุกรานจากบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำตะวันออกและบริเวณเมมฟิสโดยผู้ปกครองชาวคานาอัน สำหรับนักวิชาการบางคนเชื่อว่าในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นจุดสิ้นสุดของสมัยราชอาณาจักรกลางและเป็ฯจุดเริ่มต้นของสมัยช่วงระหว่างกลางที่สอง อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ดังกล่าวถูกปฏิเสธโดยรีฮอล์ตและเบเกอร์ ซึ่งทราบว่าจารึกแห่งเซเฮเกนเร สอังค์พทาห์อิ ซึ่งทรงครองราชย์ในช่วปลายราชวงศ์ ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพระองค์ทรงปกครองเหนือเมมฟิส และจารึกดังกล่าวนั้นไม่ทราบแหล่งที่มา
ฟาโรห์ | คำอธิบาย |
---|---|
เมอร์โฮเทปเร อินิ | หรือที่เรียกว่า อินิที่ 1 |
สอังค์เอนเร เซวัดจ์ตู | |
เมอร์เซคเอมเร อิเนด | อาจจะเป็นฟาโรห์พระองค์เดียวกับเนเฟอร์โฮเทปที่ 2 |
เซวัดจ์คาเร ฮอร์อิ | หรือที่เรียกว่า ฮอร์อิที่ 2 |
เมอร์คาวเร โซเบคโฮเทปที่ 7 | |
ฟาโรห์จำนวนแปดพระองค์, พระนามสูญหาย | |
เมอร์เคเปอร์เร | |
เมอร์คาเร | ทราบเฉพาะพระนามมาจากบันทึกพระนามแห่งตูริน |
พระนามสูญ | |
เซวัดจ์คาเร เมนทูโฮเทปที่ 5 | |
[...]มอสเร | |
อิบิ [...]มาอัตเร | |
ฮอร์ [...] [...]เวบเอนเร | |
เซ[...]คาเร | |
เซเฮเกนเร สอังค์พทาห์อิ | ปรากฏภาพสลักพระองค์กำลังถวายการบูชาแด่เทพพทาห์ |
[...]เร | |
เซ[...]เอนเร |
ตำแหน่งตามลำดับเวลาของผู้ปกครองที่ได้รับการยืนยันแล้วจำนวนหนึ่ง แต่ไม่สามารถสรุปได้เนื่องจากขาดหลักฐาน
ฟาโรห์ | คำอธิบาย |
---|---|
เมอร์เชปเซสเร อินิที่ 2 | ตามคำกล่าวของฟอน เบ็คเคอราธ พระองค์คือผู้สืบทอดพระราชบัลลังก์ต่อจากฟาโรห์เซวัดจ์คาเร เมนทูโฮเทปที่ 5 และทรงเป็ฯผู้ปกครองก่อนหน้าของฟาโรห์เมอร์เคเปอร์เร |
อาจจะเป็นฟาโรห์พระองค์เดียวกับเมอร์เซคเอมเร อิเนด | |
เซวาห์เอนเร เซนเอบมิอู | ตามคำกล่าวของฟอน เบ็คเคอราธ พระองค์คือผู้สืบทอดพระราชบัลลังก์ต่อจากฟาโรห์เซ[...]คาเร |
เซคอันเอนเร ...เร |
ฟาโรห์โซเบคโฮเทปที่ 1 และ 2
รีฮอล์ตได้ให้ผู้ปกครองที่ทรงมีพระนามว่า "โซเบคโฮเทปที่ 1 เซคเอมเร คูทาวี" เป็นฟาโรห์พระองค์แรกของราชวงศ์ที่สิบสาม ในขณะนี้เป็นสมมติฐานหลักในไอยคุปต์วิทยา และฟาโรห์โซเบคโฮเทป เซคเอมเร คูทาวี ก็สื่อถึงฟาโรห์โซเบคโฮเทปที่ 1 ในบทความนี้ ดังนั้น รีฮอล์ตจึงระบุว่าฟาโรห์เซคเอมเร คูทาวี โซเบคโฮเทปที่ 1 ทรงครองราชย์ได้เป็นระยะเวลา 3 ถึง 4 ปี ในราว 1800 ปีก่อนคริสตกาลและเสนอให้ฟาโรห์คาอังค์เร โซเบคโฮเทปที่ 2 นั้นทรงขึ้นครองราชย์ในราว 20 ปีต่อมาในช่วง 1780 ปีก่อนคริสตกาล ด็อดสันและฮิลตันได้คิดเห็นในทำนองเดียวกันว่าฟาโรห์เซคเอมเร คูทาวี โซเบคโฮเทปทรงครองราชย์มาก่อนหน้าฟาโรห์คาอังค์เร โซเบคโฮเทป
ฟาโรห์พระองค์อื่น ๆ
