จักรวรรดิซาเซเนียน (เปอร์เซีย: ساسانیان, อังกฤษ: Sasanian Empire) เป็นจักรวรรดิเปอร์เชียจักรวรรดิสุดท้ายก่อนที่ศาสนาอิสลามจะเข้ามาเป็นมหาอำนาจในเอเชียตะวันตกเป็นเวลากว่าสี่ร้อยปี ทรงก่อตั้งราชวงศ์ซาเซเนียนหลังจากที่ทรงชนะ จักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่ง และมาสิ้นสุดลงเมื่อ (Yazdegerd III) มาพ่ายแพ้หลังจากที่ทรงใช้เวลาถึงสิบสี่ปีในการต่อต้านจักรวรรดิรอชิดีนซึ่งเป็นหนึ่งในรัฐเคาะลีฟะฮ์ที่เกิดขึ้นภายหลัง
จักรวรรดิซาเซเนียน ساسانیان | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ค.ศ. 224–ค.ศ. 651 | |||||||||
ธงชาติ The | |||||||||
จักรวรรดิซาเซเนียนในยุคที่รุ่งเรืองที่สุดในรัชสมัยของ (Khosrau II) | |||||||||
สถานะ | จักรวรรดิ | ||||||||
เมืองหลวง | (แรก) Ctesiphon | ||||||||
ภาษาทั่วไป | |||||||||
ศาสนา | โซโรอัสเตอร์ (ทางการ), ศาสนายูดาห์, ศาสนาคริสต์, ศาสนาพุทธ และ ฮินดู | ||||||||
การปกครอง | ราชาธิปไตย | ||||||||
ชาห์แห่งชาห์ | |||||||||
• ค.ศ. 224-241 | อาร์ดาเชอร์ที่ 1 | ||||||||
• ค.ศ. 632-651 | ยาซเดเกิร์ดที่ 3 | ||||||||
ยุคประวัติศาสตร์ | ยุคโบราณ | ||||||||
• ก่อตั้ง | ค.ศ. 224 | ||||||||
• ชาวอาหรับรุกราน | ค.ศ. 651 ค.ศ. 651 | ||||||||
พื้นที่ | |||||||||
ค.ศ. 550 | 7,400,000 ตารางกิโลเมตร (2,900,000 ตารางไมล์) | ||||||||
|
ก่อนยุคใหม่ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ก่อน
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
หลัง
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ยุคใหม่ สสซ = | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
จักรวรรดิซาเซเนียนหรือที่เรียกว่า “Eranshahr” (“จักรวรรดิอิหร่าน”) ตั้งอยู่ในบริเวณที่เป็นปัจจุบันคืออิหร่าน, อิรัก, อาร์มีเนีย, ทางตอนใต้ของคอเคซัส (รวมทั้งทางตอนใต้ของดาเกสตาน), ตะวันตกเฉียงใต้ของเอเชียกลาง, ตะวันตกของอัฟกานิสถาน, บางส่วนของตุรกี, บางส่วนของซีเรีย, บริเวณริมฝั่งทะเลของคาบสมุทรอาหรับ, บริเวณอ่าวเปอร์เซีย และบางส่วนของทางตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถาน
สมัยการปกครองของซาสซานิยะห์เป็นสมัยอันยาวนานของปลายสมัยโบราณและถือกันว่าเป็นสมัยที่สำคัญที่สุดและมีอิทธิพลที่สุดทางประวัติศาสตร์สมัยหนึ่งของ เป็นสมัยที่รุ่งเรืองที่สุดของวัฒนธรรมของเปอร์เซียแ ละเป็นจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่จักรวรรดิสุดท้ายก่อนที่จะเริ่มยุคการพิชิตของมุสลิมและการยอมรับนับถือศาสนาอิสลาม[] วัฒนธรรมของเปอร์เซียมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมของโรมันเป็นอันมากในยุคซาสซานิยะห์ และจักรวรรดิโรมันเองก็มีความนับถือจักรวรรดิซาสซานิยะห์ที่จะเห็นได้จากพระราชสาส์นจากจักรพรรดิโรมันถึงชาห์แห่งชาห์ที่จ่าหัวจดหมายว่า "my brother"[] อิทธิพลของซาสซานิยะห์ไม่จำกัดอยู่แต่เพียงในจักรวรรดิเองแต่ยังแผ่ขยายไปถึงแอฟริกา จีน และ อินเดียด้วย และมีบทบาทสำคัญในด้านศิลปะของยุคกลางทั้งในยุโรปและเอเชีย
อิทธิพลของซาสซานิยะห์ยังคงอยู่ต่อมาจนถึงต้นสมัยอิสลามเมื่ออิสลามได้รับชัยชนะต่ออิหร่าน (Abdolhossein Zarrinkoob) ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอิหร่านคนสำคัญถึงกับกล่าวว่าสิ่งที่มารู้จักกันภายหลังว่าเป็นวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม วรรณกรรม และความเชี่ยวชาญอื่นๆ ของอิสลามนั้นมีต้นตอมาจากวัฒนธรรมของซาสซานิยะห์เปอร์เชีย และเผยแพร่ไปในโลกมุสลิมโดยทั่วไป
ประวัติศาสตร์ยุคก่อนหน้า
330 ปีก่อนคริสตกาล จักรวรรดิอะคีเมนียะห์ถูกทำลายด้วยน้ำมือของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช วัฒนธรรมเปอร์เซียที่เหลืออยู่ได้กลายเป็นจักรวรรดิพาร์เธียน
323 ปีก่อนคริสตกาล พระเจ้าอเล็กซานเดอร์เสด็จสวรรคต ที่ราบสูงอิหร่านตกเป็นของซิลูกอส นิกาตอร์ หนึ่งในคณะเดียดอคีหรือเหล่าแม่ทัพของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ ซิลูกอส นิกาตอร์ได้ก่อตั้งรัฐเฮลเลนิสต์ชื่อว่าจักรวรรดิซิลูซิดขึ้นบนพื้นที่ของประเทศอิหร่านในปัจจุบัน ในยุครุ่งเรืองที่สุดจักรพรรดิแผ่ขยายอาณาเขตจนกินพื้นที่ของประเทศตุรกีและประเทศปากีสถานในปัจจุบัน วัฒนธรรมซิลูซิดเป็นการผสมผสานกันระหว่างวัฒนธรรมเกรโค-มาซิโดเนียนกับวัฒนธรรมอิหร่าน ประชาชนซึ่งเป็นชาวอิหร่านจึงไม่ได้มองผู้นำซึ่งเป็นชาวซิลูซิดว่าเป็นพวกเดียวกับตน
155 ปีก่อนคริสตกาล ชาวพาร์เธียนพิชิตอาณาเขตอิหร่านทั้งหมดของจักรวรรดิซิลูซิด ชาวพาร์เธียนเป็นชาวอิหร่านตะวันออกเฉียงเหนือ มีวัฒนธรรมที่แตกต่างจากชาวอิหร่านในจักรวรรดิลิซูซิดที่ได้รับอิทธิพลของอารยธรรมเฮลเลนิสต์
จุดเริ่มต้นของราชวงศ์ซาสซานิยะห์
ตำนานเปอร์เซียเล่าว่า ซาสซานเป็นนักบวชแห่งแพร์ซโพลิส มีบุตรชายนามว่าบาบักเป็นเจ้าชายของแคว้นเล็กๆ ที่ชื่อว่าคูร์ เจ้าชายบาบักได้สังหารพระเจ้าโกซีร์ กษัตริย์ผู้ปกครองมณฑลเปอร์ซิส และตั้งตนเป็นกษัตริย์คนใหม่ พระเจ้าบาบักได้ส่งต่ออำนาจให้พระโอรสนามว่าชาปูร์ซึ่งต่อมาประสบอุบัติเหตุสิ้นพระชนม์ อำนาจจึงตกเป็นของพระอนุชานามว่าอาร์ดาเชร์ พระเจ้าอาร์ตาเบนุสที่ 5 กษัตริย์ราชวงศ์อาร์ซาซิยะห์ (ราชวงศ์พาร์เธียน) คนสุดท้ายของเปอร์เซียต่อต้านการขึ้นครองราชย์ของพระเจ้าอาร์ดาเชร์ ในปี ค.ศ. 224 พระเจ้าอาร์ดาเชร์จึงทำสงครามล้มล้างอำนาจของพระเจ้าอาร์ตาบานุส ในปี ค.ศ. 226 พระเจ้าอาร์ดาเชร์ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งเหล่ากษัตริย์ เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ซาสซานิยะห์
การปกครองแบบฟิวดัลของราชวงศ์อาร์ซาซิยะห์ถูกเปลี่ยนเป็นการปกครองแบบมีกษัตริย์เป็นศูนย์กลางทางอำนาจ แต่มีการกระจายอำนาจให้แก่เจ้าขุนมูลนายคนอื่นๆ พระเจ้าอาร์ดาเชร์ได้รับการสนับสนุนจากนักบวชเนื่องจากทรงฟื้นฟูศาสนาโซโรอัสเตอร์ ทรงปลุกขวัญกำลังใจประชาชนด้วยการประกาศว่าพระองค์จะกำจัดอิทธิพลของอารยธรรมเฮลเลนิสต์ให้หมดไปจากเปอร์เซีย ทรงชำระแค้นลูกหลานของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ด้วยการทำสงครามพิชิตดินแดนเดิมของจักรวรรดิอะคีเมนียะห์กลับคืนมาได้ทั้งหมด พระองค์ทำสงครามขยายอาณาเขตเปอร์เซียไปจนถึงทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และแม่น้ำยูเฟรติสทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เมื่อทรงสวรรคตในปี ค.ศ. 241 ราชบัลลังก์ตกเป็นของพระโอรสนามว่าชาปูร์
