ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
กลศาสตร์ควอนตัม (อังกฤษ: quantum mechanics) เป็นทฤษฎีพื้นฐานทฤษฎีหนึ่งในฟิสิกส์ที่อธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติในระดับอะตอมและเล็กกว่าอะตอม: 1.1 ถือเป็นรากฐานของ ฟิสิกส์ควอนตัม (quantum physics) ทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วย ทฤษฎีสนามควอนตัม และ
กลศาสตร์ควอนตัมสามารถใช้อธิบายระบบมากมายที่ฟิสิกส์ดั้งเดิมไม่สามารถอธิบายได้ ฟิสิกส์ดั้งเดิมสามารถอธิบายลักษณะต่าง ๆ ของธรรมชาติได้ดีในมาตราส่วนปกติ กล่าวคือระดับมหทรรศน์ไปจนถึงจุลทรรศน์ที่ตามองเห็นได้ แต่ไม่เพียงพอเมื่อต้องการอธิบายธรรมชาติในมาตราส่วนที่เล็กกว่าจุลทรรศน์ กล่าวคือระดับอะตอมและเล็กกว่าอะตอม ทฤษฎีในฟิสิกส์ดั้งเดิมส่วนใหญ่สามารถสืบย้อนมาจากกลศาสตร์ควอนตัมได้ในฐานะค่าประมาณที่ใช้ได้สำหรับมาตราส่วนขนาดใหญ่
ระบบควอนตัมมีสถานะจำกัดขอบเขต (bound states) ซึ่งถูกทำให้เป็นควอนตัมหรือ "แจงหน่วย" (quantized) กลายเป็นค่าที่ไม่ต่อเนื่อง (discrete values) ของปริมาณพลังงาน โมเมนตัม โมเมนตัมเชิงมุม และปริมาณอื่น ๆ ตรงข้ามกับระบบฟิสิกส์ดั้งเดิมที่สามารถวัดค่าปริมาณเหล่านี้ได้โดยต่อเนื่อง การวัดปริมาณของระบบควอนตัมจะแสดงคุณสมบัติทั้งของอนุภาคและคลื่น (ทวิภาคคลื่น–อนุภาค) และยังมีข้อจำกัดเรื่องความแม่นยำของการทำนายค่าในปริมาณฟิสิกส์ก่อนการวัดเมื่อให้มีชุดเงื่อนไขเริ่มต้นที่สมบูรณ์ (หลักความไม่แน่นอน)
กลศาสตร์ควอนตัมถูกพัฒนาขึ้นเป็นลำดับจากทฤษฎีที่ใช้อธิบายค่าสังเกตที่ไม่สอดคล้องกับฟิสิกส์ดั้งเดิม เช่น วิธีการของมัคส์ พลังค์เพื่อแก้ปัญหาการแผ่รังสีของวัตถุดำในปี ค.ศ. 1900 ความสมนัยระหว่างพลังงานกับความถี่ในงานตีพิมพ์ของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์เมื่อปี ค.ศ. 1905 ซึ่งสามารถอธิบายปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริกได้ ทฤษฎีเหล่านี้ถือเป็นความพยายามแรก ๆ เพื่อทำความเข้าใจปรากฏการณ์ในโลกจุลทรรศน์ ที่ปัจจุบันเรียกว่าเป็น "" ซึ่งต่อมานำไปสู่การพัฒนากลศาสตร์ควอนตัมอย่างเต็มรูปแบบในช่วงกลางทศวรรษที่ 1920 โดยนักฟิสิกส์ นิลส์ โปร์, แอร์วีน ชเรอดิงเงอร์, แวร์เนอร์ ไฮเซินแบร์ค, มัคส์ บอร์น, พอล ดิแรก เป็นต้น ทฤษฎีควอนตัมใหม่ถูกจัดรูปแบบขึ้นโดยใช้รูปแบบต่าง ๆ หนึ่งในนั้นคือ (wave function) ซึ่งแสดงข้อมูลในรูปของแอมพลิจูดของความน่าจะเป็นจากการวัดปริมาณพลังงาน โมเมนตัม และคุณสมบัติฟิสิกส์อื่น ๆ ที่อาจตรวจวัดได้ของอนุภาคใด ๆ
ภาพรวมและแนวคิดพื้นฐาน
กลศาสตร์ควอนตัมใช้คำนวณคุณสมบัติและพฤติกรรมของระบบฟิสิกส์ โดยทั่วไปจะใช้กับระบบจุลทรรศน์ซึ่งได้แก่ โมเลกุล อะตอม และอนุภาคย่อยของอะตอม มีการพิสูจน์แล้วว่าทฤษฎีนี้ยังสามารถใช้กับโมเลกุลซับซ้อนที่ประกอบด้วยอะตอมนับพันได้ แต่การประยุกต์ใช้กับมนุษย์โดยตรงอาจทำให้เกิดคำถามเชิงปรัชญา เช่น การทดลองทางความคิด "" การประยุกต์ใช้กับเอกภพทั้งเอกภพล้วนแล้วแต่เป็นเพียงการคาดเดา การทำนายที่เกิดจากกลศาสตร์ควอนตัมได้รับการตรวจสอบด้วยการทดลองแล้วว่ามีสูงยวดยิ่ง เช่น การแบ่งละเอียดทางกลศาสตร์ควอนตัมที่ใช้สำหรับปฏิสัมพันธ์ระหว่างแสงกับสสารที่เรียกว่า (quantum eletrodynamics, QED) สอดคล้องกับผลการทดลองในระดับ 1 ส่วน 108 สำหรับคุณสมบัติเชิงอะตอมบางอย่าง
ลักษณะเด่นที่เป็นพื้นฐานของกลศาสตร์ควอนตัมคือ กลศาสตร์ควอนตัมมักไม่สามารถทำนายได้อย่างแน่นอนว่าจะเกิดอะไรขึ้น โดยจะให้เพียงค่าความน่าจะเป็นเท่านั้น พูดในทางคณิตศาสตร์คือ ความน่าจะเป็นนี้มีค่าเท่ากับยกกำลังสองของค่าสัมบูรณ์ของจำนวนเชิงซ้อน หรือรู้จักเช่นเดียวกันว่าเป็น แอมพลิจูดความน่าจะเป็น (probability amplitude) ทั้งหมดนี้คือ ตั้งชื่อตามนักฟิสิกส์ มัคส์ บอร์น เช่น เราสามารถอธิบายระบบของอนุภาคควอนตัมเช่นอิเล็กตรอนได้ด้วยฟังก์ชันคลื่น ซึ่งเชื่อมแต่ละจุดในปริภูมิเข้าด้วยแอมพลิจูดความน่าจะเป็น เมื่อใช้กฎของบอร์นกับแอมพลิจูดเหล่านี้จะให้ฟังก์ชันความหนาแน่นของความน่าจะเป็น (probability density function) ซึ่งบอกตำแหน่งที่เราสามารถพบอิเล็กตรอนได้เมื่อทำการทดลองเพื่อวัดค่า นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ทฤษฎีสามารถทำได้ ทฤษฎีนี้ไม่สามารถบอกเราได้ว่าจะพบอิเล็กตรอนแน่ ๆ ตรงไหน สมการชเรอดิงเงอร์ เป็นสมการที่ใช้สร้างความสัมพันธ์ระหว่างชุดแอมพลิจูดความน่าจะเป็นในเวลาหนึ่งกับชุดแอมพลิจูดความน่าจะเป็นในอีกเวลาหนึ่ง
