พระเยซู (อังกฤษ: Jesus) หรือ เยซูชาวนาซาเร็ธ (อังกฤษ: Jesus of Nazareth; 4-2 ปีก่อนคริสตกาล - ค.ศ. 30-33) เป็นชาวยิวผู้เป็นศาสดาของศาสนาคริสต์ คริสต์ศาสนิกชนเรียกพระองค์ว่า พระเยซูคริสต์ เพราะถือว่าพระองค์เป็นพระคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอด เป็นพระบุตรพระเป็นเจ้า และเป็นพระเจ้าพระบุตรซึ่งเป็นพระบุคคลหนึ่งในพระตรีเอกภาพ นอกจากนี้ในคัมภีร์ไบเบิลยังบันทึกว่าพระเยซูทรงแสดงปาฏิหาริย์ทรงรักษาคนตาบอดให้หายขาด รักษาคนพิการ โดยตรัสว่า บาปของเจ้าได้รับการให้อภัยแล้ว หลังพระเยซูสิ้นพระชนม์ ก็ได้ทรงฟื้นขึ้นจากความตายหลังสิ้นพระชนม์ได้เพียง 3 วัน และเสด็จขึ้นสู่สวรรค์
พระเยซู | |
---|---|
ประสูติ | ประมาณ 4 ปีก่อนคริสตกาล , จักรวรรดิโรมัน |
สิ้นพระชนม์ | ประมาณ ค.ศ. 30 / 33 (อายุ 33–36 ปี) เยรูซาเลม, , จักรวรรดิโรมัน |
พระบิดา | โยเซฟ |
พระมารดา | มารีย์ |
ชาวมุสลิมก็ให้ความเคารพพระเยซูเช่นกัน แต่เชื่อต่างจากชาวคริสต์ โดยชาวมุสลิมเรียกพระเยซูว่านบีอีซา คัมภีร์อัลกุรอานระบุว่าพระเยซูไม่ใช่ทั้งพระเจ้าและพระบุตรของพระเจ้า แต่เป็นบ่าวคนหนึ่งของพระเจ้า และเป็นเราะซูลที่พระเจ้าส่งมาเป็นแบบอย่างทางศีลธรรมให้แก่ชาวอิสราเอลเช่นเดียวกับเราะซูลอื่น ๆ นอกจากนี้กุรอานยังอ้างว่าพระเยซูได้ทำนายถึงเราะซูลอีกท่านหนึ่งที่จะมาในอนาคตด้วยว่าชื่ออะหมัด
คำว่า "เยซู" มาจากคำในภาษากรีกคือ "เยซุส" Ιησους [Iēsoûs] ซึ่งมาจากการถ่ายอักษรชื่อ Yeshua [เยชูวา] ในภาษาแอราเมอิกหรือฮีบรูอีกทอดหนึ่ง คริสตชนอาหรับเรียกเยซูว่า "ยาซูอฺ" ตามภาษาซีรีแอก ส่วนชาวอาหรับมุสลิมเรียกว่า "อีซา" ตามอัลกุรอาน ความหมายคือ "ผู้ช่วยให้รอด" เป็นชื่อที่ใช้กันมากในหมู่ชาวยิวตั้งแต่สมัยโยชูวาเป็นต้นมา ภาษาละตินแผลงเป็นเยซูส ภาษาโปรตุเกสแผลงต่อเป็นเยซู ภาษาไทยทับศัพท์ภาษาโปรตุเกสมาจนทุกวันนี้ ส่วนคำว่า "คริสต์" เป็นสมญาซึ่งมาจากคำในภาษากรีกว่า "คริสตอส" Χριστός [Christos] ซึ่งเป็นคำแปลของคำภาษาฮีบรู Messiah อันหมายถึง "ผู้ได้รับการเจิม" ชาวอาหรับเรียกว่า "มะซีฮฺ" ซึ่งหมายถึงการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่สูงส่ง เช่น พระมหากษัตริย์ ปุโรหิต ผู้เผยพระวจนะ เป็นต้น
เมื่อราชอาณาจักรยูดาห์เสียแก่บาบิโลน ก็สิ้นกษัตริย์ที่ได้รับการเจิม ต่อจากนั้นชาวยิวก็โหยหาพระเมสสิยาห์ที่จะมาสร้างอาณาจักรใหม่ของพระเจ้า "พระคริสต์" จึงเป็นชื่อตำแหน่ง ไม่ใช่ชื่อตัวบุคคล ผู้นิพนธ์พระวรสารสี่ท่านมักเรียกพระองค์ว่า "พระเยซู" และเพื่อให้แตกต่างจากคนอื่น ๆ ที่ชื่อเหมือนกัน ก็เรียกเป็น "พระเยซูชาวนาซาเรธ" หรือ "พระเยซูบุตรของโยเซฟ" แต่นักบุญเปาโลหรือเปาโลอัครทูตมักเรียกพระองค์ว่า "พระคริสต์" หรือ "พระเยซูคริสต์" ที่เรียกว่า "พระคริสต์เยซู" ก็มี
ประวัติของพระเยซู
ปฐมวัย
ประสูติเมื่อ 4 ปีก่อนคริสตกาล ในเมืองนาซาเรธ หญิงพรหมจารีคนหนึ่งชื่อมารีย์ ได้หมั้นหมายไว้แล้วกับชายคนหนึ่งชื่อโยเซฟ ก่อนที่จะได้อยู่กินด้วยกัน ได้มีทูตสวรรค์กาเบรียลเข้าบ้านมาหามารีย์แล้วว่า “เธอจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย จงตั้งชื่อบุตรนั้นว่าเยซู” ฝ่ายโยเซฟเมื่อทราบว่ามารีย์ตั้งครรภ์แล้ว ก็ไม่คิดจะแพร่งพรายเรื่องนี้ จึงคิดจะถอนหมั้นอย่างลับ ๆ แต่มีทูตองค์หนึ่งปรากฏแก่โยเซฟในความฝันว่า “โยเซฟบุตรดาวิด อย่ากลัวที่จะรับมารีย์มาเป็นภรรยาของเจ้าเลย เพราะว่าผู้ซึ่งปฏิสนธิ์ในครรภ์ของเธอเป็นโดยเดชพระวิญญาณบริสุทธิ์” โยเซฟจึงทำตามคำนั้น คือได้รับมารีย์มาเป็นภรรยา แต่มิได้สมสู่กับเธอ
ขณะที่มารีย์กำลังตั้งครรภ์อยู่นั้น จักรพรรดิออกัสตัสได้มีรับสั่งให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน คนทั้งปวงต่างต้องเดินทางกลับไปขึ้นทะเบียนยังเมืองของตน โยเซฟกับมารีย์จึงต้องเดินทางจากเมืองนาซาเร็ธ แคว้นกาลิลีไปยังเมืองของดาวิดเมืองหนึ่งชื่อเบธเลเฮม ในแคว้นยูเดีย เพราะโยเซฟเป็นเชื้อสายของดาวิด เมื่อเขาทั้งสองอยู่ที่นั่น ก็ถึงเวลาที่มารีย์ประสูติ “นางจึงประสูติบุตรชายหัวปี เอาผ้าอ้อมพันและวางไว้ในรางหญ้า เพราะว่าไม่มีที่ว่างให้เขาในโรงแรม”
ต่อมามีทูตองค์หนึ่งปรากฏแก่โยเซฟในความฝันแล้วบอกว่า “จงลุกขึ้นพากุมารกับมารดาหนีไปประเทศอียิปต์ และคอยอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะบอกเจ้า เพราะว่าเฮโรดจะแสวงหากุมาร เพื่อจะประหารชีวิตเสีย” โยเซฟจึงพากุมารและมารดาหนีไปยังประเทศอียิปต์ เนื่องจากกษัตริย์เฮโรดทราบว่าได้มีกุมารผู้ที่บังเกิดมาเพื่อจะเป็นกษัตริย์ของชนชาติยิว และทราบจากบรรดามหาปุโรหิตและพวกว่า กุมารนั้นอยู่ที่เบธเลเฮม จึงใช้ให้คนไปฆ่าเด็กผู้ชายทั้งหลายในบริเวณนั้นที่มีอายุตั้งแต่สองขวบลงมา ครั้นเฮโรดสิ้นพระชนม์แล้ว ทูตองค์หนึ่งปรากฏแก่โยเซฟในความฝันว่า “จงลุกขึ้นพากุมารกับมารดามายังแผ่นดินอิสราเอล เพราะผู้ที่เป็นภัยต่อชีวิตของกุมารนั้นตายแล้ว” โยเซฟจึงพากุมารกับมารดากลับมาอยู่เมืองนาซาเร็ธ
เรื่องราวในคัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาใหม่ ที่บันทึกเกี่ยวกับชีวิตของพระเยซูในช่วงระยะเวลาตั้งแต่อายุ 12 ปีจนพระเยซูทรงรับบัพติศมาที่แม่น้ำจอร์แดนไม่ได้ถูกบันทึกไว้มากนัก ชาวคริสต์เรียกช่วงเวลานี้ว่าพระชนม์ชีพเร้นลับของพระเยซู แต่เรื่องราวของพระเยซูตั้งแต่รับบัพติสมาจนสิ้นพระชนม์ที่กางเขน แล้วกลับฟื้นคืนพระชนม์ชีพอีกครั้งถูกบันทึกไว้อย่างละเอียด
ประกอบพระภารกิจ