การปกครองในยุคเริ่มต้น
พระเจ้าชาปูร์ หรือ พระเจ้าซาโปร์ที่ 1 (ค.ศ. 241-272) มีความกระตือรือร้นและมีทักษะฝีมือไม่ต่างจากพระบิดา พระองค์ได้รับการศึกษาชั้นดีและเป็นคนรักการเรียนรู้ พระองค์ให้อิสรภาพแก่ทุกศาสนาอย่างเปิดกว้าง ทั้งศาสนาโซโรอัสเตอร์ ศาสนามาณีกี ศาสนายูดาห์ ศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่นๆ ทรงสานต่องานเขียนคัมภีร์อเวสตะ โดยให้นักบวชใส่ความรู้ด้านอภิปรัชญา ดาราศาสตร์ และเวชกรรมที่ส่วนใหญ่หยิบยืมมาจากอินเดียและกรีซเข้าไปด้วย พระองค์ให้การอุปถัมภ์งานศิลปะ แม้จะไม่ใช่แม่ทัพที่เก่งกาจที่สุด แต่ทรงเป็นนักบริหารที่เก่งกาจในบรรดามวลหมู่กษัตริย์แห่งราชวงศ์ซาสซานิยะห์ ทรงสร้างเมืองหลวงแห่งใหม่ที่ตั้งชื่อตามพระองค์ว่ากรุงชาปูร์ซึ่งปัจจุบันยังมีซากปรักหักพังเหลืออยู่ และสร้างเมืองหลวงใหม่อีกแห่งคือกรุงชูชตาร์ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำการุน พระองค์ได้สร้างหนึ่งในงานวิศวกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคโบราณ คือ เขื่อนหินแกรนิต ซึ่งเป็นสะพานที่สร้างจากก้อนหินแกรนิต มีความยาว 1,710 ฟุต กว้าง 20 ฟุต ไว้ใช้เปลี่ยนทิศทางน้ำเป็นการชั่วคราว มีส่วนที่เป็นทางเดินพื้นแน่นหนาและประตูระบายน้ำขนาดใหญ่ยักษ์ไว้ควบคุมทิศทางน้ำ ตำนานเล่าว่าพระเจ้าชาปูร์ได้ให้วิศวกรชาวโรมันเป็นผู้ออกแบบและให้เชลยชาวโรมันเป็นผู้ก่อสร้าง
ในด้านการสงคราม พระเจ้าชาปูร์บุกรุกรานซีเรียไปจนถึงกรุงแอนติออก แต่พ่ายแพ้ต่อกองทัพโรมัน ทั้งสองฝ่ายตกลงสงบศึกกันในปี ค.ศ. 244 โดยกรุงโรมได้ดินแดนทั้งหมดที่ถูกพระเจ้าชาปูร์ยึดมากลับคืนไป เมื่ออาร์เมเนียจับมือเป็นพันธมิตรกับกรุงโรม พระชาปูร์ไม่พอใจจึงเข้าไปก้าวก่ายในอาร์เมเนียและตั้งราชวงศ์ใหม่ที่ฝักใฝ่เปอร์เซียขึ้นมาในปี ค.ศ. 252 สร้างความปลอดภัยให้แก่เปอร์เซียที่ได้ดินแดนกันชนแห่งใหม่ทางฝั่งขวา พระองค์จึงกลับมาทำสงครามกับกรุงโรมอีกครั้ง ทรงเอาชนะและจับกุมตัวจักรพรรดิวาเลริอานุสได้ในปี ค.ศ. 260 กรุงแอนติออกถูกปล้นทำลาย เชลยหลายพันคนถูกกวาดต้อนไปเป็นแรงงานในอิหร่าน อุไดนา ข้าหลวงแห่งพัลไมรา ยกทัพมาสมทบกับกรุงโรมและขับไล่พระเจ้าชาปูร์ให้ถอนร่นข้ามกลับไปทางแม่น้ำยูเฟรติสซึ่งเป็นแนวเขตที่กั้นระหว่างโรมันกับเปอร์เซีย
ผู้สืบทอดตำแหน่งคนต่อๆ มาในช่วงปี ค.ศ. 272-302 ไม่มีอะไรโดดเด่น ประวัติศาสตร์จึงกระโดดข้ามไปที่ยุคของ (ค.ศ. 302-309) ผู้สืบสานความเจริญรุ่งเรืองและความสงบสุข พระองค์บูรณะซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้างสาธารณะและบ้านเรือนประชาชนโดยเฉพาะผู้ยากไร้ ทรงตั้งศาลยุติธรรมใหม่ขึ้นมาเพื่อให้คนจนได้ร้องเรียนคนรวยและมักออกว่าความด้วยพระองค์เอง ไม่มีใครรู้ว่าพระองค์คิดจะกีดกันพระโอรสออกจากการสืบทอดบัลลังก์หรือไม่ แต่เมื่อพระเจ้าโฮร์มิซด์สวรรคต เหล่าขุนนางได้จับพระโอรสของพระองค์จองจำและยกบัลลังก์ให้พระโอรสอีกคนที่ยังไม่เกิด โดยตั้งชื่อให้ล่วงหน้าว่าพระเจ้าชาปูร์ที่ 2 ทารกในครรภ์ได้รับการทำพิธีแต่งตั้งเป็นกษัตริย์ด้วยการวางมงกุฎลงบนครรภ์ของมารดา
ยุคทองครั้งที่หนึ่ง
พระเจ้าชาปูร์ที่ 2 กลายเป็นกษัตริย์เอเชียที่ครองราชย์ยาวนานที่สุด (ค.ศ. 309-379) ทรงฝึกฝนการทำสงครามตั้งแต่ยังเด็ก ทรงมีทั้งร่างกายและจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง ทรงขึ้นบัญชาการทั้งการเมืองและการรบตอนพระชนมายุ 16 พรรษา ในการบุกรุกรานฝั่งตะวันออกของแคว้นอาระเบีย พระองค์ได้ทำลายหมู่บ้านต่างๆ จนราบเป็นหน้ากลอง สังหารเชลยไปหลายพันคน เชลยส่วนที่เหลือถูกจับไปเป็นทาส ในปี ค.ศ. 337 ทรงเปิดสงครามกับกรุงโรมอีกครั้งเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ในเส้นทางการค้าสู่ตะวันออกไกล การเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์ของกรุงโรมและอาร์เมเนียยิ่งเพิ่มความตึงเครียดให้กับความขัดแย้ง พระเจ้าชาปูร์ใช้เวลา 40 ปีต่อสู้กับจักรพรรดิโรมันหลายคน เป็นผู้ผลักดันให้พระองค์ถอยกลับไปกรุงเตซีโฟน ในปี ค.ศ. 363 ใช้อุบายบีบคั้นให้เกิดการสงบศึก พระเจ้าชาปูร์ต้องยอมรามือจากมณฑลริมแม่น้ำไทกริสและแคว้นอาร์เมเนีย พระเจ้าชาปูร์ที่ 2 สวรรคตในขณะที่เปอร์เซียกำลังอยู่บนจุดสูงสุดทางอำนาจและความยิ่งใหญ่ ครองอาณาเขตกว้างไกลราวหนึ่งแสนเอเคอร์ที่แลกมาด้วยเลือด
ยุคคั่นกลาง
ในคริสต์ศตวรรษต่อมาการทำสงครามย้ายมาอยู่ที่พรมแดนตะวันออก ราวปี ค.ศ. 425 กลุ่มชนที่ชาวกรีกเรียกว่าชาวเอฟธาลิต หรือชาวฮันขาว เข้ายึดพื้นที่ระหว่างแม่น้ำโอซอสกับแม่น้ำแย็กซาตีส กษัตริย์ซาสซานิยะห์นามว่า (ค.ศ. 420-438) กำราบชาวเอฟธาลิตได้สำเร็จ แต่หลังพระองค์สวรรคต ชาวเอฟธาลิตขยายจำนวนเพิ่มลูกหลานและทำสงครามขยายอาณาเขตจนสร้างจักรวรรดิใหม่ที่ครองอาณาเขตตั้งแต่ทะเลแคสเปียนจนถึงแม่น้ำสินธุ มีเมืองหลวงอยู่ที่กรุงกอร์กาน และมีเมืองสำคัญคือเมืองบอลค์ ชาวเอฟธาลิตสังหารพระเจ้าเปโรซ (ค.ศ. 459-484) และบังคับให้พระเจ้าวาลาคช์ (ค.ศ. 484-488) จ่ายบรรณาการให้ตน
ฝั่งตะวันออกยังคงถูกคุกคาม ขณะที่ภายในเปอร์เซียได้เกิดสงครามแย่งชิงอำนาจกันระหว่างกษัตริย์กับคณะขุนนางและเหล่านักบวช (ค.ศ. 588-531) วางแผนตัดกำลังศัตรูด้วยการสนับสนุนกลุ่มคอมมิวนิสต์ เพื่อเบนเข็มให้ศัตรูหันไปจัดการกับกลุ่มคอมมิวนิสต์แทน ในปี ค.ศ. 490 มัซดัก นักบวชโซโรอัสเตอร์ ประกาศตนเป็นผู้ที่พระเจ้าส่งให้มาเทศนาข้อบัญญัติศาสนาแบบเก่าที่กล่าวว่าผู้ชายทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกัน ไม่มีใครมีสิทธิ์ครอบครองเหนือใคร ทรัพย์สมบัติและการแต่งงานเป็นสิ่งที่มนุษย์ปรุงแต่งขึ้นและเป็นความผิดพลาดใหญ่หลวง สมบัติทุกชิ้นและผู้หญิงทุกคนเป็นทรัพย์สมบัติร่วมกันของผู้ชายทุกคน มัซดักถูกฝ่ายตรงข้ามกล่าวหาว่าเพิกเฉยต่อการขโมย การคบชู้ และการร่วมประเวณีกันในเครือญาติ และมีแนวคิดต่อต้านการมีทรัพย์สมบัติและการแต่งงาน แนวคิดยูโทเปียแบบสุดโต่งทำให้มัซดักเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ยากไร้ ทั้งกษัตริย์ยังให้การสนับสนุน กลุ่มสาวกของมัซดักจึงเริ่มออกปล้นบ้านเรือนไปจนถึงฮาเร็มเศรษฐี ขโมยนางบำเรอรูปงามราคาแพงมาใช้งานเอง เหล่าขุนนางคับแค้นใจจึงจับพระเจ้าคาวาดขังคุกและให้พระอนุชานามว่าจามาสป์ขึ้นครองบัลลังก์แทน
หลังถูกขังลืมในปราสาทสามปีพระเจ้าคาวาดหนีออกมาได้ ทรงหนีไปหาชาวเอฟธาลิตเพื่อขอกำลังมายึดเมืองเตซีโฟนและตำแหน่งกษัตริย์แห่งเปอร์เซียคืน พระเจ้าจามาสป์ถูกถอดออกจากตำแหน่ง เหล่าขุนนางหนีกลับไปดินแดนทรัพย์สินของตน