ผลที่ตามมาประการหนึ่งของกฎคณิตศาสตร์ในกลศาสตร์ควอนตัมคือการได้อย่างเสียอย่างของความสามารถที่จะทำนายค่าระหว่างปริมาณที่วัดได้ปริมาณต่าง ๆ นี่คือหลักความไม่แน่นอน รูปแบบที่มีชื่อเสียงที่สุดจากหลักนี้กล่าวว่า ไม่ว่าอนุภาคควอนตัมจะถูกเตรียมมาอย่างไร หรือถูกทำการทดลองอย่างพิถีพิถันเพียงใด เราไม่สามารถทำนายค่าที่แม่นยำของตำแหน่งและโมเมนตัมในเวลาเดียวกันได้เลย
ผลอีกประการหนึ่งคือปรากฏการณ์การแทรกสอดเชิงควอนตัม มักสาธิตด้วย ในการทดลองเวอร์ชันพื้นฐานจะใช้แหล่งกำเนิดแสงอาพันธ์ (coherent light source) เช่น ลำแสงเลเซอร์ ส่องไปยังแผ่นที่ถูกเจาะด้วยช่องขนานเล็ก ๆ สองช่อง แสงที่ผ่านช่องสองช่องนี้จะตกกระทบฉากด้านหลัง และจึงทำการสังเกต: 102–111 : 1.1–1.8 แสงที่ผ่านช่องสองช่องนี้จะแทรกสอดกันเนื่องจากธรรมชาติความเป็นคลื่นของแสง ทำให้เกิดแถบสว่างและมืดสลับกันไปบนฉาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นได้ตามหลักฟิสิกส์ดั้งเดิมที่ถือว่าแสงเป็นอนุภาค แต่แสงก็ยังคงมีคุณสมบัติของอนุภาคอยู่ด้วย โดยฉากจะดูดซับแสงเป็นจุด ๆ แยกกันไม่ต่อเนื่องเสมอ ดังอนุภาคเดี่ยว ไม่ใช่คลื่น รูปแบบการแทรกสอดจะเกิดขึ้นจากความแตกต่างของความหนาแน่นของอนุภาคที่ตกกระทบฉาก ในการทดลองอีกเวอร์ชันหนึ่งที่มีการติดตั้งเครื่องตรวจจับไว้ที่ช่องแคบจะพบว่าโฟตอนที่ถูกตรวจจับได้จะวิ่งผ่านช่องใดช่องหนึ่งเท่านั้น (นั่นคือพฤติกรรมของอนุภาค) และจะไม่ผ่านช่องสองช่องพร้อมกัน (เหมือนพฤติกรรมของคลื่น): 109 การทดลองนี้บอกเราว่าอนุภาคจะไม่ทำให้เกิดรูปแบบการแทรกสอดถ้าใช้เครื่องตรวจจับและทราบว่าอนุภาควิ่งผ่านช่องแคบใด นี่คือคุณสมบัติทวิภาคคลื่น–อนุภาค ที่เกิดขึ้นได้กับทั้งแสง (โฟตอน) อิเล็กตรอน อะตอม และแม้กระทั่งโมเลกุล
ปรากฏการณ์อีกอย่างที่กลศาสตร์ควอนตัมทำนายได้แต่กลศาสตร์ดั้งเดิมทำนายไม่ได้คือ อนุภาคสามารถวิ่งชนกำแพงศักย์และทะลุผ่านไปได้ แม้ว่าอนุภาคนั้นจะมีพลังงานจลน์น้อยกว่าค่าสูงสุดของศักย์ก็ตาม เมื่อใช้หลักกลศาสตร์ดั้งเดิม อนุภาคนี้จะติดอยู่และไม่สามารถทะลุกำแพงศักย์ได้ ปรากฏการณ์อุโมงค์ควอนตัมช่วยอธิบายธรรมชาติของการสลายตัวกัมมันตรังสี ปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันในดาวฤกษ์ และยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในเชิงเทคโนโลยีเช่น กล้องจุลทรรศน์แบบส่องกราดในอุโมงค์ และ
เมื่อระบบควอนตัมมีปฏิสัมพันธ์กันอาจเกิดผลลัพธ์เป็นการพัวพันเชิงควอนตัม ที่คุณสมบัติของพวกมันจะเกี่ยวพันกันจนไม่สามารถอธิบายรายละเอียดทั้งหมดของแต่ละส่วนแยกกันได้อีกต่อไป นักฟิสิกส์แอร์วีน ชเรอดิงเงอร์ เรียกการพัวพัน (entanglement) ว่าเป็น "... ลักษณะเฉพาะของกลศาสตร์ควอนตัม ลักษณะที่บังคับให้ออกพ้นไปจากวิธีคิดแบบดั้งเดิมอย่างสมบูรณ์" ปรากฏการณ์พัวพันเชิงควอนตัมช่วยเปิดโลกของ (quantum computing) และยังเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเกณฑ์วิธีการสื่อสารเชิงควอนตัม เช่น และ แต่การพัวพันเชิงควอนตัมไม่สามารถทำให้สัญญาณส่งถึงกันได้ด้วยได้ ดังที่เป็นความเข้าใจผิดที่พบบ่อย ปัญหานี้ได้รับการอธิบายไว้ใน (no-communication theorem)
