บทความนี้ไม่มีจาก |
แคลคูลัส เป็นสาขาหลักของคณิตศาสตร์ซึ่งพัฒนามาจากพีชคณิต เรขาคณิต และปัญหาทางฟิสิกส์ แคลคูลัสมีต้นกำเนิดจากสองแนวคิดหลัก ดังนี้
แนวคิดแรกคือ แคลคูลัสเชิงอนุพันธ์ (Differential Calculus) เป็นทฤษฎีที่ว่าด้วยอัตราการเปลี่ยนแปลง และเกี่ยวข้องกับการหาอนุพันธ์ของฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์ ตัวอย่างเช่น การหา ความเร็ว, ความเร่ง หรือความชันของเส้นโค้ง บนจุดที่กำหนดให้. ทฤษฎีของอนุพันธ์หลายส่วนได้แรงบันดาลใจจากปัญหาทางฟิสิกส์
แนวคิดที่สองคือ แคลคูลัสเชิงปริพันธ์ (Integral Calculus) เป็นทฤษฎีที่ได้แรงบันดาลใจจากการคำนวณหาพื้นที่หรือปริมาตรของรูปทรงทางเรขาคณิตต่าง ๆ ทฤษฎีนี้ใช้กราฟของฟังก์ชันแทนรูปทรงทางเรขาคณิต และใช้ทฤษฎีปริพันธ์ (หรืออินทิเกรต) เป็นหลักในการคำนวณหาพื้นที่และปริมาตร
ทั้งสองแนวคิดที่กำเนิดจากปัญหาที่ต่างกันกลับมีความสัมพันธ์กันลึกซึ้ง โดยทฤษฎีบทมูลฐานของแคลคูลัสกล่าวว่า แท้จริงแล้วทฤษฎีทั้งสองเปรียบเสมือนเป็นด้านทั้งสองของเหรียญอันเดียวกัน นั่นคือเป็นสิ่งเดียวกันเพียงแต่มองคนละมุมเท่านั้น (โดยคร่าว ๆ เรากล่าวได้ว่าอนุพันธ์และปริพันธ์เป็นฟังก์ชันผกผันของกันและกัน) ในการสอนแคลคูลัสเพื่อความเข้าใจตัวทฤษฎีอย่างลึกซึ้ง ควรกล่าวถึงทั้งสองทฤษฎีและความสัมพันธ์นี้ก่อน แต่การศึกษาในปัจจุบันมักจะกล่าวถึงแคลคูลัสเชิงอนุพันธ์ก่อนเพียงอย่างเดียว เนื่องจากนำไปใช้งานได้ง่ายกว่า
อนึ่ง การศึกษาแคลคูลัสอย่างละเอียดในเวลาต่อมา ได้ทำให้เกิดศาสตร์ใหม่ ๆ ทางคณิตศาสตร์มากมาย เช่น คณิตวิเคราะห์ และ ทฤษฎีเมเชอร์ เป็นต้น
ประวัติของแคลคูลัส
ต้นกำเนิดของแคลคูลัสเชิงปริพันธ์ย้อนไปถึงยุคกรีกโบราณ มักจะเป็นที่รู้จักกันในนามของผู้ที่ค้นพบระเบียบวิธีเกษียณ ซึ่งทำให้สามารถคำนวณหาพื้นที่และปริมาตรของรูปร่างและรูปทรงพื้นฐานได้ อาร์คิมิดีส ได้พัฒนาวิธีการนี้ต่อ และได้พัฒนาวิธีการช่วยคำนวณ ซึ่งคล้ายคลึงกับแนวคิดในปัจจุบันด้วย ไลบ์นิซ และ นิวตัน มักจะได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ที่คิดค้นแคลคูลัสขึ้นมา โดยเฉพาะการค้นพบทฤษฎีบทมูลฐานของแคลคูลัส
มีการโต้เถียงกันว่านิวตันหรือไลบ์นิซ ที่เป็นผู้ที่ค้นพบแนวคิดหลักของแคลคูลัสก่อน ความจริงนั้นไม่มีใครรู้ได้ สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่ไลบ์นิซได้พัฒนาให้กับแคลคูลัส คือ เครื่องหมายของเขา เขามักจะใช้เวลาเป็นวัน ๆ นั่งคิดถึงสัญลักษณ์ที่เหมาะสม ที่จะแทนที่แนวคิดทางคณิตศาสตร์ อย่างไรก็ตาม การโต้เถียงกันระหว่างไลบ์นิซ และนิวตัน ได้แบ่งแยกนักคณิตศาสตร์ที่พูดภาษาอังกฤษ ออกจากนักคณิตศาสตร์ในยุโรป เป็นเวลานานหลายปี ซึ่งทำให้คณิตศาสตร์ในอังกฤษล้าหลังกว่ายุโรปเป็นเวลานาน เครื่องหมายที่นิวตันใช้นั้น คล่องตัวน้อยกว่าของไลบ์นิซอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังใช้กันในอังกฤษจน ได้ใช้เครื่องหมายของไลบ์นิซในศตวรรษที่ 19 ตอนต้น สันนิษฐานกันว่า นิวตันค้นพบแนวคิดเกี่ยวกับแคลคูลัสก่อน แต่อย่างไรก็ตาม ไลบ์นิซเป็นผู้ที่เผยแพร่ก่อน ทุกวันนี้เป็นที่เชื่อกันว่า ทั้งนิวตันและไลบ์นิซต่างก็ค้นพบแคลคูลัสด้วยตนเอง
ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้พัฒนาวิชาแคลคูลัสนอกจากนี้คือ เดส์การตส์, , เดอ แฟร์มาต์, เฮยเคินส์ และ โดยเฉพาะ เดอ แฟร์มาต์ ซึ่งบางครั้งได้รับการยกย่องว่าเป็น บิดาแห่งแคลคูลัสเชิงอนุพันธ์. นักคณิตศาสตร์ชาวญี่ปุ่น ซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาเดียวกันกับ ไลบ์นิซ และนิวตัน ได้ค้นพบหลักการพื้นฐานบางอย่างเกี่ยวกับ แคลคูลัสเชิงปริพันธ์ แต่เขาไม่เป็นที่รู้จักในโลกตะวันตกในขณะนั้น และเขาก็ไม่ได้ติดต่อกับนักวิชาการชาวตะวันตกเลย
แคลคูลัสเชิงอนุพันธ์
อนุพันธ์ (derivative) คือการหาค่าความเปลี่ยนแปลงของตัวแปรหนึ่ง เมื่ออีกตัวแปรหนึ่งเปลี่ยนแปลงในปริมาณที่น้อยมากๆ บางทีอนุพันธ์ที่เราจะได้พบครั้งแรกในโรงเรียนคือ สูตร อัตราเร็ว = ระยะทาง/เวลา สำหรับวัตถุที่เคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็วคงที่ อัตราเร็วของคุณซึ่งเป็นอนุพันธ์ที่บอกการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งในระยะเวลาหนึ่ง วิชาแคลคูลัสพัฒนาขึ้น เพื่อจัดการกับปัญหาที่ซับซ้อนและเป็นธรรมชาติกว่านี้ ซึ่งอัตราเร็วของคุณอาจเปลี่ยนแปลงได้
เมื่อเรากล่าวถึงรายละเอียดแล้ว แคลคูลัสเชิงอนุพันธ์ นิยามอัตราการเปลี่ยนแปลงในขณะใดขณะหนึ่ง (อนุพันธ์) ระหว่างค่าของฟังก์ชัน กับตัวแปรของฟังก์ชัน นิยามจริงๆ ของอนุพันธ์คือ ลิมิตของ (difference quotient). อนุพันธ์คือหัวใจของวิทยาศาสตร์กายภาพ กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน แรง = มวล×ความเร่ง มีความหมายในแคลคูลัส เพราะว่า ความเร่งเป็นอนุพันธ์ค่าหนึ่ง ทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้าของ และของไอน์สไตน์ (สัมพัทธภาพทั่วไป) นั่นได้กล่าวถึงด้วยภาษาของแคลคูลัสเชิงอนุพันธ์ เช่นเดียวกันกับทฤษฎีพื้นฐานของวงจรไฟฟ้า
อนุพันธ์ของฟังก์ชัน กล่าวถึงกราฟของฟังก์ชันนั้นในช่วงสั้น ๆ ซึ่งทำให้เราสามารถหาจุดสูงสุด และจุดต่ำสุด ของฟังก์ชันได้ เพราะว่าที่จุดเหล่านั้นกราฟจะขนานกับแกนราบ ดิเฟอเรนเชียล แคลคูลัสยังมีการประยุกต์ใช้อื่นๆอีก เช่น (Newton's Method) ซึ่งเป็นวิธีในการหาค่ารากของฟังก์ชัน โดยการประมาณค่าโดยเส้นสัมผัส ดังนั้นแคลคูลัสเชิงอนุพันธ์ จึงสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับหลากหลายคำถาม ซึ่งถ้ามองแค่ผิวเผินอาจคิดว่า ไม่อาจใช้แคลคูลัสจัดการได้
แคลคูลัสเชิงปริพันธ์