ยุคทองครั้งที่สอง
พระเจ้าคาวาดขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งเหล่ากษัตริย์อีกครั้งในปี ค.ศ. 499 พระองค์ได้สังหารมัซดักกับเหล่าสาวกหลายพันคนและยึดถือแนวคิดคอมมิวนิสต์ ในการครองราชย์ยุคที่สองของพระเจ้าคาวาด พระองค์ปราบสหายเก่าอย่างชาวเอฟธาลิตได้สำเร็จ การต่อสู้กับกรุงโรมไม่ปรากฏผู้แพ้ผู้ชนะ เมื่อทรงสรรคต ราชบัลลังก์ได้ตกเป็นของพระโอรสนามว่าโคสเรา กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของราชวงศ์ซาสซานิยะห์
(ค.ศ. 531-579) มีสมญานามว่าอาเนาเชร์วาน แปลว่า ดวงวิญญาณอันเป็นอมตะ เมื่อพระเชษฐาลอบวางแผนถอดพระองค์ออกจากบัลลังก์ พระองค์ได้สังหารพระเชษฐากับเหล่าทายาทชาย ประชาชนในปกครองเรียกพระองค์ว่า “ผู้เที่ยงธรรม” นักประวัติศาสตร์เปอร์เซียกล่าวว่าทรงมีไหวพริบ มีความรู้ มีปัญญา มีความกล้า และมีความรอบคอบ ทรงปฏิรูปการบริหารปกครอง เลือกผู้ช่วยจากความสามารถโดยไม่สนใจชั้นวรรณะ ทรงตั้งอาจารย์ของพระโอรสนามว่าวูซ็อกเมียร์เป็นวิเซียร์ (เสนาบดี) ทรงฝึกฝนวินัยและฝึกทักษะให้แก่กองทัพฟิวดัลที่ไม่เคยผ่านการฝึกฝน ทรงตั้งระบบจัดเก็บภาษีที่เสมอภาคมากขึ้นและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กฎหมายเปอร์เซีย ทรงสร้างเขื่อนและคลองเพื่อพัฒนาการจ่ายน้ำในเมืองใหญ่ๆ และการชลประทานในไร่นา ทรงพัฒนาผืนดินรกร้างให้เป็นแปลงกสิกรรม ส่งเสริมการค้าด้วยการสร้าง ปรับปรุง และดูแลสะพานและถนนต่างๆ ทรงอุทิศชีวิตให้กับการดูแลประชาชนและบ้านเมือง ทรงสนับสนุนให้ประชาชนแต่งงานเพื่อสร้างกำลังพลไว้ใช้ในไร่นาและสนามรบ เด็กกำพร้าและเด็กยากไร้ได้รับการสนับสนุนทุนการศึกษาจากภาครัฐ ผู้ใดละทิ้งศาสนามีโทษประหารชีวิต แต่อนุโลมให้ชาวคริสต์ ราชสำนักของพระองค์เป็นที่รวมตัวของนักปราชญ์ แพทย์ และนักวิชาการทั้งจากอินเดียและกรีซ ทรงให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ผลงานวรรณกรรม ผลงานวิทยาศาสตร์ และผลงานวิชาการ และออกเงินจ้างนักแปลและนักประวัติศาสตร์ ทรงรับรองความปลอดภัยของชาวต่างชาติ ทำให้ราชสำนักของพระองค์เต็มไปด้วยผู้มาเยือนจากต่างแดนหลากหลายเชื้อชาติ
พระองค์ประกาศเมื่อครั้งขึ้นครองราชย์ว่าต้องการสงบศึกกับกรุงโรมซึ่งจักรพรรดิยุสติเนียนุสเห็นชอบด้วยเนื่องจากกำลังพุ่งเป้าไปที่แอฟริกาและอิตาลี ในปี ค.ศ. 532 สองกษัตริย์ลงนามในข้อตกลงสงบศึก ในปี ค.ศ. 539 พระเจ้าโคสเราประกาศสงครามกับกรุงโรมโดยกล่าวหาว่าจักรพรรดิยุสติเนียนุสผิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง อาจเนื่องมาจากพระองค์เล็งเห็นว่าการบุกโจมตีในช่วงที่กองทัพของจักรพรรดิยุสติเนียนุสกำลังกรำศึกอยู่ทางฝั่งตะวันตกย่อมดีกว่าการรอให้ฝ่ายไบแซนไทน์ชนะศึกแล้วเสริมกำลังทัพเพื่อเตรียมสู้รบกับเปอร์เซียต่อ พระเจ้าโคสเรามองว่าเหมืองทองในเทรบิซอนด์และนอกเขตทะเลดำควรเป็นของเปอร์เซีย พระองค์จึงนำทัพเข้าซีเรีย ปิดล้อมเมือง เมือง และเมืองอะเลปโป เรียกค่าไถ่เมืองได้ก้อนโต ไม่นานก็เดินทางถึงกรุงแอนติออก ทหารเฝ้าเมืองเปิดประตูต้องรับเพราะไม่อย่างถูกยิงด้วยห่าธนูและก้อนหิน พระเจ้าโคสเราบุกเข้ายึดเมือง ปล้นทรัพย์สมบัติ เผาสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดยกเว้นมหาวิหาร ประชาชนส่วนหนึ่งถูกสังหารหมู่ อีกส่วนหนึ่งถูกส่งตัวไปเป็นทาสในเปอร์เซีย จักรพรรดิยุสติเนียนุสส่งเบลิซาริอุสไปกอบกู้สถานการณ์ แต่ในปี ค.ศ. 541 พระเจ้าโคสเราได้ยกทัพข้ามแม่น้ำยูเฟรติสกลับไปแล้ว แม่ทัพเบลิซาริอุสจึงไม่สามารถไล่ตามไปได้
ในการรุกรานโรมันเอเชียในอีกสามครั้งต่อมา พระเจ้าโคสเราใช้วิธีจู่โจมเร็วเข้าปิดล้อมเมือง พระองค์เรียกค่าไถ่เมืองและยึดเมือง ทำลายพื้นที่นอกเมือง แล้วยกทัพกลับไป ในปี ค.ศ. 545 จักรพรรดิยุสติเนียนุสจ่ายทองคำหนัก 2,000 ปอนด์ (มูลค่า 840,000 ดอลลาร์) เพื่อขอสงบศึกห้าปี เพื่อครบห้าปีได้จ่ายอีก 2,600 ปอนด์เพื่อขอขยายออกไปอีกห้าปี สุดท้ายในปี ค.ศ. 562 หลังตรากตรำทำสงครามมาตลอดชีวิต สองกษัตริย์ในวัย 50 พรรษาได้ยุติการทำศึก จักรพรรดิยุสติเนียนุสยอมจ่ายทองคำหนัก 30,000 ปอนด์ (มูลค่า 7,500,000 ดอลลาร์) ต่อปีให้เปอร์เซีย ส่วนพระเจ้าโคสเราได้ยุติการอ้างสิทธิ์ในดินแดนข้อพิพาทในเทือกเขาคอเคซัสและทะเลดำ
ราวปี ค.ศ. 570 ชาวฮิมยาริตทางตะวันตกเฉียงใต้ของแคว้นอาระเบียยื่นคำร้องมาขอความช่วยเหลือ พระเจ้าโคสเราจึงส่งกองทัพไปช่วยปลดปล่อยชาวฮิมยาริตจากผู้พิชิตดินแดนชาวอะบิสซิเนียน เมื่อเป็นอิสระชาวฮิมยาริตได้ตั้งมณฑลเปอร์เซียแห่งใหม่ขึ้นมา จักรพรรดิคนใหม่ คือ จักรพรรดิยุสตินุส มองว่าการขับไล่ชาวอะบิสซิเนียนออกจากอาระเบียของชาวเปอร์เซียเป็นการกระทำที่ไม่เป็นมิตร ทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากชาวเติร์กที่อาศัยอยู่ติดพรมแดนตะวันออกของเปอร์เซีย ในปี ค.ศ. 572 จักรพรรดิยุสตินุสจึงประกาศสงคราม แม้จะชราแล้วแต่พระเจ้าโคสเรายังเข้าทำสงครามด้วยตัวเองจนยึดเมืองทารัสได้ แต่สุขภาพที่ย่ำแย่ทำให้ทรงพ่ายแพ้เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 578 พระองค์ถอนทัพกลับกรุงเตซีโฟนและสวรรคตในปี ค.ศ. 579 ตลอดการครองราชย์ 48 ปีทรงพ่ายแพ้เพียงครั้งนี้ครั้งเดียว
พระโอรสของพระองค์ คือ พระเจ้าโฮร์มิซด์ที่ 4 (ค.ศ. 579-589) ถูกแม่ทัพวอห์ราม โชเบนล้มล้างอำนาจในปี ค.ศ. 589 วอห์รามตั้งพระโอรสในพระเจ้าโฮร์มิซด์เป็น และตั้งตนเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ปีต่อมาได้เลื่อนตนเองเป็นกษัตริย์ เมื่อพระเจ้าโคสเราถึงช่วงวัยที่เหมาะสม พระองค์เรียกร้องบัลลังก์ แต่วอห์รามไม่ให้ พระเจ้าโคสเราหนีไปอยู่ที่เมืองเฮียราโพลิสในโรมันซีเรีย จักรพรรดิชาวกรีกเมาริคิออสยื่นข้อเสนอจะกอบกู้บัลลังก์คืนให้ แลกกับการที่เปอร์เซียต้องถอนตัวออกจากอาร์เมเนีย พระเจ้าโคสเรายอมรับข้อเสนอ ในปี ค.ศ. 596 จึงเกิดเหตุการ์ครั้งประวัติศาสตร์เมื่อกองทัพโรมันทำพิธีแต่งตั้งกษัตริย์เปอร์เซียในกรุงเตซีโฟน
เมื่อโพกัสสังหารและขึ้นแทนที่จักรพรรดิเมาริซิออส พระเจ้าโคสเราได้ประกาศสงครามในปี ค.ศ. 603 เพื่อแก้แค้นให้พระสหาย การปลุกระดมมวลชนและการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายทำให้จักรวรรดิไบแซนไทน์แตกออกจากกัน กองทัพเปอร์เซียเข้ายึดเมือทารัส เมืองอามีดา เมืองเอเดซซา เมืองเฮียราโพลิส เมืองอะเลปโป เมืองอะปาเมีย เมืองดามัสกัสในช่วงปี ค.ศ. 605-613
