ฟังก์ชันเลขชี้กำลัง หรือ ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล (อังกฤษ: exponential function) หมายถึงฟังก์ชัน ex เมื่อ e คือจำนวนที่ทำให้ฟังก์ชัน ex เท่ากับอนุพันธ์ของมันเอง (ซึ่ง e มีค่าประมาณ 2.718281828) ฟังก์ชันเลขชี้กำลังถูกใช้เพื่อจำลองความสัมพันธ์ เมื่อการเปลี่ยนแปลงคงตัวใน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตามสัดส่วนเดียวกันใน (เช่นการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของอัตราร้อยละ) ฟังก์ชันนี้มักเขียนเป็น exp(x) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตัวแปรอิสระเขียนเป็นตัวยกไม่ได้
กราฟของฟังก์ชัน y = ex มีลักษณะตั้งชันขึ้นและมีอัตราเพิ่มค่าเร็วยิ่งขึ้นเมื่อ x เพิ่มขึ้น กราฟจะวางตัวอยู่เหนือแกน x เสมอ แต่เมื่อ x เป็นลบกราฟจะลู่เข้าแกน x ดังนั้นแกน x จึงเป็นแนวนอน (horizontal asymptote) เส้นหนึ่งของกราฟนี้ ความชันของกราฟแต่ละจุดมีค่าเท่ากับพิกัด y ของจุดนั้น ฟังก์ชันผกผันของฟังก์ชันเลขชี้กำลังคือลอการิทึมธรรมชาติ ln(x) ด้วยเหตุนี้ตำราบางเล่มจึงอ้างถึงฟังก์ชันเลขชี้กำลังว่าเป็น แอนติลอการิทึม (antilogarithm)
ในบางกรณีคำว่า ฟังก์ชันเลขชี้กำลัง ก็มีใช้ในความหมายทั่วไปยิ่งขึ้น สำหรับฟังก์ชันต่าง ๆ ที่อยู่ในรูปแบบ cbx เมื่อ b คือฐานที่เป็นจำนวนจริงบวก ไม่จำเป็นต้องเป็น e ดูเพิ่มที่สำหรับความหมายนี้
โดยทั่วไปตัวแปร x สามารถเป็นจำนวนจริง จำนวนเชิงซ้อน หรือแม้แต่ต่าง ๆ ที่ต่างชนิดกันอย่างสิ้นเชิงก็ได้ ดูรายละเอียดที่ นิยามเชิงรูปนัย
ภาพรวม
ฟังก์ชันเลขชี้กำลังจะเกิดขึ้น เมื่อใดก็ตามที่ปริมาณอย่างหนึ่งหรือในอัตราที่ได้กับค่าปัจจุบัน ตัวอย่างสถานการณ์นี้เช่น เมื่อ ค.ศ. 1683 (Jocob Bernoulli) พบว่ามันเป็นเช่นนั้นโดยข้อเท็จจริง และนำไปสู่จำนวน e ที่ไม่ทราบค่าดังนี้
ต่อมา ค.ศ. 1697 (Johann Bernoulli) ก็ได้ศึกษาแคลคูลัสของฟังก์ชันเลขชี้กำลังดังกล่าว
ถ้ามีเงินต้นจำนวน 1 และได้รับดอกเบี้ยในอัตรารายปี x โดยทบต้นรายเดือน ดังนั้นอัตราดอกเบี้ยที่ได้รับต่อเดือนจึงเป็น x/12 เท่าของมูลค่าปัจจุบัน แต่ละเดือนจึงมียอดรวมของเดือนก่อนหน้าคูณด้วย (1+x/12) ในที่สุดมูลค่าที่ได้เมื่อสิ้นปีจึงเท่ากับ (1+x/12)12 ถ้าคิดดอกเบี้ยทบต้นรายวันแทน มูลค่าจะกลายเป็น (1+x/365)365 และถ้ากำหนดให้จำนวนช่วงเวลาต่อปีเพิ่มขึ้นโดยไม่จำกัด จะนำไปสู่นิยามของลิมิตของฟังก์ชันเลขชี้กำลังดังนี้
นิยามนี้กำหนดไว้โดยออยเลอร์ สิ่งนี้เป็นวิธีหนึ่ง ส่วนวิธีการอื่นจะเกี่ยวข้องกับอนุกรมและสมการเชิงอนุพันธ์
จากนิยามใด ๆ เหล่านี้สามารถแสดงได้ว่าฟังก์ชันเลขชี้กำลังเป็นไปตามเอกลักษณ์การยกกำลังพื้นฐาน
- ....