หลังจากปล่อยให้ความเข้มงวดที่กลุ่มป้อมปราการทางตอนใต้ให้เสื่อมโทรมลง ในที่สุดอียิปต์ก็ถอนกองทหารรักษาการณ์ออกไป และหลังจากนั้นไม่นาน ป้อมปราการก็ถูกยึดครองโดยนิวเบียแห่งคุช ซึ่งได้ผงาดขึ้นมาอีกครั้ง ในทางตอนเหนือ อียิปต์ล่างก็ถูกชาวฮิกซอสซึ่งเป็นชาวเซมิติกจากอีกซีกหนึ่งของคาบสมุทรไซนายเข้ามายึดครอง กษัตริย์อิสระกลุ่มหนึ่งได้ก่อตั้งราชวงศ์ที่สิบสี่ ซึ่งสถาปนาขึ้นในบริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์ฝั่งตะวันตกในช่วงราชวงศ์ที่สิบสาม และต่อมา ตามคำกล่าวของมาเนโธ ผู้รุกรานจากตะวันออกที่เรียกว่าชาวฮิกซอสได้เข้ายึดอียิปต์ "โดยไม่ได้เข้าโจมตีแต่อย่างใดเลย" และหลังจากเอาชนะผู้ปกครองของแผ่นดินได้ พวกเขาจึงเผาเมืองของเราอย่างไร้ความปรานี ทำลายเทวสถานของเทพเจ้าเป็นผุยผง .." การปกครองของพวกเขาที่เรียกว่าราชวงศ์ที่สิบห้าได้ถูกเข้ามาแทนที่ราชวงศ์ที่สิบสามและราชวงศ์ที่สี่ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของอียิปต์
อย่างไรก็ตาม การค้นพบทางโบราณคดีล่าสุดที่ อาจจะบ่งชี้ได้ว่าราชวงศ์ที่สิบห้าของชาวฮิกซฮส อาจจะมีอยู่แล้วอย่างน้อยในช่วงกลางราชวงศ์ที่สิบสามในรัชสมัยของฟาโรห์โซเบคโฮเทปที่ 4 ในเอกสารที่ตีพิมพ์เมื่อเร็วๆ นี้ชื่อว่า อียิปต์และเลวานไทน์ นาดีน โมลเลอร์, เกรกอรี มาโรวาร์ดและ เอ็น. อาเยิร์ส ได้ถกเถียงเกี่ยวกับการค้นพบซากอาคารการปกครองที่สำคัญของสมัยราชอาณาจักรกลางในช่วงต้นราชวงศ์ที่สิบสองในพื้นที่ ทางตะวันออกของอียิปต์บน ซึ่งมีสภาพที่ถูกใช้งานอย่างต่อเนื่อง เข้าสู่สมัยช่วงระหว่างกลางที่สองตอนต้นจนถึงช่วงราชวงศ์ที่สิบเจ็ด ซึ่งซากปรักหักพังนั้นได้ถูกรายล้อมล้อมโดยยุ้งฉางขนาดใหญ่ ในการทำงานภาคสนามโดยนักไอยคุปต์ในปี ค.ศ. 2010 และ ค.ศ. 2011 ซึ่งภายในซากอาคารจากช่วงราชวงศ์ที่สิบสอง และในอดีตก็ถูกใช้ในราชวงศ์ที่สิบสามเช่นกัน ได้นำไปสู่การค้นพบห้องโถงขนาดใหญ่ที่อยู่ติดกัน ซึ่งค้นพบแล้วว่ามีการตราประทับ 41 ชิ้นซึ่งแสดงภาพแกะสลักของผู้ปกครองชาวฮิกซอสพระนามว่า คยาน และอีก 9 ตราประทับพระนามฟาโรห์จากราชวงศ์ที่สิบสามพระนามว่า โซเบคโฮเทปที่ 4 การหลงเหลือของตราประทับดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า รัชสมัยฟาโรห์โซเบคโฮเทปที่ 4 และฟาโรห์คยานน่าจะอยู่คาบเกี่ยวช่วงเวลาเดียวกัน และอาจจะหมายความว่าราชวงศ์ที่สิบสามไม่ได้ควบคุมอียิปต์ทั้งหมดถึงรัชสมัยของฟาโรห์โซเบคโฮเทปที่ 4 ที่ทรงขึ้นครองอำนาจแล้ว และมีความทับซ้อนกันอย่างมากระหว่างราชวงศ์ที่สิบสามและสิบห้า เนื่องจากฟาโรห์โซเบคโฮเทปที่ 4 ทรงเป็นเพียงผู้ปกครองในช่วงกลางราชวงศ์ที่สิบสาม ถึงแม้ว่าจะทรงเป็นฟาโรห์ที่ทรงมีพระราชอำนาจมากที่สุดพระองค์หนึ่งก็ตาม ดังนั้นคำกล่าวของมาเนโธที่ว่าราชวงศ์ที่สิบห้าของชาวฮิกซฮสได้แทนที่ราชวงศ์ที่สิบสามอย่างรุนแรงนั้นอาจจะเป็นเรื่องชวนเชื่อของชาวอียิปต์ในภายหลัง แต่อำนาจของราชวงศ์ที่สิบสามน่าจะล่มสลายลงทั่วอียิปต์ในช่วงทศวรรษสุดท้ายของราชวงศ์ และชาวฮิกซอสในบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำก็ได้เข้ายึดครองเมืองเมมฟิสและสิ้นสุดราชอาณาจักรของราชวงศ์ที่สิบสาม อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ดังกล่าวและข้อสรุปที่ได้จากการวิเคราะห์ได้ถูกปฏิเสธโดยโรเบิร์ต พอร์ตเตอร์ นักไอยคุปต์วิทยา ผู้ซึ่งโต้แย้งว่า ฟาโรห์คยานทรงขึ้นมาปกครองช้ากว่ารัชสมัยของฟาโรห์โซเบคโฮเทปที่ 4 มาก (เกิดเป็นช่องว่างประมาณ 100 ปีระหว่างทั้งลำดับของฟาโรห์ทั้งสองพระองค์) และตราประทับของฟาโรห์ได้ถูกนำมาใช้อีกนานหลังจากที่พระองค์เสด็จสวรรคตเสียชีวิต ดังนั้น ตราประทับของฟาโรห์โซเบคโฮเทปที่ 4 อาจจะไม่ได้ยืนยันว่า พระองค์เป็นทรงมีพระชนม์ชีพร่วมสมัยกับฟาโรห์คยาน
ฟาโรห์เมอร์เนเฟอร์เร ไอย์ทรงเป็นผู้ปกครองอียิปต์พระองค์สุดท้ายจากราชวงศ์ที่สิบสาม ซึ่งได้รับการยืนยันจากวัตถุโบราณทั้งในอียิปต์ล่างและอียิปต์บน และหลังจากรัชสมัยของพระองค์ มีผู้สืบทอดพระราชบัลลังก์ของพระองค์นามว่า ฟาโรห์เมอร์โฮเทปเร อินิ ที่จะปรากฏหลักยืนยันเพียงแค่ในเฉพาะบริเวณอียิปต์บนเท่านั้น
อ้างอิง
- Kim S. B. Ryholt, The Political Situation in Egypt during the Second Intermediate Period, c.1800-1550 B.C., Museum Tusculanum Press 1997, p.197
- อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อKR
- Darrell D. Baker: The Encyclopedia of the Pharaohs: Volume I - Predynastic to the Twentieth Dynasty 3300–1069 BC, Stacey International, ISBN , 2008
- K. S. B. Ryholt, Hotepibre, a Supposed Asiatic King in Egypt with Relations to Ebla, Bulletin of the American Schools of Oriental Research, No. 311 (Aug., 1998), pp. 1-6
- อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อWG
- : Khata'na-Qantir: Importance, ASAE 52 (1954) pp.471-479, pl.16-17
- Daphna Ben Tor: Sequences and chronology of Second Intermediate Period royal-name scarabs, based on excavated series from Egypt and the Levant, in: The Second Intermediate Period (Thirteenth-Seventeenth Dynasties), Current Research, Future Prospects edited by Marcel Maree, Orientalia Lovaniensia Analecta, 192, 2010, p. 91
- Darrell D. Baker: The Encyclopedia of the Pharaohs: Volume I - Predynastic to the Twentieth Dynasty 3300–1069 BC, Stacey International, ISBN , 2008
- K.S.B. Ryholt. The Political Situation in Egypt during the Second Intermediate Period c. 1800–1550 B.C. Carsten Niebuhr Institute Publications 20. Copenhagen
- Dodson, Hilton, The Complete Royal Families of Ancient Egypt, 2004
- Nadine Moeller, Gregory Marouard & N. Ayers, Discussion of Late Middle Kingdom and Early Second Intermediate Period History and Chronology in Relation to the Khayan Sealings from Tell Edfu, in: Egypt and the Levant 21 (2011), pp. 87–121 online PDF
- Moeller, Marouard & Ayers, Egypt and the Levant 21, (2011), pp. 87–108