พระเยซูทรงรับบัพติศมาเมื่ออายุได้ 30 ปีจากยอห์นผู้ให้บัพติศมาที่แม่น้ำจอร์แดน “ครั้นพระองค์ทรงรับพิธีบัพติศมาในน้ำแล้วในทันใดนั้นก็เสด็จขึ้นจากน้ำ และท้องฟ้าก็แหวกออก และพระองค์ได้ทรงเห็นพระวิญญาณของพระเจ้าดุจนกพิราบ ลงมาสถิตอยู่บนพระองค์” หลังจากนั้นพระเยซูเสด็จไปในถิ่นทุรกันดาร เป็นเวลาถึงสี่สิบวันสี่สิบคืนโดยไม่ได้เสวยอะไรเลย แต่กลับมีมารมาผจญพระองค์โดยการล่อลวงต่าง ๆ นา ๆ เพื่อหวังให้พระเยซูกราบลงนมัสการมาร แต่พระเยซูได้ตอบโต้มารด้วยพระธรรมจากคัมภีร์ฮีบรู จนมารเห็นว่ามิอาจล่อลวงพระองค์ได้จึงละพระองค์ไป
พระองค์ทรงเริ่มพระกิจจานุกิจโดยออกสั่งสอนชนทั้งปวงให้กลับใจจากความบาป แล้วเดินตามทางของพระเจ้าอย่างแท้จริง อย่าแสร้งทำเป็นนับถือพระเจ้าแต่ปาก “ประชาชนนี้ให้เกียรติเราแต่ปาก ใจของเขาห่างไกลจากเรา” ทรงสอนมิให้ทำตนเป็นเหมือนพวกหน้าซื่อใจคด “เหตุฉะนั้น ทุกสิ่งซึ่งเขาสั่งสอนพวกท่าน จงถือประพฤติตาม เว้นแต่การประพฤติของเขาอย่าได้ทำตามเลย เพราะเขาเป็นแต่ผู้สั่งสอน แต่เขาเองหาทำตามไม่” พระองค์ยังตรัสพระธรรมคำสั่งสอนและทรงพระราชกิจไว้อีกมากมาย ซึ่งถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหนังสือ 4 เล่มแรก ได้แก่ มัทธิว มาระโก ลูกา และยอห์น
ในการทรงพระราชกิจของพระเยซูนั้น พระองค์ได้ทรงเรียกบุคคลต่าง ๆ เข้ามาเป็นสาวก เพื่อสั่งสอนและมีส่วนช่วยพระองค์อีก 12 คน ซึ่งต่อมาถูกเรียกว่าอัครทูต ได้แก่ ซีโมนเปโตร อันดรูว์ (น้องชายของซีโมน) ยากอบ บุตรเศเบดี ยอห์น (น้องชายของยากอบ) ฟีลิป บารโธโลมิว โธมัส มัทธิวผู้นิพนธ์พระวรสาร ยากอบ บุตรอัลเฟอัส เลบเบอัส (ที่มีอีกชื่อหนึ่งว่า ธัดเดอัส) ซีโมนเศโลเท และยูดาส อิสคาริโอท (ผู้ที่อายัดพระเยซู)
สิ้นพระชนม์
ผลของการที่พระเยซูออกประกาศ, สั่งสอน, รักษาโรค และทำการต่าง ๆ มากมาย ทำให้มีคนเป็นจำนวนมากติดตามพระองค์ไป “กิตติศัพท์ของพระองค์ก็เลื่องลือไปทั่วประเทศซีเรีย เขาจึงพาคนป่วยเป็นโรคต่างๆ คนที่ทนทุกข์เวทนา คนผีเข้า คนเป็นลมบ้าหมูและคนเป็นอัมพาตมาหาพระองค์ พระองค์ก็ทรงรักษาเขาให้หาย และมีคนหมู่ใหญ่มาจากแคว้นกาลิลี และแคว้นทศบุรีและกรุงเยรูซาเล็ม และแคว้นยูเดีย และแม่น้ำจอร์แดนฟากตะวันออกติดตามพระองค์ไป” “ครั้นพระเยซูเสด็จขึ้นจากเรือแล้ว ก็ทรงเห็นประชาชนหมู่ใหญ่ พระองค์ทรงสงสารเขา จึงได้ทรงรักษาคนป่วยของเขาให้หาย” “และประชาชนเป็นอันมากมาเฝ้าพระองค์ พาคนง่อย คนแขนขาพิการ คนตาบอด คนใบ้ และคนเจ็บอื่นๆหลายคน มาวางแทบพระบาทของพระเยซู แล้วพระองค์ทรงรักษาเขาให้หาย” ในทางตรงกันข้ามคำสั่งสอนของพระองค์ต่อว่าพวกฟาริสีและพวกธรรมาจารย์โดยตรง “เขาชอบที่อันมีเกียรติในการเลี้ยงและในธรรมศาลา กับชอบรับการคำนับที่กลางตลาด และชอบให้เขาเรียกว่า ‘ท่านอาจารย์’” “วิบัติแก่เจ้า คนนำทางตาบอด เจ้าสอนว่า ‘ผู้ใดจะสาบานอ้างพระวิหาร คำสาบานนั้นไม่ผูกมัด แต่ผู้ใดจะสาบานอ้างทองคำของพระวิหาร ผู้นั้นจะต้องกระทำตามคำสาบาน’ โอ คนโฉดเขลาตาบอด สิ่งไหนจะสำคัญกว่า ทองคำหรือพระวิหารซึ่งกระทำให้ทองคำนั้นศักดิ์สิทธิ์” “วิบัติแก่เจ้า พวกและพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด เพราะว่าเจ้าเป็นเหมือนอุโมงค์ฝังศพซึ่งฉาบด้วยปูนขาว ข้างนอกดูงดงาม แต่ข้างในเต็มไปด้วยกระดูกคนตาย และสารพัดโสโครก เจ้าทั้งหลายก็เป็นอย่างนั้นแหละ ภายนอกแลดูเหมือนว่าเป็นคนชอบธรรม แต่ภายในเต็มไปด้วยความเท็จเทียมและอธรรม” พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสีจึงคิดหาช่องทางจะฆ่าพระองค์เสีย “ฝ่ายพวกฟาริสีก็ออกไปปรึกษากันว่า จะทำอย่างไรจึงจะฆ่าพระองค์ได้”เพราะเขาไม่รู้ว่าพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอด
อย่างไรก็ตาม พระเยซูทรงทราบว่า พระองค์จะต้องทนทุกข์ทรมานจากพวกมหาปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์ จนต้องถูกประหารชีวิต แต่ในวันที่สามพระองค์จะทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาใหม่ ดังที่พระองค์ได้ทรงทำนายถึงเหตุการณ์ดังกล่าวล่วงหน้าไว้สามครั้ง หลังจากนั้นหนึ่งในสาวกสิบสองคน ชื่อยูดาสอิสคาริโอท ได้ไปหาพวกมหาปุโรหิตแล้วตกลงว่าจะคอยหาช่องที่จะชี้พระองค์ให้จับ เพื่อแลกกับสามสิบเหรียญเงิน ซึ่งเรื่องที่ยูดาสคิดจะทรยศต่อพระองค์นั้น พระองค์ก็ทรงทราบเช่นกัน
เมื่อถึงวันต้นเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ พระองค์กับเหล่าสาวกได้เข้าไปในบ้านหลังหนึ่งในกรุงเยซูซาเล็ม เพื่อร่วมเสวยปัสกาด้วยกัน อาหารที่พระองค์ได้เสวยในคืนนั้นประกอบด้วยขนมปังและน้ำองุ่น ซึ่งก็เป็นอาหารค่ำมื้อสุดท้ายที่พระองค์ได้เสวยก่อนสิ้นพระชนม์ เพราะหลังจากที่ได้เสวยอาหารแล้ว ยูดาสสาวกคนหนึ่งในสิบสองคนนั้นได้ออกจากบ้านไป พวกสาวกที่เหลือไม่ทราบว่ายูดาสไปไหน แต่พระเยซูทราบว่ายูดาสจะไปหาพวกปุโรหิตและพวกฟาริสี เพื่อพาทหารมาจับพระองค์
หลังจากยูดาสออกไปจากบ้านแล้ว พระองค์ตรัสคำสอนแก่พวกสาวกอีกหลายข้อ ก่อนที่จะเสด็จพาพวกเขาออกจากบ้านข้ามห้วยขิดโรนไปยังสวนเกทเสมนี ในขณะนั้นเป็นเวลากลางคืนพระองค์เสด็จห่างจากพวกสาวกออกไปไกลประมาณขว้างหินตกแล้วอธิษฐานต่อพระเจ้า เมื่อกลับมาพบว่าพวกสาวกต่างหลับกันหมด พระองค์จึงปลุกพวกเขาให้ตื่นขึ้นอธิษฐาน แล้วพระองค์ทรงกลับไปอธิษฐานอีกครั้งหนึ่ง เมื่อกลับมาทรงเห็นสาวกนอนหลับกันอีก พระองค์จึงเสด็จกลับไปอธิษฐานอีกเป็นครั้งที่สาม เมื่อกลับมาครั้งนี้พระเยซูทรงปลุกพวกสาวกให้ตื่นขึ้น ทันใดนั้น ยูดาสได้พาทหารกับเจ้าหน้าที่ของพวกปุโรหิตและฟาริสีพร้อมอาวุธเข้ามา ยูดาสตรงมาหาพระเยซูแล้วจูบคำนับพระองค์ คนเหล่านั้นก็เข้ามาจับพระองค์ เปโตรมีดาบจึงชักออกฟันถูกหูข้างขวาของมัลคัส ซึ่งเป็นทาสคนหนึ่งของมหาปุโรหิต พระเยซูตรัสว่า “จงเอาดาบของท่านใส่ฝักเสีย ด้วยว่าบรรดาผู้ถือดาบจะต้องพินาศเพราะดาบ ท่านคิดว่าเราจะขอพระบิดาของเราไม่ได้หรือ และในครู่เดียวพระองค์จะประทานทูตสวรรค์แก่เรากว่าสิบสองกอง แต่ถ้าเช่นนั้นพระคัมภีร์ที่ว่า จำจะต้องเป็นอย่างนี้ จะสำเร็จได้อย่างไร” แล้วสาวกทั้งหมดก็ได้พากันหนีไป