จึงเป็นที่มาว่าเหตุใดฟังก์ชันเลขชี้กำลังจึงสามารถเขียนในรูปแบบ ex ได้
อนุพันธ์ (อัตราการเปลี่ยนแปลง) ของฟังก์ชันเลขชี้กำลัง คือฟังก์ชันเลขชี้กำลังโดยตัวมันเอง หรืออีกนัยหนึ่งคือ ฟังก์ชันที่มีอัตราการเปลี่ยนแปลงได้สัดส่วนกับฟังก์ชันตัวเอง (แทนที่จะหมายถึงเท่ากับตัวเอง) สามารถแสดงได้ในรูปแบบฟังก์ชันเลขชี้กำลัง สมบัติของฟังก์ชันข้อนี้นำไปสู่การอธิบายการเติบโตและการเสื่อมสลายแบบเลขชี้กำลัง
ฟังก์ชันเลขชี้กำลังขยายแนวคิดเป็น (entire function) ชนิดหนึ่งบน สูตรของออยเลอร์เกี่ยวข้องกับค่าของฟังก์ชันเมื่อส่งค่าอาร์กิวเมนต์ส่วนจินตภาพไปยังฟังก์ชันตรีโกณมิติ ฟังก์ชันเลขชี้กำลังก็มีสิ่งที่คล้ายกันสำหรับอาร์กิวเมนต์ที่เป็นเมทริกซ์ หรือแม้แต่สมาชิกของ (Banach algebra) หรือ (Lie algebra)
นิยามเชิงรูปนัย
ฟังก์ชันเลขชี้กำลัง ex สามารถอธิบายลักษณะเฉพาะได้เทียบเท่ากันหลายวิธีการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฟังก์ชันเลขชี้กำลังอาจนิยามด้วยต่อไปนี้
การใช้นิยามวิธีอื่นของฟังก์ชันเลขชี้กำลังก็จะให้ผลลัพธ์เหมือนกันเมื่อขยายเป็น
ex อาจถูกนิยามให้เป็นคำตอบ y ของสมการนี้ ซึ่งเป็นรูปแบบที่พบได้น้อยกว่า
ฟังก์ชันเลขชี้กำลังก็อาจหมายถึงลิมิตดังนี้ ดังที่ได้กล่าวไว้ในตอนต้น
อนุพันธ์และสมการเชิงอนุพันธ์
ความสำคัญหลักของฟังก์ชันเลขชี้กำลังในคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ เกิดจากสมบัติของอนุพันธ์ของมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
นั่นคือ ex เป็นอนุพันธ์ของตัวเอง และเป็นตัวอย่างพื้นฐานอันหนึ่งของ (Pfaffian function) ฟังก์ชันต่าง ๆ ที่อยู่ในรูปแบบ cex ซึ่ง c เป็นค่าคงตัว เป็นฟังก์ชันกลุ่มเดียวที่มีสมบัติเช่นนี้ (จาก (Picard–Lindelöf theorem)) หรือกล่าวให้เจาะจงได้ว่า กำหนดให้ k เป็นค่าคงตัวจำนวนจริงใด ๆ ฟังก์ชัน f : R→R จะสอดคล้องกับเงื่อนไข f ′ = kf ก็ต่อเมื่อ f(x) = cekx สำหรับค่าคงตัว c บางจำนวน การอธิบายด้วยวิธีอื่นที่ให้ผลเหมือนกันเช่น
- ความชันของกราฟ ณ จุดใด ๆ เท่ากับความสูงของฟังก์ชันที่จุดนั้น
- อัตราการเพิ่มของฟังก์ชันที่จุด x เท่ากับค่าของฟังก์ชันที่จุด x
- ฟังก์ชันที่เป็นคำตอบของสมการเชิงอนุพันธ์ y ′ = y
- exp เป็น (fixed point) ของอนุพันธ์ในฐานะ (functional)
โดยข้อเท็จจริงแล้ว สมการเชิงอนุพันธ์หลายชนิดทำให้เกิดฟังก์ชันเลขชี้กำลัง รวมทั้งสมการชเรอดิงเงอร์ (Schrödinger equation) (Laplace's equation) และสมการที่เกี่ยวข้องกับ (simple harmonic motion)
ฟังก์ชันเลขชี้กำลังในฐานอื่นคือ
ดังนั้นฟังก์ชันเลขชี้กำลังใด ๆ จึงเป็นพหุคูณค่าคงตัวของอนุพันธ์ของตัวเอง
สำหรับฟังก์ชันเลขชี้กำลังในฐานอื่นที่มีค่าคงตัวประกอบในเลขชี้กำลัง
สมการข้างต้นเป็นจริงสำหรับค่า c ทุกจำนวน แต่ผลลัพธ์ของอนุพันธ์เมื่อ c < 0 จะเป็นจำนวนเชิงซ้อน