ความสำเร็จที่พวยพุ่งทำให้พระเจ้าโคสเราประกาศทำสงครามศักดิ์สิทธิ์กับชาวคริสต์ โดยมีชาวยิว 26,000 คนร่วมสู้รบด้วย ในปี ค.ศ. 614 กองกำลังผสมของพระองค์ปล้นทำลายกรุงเยรูซาเล็มและสังหารชาวคริสต์ไป 90,000 คน โบสถ์คริสต์หลายแห่งรวมถึงโบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์ถูกเผาราบเป็นหน้ากลอง กางเขนแท้ ปูนียวัตถุชิ้นสำคัญที่สุดของชาวคริสต์ถูกขนไปเปอร์เซีย ในปี ค.ศ. 616 กองทัพเปอร์เซียบุกยึดเมืองอเล็กซานเดรียและยึดอียิปต์ทั้งหมดได้ในปี ค.ศ. 619 กองทัพเปอร์เซียบุกรุกรานอานาโตเลียและยึดเมืองได้ในปี ค.ศ. 617 โดยระหว่างเมืองชาลซีดอนกับกรุงคอนสแตนติโนเปิลมีเพียงช่องแคบบอสพอรัสกั้น ชาวเปอร์เซียยึดครองเมืองชาลซีดอนเป็นเวลาหนึ่งทศวรรษ โบสถ์ถูกรื้อทำลาย งานศิลปะและทรัพย์สมบัติถูกขนย้ายไปเปอร์เซีย อานาโตเลียถูกขูดรีดภาษีหนักจนยากจนแร้นแค้น มีทรัพยากรไม่เพียงพอ
ภายหลังพระเจ้าโคสเราได้ยกหน้าที่ในการทำสงครามให้แก่เหล่าแม่ทัพ ส่วนพระองค์เกษียณตัวไปใช้ชีวิตอยู่อย่างหรูหราในพระราชวังที่เมืองดัสตาเกิร์ด (อยู่ห่างจากกรุงเตซีโฟน 60 ไมล์) ทรงใช้ชีวิตอยู่กับงานศิลปะและพระมเหสี 3,000 คน
ยุคเสื่อมถอย
จักรพรรดิเฮราคลิออสใช้เวลาสิบปีสร้างกองทัพขึ้นมาใหม่ ทรงยกทัพข้ามไปยึดคืนเมืองชาลซีดอน ล่องเรือสู่ทะเลดำ ข้ามอาร์เมเนีย ไปโจมตีเปอร์เซีย จักรพรรดิเฮราคลิออสเอาคืนการหยามเกียรติกรุงเยรูซาเล็มของพระเจ้าโคสเราด้วยการทำลายโครอมเมีย สถานที่เกิดของโซโรอัสเตอร์ และดับเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ห้ามดับของชาวโซโรอัสเตอร์ในปี ค.ศ. 624 พระเจ้าโคสเราจึงยกทัพมาปราบแต่พ่ายแพ้ ทัพกรีกเดินหน้าต่อไป ขณะที่พระเจ้าโคสเราหนีกลับกรุงเตซีโฟน เหล่าแม่ทัพร่วมมือกับกลุ่มขุนนางถอดพระองค์ออกจากตำแหน่ง พระองค์ถูกจับขังคุก ได้รับเพียงขนมปังและน้ำประทังชีวิต พระโอรสสิบแปดคนถูกสังหารต่อหน้าพระองค์ สุดท้ายในปี ค.ศ. 628 พระองค์ถูกสังหารด้วยน้ำมือของเชรูยา พระโอรสของพระองค์เอง
หลังสังหารพระบิดา เชรูยาขึ้นครองราชย์เป็น ทรงสงบศึกกับจักรพรรดิเฮราคลิออส ถอนตัวออกจากอียิปต์ ปาเลสไตน์ ซีเรีย อานาโตเลีย และเมโสโปเตเมียตะวันตก คืนดินแดนที่ยึดมาให้ชาวไบแซนไทน์ และคืนส่วนที่เหลือของกางเขนแท้ให้กรุงเยรูซาเล็ม ในปี ค.ศ. 629 เมื่อกางเขนแท้เดินทางถึงวิหารเดิม กลุ่มชาวอาหรับได้เข้าโจมตีทหารยามชาวกรีกที่บริเวณใกล้กับแม่น้ำจอร์แดน ในปีเดียวกันได้เกิดโรคระบาดรุนแรงในเปอร์เซีย คร่าชีวิตประชาชนหลายพันคนรวมถึงกษัตริย์แห่งเปอร์เซีย พระโอรสวัย 7 พรรษาของพระองค์ได้รับการประกาศให้เป็นกษัตริย์คนใหม่นามว่าพระเจ้าอาร์ดาเชร์ที่ 3 แม่ทัพชอร์-วาราซสังหารกษัตริย์น้อย แย่งชิงบัลลังก์มาเป็นของตน แต่ถูกทหารของตนเองสังหารในเวลาต่อมา ศพถูกลากประจานไปตามท้องถนนในกรุงเตซีโฟน นับแต่นั้นได้เกิดภาวะอนาธิปไตยขึ้น เปอร์เซียอ่อนแอลงเนื่องจากสงครามภายในยาวนาน 26 ปี ในรอบสี่ปีมีกษัตริย์ขึ้นครองบัลลังก์เก้าคน บางคนถูกลอบสังหาร บางคนหนีหายไป และบางคนสวรรคตด้วยสาเหตุทางธรรมชาติ มณฑลและเมืองต่างๆ แยกตัวเป็นอิสระ ไม่ขึ้นกับการบริหารส่วนกลางอีกต่อไป ในปี ค.ศ. 634 ราชบัลลังก์ตกเป็นของพระเจ้าเย็ซเดเกิร์ดที่ 3 ทายาทแห่งราชวงศ์ซาซานและบุตรชายของหญิงผิวสี
การพิชิตของชาวอาหรับ
ในปี ค.ศ. 632 มุฮัมมัดถึงแก่มรณกรรมหลังก่อตั้งรัฐอาหรับใหม่ขึ้นมา ผู้สืบทอดตำแหน่งคนต่อมาคือเคาะลีฟะห์อุมัร ในปี ค.ศ. 634 อุมัรได้รับสาส์นจากมุตชันนา แม่ทัพในซีเรีย แจ้งว่าเปอร์เซียกำลังวุ่นวายง่ายต่อการพิชิต อุมัรจึงมอบหมายหน้าที่ให้คอลิด แม่ทัพฝีมือดีที่สุดของตน คอลิดนำทัพเบดูอินอาหรับเดินทางเลียบชายฝั่งอ่าวเปอร์เซีย เอาชนะทุกการต้านทานขัดขวางจนไปถึงแม่น้ำยูเฟรติส แต่คอลิดถูกเรียกตัวกลับ มุตชันนาถูกส่งมาทำหน้าที่แทนพร้อมกองกำลังเสริม ทัพมุสลิมต่อเรือเป็นสะพานเพื่อข้ามแม่น้ำยูเฟรติส พระเจ้าเย็ซเดเกิร์ด กษัตริย์หนุ่มวัยเพียง 22 พรรษา มอบอำนาจในการสั่งการให้โรสตาม ข้าหลวงแห่งโครอซาน และสั่งให้ตั้งทัพใหญ่ขึ้นมารักษาดินแดน
ชาวเปอร์เซียปะทะกับชาวอาหรับในยุทธการที่เดอะบริดจ์ ฝ่ายเปอร์เซียเอาชนะได้และตามไล่ล่าตัวฝ่ายอาหรับโดยไม่คิดให้ถี่ถ้วน มุตชันนาปรับทัพใหม่และเอาชนะฝ่ายเปอร์เซียได้ในยุทธการที่เอล-โบเวบ์ในปี ค.ศ. 624 แม้ชนะแต่ฝ่ายมุสลิมเสียหายหนัก มุตชันนาได้รับบาดเจ็บจนถึงแก่กรรม แต่คอลิดได้ส่งซาด แม่ทัพฝีมือดีมาพร้อมกับกองกำลังใหม่ 30,000 นาย พระเจ้าเย็ซเดเกิร์ดโต้ตอบด้วยการจัดตั้งกองกำลัง 120,000 นายให้โรสตามพาข้ามแม่น้ำยูเฟรติสไปยังกอดิซียะห์ในปี ค.ศ. 636 เกิดเป็นยุทธการสี่วันที่คร่าชีวิตผู้คนมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์อิสลาม ในวันที่สี่พายุทรายพัดไปทางฝ่ายเปอร์เซีย ฝ่ายอาหรับจึงชิงความได้เปรียบในช่วงที่ศัตรูมองไม่เห็น โรสตามถูกสังหาร ทัพเปอร์เซียแตกกระเจิง ซาดนำทัพข้ามแม่น้ำไทกริสเข้าสู่กรุงเตซีโฟน
ซาดใช้เวลาสามปีสถาปนาการปกครองอาหรับขึ้นในดินแดนเมโสโปเตเมีย ขณะที่พระเจ้าเย็ซเดเกิร์ดตั้งทัพใหม่ที่มีกองกำลัง 150,000 นาย อุมัรส่งกำลังพล 30,000 นายมาสู้รบ ในยุทธการที่นะฮาวันด์ในปี ค.ศ. 641 ฝ่ายอาหรับใช้ยุทธวิธีอันยอดเยี่ยม ระดมยิงธนูใส่จนฝ่ายเปอร์เซียนับแสนแตกกระเจิงและถูกสังหารหมู่ ชาวอาหรับเป็นฝ่ายชนะ หลังจากนั้นไม่นานดินแดนเปอร์เซียทั้งหมดถูกชาวอาหรับยึดครอง พระเจ้าเย็ซเดเกิร์ดหนีไปเมืองบอลข์ ทรงร้องขอความช่วยเหลือจากจีนแต่ถูกปฏิเสธ ทรงร้องขอความช่วยเหลือจากชาวเติร์กแต่ได้มาเพียงกองทัพเล็กๆ ในปี ค.ศ. 652 ระหว่างที่กำลังเตรียมการเปิดศึกครั้งใหม่ พระองค์ถูกทหารเติร์กสังหารเพื่อปล้นชิงอัญมณี เป็นอันจบสิ้นราชวงศ์ซาสซานิยะห์ของเปอร์เซีย
อ้างอิง
- Durant, Will (1992). The Age of Faith: A History of Medieval Civilization. MJF Books.
- Khaleghi-Motlagh, Derafš-e Kāvīān 2008-04-07 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-01-09. สืบค้นเมื่อ 2009-09-11.
- See [1] 2007-10-11 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- J. B. Bury, p. 109.
- Transoxiana 04: Sasanians in Africa
- Sarfaraz, pp. 329-330
- Iransaga: The art of Sassanians
- Durant, p. ??
- Zarinkoob, p. 305.
ดูเพิ่ม