พระเยซูถูกพาไปบ้านของคายาฟาสซึ่งเป็นประจำการ ทั้งพวกธรรมาจารย์และมหาปุโรหิตต่างพยายามหาพยานเท็จมาปรักปรำพระองค์ แต่ถึงแม้มีพยานเท็จหลายคนให้การก็ไม่สามารถหาหลักฐานได้ ในที่สุดมหาปุโรหิตจึงถามถึงความเป็นพระคริสต์ของพระองค์ เมื่อพระองค์ยอมรับว่าเป็นพระคริสต์ มหาปุโรหิตจึงยุยงคนทั้งปวงว่า พระเยซูพูดหมิ่นประมาทพระเจ้าเพราะยกตนเองขึ้นเป็นพระคริสต์ คนทั้งปวงจึงต้องการให้ปรับโทษพระเยซูถึงตาย
เมื่อยูดาสเห็นว่าตนเองทำบาป โดยอายัดพระเยซูผู้บริสุทธิ์ให้ถึงแก่ความตาย ยูดาสก็เกิดสำนึกกลับใจนำเงินที่ได้ไปคืนให้พวกมหาปุโรหิต แต่คนเหล่านั้นไม่สนใจ ยูดาสจึงทิ้งเงินไว้แล้วออกไปผูกคอตาย
พอรุ่งเช้า พวกเขาได้พาพระเยซูไปหาปีลาต ซึ่งเป็นเจ้าเมืองในขณะนั้น พวกเขาได้ฟ้องพระเยซูด้วยข้อกล่าวหาต่างๆ แต่หลังจากปีลาตได้สอบถามพระองค์แล้ว ไม่พบว่ามีความผิดประการใดจึงคิดจะปล่อยพระองค์ แต่พวกเขายืนยันว่า คนนี้ยุยงพลเมืองให้วุ่นวาย เมื่อปีลาตทราบว่าพระองค์เป็นชาวกาลิลี ซึ่งอยู่ในท้องที่ของกษัตริย์เฮโรด ปีลาตจึงส่งพระเยซูไปหาเฮโรดเพื่อให้ตัดสินความแทน ฝ่ายเฮโรดมีความยินดีเป็นอันมากที่จะได้พบพระเยซูเพราะเคยได้ยินกิตติศัพท์มานาน หวังว่าพระเยซูจะแสดงอิทธิฤทธิ์หรือปาฏิหาริย์ให้ชมบ้าง แต่เมื่อพระเยซูไม่ได้ทำการใด เฮโรดและพวกทหารจึงได้แต่ดูหมิ่นเยาะเย้ยและส่งพระองค์กลับมาหาปีลาตอีก ปีลาตจึงสั่งมหาปุโรหิต พวกขุนนางและราษฎรให้ประชุมพร้อมกัน และกล่าวแก่เขาว่า “ท่านทั้งหลายได้พาคนนี้มาหาเรา ฟ้องว่าเขาได้ยุยงราษฎร ดูเถิด เราได้สืบถามต่อหน้าท่านทั้งหลาย และไม่เห็นว่าคนนี้มีความผิดในข้อที่ท่านทั้งหลายฟ้องเขานั้น และเฮโรดก็ไม่เห็นว่าเขามีความผิดด้วย เพราะเฮโรดได้ส่งตัวเขากลับมายังเราอีกแล้ว ดูเถิด คนนี้ไม่ได้ทำผิดอะไรซึ่งสมควรจะมีโทษถึงตาย เหตุฉะนั้นเมื่อเราเฆี่ยนเขาแล้ว เราก็จะปล่อยเสีย”
ในตอนนั้นเป็นช่วงเทศกาลปัสกา เป็นธรรมเนียมที่เจ้าเมืองจะปล่อยนักโทษคนหนึ่งให้แก่หมู่ชนตามใจชอบ คราวนั้นมีนักโทษคนหนึ่งชื่อ บารับบัส ต้องโทษเพราะฆ่าคน ปีลาตถามพวกเขาว่า ต้องการให้ปล่อยผู้ใดระหว่างพระเยซูกับบารับบัส มหาปุโรหิตก็ยุยงหมู่ชนให้ขอให้ปล่อยบารับบัส พวกเขาจึงตอบว่า บารับบัส และให้ตรึงพระเยซูที่กางเขน ส่วนปีลาตยังพยายามจะปล่อยพระเยซูอีกถึงกับถามพวกเขาซ้ำอีกสามครั้ง เมื่อพวกเขายืนยันตามเดิม ปีลาตก็เอาน้ำล้างมือต่อหน้าหมู่ชน เพื่อแสดงว่าเขาไม่มีส่วนรับผิดชอบด้วยกับการประหารพระเยซู แล้วปีลาตได้สั่งปล่อยบารับบัสและให้โบยตีพระเยซูก่อนนำไปตรึงที่กางเขน
พระเยซูทรงถูกพวกทหารของปีลาตโบยตีและหยามพระเกียรติหลายประการ พระวรสารสหทรรศน์กับพระวรสารนักบุญยอห์นระบุเหตุการณ์จากนี้ต่างกันคือ พระวรสารสหทรรศน์ต่างระบุว่าเมื่อพระเยซูถูกตัดสินโทษแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ให้ซีโมนชาวไซรีนมาแบกกางเขนของพระเยซูตั้งแต่ต้น แต่พระวรสารนักบุญยอห์นกลับระบุว่าพระเยซูเป็นผู้แบกกางเขนโดยไม่เอ่ยถึงซีโมนชาวไซรีนเลย เมื่อมาถึงกลโกธาพระองค์ทรงถูกตรึงที่กางเขนพร้อมกับผู้ร้ายสองคน ข้างขวาคนหนึ่งและข้างซ้ายอีกคนหนึ่ง พวกขุนนางต่างกล่าวคำเยาะเย้ยพระองค์ ฝ่ายพวกทหารจับฉลากกันว่า ใครจะได้ฉลองพระองค์ไป (ยอห์น 19:24) หลังจากนั้น พระเยซูทรงทราบว่าทุกสิ่งสำเร็จแล้ว จึงตรัสว่า 'พระบิดาเจ้าข้า ข้าพระองค์ฝากวิญญาณจิตของข้าพระองค์ไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์' ตรัสอย่างนั้นแล้วก็สิ้นพระชนม์"
ในวันนั้นเป็นวันศุกร์ พวกยิวไม่ต้องการให้ศพค้างอยู่บนกางเขนจนถึงวันอาทิตย์ เพราะเป็นวันสะบาโต จึงมาขอให้ปีลาตทุบขาของผู้ที่ถูกตรึงให้หัก แล้วจะได้เอาศพลงจากกางเขน พวกทหารจึงมาทุบขาของผู้ร้ายทั้งสองคนที่ถูกตรึงอยู่กับพระเยซูจนเสียชีวิต เมื่อมาถึงพระเยซูและเห็นว่าเสียชีวิตแล้ว พวกทหารไม่ได้ทุบขาพระองค์ แต่ใช้ทวนแทงที่สีข้างของพระองค์ โลหิตและน้ำก็ไหลออกจากร่างกายของพระองค์
โยเซฟแห่งอาริมาเธียได้ขอพระศพพระเยซูจากปีลาต เอาผ้าป่านกับเครื่องหอมพันพระศพของพระองค์ตามธรรมเนียมชาวยิว แล้วเชิญพระศพไปประดิษฐานไว้ในอุโมงค์ฝังศพใหม่ที่ยังไม่ได้ฝังศพผู้ใดเลย ซึ่งอยู่ในสวนแห่งหนึ่งในตำบลที่พระองค์ถูกตรึงนั้น แล้วกลิ้งก้อนหินขนาดใหญ่ปิดปากอุโมงค์ไว้ ส่วนพวกมหาปุโรหิตและพวกฟาริสีไปหาปีลาต ขอให้วางยามเฝ้าหน้าอุโมงค์ให้แข็งแรง เพราะกลัวว่าสาวกจะมาลักพระศพพระเยซูไป ปีลาตจึงสั่งให้ทหารไปประทับตราที่หินและเฝ้ายามหน้าอุโมงค์ไว้
กลับคืนพระชนม์
ครั้นวันที่สามผ่านไป เหล่าพวกผู้หญิงได้มาที่อุโมงค์ ทันใดนั้นเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ยิ่งนัก ทูตของพระเจ้าองค์หนึ่งได้กลิ้งก้อนหินออกจากปากอุโมงค์ แล้วกล่าวแก่หญิงนั้นว่า พระเยซูฟื้นคืนพระชนม์ชีพจากความตายแล้ว และให้ไปยังแคว้นกาลิลีจะได้พบพระองค์ที่นั่น หญิงเหล่านั้นจึงไปจากอุโมงค์โดยเร็ว วิ่งไปบอกสาวกของพระเยซู ฝ่ายทหารที่เฝ้าอุโมงค์ได้เข้าไปในเมืองแล้วเล่าเหตุการณ์นั้นให้มหาปุโรหิตฟัง เมื่อพวกเขาปรึกษากันแล้วก็แจกเงินเป็นอันมากให้พวกทหาร โดยสั่งให้พูดกันทั่วไปว่า พวกสาวกแอบมาลักเอาศพไปในตอนกลางคืน ครั้นพวกทหารได้รับเงินแล้วก็ทำตามนั้น บรรดาพวกยิวจึงเชื่อตามคำของทหารเหล่านั้น
หลังจากการคืนพระชนม์ของพระเยซูแล้ว พระองค์ทรงปรากฏให้เหล่าสาวกและคนเป็นจำนวนมากได้เห็นเพื่อจะได้เชื่อ เป็นพยานและวางใจในพระองค์ ก่อนที่จะเสด็จขึ้นสวรรค์ต่อหน้าพวกเขา "เมื่อพระองค์ตรัสเช่นนั้นแล้ว พระเจ้าก็ทรงรับพระองค์ขึ้นไปต่อหน้าต่อตาเขา และมีเมฆคลุมพระองค์ให้พ้นสายตาของเขา"
การอัศจรรย์ของพระเยซู
คัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาใหม่ได้บันทึกว่าพระเยซูได้แสดงปาฏิหาริย์หลายครั้ง ในจำนวนนั้นคือ การรักษาคนเป็นโรคเรื้อนให้หาย , การรักษาคนตาบอด , รักษาคนง่อยให้เดินได้, รักษาคนหูหนวกให้ได้ยิน , รักษาหญิงตกโลหิตให้หาย , ทรงขับผีออก (มาระโก 7:24-30), การชุบชีวิตคนตาย , การทวีขนมปังและปลา , เปลี่ยนน้ำให้เป็นเหล้าองุ่นในงานแต่ง , การเดินบนน้ำ , การทรงทราบล่วงหน้าถึงอนาคตและสิ่งต่างๆ และการกลับคืนพระชนม์ชีพหลังสิ้นพระชนม์ไปครบ 3วัน
การตรึงที่กางเขนและการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์
คัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาใหม่ระบุว่าการตรึงพระเยซูที่กางเขนเกิดขึ้นตอนเช้า "เมื่อเขาตรึงพระองค์ไว้นั้นเป็นเวลาเช้าสามโมง" และสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนในเวลาบ่าย "เวลานั้นประมาณเวลาเที่ยง ก็บังเกิดมืดมัวทั่วแผ่นดิน จนถึงบ่ายสามโมง ดวงอาทิตย์ก็มืดไป ม่านในพระวิหารก็ขาดตรงกลาง พระเยซูทรงร้องเสียงดังตรัสว่า 'พระบิดาเจ้าข้า ข้าพระองค์ฝากวิญญาณจิตของข้าพระองค์ไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์' ตรัสอย่างนั้นแล้วก็สิ้นพระชนม์" หลังจากนั้นพระองค์เสด็จกลับฟื้นคืนพระชนม์ในวันที่ 3 "แต่เช้ามืดในวันต้นสัปดาห์ ผู้หญิงเหล่านั้นจึงนำเครื่องหอมที่เขาได้จัดเตรียมไว้มาถึงอุโมงค์ เขาเหล่านั้นเห็นก้อนหินกลิ้งพ้นจากปากอุโมงค์แล้ว และเมื่อเข้าไปมิได้เห็นพระศพของพระเยซูเจ้า" "หญิงเหล่านั้นก็ไปจากอุโมงค์โดยเร็ว ทั้งกลัวทั้งยินดีเป็นอันมาก วิ่งไปบอกพวกสาวกของพระองค์ ดูเถิด พระเยซูได้เสด็จพบเขาและตรัสว่า 'จงจำเริญเถิด' หญิงเหล่านั้นก็มากอดพระบาทนมัสการพระองค์ พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า 'อย่ากลัวเลย จงไปบอกพวกพี่น้องของเราให้ไปยังกาลิลี จะได้พบเราที่นั่น'" บุคคลที่พระเยซูทรงปรากฏให้เห็นก่อนที่จะเสด็จขึ้นสู่ฟ้าสวรรค์ ได้แก่ มารีย์ชาวมักดาลา , เคลโอปัสและศิษย์อีกคนหนึ่งซึ่งในพระคัมภีร์ไม่ได้ระบุชื่อ , สาวกทั้งสิบเอ็ดคน , สาวกเจ็ดคน พระเยซูทรงประทับอยู่กับเหล่าสาวกราว 40 วัน และเสด็จขึ้นสวรรค์ต่อหน้าพวกเขา "เมื่อพระองค์ตรัสเช่นนั้นแล้ว พระเจ้าก็ทรงรับพระองค์ขึ้นไปต่อหน้าต่อตาเขา และมีเมฆคลุมพระองค์ให้พ้นสายตาของเขา"
ทัศนะของศาสนาอื่น
ศาสนาอิสลาม
มุสลิมถือว่าอีซาไม่ใช่บุตรของพระเจ้า แต่เป็นวิญญาณหนึ่งซึ่งพระเป็นเจ้าบันดาลให้บังเกิดในครรภ์มารีย์โดยมิได้มีความสัมพันธ์กับบุรุษ
ในวัยเด็กของพระเยซู คัมภีร์อัลกุรอานเล่าเพียงช่วงที่มะลักตนหนึ่งจำแลงกายเป็นบุรุษเข้ามาพบกับมัรยัม และบอกนางว่านางจะได้บุตรโดยปราศจากบิดา เมื่อนางจะคลอดก็ได้หนีออกไปคลอดนอกเมือง ไปที่โคนต้นอินทผลัม เมื่อคลอดเสร็จแล้ว พระเป็นเจ้าทรงบันดาลให้มีตาน้ำไหลออกมาให้มัรยัมได้ดื่ม เมื่อพาบุตรกลับมา นางก็ถูกถามและกล่าวหาว่านางได้ผิดประเวณีได้บุตรไร้บิดา นางไม่ยอมพูดแต่อีซาพูดออกมาว่า ข้าพเจ้าเป็นทาสของพระเป็นเจ้า พระองค์ได้ประทานคัมภีร์ และแต่งตั้งให้ข้าพเจ้าเป็นนบี อัลกุรอานไม่ได้บอกเล่าชีวประวัติในวัยเด็กอีกเลย
คัมภีร์อัลกุรอานและพระวรสารนักบุญบารนาบัสได้บันทึกว่าเยซูได้แสดงปาฏิหาริย์หลายครั้ง ในจำนวนนั้นคือการรักษาคนเป็นโรคเรื้อน การชุบชีวิตคนตาย การเรียกสำรับอาหารจากฟ้า และการเป่าก้อนดินเหนียวให้เป็นสัตว์มีปีกบินได้
คัมภีร์ไบเบิลบันทึกว่าพระเยซูสิ้นพระชนม์บนกางเขนและกลับคืนพระชนม์ชีพ ในขณะที่อัลกุรอานและพระวรสารนักบุญบารนาบัสระบุว่าเยซูยังไม่ตาย ผู้ที่ถูกตรึงทีไม้กางเขนเป็นผู้อื่น พระวรสารนักบุญบารนาบัสระบุว่าผู้ที่ถูกตรึงนั้นคือเยฮูดาห์
ศาสนาบาไฮ
พระบะฮาอุลลอฮ์ ศาสดาของศาสนาบาไฮ กล่าวถึงพระเยซูว่าเป็นผู้เผยพระวจนะที่พระเป็นเจ้าทรงส่งมาเพื่อทำหน้าที่นำพาและให้ความรู้แก่มนุษย์ในยุคสมัยหนึ่ง เช่นเดียวกับผู้เผยพระวจนะท่านอื่น ๆ คือ พระกฤษณะ โมเสส ซาราธุสตรา พระพุทธเจ้า นบีมุฮัมมัด พระบาบ โดยพระบะฮาอุลลอฮ์อ้างว่าตนเองคือ "พระวิญญาณแห่งความจริง" (ยอห์น 16:13) และเป็นพระคริสต์ผู้มาเป็นครั้งที่สอง "ด้วยรัศมีของพระบิดา" (มัทธิว 16:27) ตามที่พระเยซูได้ทำนายไว้
ลัทธิอนุตตรธรรม
ลัทธิอนุตตรธรรมถือว่าอนุตตรธรรมเป็นรากเหง้าของทุกศาสนารวมทั้งศาสนาคริสต์ โดยพระเยซูเป็นศาสดาองค์หนึ่งที่พระแม่องค์ธรรมทรงส่งมาเพื่อโปรดเวไนยในช่วง(ธรรมกาลยุคแดง) เช่นเดียวกับพระโคตมพุทธเจ้าและนบีมุฮัมมัด และยุคแดงได้สิ้นสุดไปแล้วตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1912 ปัจจุบันจึงเป็นธรรมกาลยุคขาวซึ่งมีลู่ จงอี เป็นผู้ปกครอง
ลัทธิอนุตตรธรรมได้จัดพิธีกรรมหลายครั้งที่อ้างว่ามีพระเยซูมาประทับทรงเพื่อประกาศรับรองว่าลัทธิอนุตตรธรรมเป็นทางสวรรค์ที่แท้จริง ที่สำคัญเช่นปี ค.ศ. 1941 ซุน ฮุ่ยหมิง เจ้าลัทธิอนุตตรธรรมได้เชิญวิญญาณพระเยซูมาประทับทรงที่กระบะทรายเพื่อประทานพระโอวาท เนื้อความสำคัญที่ถูกถ่ายทอดคือประกาศว่าซุน ฮุ่ยหมิง เป็นพระผู้ช่วยให้รอดในยุคนี้ และให้คริสตชนนมัสการบูชาเธอยิ่งกว่าพระเยซูเอง เพราะมีเธอคนเดียวที่จะประทานความรอดให้แก่มวลมนุษย์ได้
สมัญญาของพระเยซู
หมายเหตุ
- เขียนว่าวันเกิดของพระเยซูอยู่ประมาณ 7 หรือ 6 ปีก่อนคริสตกาล และ ได้บอกว่าพระเยซูเกิดในช่วง4 ปีก่อนคริสตกาล. ได้ศึกษาว่าชาวคริสต์ช่วงแรกบอกว่าพระเยซูเกิดในช่วง 3 หรือ 2 ปีก่อนคริสตกาล
- นักวิชาการส่วนใหญ่ได้นิยามว่าพระเยซูถูกตรึงกางเขนประมาณปีค.ศ. 30 หรือ 33
- ตามธรรมเนียมของชาวคริสต์ มารีย์ตั้งครรภ์ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ส่วนชาวมุสลิมเชื่อว่าเธอตั้งท้องด้วยพระประสงค์ของพระเจ้า
อ้างอิง
- Meier, John P. (1991). A Marginal Jew: The roots of the problem and the person. Yale University Press. p. 407. ISBN .