ความเป็นไปได้อีกประการหนึ่งที่ตามมาหลังการค้นพบการพัวพันเชิงควอนตัมคือการทดสอบ "" (hidden variables) ซึ่งเป็นคุณสมบัติสมมุติที่มีความเป็นมูลฐานมากกว่าปริมาณที่ระบุในทฤษฎีควอนตัมเอง ความรู้ในเรื่องนี้อาจนำไปสู่การทำนายที่แม่นยำกว่าที่ทฤษฎีควอนตัมจะทำได้ ผลจากการรวบรวมผลการทดลอง โดยมีส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดคือ ได้แสดงให้เห็นว่าทฤษฎีตัวแปรซ่อนเร้นที่กล่าวถึงโดยกว้างนั้นแท้จริงแล้วเข้ากันไม่ได้กับฟิสิกส์ควอนตัม ตามทฤษฎีบทของเบลล์ หากธรรมชาติประพฤติตัวถูกต้องตามทฤษฎีตัวแปรที่ซ่อนอยู่เฉพาะที่ (local) ใด ๆ จะทำให้ผลลัพธ์จาก จะถูกจำกัดในทางเฉพาะที่วัดปริมาณได้ มีการทดสอบเบลล์หลายครั้งและทุกครั้งก็แสดงผลลัพธ์ที่เข้ากันไม่ได้กับข้อจำกัดที่กำหนดโดยตัวแปรที่ซ่อนอยู่เฉพาะที่
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเสนอแนวคิดของกลศาสตร์ควอนตัมเหล่านี้ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นโดยที่ไม่แตะต้องคณิตศาสตร์ การทำความเข้าใจกลศาสตร์ควอนตัมต้องมีความเข้าใจในเรื่องจำนวนเชิงซ้อน พีชคณิตเชิงเส้น สมการเชิงอนุพันธ์ ทฤษฎีกรุป และหัวข้อขั้นสูงอื่น ๆ บทความนี้จะนำเสนอการจัดสูตรคณิตศาสตร์ของกลศาสตร์ควอนตัม และการประยุกต์ใช้สูตรเหล่านี้กับตัวอย่างที่มีประโยชน์และมีการศึกษาอยู่บ่อยครั้ง
สมการการแผ่รังสีของวัตถุดำ (Blackbody Radiation Equation)
เมื่อวัตถุถูกทำให้ร้อน มันจะปล่อยรังสีความร้อน ในรูปแบบของการแผ่รังสีแม่เหล็กย่านอินฟราเรด (ใต้แดง) เมื่อวัตถุกลายเป็นวัตถุแดงร้อน (red-hot) เราจะสามารถเห็นความยาวคลื่นสีแดงได้ แต่รังสีความร้อนส่วนใหญ่ที่แผ่ออกมายังคงเป็นอินฟราเรด จนกระทั่งวัตถุร้อนเท่ากับพื้นผิวของดวงอาทิตย์ (ประมาณ 6000 °C ที่ที่แสงส่วนใหญ่เป็นสีขาว)
สูตรการแผ่รังสีของวัตถุดำ เป็นผลงานแรกๆ ของทฤษฎีควอนตัม ในกลางคืน วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2443 โดยพลังก์ มันมาจากรายงานของ (Rubens) จากการค้นพบล่าสุดในการค้นหาอินฟราเรด คืนนั้นเองพลังก์เขียนสูตรลงบนโปสการ์ด รูเบนส์ ได้รับโปสการ์ดนั้นในเช้าวันถัดมา
เมื่อ
- n = เลขควอนตัม
- E = พลังงาน
- f = ความถี่ single mode ที่แผ่รังสีจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (บางตำราจะใช้ตัวอักษร ν (อ่านว่า นิว))
- h= Planck’s Constant (ค่าคงตัวของพลังค์) โดยมีค่าประมาณ 6.626 x 10^(-34) Js
วันที่มีการค้นพบควอนตัม
จากการทดลอง พลังก์ค้นพบค่าของ h และ k ดังนั้นเขาสามารถรายงานในการประชุม the German Physical Society ในวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2443 ที่ซึ่งการแจงหน่วย หรือ quantization (ของพลังงาน) ถูกเปิดเผยเป็นครั้งแรก ค่าของเลขอโวกาโดร (the Avogadro-Loschmidt number) , จำนวนของโมเลกุลในโมล (mole) และหน่วยของประจุไฟฟ้า มีความถูกต้องมากขึ้นหลังจากนั้นจนถึงปัจจุบัน
ควอนตัม เอนแทงเกิลเมนต์ (Quantum Entanglement)
ควอนตัม เอนแทงเกิลเมนต์ ครั้งหนึ่งเคยถูกมองเป็นเรื่องซับซ้อนและลึกลับเกินกว่าจะเป็นจริงได้ มาปัจจุบันกำลังกลายเป็นเรื่องที่ตื่นเต้นมาก และมีแนวโน้มจะเป็นหนึ่งในหลักการสำคัญของเทคโนโลยีแห่งศตวรรษที่ 21 อนุภาคที่พัวพันกัน กำลังจะถูกใช้ในการสร้างระบบการสื่อสารที่เป็นความลับ อาจเป็นพื้นฐานของคอมพิวเตอร์ควอนตัมความเร็วสูงพิเศษ และแม้แต่เครื่อง "Teleportation" ในสไตล์ของภาพยนตร์ชุดสตาร์เทรค นักทฤษฎีในปัจจุบันคิดว่า เอนแทงเกิลเมนต์อาจเป็นปรากฏการณ์ค่อนข้างทั่วไปในธรรมชาติ ความคิดที่นำมาสู่ความเป็นไปได้ว่า เรากำลังอาศัยอยู่ในใยคอสมิกจริงๆ ที่เชื่อมโยงถึงกันและกัน ข้ามมิติของตำแหน่งและเวลา
การทะลุผ่านเชิงควอนตัม (Quantum Tunneling)
การทะลุผ่านเชิงควอนตัม (อังกฤษ: quantum tunneling) เป็นปรากฏการณ์ทางกลศาสตร์ควอนตัม ที่ฟังก์ชันคลื่นสามารถทะลุผ่านกำแพงศักย์ไปได้