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamnixangxingkhristskrach khristthswrrs khriststwrrs sungepnsarasakhykhxngenuxha ckrwrrdisaeseniyn epxresiy ساسانیان xngkvs Sasanian Empire epnckrwrrdiepxrechiyckrwrrdisudthaykxnthisasnaxislamcaekhamaepnmhaxanacinexechiytawntkepnewlakwasirxypi thrngkxtngrachwngssaeseniynhlngcakthithrngchna ckrphrrdixngkhsudthayaehng aelamasinsudlngemux Yazdegerd III maphayaephhlngcakthithrngichewlathungsibsipiinkartxtanckrwrrdirxchidinsungepnhnunginrthekhaalifahthiekidkhunphayhlngckrwrrdisaeseniyn ساسانیانkh s 224 kh s 651thngchati Theckrwrrdisaeseniyninyukhthirungeruxngthisudinrchsmykhxng Khosrau II sthanackrwrrdiemuxnghlwng aerk Ctesiphonphasathwipsasnaosorxsetxr thangkar sasnayudah sasnakhrist sasnaphuthth aela hindukarpkkhrxngrachathipitychahaehngchah kh s 224 241xardaechxrthi 1 kh s 632 651yasedekirdthi 3yukhprawtisastryukhobran kxtngkh s 224 chawxahrbrukrankh s 651 kh s 651phunthikh s 5507 400 000 tarangkiolemtr 2 900 000 tarangiml kxnhna thdipckrwrrdipharethiy rthekhaalifahrxchidinkxnyukhihmkxnkxnkhristskrach3200 2800ckrwrrdiexlaimth 2800 5502200 1700stwrrsthi 10 7728 550ckrwrrdixkhiemniyah 550 330ckrwrrdisilusid 330 150250 125ckrwrrdipharethiy 248 kh s 224hlngkhristskrachckrwrrdikusana 30 275ckrwrrdisassaniyah 224 651425 557565 670hlng637 651ckrwrrdixumyyah 661 750ckrwrrdixbbasiyah 750 1258821 873864 928ckrwrrdisffariyah 861 1003819 999928 1043934 1055ckrwrrdikasnawiyah 975 11871149 1212ckrwrrdieslcukh 1037 11941077 12311231 1389ckrwrrdikhanxil 1256 13531314 13931337 13571339 1432rachwngsetmuxr 1370 15061407 14681378 1508ckrwrrdisafawiyah 1501 1722 ckrwrrdiomkul 1526 18571722 17381736 1750 hrux 1736yukhihm sss xfkanisthan1747 1823exmiertxfkanisthan 1823 19291826 19191919 1929smypkkhrxngkhxngmuhmmdemdis 1929 1973satharnrthxfkanisthan 1973 1978satharnrthprachathipityxfkanisthan 1978 1992tngaet 1992xaesxribcan1722 18281828 19171918 1920satharnrthsngkhmniymosewiyt 1920 1991satharnrthxaesxribcan tngaet 1991turkirthsultanrum 1077 1308ckrwrrdixxtotmn 1299 1923satharnrthturki tngaet 1923xihran1750 1794rachwngskxyr 1781 1925rachwngspahlawi 1925 1979karptiwtixihran 19791979tngaet 1979xirk1632 19191920 19581958 2003satharnrthxirk tngaet 2004thacikisthanexmiertbukhara 1785 1920 xusebk 1920 19291929satharnrthsngkhmniymosewiytthacik 1929 1991satharnrththacikisthan tngaet 1991xusebkisthanexmiertbukhara 1785 1920satharnrthsngkhmniymosewiytxusebk 1924 19911991satharnrthxusebkisthan tngaet 1991 ckrwrrdisaeseniynhruxthieriykwa Eranshahr ckrwrrdixihran tngxyuinbriewnthiepnpccubnkhuxxihran xirk xarmieniy thangtxnitkhxngkhxekhss rwmthngthangtxnitkhxngdaekstan tawntkechiyngitkhxngexechiyklang tawntkkhxngxfkanisthan bangswnkhxngturki bangswnkhxngsieriy briewnrimfngthaelkhxngkhabsmuthrxahrb briewnxawepxresiy aelabangswnkhxngthangtawntkechiyngitkhxngpakisthan smykarpkkhrxngkhxngsassaniyahepnsmyxnyawnankhxngplaysmyobranaelathuxknwaepnsmythisakhythisudaelamixiththiphlthisudthangprawtisastrsmyhnungkhxng epnsmythirungeruxngthisudkhxngwthnthrrmkhxngepxresiyae laepnckrwrrdixnyingihyckrwrrdisudthaykxnthicaerimyukhkarphichitkhxngmuslimaelakaryxmrbnbthuxsasnaxislam txngkarxangxing wthnthrrmkhxngepxresiymixiththiphltxwthnthrrmkhxngormnepnxnmakinyukhsassaniyah aelackrwrrdiormnexngkmikhwamnbthuxckrwrrdisassaniyahthicaehnidcakphrarachsasncakckrphrrdiormnthungchahaehngchahthicahwcdhmaywa my brother txngkarxangxing xiththiphlkhxngsassaniyahimcakdxyuaetephiynginckrwrrdiexngaetyngaephkhyayipthungaexfrika cin aela xinediydwy aelamibthbathsakhyindansilpakhxngyukhklangthnginyuorpaelaexechiy xiththiphlkhxngsassaniyahyngkhngxyutxmacnthungtnsmyxislamemuxxislamidrbchychnatxxihran Abdolhossein Zarrinkoob phuechiywchayekiywkbxihrankhnsakhythungkbklawwasingthimaruckknphayhlngwaepnwthnthrrm sthaptykrrm wrrnkrrm aelakhwamechiywchayxun khxngxislamnnmitntxmacakwthnthrrmkhxngsassaniyahepxrechiy aelaephyaephripinolkmuslimodythwipprawtisastryukhkxnhna330 pikxnkhristkal ckrwrrdixakhiemniyahthukthalaydwynamuxkhxngphraecaxelksanedxrmharach wthnthrrmepxresiythiehluxxyuidklayepnckrwrrdipharethiyn 323 pikxnkhristkal phraecaxelksanedxresdcswrrkht thirabsungxihrantkepnkhxngsilukxs nikatxr hnunginkhnaediydxkhihruxehlaaemthphkhxngphraecaxelksanedxr silukxs nikatxridkxtngrthehlelnistchuxwackrwrrdisilusidkhunbnphunthikhxngpraethsxihraninpccubn inyukhrungeruxngthisudckrphrrdiaephkhyayxanaekhtcnkinphunthikhxngpraethsturkiaelapraethspakisthaninpccubn wthnthrrmsilusidepnkarphsmphsanknrahwangwthnthrrmekrokh masiodeniynkbwthnthrrmxihran prachachnsungepnchawxihrancungimidmxngphunasungepnchawsilusidwaepnphwkediywkbtn 155 pikxnkhristkal chawpharethiynphichitxanaekhtxihranthnghmdkhxngckrwrrdisilusid chawpharethiynepnchawxihrantawnxxkechiyngehnux miwthnthrrmthiaetktangcakchawxihraninckrwrrdilisusidthiidrbxiththiphlkhxngxarythrrmehlelnistcuderimtnkhxngrachwngssassaniyahtananepxresiyelawa sassanepnnkbwchaehngaephrsophlis mibutrchaynamwababkepnecachaykhxngaekhwnelk thichuxwakhur ecachaybabkidsngharphraecaoksir kstriyphupkkhrxngmnthlepxrsis aelatngtnepnkstriykhnihm phraecababkidsngtxxanacihphraoxrsnamwachapursungtxmaprasbxubtiehtusinphrachnm xanaccungtkepnkhxngphraxnuchanamwaxardaechr phraecaxartaebnusthi 5 kstriyrachwngsxarsasiyah rachwngspharethiyn khnsudthaykhxngepxresiytxtankarkhunkhrxngrachykhxngphraecaxardaechr inpi kh s 224 phraecaxardaechrcungthasngkhramlmlangxanackhxngphraecaxartabanus inpi kh s 226 phraecaxardaechridkhunepnkstriyaehngehlakstriy epnpthmkstriyaehngrachwngssassaniyah karpkkhrxngaebbfiwdlkhxngrachwngsxarsasiyahthukepliynepnkarpkkhrxngaebbmikstriyepnsunyklangthangxanac