ถ้าอัตราการเติบโตหรือเสื่อมสลายของตัวแปรได้สัดส่วนกับขนาดของตัวแปร เช่นการเติบโตของประชากรอย่างไม่จำกัด ดอกเบี้ยทบต้นต่อเนื่อง หรือการสลายตัวของสารกัมมันตรังสี ตัวแปรนั้นจะสามารถเขียนในรูปแบบค่าคงตัวคูณด้วยฟังก์ชันเลขชี้กำลังของเวลา
นอกเหนือจากนี้ ฟังก์ชันหาอนุพันธ์ได้ f(x) ชนิดใด ๆ เราสามารถหาอนุพันธ์ได้โดยใช้กฎลูกโซ่ดังนี้
เศษส่วนต่อเนื่องของ ex
เศษส่วนต่อเนื่องของ ex สามารถนำมาจาก
ของ e2x/y ต่อไปนี้ มีค่าลู่เข้าอย่างรวดเร็ว
สำหรับกรณีพิเศษเมื่อ x = y = 1 จะได้
ระนาบเชิงซ้อน
ฟังก์ชันเลขชี้กำลังสามารถนิยามบนได้หลายรูปแบบเทียบเท่ากัน เช่นเดียวกับกรณีของจำนวนจริง การนิยามเหล่านี้บางอย่างเหมือนสูตรต่าง ๆ ของฟังก์ชันเลขชี้กำลังสำหรับจำนวนจริง หากกล่าวโดยเฉพาะเจาะจง เรายังสามารถใช้นิยามอนุกรมกำลังซึ่งค่าจริงถูกแทนที่ด้วยค่าเชิงซ้อน
จากการใช้นิยามนี้ทำให้ง่ายต่อการแสดงว่า ยังคงเป็นจริงบนระนาบเชิงซ้อน
นิยามอีกตัวอย่างหนึ่งเป็นการขยายแนวคิดของฟังก์ชันเลขชี้กำลังสำหรับจำนวนจริง ขั้นแรกระบุถึงสมบัติที่ต้องการ ส่วนแรก ex จะใช้ฟังก์ชันเลขชี้กำลังสำหรับจำนวนจริงตามปกติ ส่วนหลังใช้สูตรของออยเลอร์นิยาม ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้การนิยามที่เกี่ยวข้องกับจำนวนจริงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อพิจารณาฟังก์ชันที่นิยามบนระนาบเชิงซ้อน ฟังก์ชันเลขชี้กำลังยังคงมีสมบัติที่สำคัญดังนี้
สำหรับจำนวนเชิงซ้อน z และ w ทุกจำนวน
ฟังก์ชันเลขชี้กำลังเป็น (entire function) ชนิดหนึ่ง เนื่องจากมันเป็น (holomorphic) บนระนาบเชิงซ้อนทั้งหมด ให้ผลลัพธ์เป็นจำนวนเชิงซ้อนได้ทุกจำนวนยกเว้นค่า 0 สิ่งนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งของ (Picard's little theorem) ซึ่งกล่าวว่า ฟังก์ชันทั่วที่ไม่เป็นค่าคงตัวใด ๆ ให้ผลลัพธ์เป็นจำนวนเชิงซ้อนได้ทุกจำนวน โดยอาจยกเว้นค่าใดค่าหนึ่ง
ฟังก์ชันเลขชี้กำลังมีลักษณะเป็นคาบ (periodic) ซึ่งมีคาบบนจำนวนจินตภาพเป็น 2πi และสามารถเขียนแทนได้ด้วยสูตร
เมื่อ a และ b เป็นค่าจริง (ดูเพิ่มที่สูตรของออยเลอร์) สูตรนี้เป็นตัวเชื่อมโยงฟังก์ชันเลขชี้กำลังเข้ากับฟังก์ชันตรีโกณมิติและ ดังนั้นฟังก์ชันมูลฐาน (elementary function) ทั้งหมดยกเว้นพหุนาม เป็นผลมาจากฟังก์ชันเลขชี้กำลังไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
การขยายแนวคิดของลอการิทึมธรรมชาติไปยังจำนวนเชิงซ้อน ทำให้ ln(z) เป็น (multi-valued function) การยกกำลังสามารถเขียนให้อยู่ในรูปทั่วไปมากขึ้นดังนี้
สำหรับจำนวนเชิงซ้อน z และ w ทุกจำนวน การยกกำลังนี้จึงเป็นฟังก์ชันหลายค่าตามไปด้วย กฎการยกกำลังที่ระบุไว้ข้างต้นยังคงเป็นจริง ถ้าตีความว่าเป็นประโยคที่เกี่ยวกับฟังก์ชันหลายค่าอย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตามกฎการคูณเลขชี้กำลังสำหรับจำนวนจริงบวก ไม่สามารถใช้ได้ในบริบทของฟังก์ชันหลายค่า นั่นคือ