การทะลุผ่านกำแพงนั้นแปรผันแบบเอกซ์โพเนนเชียลอยู่กับความสูงและความกว้างของกำแพง ฟังก์ชันคลื่นสามารถหายไปจากอีกฝั่งและไปปรากฏที่อีกฝั่งได้ ฟังก์ชันคลื่นและอนุพันธ์อันดับแรกของมันนั้นเป็นฟังก์ชันที่มีความต่อเนื่อง ในสภาวะคงตัวฟลักซ์ของความน่าจะเป็นในทิศทางข้างหน้าจะมีการกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีอนุภาคหรือคลื่นที่หายไป การทะลุผ่านเกิดขึ้นเมื่อกำแพงศักย์มีความหนาประมาณ 1-3 นาโนเมตรหรือเล็กกว่า
ผู้เขียนบางคนก็จัดไว้ว่าการทะลุผ่านของฟังก์ชันคลื่นเพียงเล็กน้อยผ่านกำแพงโดยไม่มีการส่งผ่านไปยังอีกด้านเป็นปรากฏการณ์การทะลุผ่าน การทะลุผ่านเชิงควอนตัมนั้นไม่สามารถอธิบายได้ด้วยกลศาสตร์แบบดั้งเดิม เนื่องจากการทะลุผ่านกำแพงศักย์จำเป็นจะต้องใช้พลังงานจลน์
การทะลุผ่านเชิงควอนตัมมีบทบาทสำคัญในปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์หลายๆอย่างเช่น นิวเคลียร์ฟิวชั่น นอกจากนี้ยังมีการนำไปใช้ในวงจร tunnel diode, การคำนวณเชิงควอนตัม และ scanning tunneling microscope
ปรากฏการณ์นี้ถูกทำนายไว้ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 และถูกยอมรับเป็น ปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์ทั่วไปในช่วงกลางศตวรรษ
การทะลุผ่านเชิงควอนตัมนั้นสร้างข้อจำกัดให้กับขนาดของทรานซิสเตอร์เนื่องจากอิเล็กตรอนสามารถทะลุผ่านทรานซิสเตอร์ที่มีขนาดเล็กเกินไปได้
การทะลุผ่านสามารถอธิบายในเชิงของหลักความไม่แน่นอนของไฮเซนเบิร์ก นั้นคือวัตถุเชิงควอนตัมสามารถถูก รับรู้ ได้เป็นคลื่นหรือเป็นอนุภาคโดยทั่วไป หรือก็คือความไม่แน่นอนในพิกัดของอนุภาคทำให้อนุภาคพวกนี้ไม่เป็นไปตามกฎของกลศาสตร์ดั้งเดิมและเคลื่อนที่ในพื้นที่ได้โดยไม่จำเป็นต้องผ่านกำแพงศักย์(บางคนตีความตามหลักความไม่แน่นอนของไฮเซนเบิร์กว่าวัตถุอาจหยุดนิ่งอย่างสงบ หรือ อาจไม่เคลื่อนที่)
การทะลุผ่านเชิงควอนตัมอาจเป็นหนึ่งในกลไกของการสลายตัวของโปรตอน
อ้างอิง
- Speakable and unspeakable in Quantum mechanics by John Bell (Cambridge UP, 1989)
- Quantum: A guide for the perplexed by Jim Al-Khalili ( Weidenfeld & Nicolson, 2003)
- 25 ความคิดพลิกโลก (วี.วิชช์.สำน้กพิมพ์, 2551)
- Feynman, Richard; Leighton, Robert; Sands, Matthew (1964). The Feynman Lectures on Physics. Vol. 3. California Institute of Technology. ISBN . สืบค้นเมื่อ 19 December 2020.
- Jaeger, Gregg (September 2014). "What in the (quantum) world is macroscopic?". American Journal of Physics. 82 (9): 896–905. Bibcode:2014AmJPh..82..896J. doi:10.1119/1.4878358.
- Yaakov Y. Fein; Philipp Geyer; Patrick Zwick; Filip Kiałka; Sebastian Pedalino; Marcel Mayor; Stefan Gerlich; Markus Arndt (September 2019). "Quantum superposition of molecules beyond 25 kDa". Nature Physics. 15 (12): 1242–1245. Bibcode:2019NatPh..15.1242F. doi:10.1038/s41567-019-0663-9. S2CID 203638258.
- Bojowald, Martin (2015). "Quantum cosmology: a review". Reports on Progress in Physics. 78 (2): 023901. :1501.04899. Bibcode:2015RPPh...78b3901B. doi:10.1088/0034-4885/78/2/023901. PMID 25582917. S2CID 18463042.
- Lederman, Leon M.; Hill, Christopher T. (2011). Quantum Physics for Poets. US: Prometheus Books. ISBN .
- Müller-Kirsten, H. J. W. (2006). Introduction to Quantum Mechanics: Schrödinger Equation and Path Integral. US: World Scientific. p. 14. ISBN .
- Plotnitsky, Arkady (2012). Niels Bohr and Complementarity: An Introduction. US: Springer. pp. 75–76. ISBN .
- (1995). . Prentice Hall. ISBN .
- Trixler, F. (2013). "Quantum tunnelling to the origin and evolution of life". Current Organic Chemistry. 17 (16): 1758–1770. doi:10.2174/13852728113179990083. PMC 3768233. PMID 24039543.
- (2019). "Quantum entanglement". ใน Zalta, Edward N. (บ.ก.). . Metaphysics Research Lab, Stanford University.