- Robert M. Porter: The Second Intermediate Period according to Edfu, Goettinger Mizsellen 239 (2013), p. 75–80
- Thomas Schneider, "The Chronology of the Middle Kingdom and the Hyksos Period", in: E. Hornung/R. Krauss/D. Warburton (eds.), Ancient Egyptian Chronology (Handbook of Oriental Studies 1, 83), Leiden/ Boston 2006, p.180
- Schneider, p.180
บรรณานุกรม
- Clayton, Peter A. Chronicle of the Pharaohs: The Reign-by-Reign Record of the Rulers and Dynasties of Ancient Egypt. London: Thames & Hudson Ltd., 2006. .
ก่อนหน้า | ราชวงศ์ที่สิบสามแห่งอียิปต์ | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
ราชวงศ์ที่สิบสองแห่งอียิปต์ | ราชวงศ์แห่งอียิปต์ (ประมาณ 1803–1649 ปีก่อนคริสตกาล) | ราชวงศ์ที่สิบสี่แห่งอียิปต์ |
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
rachwngsthisibsamaehngxiyiptobran xngkvs Thirteenth Dynasty of Egypt Dynasty XIII epnrachwngsthimkcarwmkbrachwngsthisibexd rachwngssibsxng aelarachwngsthisibsi phayitin smy aetnkekhiynbangkhnmkaeykrachwngsthisibsamxxkcakrachwngsehlani aelaekharwmkbrachwngsthisibsicnthungrachwngsthisibecd aelaepnswnhnunginsmy rachwngsthisibsamidpkkhrxngtngaetpraman 1802 pikxnkhristkal cnthungpraman 1649 pikxnkhristkal rwmthnghmd 153 pirachwngsthisibsamaehngxiyipt1803 pikxnkhristkal 1649 pikxnkhristkalrupslkhinaekrnitkhxngfaorhximieremchxawinphiphithphnthxiyiptinkrungikhoremuxnghlwngxithc thawi raw 1803 pikxnkhristkal raw 1677 pikxnkhristkal thibs raw 1677 pikxnkhristkal raw 1648 pikxnkhristkal phasathwipphasaxiyiptsasnasasnaxiyiptobrankarpkkhrxngsmburnayasiththirachyyukhprawtisastryukhsmvththi kxtng1803 pikxnkhristkal sinsud1649 pikxnkhristkalkxnhna thdiprachwngsthisibsxngaehngxiyipt rachwngsthisibsiaehngxiyiptrachwngsthisibhaaehngxiyiptrachwngsthisibhkaehngxiyiptrachwngsxibdxs rachwngsthisibsamepnrachwngsthitxenuxngodytrngcakrachwngsthisibsxngaehngxiyipt odymipthmkstriyphraxngkhaerkkhxngrachwngsthisibsam echuxknwaepnphrarachoxrsinfaorhxemenmhtthi 4 khim rihxltidesnxwaaebngchwngewlarahwangsxngrachwngs thaihidmikarephimrachwngsthisibsiaehngxiyiptthiepnxisrainthangtawnxxkkhxngdindxnsamehliympakaemnainl ehtukarnthikhim rihxltesnxekidkhuninchwngrchsmykhxngfaorhosebkhenefru faorhaehngrachwngsthisibsamaehngxiyipt miphrarachxanactngaetemuxngemmfisthangehnux txnklangcnthungxiyiptbn tlxdcnthungaekngnatkaehngthisxngkhxngaemnainl phrarachxanackhxngkstriyaehngrachwngsthisibsam khxyesuxmlnginchwngpithi 150 khxngrachwngs aelainthisudksinsudlngdwykarphichitemuxngemmfisodykstriyaehngchawhiksxsaehngrachwngsthisibhakhxngxiyiptkxn 1650 