ดูเพิ่มที่(ความผิดพลาดของเอกลักษณ์กำลังและลอการิทึม)เกี่ยวกับปัญหาของการผสานรวมการยกกำลัง
ฟังก์ชันเลขชี้กำลังเป็นการจับคู่ (map) เส้นตรงบนระนาบเชิงซ้อน ไปยัง (logarithmic spiral) บนระนาบเชิงซ้อนที่มีศูนย์กลางอยู่ที่จุดกำเนิด มีกรณีพิเศษสองกรณีได้แก่ เมื่อเส้นตรงขนานกับแกนจริง เส้นเวียนก้นหอยจะไม่เวียนใกล้เข้ามาหาตัวเอง และเมื่อเส้นตรงขนานกับแกนจินตภาพ เส้นเวียนก้นหอยจะกลายเป็นรูปวงกลมที่มีรัศมีขนาดหนึ่ง
- z = Re(ex+iy)
- z = Im(ex+iy)
-
การคำนวณ ab เมื่อทั้ง a และ b เป็นจำนวนเชิงซ้อน
การยกกำลังเชิงซ้อน ab สามารถนิยามได้จากการแปลง a เป็นพิกัดเชิงขั้วและการใช้เอกลักษณ์ (eln(a))b = ab นั่นคือ
อย่างไรก็ตาม เมื่อ b ไม่ใช่จำนวนเต็ม ฟังก์ชันนี้จะเป็นฟังก์ชันหลายค่า เพราะ θ ไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียว
เมทริกซ์และพีชคณิตแบบบานัค
นิยามอนุกรมกำลังของฟังก์ชันเลขชี้กำลัง สามารถเข้าใจได้ว่าเป็นเมทริกซ์จัตุรัส (สำหรับฟังก์ชันที่เรียกว่า) และเป็นแนวคิดทั่วไปยิ่งขึ้นใน B ในการกำหนดเช่นนี้ e0 = 1 และ ex จะมีตัวผกผันนั่นคือ e−x สำหรับ x ใด ๆ ใน B; ถ้า xy = yx ดังนั้น แต่เอกลักษณ์นี้อาจใช้ไม่ได้ถ้า x และ y ไม่สามารถสลับที่ได้
การนิยามแบบอื่นก็นำไปสู่ฟังก์ชันเดียวกัน ตัวอย่างเช่น ex สามารถนิยามเป็น หรือนิยามเป็น f(1) เมื่อ f : R→B เป็นคำตอบของสมการเชิงอนุพันธ์ f ′(t) = xf(t) โดยมีเงื่อนไขเริ่มต้นว่า f(0) = 1
ฟังก์ชันเลขชี้กำลังสองชั้น
(double exponential function) อาจมีความหมายหนึ่งในสองอย่างดังต่อไปนี้
- ฟังก์ชันที่ประกอบด้วยพจน์เชิงเลขชี้กำลังสองพจน์ ซึ่งมีเลขชี้กำลังต่างกัน
- ฟังก์ชัน ฟังก์ชันนี้มีอัตราการเติบโตเร็วกว่าฟังก์ชันเลขชี้กำลังธรรมดา เช่นกำหนดให้ a = 10 จะได้ f(−1) = 1.26, f(0) = 10, f(1) = 1010, f(2) = 10100 = กูกอล, …, f(100) = กูกอลเพลกซ์
แฟกทอเรียลก็เติบโตเร็วกว่าฟังก์ชันเลขชี้กำลัง แต่ช้ากว่าฟังก์ชันเลขชี้กำลังสองชั้น ตัวอย่างของฟังก์ชันเลขชี้กำลังสองชั้นเช่น จำนวนแฟร์มาต์ (Fermat number) ที่ได้จากสูตร และ (double Mersenne number) ที่ได้จากสูตร เป็นต้น
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- Goldstein, Lay, Schneider, Asmar, Brief calculus and its applications, 11th ed., Prentice-Hall, 2006.
- "The natural exponential function is identical with its derivative. This is really the source of all the properties of the exponential function, and the basic reason for its importance in applications…" - p.448 of Courant and Robbins, What is mathematics? An elementary approach to ideas and methods (edited by Stewart), 2nd revised edition, Oxford Univ. Press, 1996.
- คู่มือครู คณิตศาสตร์ ม. 5 เล่ม 1[], หน้า 7. (หน้า 11 ของเอกสาร)
- John J O'Connor; Edmund F Robertson. "The number e". School of Mathematics and Statistics. University of St Andrews, Scotland. สืบค้นเมื่อ 13-06-2011.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help))CS1 maint: multiple names: authors list () - , e: the Story of a Number, p.156.
- Walter Rudin, Real and Complex Analysis, McGraw-Hill, 3rd ed., 1986, , page 1
- (1953). Complex analysis. McGraw-Hill Book Company, Inc.
แหล่งข้อมูลอื่น
- Complex exponential function on
- Derivative of exponential function on
- Derivative of exponential function interactive graph 2016-08-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- เอริก ดับเบิลยู. ไวส์สไตน์, "Exponential Function" จากแมทเวิลด์.
- Taylor Series Expansions of Exponential Functions at efunda.com
- Complex exponential interactive graphic
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
fngkchnelkhchikalng hrux fngkchnexksophennechiyl xngkvs exponential function hmaythungfngkchn ex emux e khuxcanwnthithaihfngkchn ex ethakbxnuphnthkhxngmnexng sung e mikhapraman 2 718281828 fngkchnelkhchikalngthukichephuxcalxngkhwamsmphnth emuxkarepliynaeplngkhngtwin thaihekidkarepliynaeplngtamsdswnediywknin echnkarephimkhunhruxldlngkhxngxtrarxyla fngkchnnimkekhiynepn exp x odyechphaaxyangyingemuxtwaeprxisraekhiynepntwykimidkrafkhxngfngkchnelkhchikalng y ex displaystyle y e x krafkhxngfngkchn y ex milksnatngchnkhunaelamixtraephimkhaerwyingkhunemux x ephimkhun krafcawangtwxyuehnuxaekn x esmx aetemux x epnlbkrafcaluekhaaekn x dngnnaekn x cungepnaenwnxn horizontal asymptote esnhnungkhxngkrafni khwamchnkhxngkrafaetlacudmikhaethakbphikd y khxngcudnn fngkchnphkphnkhxngfngkchnelkhchikalngkhuxlxkarithumthrrmchati ln x dwyehtunitarabangelmcungxangthungfngkchnelkhchikalngwaepn aexntilxkarithum antilogarithm inbangkrnikhawa fngkchnelkhchikalng kmiichinkhwamhmaythwipyingkhun sahrbfngkchntang thixyuinrupaebb cbx emux b khuxthanthiepncanwncringbwk imcaepntxngepn e duephimthisahrbkhwamhmayni odythwiptwaepr x samarthepncanwncring canwnechingsxn hruxaemaettang thitangchnidknxyangsinechingkid duraylaexiydthi niyamechingrupnyphaphrwmfngkchnelkhchikalngcaekidkhun emuxidktamthiprimanxyanghnunghruxinxtrathiidkbkhapccubn twxyangsthankarnniechn emux kh s 1683 Jocob Bernoulli phbwamnepnechnnnodykhxethccring aelanaipsucanwn e thiimthrabkhadngni limn 1 1n n displaystyle lim n to infty left 1 frac 1 n right n dd txma kh s 1697 Johann Bernoulli kidsuksaaekhlkhulskhxngfngkchnelkhchikalngdngklaw thamiengintncanwn 1 aelaidrbdxkebiyinxtraraypi x odythbtnrayeduxn dngnnxtradxkebiythiidrbtxeduxncungepn x 12 ethakhxngmulkhapccubn aetlaeduxncungmiyxdrwmkhxngeduxnkxnhnakhundwy 1 x 12 inthisudmulkhathiidemuxsinpicungethakb 1 x 12 12 thakhiddxkebiythbtnraywnaethn mulkhacaklayepn 1 x 365 365 aelathakahndihcanwnchwngewlatxpiephimkhunodyimcakd canaipsuniyamkhxnglimitkhxngfngkchnelkhchikalngdngni exp x limn 1 xn n displaystyle exp x lim n to infty left 1 frac x n right n dd niyamnikahndiwodyxxyelxr singniepnwithihnung swnwithikarxuncaekiywkhxngkbxnukrmaelasmkarechingxnuphnth cakniyamid ehlanisamarthaesdngidwafngkchnelkhchikalngepniptamexklksnkarykkalngphunthan exp x y exp x exp y displaystyle exp x y exp x cdot exp y dd cungepnthimawaehtuidfngkchnelkhchikalngcungsamarthekhiyninrupaebb