- Rahner 2004, p. 732.
- Sanders 1993, pp. 10–11.
- Finegan, Jack (1998). Handbook of Biblical Chronology, rev. ed. Hendrickson Publishers. p. 319. ISBN .
- Brown, Raymond E. (1977). The birth of the Messiah: a commentary on the infancy narratives in Matthew and Luke. Doubleday. p. 513. ISBN .
- Humphreys, Colin J.; Waddington, W. G. (1992). (PDF). Tyndale Bulletin. 43 (2): 340. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2018-09-30. สืบค้นเมื่อ 2018-11-10.
{{}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|death_type=
ถูกละเว้น ((help)) - Sanders (1993).
- กุรอาน 9:30
- กุรอาน 19:27
- กุรอาน 43:59
- กุรอาน 61:6
- ลูกา 1:26-31
- มัทธิว 1:18-25
- ลูกา 2:1-7
- มัทธิว 2:13-15
- มัทธิว 2:19-23
- มัทธิว 3:13-17
- ลูกา 4:1-13
- มัทธิว 15:7-9
- มัทธิว 23:3
- มัทธิว 10:1-4
- มัทธิว 4:24-25
- มัทธิว 14:14
- มัทธิว 15:30
- มัทธิว 23:6-7
- มัทธิว 23:16-17
- มัทธิว 23:27-28
- มัทธิว 12:14
- มัทธิว 16:21-23, มัทธิว 17:22-23, มัทธิว 20:17-19
- มัทธิว 26:20-25
- มัทธิว 26:52-54
- ลูกา 23:4-5
- ลูกา 23:13-16
- มัทธิว 27:27-31
- มัทธิว 27:32
- มาระโก 15:21
- ลูกา 23:26
- ยอห์น 19:17
- ลูกา 23:44-46
- มัทธิว 27:60
- มัทธิว 27:65
- กิจการของอัครทูต1:9
- ลูกา 5:12-16
- มาระโก 8:22-26
- ลูกา 5:17-26
- มาระโก 7:31-37
- ลูกา 8:40-48
- ลูกา 8:49-56
- ยอห์น 6:1-14
- ยอห์น 2:1-11
- มัทธิว 14:22-33
- มาระโก 15:25
- ลูกา 23:44-46
- ลูกา 24:1-3
- มัทธิว 28:8-10
- มาระโก 16:9
- ลูกา 24:13-31
- ยอห์น 20:19-29
- ยอห์น 21:1-14
- กิจการของอัครทูต1:9
- Smith, Peter (2000). "Manifestations of God". A concise encyclopedia of the Bahá'í Faith. Oxford: Oneworld Publications. p. 231. ISBN .
- Buck, Christopher (2004). "The eschatology of Globalization: The multiple-messiahship of Bahā'u'llāh revisited". ใน Sharon, Moshe (บ.ก.). Studies in Modern Religions, Religious Movements and the Bābī-Bahā'ī Faiths. Boston: Brill. pp. 143–178. ISBN .
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - ปฐมธรรมาจารย์แห่งธรรมกาลยุคขาว, ศุภนิมิต แปลและเรียบเรียง, กรุงเทพฯ : ส่งเสริมคุณภาพชีวิต, ม.ป.ป.
- Philip Clart, Jesus in Chinese Popular Sects, 2007, 1323-4
บรรณานุกรม
- Thai Holy Bible, Thailand Bible Society, 1998.
- Walter A. Elwell, The Pocket Bible Handbook, Harold Shaw Publisher, 1997.
- Sanders, E.P. The Historical Figure of Jesus. London: Allen Lane Penguin Press, 1993.
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
- พระเยซูคือใคร
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
phraeysu xngkvs Jesus hrux eysuchawnasaerth xngkvs Jesus of Nazareth 4 2 pikxnkhristkal kh s 30 33 epnchawyiwphuepnsasdakhxngsasnakhrist khristsasnikchneriykphraxngkhwa phraeysukhrist ephraathuxwaphraxngkhepnphrakhrist phraphuchwyihrxd epnphrabutrphraepneca aelaepnphraecaphrabutrsungepnphrabukhkhlhnunginphratriexkphaph nxkcakniinkhmphiribebilyngbnthukwaphraeysuthrngaesdngpatihariythrngrksakhntabxdihhaykhad rksakhnphikar odytrswa bapkhxngecaidrbkarihxphyaelw hlngphraeysusinphrachnm kidthrngfunkhuncakkhwamtayhlngsinphrachnmidephiyng 3 wn aelaesdckhunsuswrrkhphraeysuphaphphraeysuthithacakomesk aenwsilpaibaesnithn cak sisili p kh s 1130prasutipraman 4 pikxnkhristkal ckrwrrdiormnsinphrachnmpraman kh s 30 33 xayu 33 36 pi eyrusaelm ckrwrrdiormnphrabidaoyesfphramardamariy chawmuslimkihkhwamekharphphraeysuechnkn aetechuxtangcakchawkhrist odychawmuslimeriykphraeysuwanbixisa khmphirxlkurxanrabuwaphraeysuimichthngphraecaaelaphrabutrkhxngphraeca aetepnbawkhnhnungkhxngphraeca aelaepneraasulthiphraecasngmaepnaebbxyangthangsilthrrmihaekchawxisraexlechnediywkberaasulxun nxkcaknikurxanyngxangwaphraeysuidthanaythungeraasulxikthanhnungthicamainxnakhtdwywachuxxahmd khawa eysu macakkhainphasakrikkhux eysus Ihsoys Iesous sungmacakkarthayxksrchux Yeshua eychuwa inphasaaexraemxikhruxhibruxikthxdhnung khristchnxahrberiykeysuwa yasux tamphasasiriaexk swnchawxahrbmuslimeriykwa xisa tamxlkurxan khwamhmaykhux phuchwyihrxd epnchuxthiichknmakinhmuchawyiwtngaetsmyoychuwaepntnma phasalatinaephlngepneysus phasaoprtueksaephlngtxepneysu phasaithythbsphthphasaoprtueksmacnthukwnni swnkhawa khrist epnsmyasungmacakkhainphasakrikwa khristxs Xristos Christos sungepnkhaaeplkhxngkhaphasahibru Messiah xnhmaythung phuidrbkarecim chawxahrberiykwa masih sunghmaythungkaraetngtngihthahnathisungsng echn phramhakstriy puorhit phuephyphrawcna epntn emuxrachxanackryudahesiyaekbabioln ksinkstriythiidrbkarecim txcaknnchawyiwkohyhaphraemssiyahthicamasrangxanackrihmkhxngphraeca phrakhrist cungepnchuxtaaehnng imichchuxtwbukhkhl phuniphnthphrawrsarsithanmkeriykphraxngkhwa phraeysu aelaephuxihaetktangcakkhnxun thichuxehmuxnkn keriykepn phraeysuchawnasaerth hrux phraeysubutrkhxngoyesf aetnkbuyepaolhruxepaolxkhrthutmkeriykphraxngkhwa phrakhrist hrux phraeysukhrist thieriykwa phrakhristeysu kmiprawtikhxngphraeysupthmwy prasutiemux 4 pikxnkhristkal inemuxngnasaerth hyingphrhmcarikhnhnungchuxmariy idhmnhmayiwaelwkbchaykhnhnungchuxoyesf kxnthicaidxyukindwykn idmithutswrrkhkaebriylekhabanmahamariyaelwwa ethxcatngkhrrphaelakhlxdbutrchay cngtngchuxbutrnnwaeysu fayoyesfemuxthrabwamariytngkhrrphaelw kimkhidcaaephrngphrayeruxngni cungkhidcathxnhmnxyanglb aetmithutxngkhhnungpraktaekoyesfinkhwamfnwa oyesfbutrdawid xyaklwthicarbmariymaepnphrryakhxngecaely ephraawaphusungptisnthiinkhrrphkhxngethxepnodyedchphrawiyyanbrisuththi oyesfcungthatamkhann khuxidrbmariymaepnphrrya aetmiidsmsukbethx khnathimariykalngtngkhrrphxyunn ckrphrrdixxkstsidmirbsngihcdthaebiynsamaonkhrwthwthngaephndin khnthngpwngtangtxngedinthangklbipkhunthaebiynyngemuxngkhxngtn oyesfkbmariycungtxngedinthangcakemuxngnasaerth aekhwnkaliliipyngemuxngkhxngdawidemuxnghnungchuxebthelehm inaekhwnyuediy ephraaoyesfepnechuxsaykhxngdawid emuxekhathngsxngxyuthinn kthungewlathimariyprasuti nangcungprasutibutrchayhwpi exaphaxxmphnaelawangiwinranghya ephraawaimmithiwangihekhainorngaerm txmamithutxngkhhnungpraktaekoyesfinkhwamfnaelwbxkwa cnglukkhunphakumarkbmardahniippraethsxiyipt