บทความนี้ยังต้องการเพิ่มเพื่อ |
มุมมองและกรณีตัวอย่างในบทความนี้อาจไม่ได้แสดงถึงของเรื่อง |
วันเข้าพรรษา (บาลี: วสฺส, สันสกฤต: วรฺษ, อังกฤษ: Vassa, เขมร: វស្សា, พม่า: ဝါဆို) เป็นวันสำคัญในพุทธศาสนาวันหนึ่งที่พระสงฆ์เถรวาทจะอธิษฐานว่าจะพักประจำอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งตลอดระยะเวลาฤดูฝนที่มีกำหนดระยะเวลา 3 เดือนตามที่พระวินัยบัญญัติไว้ โดยไม่ไปค้างแรมที่อื่น หรือภาษาปากว่า จำพรรษา ("พรรษา" แปลว่า ฤดูฝน, "จำ" แปลว่า พักอยู่) การเข้าพรรษานี้ถือเป็นข้อปฏิบัติสำหรับพระสงฆ์โดยตรง พระสงฆ์จะไม่จำพรรษาไม่ได้ เนื่องจากรูปใดไม่จำพรรษาถือว่าต้องอาบัติทุกกฏตามพระวินัย การเข้าพรรษาตามปกติเริ่มนับตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี (หรือเดือน 8 หลัง ถ้ามีเดือน 8 สองหน) และสิ้นสุดลงในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หรือวันออกพรรษา
วันเข้าพรรษา | |
---|---|
วันเข้าพรรษา หรือ การเข้าพรรษา เป็นข้อปฏิบัติสำหรับพระสงฆ์โดยเฉพาะ ซึ่งพุทธศาสนิกชนถือเป็นโอกาสอันดีที่จะบำเพ็ญกุศลแก่พระสงฆ์ที่จำพรรษาและตั้งใจปฏิบัติธรรมเพื่อละเว้นสิ่งไม่ดีเพื่อพยายามประกอบความดีในช่วงนี้อีกด้วย | |
จัดขึ้นโดย | ชาวพุทธนิกายเถรวาท โดยเฉพาะในกัมพูชา, ลาว, พม่า, ศรีลังกา และไทย |
ประเภท | วันสำคัญในศาสนาพุทธ |
วันที่ | แรม 1 ค่ำ เดือน 8 |
วันที่ในปี 2023 | 2 สิงหาคม |
วันที่ในปี 2024 | 21 กรกฎาคม |
วันที่ในปี 2025 | 11 กรกฎาคม |
วันที่ในปี 2026 | 30 กรกฎาคม |
ส่วนเกี่ยวข้อง | วันอาสาฬหบูชา วันออกพรรษา |
วันเข้าพรรษา (วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 หรือปีอธิกมาส จะเลื่อนเป็นวันแรม 1 ค่ำเดือน 8 หลัง) หรือเทศกาลเข้าพรรษา (วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หรือปีอธิกมาส จะเลื่อนเป็นวันแรม 1 ค่ำเดือน 8 หลัง ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11) ถือว่าเป็นวันและช่วงเทศกาลทางศาสนาพุทธที่สำคัญเทศกาลหนึ่งในประเทศไทย โดยมีระยะเวลาประมาณ 3 เดือนในช่วงฤดูฝน โดยวันเข้าพรรษาเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่ต่อเนื่องมาจากวันอาสาฬหบูชา (วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8) ซึ่งพุทธศาสนิกชนชาวไทยทั้งพระมหากษัตริย์และคนทั่วไปได้สืบทอดประเพณีปฏิบัติการทำบุญในวันเข้าพรรษามาช้านานแล้วตั้งแต่สมัยสุโขทัย
สาเหตุที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตการจำพรรษาอยู่ ณ สถานที่ใดสถานที่หนึ่งตลอด 3 เดือนแก่พระสงฆ์นั้น มีเหตุผลเพื่อให้พระสงฆ์ได้หยุดพักการจาริกเพื่อเผยแพร่ศาสนาไปตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นไปด้วยความยากลำบากในช่วงฤดูฝน เพื่อป้องกันความเสียหายจากการอาจเดินเหยียบย่ำธัญพืชของชาวบ้านที่ปลูกลงแปลงในฤดูฝน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงเวลาจำพรรษาตลอด 3 เดือนนั้น เป็นช่วงเวลาและโอกาสสำคัญในรอบปีที่พระสงฆ์จะได้มาอยู่จำพรรษารวมกันภายในอาวาสหรือสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง เพื่อศึกษาพระธรรมวินัยจากพระสงฆ์ที่ทรงความรู้ ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และสร้างความสามัคคีในหมู่คณะสงฆ์ด้วย
ในวันเข้าพรรษาและช่วงฤดูพรรษากาลตลอดทั้ง 3 เดือน พุทธศาสนิกชนชาวไทยถือเป็นโอกาสอันดีที่จะบำเพ็ญกุศลด้วยการเข้าวัดทำบุญใส่บาตร ฟังพระธรรมเทศนา ซึ่งสิ่งที่พิเศษจากวันสำคัญอื่น ๆ คือ มีการถวายหลอดไฟหรือเทียนเข้าพรรษา และผ้าอาบน้ำฝน (ผ้าวัสสิกสาฏก) แก่พระสงฆ์ด้วย เพื่อสำหรับให้พระสงฆ์ได้ใช้สำหรับการอยู่จำพรรษา โดยในอดีต ชายไทยที่เป็นพุทธศาสนิกชนเมื่ออายุครบบวช (20 ปี) จะนิยมถือบรรพชาอุปสมบทเป็นพระสงฆ์เพื่ออยู่จำพรรษาตลอดฤดูพรรษากาลทั้ง 3 เดือน โดยพุทธศาสนิกชนไทยจะเรียกการบรรพชาอุปสมบทเพื่อจำพรรษาตลอดพรรษากาลว่า "บวชเอาพรรษา"
นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. 2551 รัฐบาลได้ประกาศให้วันเข้าพรรษาเป็น "วันงดดื่มสุราแห่งชาติ" โดยในปีถัดมา ยังได้ประกาศให้วันเข้าพรรษาเป็นวันห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั่วราชอาณาจักร ทั้งนี้เพื่อรณรงค์ให้ชาวไทยตั้งสัจจะอธิษฐานงดการดื่มสุราในวันเข้าพรรษาและในช่วง 3 เดือนระหว่างฤดูเข้าพรรษา เพื่อส่งเสริมค่านิยมที่ดีให้แก่สังคมไทย
ความสำคัญ
ความสำคัญและประโยชน์ของการเข้าพรรษา
- ช่วงเข้าพรรษานั้นเป็นช่วงเวลาที่ชาวบ้านประกอบอาชีพทำไร่นา ดังนั้นการกำหนดให้ภิกษุสงฆ์หยุดการเดินทางจาริกไปในสถานที่ต่างๆ ก็จะช่วยให้พันธุ์พืชของต้นกล้า หรือสัตว์เล็กสัตว์น้อย ไม่ได้รับความเสียหายจากการเดินธุดงค์
- หลังจากเดินทางจาริกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนามาเป็นเวลา 8 - 9 เดือน ช่วงเข้าพรรษาเป็นช่วงที่ให้พระภิกษุสงฆ์ได้หยุดพักผ่อน
- เป็นเวลาที่พระภิกษุสงฆ์จะได้ประพฤติสำหรับตนเอง และศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยตลอดจนเตรียมการสั่งสอนให้กับประชาชนเมื่อถึงวันออกพรรษา
- เพื่อจะได้มีโอกาสอบรมสั่งสอนและบวชให้กับกุลบุตรผู้มีอายุครบบวช อันเป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาต่อไป
- เพื่อให้พุทธศาสนิกชน ได้มีโอกาสบำเพ็ญกุศลเป็นการพิเศษ เช่น การทำบุญตักบาตร หล่อเทียนพรรษา ถวายผ้าอาบน้ำฝน รักษาศีล เจริญภาวนา ถวายจตุปัจจัยไทยธรรม งดเว้นอบายมุข และมีโอกาสได้ฟังพระธรรมเทศนาตลอดเวลาเข้าพรรษา
มูลเหตุที่พระพุทธเจ้าอนุญาตการจำพรรษาแก่พระสงฆ์
ในสมัยต้นพุทธกาล พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงวางระเบียบเรื่องการเข้าพรรษาไว้ แต่การเข้าพรรษานั้นเป็นสิ่งที่พระพุทธองค์และพระสงฆ์สาวกปฏิบัติกันมาโดยปกติเนื่องด้วยพุทธจริยาวัตรในอันที่จะไม่ออกไปจาริกตามสถานที่ต่าง ๆ ในช่วงฤดูฝนอยู่แล้ว เพราะการคมนาคมมีความลำบาก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพระสงฆ์ในช่วงต้นพุทธกาลมีจำนวนน้อยและส่วนใหญ่เป็นพระอริยะบุคคล จึงทราบดีว่าสิ่งใดที่พระสงฆ์ควรหรือไม่ควรกระทำ
ต่อมาเมื่อมีพระสงฆ์มากขึ้น และด้วยพระพุทธจริยาที่พระพุทธเจ้าจะไม่ทรงบัญญัติพระวินัยล่วงหน้า ทำให้พระพุทธเจ้าจึงไม่ได้ทรงบัญญัติเรื่องให้พระสงฆ์สาวกอยู่ประจำพรรษาไว้ด้วย จึงเกิดเหตุการณ์กลุ่มภิกษุจาริกไปในที่ต่าง ๆ โดยไม่ย่อท้อทั้งในฤดูหนาว ฤดูร้อน และฤดูฝน ทำให้ชาวบ้านได้พากันติเตียนว่า พวกพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาไม่ยอมหยุดพักสัญจรแม้ในฤดูฝน ในขณะที่นักบวชในศาสนาอื่น พากันหยุดเดินทางในช่วงฤดูฝน การที่พระภิกษุสงฆ์จาริกไปในที่ต่างๆ แม้ในฤดูฝน อาจเหยียบย่ำข้าวกล้าของชาวบ้านได้รับความเสียหาย หรืออาจไปเหยียบย่ำโดนสัตว์เล็กสัตว์น้อยที่ออกหากินจนถึงแก่ความตาย เมื่อพระพุทธเจ้าทราบเรื่อง จึงได้วางระเบียบให้ภิกษุประจำอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง เป็นเวลา 3 เดือนดังกล่าว
การเข้าพรรษาของพระสงฆ์ตามพระวินัยปิฎก
ตามพระวินัย พระสงฆ์รูปใดไม่เข้าจำพรรษาอยู่ ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่ง พระพุทธองค์ทรงปรับอาบัติแก่พระสงฆ์รูปนั้นด้วยอาบัติทุกกฎ
และพระสงฆ์ที่อธิษฐานรับคำเข้าจำพรรษาแล้วจะไปค้างแรมที่อื่นไม่ได้ แต่ถ้าหากเดินทางออกไปแล้วและไม่สามารถกลับมาในเวลาที่กำหนด คือ ก่อนรุ่งสว่าง ก็จะถือว่าพระภิกษุรูปนั้น"ขาดพรรษา" และต้องอาบัติทุกกฎเพราะรับคำนั้น รวมทั้งพระสงฆ์รูปนั้นจะไม่ได้รับอานิสงส์พรรษา ไม่ได้อานิสงส์กฐินตามพระวินัย และทั้งยังห้ามไม่ให้นับพรรษาที่ขาดนั้นอีกด้วย
ประเภทของการเข้าพรรษาของพระสงฆ์
การเข้าพรรษาตามพระวินัยแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
- ปุริมพรรษา (เขียนอีกอย่างว่า บุริมพรรษา) คือ การเข้าพรรษาแรก เริ่มตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 (สำหรับปีอธิกมาส คือ มีเดือน 8 สองหน จะเริ่มในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 หลัง) จนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หลังจากออกพรรษาแล้ว พระที่อยู่จำพรรษาครบ 3 เดือน ก็มีสิทธิที่จะรับกฐินซึ่งมีช่วงเวลาเพียงหนึ่งเดือน นับตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึงขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12
- ปัจฉิมพรรษา คือ การเข้าพรรษาหลัง ใช้ในกรณีที่พระภิกษุต้องเดินทางไกลหรือมีเหตุสุดวิสัย ทำให้กลับมาเข้าพรรษาแรกในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ไม่ทัน ต้องรอไปเข้าพรรษาหลัง คือวันแรม 1 ค่ำ เดือน 9 แล้วจะไปออกพรรษาในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ซึ่งเป็นวันหมดเขตทอดกฐินพอดี ดังนั้นพระภิกษุที่เข้าปัจฉิมพรรษาจึงไม่มีโอกาสได้รับกฐิน แต่ก็ได้พรรษาเช่นเดียวกับพระที่เข้าปุริมพรรษาเหมือนกัน
ข้อยกเว้นการจำพรรษาของพระสงฆ์
แม้การเข้าพรรษานี้ถือเป็นข้อปฏิบัติสำหรับพระภิกษุโดยตรง ที่จะละเว้นไม่ได้ ไม่ว่ากรณีใด ๆ ก็ตาม แต่ว่าในการจำพรรษาของพระสงฆ์ในระหว่างพรรษานั้น อาจมีกรณีจำเป็นบางอย่าง ทำให้พระภิกษุผู้จำพรรษาต้องออกจากสถานที่จำพรรษาเพื่อไปค้างที่อื่น พระพุทธองค์ก็ทรงอนุญาตให้ทำได้โดยไม่ถือว่าเป็นการขาดพรรษาโดยมีเหตุจำเป็นเฉพาะกรณี ๆ ไป ตามที่ทรงระบุไว้ในพระไตรปิฎก ซึ่งส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับการพระศาสนาหรือการอุปัฏฐานบิดามารดา แต่ทั้งนี้ก็จะต้องกลับมาภายในระยะเวลาไม่เกิน 7 วัน การออกนอกที่จำพรรษาล่วงวันเช่นนี้เรียกว่า "สัตตาหกรณียะ" ซึ่งเหตุที่ทรงระบุว่าจะออกจากที่จำพรรษาไปได้ชั่วคราวนั้นเช่น
- การไปรักษาพยาบาล หาอาหารให้ภิกษุหรือบิดามารดาที่เจ็บป่วย เป็นต้น กรณีนี้ทำได้กับ และมารดาบิดา
- การไประงับภิกษุสามเณรที่อยากจะสึกมิให้สึกได้ กรณีนี้ทำได้กับ
- การไปเพื่อกิจธุระของคณะสงฆ์ เช่น การไปหาอุปกรณ์มาซ่อมกุฏิที่ชำรุด หรือ การไป เช่น สวดญัตติจตุตถกรรมวาจาให้พระผู้ต้องการอยู่ เป็นต้น
- หากทายกนิมนต์ไปทำบุญ ก็ไปให้ทายกได้ให้ทาน รับศีล ฟังเทสนาธรรมได้ กรณีนี้หากโยมไม่มานิมนต์ ก็จะไปค้างไม่ได้.