pikxnkhristskrachphramhakstriyintarasmyni rachwngsthisibsammkcathukxthibaywaepnyukhaehngkhwamwunway xyangirktamrachwngsnixaccasngbsukh makkwasmyinemuxnghlwngekaxyangemuxngxithc thawi iklkbifyum rachwngsniepnrachwngsthimifaorhcanwnmakhlayphraxngkhaetmichwngewlaaehngkarkhrxngrachthisn aelamiephiyngimkiphraxngkhthiidrbkarrbrxngwamixyucring faorhaehngrachwngsthisibsam phrarup phranam susan phramehsi khwamkhidehneskexmer khuthawi osebkhohethpthi 1 snnithanwaphraxngkhepnphukxtngrachwngsthisibsam aetinkarsuksaekaphukxtngrachwngskhux faorhewkafosnebf thrngxaccaepnphrarachoxrsin aelaphraechstha phichay hruxphraxnucha nxngchay khxng osebkhohethpthi 1enrikhaerohethpxiber ekhmaxu siharendcehriethf thrngxaccaepnphramhakstriyphraxngkhediywkb esohethpxiber sungpraktinbnthukphranamaehngturinprakthlkthanechphaabnthukphranamaehngturinesemnkhaer enbnuniesehethpxiber eseweskhthawiprakthlkthanechphaabnthukphranamaehngturinprakthlkthanechphaabnthukphranamaehngturinernesenb xemenmhthxr xwiber susanthiemuxngdahchur iklkb rachininbehethpti ekherd esekhmerkhuthawi khabaw xacepnphrarachoxrsinfaorhhxrxacepnphraechsthahruxphraxnuchakhxngfaorhkhabawkhuthawier ewkaf emuxngskhkharait rachiniesenb esns xacmiphranamwa nimaxterrachinixaya xi rachinixaya xi rachini esenbehns rachiniennisusanxacxyuthiemuxngxibdxs rachiniemnwdcer sihaethxr thrngxacepnphusaercrachkaraethnphraxngkhchwkhrawkhxngphraechsthahrux phraxnuchakhxngsusanxacxyuthiemuxngxibdxs rhssusan rachini xacepnphraechsthahruxphraxnuchakhxng aelafaorhsihaethxrrachini phiramidimthrabtaaehnng xaccaxyuiklemuxngemmfis rachiniixenni thrngkhrxngrachid 23 pisungepnrchkalthiyawnanthisudkhxngrachwngs thrngepnphramhakstriyxngkhsudthaythiepnphupkkhrxngxiyipttxnlang aelaxiyipttxnbn tamrayphranamfaorhinkhangtn phupkkhrxngthiehluxxyukhxngrachwngsthisibsam idrbkaryunynodykarkhnphbinbriewnxiyiptbnethann singnixacbngchithungkarlathingemuxnghlwngekathixithc thawi ipyngemuxngthibs aedfna ebn thxridechuxwaehtukarndngklawekidkhuncakkarrukrancakbriewnsamehliympakaemnatawnxxkaelabriewnemmfisodyphupkkhrxngchawkhanaxn sahrbnkwichakarbangkhnechuxwainchwngewladngklawepncudsinsudkhxngsmyrachxanackrklangaelaepcuderimtnkhxngsmychwngrahwangklangthisxng xyangirktam karwiekhraahdngklawthukptiesthodyrihxltaelaebekxr sungthrabwacarukaehngesehekner sxngkhphthahxi sungthrngkhrxngrachyinchwplayrachwngs idaesdngihehnxyangchdecnwaphraxngkhthrngpkkhrxngehnuxemmfis aelacarukdngklawnnimthrabaehlngthima faorhaehngrachwngsthisibsam tx faorh khaxthibayemxrohethper xini hruxthieriykwa