- (2015). "Quantum Information Science: Emerging No More". ใน Kelley, Paul; Agrawal, Govind; Bass, Mike; Hecht, Jeff; Stroud, Carlos (บ.ก.). OSA Century of Optics. . pp. 320–323. :1302.1864. Bibcode:2013arXiv1302.1864C. ISBN .
- (October 2015). "Death by experiment for local realism". Nature (ภาษาอังกฤษ). 526 (7575): 649–650. doi:10.1038/nature15631. ISSN 0028-0836. PMID 26503054.
- (7 February 2017). "Experiment Reaffirms Quantum Weirdness". (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 8 February 2020.
- (20 March 2020). "How to Learn Math and Physics". University of California, Riverside. สืบค้นเมื่อ 19 December 2020.
there's no way to understand the interpretation of quantum mechanics without also being able to solve quantum mechanics problems – to understand the theory, you need to be able to use it (and vice versa)
- Sagan, Carl (1996). . Ballantine Books. p. 249. ISBN .
"For most physics students, (the "mathematical underpinning" of quantum mechanics) might occupy them from, say, third grade to early graduate school – roughly 15 years. [...] The job of the popularizer of science, trying to get across some idea of quantum mechanics to a general audience that has not gone through these initiation rites, is daunting. Indeed, there are no successful popularizations of quantum mechanics in my opinion – partly for this reason.
- Lerner; Trigg (1991). Encyclopedia of Physics (2nd ed.). New York: VCH. p. 1308. ISBN .
- Serway; Vuille (2008). College Physics. Vol. 2 (Eighth ed.). Belmont: Brooks/Cole. ISBN .
- Taylor, J. (2004). Modern Physics for Scientists and Engineers. Prentice Hall. p. 234. ISBN .
- Razavy, Mohsen (2003). Quantum Theory of Tunneling. World Scientific. pp. 4, 462. ISBN .
- . youtube.com. Kurzgesagt. 2017-12-08. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-12-30. สืบค้นเมื่อ 2017-12-30.
{{}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown () - "Quantum Effects At 7/5nm And Beyond". Semiconductor Engineering (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2018-07-15.
- Talou, P.; Carjan, N.; Strottman, D. (1998). "Time-dependent properties of proton decay from crossing single-particle metastable states in deformed nuclei". Physical Review C. 58 (6): 3280–3285. :nucl-th/9809006. Bibcode:1998PhRvC..58.3280T. doi:10.1103/PhysRevC.58.3280. S2CID 119075457.
- Trixler, F. (2013). "Quantum Tunnelling to the Origin and Evolution of Life". Current Organic Chemistry. 17 (16): 1758–1770. doi:10.2174/13852728113179990083. PMC 3768233. PMID 24039543.
- "adsabs.harvard.edu".
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
lingkkhamphasa inbthkhwamni miiwihphuxanaelaphurwmaekikhbthkhwamsuksaephimetimodysadwk enuxngcakwikiphiediyphasaithyyngimmibthkhwamdngklaw krann khwrribsrangepnbthkhwamodyerwthisud klsastrkhwxntm xngkvs quantum mechanics epnthvsdiphunthanthvsdihnunginfisiksthixthibaypraktkarnthrrmchatiinradbxatxmaelaelkkwaxatxm 1 1 thuxepnrakthankhxng fisikskhwxntm quantum physics thnghmd sungprakxbdwy thvsdisnamkhwxntm aelafngkchnkhlunkhxngxielktrxninxatxmkhxngihodrecnthiradbphlngnganthitangkn klsastrkhwxntmimsamarththanayphikdthiaennxnkhxngxnuphakhinphunthiid samarththanayidaekhkhwamnacaepninkarecxinaetlathi phunthiswangaethnkhwamnacaepnthinacaecxxielktrxnsung klsastrkhwxntmsamarthichxthibayrabbmakmaythifisiksdngedimimsamarthxthibayid fisiksdngedimsamarthxthibaylksnatang khxngthrrmchatiiddiinmatraswnpkti klawkhuxradbmhthrrsnipcnthungculthrrsnthitamxngehnid aetimephiyngphxemuxtxngkarxthibaythrrmchatiinmatraswnthielkkwaculthrrsn klawkhuxradbxatxmaelaelkkwaxatxm thvsdiinfisiksdngedimswnihysamarthsubyxnmacakklsastrkhwxntmidinthanakhapramanthiichidsahrbmatraswnkhnadihy rabbkhwxntmmisthanacakdkhxbekht bound states sungthukthaihepnkhwxntmhrux aecnghnwy quantized klayepnkhathiimtxenuxng discrete values khxngprimanphlngngan omemntm omemntmechingmum aelaprimanxun trngkhamkbrabbfisiksdngedimthisamarthwdkhaprimanehlaniidodytxenuxng karwdprimankhxngrabbkhwxntmcaaesdngkhunsmbtithngkhxngxnuphakhaelakhlun thwiphakhkhlun xnuphakh aelayngmikhxcakderuxngkhwamaemnyakhxngkarthanaykhainprimanfisikskxnkarwdemuxihmichudenguxnikherimtnthismburn hlkkhwamimaennxn klsastrkhwxntmthukphthnakhunepnladbcakthvsdithiichxthibaykhasngektthiimsxdkhlxngkbfisiksdngedim echn withikarkhxngmkhs phlngkhephuxaekpyhakaraephrngsikhxngwtthudainpi kh s 1900 khwamsmnyrahwangphlngngankbkhwamthiinngantiphimphkhxngxlebirt ixnsitnemuxpi kh s 1905 sungsamarthxthibaypraktkarnofotxielkthrikid