aelakhxyxyuthinncnkwaeracabxkeca ephraawaehordcaaeswnghakumar ephuxcapraharchiwitesiy oyesfcungphakumaraelamardahniipyngpraethsxiyipt enuxngcakkstriyehordthrabwaidmikumarphuthibngekidmaephuxcaepnkstriykhxngchnchatiyiw aelathrabcakbrrdamhapuorhitaelaphwkwa kumarnnxyuthiebthelehm cungichihkhnipkhaedkphuchaythnghlayinbriewnnnthimixayutngaetsxngkhwblngma khrnehordsinphrachnmaelw thutxngkhhnungpraktaekoyesfinkhwamfnwa cnglukkhunphakumarkbmardamayngaephndinxisraexl ephraaphuthiepnphytxchiwitkhxngkumarnntayaelw oyesfcungphakumarkbmardaklbmaxyuemuxngnasaerth eruxngrawinkhmphiribebilphakhphnthsyyaihm thibnthukekiywkbchiwitkhxngphraeysuinchwngrayaewlatngaetxayu 12 picnphraeysuthrngrbbphtismathiaemnacxraednimidthukbnthukiwmaknk chawkhristeriykchwngewlaniwaphrachnmchiphernlbkhxngphraeysu aeteruxngrawkhxngphraeysutngaetrbbphtismacnsinphrachnmthikangekhn aelwklbfunkhunphrachnmchiphxikkhrngthukbnthukiwxyanglaexiyd prakxbphrapharkic phraeysuthrngrbbphtismaemuxxayuid 30 picakyxhnphuihbphtismathiaemnacxraedn khrnphraxngkhthrngrbphithibphtismainnaaelwinthnidnnkesdckhuncakna aelathxngfakaehwkxxk aelaphraxngkhidthrngehnphrawiyyankhxngphraecaducnkphirab lngmasthitxyubnphraxngkh hlngcaknnphraeysuesdcipinthinthurkndar epnewlathungsisibwnsisibkhunodyimideswyxairely aetklbmimarmaphcyphraxngkhodykarlxlwngtang na ephuxhwngihphraeysukrablngnmskarmar aetphraeysuidtxbotmardwyphrathrrmcakkhmphirhibru cnmarehnwamixaclxlwngphraxngkhidcunglaphraxngkhip phraxngkhthrngerimphrakiccanukicodyxxksngsxnchnthngpwngihklbiccakkhwambap aelwedintamthangkhxngphraecaxyangaethcring xyaaesrngthaepnnbthuxphraecaaetpak prachachnniihekiyrtieraaetpak ickhxngekhahangiklcakera thrngsxnmiihthatnepnehmuxnphwkhnasuxickhd ehtuchann thuksingsungekhasngsxnphwkthan cngthuxpraphvtitam ewnaetkarpraphvtikhxngekhaxyaidthatamely ephraaekhaepnaetphusngsxn aetekhaexnghathatamim phraxngkhyngtrsphrathrrmkhasngsxnaelathrngphrarachkiciwxikmakmay sungthukbnthukiwinkhmphiribebilphakhphnthsyyaihm odyechphaaxyangyinginhnngsux 4 elmaerk idaek mththiw maraok luka aelayxhn inkarthrngphrarachkickhxngphraeysunn phraxngkhidthrngeriykbukhkhltang ekhamaepnsawk ephuxsngsxnaelamiswnchwyphraxngkhxik 12 khn sungtxmathukeriykwaxkhrthut idaek siomnepotr xndruw nxngchaykhxngsiomn yakxb butresebdi yxhn nxngchaykhxngyakxb filip barotholmiw othms mththiwphuniphnthphrawrsar yakxb butrxlefxs elbebxs thimixikchuxhnungwa thdedxs siomnesoleth aelayudas xiskharioxth phuthixaydphraeysu sinphrachnm phlkhxngkarthiphraeysuxxkprakas sngsxn rksaorkh aelathakartang makmay thaihmikhnepncanwnmaktidtamphraxngkhip kittisphthkhxngphraxngkhkeluxngluxipthwpraethssieriy ekhacungphakhnpwyepnorkhtang khnthithnthukkhewthna khnphiekha khnepnlmbahmuaelakhnepnxmphatmahaphraxngkh phraxngkhkthrngrksaekhaihhay aelamikhnhmuihymacakaekhwnkalili aelaaekhwnthsburiaelakrungeyrusaelm aelaaekhwnyuediy aelaaemnacxraednfaktawnxxktidtamphraxngkhip khrnphraeysuesdckhuncakeruxaelw kthrngehnprachachnhmuihy phraxngkhthrngsngsarekha cungidthrngrksakhnpwykhxngekhaihhay aelaprachachnepnxnmakmaefaphraxngkh phakhnngxy khnaekhnkhaphikar khntabxd khnib aelakhnecbxunhlaykhn mawangaethbphrabathkhxngphraeysu aelwphraxngkhthrngrksaekhaihhay inthangtrngknkhamkhasngsxnkhxngphraxngkhtxwaphwkfarisiaelaphwkthrrmacaryodytrng ekhachxbthixnmiekiyrtiinkareliyngaelainthrrmsala kbchxbrbkarkhanbthiklangtlad aelachxbihekhaeriykwa thanxacary wibtiaekeca khnnathangtabxd ecasxnwa phuidcasabanxangphrawihar khasabannnimphukmd aetphuidcasabanxangthxngkhakhxngphrawihar phunncatxngkrathatamkhasaban ox khnochdekhlatabxd singihncasakhykwa thxngkhahruxphrawiharsungkrathaihthxngkhannskdisiththi wibtiaekeca phwkaelaphwkfarisi khnhnasuxickhd ephraawaecaepnehmuxnxuomngkhfngsphsungchabdwypunkhaw khangnxkdungdngam aetkhanginetmipdwykradukkhntay aelasarphdosokhrk ecathnghlaykepnxyangnnaehla phaynxkaelduehmuxnwaepnkhnchxbthrrm aetphayinetmipdwykhwamethcethiymaelaxthrrm phwkthrrmacaryaelaphwkfarisicungkhidhachxngthangcakhaphraxngkhesiy fayphwkfarisikxxkippruksaknwa cathaxyangircungcakhaphraxngkhid ephraaekhaimruwaphraeysuepnphraphuchwyihrxd xyangirktam phraeysuthrngthrabwa phraxngkhcatxngthnthukkhthrmancakphwkmhapuorhitaelaphwkthrrmacary cntxngthukpraharchiwit aetinwnthisamphraxngkhcathrngthukchubihepnkhunmaihm dngthiphraxngkhidthrngthanaythungehtukarndngklawlwnghnaiwsamkhrng hlngcaknnhnunginsawksibsxngkhn chuxyudasxiskharioxth idiphaphwkmhapuorhitaelwtklngwacakhxyhachxngthicachiphraxngkhihcb ephuxaelkkbsamsibehriyyengin sungeruxngthiyudaskhidcathrystxphraxngkhnn phraxngkhkthrngthrabechnkn emuxthungwntnethskalkinkhnmpngirechux phraxngkhkbehlasawkidekhaipinbanhlnghnunginkrungeysusaelm ephuxrwmeswypskadwykn xaharthiphraxngkhideswyinkhunnnprakxbdwykhnmpngaelanaxngun sungkepnxaharkhamuxsudthaythiphraxngkhideswykxnsinphrachnm ephraahlngcakthiideswyxaharaelw yudassawkkhnhnunginsibsxngkhnnnidxxkcakbanip phwksawkthiehluximthrabwayudasipihn aetphraeysuthrabwayudascaiphaphwkpuorhitaelaphwkfarisi ephuxphathharmacbphraxngkh hlngcakyudasxxkipcakbanaelw phraxngkhtrskhasxnaekphwksawkxikhlaykhx kxnthicaesdcphaphwkekhaxxkcakbankhamhwykhidornipyngswnekthesmni inkhnannepnewlaklangkhunphraxngkhesdchangcakphwksawkxxkipiklpramankhwanghintkaelwxthisthantxphraeca emuxklbmaphbwaphwksawktanghlbknhmd phraxngkhcungplukphwkekhaihtunkhunxthisthan aelwphraxngkhthrngklbipxthisthanxikkhrnghnung emuxklbmathrngehnsawknxnhlbknxik phraxngkhcungesdcklbipxthisthanxikepnkhrngthisam emuxklbmakhrngniphraeysuthrngplukphwksawkihtunkhun thnidnn yudasidphathharkbecahnathikhxngphwkpuorhitaelafarisiphrxmxawuthekhama yudastrngmahaphraeysuaelwcubkhanbphraxngkh khnehlannkekhamacbphraxngkh epotrmidabcungchkxxkfnthukhukhangkhwakhxngmlkhs sungepnthaskhnhnungkhxngmhapuorhit phraeysutrswa cngexadabkhxngthanisfkesiy dwywabrrdaphuthuxdabcatxngphinasephraadab thankhidwaeracakhxphrabidakhxngeraimidhrux aelainkhruediywphraxngkhcaprathanthutswrrkhaekerakwasibsxngkxng aetthaechnnnphrakhmphirthiwa