แคลคูลัสเชิงปริพันธ์ศึกษาวิธีการหาปริพันธ์ (อินทิกรัล, Integral) ของฟังก์ชัน ซึ่งอาจนิยามจากลิมิตของผลรวมของพจน์ (ซึ่งเรียกว่าลิมิตของผลรวมรีมันน์) แต่ละพจน์นั้นคือพื้นที่ที่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าแต่ละแถบใต้กราฟของฟังก์ชัน ทำให้การอินทิเกรตเป็นวิธีที่ได้ผลวิธีหนึ่งในการหาพื้นที่ใต้กราฟ และ และปริมาตรของแข็งเช่นทรงกลมและทรงกระบอก
พื้นฐานของแคลคูลัส
พื้นฐานที่เคร่งครัดของแคลคูลัส มีฐานมาจาก แนวคิดของฟังก์ชัน จำนวน สมการเชิงอนุพันธ์ สมการและอสมการ ลำดับและอนุกรม ทฤษฎีบททวินาม เวกเตอร์ พิกัดเชิงขั้ว เมทริกซ์ อุปนัยเชิงคณิตศาสตร์(mathematical induction) และ ลิมิต การศึกษาพื้นฐานของแคลคูลัสสมัยใหม่ รู้จักกันในชื่อ การวิเคราะห์เชิงจริง ซึ่งประกอบด้วย นิยามที่เคร่งครัด และบทพิสูจน์ของทฤษฎีของแคลคูลัส
แคลคูลัส คือพื้นฐานพีชคณิต เรขาคณิต ตรีโกณมิติ
ทฤษฎีบทมูลฐานของแคลคูลัส เบื้องต้น
ทฤษฎีบทมูลฐานของแคลคูลัสกล่าวว่า การหาอนุพันธ์และการหาปริพันธ์เป็นวิธีการที่ตรงกันข้ามกัน กล่าวคือ ถ้าเราสร้างฟังก์ชันที่เป็นปริพันธ์ของฟังก์ชันหนึ่งขี้นมา อนุพันธ์ของฟังก์ชันที่เราสร้าง ก็จะเท่ากับฟังก์ชันนั้น นอกจากนี้ เรายังหาปริพันธ์จำกัดเขตได้ด้วยการกำหนดค่าให้กับปฏิยานุพันธ์
ทฤษฎีบทมูลฐานของแคลคูลัสเขียนในรูปสัญลักษณ์คณิตศาสตร์ได้ดังนี้: ถ้า f เป็นฟังก์ชันที่มีความต่อเนื่องบนช่วง [a, b] และ F เป็นปฏิยานุพันธ์ของ f บนช่วง [a, b] แล้ว
- และสำหรับทุก x ในช่วง [a, b] จะได้ว่า
ความจริงข้อนี้ปรากฏแก่ทั้งนิวตัน และไลบ์นิซ ซึ่งเป็นกุญแจนำไปสู่ การขยายผลลัพธ์เชิงวิเคราะห์อย่างมากมายหลังจากงานของทั้งสองเป็นที่รู้จัก. ความเชื่อมโยงนี้ ทำให้เราสามารถย้อนความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในฟังก์ชันในช่วงหนึ่ง จากอัตราการเปลี่ยนแปลงในขณะใดขณะหนึ่ง โดยการหาปริพันธ์ของส่วนหลัง. ทฤษฎีบทมูลฐานนี้ยังให้วิธีในการคำนวณหา ปริพันธ์จำกัดเขต ด้วยวิธีทางพีชคณิตเป็นจำนวนมาก โดยไม่ต้องใช้วิธีการหาลิมิต ด้วยการหาปฏิยานุพันธ์. ทฤษฎีบทนี้ยังอนุญาตให้เราแก้สมการเชิงอนุพันธ์ ซึ่งคือสมการที่เกี่ยวข้องกันระหว่าง ฟังก์ชันที่ไม่ทราบค่า และอนุพันธ์ของมัน. สมการเชิงอนุพันธ์นั้นมีอยู่ทั่วไปในวิทยาศาสตร์
การประยุกต์นำมาใช้
การพัฒนาและการใช้แคลคูลัสได้ขยายผลไปแทบทุกส่วนของการใช้ชีวิตในยุคใหม่ มันเป็นพื้นฐานของวิทยาศาสตร์และสังคมศาสตร์เกือบทุกสาขาโดยเฉพาะ ฟิสิกส์และเศรษฐศาสตร์ การพัฒนาสมัยใหม่เกือบทั้งหมด เช่น เทคนิคการก่อสร้าง การบิน และเทคโนโลยีอื่น ๆ เกือบทั้งหมด มีพื้นฐานมาจากแคลคูลัส
แคลคูลัสได้ขยายไปสู่ สมการเชิงอนุพันธ์ แคลคูลัสเวกเตอร์ การวิเคราะห์เชิงซ้อน และ
ดูเพิ่ม