ซึ่งหากพระสงฆ์ออกจากอาวาสแม้โดยสัตตาหกรณียะล่วงกำหนด 7 วันตามพระวินัย ก็ถือว่า ขาดพรรษา และเป็นอาบัติทุกกฎเพราะรับคำ (รับคำอธิษฐานเข้าพรรษาแต่ทำไม่ได้)
ในกรณีที่พระสงฆ์สัตตาหกรณียะและกลับมาตามกำหนดแล้ว ไม่ถือว่าเป็นอาบัติ และสามารถกลับมาจำพรรษาต่อเนื่องไปได้ และหากมีเหตุจำเป็นที่จะต้องออกจากที่จำพรรษาไปได้ตามวินัยอีก ก็สามารถทำได้โดยสัตตาหกรณียะ แต่ต้องกลับมาภายในเจ็ดวัน เพื่อไม่ให้พรรษาขาดและไม่เป็นอาบัติทุกกฎดังกล่าวแล้ว
อานิสงส์การจำพรรษาของพระสงฆ์ที่จำครบพรรษา
เมื่อพระสงฆ์จำพรรษาครบไตรมาสได้ปวารณาออกพรรษาและได้กรานกฐินแล้ว ย่อมได้รับอานิสงส์ หรือข้อยกเว้นพระวินัย 5 ข้อ คือ
- เที่ยวไปไหนไม่ต้องบอกลา (ออกจากวัดไปโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งเจ้าอาวาสหรือพระสงฆ์รูปอื่นก่อนได้)
- เที่ยวไปไม่ต้องถือไตรจีวรครบสำรับ 3 ผืน
- ฉันคณะโภชน์ได้ (ล้อมวงฉันได้)
- เก็บอดิเรกจีวรไว้ได้ตามปรารถนา (ยกเว้นสิกขาบทข้อนิสสัคคิยปาจิตตีย์บางข้อ)
- จีวรลาภอันเกิดในที่นั้นเป็นของภิกษุ (เมื่อมีผู้มาถวายจีวรเกินกว่าไตรครองสามารถเก็บไว้ได้โดยไม่ต้องสละเข้ากองกลาง)
การถือปฏิบัติการเข้าพรรษาของพระสงฆ์ไทยในปัจจุบัน
การเข้าพรรษานั้นปรากฏในพระไตรปิฎกเถรวาท ซึ่งพระสงฆ์ในนิกายเถรวาททุกประเทศจะถือการปฏิบัติการเข้าจำพรรษาเหมือนกัน (แต่อาจมีความแตกต่างกันบ้างในการให้ความสำคัญและรายละเอียดประเพณีปฏิบัติของแต่ละท้องถิ่น)
การเตรียมตัวเข้าจำพรรษาของพระสงฆ์ในปัจจุบัน
การเข้าจำพรรษาคือการตั้งใจเพื่ออยู่จำ ณ อาวาสใดอาวาสหนึ่งหรือสถานที่ใดสถานที่หนึ่งเป็นประจำตลอดพรรษา 3 เดือน ดังนั้นก่อนเข้าจำพรรษาพระสงฆ์ในวัดจะเตรียมตัว โดยการซ่อมแซมเสนาสนะปัดกวาดเช็ดถูให้เรียบร้อยก่อนถึงวันเข้าพรรษา
เมื่อถึงวันเข้าพรรษา ส่วนใหญ่พระสงฆ์จะลงประกอบพิธีอธิษฐานจำพรรษาหลังเป็นพิธีเฉพาะของพระสงฆ์ ซึ่งส่วนใหญ่จะลงประกอบพิธี ณ อุโบสถ หรือสถานที่ใดตามแต่จะสมควรภายในอาวาสที่จะจำพรรษา โดยเมื่อทำวัตรเย็นประจำวันเสร็จแล้วเจ้าอาวาสจะประกาศเรื่อง วัสสูปนายิกา คือการกำหนดบอกให้ให้พระสงฆ์ทั้งปวงรู้ถึงข้อกำหนดในการเข้าพรรษา โดยมีสาระสำคัญดังนี้
- แจ้งให้ทราบเรื่องการเข้าจำพรรษาแก่พระสงฆ์ในอาราม
- แสดงความเป็นมาและเนื้อหาของวัสสูปนายิกาตามพระวินัยปิฏก
- กำหนดบอกอาณาเขตของวัด ที่พระสงฆ์จะรักษาอรุณ หรือรักษาพรรษาให้ชัดเจน (รักษาอรุณคือต้องอยู่ในอาวาสที่กำหนดก่อนอรุณขึ้น จึงจะไม่ขาดพรรษา)
- หากมีภิกษุผู้เป็นเสนาสนคาหาปกะ ก็ทำการสมมุติเสนาสนคาหาปกะ (เจ้าหน้าที่สงฆ์) เพื่อให้เป็นผู้กำหนดให้พระสงฆ์รูปใดจำพรรษา ณ สถานที่ใดในวัด
เมื่อแจ้งเรื่องดังกล่าวเสร็จแล้ว อาจจะมีการทำสามีจิกรรม คือกล่าวขอขมาโทษซึ่งกันและกัน เพื่อเป็นการแสดงความเคารพซึ่งกันและกันระหว่างพระเถระและพระผู้น้อย และเป็นการสร้างสามัคคีกันในหมู่คณะด้วย
จากนั้นจึงทำการอธิษฐานพรรษา เป็นพิธีกรรมที่สำคัญที่สุด โดยการเปล่งวาจาว่าจะอยู่จำพรรษาตลอดไตรมาส โดยพระสงฆ์สามเณรทั้งอารามกราบพระประธาน 3 ครั้งแล้ว เจ้าอาวาสจะนำตั้งนโม 3 จบ และนำเปล่งคำอธิษฐานพรรษาพร้อมกันเป็นภาษาบาลีว่า
อิมสฺมิ˚ อาวาเส อิมํ เตมาสํ วสฺสํ อุเปมิ
(ถ้ากล่าวหลายคนใช้: อุเปม)
หลังจากนี้ ในแต่ละวัดจะมีข้อปฏิบัติแตกต่างกันไป บางวัดอาจจะมีการเจริญพระพุทธมนต์ต่อ และเมื่อเสร็จแล้วอาจจะมีการสักการะสถูปเจดีย์ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ภายในวัดอีกตามแต่จะเห็นสมควร
เมื่อพระสงฆ์สามเณรกลับเสนาสนะของตนแล้ว อาจจะอธิษฐานพรรษาซ้ำอีกเฉพาะเสนาสนะของตนก็ได้ โดยกล่าววาจาอธิษฐานเป็นภาษาบาลีว่า
อิมสฺมิ˚ วิหาเร อิมํ เตมาสํ วสฺสํ อุเปมิ
(ถ้ากล่าวหลายคนใช้: อุเปม)
เป็นอันเสร็จพิธีอธิษฐานเข้าจำพรรษาสำหรับพระสงฆ์ และพระสงฆ์จะต้องรักษาอรุณไม่ให้ขาดตลอด 3 เดือนนับจากนี้ โดยจะต้องรักษาผ้าไตรจีวรตลอดพรรษากาล คือ ต้องอยู่กับผ้าครองจนกว่าจะรุ่งอรุณด้วย
การศึกษาพระธรรมวินัยของพระสงฆ์ในระหว่างพรรษาในปัจจุบัน
ในอดีต การเข้าพรรษามีประโยชน์แก่พระสงฆ์ในด้านการศึกษาพระธรรมวินัย โดยการที่พระสงฆ์จากที่ต่าง ๆ มาอยู่จำพรรษารวมกันในที่ใดที่หนึ่ง พระสงฆ์เหล่านั้นก็จะมีการแลกเปลี่ยนความรู้และถ่ายองค์ความรู้ตามพระธรรมวินัยให้แก่กัน
มาในปัจจุบัน การศึกษาพระธรรมวินัยในช่วงเข้าพรรษาในประเทศไทยก็ยังจัดเป็นกิจสำคัญของพระสงฆ์ โดยพระสงฆ์ที่อุปสมบททุกรูป แม้จะอุปสมบทเพียงเพื่อชั่วเข้าพรรษาสามเดือน ก็จะต้องศึกษาพระธรรมวินัยเพิ่มเติม ปัจจุบันพระธรรมวินัยถูกจัดเป็นหลักสูตรของคณะสงฆ์ ในหลักสูตร พระธรรม จะเรียกว่า ธรรมวิภาค พระวินัย เรียกว่า วินัยมุข รวมเรียกว่า "นักธรรม" ชั้นต่าง ๆ โดยจะมีการสอบไล่ความรู้พระปริยัติธรรมในช่วงออกพรรษา เรียกว่า การสอบธรรมสนามหลวง ในช่วงวันขึ้น 9 - 12 ค่ำ เดือน 11 (จัดสอบนักธรรมชั้นตรีสำหรับพระภิกษุสามเณร) และช่วงวันแรม 2 - 5 ค่ำ เดือน 12 (จัดสอบนักธรรมชั้นโทและเอก สำหรับพระภิกษุสามเณร)
ปัจจุบันการศึกษาเฉพาะในชั้นนักธรรมตรีสำหรับพระนวกะ หรือพระบวชใหม่ จะจัดสอบในช่วงปลายฤดูเข้าพรรษา เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่จะลาสิกขาบทหลังออกพรรษา จะได้ตั้งใจเรียนพระธรรมวินัยเพื่อสอบไล่ให้ได้นักธรรมในชั้นนี้ด้วย
การถือปฏิบัติประเพณีการบำเพ็ญกุศลเนื่องในเทศกาลเข้าพรรษาในประเทศไทย
การถือปฏิบัติประเพณีการบำเพ็ญกุศลเนื่องในเทศกาลเข้าพรรษาในประเทศไทย สันนิษฐานว่าเริ่มมีมาแต่แรกที่รับพระพุทธศาสนาเถรวาทเข้ามาในดินแดนประเทศไทย ซึ่งอาจมีปฏิบัติประเพณีนี้มาตั้งแต่สมัยทวาราวดี แต่มาปรากฏหลักฐานชัดเจนว่าชาวไทยได้ถือปฏิบัติในการบำเพ็ญกุศลในเทศกาลเข้าพรรษาในสมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ดังปรากฏความในศิลาจารึกหลักที่ 1 (ด้านที่ 2) ดังนี้
... คนในเมืองสุโขทัยนี้ มักทาน มักทรงศีล มันโอยทาน พ่อขุนรามคำแหงเจ้าเมืองสุโขทัยนี้ ทังชาวแม่ชาวเจ้า ท่วยปั่วท่วยนาง ลูกเจ้าลูกขุน ทั้งสิ้นทังหลายทังผู้ชายผู้ญีง ฝูงท่วยมีศรัทธาในพระพุทธศาสน ทรงศีลเมื่อพรรษาทุกคน เมื่อโอกพรรษากรานกฐินเดือนณื่งจี่งแล้ว เมื่อกรานกฐิน มีพนมเบี้ย มีพนมหมาก มีพนมดอกไม้ มีหมอนนั่งหมอนโนน บริพารกฐิน โอยทานแล่ปีแล้ญิบล้าน ไปสูดญัตกฐินเถิงอไรญิกพู้น เมื่อจักเข้ามาเวียง เรียงกันแต่อไรญิกพู้นเท้าหัวลาน ดมบังคมกลองด้วยเสียงพาทย์เสียงพีณ เสียงเลื้อนเสียงขับ ใครจักมักเล่น เล่น ใครจักมักหัว หัว ใครจักมักเลื้อน เลื้อน เมืองสุโขทัยนี้มีสี่ปากปตูหลวง เที้ยรย่อมคนเสียดกัน เข้ามาดูท่านเผาเทียนท่านเล่นไฟ เมืองสุโขทัยนี้มีดั่งจักแตก ...