thvsdiehlanithuxepnkhwamphyayamaerk ephuxthakhwamekhaicpraktkarninolkculthrrsn thipccubneriykwaepn sungtxmanaipsukarphthnaklsastrkhwxntmxyangetmrupaebbinchwngklangthswrrsthi 1920 odynkfisiks nils opr aexrwin cherxdingengxr aewrenxr ihesinaebrkh mkhs bxrn phxl diaerk epntn thvsdikhwxntmihmthukcdrupaebbkhunodyichrupaebbtang hnunginnnkhux wave function sungaesdngkhxmulinrupkhxngaexmphlicudkhxngkhwamnacaepncakkarwdprimanphlngngan omemntm aelakhunsmbtifisiksxun thixactrwcwdidkhxngxnuphakhid phaphrwmaelaaenwkhidphunthanklsastrkhwxntmichkhanwnkhunsmbtiaelaphvtikrrmkhxngrabbfisiks odythwipcaichkbrabbculthrrsnsungidaek omelkul xatxm aelaxnuphakhyxykhxngxatxm mikarphisucnaelwwathvsdiniyngsamarthichkbomelkulsbsxnthiprakxbdwyxatxmnbphnid aetkarprayuktichkbmnusyodytrngxacthaihekidkhathamechingprchya echn karthdlxngthangkhwamkhid karprayuktichkbexkphphthngexkphphlwnaelwaetepnephiyngkarkhadeda karthanaythiekidcakklsastrkhwxntmidrbkartrwcsxbdwykarthdlxngaelwwamisungywdying echn karaebnglaexiydthangklsastrkhwxntmthiichsahrbptismphnthrahwangaesngkbssarthieriykwa quantum eletrodynamics QED sxdkhlxngkbphlkarthdlxnginradb 1 swn 108 sahrbkhunsmbtiechingxatxmbangxyang lksnaednthiepnphunthankhxngklsastrkhwxntmkhux klsastrkhwxntmmkimsamarththanayidxyangaennxnwacaekidxairkhun odycaihephiyngkhakhwamnacaepnethann phudinthangkhnitsastrkhux khwamnacaepnnimikhaethakbykkalngsxngkhxngkhasmburnkhxngcanwnechingsxn hruxruckechnediywknwaepn aexmphlicudkhwamnacaepn probability amplitude thnghmdnikhux tngchuxtamnkfisiks mkhs bxrn echn erasamarthxthibayrabbkhxngxnuphakhkhwxntmechnxielktrxniddwyfngkchnkhlun sungechuxmaetlacudinpriphumiekhadwyaexmphlicudkhwamnacaepn emuxichkdkhxngbxrnkbaexmphlicudehlanicaihfngkchnkhwamhnaaennkhxngkhwamnacaepn probability density function sungbxktaaehnngthierasamarthphbxielktrxnidemuxthakarthdlxngephuxwdkha niepnsingthidithisudthithvsdisamarththaid thvsdiniimsamarthbxkeraidwacaphbxielktrxnaen trngihn smkarcherxdingengxr epnsmkarthiichsrangkhwamsmphnthrahwangchudaexmphlicudkhwamnacaepninewlahnungkbchudaexmphlicudkhwamnacaepninxikewlahnung phlthitammaprakarhnungkhxngkdkhnitsastrinklsastrkhwxntmkhuxkaridxyangesiyxyangkhxngkhwamsamarththicathanaykharahwangprimanthiwdidprimantang nikhuxhlkkhwamimaennxn rupaebbthimichuxesiyngthisudcakhlkniklawwa imwaxnuphakhkhwxntmcathuketriymmaxyangir hruxthukthakarthdlxngxyangphithiphithnephiyngid eraimsamarththanaykhathiaemnyakhxngtaaehnngaelaomemntminewlaediywknidely phlxikprakarhnungkhuxpraktkarnkaraethrksxdechingkhwxntm mksathitdwy inkarthdlxngewxrchnphunthancaichaehlngkaenidaesngxaphnth coherent light source echn laaesngelesxr sxngipyngaephnthithukecaadwychxngkhnanelk sxngchxng aesngthiphanchxngsxngchxngnicatkkrathbchakdanhlng aelacungthakarsngekt 102 111 1 1 1 8 aesngthiphanchxngsxngchxngnicaaethrksxdknenuxngcakthrrmchatikhwamepnkhlunkhxngaesng thaihekidaethbswangaelamudslbknipbnchak sungepnsingthiimkhwrekidkhunidtamhlkfisiksdngedimthithuxwaaesngepnxnuphakh aetaesngkyngkhngmikhunsmbtikhxngxnuphakhxyudwy odychakcadudsbaesngepncud aeykknimtxenuxngesmx dngxnuphakhediyw imichkhlun rupaebbkaraethrksxdcaekidkhuncakkhwamaetktangkhxngkhwamhnaaennkhxngxnuphakhthitkkrathbchak inkarthdlxngxikewxrchnhnungthimikartidtngekhruxngtrwccbiwthichxngaekhbcaphbwaoftxnthithuktrwccbidcawingphanchxngidchxnghnungethann nnkhuxphvtikrrmkhxngxnuphakh aelacaimphanchxngsxngchxngphrxmkn ehmuxnphvtikrrmkhxngkhlun 109 karthdlxngnibxkerawaxnuphakhcaimthaihekidrupaebbkaraethrksxdthaichekhruxngtrwccbaelathrabwaxnuphakhwingphanchxngaekhbid nikhuxkhunsmbtithwiphakhkhlun xnuphakh thiekidkhunidkbthngaesng oftxn xielktrxn xatxm aelaaemkrathngomelkul praktkarnxikxyangthiklsastrkhwxntmthanayidaetklsastrdngedimthanayimidkhux xnuphakhsamarthwingchnkaaephngskyaelathaluphanipid aemwaxnuphakhnncamiphlngnganclnnxykwakhasungsudkhxngskyktam emuxichhlkklsastrdngedim xnuphakhnicatidxyuaelaimsamarththalukaaephngskyid praktkarnxuomngkhkhwxntmchwyxthibaythrrmchatikhxngkarslaytwkmmntrngsi ptikiriyaniwekhliyrfiwchnindawvks aelayngsamarthnamaprayuktichinechingethkhonolyiechn klxngculthrrsnaebbsxngkradinxuomngkh aela emuxrabbkhwxntmmiptismphnthknxacekidphllphthepnkarphwphnechingkhwxntm thikhunsmbtikhxngphwkmncaekiywphnkncnimsamarthxthibayraylaexiydthnghmdkhxngaetlaswnaeykknidxiktxip nkfisiksaexrwin cherxdingengxr eriykkarphwphn entanglement waepn lksnaechphaakhxngklsastrkhwxntm lksnathibngkhbihxxkphnipcakwithikhidaebbdngedimxyangsmburn praktkarnphwphnechingkhwxntmchwyepidolkkhxng quantum computing aelayngekhaipepnswnhnungkhxngeknthwithikarsuxsarechingkhwxntm