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniimmikarxangxingcakaehlngthimaidkrunachwyprbprungbthkhwamni odyephimkarxangxingaehlngthimathinaechuxthux enuxkhwamthiimmiaehlngthimaxacthukkhdkhanhruxlbxxk eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir aekhlkhuls epnsakhahlkkhxngkhnitsastrsungphthnamacakphichkhnit erkhakhnit aelapyhathangfisiks aekhlkhulsmitnkaenidcaksxngaenwkhidhlk dngni aenwkhidaerkkhux aekhlkhulsechingxnuphnth Differential Calculus epnthvsdithiwadwyxtrakarepliynaeplng aelaekiywkhxngkbkarhaxnuphnthkhxngfngkchnthangkhnitsastr twxyangechn karha khwamerw khwamerng hruxkhwamchnkhxngesnokhng bncudthikahndih thvsdikhxngxnuphnthhlayswnidaerngbndaliccakpyhathangfisiks aenwkhidthisxngkhux aekhlkhulsechingpriphnth Integral Calculus epnthvsdithiidaerngbndaliccakkarkhanwnhaphunthihruxprimatrkhxngrupthrngthangerkhakhnittang thvsdiniichkrafkhxngfngkchnaethnrupthrngthangerkhakhnit aelaichthvsdipriphnth hruxxinthiekrt epnhlkinkarkhanwnhaphunthiaelaprimatr thngsxngaenwkhidthikaenidcakpyhathitangknklbmikhwamsmphnthknluksung odythvsdibthmulthankhxngaekhlkhulsklawwa aethcringaelwthvsdithngsxngepriybesmuxnepndanthngsxngkhxngehriyyxnediywkn nnkhuxepnsingediywknephiyngaetmxngkhnlamumethann odykhraw eraklawidwaxnuphnthaelapriphnthepnfngkchnphkphnkhxngknaelakn inkarsxnaekhlkhulsephuxkhwamekhaictwthvsdixyangluksung khwrklawthungthngsxngthvsdiaelakhwamsmphnthnikxn aetkarsuksainpccubnmkcaklawthungaekhlkhulsechingxnuphnthkxnephiyngxyangediyw enuxngcaknaipichnganidngaykwa xnung karsuksaaekhlkhulsxyanglaexiydinewlatxma idthaihekidsastrihm thangkhnitsastrmakmay echn khnitwiekhraah aela thvsdiemechxr epntnprawtikhxngaekhlkhulstnkaenidkhxngaekhlkhulsechingpriphnthyxnipthungyukhkrikobran mkcaepnthiruckkninnamkhxngphuthikhnphbraebiybwithieksiyn sungthaihsamarthkhanwnhaphunthiaelaprimatrkhxngruprangaelarupthrngphunthanid xarkhimidis idphthnawithikarnitx aelaidphthnawithikarchwykhanwn sungkhlaykhlungkbaenwkhidinpccubndwy ilbnis aela niwtn mkcaidrbkaryxmrbwaepnphuthikhidkhnaekhlkhulskhunma odyechphaakarkhnphbthvsdibthmulthankhxngaekhlkhuls ixaesk niwtnkxththfrid wilehlm ilbnis mikarotethiyngknwaniwtnhruxilbnis thiepnphuthikhnphbaenwkhidhlkkhxngaekhlkhulskxn khwamcringnnimmiikhrruid singthiyingihythisud thiilbnisidphthnaihkbaekhlkhuls khux ekhruxnghmaykhxngekha ekhamkcaichewlaepnwn nngkhidthungsylksnthiehmaasm thicaaethnthiaenwkhidthangkhnitsastr xyangirktam karotethiyngknrahwangilbnis aelaniwtn idaebngaeyknkkhnitsastrthiphudphasaxngkvs