— คำอ่านศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ด้านที่ ๒
นอกจากนี้ในหนังสือตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ยังได้กล่าวถึงการเทศกาลเข้าพรรษาในสมัยสุโขทัยไว้อีกว่า "เมื่อถึงวันขึ้น ๑๔ ค่ำ ทั้งทหารบก และทหารเรือก็จัดขบวนแห่เทียนจำนำพรรษา ทั้งใส่คานหาบไปและลงเรือ ประดิษฐานอยู่ในบุษบกทองคำ ประดับ ธงทิว ตีกลอง เป่าแตรสังข์ แห่ไป ครั้นถึงพระอารามแล้วก็ยกต้นเทียนนั้นเข้าไปถวายในพระอุโบสถ หอพระธรรมและพระวิหาร จุดตามให้สว่างไสวในที่นั้น ๆ ตลอด ๓ เดือน ดังนี้ทุกพระอาราม" ซึ่งตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์นั้นสันนิษฐานว่าแต่งขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์โดยมี ตามความที่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงอธิบายเกี่ยวกับเค้าโครงของหนังสือนี้ว่าแม้มีเค้าโครงมาจากสมัยสุโขทัย แต่รายละเอียดมีการแต่งเสริมกันขึ้นมาในสมัยอยุธยาหรือรัตนโกสินทร์ตอนต้น
ประเพณีเนื่องด้วยการเข้าพรรษาในประเทศไทย
ในประเทศไทยมีประเพณีมากมายที่เกี่ยวข้องกับการเข้าจำพรรษาของพระสงฆ์ไทยมาช้านาน ดังปรากฏประเพณีมากมายที่เกี่ยวกับการเข้าจำพรรษา เช่น ประเพณีถวายเทียนพรรษา แก่พระสงฆ์เพื่อจุดบูชาตามอารามและเพื่อถวายให้พระสงฆ์สามเณรนำไปจุดเพื่ออ่านคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาในระหว่างเข้าจำพรรษา ประเพณีการถวายผ้าอาบน้ำฝน หรือผ้าวัสสิกสาฏก แก่พระสงฆ์ก่อนเข้าพรรษา เพื่อให้พระสงฆ์นำไปใช้สรงน้ำฝนในพรรษา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งงานที่พุทธศาสนิกชนไทยถือว่าเป็นงานบุญใหญ่ประจำปีคือ ประเพณีถวายผ้ากฐิน ที่จัดหลังพระสงฆ์ปวารณาออกพรรษา เพื่อถวายผ้ากฐินแก่พระสงฆ์ที่จำครบพรรษาจะได้กรานและได้รับอานิสงส์กฐิน เป็นต้น
ประเพณีถวายเทียนพรรษา
มีประเพณีหนึ่งที่เนื่องด้วยวันเข้าพรรษาและจัดเป็นประเพณีที่สำคัญและสืบทอดกันเรื่อยมา ก็คือ ประเพณีหล่อเทียนพรรษา สำหรับให้พระภิกษุและพุทธศาสนิกชนทั่วไปได้จุดบูชาในโบสถ์ซึ่งเทียนพรรษาสามารถอยู่ได้ตลอด 3 เดือน และเป็นกุศลทานอย่างหนึ่งในการให้ทานด้วยแสงสว่าง ซึ่งในปัจจุบันได้พัฒนามาเป็นงานประเพณี "ประกวดเทียนพรรษา" ของแต่ละจังหวัดโดยจัดเป็นขบวนแห่ทั้งทางบกและทางน้ำ
การถวายเทียนเพื่อจุดตามประทีปเป็นพุทธบูชานั้น มาจากอานิสงส์การถวายเทียนเพื่อจุดเป็นพุทธบูชา ที่ปรากฏความในพระไตรปิฎกและในคัมภีร์อรรถกถา ว่าพระอนุรุทธะเถระ เคยถวายเทียนบูชาทำให้ได้รับอานิสงส์มากมาย รวมถึงได้เป็นผู้มีจักษุทิพย์ (ตาทิพย์) ด้วย ด้วยการพรรณาอานิสงส์ดังกล่าว อาจทำให้ชาวพุทธนิยมจุดประทีปเป็นพุทธบูชามานานแล้ว แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าการทำเทียนพรรษาในประเทศไทยถวายเริ่มมีมาแต่สมัยใด แต่ปรากฏความในตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ที่พรรณาการบำเพ็ญกุศลในช่วงเข้าพรรษาว่ามีการถวายเทียนพรรษาด้วย
ในประเทศไทย การถวายเทียนเข้าพรรษาจัดเป็นพิธีใหญ่มาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ในสมัยรัตนโกสินทร์การถวายเทียนเข้าพรรษาถือเป็นพระราชกรณียกิจสำคัญ โดยจะเรียกว่าพุ่มเทียน มีการพระราชทานถวายพุ่มเทียนรวมพึงโคมเพื่อจุดบูชาตามอารามต่าง ๆ ทั้งในพระนครและหัวเมือง ซึ่งพิธีนี้ยังคงมีมาจนปัจจุบัน
การถวายเทียนพรรษาโดยแกะสลักเป็นลวดลายต่าง ๆ นั้น มีมาแต่โบราณ เดิมเป็นประเพณีราชสำนักดังที่ปรากฏในเทียนรุ่งเทียนหลวงตามพระอารามต่าง ๆ สำหรับเทียนแกะสลักที่ปรากฏว่ามีการจัดทำประกวดกันเป็นเรื่องราวใหญ่โตในปัจจุบันนั้น พึ่งเริ่มมีเมื่อปี พ.ศ. 2483 ในจังหวัดอุบลราชธานี โดยนายโพธิ์ ส่งศรี ได้เริ่มทำแม่พิมพ์ปูนซีเมนต์เพื่อหล่อขี้ผึ้งเป็นทำลวดลายไทยไปประดับติดพิมพ์บนเทียนพรรษา นับเป็นการจัดทำเทียนพรรษาแกะสลักของช่างราษฏร์เป็นครั้งแรก และนายสวน คูณผล ได้ทำลวดลายนูนสลับสีต่าง ๆ เข้าประกวดจนชนะเลิศ ต่อมาในปี พ.ศ. 2497 จึงเริ่มมีการทำเทียนพรรษาติดพิมพ์ประกวดแบบพิสดารโดยนายประดับ ก้อนแก้ว คือทำเป็นรูปพุทธประวัติติดพิมพ์จนได้รับรางวัลชนะเลิศติดต่อกันมาหลายปี จนปี พ.ศ. 2502 นายคำหมา แสงงาม ช่างแกะสลัก ได้ทำเทียนพรรษาแบบแกะสลักมาประกวดเป็นครั้งแรกจนได้รับรางวัลชนะเลิศ จากนั้นจึงได้มีการแยกประเภทการประกวดต้นเทียนเป็นสองแบบคือ ประเภทติดพิมพ์ และประเภทแกะสลัก จนในช่วงหลังปี พ.ศ. 2511 นายอุตสาห์ และนายสมัย แสงวิจิตร ได้เริ่มมีการจัดทำเทียนพรรษาขนาดใหญ่โต ทำเป็นหุ่นและเรื่องราวต่าง ๆ ซึ่งเป็นลักษณะของเทียนพรรษาขนาดใหญ่ที่ปรากฏในปัจจุบัน
ในอดีต การหล่อเทียนเข้าพรรษาถือเป็นพิธีสำคัญที่ชาวพุทธจะมารวมตัวกันนำขี้ผึ้งมาหลอมรวมเป็นแท่งเทียนเพื่อถวายแก่พระสงฆ์ แต่ในปัจจุบันชาวพุทธส่วนใหญ่จะนิยมการซื้อหาเทียนพรรษาจากร้านสังฆภัณฑ์ โดยบางส่วนมีการปรับเปลี่ยนไปซื้ออุปกรณ์ไฟฟ้าที่ให้แสงสว่างถวายแก่พระสงฆ์แทนด้วย ซึ่งนับเป็นการปรับเปลี่ยนที่ได้ประโยชน์แก่พระสงฆ์โดยตรง เพราะปัจจุบันไม่ได้มีการนำเทียนมาจุดเพื่ออ่านหนังสืออีกแล้ว พระสงฆ์คงนำเทียนไปจุดบูชาตามอุโบสถวิหารเท่านั้น
ประเพณีถวายผ้าอาบน้ำฝน (ก่อนเข้าพรรษา)
ผ้าอาบน้ำฝน หรือ ผ้าวัสสิกสาฏก คือผ้าเปลี่ยนสำหรับสรงน้ำฝนของพระสงฆ์ เป็นผ้าลักษณะเดียวกับ โดยปรกติเครื่องใช้สอยของพระภิกษุตามพุทธานุญาตที่ให้มีประจำตัวนั้น มีเพียง อัฏฐบริขาร ซึ่งได้แก่ จีวร สังฆาฏิ เข็ม บาตร รัดประคด หม้อกรองน้ำ และมีดโกน แต่ช่วงหน้าฝนของการจำพรรษาในสมัยก่อนนั้น พระสงฆ์ที่มีเพียงสบงผืนเดียวจะอาบน้ำฝนจำเป็นต้องเปลือยกาย ทำให้ดูไม่งามและเหมือนนักบวชนอกศาสนา นางวิสาขามหาอุบาสิกาจึงคิดถวาย "ผ้าวัสสิกสาฏก" หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า เพื่อให้พระสงฆ์ได้ผลัดเปลี่ยนกับผ้าสบงปกติ จนเป็นประเพณีทำบุญสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน โดยปรากฏสาเหตุความเป็นมาของการถวายผ้าอาบน้ำฝนในพระไตรปิฎกดังนี้
ครั้งหนึ่งสมัยพุทธกาล พระศาสดาประทับ ณ พระเชตวันมหาวิหาร นางวิสาขาได้มาฟังธรรม แล้วทูลอาราธนาพระศาสดาและหมู่สงฆ์ไปฉันที่บ้านของนางในวันรุ่งขึ้น เช้าวันนั้น เกิดฝนตกครั้งใหญ่ ตกในทวีปทั้ง 4 พระศาสดาจึงรับสั่งให้ภิกษุทั้งหลายสรงสนานกาย พระสงฆ์ทั้งหลายที่ไม่มีผ้าอาบน้ำฝนจึงออกมาสรงน้ำฝนโดยร่างเปลือยกายอยู่
พอดีกับนางวิสาขามหาอุบสิกาสั่งให้นางทาสีไปนิมนต์ภิกษุมารับภัตตาหารที่บ้านของตน เมื่อนางทาสีไปถึงที่วัดเห็นภิกษุเปลื้องผ้าสรงสนานกาย ก็เข้าใจว่า ในอารามมีแต่พวกชีเปลือย (อาชีวกนอกพระพุทธศาสนา) ไม่มีภิกษุอยู่จึงกลับบ้าน ส่วนนางวิสาขานั้นเป็นสตรีที่ฉลาดรู้แจ้งในเหตุการณ์ทั้งปวง เมื่อถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขในวันนั้นแล้ว จึงได้โอกาสอันควรทูลขอพร 8 ประการต่อพระศาสดา
พระศาสดาทรงอนุญาตพร 8 ประการคือ
- ขอถวายผ้าวัสสิกสาฎก (ผ้าอาบน้ำ) แก่พระสงฆ์เพื่อปกปิดความเปลือยกาย
- ขอถวายภัตแต่พระอาคันตุกะ เนื่องจากพระอาคันตุกะไม่ชำนาญหนทาง
- ขอถวายคมิกภัตแก่พระผู้เตรียมตัวเดินทาง เพื่อจะได้ไม่พลัดจากหมู่เกวียน
- ขอถวายคิลานภัตแก่พระอาพาธ เพื่อไม่ให้อาการอาพาธกำเริบ
- ขอถวายภัตแก่พระผู้พยาบาลพระอาพาธ เพื่อให้ท่านนำคิลานภัตไปถวายพระอาพาธได้ตามเวลา และพระผู้พยาบาลจะได้ไม่อดอาหาร
- ขอถวายคิลานเภสัชแก่พระอาพาธ เพื่อให้อาการอาพาธทุเลาลง
- ขอถวายยาคูเป็นประจำแก่สงฆ์
- ขอถวายผ้าอุทกสาฎก (ผ้าอาบน้ำ) แก่ภิกษุณีสงฆ์เพื่อปกปิดความไม่งามและไม่ให้ถูกเย้ยยัน
โดยนางวิสาขาได้ให้เหตุผลการถวายผ้าอาบน้ำฝนว่า เพื่อให้ใช้ปกปิดความเปลือยกายในเวลาสรงน้ำฝนของพระสงฆ์ที่ดูไม่งามดังกล่าว ดังนั้น นางวิสาขาจึงเป็นอุบาสิกาคนแรกที่ได้รับอนุญาตให้ถวายผ้าอาบน้ำฝน (วัสสิกสาฏก) แก่พระสงฆ์
ผ้าอาบน้ำฝน จึงถือเป็นบริขารพิเศษที่พระพุทธเจ้าอนุญาตให้พระสงฆ์ได้ใช้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องทำให้ถูกต้องตามพระวินัยปิฎก มิเช่นนั้นพระสงฆ์จะต้องอาบัตินิคสัคคิยปาจิตตีย์ คือ ต้องทำผ้ากว้างยาวให้ถูกขนาดตามพระวินัย คือ ยาว 6 คืบพระสุคต กว้าง 2 คืบครึ่ง ตามมาตราปัจจุบันคือ ยาว 4 ศอก 3 กระเบียด กว้าง 1 ศอก 1 คืบ 4 นิ้ว 1 กระเบียดเศษ ถ้าหากมีขนาดใหญ่กว่านี้ พระสงฆ์ต้องตัดให้ได้ขนาด จึงจะปลงอาบัติได้
นอกจากนี้ พระพุทธเจ้าได้ทรงวางกรอบเวลาในการแสวงหาผ้าอาบน้ำฝนไว้ด้วย หากพระสงฆ์แสวงหาผ้าอาบน้ำฝนมาได้ภายนอกกำหนดเวลาดังกล่าว จะต้องอาบัติ โดยพระพุทธเจ้ายังได้ทรงวางกรอบเวลาในการแสวงหาผ้าอาบน้ำฝนไว้ว่า หากพระสงฆ์แสวงหาผ้าอาบน้ำฝนมาใช้ได้ภายนอกกำหนดเวลาดังกล่าว จะต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ กล่าวคือ ทรงวางกรอบเวลาหรือเขตกาลไว้ 3 เขตกาล คือ
- เขตกาลที่จะแสวงหา ช่วงปลายฤดูร้อน ตั้งแต่แรม 1 ค่ำ เดือน 7 ถึงวันเพ็ญเดือน 8 รวมเวลา 1 เดือน
- เขตกาลที่จะทำนุ่งห่ม ช่วงกึ่งเดือนปลายฤดูร้อน ตั้งแต่ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 8 ถึงวันเพ็ญเดือน 8 รวมเวลาประมาณ 15 วัน
- เขตกาลที่จะอธิษฐานใช้สอย ช่วงเข้าพรรษา ตั้งแต่แรม 1 ค่ำ เดือน 8 ถึงวันเพ็ญเดือน 12 รวมเวลา 4 เดือน
ด้วยกรอบพระพุทธานุญาตและกรอบเวลาตามพระวินัยดังกล่าว เมื่อถึงเวลาที่พระสงฆ์ต้องแสวงหาผ้าอาบน้ำฝน พุทธศาสนิกชนจึงถือโอกาสบำเพ็ญกุศลด้วยการจัดหาผ้าอาบน้ำฝนมาถวายแก่พระสงฆ์ จนเป็นประเพณีสำคัญเนื่องในเทศกาลเข้าพรรษามาจนปัจจุบัน ซึ่งบางวัดก็มีประเพณีที่มีมาแต่โบราณด้วยการถวายผ้าอาบน้ำฝนแบบสลาก คือ นอกถวายผ้าอาบน้ำฝนแล้ว ยังถวายเครื่องไทยธรรมต่างๆที่ใช้ในการอยู่จำพรรษา เช่น สบู่ ยาสีฟัน เป็นต้น โดยจะถวายทำเป็นสลาก โดยให้มีเลข2ชุดตามจำนวนพระภิกษุสามเณรที่มารับผ้าอาบน้ำฝน) โดยอยู่พระภิกษุสามเณรที่จะจำพรรษา1ชุด(โดยจะวางไว้ข้างหน้านัยว่าเป็นเลขประจำตัวในพิธีนี้) และอยู่ที่ผู้ที่มาทำบุญถวายผ้าอาบน้ำฝนและเครื่องไทยธรรมอีก1ชุด โดยชุดที่อยู่กับฝ่ายผู้ทำบุญจะทำเป็นเลขสลากให้ผู้มาทำบุญจับสลาก (ชุดเลขสลากชุดนึงจะมีจำนวนเท่าพระภิกษุสามเณรที่มารับ ถ้าหมดเลขสลากชุดนึง ก็จะเติมเลขสลากให้จับเพิ่มทีล่ะชุด) ถ้าผู้มาทำบุญคนไหนจับได้เลขที่ตรงกับเลขที่อยู่ข้างหน้าพระภิกษุสามเณร ก็ให้นำผ้าอาบน้ำฝนและเครื่องไทยธรรมไปถวายกับพระภิกษุสามเณรรูปนั้น โดยนัยว่าเป็นกุศโลบายในการทำบุญให้เป็นสังฆทานเพราะไม่เจาะจงภิกษุสามเณรรูปหนึ่งรูปใดซึ่งเป็นปฏิปุคคลิกทาน ทำให้ได้อานิสงส์มาก
ประเพณีถวายผ้าจำนำพรรษา (หลังออกพรรษา)
ผ้าจำนำพรรษา หรือ ผ้าวัสสาวาสิกสาฎก เป็นผ้าไตรจีวรที่ถวายแก่พระสงฆ์ที่อยู่จำพรรษาครบ 3 เดือน ที่ผ่านวันปวารณาไปแล้ว หรือที่ผ่านวันปวารณาและได้กรานและอนุโมทนากฐินแล้ว ซึ่งผ้าจำนำพรรษานี้พระสงฆ์สามารถรับได้ภายในกำหนด 5 เดือน ที่เป็นเขตอานิสงส์กฐิน คือ ตั้งแต่แรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึงขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4
แต่สำหรับพระสงฆ์ที่จำพรรษาครบ 3 เดือน และผ่านวันปวารณาไปแล้ว ซึ่งไม่ได้กรานและอนุโมทนากฐิน ก็สามารถรับและใช้ผ้าจำนำพรรษาได้เช่นกัน แต่สามารถรับได้ในช่วงกำหนดเพียง 1 เดือน ในเขตสำหรับผู้ไม่ได้กรานกฐินเท่านั้น