aetmikarkracayxanacihaekecakhunmulnaykhnxun phraecaxardaechridrbkarsnbsnuncaknkbwchenuxngcakthrngfunfusasnaosorxsetxr thrngplukkhwykalngicprachachndwykarprakaswaphraxngkhcakacdxiththiphlkhxngxarythrrmehlelnistihhmdipcakepxresiy thrngcharaaekhnlukhlankhxngphraecaxelksanedxrdwykarthasngkhramphichitdinaednedimkhxngckrwrrdixakhiemniyahklbkhunmaidthnghmd phraxngkhthasngkhramkhyayxanaekhtepxresiyipcnthungthangthistawnxxkechiyngehnux aelaaemnayuefrtisthangthistawntkechiyngit emuxthrngswrrkhtinpi kh s 241 rachbllngktkepnkhxngphraoxrsnamwachapurkarpkkhrxnginyukherimtnphraecachapur hrux phraecasaoprthi 1 kh s 241 272 mikhwamkratuxruxrnaelamithksafimuximtangcakphrabida phraxngkhidrbkarsuksachndiaelaepnkhnrkkareriynru phraxngkhihxisrphaphaekthuksasnaxyangepidkwang thngsasnaosorxsetxr sasnamaniki sasnayudah sasnakhrist aelasasnaxun thrngsantxnganekhiynkhmphirxewsta odyihnkbwchiskhwamrudanxphiprchya darasastr aelaewchkrrmthiswnihyhyibyummacakxinediyaelakrisekhaipdwy phraxngkhihkarxupthmphngansilpa aemcaimichaemthphthiekngkacthisud aetthrngepnnkbriharthiekngkacinbrrdamwlhmukstriyaehngrachwngssassaniyah thrngsrangemuxnghlwngaehngihmthitngchuxtamphraxngkhwakrungchapursungpccubnyngmisakprkhkphngehluxxyu aelasrangemuxnghlwngihmxikaehngkhuxkrungchuchtarsungtngxyurimaemnakarun phraxngkhidsranghnunginnganwiswkrrmthiyingihythisudinyukhobran khux ekhuxnhinaekrnit sungepnsaphanthisrangcakkxnhinaekrnit mikhwamyaw 1 710 fut kwang 20 fut iwichepliynthisthangnaepnkarchwkhraw miswnthiepnthangedinphunaennhnaaelapraturabaynakhnadihyyksiwkhwbkhumthisthangna tananelawaphraecachapuridihwiswkrchawormnepnphuxxkaebbaelaihechlychawormnepnphukxsrang indankarsngkhram phraecachapurbukrukransieriyipcnthungkrungaexntixxk aetphayaephtxkxngthphormn thngsxngfaytklngsngbsukkninpi kh s 244 odykrungormiddinaednthnghmdthithukphraecachapuryudmaklbkhunip emuxxaremeniycbmuxepnphnthmitrkbkrungorm phrachapurimphxiccungekhaipkawkayinxaremeniyaelatngrachwngsihmthifkifepxresiykhunmainpi kh s 252 srangkhwamplxdphyihaekepxresiythiiddinaednknchnaehngihmthangfngkhwa phraxngkhcungklbmathasngkhramkbkrungormxikkhrng thrngexachnaaelacbkumtwckrphrrdiwaelrixanusidinpi kh s 260 krungaexntixxkthukplnthalay echlyhlayphnkhnthukkwadtxnipepnaerngnganinxihran xuidna khahlwngaehngphlimra ykthphmasmthbkbkrungormaelakhbilphraecachapurihthxnrnkhamklbipthangaemnayuefrtissungepnaenwekhtthiknrahwangormnkbepxresiy phusubthxdtaaehnngkhntx mainchwngpi kh s 272 302 immixairoddedn prawtisastrcungkraoddkhamipthiyukhkhxng kh s 302 309 phusubsankhwamecriyrungeruxngaelakhwamsngbsukh phraxngkhburnasxmaesmsingpluksrangsatharnaaelabaneruxnprachachnodyechphaaphuyakir thrngtngsalyutithrrmihmkhunmaephuxihkhncnidrxngeriynkhnrwyaelamkxxkwakhwamdwyphraxngkhexng immiikhrruwaphraxngkhkhidcakidknphraoxrsxxkcakkarsubthxdbllngkhruxim aetemuxphraecaohrmisdswrrkht ehlakhunnangidcbphraoxrskhxngphraxngkhcxngcaaelaykbllngkihphraoxrsxikkhnthiyngimekid odytngchuxihlwnghnawaphraecachapurthi 2 tharkinkhrrphidrbkarthaphithiaetngtngepnkstriydwykarwangmngkudlngbnkhrrphkhxngmardayukhthxngkhrngthihnungphraecachapurthi 2 klayepnkstriyexechiythikhrxngrachyyawnanthisud kh s 309 379 thrngfukfnkarthasngkhramtngaetyngedk thrngmithngrangkayaelacitwiyyanthiaekhngaekrng thrngkhunbychakarthngkaremuxngaelakarrbtxnphrachnmayu 16 phrrsa inkarbukrukranfngtawnxxkkhxngaekhwnxaraebiy phraxngkhidthalayhmubantang cnrabepnhnaklxng sngharechlyiphlayphnkhn echlyswnthiehluxthukcbipepnthas inpi kh s 337 thrngepidsngkhramkbkrungormxikkhrngephuxaeyngchingkhwamepnihyinesnthangkarkhasutawnxxkikl karepliynipnbthuxsasnakhristkhxngkrungormaelaxaremeniyyingephimkhwamtungekhriydihkbkhwamkhdaeyng phraecachapurichewla 40 pitxsukbckrphrrdiormnhlaykhn epnphuphlkdnihphraxngkhthxyklbipkrungetsiofn inpi kh s 363 ichxubaybibkhnihekidkarsngbsuk phraecachapurtxngyxmramuxcakmnthlrimaemnaithkrisaelaaekhwnxaremeniy phraecachapurthi 2 swrrkhtinkhnathiepxresiykalngxyubncudsungsudthangxanacaelakhwamyingihy khrxngxanaekhtkwangiklrawhnungaesnexekhxrthiaelkmadwyeluxdyukhkhnklanginkhriststwrrstxmakarthasngkhramyaymaxyuthiphrmaedntawnxxk rawpi kh s 425 klumchnthichawkrikeriykwachawexfthalit hruxchawhnkhaw ekhayudphunthirahwangaemnaoxsxskbaemnaaeyksatis kstriysassaniyahnamwa kh s 420 438 karabchawexfthalitidsaerc aethlngphraxngkhswrrkht chawexfthalitkhyaycanwnephimlukhlanaelathasngkhramkhyayxanaekhtcnsrangckrwrrdiihmthikhrxngxanaekhttngaetthaelaekhsepiyncnthungaemnasinthu miemuxnghlwngxyuthikrungkxrkan aelamiemuxngsakhykhuxemuxngbxlkh chawexfthalitsngharphraecaepors kh s 459 484 aelabngkhbihphraecawalakhch kh s 484 488 caybrrnakarihtn fngtawnxxkyngkhngthukkhukkham khnathiphayinepxresiyidekidsngkhramaeyngchingxanacknrahwangkstriykbkhnakhunnangaelaehlankbwch kh s 588 531 wangaephntdkalngstrudwykarsnbsnunklumkhxmmiwnist ephuxebnekhmihstruhnipcdkarkbklumkhxmmiwnistaethn inpi kh s 490 msdk nkbwchosorxsetxr prakastnepnphuthiphraecasngihmaethsnakhxbyytisasnaaebbekathiklawwaphuchaythukkhnekidmaethaethiymkn immiikhrmisiththikhrxbkhrxngehnuxikhr thrphysmbtiaelakaraetngnganepnsingthimnusyprungaetngkhunaelaepnkhwamphidphladihyhlwng smbtithukchinaelaphuhyingthukkhnepnthrphysmbtirwmknkhxngphuchaythukkhn msdkthukfaytrngkhamklawhawaephikechytxkarkhomy karkhbchu aelakarrwmpraewnikninekhruxyati aelamiaenwkhidtxtankarmithrphysmbtiaelakaraetngngan aenwkhidyuothepiyaebbsudotngthaihmsdkepnthiniyminhmuphuyakir thngkstriyyngihkarsnbsnun klumsawkkhxngmsdkcungerimxxkplnbaneruxnipcnthunghaermesrsthi