xinithi 1sxngkhexner eswdctuemxreskhexmer xiend xaccaepnfaorhphraxngkhediywkbenefxrohethpthi 2eswdckhaer hxrxi hruxthieriykwa hxrxithi 2emxrkhawer osebkhohethpthi 7faorhcanwnaepdphraxngkh phranamsuyhayemxrekhepxreremxrkhaer thrabechphaaphranammacakbnthukphranamaehngturinphranamsuyeswdckhaer emnthuohethpthi 5 mxserxibi maxterhxr ewbexneres khaeresehekner sxngkhphthahxi praktphaphslkphraxngkhkalngthwaykarbuchaaedethphphthah eres exner taaehnngtamladbewlakhxngphupkkhrxngthiidrbkaryunynaelwcanwnhnung aetimsamarthsrupidenuxngcakkhadhlkthan faorhaehngrachwngsthisibsam taaehnngthiimaennxn faorh khaxthibayemxrechpesser xinithi 2 tamkhaklawkhxngfxn ebkhekhxrath phraxngkhkhuxphusubthxdphrarachbllngktxcakfaorheswdckhaer emnthuohethpthi 5 aelathrngepphupkkhrxngkxnhnakhxngfaorhemxrekhepxrerxaccaepnfaorhphraxngkhediywkbemxreskhexmer xiendeswahexner esnexbmixu tamkhaklawkhxngfxn ebkhekhxrath phraxngkhkhuxphusubthxdphrarachbllngktxcakfaorhes khaereskhxnexner erfaorhosebkhohethpthi 1 aela 2 rihxltidihphupkkhrxngthithrngmiphranamwa osebkhohethpthi 1 eskhexmer khuthawi epnfaorhphraxngkhaerkkhxngrachwngsthisibsam inkhnaniepnsmmtithanhlkinixykhuptwithya aelafaorhosebkhohethp eskhexmer khuthawi ksuxthungfaorhosebkhohethpthi 1 inbthkhwamni dngnn rihxltcungrabuwafaorheskhexmer khuthawi osebkhohethpthi 1 thrngkhrxngrachyidepnrayaewla 3 thung 4 pi inraw 1800 pikxnkhristkalaelaesnxihfaorhkhaxngkher osebkhohethpthi 2 nnthrngkhunkhrxngrachyinraw 20 pitxmainchwng 1780 pikxnkhristkal dxdsnaelahiltnidkhidehninthanxngediywknwafaorheskhexmer khuthawi osebkhohethpthrngkhrxngrachymakxnhnafaorhkhaxngkher osebkhohethp faorhphraxngkhxun rupslkkhxngphuthuxphrarachlyckraelaesnabdinamwa inchwngrachwngsthi 13 raw 1700 pikxnkhristkal cakwiharaehngxamuninkharnk hlngcakplxyihkhwamekhmngwdthiklumpxmprakarthangtxnitihesuxmothrmlng inthisudxiyiptkthxnkxngthharrksakarnxxkip aelahlngcaknnimnan pxmprakarkthukyudkhrxngodyniwebiyaehngkhuch sungidphngadkhunmaxikkhrng inthangtxnehnux xiyiptlangkthukchawhiksxssungepnchawesmitikcakxiksikhnungkhxngkhabsmuthrisnayekhamayudkhrxng kstriyxisraklumhnungidkxtngrachwngsthisibsi sungsthapnakhuninbriewndindxnsamehliympakaemnainlfngtawntkinchwngrachwngsthisibsam aelatxma tamkhaklawkhxngmaenoth phurukrancaktawnxxkthieriykwachawhiksxsidekhayudxiyipt odyimidekhaocmtiaetxyangidely aelahlngcakexachnaphupkkhrxngkhxngaephndinid phwkekhacungephaemuxngkhxngeraxyangirkhwamprani thalayethwsthankhxngethphecaepnphuyphng