cacatxngepnxyangni casaercidxyangir aelwsawkthnghmdkidphaknhniip phraeysuthukphaipbankhxngkhayafassungepnpracakar thngphwkthrrmacaryaelamhapuorhittangphyayamhaphyanethcmaprkpraphraxngkh aetthungaemmiphyanethchlaykhnihkarkimsamarthhahlkthanid inthisudmhapuorhitcungthamthungkhwamepnphrakhristkhxngphraxngkh emuxphraxngkhyxmrbwaepnphrakhrist mhapuorhitcungyuyngkhnthngpwngwa phraeysuphudhminpramathphraecaephraayktnexngkhunepnphrakhrist khnthngpwngcungtxngkarihprbothsphraeysuthungtay emuxyudasehnwatnexngthabap odyxaydphraeysuphubrisuththiihthungaekkhwamtay yudaskekidsanukklbicnaenginthiidipkhunihphwkmhapuorhit aetkhnehlannimsnic yudascungthingenginiwaelwxxkipphukkhxtay phxrungecha phwkekhaidphaphraeysuiphapilat sungepnecaemuxnginkhnann phwkekhaidfxngphraeysudwykhxklawhatang aethlngcakpilatidsxbthamphraxngkhaelw imphbwamikhwamphidprakaridcungkhidcaplxyphraxngkh aetphwkekhayunynwa khnniyuyngphlemuxngihwunway emuxpilatthrabwaphraxngkhepnchawkalili sungxyuinthxngthikhxngkstriyehord pilatcungsngphraeysuiphaehordephuxihtdsinkhwamaethn fayehordmikhwamyindiepnxnmakthicaidphbphraeysuephraaekhyidyinkittisphthmanan hwngwaphraeysucaaesdngxiththivththihruxpatihariyihchmbang aetemuxphraeysuimidthakarid ehordaelaphwkthharcungidaetduhmineyaaeyyaelasngphraxngkhklbmahapilatxik pilatcungsngmhapuorhit phwkkhunnangaelarasdrihprachumphrxmkn aelaklawaekekhawa thanthnghlayidphakhnnimahaera fxngwaekhaidyuyngrasdr duethid eraidsubthamtxhnathanthnghlay aelaimehnwakhnnimikhwamphidinkhxthithanthnghlayfxngekhann aelaehordkimehnwaekhamikhwamphiddwy ephraaehordidsngtwekhaklbmayngeraxikaelw duethid khnniimidthaphidxairsungsmkhwrcamiothsthungtay ehtuchannemuxeraekhiynekhaaelw erakcaplxyesiy intxnnnepnchwngethskalpska epnthrrmeniymthiecaemuxngcaplxynkothskhnhnungihaekhmuchntamicchxb khrawnnminkothskhnhnungchux barbbs txngothsephraakhakhn pilatthamphwkekhawa txngkarihplxyphuidrahwangphraeysukbbarbbs mhapuorhitkyuynghmuchnihkhxihplxybarbbs phwkekhacungtxbwa barbbs aelaihtrungphraeysuthikangekhn swnpilatyngphyayamcaplxyphraeysuxikthungkbthamphwkekhasaxiksamkhrng emuxphwkekhayunyntamedim pilatkexanalangmuxtxhnahmuchn ephuxaesdngwaekhaimmiswnrbphidchxbdwykbkarpraharphraeysu aelwpilatidsngplxybarbbsaelaihobytiphraeysukxnnaiptrungthikangekhn phraeysuthrngthukphwkthharkhxngpilatobytiaelahyamphraekiyrtihlayprakar phrawrsarshthrrsnkbphrawrsarnkbuyyxhnrabuehtukarncaknitangknkhux phrawrsarshthrrsntangrabuwaemuxphraeysuthuktdsinothsaelw ecahnathikihsiomnchawisrinmaaebkkangekhnkhxngphraeysutngaettn aetphrawrsarnkbuyyxhnklbrabuwaphraeysuepnphuaebkkangekhnodyimexythungsiomnchawisrinely emuxmathungklokthaphraxngkhthrngthuktrungthikangekhnphrxmkbphuraysxngkhn khangkhwakhnhnungaelakhangsayxikkhnhnung phwkkhunnangtangklawkhaeyaaeyyphraxngkh fayphwkthharcbchlakknwa ikhrcaidchlxngphraxngkhip yxhn 19 24 hlngcaknn phraeysuthrngthrabwathuksingsaercaelw cungtrswa phrabidaecakha khaphraxngkhfakwiyyancitkhxngkhaphraxngkhiwinphrahtthkhxngphraxngkh trsxyangnnaelwksinphrachnm inwnnnepnwnsukr phwkyiwimtxngkarihsphkhangxyubnkangekhncnthungwnxathity ephraaepnwnsabaot cungmakhxihpilatthubkhakhxngphuthithuktrungihhk aelwcaidexasphlngcakkangekhn phwkthharcungmathubkhakhxngphuraythngsxngkhnthithuktrungxyukbphraeysucnesiychiwit emuxmathungphraeysuaelaehnwaesiychiwitaelw phwkthharimidthubkhaphraxngkh aetichthwnaethngthisikhangkhxngphraxngkh olhitaelanakihlxxkcakrangkaykhxngphraxngkh oyesfaehngxarimaethiyidkhxphrasphphraeysucakpilat exaphapankbekhruxnghxmphnphrasphkhxngphraxngkhtamthrrmeniymchawyiw aelwechiyphrasphippradisthaniwinxuomngkhfngsphihmthiyngimidfngsphphuidely sungxyuinswnaehnghnungintablthiphraxngkhthuktrungnn aelwklingkxnhinkhnadihypidpakxuomngkhiw swnphwkmhapuorhitaelaphwkfarisiiphapilat khxihwangyamefahnaxuomngkhihaekhngaerng ephraaklwwasawkcamalkphrasphphraeysuip pilatcungsngihthharipprathbtrathihinaelaefayamhnaxuomngkhiw klbkhunphrachnm khrnwnthisamphanip ehlaphwkphuhyingidmathixuomngkh thnidnnekidaephndinihwihyyingnk thutkhxngphraecaxngkhhnungidklingkxnhinxxkcakpakxuomngkh aelwklawaekhyingnnwa phraeysufunkhunphrachnmchiphcakkhwamtayaelw aelaihipyngaekhwnkalilicaidphbphraxngkhthinn hyingehlanncungipcakxuomngkhodyerw wingipbxksawkkhxngphraeysu faythharthiefaxuomngkhidekhaipinemuxngaelwelaehtukarnnnihmhapuorhitfng emuxphwkekhapruksaknaelwkaeckenginepnxnmakihphwkthhar odysngihphudknthwipwa phwksawkaexbmalkexasphipintxnklangkhun khrnphwkthharidrbenginaelwkthatamnn brrdaphwkyiwcungechuxtamkhakhxngthharehlann hlngcakkarkhunphrachnmkhxngphraeysuaelw phraxngkhthrngpraktihehlasawkaelakhnepncanwnmakidehnephuxcaidechux epnphyanaelawangicinphraxngkh kxnthicaesdckhunswrrkhtxhnaphwkekha emuxphraxngkhtrsechnnnaelw phraecakthrngrbphraxngkhkhuniptxhnatxtaekha aelamiemkhkhlumphraxngkhihphnsaytakhxngekha karxscrrykhxngphraeysukhmphiribebilphakhphnthsyyaihmidbnthukwaphraeysuidaesdngpatihariyhlaykhrng incanwnnnkhux karrksakhnepnorkheruxnihhay karrksakhntabxd rksakhnngxyihedinid rksakhnhuhnwkihidyin rksahyingtkolhitihhay thrngkhbphixxk maraok 7 24 30 karchubchiwitkhntay karthwikhnmpngaelapla epliynnaihepnehlaxnguninnganaetng karedinbnna karthrngthrablwnghnathungxnakhtaelasingtang aelakarklbkhunphrachnmchiphhlngsinphrachnmipkhrb 3wnkartrungthikangekhnaelakaresdckhunsuswrrkhkhmphiribebilphakhphnthsyyaihmrabuwakartrungphraeysuthikangekhnekidkhuntxnecha emuxekhatrungphraxngkhiwnnepnewlaechasamomng aelasinphrachnmbnimkangekhninewlabay ewlannpramanewlaethiyng kbngekidmudmwthwaephndin cnthungbaysamomng dwngxathitykmudip maninphrawiharkkhadtrngklang phraeysuthrngrxngesiyngdngtrswa phrabidaecakha khaphraxngkhfakwiyyancitkhxngkhaphraxngkhiwinphrahtthkhxngphraxngkh trsxyangnnaelwksinphrachnm hlngcaknnphraxngkhesdcklbfunkhunphrachnminwnthi 3 aetechamudinwntnspdah phuhyingehlanncungnaekhruxnghxmthiekhaidcdetriymiwmathungxuomngkh ekhaehlannehnkxnhinklingphncakpakxuomngkhaelw aelaemuxekhaipmiidehnphrasphkhxngphraeysueca