การถวายผ้าจำนำพรรษาในช่วงดังกล่าว เพื่ออนุเคราะห์แก่พระสงฆ์ที่ต้องการจีวรมาเปลี่ยนของเก่าที่ชำรุด พุทธศาสนิกชนจึงนิยมถวายผ้าจำนำพรรษามาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ในประเทศไทยก็ปรากฏว่ามีพระราชประเพณีการถวายผ้าจำนำพรรษาแก่พระสงฆ์มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ตามความที่ปรากฏในหนังสือพระราชนิพนธ์พระราชพิธี 12 เดือน ซึ่งปัจจุบันแม้ทางราชสำนักได้งดประเพณีนี้ไปแล้ว แต่ประเพณีนี้ก็ยังคงมีอยู่สำหรับชาวบ้านทั่วไป โดยนิยมถวายเป็นผ้าไตรแก่พระสงฆ์หลังพิธีงานกฐิน คือเมื่อถวายผ้ากฐินเสร็จแล้ว ก็จะเริ่มถวายผ้าจำนำพรรษา แก่พระภิกษุทุกรูปผู้อยู่จำพรรษาต่อให้เสร็จในตอนนั้นในวันนั้นเลย แต่เป็นที่สังเกตว่าปัจจุบันจะเข้าใจผิดว่าผ้าจำนำพรรษาคือผ้าอาบน้ำฝน ซึ่งความจริงแล้วมีความเป็นมาและพระวินัยที่แตกต่างกันสิ้นเชิง
ประเพณีถวายผ้าอัจเจกจีวร (ระหว่างเข้าพรรษา)
ผ้าอัจเจกจีวร แปลว่า จีวรรีบร้อน หรือผ้าด่วน คือผ้าจำนำพรรษาที่ถวายล่วงหน้าในช่วงเข้าพรรษา ก่อนกำหนดจีวรกาลปกติ ด้วยเหตุรีบร้อนของผู้ถวาย เช่น ผู้ถวายจะไปรบทัพหรือเจ็บไข้ไม่ไว้ใจว่าจะมีชีวิตรอดหรือไม่ชีวิต หรือเป็นบุคคลที่พึ่งเกิดศรัทธาในพระพุทธศาสนา ควรรับไว้ฉลองศรัทธา
อัจเจกจีวรเช่นนี้ พระวินัยอนุญาตให้พระสงฆ์รับเก็บไว้ได้ แต่ต้องรับก่อนวันปวารณาไม่เกิน 10 วัน (คือตั้งแต่ขึ้น 6 ค่ำ ถึง 15 ค่ำเดือน 11) และต้องนำมาใช้ภายในช่วงจีวรกาล
ผ้าอัจเจกจีวรนี้ เป็นผ้าที่มีความมุ่งหมายเดียวกับผ้าจำนำพรรษา เพียงแต่ถวายก่อนฤดูจีวรกาลด้วยวัตถุประสงค์รีบด่วนด้วยความไม่แน่ใจในชีวิต ซึ่งประเพณีนี้คงมีสืบมาแต่สมัยพุทธกาล ปัจจุบันไม่ปรากฏเป็นพิธีใหญ่ เพราะเป็นการถวายด้วยสาเหตุส่วนตัวเฉพาะรายไป ส่วนมากจะมีเจ้าภาพผู้ถวายเพียงคนเดียวและเป็นคนป่วยหนักที่มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า
วันเข้าพรรษาในปฏิทินจันทรคติไทย
อย่างไรก็ตาม บางประเทศที่นับถือพุทธศาสนาอาจกำหนดวันไม่ตรงกับของไทยในบางปี เนื่องจากประเทศไทยมีการคำนวณที่ต่างจากประเทศโดยทั่วไปและนิยมใช้ปฏิทิน100ปีไทยเป็นหลักซึ่งไม่เที่ยงตรงและไม่ได้รับการปรับตามจริง เนื่องจากรอบการโคจรของดวงจันทร์รอบโลก 1 รอบ ใช้เวลา 29 วันครึ่ง ทำให้วันเวลาคลาดเคลื่อนไปได้
ปี | วันที่ | วันที่ | วันที่ |
---|---|---|---|
ปีชวด | 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2539 | 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 | 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 |
ปีฉลู | 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 | 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 | 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 |
ปีขาล | 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2541 | 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 | 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 |
ปีเถาะ | 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2542 | 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 | 2 สิงหาคม พ.ศ. 2566 |
ปีมะโรง | 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2543 | 3 สิงหาคม พ.ศ. 2555 | 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 |
ปีมะเส็ง | 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2544 | 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 | 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 |
ปีมะเมีย | 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2545 | 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 | 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2569 |
ปีมะแม | 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 | 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 | 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2570 |
ปีวอก | 1 สิงหาคม พ.ศ. 2547 | 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 | 10 กันยายน พ.ศ. 2571 |
ปีระกา | 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 | 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 | 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2572 |
ปีจอ | 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2549 | 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 | 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2573 |
ปีกุน | 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 | 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 | 4 สิงหาคม พ.ศ. 2574 |
การประกอบพิธีทางศาสนาในช่วงพรรษากาลในประเทศไทย
แม้การเข้าพรรษาจะเป็นเรื่องของภิกษุ แต่พุทธศาสนิกชนก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ทำบุญ รักษาศีล และชำระจิตใจให้ผ่องใส โดยการจัดเตรียมสิ่งของเพื่อนำไปถวายแก่พระสงฆ์ที่จะจำพรรษา การตั้งใจรักษาศีล 5 หรือศีล 8 และตั้งใจบำเพ็ญความดี เข้าวัดฟังธรรมตลอดพรรษากาล ซึ่งไม่เฉพาะแต่ชาวบ้านทั่วไปเท่านั้น สถาบันพระมหากษัตริย์ก็ให้ความสำคัญกับการเข้าพรรษาของพระสงฆ์เป็นอย่างมากเช่นกัน
พระราชพิธี
การพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในวันเข้าพรรษานี้มีชื่อเรียกเป็นทางการว่า พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล เนื่องในวันอาสาฬหบูชา และเทศกาลเข้าพรรษา ซึ่งเดิมก่อน พ.ศ. 2501 เรียกเพียง การพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล เนื่องในวันเข้าพรรษา แต่หลังจากที่ทางคณะสงฆ์มีการกำหนดให้เพิ่มวันอาสาฬหบูชาเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาอีกวันหนึ่ง (ก่อนหน้าวันเข้าพรรษา 1 วัน) ในปี พ.ศ. 2501 แล้วสำนักพระราชวังจึงได้กำหนดเพิ่มการบำเพ็ญพระราชกุศลในวันอาสฬหบูชาเพิ่มเติมขึ้นมาด้วยอีกวันหนึ่ง รวมเป็นสองวัน
การพระราชพิธีนี้โดยปกติมี พระมหากษัตริย์ไทยเป็นองค์ประธานในการพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศล และบางครั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์เสด็จแทน โดยสถานที่ประกอบพระราชพิธีหลักจะจัดในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร และภายในพระบรมมหาราชวัง การสำคัญของพระราชพิธีคือการถวายพุ่มเทียนเครื่องบูชาแก่พระพุทธปฏิมาและพระราชาคณะ รวมทั้งการพระราชทานภัตตาหารแก่พระราชาคณะ ฐานานุกรม เปรียญ ซึ่งรับอาราธานามารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวังจำนวน 150 รูป ในวันเข้าพรรษาทุกปี เป็นต้น ซึ่งการพระราชพิธีนี้เป็นการแสดงออกถึงพระราชศรัทธาอันแน่นแฟ้นในพระพุทธศาสนา ขององค์พระมหากษัตริย์ไทยผู้ทรงเป็นเอกอัครพุทธศาสนูปถัมภก์มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
พิธีสามัญ
เมื่อถึงวันเข้าพรรษา พุทธศาสนิกชนนิยมไปทำบุญตักบาตร ถวายเทียนพรรษา ถวายผ้าอาบน้ำฝน โดยมักจะจัดเครื่องสักการะเช่น ดอกไม้ ธูปเทียน เครื่องใช้ เช่น สบู่ ยาสีฟัน เป็นต้น มาถวายพระภิกษุ สามเณร หรือมีการช่วยพระทำความสะอาดเสนาสนะ ซ่อมแซมกุฏิวิหารและอื่นๆ โดยนิยมไปร่วมทำบุญตักบาตร ฟังธรรมและรักษาอุโบสถศีลกันที่วัด บางคนอาจตั้งใจงดเว้นอบายมุขต่างๆ เป็นกรณีพิเศษ เช่น งดเสพสุรา งดฆ่าสัตว์ เป็นต้น ซึ่งพอสรุปกิจที่พุทธศาสนิกชนพึงปฏิบัติในพรรษากาลได้ดังนี้
วันเข้าพรรษาในประเทศอื่น ๆ
ในปัจจุบัน มีพระสงฆ์จากประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะพระสงฆ์จากประเทศไทย พม่า ศรีลังกา และบางส่วนของญี่ปุ่น จะไปทำพิธีวันเข้าพรรษาที่ประเทศอินเดียและประเทศเนปาล ในสถานที่ต่าง ๆ เช่น พุทธคยา เมืองราชคฤห์ สารนาถ เมืองกุสินารา สวนลุมพินี เมืองกบิลพัสดุ์ เมืองสาวัตถี และกรุงนิวเดลี เป็นต้น ขณะเดียวกันในส่วนอื่น ๆ ของประเทศอินเดีย ต่างก็ถือว่าวันเข้าพรรษาเป็นวันเริ่มต้นการถือศีลและปฏิบัติธรรมไปจนครบ 3 เดือน และกำหนดให้วันเข้าพรรษาให้เป็นวันเริ่มการทำความดีเช่นเดียวกัน
สำหรับในประเทศอินเดียนั้น ไม่ได้กำหนดให้วันเข้าพรรษาและวันอาสาฬหบูชาเป็นวันหยุดราชการทั่วประเทศเหมือนกับวันวิสาขบูชา ส่วนประเทศอื่น ๆ นอกจากนี้ ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับวันเข้าพรรษาและวันอาสาฬหบูชาให้เท่าเทียมกับวันวิสาขบูชาด้วย
อ้างอิง
- พระไตรปิฎก เล่มที่ 4 พระวินัยปิฎก เล่มที่ 4 มหาวรรค ภาค 1 วัสสูปนายิกขันธกะ. พระไตรปิฏกฉบับสยามรัฐ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก [1]. เข้าถึงเมื่อ 11-6-52
- ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง วันงดดื่มสุราแหงชาติ, เล่ม ๑๒๕, ตอนพิเศษ ๑๔๒ ง, ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๑, หน้า ๑๓
- ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดวันห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, เล่ม ๑๒๖, ตอนพิเศษ ๙๕ ง, ๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๒, หน้า ๖
- โครงการรณรงค์ลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2009-05-02 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. เว็บไซต์ stopdrink. เรียกข้อมูลเมื่อ 22-6-52
- พระไตรปิฎก เล่มที่ 4 พระวินัยปิฎก เล่มที่ 4 มหาวรรค ภาค 1 วัสสูปนายิกขันธกะ - เรื่องภิกษุหลายรูป. พระไตรปิฏกฉบับสยามรัฐ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก [2]. เข้าถึงเมื่อ 11-6-52
- พระไตรปิฎก เล่มที่ 4 พระวินัยปิฎก เล่มที่ 4 มหาวรรค ภาค 1 วัสสูปนายิกขันธกะ ทรงปรับอาบัติแก่พระผู้ไม่จำพรรษา. พระไตรปิฏกฉบับสยามรัฐ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก [3]. เข้าถึงเมื่อ 1-7-52
- มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย . (2555). เข้าพรรษาและสัตตาหกรณียะ . [ออน-ไลน์]. เข้าถึงได้จาก http://www.mbu.ac.th/index.php?option=com_content&task=view&id=1949&Itemid=148 2012-05-23 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- เทศนาเรื่องกฐิน-พระราชสุทธิญาณมงคล 2012-03-23 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. เว็บไซต์จรัญ jarun.org. เรียกข้อมูลเมื่อ 17-6-52
- พระไตรปิฎก เล่มที่ 4 พระวินัยปิฎก เล่มที่ 4 มหาวรรค ภาค 1 วัสสูปนายิกขันธกะ - การจำพรรษา 2 อย่าง. พระไตรปิฏกฉบับสยามรัฐ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก [4]. เข้าถึงเมื่อ 11-6-52
- จำนงค์ ทองประเสริฐ. . ราชบัณฑิตยสถาน. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-10-28. สืบค้นเมื่อ 2006-02-02.
- พระไตรปิฎก เล่มที่ ๕ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๕ มหาวรรค ภาค ๒ หัวข้อประจำขันธกะ. พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ. เข้าถึงข้อมูลได้จาก [5]. เข้าถึงเมื่อ 17-6-52
- วันเข้าพรรษา - ศาสนาพุทธ[]
- "แรม 1 ค่ำ เดือน 8 วันเข้าพรรษา - นิทรรศการออนไลน์". ห้องสมุด วิทยาเขตศรีราชา มหาวืทยาลัยเกษตรศาสตร์. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-08-03. สืบค้นเมื่อ 2013-08-03.
- วันเข้าพรรษา ประวัติ และความเป็นมา - รักจัง
- ผู้บริหารคณาจารย์ มจร ทำสามีจิกรรมเทศกาลเข้าพรรษา[]
- วันเข้าพรรษา Thai Study Focus
- (PDF). สำนักงานแม่กองธรรมสนามหลวง. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-12-03. สืบค้นเมื่อ 2020-07-09.
- สังฆภัณฑ์ - การศึกษาพระธรรมวินัยของพระสงฆ์ในระหว่างพรรษาในปัจจุบัน
- จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราช. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดทำเนื่องในโอกาส ๗๐๐ ปี ลายสือไทย กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.๒๕๒๗
- "จารึกพ่อขุนรามคำแหง ด้านที่ ๒". ฐานข้อมูลจารึกในประเทศไทย. ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน). 17 กุมภาพันธ์ 2555.