karpkkhrxngkhxngphwkekhathieriykwarachwngsthisibhaidthukekhamaaethnthirachwngsthisibsamaelarachwngsthisiinphunthiswnihykhxngxiyipt xyangirktam karkhnphbthangobrankhdilasudthi xaccabngchiidwarachwngsthisibhakhxngchawhikshs xaccamixyuaelwxyangnxyinchwngklangrachwngsthisibsaminrchsmykhxngfaorhosebkhohethpthi 4 inexksarthitiphimphemuxerw nichuxwa xiyiptaelaelwanithn nadin omlelxr ekrkxri maorwardaela exn xaeyirs idthkethiyngekiywkbkarkhnphbsakxakharkarpkkhrxngthisakhykhxngsmyrachxanackrklanginchwngtnrachwngsthisibsxnginphunthi thangtawnxxkkhxngxiyiptbn sungmisphaphthithukichnganxyangtxenuxng ekhasusmychwngrahwangklangthisxngtxntncnthungchwngrachwngsthisibecd sungsakprkhkphngnnidthukraylxmlxmodyyungchangkhnadihy inkarthanganphakhsnamodynkixykhuptinpi kh s 2010 aela kh s 2011 sungphayinsakxakharcakchwngrachwngsthisibsxng aelainxditkthukichinrachwngsthisibsamechnkn idnaipsukarkhnphbhxngothngkhnadihythixyutidkn sungkhnphbaelwwamikartraprathb 41 chinsungaesdngphaphaekaslkkhxngphupkkhrxngchawhiksxsphranamwa khyan aelaxik 9 traprathbphranamfaorhcakrachwngsthisibsamphranamwa osebkhohethpthi 4 karhlngehluxkhxngtraprathbdngklawaesdngihehnwa rchsmyfaorhosebkhohethpthi 4 aelafaorhkhyannacaxyukhabekiywchwngewlaediywkn aelaxaccahmaykhwamwarachwngsthisibsamimidkhwbkhumxiyiptthnghmdthungrchsmykhxngfaorhosebkhohethpthi 4 thithrngkhunkhrxngxanacaelw aelamikhwamthbsxnknxyangmakrahwangrachwngsthisibsamaelasibha enuxngcakfaorhosebkhohethpthi 4 thrngepnephiyngphupkkhrxnginchwngklangrachwngsthisibsam thungaemwacathrngepnfaorhthithrngmiphrarachxanacmakthisudphraxngkhhnungktam dngnnkhaklawkhxngmaenoththiwarachwngsthisibhakhxngchawhikshsidaethnthirachwngsthisibsamxyangrunaerngnnxaccaepneruxngchwnechuxkhxngchawxiyiptinphayhlng aetxanackhxngrachwngsthisibsamnacalmslaylngthwxiyiptinchwngthswrrssudthaykhxngrachwngs aelachawhiksxsinbriewnsamehliympakaemnakidekhayudkhrxngemuxngemmfisaelasinsudrachxanackrkhxngrachwngsthisibsam xyangirktam karwiekhraahdngklawaelakhxsrupthiidcakkarwiekhraahidthukptiesthodyorebirt phxrtetxr nkixykhuptwithya phusungotaeyngwa faorhkhyanthrngkhunmapkkhrxngchakwarchsmykhxngfaorhosebkhohethpthi 4 mak ekidepnchxngwangpraman 100 pirahwangthngladbkhxngfaorhthngsxngphraxngkh aelatraprathbkhxngfaorhidthuknamaichxiknanhlngcakthiphraxngkhesdcswrrkhtesiychiwit dngnn traprathbkhxngfaorhosebkhohethpthi 4 xaccaimidyunynwa phraxngkhepnthrngmiphrachnmchiphrwmsmykbfaorhkhyan faorhemxrenefxrer ixythrngepnphupkkhrxngxiyiptphraxngkhsudthaycakrachwngsthisibsam sungidrbkaryunyncakwtthuobranthnginxiyiptlangaelaxiyiptbn