ex id xnuphnth xtrakarepliynaeplng khxngfngkchnelkhchikalng khuxfngkchnelkhchikalngodytwmnexng hruxxiknyhnungkhux fngkchnthimixtrakarepliynaeplngidsdswnkbfngkchntwexng aethnthicahmaythungethakbtwexng samarthaesdngidinrupaebbfngkchnelkhchikalng smbtikhxngfngkchnkhxninaipsukarxthibaykaretibotaelakaresuxmslayaebbelkhchikalng fngkchnelkhchikalngkhyayaenwkhidepn entire function chnidhnungbn sutrkhxngxxyelxrekiywkhxngkbkhakhxngfngkchnemuxsngkhaxarkiwemntswncintphaphipyngfngkchntrioknmiti fngkchnelkhchikalngkmisingthikhlayknsahrbxarkiwemntthiepnemthriks hruxaemaetsmachikkhxng Banach algebra hrux Lie algebra niyamechingrupnyfngkchnelkhchikalng sinaengin aelaphlbwkkhxng n 1 phcnaerkkhxngxnukrmkalng siaedng fngkchnelkhchikalng ex samarthxthibaylksnaechphaaidethiybethaknhlaywithikar odyechphaaxyangying fngkchnelkhchikalngxacniyamdwytxipni ex n 0 xnn 1 x x22 x33 x44 displaystyle e x sum n 0 infty x n over n 1 x x 2 over 2 x 3 over 3 x 4 over 4 cdots dd karichniyamwithixunkhxngfngkchnelkhchikalngkcaihphllphthehmuxnknemuxkhyayepn ex xacthukniyamihepnkhatxb y khxngsmkarni sungepnrupaebbthiphbidnxykwa x 1ydtt displaystyle x int 1 y dt over t dd fngkchnelkhchikalngkxachmaythunglimitdngni dngthiidklawiwintxntn ex limn 1 xn n displaystyle e x lim n rightarrow infty left 1 frac x n right n dd xnuphnthaelasmkarechingxnuphnthxnuphnthkhxngfngkchnelkhchikalngmikhaethakbkhakhxngfngkchn cakcud P id bnesnokhng sinaengin thamiesnsmphs siaedng aelaesntrngtamaenwdingcakcudsmphs siekhiyw tamlksnadngrup caekidrupsamehliymmumchakbnthanaekn x siekhiyw thimikhwamyaw 1 hnwy dngnnkhwamchnkhxngesnsmphs xnuphnth thicud P cungethakbkhwamsungkhxngrupsamehliym khakhxngfngkchn khwamsakhyhlkkhxngfngkchnelkhchikalnginkhnitsastraelawithyasastr ekidcaksmbtikhxngxnuphnthkhxngmn odyechphaaxyangying ddxex ex displaystyle d over dx e x e x dd nnkhux ex epnxnuphnthkhxngtwexng aelaepntwxyangphunthanxnhnungkhxng Pfaffian function fngkchntang thixyuinrupaebb cex sung c epnkhakhngtw epnfngkchnklumediywthimismbtiechnni cak Picard Lindelof theorem hruxklawihecaacngidwa kahndih k epnkhakhngtwcanwncringid fngkchn f R R casxdkhlxngkbenguxnikh f kf ktxemux f x cekx sahrbkhakhngtw c bangcanwn karxthibaydwywithixunthiihphlehmuxnknechn khwamchnkhxngkraf n cudid ethakbkhwamsungkhxngfngkchnthicudnn xtrakarephimkhxngfngkchnthicud x ethakbkhakhxngfngkchnthicud x fngkchnthiepnkhatxbkhxngsmkarechingxnuphnth y y exp epn fixed point khxngxnuphnthinthana functional odykhxethccringaelw smkarechingxnuphnthhlaychnidthaihekidfngkchnelkhchikalng rwmthngsmkarcherxdingengxr Schrodinger equation Laplace s equation aelasmkarthiekiywkhxngkb simple harmonic motion fngkchnelkhchikalnginthanxunkhux ddxax axln a displaystyle d over dx a x a x ln a dd dngnnfngkchnelkhchikalngid cungepnphhukhunkhakhngtwkhxngxnuphnthkhxngtwexng sahrbfngkchnelkhchikalnginthanxunthimikhakhngtwprakxbinelkhchikalng acx acxln a c c gt 0 displaystyle left a cx right a cx ln a cdot c qquad c gt 0 dd smkarkhangtnepncringsahrbkha c thukcanwn aetphllphthkhxngxnuphnthemux c lt 0 caepncanwnechingsxn thaxtrakaretibothruxesuxmslaykhxngtwaepridsdswnkbkhnadkhxngtwaepr echnkaretibotkhxngprachakrxyangimcakd dxkebiythbtntxenuxng hruxkarslaytwkhxngsarkmmntrngsi twaeprnncasamarthekhiyninrupaebbkhakhngtwkhundwyfngkchnelkhchikalngkhxngewla