- . (SHES 531 History of Ethical Thoughts in Thai Society). ภาควิชามนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-10-08. สืบค้นเมื่อ 2009-05-04.
- พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๔ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑ อนุรุทธเถราปทานที่ ๖. พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ. [ออนไลน์]. เข้าถึงข้อมูลได้จาก [6]. เข้าถึงข้อมูลเมื่อ 1-7-52
- อรรถกถาพระไตรปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน อนุรุทธเถราปทาน. อรรถกถาพระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ. [ออนไลน์]. เข้าถึงข้อมูลได้จาก [7]. เข้าถึงข้อมูลเมื่อ 1-7-52
- ราชกิจจานุเบกษา. การพระราชกุศลถวายพุ่มเข้าพรรษา. เล่มที่ ๑๙ ตอนที่ ๑๗ วันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๔๕ หน้าที่ ๓๓๑
- สำนักพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม. การหล่อเทียนพรรษา. กรุงเทพ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย, 2547
- พระไตรปิฎก เล่มที่ ๕ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๕ มหาวรรค ภาค ๒ เรื่องนางวิสาขา มิคารมาตา-พระพุทธานุญาตผ้าวัสสิกสาฎก. พระไตรปิฏกฉบับสยามรัฐ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก [8]. เข้าถึงเมื่อ 11-6-52
- อรรถกถาพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๙ ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑ สุรุจิชาดก. อรรถกถาพระไตรปิฏก. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก [9]. เข้าถึงเมื่อ 11-6-52
- พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒ ปัตตวรรค สิกขาบทที่ ๔-ทรงบัญญัติสิกขาบท. พระไตรปิฏกฉบับสยามรัฐ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก [10]. เข้าถึงเมื่อ 1-7-52
- พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต). พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์. [ออนไลน์]. เข้าถึงข้อมูลได้จาก [11]. เข้าถึงเมื่อ 1-7-52
- พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒ ปัตตวรรค สิกขาบทที่ ๘ ทรงอนุญาตอัจเจกจีวร. พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก [12]. เข้าถึงเมื่อ 1-7-52
- พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต). พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์. [ออนไลน์]. เข้าถึงข้อมูลได้จาก [13]. เข้าถึงเมื่อ 1-7-52
- พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒ สิกขาบทที่ ๒ แห่งปัตตวรรค นิสสัคคิยปาจิตตีย์. พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก [14]. เข้าถึงเมื่อ 1-7-52
- ราชกิจจานุเบกษา, หมายกำหนดการ ที่ ๑๑/๒๕๔๕ พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในวันอาสาฬหบูชา และเทศกาลเข้าพรรษา พุทธศักราช ๒๕๔๕ 2011-11-07 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๑๙, ตอน พิเศษ ๖๗ ง , ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๕, หน้า ๓๐
- ราชกิจจานุเบกษา, หมายกำหนดการ พระราชกุศลเข้าวรรษา ๒๔๙๙, เล่ม ๗๓, ตอน ๕๗, ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๙, หน้า ๒๐๖๗
- ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักสังฆนายก เรื่อง กำหนดพิธีอาสาฬหบูชา, เล่ม ๗๕, ตอน ๕๗, ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๑, หน้า ๒๑๖๙
- ราชกิจจานุเบกษา, หมายกำหนดการ ที่ ๑๒/๒๕๐๑ พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในวันอาสาฬหบูชา และเทศการเข้าพรรษา พุทธศักราช ๒๕๐๑, เล่ม ๗๕, ตอน ๕๘ ง ฉบับพิเศษ, ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๑, หน้า ๑
- ราชกิจจานุเบกษา, หมายกำหนดการ ที่ ๑๔/๒๕๓๙ พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในวันอาสาฬหบูชา และเทศกาลเข้าพรรษา พุทธศักราช ๒๕๓๙, เล่ม ๑๑๔, ตอน พิเศษ ๖๑ ง, ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๐, หน้า ๘๙
- ราชกิจจานุเบกษา, หมายกำหนดการ ที่ ๑๗/๑/๒๕๕๑ หมายกำหนดการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในวันอาสาฬหบูชา และเทศกาลเข้าพรรษา พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับเปลี่ยนแปลง), เล่ม ๑๒๕, ตอน ๑๔ ข , ๑๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๑, หน้า ๑๙๓
- ราชกิจจานุเบกษา, หมายกำหนดการ ที่ ๑๓/๒๕๔๖ พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในวันอาสาฬหบูชา และเทศกาลเข้าพรรษา พุทธศักราช ๒๕๔๖ 2011-11-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๒๐, ตอน พิเศษ ๗๖ ง, ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖, หน้า ๗๘
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-06-04. สืบค้นเมื่อ 2013-08-01.
- เข้าพรรษา ณ แดนพุทธภูมิ
- ปัณณวัฒน์. ปฏิทิน 100 ปี พ.ศ. 2468-2568 คัมภีร์พยากรณ์คู่บ้าน. กรุงเทพฯ : ไพลิน, 2550. ISBN .
ดูเพิ่ม
- วันอาสาฬหบูชา (วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ก่อนหน้าวันเข้าพรรษา 1 วัน)
- กฐิน อานิสงส์สำหรับพระภิกษุผู้อยู่จำครบพรรษา
- วันออกพรรษา
แหล่งข้อมูลอื่น
- พระไตรปิฎก เล่มที่ 4 พระวินัยปิฎก เล่มที่ 4 มหาวรรค ภาค 1 วัสสูปนายิกขันธกะ. พระไตรปิฏกฉบับสยามรัฐ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก [15]
- .โดย พระธรรมคุณาภรณ์ (เอื้อน หาสธมโม) วัดสามพระยา กรุงเทพฯ
- . โดย ศ. ดร.กาญจนา นาคสกุล
- . โดย สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniyngtxngkarephimaehlngxangxingephuxphisucnkhwamthuktxngkhunsamarthphthnabthkhwamniidodyephimaehlngxangxingtamsmkhwr enuxhathikhadaehlngxangxingxacthuklbxxk haaehlngkhxmul wnekhaphrrsa khaw hnngsuxphimph hnngsux skxlar JSTOR eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir mummxngaelakrnitwxyanginbthkhwamnixacimidaesdngthungmummxngthiepnsaklkhxngeruxngkhunsamarthchwyaekikhbthkhwamni odyephimmummxngsaklihmakkhun hruxaeykpraednyxyipsrangepnbthkhwamihm eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir wnekhaphrrsa bali ws s snskvt wr s xngkvs Vassa ekhmr វស ស phma ဝ ဆ epnwnsakhyinphuththsasnawnhnungthiphrasngkhethrwathcaxthisthanwacaphkpracaxyu n thiidthihnungtlxdrayaewlavdufnthimikahndrayaewla 3 eduxntamthiphrawinybyytiiw odyimipkhangaermthixun hruxphasapakwa caphrrsa phrrsa aeplwa vdufn ca aeplwa phkxyu karekhaphrrsanithuxepnkhxptibtisahrbphrasngkhodytrng phrasngkhcaimcaphrrsaimid enuxngcakrupidimcaphrrsathuxwatxngxabtithukkttamphrawiny karekhaphrrsatampktierimnbtngaetwnaerm 1 kha eduxn 8 khxngthukpi hruxeduxn 8 hlng thamieduxn 8 sxnghn aelasinsudlnginwnkhun 15 kha eduxn 11 hruxwnxxkphrrsawnekhaphrrsawnekhaphrrsa hrux karekhaphrrsa epnkhxptibtisahrbphrasngkhodyechphaa sungphuththsasnikchnthuxepnoxkasxndithicabaephykuslaekphrasngkhthicaphrrsaaelatngicptibtithrrmephuxlaewnsingimdiephuxphyayamprakxbkhwamdiinchwngnixikdwycdkhunodychawphuththnikayethrwath odyechphaainkmphucha law phma srilngka aelaithypraephthwnsakhyinsasnaphuththwnthiaerm 1 kha eduxn 8wnthiinpi 20232 singhakhmwnthiinpi 202421 krkdakhmwnthiinpi 202511 krkdakhmwnthiinpi 202630 krkdakhmswnekiywkhxngwnxasalhbucha wnxxkphrrsa wnekhaphrrsa wnaerm 1 kha eduxn 8 hruxpixthikmas caeluxnepnwnaerm 1 khaeduxn 8 hlng hruxethskalekhaphrrsa wnaerm 1 kha eduxn 8 thungwnkhun 15 kha eduxn 11 hruxpixthikmas caeluxnepnwnaerm 1 khaeduxn 8 hlng thungwnkhun 15 kha eduxn 11 thuxwaepnwnaelachwngethskalthangsasnaphuthththisakhyethskalhnunginpraethsithy odymirayaewlapraman 3 eduxninchwngvdufn odywnekhaphrrsaepnwnsakhythangphraphuththsasnathitxenuxngmacakwnxasalhbucha wnkhun 15 kha eduxn 8 sungphuththsasnikchnchawithythngphramhakstriyaelakhnthwipidsubthxdpraephniptibtikarthabuyinwnekhaphrrsamachananaelwtngaetsmysuokhthy saehtuthiphraphuththecathrngxnuyatkarcaphrrsaxyu n sthanthiidsthanthihnungtlxd 3 eduxnaekphrasngkhnn miehtuphlephuxihphrasngkhidhyudphkkarcarikephuxephyaephrsasnaiptamsthanthitang sungcaepnipdwykhwamyaklabakinchwngvdufn ephuxpxngknkhwamesiyhaycakkarxacedinehyiybyathyphuchkhxngchawbanthipluklngaeplnginvdufn aelaodyechphaaxyangying chwngewlacaphrrsatlxd 3 eduxnnn epnchwngewlaaelaoxkassakhyinrxbpithiphrasngkhcaidmaxyucaphrrsarwmknphayinxawashruxsthanthiidsthanthihnung ephuxsuksaphrathrrmwinycakphrasngkhthithrngkhwamru idaelkepliynprasbkarnaelasrangkhwamsamkhkhiinhmukhnasngkhdwy inwnekhaphrrsaaelachwngvduphrrsakaltlxdthng 3 eduxn phuththsasnikchnchawithythuxepnoxkasxndithicabaephykusldwykarekhawdthabuyisbatr fngphrathrrmethsna sungsingthiphiesscakwnsakhyxun khux mikarthwayhlxdifhruxethiynekhaphrrsa aelaphaxabnafn phawssiksatk aekphrasngkhdwy ephuxsahrbihphrasngkhidichsahrbkarxyucaphrrsa odyinxdit chayithythiepnphuththsasnikchnemuxxayukhrbbwch 20 pi caniymthuxbrrphchaxupsmbthepnphrasngkhephuxxyucaphrrsatlxdvduphrrsakalthng 3 eduxn odyphuththsasnikchnithycaeriykkarbrrphchaxupsmbthephuxcaphrrsatlxdphrrsakalwa bwchexaphrrsa nxkcakni inpi ph s 2551 rthbalidprakasihwnekhaphrrsaepn wnngddumsuraaehngchati odyinpithdma yngidprakasihwnekhaphrrsaepnwnhamkhayekhruxngdumaexlkxhxlthwrachxanackr thngniephuxrnrngkhihchawithytngsccaxthisthanngdkardumsurainwnekhaphrrsaaelainchwng 3 eduxnrahwangvduekhaphrrsa ephuxsngesrimkhaniymthidiihaeksngkhmithykhwamsakhykhwamsakhyaelapraoychnkhxngkarekhaphrrsa chwngekhaphrrsannepnchwngewlathichawbanprakxbxachiphthairna dngnnkarkahndihphiksusngkhhyudkaredinthangcarikipinsthanthitang kcachwyihphnthuphuchkhxngtnkla hruxstwelkstwnxy imidrbkhwamesiyhaycakkaredinthudngkh hlngcakedinthangcarikipephyaephphraphuththsasnamaepnewla 8 9 eduxn chwngekhaphrrsaepnchwngthiihphraphiksusngkhidhyudphkphxn epnewlathiphraphiksusngkhcaidpraphvtisahrbtnexng aelasuksaelaeriynphrathrrmwinytlxdcnetriymkarsngsxnihkbprachachnemuxthungwnxxkphrrsa ephuxcaidmioxkasxbrmsngsxnaelabwchihkbkulbutrphumixayukhrbbwch xnepnkalngsakhyinkarephyaephphraphuththsasnatxip ephuxihphuththsasnikchn idmioxkasbaephykuslepnkarphiess echn karthabuytkbatr hlxethiynphrrsa thwayphaxabnafn rksasil ecriyphawna thwayctupccyithythrrm ngdewnxbaymukh aelamioxkasidfngphrathrrmethsnatlxdewlaekhaphrrsamulehtuthiphraphuththecaxnuyatkarcaphrrsaaekphrasngkhinsmykxn karedinthangipyngsthanthitang invdufn mikhwamyaklabak aelaepnchwngvduthairnakhxngchawban phraphuththecacungwangraebiybihphrasngkhhyudkaredinthangephuxpracaxyu n sthanthiidthihnunginchwngvdufn insmytnphuththkal phraphuththecaimidthrngwangraebiyberuxngkarekhaphrrsaiw aetkarekhaphrrsannepnsingthiphraphuththxngkhaelaphrasngkhsawkptibtiknmaodypktienuxngdwyphuththcriyawtrinxnthicaimxxkipcariktamsthanthitang inchwngvdufnxyuaelw ephraakarkhmnakhmmikhwamlabak aelaodyechphaaxyangyingphrasngkhinchwngtnphuththkalmicanwnnxyaelaswnihyepnphraxriyabukhkhl cungthrabdiwasingidthiphrasngkhkhwrhruximkhwrkratha txmaemuxmiphrasngkhmakkhun aeladwyphraphuththcriyathiphraphuththecacaimthrngbyytiphrawinylwnghna thaihphraphuththecacungimidthrngbyytieruxngihphrasngkhsawkxyupracaphrrsaiwdwy