aelahlngcakrchsmykhxngphraxngkh miphusubthxdphrarachbllngkkhxngphraxngkhnamwa faorhemxrohethper xini thicaprakthlkyunynephiyngaekhinechphaabriewnxiyiptbnethannxangxingKim S B Ryholt The Political Situation in Egypt during the Second Intermediate Period c 1800 1550 B C Museum Tusculanum Press 1997 p 197 xangxingphidphlad payrabu lt ref gt imthuktxng immikarkahndkhxkhwamsahrbxangxingchux KR Darrell D Baker The Encyclopedia of the Pharaohs Volume I Predynastic to the Twentieth Dynasty 3300 1069 BC Stacey International ISBN 978 1 905299 37 9 2008 K S B Ryholt Hotepibre a Supposed Asiatic King in Egypt with Relations to Ebla Bulletin of the American Schools of Oriental Research No 311 Aug 1998 pp 1 6 xangxingphidphlad payrabu lt ref gt imthuktxng immikarkahndkhxkhwamsahrbxangxingchux WG Khata na Qantir Importance ASAE 52 1954 pp 471 479 pl 16 17 Daphna Ben Tor Sequences and chronology of Second Intermediate Period royal name scarabs based on excavated series from Egypt and the Levant in The Second Intermediate Period Thirteenth Seventeenth Dynasties Current Research Future Prospects edited by Marcel Maree Orientalia Lovaniensia Analecta 192 2010 p 91 Darrell D Baker The Encyclopedia of the Pharaohs Volume I Predynastic to the Twentieth Dynasty 3300 1069 BC Stacey International ISBN 978 1 905299 37 9 2008 K S B Ryholt The Political Situation in Egypt during the Second Intermediate Period c 1800 1550 B C Carsten Niebuhr Institute Publications 20 Copenhagen Dodson Hilton The Complete Royal Families of Ancient Egypt 2004 Nadine Moeller Gregory Marouard amp N Ayers Discussion of Late Middle Kingdom and Early Second Intermediate Period History and Chronology in Relation to the Khayan Sealings from Tell Edfu in Egypt and the Levant 21 2011 pp 87 121 online PDF Moeller Marouard amp Ayers Egypt and the Levant 21 2011 pp 87 108 Robert M Porter The Second Intermediate Period according to Edfu Goettinger Mizsellen 239 2013 p 75 80 Thomas Schneider The Chronology of the Middle Kingdom and the Hyksos Period in E Hornung R Krauss D Warburton eds Ancient Egyptian Chronology Handbook of Oriental Studies 1 83 Leiden Boston 2006 p 180 Schneider p 180brrnanukrmClayton Peter A Chronicle of the Pharaohs The Reign by Reign Record of the Rulers and Dynasties of Ancient Egypt London Thames amp Hudson Ltd 2006 ISBN 0500286280 kxnhna rachwngsthisibsamaehngxiyipt thdiprachwngsthisibsxngaehngxiyipt rachwngsaehngxiyipt praman 1803 1649 pikxnkhristkal rachwngsthisibsiaehngxiyipt