xxkcaknkkhnitsastrinyuorp epnewlananhlaypi sungthaihkhnitsastrinxngkvslahlngkwayuorpepnewlanan ekhruxnghmaythiniwtnichnn khlxngtwnxykwakhxngilbnisxyangehnidchd aetkyngichkninxngkvscn idichekhruxnghmaykhxngilbnisinstwrrsthi 19 txntn snnisthanknwa niwtnkhnphbaenwkhidekiywkbaekhlkhulskxn aetxyangirktam ilbnisepnphuthiephyaephrkxn thukwnniepnthiechuxknwa thngniwtnaelailbnistangkkhnphbaekhlkhulsdwytnexng phuthiidchuxwaepnphuphthnawichaaekhlkhulsnxkcaknikhux edskarts edx aefrmat ehyekhins aela odyechphaa edx aefrmat sungbangkhrngidrbkarykyxngwaepn bidaaehngaekhlkhulsechingxnuphnth nkkhnitsastrchawyipun sungmichiwitxyuinchwngewlaediywknkb ilbnis aelaniwtn idkhnphbhlkkarphunthanbangxyangekiywkb aekhlkhulsechingpriphnth aetekhaimepnthiruckinolktawntkinkhnann aelaekhakimidtidtxkbnkwichakarchawtawntkelyaekhlkhulsechingxnuphnthxnuphnth derivative khuxkarhakhakhwamepliynaeplngkhxngtwaeprhnung emuxxiktwaeprhnungepliynaeplnginprimanthinxymak bangthixnuphnththieracaidphbkhrngaerkinorngeriynkhux sutr xtraerw rayathang ewla sahrbwtthuthiekhluxnthidwyxtraerwkhngthi xtraerwkhxngkhunsungepnxnuphnththibxkkarepliynaeplngtaaehnnginrayaewlahnung wichaaekhlkhulsphthnakhun ephuxcdkarkbpyhathisbsxnaelaepnthrrmchatikwani sungxtraerwkhxngkhunxacepliynaeplngid emuxeraklawthungraylaexiydaelw aekhlkhulsechingxnuphnth niyamxtrakarepliynaeplnginkhnaidkhnahnung xnuphnth rahwangkhakhxngfngkchn kbtwaeprkhxngfngkchn niyamcring khxngxnuphnthkhux limitkhxng difference quotient xnuphnthkhuxhwickhxngwithyasastrkayphaph kdkarekhluxnthikhxngniwtn aerng mwl khwamerng mikhwamhmayinaekhlkhuls ephraawa khwamerngepnxnuphnthkhahnung thvsdiaemehlkiffakhxng aelakhxngixnsitn smphththphaphthwip nnidklawthungdwyphasakhxngaekhlkhulsechingxnuphnth echnediywknkbthvsdiphunthankhxngwngcriffa xnuphnthkhxngfngkchn klawthungkrafkhxngfngkchnnninchwngsn sungthaiherasamarthhacudsungsud aelacudtasud khxngfngkchnid ephraawathicudehlannkrafcakhnankbaeknrab diefxernechiyl aekhlkhulsyngmikarprayuktichxunxik echn Newton s Method sungepnwithiinkarhakharakkhxngfngkchn odykarpramankhaodyesnsmphs dngnnaekhlkhulsechingxnuphnth cungsamarthnaipprayuktichkbhlakhlaykhatham sungthamxngaekhphiwephinxackhidwa imxacichaekhlkhulscdkaridaekhlkhulsechingpriphnthaekhlkhulsechingpriphnthsuksawithikarhapriphnth xinthikrl Integral khxngfngkchn sungxacniyamcaklimitkhxngphlrwmkhxngphcn sungeriykwalimitkhxngphlrwmrimnn