echn aela aetkarphwphnechingkhwxntmimsamarththaihsyyansngthungkniddwyid dngthiepnkhwamekhaicphidthiphbbxy pyhaniidrbkarxthibayiwin no communication theorem khwamepnipidxikprakarhnungthitammahlngkarkhnphbkarphwphnechingkhwxntmkhuxkarthdsxb hidden variables sungepnkhunsmbtismmutithimikhwamepnmulthanmakkwaprimanthirabuinthvsdikhwxntmexng khwamruineruxngnixacnaipsukarthanaythiaemnyakwathithvsdikhwxntmcathaid phlcakkarrwbrwmphlkarthdlxng odymiswnprakxbthisakhythisudkhux idaesdngihehnwathvsditwaeprsxnernthiklawthungodykwangnnaethcringaelwekhaknimidkbfisikskhwxntm tamthvsdibthkhxngebll hakthrrmchatipraphvtitwthuktxngtamthvsditwaeprthisxnxyuechphaathi local id cathaihphllphthcak cathukcakdinthangechphaathiwdprimanid mikarthdsxbebllhlaykhrngaelathukkhrngkaesdngphllphththiekhaknimidkbkhxcakdthikahndodytwaeprthisxnxyuechphaathi mnepnipimidthicaesnxaenwkhidkhxngklsastrkhwxntmehlaniihluksungyingkhunodythiimaetatxngkhnitsastr karthakhwamekhaicklsastrkhwxntmtxngmikhwamekhaicineruxngcanwnechingsxn phichkhnitechingesn smkarechingxnuphnth thvsdikrup aelahwkhxkhnsungxun bthkhwamnicanaesnxkarcdsutrkhnitsastrkhxngklsastrkhwxntm aelakarprayuktichsutrehlanikbtwxyangthimipraoychnaelamikarsuksaxyubxykhrngsmkarkaraephrngsikhxngwtthuda Blackbody Radiation Equation emuxwtthuthukthaihrxn mncaplxyrngsikhwamrxn inrupaebbkhxngkaraephrngsiaemehlkyanxinfraerd itaedng emuxwtthuklayepnwtthuaedngrxn red hot eracasamarthehnkhwamyawkhlunsiaedngid aetrngsikhwamrxnswnihythiaephxxkmayngkhngepnxinfraerd cnkrathngwtthurxnethakbphunphiwkhxngdwngxathity praman 6000 C thithiaesngswnihyepnsikhaw sutrkaraephrngsikhxngwtthuda epnphlnganaerk khxngthvsdikhwxntm inklangkhun wnxathitythi 7 tulakhm ph s 2443 odyphlngk mnmacakrayngankhxng Rubens cakkarkhnphblasudinkarkhnhaxinfraerd khunnnexngphlngkekhiynsutrlngbnopskard ruebns idrbopskardnninechawnthdma E nhf displaystyle E nhf dd emux n elkhkhwxntm E phlngngan f khwamthi single mode thiaephrngsicakkhlunaemehlkiffa bangtaracaichtwxksr n xanwa niw h Planck s Constant khakhngtwkhxngphlngkh odymikhapraman 6 626 x 10 34 Jswnthimikarkhnphbkhwxntmcakkarthdlxng phlngkkhnphbkhakhxng h aela k dngnnekhasamarthraynganinkarprachum the German Physical Society inwnthi 14 thnwakhm ph s 2443 thisungkaraecnghnwy hrux quantization khxngphlngngan thukepidephyepnkhrngaerk khakhxngelkhxowkaodr the Avogadro Loschmidt number canwnkhxngomelkulinoml mole aelahnwykhxngpracuiffa mikhwamthuktxngmakkhunhlngcaknncnthungpccubnkhwxntm exnaethngekilemnt Quantum Entanglement khwxntm exnaethngekilemnt khrnghnungekhythukmxngepneruxngsbsxnaelaluklbekinkwacaepncringid mapccubnkalngklayepneruxngthitunetnmak aelamiaenwonmcaepnhnunginhlkkarsakhykhxngethkhonolyiaehngstwrrsthi 21 xnuphakhthiphwphnkn kalngcathukichinkarsrangrabbkarsuxsarthiepnkhwamlb xacepnphunthankhxngkhxmphiwetxrkhwxntmkhwamerwsungphiess aelaaemaetekhruxng Teleportation insitlkhxngphaphyntrchudstarethrkh nkthvsdiinpccubnkhidwa exnaethngekilemntxacepnpraktkarnkhxnkhangthwipinthrrmchati khwamkhidthinamasukhwamepnipidwa erakalngxasyxyuiniykhxsmikcring thiechuxmoyngthungknaelakn khammitikhxngtaaehnngaelaewlakarthaluphanechingkhwxntm Quantum Tunneling karthaluphanechingkhwxntm xngkvs quantum tunneling epnpraktkarnthangklsastrkhwxntm thifngkchnkhlunsamarththaluphankaaephngskyipid karthaluphankaaephngnnaeprphnaebbexksophennechiylxyukbkhwamsungaelakhwamkwangkhxngkaaephng fngkchnkhlunsamarthhayipcakxikfngaelaippraktthixikfngid fngkchnkhlunaelaxnuphnthxndbaerkkhxngmnnnepnfngkchnthimikhwamtxenuxng insphawakhngtwflkskhxngkhwamnacaepninthisthangkhanghnacamikarkracaytwxyangsmaesmx immixnuphakhhruxkhlunthihayip karthaluphanekidkhunemuxkaaephngskymikhwamhnapraman 1 3 naonemtrhruxelkkwa phuekhiynbangkhnkcdiwwakarthaluphankhxngfngkchnkhlunephiyngelknxyphankaaephngodyimmikarsngphanipyngxikdanepnpraktkarnkarthaluphan karthaluphanechingkhwxntmnnimsamarthxthibayiddwyklsastraebbdngedim enuxngcakkarthaluphankaaephngskycaepncatxngichphlngngancln karthaluphanechingkhwxntmmibthbathsakhyinpraktkarnthangfisikshlayxyangechn niwekhliyrfiwchn nxkcakniyngmikarnaipichinwngcr tunnel diode karkhanwnechingkhwxntm aela scanning tunneling microscope praktkarnnithukthanayiwinchwngtnstwrrsthi 20 aelathukyxmrbepn praktkarnthangfisiksthwipinchwngklangstwrrs karthaluphanechingkhwxntmnnsrangkhxcakdihkbkhnadkhxngthransisetxrenuxngcakxielktrxnsamarththaluphanthransisetxrthimikhnadelkekinipid karthaluphansamarthxthibayinechingkhxnghlkkhwamimaennxnkhxngihesnebirk nnkhuxwtthuechingkhwxntmsamarththuk