khomynangbaerxrupngamrakhaaephngmaichnganexng ehlakhunnangkhbaekhniccungcbphraecakhawadkhngkhukaelaihphraxnuchanamwacamaspkhunkhrxngbllngkaethn hlngthukkhngluminprasathsampiphraecakhawadhnixxkmaid thrnghniiphachawexfthalitephuxkhxkalngmayudemuxngetsiofnaelataaehnngkstriyaehngepxresiykhun phraecacamaspthukthxdxxkcaktaaehnng ehlakhunnanghniklbipdinaednthrphysinkhxngtnyukhthxngkhrngthisxngphraecakhawadkhunepnkstriyaehngehlakstriyxikkhrnginpi kh s 499 phraxngkhidsngharmsdkkbehlasawkhlayphnkhnaelayudthuxaenwkhidkhxmmiwnist inkarkhrxngrachyyukhthisxngkhxngphraecakhawad phraxngkhprabshayekaxyangchawexfthalitidsaerc kartxsukbkrungormimpraktphuaephphuchna emuxthrngsrrkht rachbllngkidtkepnkhxngphraoxrsnamwaokhsera kstriyphuyingihythisudkhxngrachwngssassaniyah kh s 531 579 mismyanamwaxaenaechrwan aeplwa dwngwiyyanxnepnxmta emuxphraechsthalxbwangaephnthxdphraxngkhxxkcakbllngk phraxngkhidsngharphraechsthakbehlathayathchay prachachninpkkhrxngeriykphraxngkhwa phuethiyngthrrm nkprawtisastrepxresiyklawwathrngmiihwphrib mikhwamru mipyya mikhwamkla aelamikhwamrxbkhxb thrngptirupkarbriharpkkhrxng eluxkphuchwycakkhwamsamarthodyimsnicchnwrrna thrngtngxacarykhxngphraoxrsnamwawusxkemiyrepnwiesiyr esnabdi thrngfukfnwinyaelafukthksaihaekkxngthphfiwdlthiimekhyphankarfukfn thrngtngrabbcdekbphasithiesmxphakhmakkhunaelaephimkhwamaekhngaekrngihkdhmayepxresiy thrngsrangekhuxnaelakhlxngephuxphthnakarcaynainemuxngihy aelakarchlprathaninirna thrngphthnaphundinrkrangihepnaeplngksikrrm sngesrimkarkhadwykarsrang prbprung aeladuaelsaphanaelathnntang thrngxuthischiwitihkbkarduaelprachachnaelabanemuxng thrngsnbsnunihprachachnaetngnganephuxsrangkalngphliwichinirnaaelasnamrb edkkaphraaelaedkyakiridrbkarsnbsnunthunkarsuksacakphakhrth phuidlathingsasnamiothspraharchiwit aetxnuolmihchawkhrist rachsankkhxngphraxngkhepnthirwmtwkhxngnkprachy aephthy aelankwichakarthngcakxinediyaelakris thrngihkarsnbsnunthangkarenginaekphlnganwrrnkrrm phlnganwithyasastr aelaphlnganwichakar aelaxxkengincangnkaeplaelankprawtisastr thrngrbrxngkhwamplxdphykhxngchawtangchati thaihrachsankkhxngphraxngkhetmipdwyphumaeyuxncaktangaednhlakhlayechuxchati phraxngkhprakasemuxkhrngkhunkhrxngrachywatxngkarsngbsukkbkrungormsungckrphrrdiyustieniynusehnchxbdwyenuxngcakkalngphungepaipthiaexfrikaaelaxitali inpi kh s 532 sxngkstriylngnaminkhxtklngsngbsuk inpi kh s 539 phraecaokhseraprakassngkhramkbkrungormodyklawhawackrphrrdiyustieniynusphidkhxtklngxyangrayaerng xacenuxngmacakphraxngkhelngehnwakarbukocmtiinchwngthikxngthphkhxngckrphrrdiyustieniynuskalngkrasukxyuthangfngtawntkyxmdikwakarrxihfayibaesnithnchnasukaelwesrimkalngthphephuxetriymsurbkbepxresiytx phraecaokhseramxngwaehmuxngthxnginethrbisxndaelanxkekhtthaeldakhwrepnkhxngepxresiy phraxngkhcungnathphekhasieriy pidlxmemuxng emuxng aelaemuxngxaelpop eriykkhaithemuxngidkxnot imnankedinthangthungkrungaexntixxk thharefaemuxngepidpratutxngrbephraaimxyangthukyingdwyhathnuaelakxnhin phraecaokhserabukekhayudemuxng plnthrphysmbti ephasingpluksrangthnghmdykewnmhawihar prachachnswnhnungthuksngharhmu xikswnhnungthuksngtwipepnthasinepxresiy ckrphrrdiyustieniynussngeblisarixusipkxbkusthankarn aetinpi kh s 541 phraecaokhseraidykthphkhamaemnayuefrtisklbipaelw aemthpheblisarixuscungimsamarthiltamipid inkarrukranormnexechiyinxiksamkhrngtxma phraecaokhseraichwithicuocmerwekhapidlxmemuxng phraxngkheriykkhaithemuxngaelayudemuxng thalayphunthinxkemuxng aelwykthphklbip inpi kh s 545 ckrphrrdiyustieniynuscaythxngkhahnk 2 000 pxnd mulkha 840 000 dxllar ephuxkhxsngbsukhapi ephuxkhrbhapiidcayxik 2 600 pxndephuxkhxkhyayxxkipxikhapi sudthayinpi kh s 562 hlngtraktrathasngkhrammatlxdchiwit sxngkstriyinwy 50 phrrsaidyutikarthasuk ckrphrrdiyustieniynusyxmcaythxngkhahnk 30 000 pxnd mulkha 7 500 000 dxllar txpiihepxresiy swnphraecaokhseraidyutikarxangsiththiindinaednkhxphiphathinethuxkekhakhxekhssaelathaelda rawpi kh s 570 chawhimyaritthangtawntkechiyngitkhxngaekhwnxaraebiyyunkharxngmakhxkhwamchwyehlux phraecaokhseracungsngkxngthphipchwypldplxychawhimyaritcakphuphichitdinaednchawxabissieniyn emuxepnxisrachawhimyaritidtngmnthlepxresiyaehngihmkhunma ckrphrrdikhnihm khux ckrphrrdiyustinus mxngwakarkhbilchawxabissieniynxxkcakxaraebiykhxngchawepxresiyepnkarkrathathiimepnmitr thngyngidrbkarsnbsnuncakchawetirkthixasyxyutidphrmaedntawnxxkkhxngepxresiy inpi kh s 572 ckrphrrdiyustinuscungprakassngkhram aemcachraaelwaetphraecaokhserayngekhathasngkhramdwytwexngcnyudemuxngtharsid aetsukhphaphthiyaaeythaihthrngphayaephepnkhrngaerkinpi kh s 578 phraxngkhthxnthphklbkrungetsiofnaelaswrrkhtinpi kh s 579 tlxdkarkhrxngrachy 48 pithrngphayaephephiyngkhrngnikhrngediyw phraoxrskhxngphraxngkh khux phraecaohrmisdthi 4 kh s 579 589 thukaemthphwxhram ochebnlmlangxanacinpi kh s 589 wxhramtngphraoxrsinphraecaohrmisdepn aelatngtnepnphusaercrachkaraephndin pitxmaideluxntnexngepnkstriy emuxphraecaokhserathungchwngwythiehmaasm phraxngkheriykrxngbllngk aetwxhramimih phraecaokhserahniipxyuthiemuxngehiyraophlisinormnsieriy ckrphrrdichawkrikemarikhixxsyunkhxesnxcakxbkubllngkkhunih aelkkbkarthiepxresiytxngthxntwxxkcakxaremeniy phraecaokhserayxmrbkhxesnx inpi kh s 596 cungekidehtukarkhrngprawtisastremuxkxngthphormnthaphithiaetngtngkstriyepxresiyinkrungetsiofn emuxophkssngharaelakhunaethnthickrphrrdiemarisixxs phraecaokhseraidprakassngkhraminpi kh s 603 ephuxaekaekhnihphrashay karplukradmmwlchnaelakaraebngfkaebngfaythaihckrwrrdiibaesnithnaetkxxkcakkn