hyingehlannkipcakxuomngkhodyerw thngklwthngyindiepnxnmak wingipbxkphwksawkkhxngphraxngkh duethid phraeysuidesdcphbekhaaelatrswa cngcaeriyethid hyingehlannkmakxdphrabathnmskarphraxngkh phraeysucungtrskbekhawa xyaklwely cngipbxkphwkphinxngkhxngeraihipyngkalili caidphberathinn bukhkhlthiphraeysuthrngpraktihehnkxnthicaesdckhunsufaswrrkh idaek mariychawmkdala ekhloxpsaelasisyxikkhnhnungsunginphrakhmphirimidrabuchux sawkthngsibexdkhn sawkecdkhn phraeysuthrngprathbxyukbehlasawkraw 40 wn aelaesdckhunswrrkhtxhnaphwkekha emuxphraxngkhtrsechnnnaelw phraecakthrngrbphraxngkhkhuniptxhnatxtaekha aelamiemkhkhlumphraxngkhihphnsaytakhxngekha thsnakhxngsasnaxunsasnaxislam muslimthuxwaxisaimichbutrkhxngphraeca aetepnwiyyanhnungsungphraepnecabndalihbngekidinkhrrphmariyodymiidmikhwamsmphnthkbburus inwyedkkhxngphraeysu khmphirxlkurxanelaephiyngchwngthimalktnhnungcaaelngkayepnburusekhamaphbkbmrym aelabxknangwanangcaidbutrodyprascakbida emuxnangcakhlxdkidhnixxkipkhlxdnxkemuxng ipthiokhntnxinthphlm emuxkhlxdesrcaelw phraepnecathrngbndalihmitanaihlxxkmaihmrymiddum emuxphabutrklbma nangkthukthamaelaklawhawanangidphidpraewniidbutrirbida nangimyxmphudaetxisaphudxxkmawa khaphecaepnthaskhxngphraepneca phraxngkhidprathankhmphir aelaaetngtngihkhaphecaepnnbi xlkurxanimidbxkelachiwprawtiinwyedkxikely khmphirxlkurxanaelaphrawrsarnkbuybarnabsidbnthukwaeysuidaesdngpatihariyhlaykhrng incanwnnnkhuxkarrksakhnepnorkheruxn karchubchiwitkhntay kareriyksarbxaharcakfa aelakarepakxndinehniywihepnstwmipikbinid khmphiribebilbnthukwaphraeysusinphrachnmbnkangekhnaelaklbkhunphrachnmchiph inkhnathixlkurxanaelaphrawrsarnkbuybarnabsrabuwaeysuyngimtay phuthithuktrungthiimkangekhnepnphuxun phrawrsarnkbuybarnabsrabuwaphuthithuktrungnnkhuxeyhudah sasnabaih phrabahaxullxh sasdakhxngsasnabaih klawthungphraeysuwaepnphuephyphrawcnathiphraepnecathrngsngmaephuxthahnathinaphaaelaihkhwamruaekmnusyinyukhsmyhnung echnediywkbphuephyphrawcnathanxun khux phrakvsna omess sarathustra phraphuththeca nbimuhmmd phrabab odyphrabahaxullxhxangwatnexngkhux phrawiyyanaehngkhwamcring yxhn 16 13 aelaepnphrakhristphumaepnkhrngthisxng dwyrsmikhxngphrabida mththiw 16 27 tamthiphraeysuidthanayiw lththixnuttrthrrm lththixnuttrthrrmthuxwaxnuttrthrrmepnrakehngakhxngthuksasnarwmthngsasnakhrist odyphraeysuepnsasdaxngkhhnungthiphraaemxngkhthrrmthrngsngmaephuxoprdewinyinchwngthrrmkalyukhaedng echnediywkbphraokhtmphuththecaaelanbimuhmmd aelayukhaedngidsinsudipaelwtngaet pi kh s 1912 pccubncungepnthrrmkalyukhkhawsungmilu cngxi epnphupkkhrxng lththixnuttrthrrmidcdphithikrrmhlaykhrngthixangwamiphraeysumaprathbthrngephuxprakasrbrxngwalththixnuttrthrrmepnthangswrrkhthiaethcring thisakhyechnpi kh s 1941 sun huyhming ecalththixnuttrthrrmidechiywiyyanphraeysumaprathbthrngthikrabathrayephuxprathanphraoxwath enuxkhwamsakhythithukthaythxdkhuxprakaswasun huyhming epnphraphuchwyihrxdinyukhni aelaihkhristchnnmskarbuchaethxyingkwaphraeysuexng ephraamiethxkhnediywthicaprathankhwamrxdihaekmwlmnusyidsmyyakhxngphraeysuphrabutrphraepneca phraecaphrabutr phraphuithhmayehtuekhiynwawnekidkhxngphraeysuxyupraman 7 hrux 6 pikxnkhristkal aela idbxkwaphraeysuekidinchwng4 pikxnkhristkal idsuksawachawkhristchwngaerkbxkwaphraeysuekidinchwng 3 hrux 2 pikxnkhristkal nkwichakarswnihyidniyamwaphraeysuthuktrungkangekhnpramanpikh s 30 hrux 33 tamthrrmeniymkhxngchawkhrist mariytngkhrrphdwyphrawiyyanbrisuththi swnchawmuslimechuxwaethxtngthxngdwyphraprasngkhkhxngphraecaxangxingMeier John P 1991 A Marginal Jew The roots of the problem and the person Yale University Press p 407 ISBN 978 0 300 14018 7 Rahner 2004 p 732 sfn error no target CITEREFRahner2004 Sanders 1993 pp 10 11 sfn error no target CITEREFSanders1993 Finegan Jack 1998 Handbook of Biblical Chronology rev ed Hendrickson Publishers p 319 ISBN 978 1 56563 143 4 Brown Raymond E 1977 The birth of the Messiah a commentary on the infancy narratives in Matthew and Luke Doubleday p 513 ISBN 978 0 385 05907 7 Humphreys Colin J Waddington W G 1992 PDF Tyndale Bulletin 43 2 340 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2018 09 30 subkhnemux 2018 11 10 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a imruckpharamietxr death type thuklaewn help Sanders 1993 kurxan 9 30 kurxan 19 27 kurxan 43 59 kurxan 61 6 luka 1 26 31 mththiw 1 18 25 luka 2 1 7 mththiw 2 13 15 mththiw 2 19 23 mththiw 3 13 17 luka 4 1 13 mththiw 15 7 9 mththiw 23 3 mththiw 10 1 4 mththiw 4 24 25 mththiw 14 14 mththiw 15 30 mththiw 23 6 7 mththiw 23 16 17 mththiw 23 27 28 mththiw 12 14 mththiw 16 21 23 mththiw 17 22 23 mththiw 20 17 19 mththiw 26 20 25 mththiw 26 52 54 luka 23 4 5 luka 23 13 16 mththiw 27 27 31 mththiw 27 32 maraok 15 21 luka 23 26 yxhn 19 17 luka 23 44 46 mththiw 27 60 mththiw 27 65 kickarkhxngxkhrthut1 9 luka 5 12 16 maraok 8 22 26 luka 5 17 26 maraok 7 31 37 luka 8 40 48 luka 8 49 56 yxhn 6 1 14 yxhn 2 1 11 mththiw 14 22 33 maraok 15 25 luka 23 44 46 luka 24 1 3 mththiw 28 8 10 maraok 16 9 luka 24 13 31 yxhn 20 19 29 yxhn 21 1 14 kickarkhxngxkhrthut1 9 Smith Peter 2000 Manifestations of God A concise encyclopedia of the Baha i Faith Oxford Oneworld Publications p 231 ISBN 1 85168 184 1 Buck Christopher 2004 The eschatology of Globalization The multiple messiahship of Baha u llah revisited in Sharon Moshe b k Studies in Modern Religions Religious Movements and the Babi Baha i Faiths Boston Brill pp 143 178 ISBN 90 04 13904 4 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help pthmthrrmacaryaehngthrrmkalyukhkhaw suphnimit aeplaelaeriyberiyng krungethph sngesrimkhunphaphchiwit m p p Philip Clart Jesus in Chinese Popular Sects 2007 1323 4brrnanukrmThai Holy Bible Thailand Bible Society 1998 Walter A Elwell The Pocket Bible Handbook Harold Shaw Publisher 1997 Sanders E P The Historical Figure of Jesus London Allen Lane Penguin Press 1993 ISBN 978 0 7139 9059 1duephimemssiyah xisaaehlngkhxmulxunphraeysukhuxikhr