cungekidehtukarnklumphiksucarikipinthitang odyimyxthxthnginvduhnaw vdurxn aelavdufn thaihchawbanidphakntietiynwa phwkphrasngkhinphraphuththsasnaimyxmhyudphksycraeminvdufn inkhnathinkbwchinsasnaxun phaknhyudedinthanginchwngvdufn karthiphraphiksusngkhcarikipinthitang aeminvdufn xacehyiybyakhawklakhxngchawbanidrbkhwamesiyhay hruxxacipehyiybyaodnstwelkstwnxythixxkhakincnthungaekkhwamtay emuxphraphuththecathraberuxng cungidwangraebiybihphiksupracaxyu n thiidthihnung epnewla 3 eduxndngklawkarekhaphrrsakhxngphrasngkhtamphrawinypidktamphrawiny phrasngkhrupidimekhacaphrrsaxyu n thiaehngidaehnghnung phraphuththxngkhthrngprbxabtiaekphrasngkhrupnndwyxabtithukkd aelaphrasngkhthixthisthanrbkhaekhacaphrrsaaelwcaipkhangaermthixunimid aetthahakedinthangxxkipaelwaelaimsamarthklbmainewlathikahnd khux kxnrungswang kcathuxwaphraphiksurupnn khadphrrsa aelatxngxabtithukkdephraarbkhann rwmthngphrasngkhrupnncaimidrbxanisngsphrrsa imidxanisngskthintamphrawiny aelathngynghamimihnbphrrsathikhadnnxikdwy praephthkhxngkarekhaphrrsakhxngphrasngkh karekhaphrrsatamphrawinyaebngidepn 2 praephth khux purimphrrsa ekhiynxikxyangwa burimphrrsa khux karekhaphrrsaaerk erimtngaetwnaerm 1 kha eduxn 8 sahrbpixthikmas khux mieduxn 8 sxnghn caeriminwnaerm 1 kha eduxn 8 hlng cnthungwnkhun 15 kha eduxn 11 hlngcakxxkphrrsaaelw phrathixyucaphrrsakhrb 3 eduxn kmisiththithicarbkthinsungmichwngewlaephiynghnungeduxn nbtngaetwnaerm 1 kha eduxn 11 thungkhun 15 kha eduxn 12pcchimphrrsa khux karekhaphrrsahlng ichinkrnithiphraphiksutxngedinthangiklhruxmiehtusudwisy thaihklbmaekhaphrrsaaerkinwnaerm 1 kha eduxn 8 imthn txngrxipekhaphrrsahlng khuxwnaerm 1 kha eduxn 9 aelwcaipxxkphrrsainwnkhun 15 kha eduxn 12 sungepnwnhmdekhtthxdkthinphxdi dngnnphraphiksuthiekhapcchimphrrsacungimmioxkasidrbkthin aetkidphrrsaechnediywkbphrathiekhapurimphrrsaehmuxnknkhxykewnkarcaphrrsakhxngphrasngkh aemkarekhaphrrsanithuxepnkhxptibtisahrbphraphiksuodytrng thicalaewnimid imwakrniid ktam aetwainkarcaphrrsakhxngphrasngkhinrahwangphrrsann xacmikrnicaepnbangxyang thaihphraphiksuphucaphrrsatxngxxkcaksthanthicaphrrsaephuxipkhangthixun phraphuththxngkhkthrngxnuyatihthaidodyimthuxwaepnkarkhadphrrsaodymiehtucaepnechphaakrni ip tamthithrngrabuiwinphraitrpidk sungswnihycaekiywkbkarphrasasnahruxkarxuptthanbidamarda aetthngnikcatxngklbmaphayinrayaewlaimekin 7 wn karxxknxkthicaphrrsalwngwnechnnieriykwa sttahkrniya sungehtuthithrngrabuwacaxxkcakthicaphrrsaipidchwkhrawnnechn kariprksaphyabal haxaharihphiksuhruxbidamardathiecbpwy epntn krninithaidkb aelamardabida kariprangbphiksusamenrthixyakcasukmiihsukid krninithaidkb karipephuxkicthurakhxngkhnasngkh echn kariphaxupkrnmasxmkutithicharud hrux karip echn swdyttictutthkrrmwacaihphraphutxngkarxyu epntn hakthayknimntipthabuy kipihthaykidihthan rbsil fngethsnathrrmid krninihakoymimmanimnt kcaipkhangimid sunghakphrasngkhxxkcakxawasaemodysttahkrniyalwngkahnd 7 wntamphrawiny kthuxwa khadphrrsa aelaepnxabtithukkdephraarbkha rbkhaxthisthanekhaphrrsaaetthaimid inkrnithiphrasngkhsttahkrniyaaelaklbmatamkahndaelw imthuxwaepnxabti aelasamarthklbmacaphrrsatxenuxngipid aelahakmiehtucaepnthicatxngxxkcakthicaphrrsaipidtamwinyxik ksamarththaidodysttahkrniya aettxngklbmaphayinecdwn ephuximihphrrsakhadaelaimepnxabtithukkddngklawaelw xanisngskarcaphrrsakhxngphrasngkhthicakhrbphrrsa emuxphrasngkhcaphrrsakhrbitrmasidpwarnaxxkphrrsaaelaidkrankthinaelw yxmidrbxanisngs hruxkhxykewnphrawiny 5 khx khux ethiywipihnimtxngbxkla xxkcakwdipodyimcaepntxngaecngecaxawashruxphrasngkhrupxunkxnid ethiywipimtxngthuxitrciwrkhrbsarb 3 phun chnkhnaophchnid lxmwngchnid ekbxdierkciwriwidtamprarthna ykewnsikkhabthkhxnisskhkhiypacittiybangkhx ciwrlaphxnekidinthinnepnkhxngphiksu emuxmiphumathwayciwrekinkwaitrkhrxngsamarthekbiwidodyimtxngslaekhakxngklang karthuxptibtikarekhaphrrsakhxngphrasngkhithyinpccubnkarekhaphrrsannpraktinphraitrpidkethrwath sungphrasngkhinnikayethrwaththukpraethscathuxkarptibtikarekhacaphrrsaehmuxnkn aetxacmikhwamaetktangknbanginkarihkhwamsakhyaelaraylaexiydpraephniptibtikhxngaetlathxngthin karetriymtwekhacaphrrsakhxngphrasngkhinpccubn emuxthungwnekhaphrrsa phrasngkhinwdcarwmtwknxthisthancaphrrsaphayinwiharhruxxuobsthkhxngwd karekhacaphrrsakhuxkartngicephuxxyuca n xawasidxawashnunghruxsthanthiidsthanthihnungepnpracatlxdphrrsa 3 eduxn dngnnkxnekhacaphrrsaphrasngkhinwdcaetriymtw odykarsxmaesmesnasnapdkwadechdthuiheriybrxykxnthungwnekhaphrrsa emuxthungwnekhaphrrsa swnihyphrasngkhcalngprakxbphithixthisthancaphrrsahlngepnphithiechphaakhxngphrasngkh sungswnihycalngprakxbphithi n xuobsth hruxsthanthiidtamaetcasmkhwrphayinxawasthicacaphrrsa odyemuxthawtreynpracawnesrcaelwecaxawascaprakaseruxng wssupnayika khuxkarkahndbxkihihphrasngkhthngpwngruthungkhxkahndinkarekhaphrrsa odymisarasakhydngni aecngihthraberuxngkarekhacaphrrsaaekphrasngkhinxaram aesdngkhwamepnmaaelaenuxhakhxngwssupnayikatamphrawinypitk kahndbxkxanaekhtkhxngwd thiphrasngkhcarksaxrun hruxrksaphrrsaihchdecn rksaxrunkhuxtxngxyuinxawasthikahndkxnxrunkhun cungcaimkhadphrrsa hakmiphiksuphuepnesnasnkhahapka kthakarsmmutiesnasnkhahapka ecahnathisngkh ephuxihepnphukahndihphrasngkhrupidcaphrrsa n sthanthiidinwd emuxaecngeruxngdngklawesrcaelw xaccamikarthasamicikrrm khuxklawkhxkhmaothssungknaelakn ephuxepnkaraesdngkhwamekharphsungknaelaknrahwangphraethraaelaphraphunxy aelaepnkarsrangsamkhkhikninhmukhnadwy caknncungthakarxthisthanphrrsa epnphithikrrmthisakhythisud odykareplngwacawacaxyucaphrrsatlxditrmas odyphrasngkhsamenrthngxaramkrabphraprathan 3 khrngaelw ecaxawascanatngnom 3 cb aelanaeplngkhaxthisthanphrrsaphrxmknepnphasabaliwa xims mi xawaes xim etmas ws s xuepmi thaklawhlaykhnich xuepm hlngcakni inaetlawdcamikhxptibtiaetktangknip bangwdxaccamikarecriyphraphuththmnttx aelaemuxesrcaelwxaccamikarskkarasthupecdiy tnphrasrimhaophthi phayinwdxiktamaetcaehnsmkhwr emuxphrasngkhsamenrklbesnasnakhxngtnaelw xaccaxthisthanphrrsasaxikechphaaesnasnakhxngtnkid odyklawwacaxthisthanepnphasabaliwa xims mi wihaer xim etmas ws s xuepmi thaklawhlaykhnich xuepm epnxnesrcphithixthisthanekhacaphrrsasahrbphrasngkh aelaphrasngkhcatxngrksaxrunimihkhadtlxd 3 eduxnnbcakni odycatxngrksaphaitrciwrtlxdphrrsakal khux txngxyukbphakhrxngcnkwacarungxrundwy karsuksaphrathrrmwinykhxngphrasngkhinrahwangphrrsainpccubn inxdit karekhaphrrsamipraoychnaekphrasngkhindankarsuksaphrathrrmwiny odykarthiphrasngkhcakthitang maxyucaphrrsarwmkninthiidthihnung phrasngkhehlannkcamikaraelkepliynkhwamruaelathayxngkhkhwamrutamphrathrrmwinyihaekkn mainpccubn karsuksaphrathrrmwinyinchwngekhaphrrsainpraethsithykyngcdepnkicsakhykhxngphrasngkh odyphrasngkhthixupsmbththukrup aemcaxupsmbthephiyngephuxchwekhaphrrsasameduxn kcatxngsuksaphrathrrmwinyephimetim pccubnphrathrrmwinythukcdepnhlksutrkhxngkhnasngkh inhlksutr phrathrrm caeriykwa thrrmwiphakh phrawiny eriykwa winymukh rwmeriykwa nkthrrm chntang odycamikarsxbilkhwamruphrapriytithrrminchwngxxkphrrsa eriykwa karsxbthrrmsnamhlwng inchwngwnkhun 9 12 kha eduxn 11 cdsxbnkthrrmchntrisahrbphraphiksusamenr aelachwngwnaerm 2 5 kha eduxn 12 cdsxbnkthrrmchnothaelaexk sahrbphraphiksusamenr pccubnkarsuksaechphaainchnnkthrrmtrisahrbphranwka hruxphrabwchihm cacdsxbinchwngplayvduekhaphrrsa ephuxxanwykhwamsadwkihaekphuthicalasikkhabthhlngxxkphrrsa caidtngiceriynphrathrrmwinyephuxsxbilihidnkthrrminchnnidwykarthuxptibtipraephnikarbaephykuslenuxnginethskalekhaphrrsainpraethsithykarthuxptibtipraephnikarbaephykuslenuxnginethskalekhaphrrsainpraethsithy snnisthanwaerimmimaaetaerkthirbphraphuththsasnaethrwathekhamaindinaednpraethsithy sungxacmiptibtipraephninimatngaetsmythwarawdi aetmaprakthlkthanchdecnwachawithyidthuxptibtiinkarbaephykuslinethskalekhaphrrsainsmykrungsuokhthyepnrachthani dngpraktkhwaminsilacarukhlkthi 1 danthi 2 dngni khninemuxngsuokhthyni mkthan mkthrngsil mnoxythan phxkhunramkhaaehngecaemuxngsuokhthyni thngchawaemchaweca thwypwthwynang lukecalukkhun thngsinthnghlaythngphuchayphuying fungthwymisrththainphraphuththsasn thrngsilemuxphrrsathukkhn emuxoxkphrrsakrankthineduxnnungcingaelw emuxkrankthin miphnmebiy miphnmhmak miphnmdxkim mihmxnnnghmxnonn bripharkthin oxythanaelpiaelyiblan ipsudytkthinethingxiryikphun emuxckekhamaewiyng eriyngknaetxiryikphunethahwlan dmbngkhmklxngdwyesiyngphathyesiyngphin esiyngeluxnesiyngkhb ikhrckmkeln eln ikhrckmkhw hw ikhrckmkeluxn eluxn emuxngsuokhthynimisipakptuhlwng ethiyryxmkhnesiydkn ekhamaduthanephaethiynthanelnif emuxngsuokhthynimidngckaetk khaxansilacarukphxkhunramkhaaehngmharach danthi 2 nxkcakniinhnngsuxtarbthawsriculalksnyngidklawthungkarethskalekhaphrrsainsmysuokhthyiwxikwa emuxthungwnkhun 14 kha thngthharbk aelathhareruxkcdkhbwnaehethiyncanaphrrsa thngiskhanhabipaelalngerux pradisthanxyuinbusbkthxngkha pradb thngthiw tiklxng epaaetrsngkh aehip khrnthungphraxaramaelwkyktnethiynnnekhaipthwayinphraxuobsth hxphrathrrmaelaphrawihar cudtamihswangiswinthinn tlxd 3 eduxn dngnithukphraxaram sungtarbthawsriculalksnnnsnnisthanwaaetngkhuninsmyrtnoksinthrodymi tamkhwamthismedckrmphrayadarngrachanuphaph idthrngxthibayekiywkbekhaokhrngkhxnghnngsuxniwaaemmiekhaokhrngmacaksmysuokhthy aetraylaexiydmikaraetngesrimknkhunmainsmyxyuthyahruxrtnoksinthrtxntn praephnienuxngdwykarekhaphrrsainpraethsithy inpraethsithymipraephnimakmaythiekiywkhxngkbkarekhacaphrrsakhxngphrasngkhithymachanan dngpraktpraephnimakmaythiekiywkbkarekhacaphrrsa echn praephnithwayethiynphrrsa aekphrasngkhephuxcudbuchatamxaramaelaephuxthwayihphrasngkhsamenrnaipcudephuxxankhmphirthangphraphuththsasnainrahwangekhacaphrrsa praephnikarthwayphaxabnafn hruxphawssiksatk aekphrasngkhkxnekhaphrrsa ephuxihphrasngkhnaipichsrngnafninphrrsa aelaodyechphaaxyangyingnganthiphuththsasnikchnithythuxwaepnnganbuyihypracapikhux praephnithwayphakthin thicdhlngphrasngkhpwarnaxxkphrrsa ephuxthwayphakthinaekphrasngkhthicakhrbphrrsacaidkranaelaidrbxanisngskthin epntn praephnithwayethiynphrrsa wikisxrs mingantnchbbekiywkb khathwayethiynphrrsa ethiynphrrsainpccubnichpraoychnephiyngcudbuchaphraphuththptima imidichpraoychninkarsuksaphrathrrmehmuxninxditxikaelw cungthaihinpccubnerimmichawphuththnaxupkrniffathiihaesngswangipthwayaekphrasngkhaethnethiynphrrsasungcaihpraoychnmakkwaichcudbuchaethann