rbru idepnkhlunhruxepnxnuphakhodythwip hruxkkhuxkhwamimaennxninphikdkhxngxnuphakhthaihxnuphakhphwkniimepniptamkdkhxngklsastrdngedimaelaekhluxnthiinphunthiidodyimcaepntxngphankaaephngsky bangkhntikhwamtamhlkkhwamimaennxnkhxngihesnebirkwawtthuxachyudningxyangsngb hrux xacimekhluxnthi karthaluphanechingkhwxntmxacepnhnunginklikkhxngkarslaytwkhxngoprtxnxangxingSpeakable and unspeakable in Quantum mechanics by John Bell Cambridge UP 1989 Quantum A guide for the perplexed by Jim Al Khalili Weidenfeld amp Nicolson 2003 25 khwamkhidphlikolk wi wichch sankphimph 2551 Feynman Richard Leighton Robert Sands Matthew 1964 The Feynman Lectures on Physics Vol 3 California Institute of Technology ISBN 978 0201500646 subkhnemux 19 December 2020 Jaeger Gregg September 2014 What in the quantum world is macroscopic American Journal of Physics 82 9 896 905 Bibcode 2014AmJPh 82 896J doi 10 1119 1 4878358 Yaakov Y Fein Philipp Geyer Patrick Zwick Filip Kialka Sebastian Pedalino Marcel Mayor Stefan Gerlich Markus Arndt September 2019 Quantum superposition of molecules beyond 25 kDa Nature Physics 15 12 1242 1245 Bibcode 2019NatPh 15 1242F doi 10 1038 s41567 019 0663 9 S2CID 203638258 Bojowald Martin 2015 Quantum cosmology a review Reports on Progress in Physics 78 2 023901 1501 04899 Bibcode 2015RPPh 78b3901B doi 10 1088 0034 4885 78 2 023901 PMID 25582917 S2CID 18463042 Lederman Leon M Hill Christopher T 2011 Quantum Physics for Poets US Prometheus Books ISBN 978 1 61614 281 0 Muller Kirsten H J W 2006 Introduction to Quantum Mechanics Schrodinger Equation and Path Integral US World Scientific p 14 ISBN 978 981 256 691 1 Plotnitsky Arkady 2012 Niels Bohr and Complementarity An Introduction US Springer pp 75 76 ISBN 978 1 4614 4517 3 1995 Prentice Hall ISBN 0 13 124405 1 Trixler F 2013 Quantum tunnelling to the origin and evolution of life Current Organic Chemistry 17 16 1758 1770 doi 10 2174 13852728113179990083 PMC 3768233 PMID 24039543 2019 Quantum entanglement in Zalta Edward N b k Metaphysics Research Lab Stanford University 2015 Quantum Information Science Emerging No More in Kelley Paul Agrawal Govind Bass Mike Hecht Jeff Stroud Carlos b k OSA Century of Optics pp 320 323 1302 1864 Bibcode 2013arXiv1302 1864C ISBN 978 1 943580 04 0 October 2015 Death by experiment for local realism Nature phasaxngkvs 526 7575 649 650 doi 10 1038 nature15631 ISSN 0028 0836 PMID 26503054 7 February 2017 Experiment Reaffirms Quantum Weirdness phasaxngkvsaebbxemrikn subkhnemux 8 February 2020 20 March 2020 How to Learn Math and Physics University of California Riverside subkhnemux 19 December 2020 there s no way to understand the interpretation of quantum mechanics without also being able to solve quantum mechanics problems to understand the theory you need to be able to use it and vice versa Sagan Carl 1996 Ballantine Books p 249 ISBN 0 345 40946 9 For most physics students the mathematical underpinning of quantum mechanics might occupy them from say third grade to early graduate school roughly 15 years The job of the popularizer of science trying to get across some idea of quantum mechanics to a general audience that has not gone through these initiation rites is daunting Indeed there are no successful popularizations of quantum mechanics in my opinion partly for this reason Lerner Trigg 1991 Encyclopedia of Physics 2nd ed New York VCH p 1308 ISBN 978 0 89573 752 6 Serway Vuille 2008 College Physics Vol 2 Eighth ed Belmont Brooks Cole ISBN 978 0 495 55475 2 Taylor J 2004 Modern Physics for Scientists and Engineers Prentice Hall p 234 ISBN 978 0 13 805715 2 Razavy Mohsen 2003 Quantum Theory of Tunneling World Scientific pp 4 462 ISBN 978 9812564887 youtube com Kurzgesagt 2017 12 08 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2017 12 30 subkhnemux 2017 12 30 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a CS1 maint bot original URL status unknown lingk Quantum Effects At 7 5nm And Beyond Semiconductor Engineering phasaxngkvsaebbxemrikn subkhnemux 2018 07 15 Talou P Carjan N Strottman D 1998 Time dependent properties of proton decay from crossing single particle metastable states in deformed nuclei Physical Review C 58 6 3280 3285 nucl th 9809006 Bibcode 1998PhRvC 58 3280T doi 10 1103 PhysRevC 58 3280 S2CID 119075457 Trixler F 2013 Quantum Tunnelling to the Origin and Evolution of Life Current Organic Chemistry 17 16 1758 1770 doi 10 2174 13852728113179990083 PMC 3768233 PMID 24039543 adsabs harvard edu