nxkehnuxcakni fngkchnhaxnuphnthid f x chnidid erasamarthhaxnuphnthidodyichkdlukosdngni ddxef x f x ef x displaystyle d over dx e f x f x e f x dd essswntxenuxngkhxng exessswntxenuxngkhxng ex samarthnamacak ex 1 x1 xx 2 2xx 3 3xx 4 4xx 5 5xx 6 displaystyle e x 1 cfrac x 1 cfrac x x 2 cfrac 2x x 3 cfrac 3x x 4 cfrac 4x x 5 cfrac 5x x 6 ddots dd khxng e2x y txipni mikhaluekhaxyangrwderw e2x y 1 2xy x x23y x25y x27y x29y x211y x213y displaystyle e 2x y 1 cfrac 2x y x cfrac x 2 3y cfrac x 2 5y cfrac x 2 7y cfrac x 2 9y cfrac x 2 11y cfrac x 2 13y ddots dd sahrbkrniphiessemux x y 1 caid e2 7 25 17 19 111 113 displaystyle e 2 7 cfrac 2 5 cfrac 1 7 cfrac 1 9 cfrac 1 11 cfrac 1 13 ddots dd ranabechingsxnkrafkhxngfngkchnelkhchikalngbnranabechingsxn karepliynsicakmudepnswangaesdngihehnthungkhnadkhxngfngkchnelkhchikalngthiephimkhunipthangkhwa aethbsiinaenwrabthisaepnchwngaesdngwafngkchnelkhchikalngepnfngkchnepnkhabinswncintphaphkhxngxarkiwemnt fngkchnelkhchikalngsamarthniyambnidhlayrupaebbethiybethakn echnediywkbkrnikhxngcanwncring karniyamehlanibangxyangehmuxnsutrtang khxngfngkchnelkhchikalngsahrbcanwncring hakklawodyechphaaecaacng erayngsamarthichniyamxnukrmkalngsungkhacringthukaethnthidwykhaechingsxn ez n 0 znn displaystyle e z sum n 0 infty frac z n n dd cakkarichniyamnithaihngaytxkaraesdngwa ddzez ez displaystyle textstyle d over dz e z e z yngkhngepncringbnranabechingsxn niyamxiktwxyanghnungepnkarkhyayaenwkhidkhxngfngkchnelkhchikalngsahrbcanwncring khnaerkrabuthungsmbtithitxngkar ex iy exeiy displaystyle e x iy e x e iy swnaerk ex caichfngkchnelkhchikalngsahrbcanwncringtampkti swnhlngichsutrkhxngxxyelxrniyam eiy cos y isin y displaystyle e iy cos y i sin y dngnncungcaepntxngichkarniyamthiekiywkhxngkbcanwncringxyanghlikeliyngimid emuxphicarnafngkchnthiniyambnranabechingsxn fngkchnelkhchikalngyngkhngmismbtithisakhydngni ez w ezew displaystyle e z w e z e w e0 1 displaystyle e 0 1 ez 0 displaystyle e z neq 0 ddzez ez displaystyle d over dz e z e z sahrbcanwnechingsxn z aela w thukcanwn fngkchnelkhchikalngepn entire function chnidhnung enuxngcakmnepn holomorphic bnranabechingsxnthnghmd ihphllphthepncanwnechingsxnidthukcanwnykewnkha 0 singniepntwxyanghnungkhxng Picard s little theorem sungklawwa fngkchnthwthiimepnkhakhngtwid ihphllphthepncanwnechingsxnidthukcanwn odyxacykewnkhaidkhahnung fngkchnelkhchikalngmilksnaepnkhab periodic sungmikhabbncanwncintphaphepn 2pi aelasamarthekhiynaethniddwysutr ea bi ea cos b isin b displaystyle e a bi e a cos b i sin b dd emux a aela b epnkhacring duephimthisutrkhxngxxyelxr sutrniepntwechuxmoyngfngkchnelkhchikalngekhakbfngkchntrioknmitiaela dngnnfngkchnmulthan elementary function thnghmdykewnphhunam epnphlmacakfngkchnelkhchikalngimthangidkthanghnung karkhyayaenwkhidkhxnglxkarithumthrrmchatiipyngcanwnechingsxn thaih ln z epn multi valued function karykkalngsamarthekhiynihxyuinrupthwipmakkhundngni zw ewln z displaystyle z w e w ln z dd sahrbcanwnechingsxn z aela w thukcanwn karykkalngnicungepnfngkchnhlaykhatamipdwy kdkarykkalngthirabuiwkhangtnyngkhngepncring thatikhwamwaepnpraoykhthiekiywkbfngkchnhlaykhaxyangthuktxng xyangirktamkdkarkhunelkhchikalngsahrbcanwncringbwk imsamarthichidinbribthkhxngfngkchnhlaykha nnkhux ez w e zw displaystyle e z w neq e left zw right dd