mipraephnihnungthienuxngdwywnekhaphrrsaaelacdepnpraephnithisakhyaelasubthxdkneruxyma kkhux praephnihlxethiynphrrsa sahrbihphraphiksuaelaphuththsasnikchnthwipidcudbuchainobsthsungethiynphrrsasamarthxyuidtlxd 3 eduxn aelaepnkuslthanxyanghnunginkarihthandwyaesngswang sunginpccubnidphthnamaepnnganpraephni prakwdethiynphrrsa khxngaetlacnghwdodycdepnkhbwnaehthngthangbkaelathangna karthwayethiynephuxcudtamprathipepnphuththbuchann macakxanisngskarthwayethiynephuxcudepnphuththbucha thipraktkhwaminphraitrpidkaelainkhmphirxrrthktha waphraxnuruththaethra ekhythwayethiynbuchathaihidrbxanisngsmakmay rwmthungidepnphumicksuthiphy tathiphy dwy dwykarphrrnaxanisngsdngklaw xacthaihchawphuththniymcudprathipepnphuththbuchamananaelw aetimprakthlkthanwakarthaethiynphrrsainpraethsithythwayerimmimaaetsmyid aetpraktkhwamintarbthawsriculalksn thiphrrnakarbaephykuslinchwngekhaphrrsawamikarthwayethiynphrrsadwy inpraethsithy karthwayethiynekhaphrrsacdepnphithiihymatngaetsmysuokhthy insmyrtnoksinthrkarthwayethiynekhaphrrsathuxepnphrarachkrniykicsakhy odycaeriykwaphumethiyn mikarphrarachthanthwayphumethiynrwmphungokhmephuxcudbuchatamxaramtang thnginphrankhraelahwemuxng sungphithiniyngkhngmimacnpccubn karthwayethiynphrrsaodyaekaslkepnlwdlaytang nn mimaaetobran edimepnpraephnirachsankdngthipraktinethiynrungethiynhlwngtamphraxaramtang sahrbethiynaekaslkthipraktwamikarcdthaprakwdknepneruxngrawihyotinpccubnnn phungerimmiemuxpi ph s 2483 incnghwdxublrachthani odynayophthi sngsri iderimthaaemphimphpunsiemntephuxhlxkhiphungepnthalwdlayithyippradbtidphimphbnethiynphrrsa nbepnkarcdthaethiynphrrsaaekaslkkhxngchangrastrepnkhrngaerk aelanayswn khunphl idthalwdlaynunslbsitang ekhaprakwdcnchnaelis txmainpi ph s 2497 cungerimmikarthaethiynphrrsatidphimphprakwdaebbphisdarodynaypradb kxnaekw khuxthaepnrupphuththprawtitidphimphcnidrbrangwlchnaelistidtxknmahlaypi cnpi ph s 2502 naykhahma aesngngam changaekaslk idthaethiynphrrsaaebbaekaslkmaprakwdepnkhrngaerkcnidrbrangwlchnaelis caknncungidmikaraeykpraephthkarprakwdtnethiynepnsxngaebbkhux praephthtidphimph aelapraephthaekaslk cninchwnghlngpi ph s 2511 nayxutsah aelanaysmy aesngwicitr iderimmikarcdthaethiynphrrsakhnadihyot thaepnhunaelaeruxngrawtang sungepnlksnakhxngethiynphrrsakhnadihythipraktinpccubn inxdit karhlxethiynekhaphrrsathuxepnphithisakhythichawphuththcamarwmtwknnakhiphungmahlxmrwmepnaethngethiynephuxthwayaekphrasngkh aetinpccubnchawphuththswnihycaniymkarsuxhaethiynphrrsacakransngkhphnth odybangswnmikarprbepliynipsuxxupkrniffathiihaesngswangthwayaekphrasngkhaethndwy sungnbepnkarprbepliynthiidpraoychnaekphrasngkhodytrng ephraapccubnimidmikarnaethiynmacudephuxxanhnngsuxxikaelw phrasngkhkhngnaethiynipcudbuchatamxuobsthwiharethann praephnithwayphaxabnafn kxnekhaphrrsa wikisxrs mingantnchbbekiywkb khathwayphaxabnafn phaxabnafn hrux phawssiksatk khuxphaepliynsahrbsrngnafnkhxngphrasngkh epnphalksnaediywkb odyprktiekhruxngichsxykhxngphraphiksutamphuththanuyatthiihmipracatwnn miephiyng xtthbrikhar sungidaek ciwr sngkhati ekhm batr rdprakhd hmxkrxngna aelamidokn aetchwnghnafnkhxngkarcaphrrsainsmykxnnn phrasngkhthimiephiyngsbngphunediywcaxabnafncaepntxngepluxykay thaihduimngamaelaehmuxnnkbwchnxksasna nangwisakhamhaxubasikacungkhidthway phawssiksatk hruxthieriykknodythwipwa ephuxihphrasngkhidphldepliynkbphasbngpkti cnepnpraephnithabuysubtxknmacnthungpccubn odypraktsaehtukhwamepnmakhxngkarthwayphaxabnafninphraitrpidkdngni khrnghnungsmyphuththkal phrasasdaprathb n phraechtwnmhawihar nangwisakhaidmafngthrrm aelwthulxarathnaphrasasdaaelahmusngkhipchnthibankhxngnanginwnrungkhun echawnnn ekidfntkkhrngihy tkinthwipthng 4 phrasasdacungrbsngihphiksuthnghlaysrngsnankay phrasngkhthnghlaythiimmiphaxabnafncungxxkmasrngnafnodyrangepluxykayxyu phxdikbnangwisakhamhaxubsikasngihnangthasiipnimntphiksumarbphttaharthibankhxngtn emuxnangthasiipthungthiwdehnphiksuepluxngphasrngsnankay kekhaicwa inxarammiaetphwkchiepluxy xachiwknxkphraphuththsasna immiphiksuxyucungklbban swnnangwisakhannepnstrithichladruaecnginehtukarnthngpwng emuxthwayphttaharaekphrasngkhmiphraphuththecaepnpramukhinwnnnaelw cungidoxkasxnkhwrthulkhxphr 8 prakartxphrasasda phrasasdathrngxnuyatphr 8 prakarkhux phaxabnafnmiephuxichphldkbphasbngpkti ephuxpkpidkhwamepluxykayinewlasrngnafnkhxngphrasngkh pktitamphrawiny phrasngkhcamiitrciwridephiyngrupla 1 sarbethann khxthwayphawssiksadk phaxabna aekphrasngkhephuxpkpidkhwamepluxykay khxthwayphtaetphraxakhntuka enuxngcakphraxakhntukaimchanayhnthang khxthwaykhmikphtaekphraphuetriymtwedinthang ephuxcaidimphldcakhmuekwiyn khxthwaykhilanphtaekphraxaphath ephuximihxakarxaphathkaerib khxthwayphtaekphraphuphyabalphraxaphath ephuxihthannakhilanphtipthwayphraxaphathidtamewla aelaphraphuphyabalcaidimxdxahar khxthwaykhilanephschaekphraxaphath ephuxihxakarxaphaththuelalng khxthwayyakhuepnpracaaeksngkh khxthwayphaxuthksadk phaxabna aekphiksunisngkhephuxpkpidkhwamimngamaelaimihthukeyyyn odynangwisakhaidihehtuphlkarthwayphaxabnafnwa ephuxihichpkpidkhwamepluxykayinewlasrngnafnkhxngphrasngkhthiduimngamdngklaw dngnn nangwisakhacungepnxubasikakhnaerkthiidrbxnuyatihthwayphaxabnafn wssiksatk aekphrasngkh phaxabnafn cungthuxepnbrikharphiessthiphraphuththecaxnuyatihphrasngkhidich dngnncungcaepntxngthaihthuktxngtamphrawinypidk miechnnnphrasngkhcatxngxabtinikhskhkhiypacittiy khux txngthaphakwangyawihthukkhnadtamphrawiny khux yaw 6 khubphrasukht kwang 2 khubkhrung tammatrapccubnkhux yaw 4 sxk 3 kraebiyd kwang 1 sxk 1 khub 4 niw 1 kraebiydess thahakmikhnadihykwani phrasngkhtxngtdihidkhnad cungcaplngxabtiid nxkcakni phraphuththecaidthrngwangkrxbewlainkaraeswnghaphaxabnafniwdwy hakphrasngkhaeswnghaphaxabnafnmaidphaynxkkahndewladngklaw catxngxabti odyphraphuththecayngidthrngwangkrxbewlainkaraeswnghaphaxabnafniwwa hakphrasngkhaeswnghaphaxabnafnmaichidphaynxkkahndewladngklaw catxngxabtinisskhkhiypacittiy klawkhux thrngwangkrxbewlahruxekhtkaliw 3 ekhtkal khux ekhtkalthicaaeswngha chwngplayvdurxn tngaetaerm 1 kha eduxn 7 thungwnephyeduxn 8 rwmewla 1 eduxn ekhtkalthicathanunghm chwngkungeduxnplayvdurxn tngaetkhun 1 kha eduxn 8 thungwnephyeduxn 8 rwmewlapraman 15 wn ekhtkalthicaxthisthanichsxy chwngekhaphrrsa tngaetaerm 1 kha eduxn 8 thungwnephyeduxn 12 rwmewla 4 eduxn dwykrxbphraphuththanuyataelakrxbewlatamphrawinydngklaw emuxthungewlathiphrasngkhtxngaeswnghaphaxabnafn phuththsasnikchncungthuxoxkasbaephykusldwykarcdhaphaxabnafnmathwayaekphrasngkh cnepnpraephnisakhyenuxnginethskalekhaphrrsamacnpccubn sungbangwdkmipraephnithimimaaetobrandwykarthwayphaxabnafnaebbslak khux nxkthwayphaxabnafnaelw yngthwayekhruxngithythrrmtangthiichinkarxyucaphrrsa echn sbu yasifn epntn odycathwaythaepnslak odyihmielkh2chudtamcanwnphraphiksusamenrthimarbphaxabnafn odyxyuphraphiksusamenrthicacaphrrsa1chud odycawangiwkhanghnanywaepnelkhpracatwinphithini aelaxyuthiphuthimathabuythwayphaxabnafnaelaekhruxngithythrrmxik1chud odychudthixyukbfayphuthabuycathaepnelkhslakihphumathabuycbslak chudelkhslakchudnungcamicanwnethaphraphiksusamenrthimarb thahmdelkhslakchudnung kcaetimelkhslakihcbephimthilachud thaphumathabuykhnihncbidelkhthitrngkbelkhthixyukhanghnaphraphiksusamenr kihnaphaxabnafnaelaekhruxngithythrrmipthwaykbphraphiksusamenrrupnn odynywaepnkusolbayinkarthabuyihepnsngkhthanephraaimecaacngphiksusamenrruphnungrupidsungepnptipukhkhlikthan thaihidxanisngsmak praephnithwayphacanaphrrsa hlngxxkphrrsa wikisxrs mingantnchbbekiywkb khathwayphacanaphrrsa phacanaphrrsa hrux phawssawasiksadk epnphaitrciwrthithwayaekphrasngkhthixyucaphrrsakhrb 3 eduxn thiphanwnpwarnaipaelw hruxthiphanwnpwarnaaelaidkranaelaxnuomthnakthinaelw sungphacanaphrrsaniphrasngkhsamarthrbidphayinkahnd 5 eduxn thiepnekhtxanisngskthin khux tngaetaerm 1 kha eduxn 11 thungkhun 15 kha eduxn 4 aetsahrbphrasngkhthicaphrrsakhrb 3 eduxn aelaphanwnpwarnaipaelw sungimidkranaelaxnuomthnakthin ksamarthrbaelaichphacanaphrrsaidechnkn aetsamarthrbidinchwngkahndephiyng 1 eduxn inekhtsahrbphuimidkrankthinethann karthwayphacanaphrrsainchwngdngklaw ephuxxnuekhraahaekphrasngkhthitxngkarciwrmaepliynkhxngekathicharud phuththsasnikchncungniymthwayphacanaphrrsamatngaetsmyphuththkal inpraethsithykpraktwamiphrarachpraephnikarthwayphacanaphrrsaaekphrasngkhmatngaetsmyrchkalthi 4 tamkhwamthipraktinhnngsuxphrarachniphnthphrarachphithi 12 eduxn sungpccubnaemthangrachsankidngdpraephniniipaelw aetpraephninikyngkhngmixyusahrbchawbanthwip odyniymthwayepnphaitraekphrasngkhhlngphithingankthin khuxemuxthwayphakthinesrcaelw kcaerimthwayphacanaphrrsa aekphraphiksuthukrupphuxyucaphrrsatxihesrcintxnnninwnnnely aetepnthisngektwapccubncaekhaicphidwaphacanaphrrsakhuxphaxabnafn sungkhwamcringaelwmikhwamepnmaaelaphrawinythiaetktangknsineching praephnithwayphaxceckciwr rahwangekhaphrrsa wikisxrs mingantnchbbekiywkb khathwayphaxceckciwr phaxceckciwr aeplwa ciwrribrxn hruxphadwn khuxphacanaphrrsathithwaylwnghnainchwngekhaphrrsa kxnkahndciwrkalpkti dwyehturibrxnkhxngphuthway echn phuthwaycaiprbthphhruxecbikhimiwicwacamichiwitrxdhruximchiwit hruxepnbukhkhlthiphungekidsrththainphraphuththsasna khwrrbiwchlxngsrththa xceckciwrechnni phrawinyxnuyatihphrasngkhrbekbiwid aettxngrbkxnwnpwarnaimekin 10 wn khuxtngaetkhun 6 kha thung 15 khaeduxn 11 aelatxngnamaichphayinchwngciwrkal phaxceckciwrni epnphathimikhwammunghmayediywkbphacanaphrrsa ephiyngaetthwaykxnvduciwrkaldwywtthuprasngkhribdwndwykhwamimaenicinchiwit sungpraephninikhngmisubmaaetsmyphuththkal pccubnimpraktepnphithiihy ephraaepnkarthwaydwysaehtuswntwechphaarayip swnmakcamiecaphaphphuthwayephiyngkhnediywaelaepnkhnpwyhnkthimikhwamsrththainphraphuththsasnaxyangaerngklawnekhaphrrsainptithincnthrkhtiithyxyangirktam bangpraethsthinbthuxphuththsasnaxackahndwnimtrngkbkhxngithyinbangpi enuxngcakpraethsithymikarkhanwnthitangcakpraethsodythwipaelaniymichptithin100piithyepnhlksungimethiyngtrngaelaimidrbkarprbtamcring enuxngcakrxbkarokhcrkhxngdwngcnthrrxbolk 1 rxb ichewla 29 wnkhrung thaihwnewlakhladekhluxnipid pi wnthi wnthi wnthipichwd 31 krkdakhm ph s 2539 18 krkdakhm ph s 2551 6 krkdakhm ph s 2563pichlu 20 krkdakhm ph s 2540 8 krkdakhm ph s 2552 25 krkdakhm ph s 2564pikhal 9 krkdakhm ph s 2541 27 krkdakhm ph s 2553 14 krkdakhm ph s 2565piethaa 28 krkdakhm ph s 2542 16 krkdakhm ph s 2554 2 singhakhm ph s 2566pimaorng 