kxngthphepxresiyekhayudemuxthars emuxngxamida emuxngexedssa emuxngehiyraophlis emuxngxaelpop emuxngxapaemiy emuxngdamsksinchwngpi kh s 605 613 khwamsaercthiphwyphungthaihphraecaokhseraprakasthasngkhramskdisiththikbchawkhrist odymichawyiw 26 000 khnrwmsurbdwy inpi kh s 614 kxngkalngphsmkhxngphraxngkhplnthalaykrungeyrusaelmaelasngharchawkhristip 90 000 khn obsthkhristhlayaehngrwmthungobsthphrakhuhaskdisiththithukepharabepnhnaklxng kangekhnaeth puniywtthuchinsakhythisudkhxngchawkhristthukkhnipepxresiy inpi kh s 616 kxngthphepxresiybukyudemuxngxelksanedriyaelayudxiyiptthnghmdidinpi kh s 619 kxngthphepxresiybukrukranxanaoteliyaelayudemuxngidinpi kh s 617 odyrahwangemuxngchalsidxnkbkrungkhxnsaetntionepilmiephiyngchxngaekhbbxsphxrskn chawepxresiyyudkhrxngemuxngchalsidxnepnewlahnungthswrrs obsththukruxthalay ngansilpaaelathrphysmbtithukkhnyayipepxresiy xanaoteliythukkhudridphasihnkcnyakcnaernaekhn mithrphyakrimephiyngphx phayhlngphraecaokhseraidykhnathiinkarthasngkhramihaekehlaaemthph swnphraxngkheksiyntwipichchiwitxyuxyanghruhrainphrarachwngthiemuxngdstaekird xyuhangcakkrungetsiofn 60 iml thrngichchiwitxyukbngansilpaaelaphramehsi 3 000 khnyukhesuxmthxyckrphrrdiehrakhlixxsichewlasibpisrangkxngthphkhunmaihm thrngykthphkhamipyudkhunemuxngchalsidxn lxngeruxsuthaelda khamxaremeniy ipocmtiepxresiy ckrphrrdiehrakhlixxsexakhunkarhyamekiyrtikrungeyrusaelmkhxngphraecaokhseradwykarthalayokhrxmemiy sthanthiekidkhxngosorxsetxr aeladbeplwephlingskdisiththithihamdbkhxngchawosorxsetxrinpi kh s 624 phraecaokhseracungykthphmaprabaetphayaeph thphkrikedinhnatxip khnathiphraecaokhserahniklbkrungetsiofn ehlaaemthphrwmmuxkbklumkhunnangthxdphraxngkhxxkcaktaaehnng phraxngkhthukcbkhngkhuk idrbephiyngkhnmpngaelanaprathngchiwit phraoxrssibaepdkhnthuksnghartxhnaphraxngkh sudthayinpi kh s 628 phraxngkhthuksnghardwynamuxkhxngechruya phraoxrskhxngphraxngkhexng hlngsngharphrabida echruyakhunkhrxngrachyepn thrngsngbsukkbckrphrrdiehrakhlixxs thxntwxxkcakxiyipt paelsitn sieriy xanaoteliy aelaemosopetemiytawntk khundinaednthiyudmaihchawibaesnithn aelakhunswnthiehluxkhxngkangekhnaethihkrungeyrusaelm inpi kh s 629 emuxkangekhnaethedinthangthungwiharedim klumchawxahrbidekhaocmtithharyamchawkrikthibriewniklkbaemnacxraedn inpiediywknidekidorkhrabadrunaernginepxresiy khrachiwitprachachnhlayphnkhnrwmthungkstriyaehngepxresiy phraoxrswy 7 phrrsakhxngphraxngkhidrbkarprakasihepnkstriykhnihmnamwaphraecaxardaechrthi 3 aemthphchxr warassngharkstriynxy aeyngchingbllngkmaepnkhxngtn aetthukthharkhxngtnexngsngharinewlatxma sphthuklakpracaniptamthxngthnninkrungetsiofn nbaetnnidekidphawaxnathipitykhun epxresiyxxnaexlngenuxngcaksngkhramphayinyawnan 26 pi inrxbsipimikstriykhunkhrxngbllngkekakhn bangkhnthuklxbsnghar bangkhnhnihayip aelabangkhnswrrkhtdwysaehtuthangthrrmchati mnthlaelaemuxngtang aeyktwepnxisra imkhunkbkarbriharswnklangxiktxip inpi kh s 634 rachbllngktkepnkhxngphraecaeysedekirdthi 3 thayathaehngrachwngssasanaelabutrchaykhxnghyingphiwsikarphichitkhxngchawxahrbinpi kh s 632 muhmmdthungaekmrnkrrmhlngkxtngrthxahrbihmkhunma phusubthxdtaaehnngkhntxmakhuxekhaalifahxumr inpi kh s 634 xumridrbsasncakmutchnna aemthphinsieriy aecngwaepxresiykalngwunwayngaytxkarphichit xumrcungmxbhmayhnathiihkhxlid aemthphfimuxdithisudkhxngtn khxlidnathphebduxinxahrbedinthangeliybchayfngxawepxresiy exachnathukkartanthankhdkhwangcnipthungaemnayuefrtis aetkhxlidthukeriyktwklb mutchnnathuksngmathahnathiaethnphrxmkxngkalngesrim thphmuslimtxeruxepnsaphanephuxkhamaemnayuefrtis phraecaeysedekird kstriyhnumwyephiyng 22 phrrsa mxbxanacinkarsngkarihorstam khahlwngaehngokhrxsan aelasngihtngthphihykhunmarksadinaedn chawepxresiypathakbchawxahrbinyuththkarthiedxabridc fayepxresiyexachnaidaelatamillatwfayxahrbodyimkhidihthithwn mutchnnaprbthphihmaelaexachnafayepxresiyidinyuththkarthiexl obewbinpi kh s 624 aemchnaaetfaymuslimesiyhayhnk mutchnnaidrbbadecbcnthungaekkrrm aetkhxlididsngsad aemthphfimuxdimaphrxmkbkxngkalngihm 30 000 nay phraecaeysedekirdottxbdwykarcdtngkxngkalng 120 000 nayihorstamphakhamaemnayuefrtisipyngkxdisiyahinpi kh s 636 ekidepnyuththkarsiwnthikhrachiwitphukhnmakthisudkhrnghnunginprawtisastrxislam inwnthisiphayuthrayphdipthangfayepxresiy fayxahrbcungchingkhwamidepriybinchwngthistrumxngimehn orstamthuksnghar thphepxresiyaetkkraecing sadnathphkhamaemnaithkrisekhasukrungetsiofn sadichewlasampisthapnakarpkkhrxngxahrbkhunindinaednemosopetemiy khnathiphraecaeysedekirdtngthphihmthimikxngkalng 150 000 nay xumrsngkalngphl 30 000 naymasurb inyuththkarthinahawndinpi kh s 641 fayxahrbichyuththwithixnyxdeyiym radmyingthnuiscnfayepxresiynbaesnaetkkraecingaelathuksngharhmu chawxahrbepnfaychna hlngcaknnimnandinaednepxresiythnghmdthukchawxahrbyudkhrxng phraecaeysedekirdhniipemuxngbxlkh thrngrxngkhxkhwamchwyehluxcakcinaetthukptiesth thrngrxngkhxkhwamchwyehluxcakchawetirkaetidmaephiyngkxngthphelk inpi kh s 652 rahwangthikalngetriymkarepidsukkhrngihm phraxngkhthukthharetirksngharephuxplnchingxymni epnxncbsinrachwngssassaniyahkhxngepxresiyxangxingDurant Will 1992 The Age of Faith A History of Medieval Civilization MJF Books Khaleghi Motlagh Derafs e Kavian 2008 04 07 thi ewyaebkaemchchin khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2010 01 09 subkhnemux 2009 09 11 See 1 2007 10 11 thi ewyaebkaemchchin J B Bury p 109 Transoxiana 04 Sasanians in Africa Sarfaraz pp 329 330 Iransaga The art of Sassanians Durant p Zarinkoob p 305 duephimkarphichitckrwrrdiepxresiyodymuslim