duephimthikhwamphidphladkhxngexklksnkalngaelalxkarithumekiywkbpyhakhxngkarphsanrwmkarykkalng fngkchnelkhchikalngepnkarcbkhu map esntrngbnranabechingsxn ipyng logarithmic spiral bnranabechingsxnthimisunyklangxyuthicudkaenid mikrniphiesssxngkrniidaek emuxesntrngkhnankbaekncring esnewiynknhxycaimewiyniklekhamahatwexng aelaemuxesntrngkhnankbaekncintphaph esnewiynknhxycaklayepnrupwngklmthimirsmikhnadhnung twxyangkarlngcudkhxngfngkchnelkhchikalngbnranabechingsxn z Re ex iy z Im ex iy karkhanwn ab emuxthng a aela b epncanwnechingsxn karykkalngechingsxn ab samarthniyamidcakkaraeplng a epnphikdechingkhwaelakarichexklksn eln a b ab nnkhux ab re8i b eln r 8i b e ln r 8i b displaystyle a b re theta i b e ln r theta i b e ln r theta i b dd xyangirktam emux b imichcanwnetm fngkchnnicaepnfngkchnhlaykha ephraa 8 imidmiephiynghnungediywemthriksaelaphichkhnitaebbbankhniyamxnukrmkalngkhxngfngkchnelkhchikalng samarthekhaicidwaepnemthrikscturs sahrbfngkchnthieriykwa aelaepnaenwkhidthwipyingkhunin B inkarkahndechnni e0 1 aela ex camitwphkphnnnkhux e x sahrb x id in B tha xy yx dngnn ex y exey displaystyle e x y e x e y aetexklksnnixacichimidtha x aela y imsamarthslbthiid karniyamaebbxunknaipsufngkchnediywkn twxyangechn ex samarthniyamepn limn 1 xn n displaystyle textstyle lim n to infty left 1 frac x n right n hruxniyamepn f 1 emux f R B epnkhatxbkhxngsmkarechingxnuphnth f t xf t odymienguxnikherimtnwa f 0 1fngkchnelkhchikalngsxngchn double exponential function xacmikhwamhmayhnunginsxngxyangdngtxipni fngkchnthiprakxbdwyphcnechingelkhchikalngsxngphcn sungmielkhchikalngtangkn fngkchn f x aax displaystyle f x a a x fngkchnnimixtrakaretiboterwkwafngkchnelkhchikalngthrrmda echnkahndih a 10 caid f 1 1 26 f 0 10 f 1 1010 f 2 10100 kukxl f 100 kukxlephlks aefkthxeriylketiboterwkwafngkchnelkhchikalng aetchakwafngkchnelkhchikalngsxngchn twxyangkhxngfngkchnelkhchikalngsxngchnechn canwnaefrmat Fermat number thiidcaksutr F m 22m 1 displaystyle F m 2 2 m 1 aela double Mersenne number thiidcaksutr MM p 2 2p 1 1 displaystyle MM p 2 2 p 1 1 epntnduephime khakhngtw karykkalngxangxingGoldstein Lay Schneider Asmar Brief calculus and its applications 11th ed Prentice Hall 2006 The natural exponential function is identical with its derivative This is really the source of all the properties of the exponential function and the basic reason for its importance in applications p 448 of Courant and Robbins What is mathematics An elementary approach to ideas and methods edited by Stewart 2nd revised edition Oxford Univ Press 1996 khumuxkhru khnitsastr m 5 elm 1 lingkesiy hna 7 hna 11 khxngexksar John J O Connor Edmund F Robertson The number e School of Mathematics and Statistics University of St Andrews Scotland subkhnemux 13 06 2011 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help CS1 maint multiple names authors list lingk e the Story of a Number p 156 Walter Rudin Real and Complex Analysis McGraw Hill 3rd ed 1986 ISBN 978 0070542341 page 1 1953 Complex analysis McGraw Hill Book Company Inc aehlngkhxmulxunComplex exponential function on Derivative of exponential function on Derivative of exponential function interactive graph 2016 08 09 thi ewyaebkaemchchin exrik dbebilyu iwssitn Exponential Function cakaemthewild Taylor Series Expansions of Exponential Functions at efunda com Complex exponential interactive graphic