17 krkdakhm ph s 2543 3 singhakhm ph s 2555 21 krkdakhm ph s 2567pimaesng 6 krkdakhm ph s 2544 23 krkdakhm ph s 2556 12 krkdakhm ph s 2568pimaemiy 25 krkdakhm ph s 2545 12 krkdakhm ph s 2557 31 krkdakhm ph s 2569pimaaem 14 krkdakhm ph s 2546 31 krkdakhm ph s 2558 20 krkdakhm ph s 2570piwxk 1 singhakhm ph s 2547 20 krkdakhm ph s 2559 10 knyayn ph s 2571piraka 21 krkdakhm ph s 2548 9 krkdakhm ph s 2560 27 krkdakhm ph s 2572picx 11 krkdakhm ph s 2549 28 krkdakhm ph s 2561 16 krkdakhm ph s 2573pikun 30 krkdakhm ph s 2550 17 krkdakhm ph s 2562 4 singhakhm ph s 2574karprakxbphithithangsasnainchwngphrrsakalinpraethsithyaemkarekhaphrrsacaepneruxngkhxngphiksu aetphuththsasnikchnkthuxepnoxkasdithicaidthabuy rksasil aelacharaciticihphxngis odykarcdetriymsingkhxngephuxnaipthwayaekphrasngkhthicacaphrrsa kartngicrksasil 5 hruxsil 8 aelatngicbaephykhwamdi ekhawdfngthrrmtlxdphrrsakal sungimechphaaaetchawbanthwipethann sthabnphramhakstriykihkhwamsakhykbkarekhaphrrsakhxngphrasngkhepnxyangmakechnkn phrarachphithi karphrarachphithibaephyphrarachkuslenuxnginwnekhaphrrsanimichuxeriykepnthangkarwa phrarachphithithrngbaephyphrarachkusl enuxnginwnxasalhbucha aelaethskalekhaphrrsa sungedimkxn ph s 2501 eriykephiyng karphrarachphithithrngbaephyphrarachkusl enuxnginwnekhaphrrsa aethlngcakthithangkhnasngkhmikarkahndihephimwnxasalhbuchaepnwnsakhythangphraphuththsasnaxikwnhnung kxnhnawnekhaphrrsa 1 wn inpi ph s 2501 aelwsankphrarachwngcungidkahndephimkarbaephyphrarachkuslinwnxaslhbuchaephimetimkhunmadwyxikwnhnung rwmepnsxngwn karphrarachphithiniodypktimi phramhakstriyithyepnxngkhprathaninkarphrarachphithibaephyphrarachkusl aelabangkhrngthrngphrakrunaoprdekla ihphrabrmwngsanuwngsesdcaethn odysthanthiprakxbphrarachphithihlkcacdinwdphrasrirtnsasdaram wdbwrniewsrachwrwihar aelaphayinphrabrmmharachwng karsakhykhxngphrarachphithikhuxkarthwayphumethiynekhruxngbuchaaekphraphuththptimaaelaphrarachakhna rwmthngkarphrarachthanphttaharaekphrarachakhna thananukrm epriyy sungrbxarathanamarbbinthbatinphrabrmmharachwngcanwn 150 rup inwnekhaphrrsathukpi epntn sungkarphrarachphithiniepnkaraesdngxxkthungphrarachsrththaxnaennaefninphraphuththsasna khxngxngkhphramhakstriyithyphuthrngepnexkxkhrphuththsasnupthmphkmatngaetxditcnthungpccubn phithisamy emuxthungwnekhaphrrsa phuththsasnikchnniymipthabuytkbatr thwayethiynphrrsa thwayphaxabnafn odymkcacdekhruxngskkaraechn dxkim thupethiyn ekhruxngich echn sbu yasifn epntn mathwayphraphiksu samenr hruxmikarchwyphrathakhwamsaxadesnasna sxmaesmkutiwiharaelaxun odyniymiprwmthabuytkbatr fngthrrmaelarksaxuobsthsilknthiwd bangkhnxactngicngdewnxbaymukhtang epnkrniphiess echn ngdesphsura ngdkhastw epntn sungphxsrupkicthiphuththsasnikchnphungptibtiinphrrsakaliddngni rwmkickrrmthaethiynphrrsahruxhlxdifthwayaekphrasngkh rwmkickrrmthwayphaxabnafn aelactupccy aekphiksusamenr rwmthabuy tkbatr fngphrathrrmethsna rksaxuobsthsil tlxdphrrsakal xthisthantngicthakhwamdi hruxngdkarthachwxyanghnungxyangid echn ngdewnxbaymukhtang epntnwnekhaphrrsainpraethsxun inpccubn miphrasngkhcakpraethstang odyechphaaphrasngkhcakpraethsithy phma srilngka aelabangswnkhxngyipun caipthaphithiwnekhaphrrsathipraethsxinediyaelapraethsenpal insthanthitang echn phuththkhya emuxngrachkhvh sarnath emuxngkusinara swnlumphini emuxngkbilphsdu emuxngsawtthi aelakrungniwedli epntn khnaediywkninswnxun khxngpraethsxinediy tangkthuxwawnekhaphrrsaepnwnerimtnkarthuxsilaelaptibtithrrmipcnkhrb 3 eduxn aelakahndihwnekhaphrrsaihepnwnerimkarthakhwamdiechnediywkn sahrbinpraethsxinediynn imidkahndihwnekhaphrrsaaelawnxasalhbuchaepnwnhyudrachkarthwpraethsehmuxnkbwnwisakhbucha swnpraethsxun nxkcakni kimidihkhwamsakhykbwnekhaphrrsaaelawnxasalhbuchaihethaethiymkbwnwisakhbuchadwyxangxingphraitrpidk elmthi 4 phrawinypidk elmthi 4 mhawrrkh phakh 1 wssupnayikkhnthka phraitrpitkchbbsyamrth xxniln ekhathungidcak 1 ekhathungemux 11 6 52 rachkiccanuebksa prakassanknaykrthmntri eruxng wnngddumsuraaeh ngchati elm 125 txnphiess 142 ng 25 singhakhm 2551 hna 13 rachkiccanuebksa prakassanknaykrthmntri eruxng kahndwnhamkhayekhruxngdumaexlkxhxl elm 126 txnphiess 95 ng 3 krkdakhm ph s 2552 hna 6 okhrngkarrnrngkhldkarbriophkhekhruxngdumaexlkxhxl 2009 05 02 thi ewyaebkaemchchin ewbist stopdrink eriykkhxmulemux 22 6 52 phraitrpidk elmthi 4 phrawinypidk elmthi 4 mhawrrkh phakh 1 wssupnayikkhnthka eruxngphiksuhlayrup phraitrpitkchbbsyamrth xxniln ekhathungidcak 2 ekhathungemux 11 6 52 phraitrpidk elmthi 4 phrawinypidk elmthi 4 mhawrrkh phakh 1 wssupnayikkhnthka thrngprbxabtiaekphraphuimcaphrrsa phraitrpitkchbbsyamrth xxniln ekhathungidcak 3 ekhathungemux 1 7 52 mhawithyalymhamkutrachwithyaly 2555 ekhaphrrsaaelasttahkrniya xxn iln ekhathungidcak http www mbu ac th index php option com content amp task view amp id 1949 amp Itemid 148 2012 05 23 thi ewyaebkaemchchin ethsnaeruxngkthin phrarachsuththiyanmngkhl 2012 03 23 thi ewyaebkaemchchin ewbistcry jarun org eriykkhxmulemux 17 6 52 phraitrpidk elmthi 4 phrawinypidk elmthi 4 mhawrrkh phakh 1 wssupnayikkhnthka karcaphrrsa 2 xyang phraitrpitkchbbsyamrth xxniln ekhathungidcak 4 ekhathungemux 11 6 52 canngkh thxngpraesrith rachbnthitysthan khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2007 10 28 subkhnemux 2006 02 02 phraitrpidk elmthi 5 phrawinypidk elmthi 5 mhawrrkh phakh 2 hwkhxpracakhnthka phraitrpidkchbbsyamrth ekhathungkhxmulidcak 5 ekhathungemux 17 6 52 wnekhaphrrsa sasnaphuthth lingkesiy aerm 1 kha eduxn 8 wnekhaphrrsa nithrrskarxxniln hxngsmud withyaekhtsriracha mhawuthyalyekstrsastr khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2013 08 03 subkhnemux 2013 08 03 wnekhaphrrsa prawti aelakhwamepnma rkcng phubriharkhnacary mcr thasamicikrrmethskalekhaphrrsa lingkesiy wnekhaphrrsa Thai Study Focus PDF sanknganaemkxngthrrmsnamhlwng khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2019 12 03 subkhnemux 2020 07 09 sngkhphnth karsuksaphrathrrmwinykhxngphrasngkhinrahwangphrrsainpccubn culalngkrnmhawithyaly silacarukphxkhunramkhaaehngmharach culalngkrnmhawithyalycdthaenuxnginoxkas 700 pi laysuxithy krungethph orngphimphculalngkrnmhawithyaly 2527 carukphxkhunramkhaaehng danthi 2 thankhxmulcarukinpraethsithy sunymanusywithyasirinthr xngkhkarmhachn 17 kumphaphnth 2555 SHES 531 History of Ethical Thoughts in Thai Society phakhwichamnusysastr mhawithyalymhidl khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2009 10 08 subkhnemux 2009 05 04 phraitrpidk elmthi 32 phrasuttntpidk elmthi 24 khuththknikay xpthan phakh 1 xnuruththethrapthanthi 6 phraitrpidkchbbsyamrth xxniln ekhathungkhxmulidcak 6 ekhathungkhxmulemux 1 7 52 xrrthkthaphraitrpidk khuththknikay xpthan xnuruththethrapthan xrrthkthaphraitrpidkchbbsyamrth xxniln ekhathungkhxmulidcak 7 ekhathungkhxmulemux 1 7 52 rachkiccanuebksa karphrarachkuslthwayphumekhaphrrsa elmthi 19 txnthi 17 wnthi 27 krkdakhm ph s 2445 hnathi 331 sankphthnakhunthrrmcriythrrm krmkarsasna krathrwngwthnthrrm karhlxethiynphrrsa krungethph orngphimphchumnumshkrnkarekstraehngpraethsithy 2547 phraitrpidk elmthi 5 phrawinypidk elmthi 5 mhawrrkh phakh 2 eruxngnangwisakha mikharmata phraphuththanuyatphawssiksadk phraitrpitkchbbsyamrth xxniln ekhathungidcak 8 ekhathungemux 11 6 52 xrrthkthaphraitrpidk elmthi 27 phrasuttntpidk elmthi 19 khuththknikay chadk phakh 1 surucichadk xrrthkthaphraitrpitk xxniln ekhathungidcak 9 ekhathungemux 11 6 52 phraitrpidk elmthi 2 phrawinypidk elmthi 2 mhawiphngkh phakh 2 pttwrrkh sikkhabththi 4 thrngbyytisikkhabth phraitrpitkchbbsyamrth xxniln ekhathungidcak 10 ekhathungemux 1 7 52 phraphrhmkhunaphrn p x pyut ot phcnanukrmphuththsasn chbbpramwlsphth xxniln ekhathungkhxmulidcak 11 ekhathungemux 1 7 52 phraitrpidk elmthi 2 phrawinypidk elmthi 2 mhawiphngkh phakh 2 pttwrrkh sikkhabththi 8 thrngxnuyatxceckciwr phraitrpidkchbbsyamrth xxniln ekhathungidcak 12 ekhathungemux 1 7 52 phraphrhmkhunaphrn p x pyut ot phcnanukrmphuththsasn chbbpramwlsphth xxniln ekhathungkhxmulidcak 13 ekhathungemux 1 7 52 phraitrpidk elmthi 2 phrawinypidk elmthi 2 mhawiphngkh phakh 2 sikkhabththi 2 aehngpttwrrkh nisskhkhiypacittiy phraitrpidkchbbsyamrth xxniln ekhathungidcak 14 ekhathungemux 1 7 52 rachkiccanuebksa hmaykahndkar thi 11 2545 phrarachphithithrngbaephyphrarachkuslenuxnginwnxasalhbucha aelaethskalekhaphrrsa phuththskrach 2545 2011 11 07 thi ewyaebkaemchchin elm 119 txn phiess 67 ng 19 krkdakhm ph s 2545 hna 30 rachkiccanuebksa hmaykahndkar phrarachkuslekhawrrsa 2499 elm 73 txn 57 24 krkdakhm ph s 2499 hna 2067 rachkiccanuebksa prakassanksngkhnayk eruxng kahndphithixasalhbucha elm 75 txn 57 29 krkdakhm ph s 2501 hna 2169 rachkiccanuebksa hmaykahndkar thi 12 2501 phrarachphithithrngbaephyphrarachkuslenuxnginwnxasalhbucha aelaethskarekhaphrrsa phuththskrach 2501 elm 75 txn 58 ng chbbphiess 31 krkdakhm ph s 2501 hna 1 rachkiccanuebksa hmaykahndkar thi 14 2539 phrarachphithithrngbaephyphrarachkuslenuxnginwnxasalhbucha aelaethskalekhaphrrsa phuththskrach 2539 elm 114 txn phiess 61 ng 11 krkdakhm ph s 2540 hna 89 rachkiccanuebksa hmaykahndkar thi 17 1 2551 hmaykahndkarphrarachphithithrngbaephyphrarachkuslenuxnginwnxasalhbucha aelaethskalekhaphrrsa phuththskrach 2551 chbbepliynaeplng elm 125 txn 14 kh 11 singhakhm ph s 2551 hna 193 rachkiccanuebksa hmaykahndkar thi 13 2546 phrarachphithithrngbaephyphrarachkuslenuxnginwnxasalhbucha aelaethskalekhaphrrsa phuththskrach 2546 2011 11 08 thi ewyaebkaemchchin elm 120 txn phiess 76 ng 11 krkdakhm ph s 2546 hna 78 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2013 06 04 subkhnemux 2013 08 01 ekhaphrrsa n aednphuththphumi pnnwthn ptithin 100 pi ph s 2468 2568 khmphirphyakrnkhuban krungethph iphlin 2550 ISBN 974 455 535 1 duephimwnxasalhbucha wnsakhythangphraphuththsasna inwnkhun 15 kha eduxn 8 kxnhnawnekhaphrrsa 1 wn kthin xanisngssahrbphraphiksuphuxyucakhrbphrrsa wnxxkphrrsaaehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb wnekhaphrrsa phraitrpidk elmthi 4 phrawinypidk elmthi 4 mhawrrkh phakh 1 wssupnayikkhnthka phraitrpitkchbbsyamrth xxniln ekhathungidcak 15 ody phrathrrmkhunaphrn exuxn hasthmom wdsamphraya krungethph ody s dr kaycna nakhskul ody sankngankhnakrrmkarwthnthrrmaehngchati krathrwngwthnthrrm