aetlaphcnnnkhuxphunthithiepnsiehliymphunphaaetlaaethbitkrafkhxngfngkchn thaihkarxinthiekrtepnwithithiidphlwithihnunginkarhaphunthiitkraf aela aelaprimatrkhxngaekhngechnthrngklmaelathrngkrabxkphunthankhxngaekhlkhulsphunthanthiekhrngkhrdkhxngaekhlkhuls mithanmacak aenwkhidkhxngfngkchn canwn smkarechingxnuphnth smkaraelaxsmkar ladbaelaxnukrm thvsdibththwinam ewketxr phikdechingkhw emthriks xupnyechingkhnitsastr mathematical induction aela limit karsuksaphunthankhxngaekhlkhulssmyihm ruckkninchux karwiekhraahechingcring sungprakxbdwy niyamthiekhrngkhrd aelabthphisucnkhxngthvsdikhxngaekhlkhuls aekhlkhuls khuxphunthanphichkhnit erkhakhnit trioknmitithvsdibthmulthankhxngaekhlkhuls ebuxngtnthvsdibthmulthankhxngaekhlkhulsklawwa karhaxnuphnthaelakarhapriphnthepnwithikarthitrngknkhamkn klawkhux thaerasrangfngkchnthiepnpriphnthkhxngfngkchnhnungkhinma xnuphnthkhxngfngkchnthierasrang kcaethakbfngkchnnn nxkcakni eraynghapriphnthcakdekhtiddwykarkahndkhaihkbptiyanuphnth thvsdibthmulthankhxngaekhlkhulsekhiyninrupsylksnkhnitsastriddngni tha f epnfngkchnthimikhwamtxenuxngbnchwng a b aela F epnptiyanuphnthkhxng f bnchwng a b aelw abf x dx F b F a displaystyle int a b f x dx F b F a aelasahrbthuk x inchwng a b caidwaddx axf t dt f x displaystyle frac d dx int a x f t dt f x khwamcringkhxnipraktaekthngniwtn aelailbnis sungepnkuyaecnaipsu karkhyayphllphthechingwiekhraahxyangmakmayhlngcakngankhxngthngsxngepnthiruck khwamechuxmoyngni thaiherasamarthyxnkhwamepliynaeplngthnghmdinfngkchninchwnghnung cakxtrakarepliynaeplnginkhnaidkhnahnung odykarhapriphnthkhxngswnhlng thvsdibthmulthanniyngihwithiinkarkhanwnha priphnthcakdekht dwywithithangphichkhnitepncanwnmak odyimtxngichwithikarhalimit dwykarhaptiyanuphnth thvsdibthniyngxnuyatiheraaeksmkarechingxnuphnth sungkhuxsmkarthiekiywkhxngknrahwang fngkchnthiimthrabkha aelaxnuphnthkhxngmn smkarechingxnuphnthnnmixyuthwipinwithyasastrkarprayuktnamaichkarphthnaaelakarichaekhlkhulsidkhyayphlipaethbthukswnkhxngkarichchiwitinyukhihm mnepnphunthankhxngwithyasastraelasngkhmsastrekuxbthuksakhaodyechphaa fisiksaelaesrsthsastr karphthnasmyihmekuxbthnghmd echn ethkhnikhkarkxsrang karbin aelaethkhonolyixun ekuxbthnghmd miphunthanmacakaekhlkhuls aekhlkhulsidkhyayipsu smkarechingxnuphnth aekhlkhulsewketxr karwiekhraahechingsxn aeladuephimhlkekntholpital bthkhwamkhnitsastrniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldk