บทความนี้ต้องการตรวจสอบความถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้น ๆ โปรดเพิ่มพารามิเตอร์ reason หรือ talk ลงในแม่แบบนี้เพื่ออธิบายปัญหาของบทความ |
ปฏิทินไทย เป็นปฏิทินชนิดที่เรียกว่าสุริยจันทรคติ โดยใช้ปฏิทินสุริยคติไทยในทางราชการและนิยมใช้ทั่วประเทศไทย ซึ่งขณะเดียวกัน ปฏิทินจันทรคติไทย มีการใช้งานในการนับวันสำคัญทางพุทธศาสนาและวันข้างขึ้นข้างแรม
ประวัติปฏิทินไทย
ในอดีตประเทศไทยใช้ปฏิทินจันทรคติ โดยในสมัยสุโขทัยเป็นราชธานี ได้นับปีตามปีมหาศักราชตามที่ปรากฏในศิลาจารึก จนกระทั่งถึงสมัยพญาลิไท[] - สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง[] ได้เปลี่ยนมาใช้จุลศักราช โดยใช้วันเถลิงศก (วันพระญาวัน) เป็นวันขึ้นปีใหม่ ซึ่งยังคงใช้ปฏิทินจันทรคติอยู่ ถึงแม้ว่าปฏิทินราชการจะใช้จันทรคติ แต่ทางยังนิยมใช้เทียบปีในรูปแบบพุทธศักราชอยู่ จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ ยังคงให้มีวันเปลี่ยนปีขึ้นจุลศักราชใหม่ตามปฏิทินสุริยคติแบบสุริยยาตรด้วย วันเถลิงศกซึ่งตรงกับวันที่ 15 เมษายน ในสมัยนั้น ส่วนปีนักษัตร ให้นับเปลี่ยนปีตามปฏิทินจันทรคติ คือใช้วันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 แทน และระหว่างวันเปลี่ยนปีนักษัตร (จันทรคติ) กับวันขึ้นปีจุลศักราช(สุริยคติ)นี้ จะเป็นช่วงเวลาที่เปลี่ยนปีนักษัตรแล้วแต่ปีจุลศักราชยังเป็นปีเก่าอยู่จึงให้เพิ่มคำว่า "ยังเป็น" อีกด้วย.
จนกระทั่งในปี จุลศักราช 1240 ซึ่งตรงกับปี พ.ศ. 2431 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ เปลี่ยนจากปฏิทินจันทรคติมาใช้ปฏิทินสุริยคติแบบสากลตามปฏิทินเกรกอเรียนแทนที่ โดยกำหนดแบ่งให้หนึ่งปีมี 12 เดือน และในแต่ละเดือนจะมี 28-31 วันตามปฏิทินสากล ทรงให้กรมพระยาเทววงศ์วโรปการ ตั้งชื่อเดือน ได้แก่ เดือนแรกของปีคือเดือนเมษายน จนถึงเดือนสุดท้ายของปี คือเดือนมีนาคม ซึ่งยังคงใช้รัตนโกสินทรศก เป็นชื่อปีอย่างเป็นทางการ โดยใช้ 1 เมษายน ร.ศ. 108 แทนที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2432 จนกระทั่งเลิกใช้ปีรัตนโกสินทรศกที่ 131 จึงได้เปลี่ยนมาใช้ปีพุทธศักราชอย่างเป็นทางการ โดยปีพุทธศักราชแรกที่ใช้คือปี พ.ศ. 2456
ในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้มีการปรับเปลี่ยนปฏิทินอีกครั้งโดยปรับให้วันที่ 1 มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่และเป็นวันเริ่มต้นของปีแทนที่รูปแบบเดิม โดยวันขึ้นปีใหม่ในรูปแบบนี้เริ่มใช้ในปี พ.ศ. 2484 ซึ่งตัดสามเดือนสุดท้ายของปี 2483 ออก ทำให้เดือน มกราคม ถึงมีนาคม 2483 หายไป
- ลำดับปีและการเปลี่ยนการใช้ระบบปฏิทินไทย
สมัย | เทียบปี พ.ศ. | ปฏิทิน | ระบบศักราช ที่ใช้ในราชการ | วันเริ่มปีใหม่ | ปีสุดท้ายที่ใช้งาน | หมายเหตุ |
---|---|---|---|---|---|---|
สุโขทัย - อยุธยาเสียกรุงครั้งที่ 1 | 1792 | จันทรคติ | มหาศักราช | วันขึ้น 1 ค่ำเดือนอ้าย | ม.ศ. 1491 (เทียบ พ.ศ. 2112) | เปลี่ยนจากมหาศักราชเป็นจุลศักราช |
อยุธยา - รัชกาลที่ 5 | 2112-2431 | จุลศักราช | วันเถลิงศก | จ.ศ. 1250 (เทียบ พ.ศ. 2431) | เปลี่ยนจากจุลศักราชเป็นรัตนโกสิทรศก (ยังคงมีการใช้พุทธศักราชควบคู่ไป) | |
รัชกาลที่ 5 - รัชกาลที่ 6 | 2431-2455 | สุริยคติ | รัตนโกสินทรศก | 1 เมษายน | ร.ศ. 131 (เทียบ พ.ศ. 2455) | เปลี่ยนจากรัตนโกสินทรศกเป็นพุทธศักราช |
รัชกาลที่ 6 - รัชกาลที่ 8 | 2456-2483 | พุทธศักราช | ||||
รัชกาลที่ 8 - ปัจจุบัน | 2484 - ปัจจุบัน | 1 มกราคม |
การเทียบปีกับปฏิทินอื่น
ภายหลัง พ.ศ. 2484
ปฏิทินพุทธศักราชไทยจะมีค่ามากกว่าปฏิทินคริสต์ศักราชอยู่เท่ากับ 543 ปีพอดี โดยการคำนวณจะทำได้โดย
- ปี ค.ศ. = ปี พ.ศ. - 543
- ปี พ.ศ. = ปี ค.ศ. + 543
ระหว่าง พ.ศ. 2431 - 2483
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้ ทำให้มีข้อสังเกตในระบบปฏิทินราชการไทย ดังนี้ ตั้งแต่ ค.ศ. 1888-1940 คริสต์ศักราชจึงคาบปีพุทธศักราช 542 ปี เช่น ค.ศ. 1940 จะตรงกับ พ.ศ. 2482 (ช่วง ม.ค. ถึง มี.ค.) และ 2483 (ช่วง เม.ย. ถึง ธ.ค.) ไม่มีวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2483 ถึง วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2483 ในปฏิทินราชการไทย เพราะจะเป็น พ.ศ. 2484 แทน
เดือน | ม.ค. | ธ.ค. | ม.ค. | ธ.ค. | ม.ค. | ธ.ค. | ม.ค. | ธ.ค. | ||||||||
ลำดับเดือน | 1 | 12 | 1 | 12 | 1 | 12 | 1 | 12 | ||||||||
คริสต์ศักราช | 1939 | 1940 | 1941 | 1942 | ||||||||||||
พุทธศักราช | 2481 | 2482 | 2483 | 2484 | 2485 | |||||||||||
ลำดับเดือนไทย | 12 | 1 | 12 | 1 | 9 | 1 | 12 | 1 | 12 | |||||||
เดือนไทย | มี.ค. | เม.ย. | มี.ค. | เม.ย. | ธ.ค. | ม.ค. | ธ.ค. | ม.ค. | ธ.ค. |
- ปี ค.ศ. = ปี พ.ศ. - 543 ระหว่างเดือน 1-9 (เมษายน ถึง ธันวาคม)
- ปี ค.ศ. = ปี พ.ศ. - 542 ระหว่างเดือน 10-12 (มกราคม ถึง มีนาคม)
ดังนี้ตามปฏิทินราชการ ผู้ที่เกิด วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2482 จะมีอายุน้อยกว่าคนที่เกิดวันที่ 31 ธันวาคม 2482 อยู่ 1 วัน (มิใช่ อายุมากกว่า 364 วัน) การคำนวณ จาก ค.ศ. เป็น พ.ศ. ในช่วงเดือน มกราคม ถึงมีนาคม เมื่อ เลข ค.ศ. มีค่าต่ำกว่า หรือเท่ากับ 1940 จะต้องบวกด้วย 542 มิใช่ 543
ประวัติการใช้เลขปี พ.ศ. แบบของไทย เริ่มที่พระสงฆ์ไทยตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเวลาเทศน์ได้เทศน์ว่า พระศาสนาได้ล่วงมาแล้วกี่ปี จึงหมายถึงปีเต็ม เราจึงถือว่าปีปรินิพพานเป็นปีที่ 0 ส่วนพม่า เขมร ลาว และศรีลังกา ใช้แบบปีย่าง คือนับปีปรินิพพานเป็นปีที่ 1
ก่อนหน้า พ.ศ. 2431
สำหรับปีก่อนหน้าที่จะเปลี่ยนมาใช้ระบบนี้ การคำนวณจะคำนวณได้ยาก เนื่องจากต้องมีการเทียบระบบวันที่นับจากข้างขึ้นข้างแรม เมื่อเทียบกับปฏิทินที่ใช้ระบบอื่น
การใช้งานปฏิทินในประเทศไทย
ในภาษาไทย คำว่า "ปฏิทิน" มาจากศัพท์ภาษาบาลี ปฏิ (เฉพาะ , สำหรับ) + ทิน (วัน) บัญญัติขึ้นเพื่อให้มีความหมายว่า "แบบสำหรับดู วัน เดือน ปี" สามารถเขียนได้เป็น ประติทิน (ภาษาสันสกฤต) หรือ ประฏิทิน (บาลีแผลง) ประดิทิน แต่มีการเรียกผิดเป็น ปุรติทิน บ้าง ประนินทิน บ้าง (คำหลังนี้พบในหนังสือที่เขียนโดย หมอบรัดเลย์ ในหนังสืออักขราภิธานศรับท์ หน้า 412 และหนังสือสยามไสมย หน้าโฆษณา ของหมอสมิท[] เป็นต้น) พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 กริ้วและตำหนิ ดังปรากฏในพระบรมราชาธิบายว่า "...หนังสือจำพวกเรียงรายวัน นับคติพระอาทิตย์ พระจันทร์และอื่นๆที่ลงเป็นตารางนั้น ภาษาไทยเราเขียนว่า ประฏิทิน ถึงคำเพ็ดทูลและอ่านก็ว่าประฏิทิน แต่คำคนไม่รู้เรียกว่า ประนินทิน คำนี้พวกครูของพวกโรงพิมพ์จะไม่รู้ดอกกระมัง ด้วยมิใช่ของข้างวัดวาอารามบาล่ำบาลีอะไร" (ช.ชินพัฒน์. กรุงเทพฯ : ฉลาดปราดเปรื่องเฟื่องประติทินหมืนปี, 2540 หน้า 40-41 และ ยุธิษเฐียร. สารคดีชุดรู้ไว้ก็ดี, 2503 หน้า 205)
ปฏิทินแบบสำหรับดู วัน เดือน ปี มีทั้งที่จารึกบนก้อนหิน หรือ ขีด เขียน และพิมพ์บนกระดาษ ซึ่งมีทั้งชนิดเป็นแผ่น ตั้งแต่ 1 – 12 แผ่น และชนิดพิมพ์เป็นเล่มแบบหนังสือปฏิทินชนิดเล่ม
การพิมพ์ปฏิทินมีขึ้นเป็นครั้งแรกในเมืองไทย เมื่อ วันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2385 (ปลายสมัยรัชกาลที่ 3) ซึ่งสามารถตรวจสอบและค้นคว้าหาหลักฐานได้จากไมโครฟิล์ม หนังสือ ปี ค.ศ. 1870 (พ.ศ. 2413) หน้า 5 ในหอสมุดแห่งชาติ หรือค้นคว้าได้จากหนังสือต้นฉบับ ที่หอสมุดดำรงราชานุภาพ ซึ่งหมอ บรัดเลย์ ได้เขียนไว้ว่า “ 14 First Calendar print in B. 1842 ” (ไม่บอกว่าใครเป็นผู้พิมพ์ แต่คาดหมายว่า คือ หมอ บรัดเลย์ ซึ่งเป็นเจ้าของโรงพิมพ์ ผู้มีผลงานทางหนังสือมากมาย)
รัชกาลที่ 4 ทรง ฯ โปรดให้พิมพ์ปฏิทินภาษาไทย (ภายหลังจากหมอบรัดเลย์พิมพ์ปฏิทินชิ้นแรกในสยาม เมื่อ พ.ศ. 2385) เมื่อ วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2404 ดังปรากฏหลักฐานใน หนังสือบางกอกคาเลนดาร์ ฉบับ ปี ค.ศ. 1862 (พ.ศ. 2405) หน้า 108
ในสมัย รัชกาลที่ 5 ปฏิทินที่พิมพ์ในเมืองไทยได้แก่ “ ประนินทิน ” ซึ่งลงโฆษณาใน หนังสือสยามไสมย ของ หมอสมิท เขียนคำโฆษณาไว้ตอนหนึ่ง ว่า “ ประนินทินนี้ แจ้งให้รู้ถึงการอื่นเป็นอันมากอันควรคนทั้งปวงจะรู้ ถ้าไม่รู้เขาจะนินทาว่าคนโง่ ” แจ้งราคาขายไว้เล่มละ 4 บาท (ราคาในสมัยนั้น) ปัจจุบันยังหาประนินทินของหมอสมิทไม่พบ
ปฏิทินในสมัย รัชกาลที่ 6 ที่น่าสนใจได้แก่ปฏิทินพกเล่มเล็กๆ ที่พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้พิมพ์เป็นของชำร่วย สำหรับแจกพระราชทาน แก่ขุนนางที่ลงนามถวายพระพร ในวันขึ้นปีใหม่ ปฏิทินพกแบบนี้ยังมีแจกต่อมาจนถึงรัชกาลปัจจุบัน ซึ่งบุคคลธรรมดาก็สามารถไปลงนามถวายพระพรและรับปฏิทินหลวงได้[]
การพิมพ์ปฏิทินเล่มยังมีการจัดทำต่อมา จนกระทั่งถึงรัชกาลปัจจุบัน ปฏิทินเล่มยังมีรายละเอียดในเรื่องของ สภาพภูมิอากาศ เวลาน้ำขึ้น – น้ำลง การเดินทางของดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ และมีช่องว่างให้บันทึกเล็กน้อย ยังมีสมุดบันทึกอีกแบบหนึ่ง ซึ่งบอกรายละเอียดของ วัน เดือน ปี เรียงไปตามลำดับ และมีหน้าสำหรับจดบันทึกหมายเหตุรายวัน รวมถึงวันสำคัญ และวัน เวลา นัดหมาย ฯลฯ ที่เรียกว่า “ ไดอารี่ ” (Diary) หรือ ” สมุดบันทึกประจำวัน ” ก็สามารถอนุโลมให้เป็นปฏิทินได้
ปฏิทินไดอารี่ เริ่มมีใช้ในเมืองไทยเมื่อใดยังไม่ปรากฏหลักฐานที่ชัดเจน แต่ไดอารี่ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันทั่วไป และมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์อย่างสูง คือ ไดอารี่ของรัชกาลที่ 5 ซึ่งเมื่อตีพิมพ์เผยแพร่มีชื่อเรียกว่า "จดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน"[]
การนับวันของปฏิทินไทย
การกำหนดวันข้างขึ้น ข้างแรม ของปฏิทินไทย นอกจากคำนึงถึงดิถี (รูปร่างความเป็นเสี้ยว) ของดวงจันทร์แล้ว ยังคำนึงถึง รูปแบบที่เข้าใจง่าย จัดทำได้ง่าย เพื่อให้จัดงานได้ตรงกัน ด้วยเหตุนี้ ผู้คำนวณปฏิทินจึงต้องคิดรูปแบบการทดวัน และทดเดือนที่ง่ายต่อการจดจำ และการบันทึก 1 ปีของปฏิทินไทย ปกติมี 12 เดือน แต่จะมีราวร้อยละ 36.8 ที่มี 13 เดือน ซึ่งเรียกปีดังกล่าวนี้ว่า ปีอธิกมาส โดยที่ อธิก แปลว่า เพิ่ม, มาส แปลว่า เดือน มีเดือน 8 อยู่ 2 ครั้ง ไม่ใช่ไปเพิ่มเป็นเดือนที่ 13 ส่วนปีที่มี 12 เดือน เรียกว่า ปกติมาส เดือนที่ 1 นิยมเรียกว่า เดือนอ้าย ส่วนเดือนที่ 2 นิยมเรียกว่า เดือนยี่ โดยปกติ เดือนที่เป็นตัวเลขคี่ (เช่น อ้าย, 3, 5, 7, 9, 11) จะมี 29 วัน ส่วนเดือนเลขคู่ (เช่น ยี่, 4, 6, 8, 10, 12) จะมี 30 วัน ดังนั้น ปีอธิกมาส จึงมี 29×6 + 30×7 = 384 วัน เสมอ ส่วนปีปกติมาส มี 2 พวก คือ พวกแรก จะมี 29×6 + 30×6 = 354 วัน เรียกว่า ปกติวาร กับพวกที่ 2 เป็นปีที่เพิ่มวันเข้าไป 1 วัน เป็นพิเศษ เรียกว่า อธิกวาร โดยที่ วาร แปลว่า วัน โดยเพิ่มในเดือน 7 ให้เป็น 30 วัน ดังนั้นปีอธิกวาร จึงมี 355 วัน
ในการกำหนดปีปกติ ปีอธิกมาส ปีอธิกวาร ในปฏิทินไทย ตั้งแต่สุโขทัย สืบมาจนปัจจุบันนี้ จะวางตามพระคัมภีร์สุริยยาตรเป็นเสาหลักเทียบโดยมีสัดส่วนความแม่นยำตามตำรา ดังนี้ ปีปกติ 7,262,789 ปี : ปีอธิกมาส 6,125,521 ปี : ปีอธิกวาร 3,219,690 ปี โดยอธิกมาส 0 นับจากจุลศักราชแรกตกหรคุณ -282856310/6125521
วันที่ 1 ของเดือน เรียกว่า วันขึ้น 1 ค่ำ หรือ ออก 1 ค่ำ (ขึ้นหรือออก แปลว่า ดวงจันทร์ กำลังสว่างเพิ่มขึ้น) วันที่ 16 ไม่ได้เรียกว่า วันขึ้น 16 ค่ำ หรือ ออก 16 ค่ำ แต่เรียกว่า วันแรม 1 ค่ำ (แรม หมายถึง ดวงจันทร์ กำลังสว่างลดลง) ในเดือนคี่ ที่มี 29 วันนี้ ก็จะมีสิ้นสุดแค่วันแรม 14 ค่ำ โดยไม่มี วันแรม 15 ค่ำ ส่วนเดือนคู่ มี 30 วัน และมี วันแรม 15 ค่ำ เวลาที่ใช้เปลี่ยนวันทางปฏิทินจันทรคติของไทย คือ เวลารุ่งเช้าของวันถัดไป ไม่ใช่เที่ยงคืน โดยมีการเสนอว่า ควรให้นิยามที่ชัดเจนของคำว่า “รุ่งเช้า” นี้ และเสนอว่า ควรใช้ค่าเฉลี่ยที่เวลาดวงอาทิตย์ขึ้น หรือเวลา 6:00 น. ของเส้นลองจิจูด 100 องศา ตะวันออก นั่นคือ เวลา 6:20 น. ตามเวลามาตรฐานของไทย วันพระ หรือธรรมสวนะ จัดขึ้น 4 วันในเดือนหนึ่ง ๆ คือ วันขึ้น 8 ค่ำ ขึ้น 15 ค่ำ แรม 8 ค่ำ และวันแรม สุดท้ายของเดือน (14 ค่ำในเดือนคี่ 15 ค่ำในเดือนคู่)
วันสำคัญของไทย
- ดูเพิ่มที่ วันสำคัญ และ วันสำคัญทางพุทธศาสนา
- วันมาฆบูชา ได้แก่วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 (หรือเดือน 4 ในปีอธิกมาส)
- วันสิ้นปีทางจันทรคติ หรือ ตรงกับวันแรม 15 ค่ำ เดือน 4 ของทุกปี ตั้งแต่รัชกาลที่ 4 เป็นต้นมา กำหนดให้เป็นวันสิ้นปีจุลศักราช
- วันมหาสงกรานต์ หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่า วันสงกรานต์ เป็นวันที่โหร เชื่อว่าพระอาทิตย์เริ่มสู่ราศีเมษ ปัจจุบันตกวันที่ 13 หรือ 14 เมษายน โดยมีวันเถลิงศก หรือวันพระญาวัน คือวันขึ้นปีใหม่ทางสุริยคติแบบดั้งเดิมของไทย ปัจจุบันตกประมาณวันที่ 16 เมษายน วันที่อยู่ระหว่างวันสงกรานต์ กับวันเถลิงศก อาจมี 1 หรือ 2 วันก็ได้เรียกว่าวันเนา (การคำนวณหาวันสงกรานต์ วันเนา และวันเถลิงศก เป็นการคำนวณตามคัมภีร์สุริยยาตร)
- วันวิสาขบูชา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 (หรือเดือน 7 ในปีอธิกมาส)
- วันอัฏฐมีบูชา (วันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ) ตรงกับวันแรม 8 ค่ำ เดือน 6 (หรือเดือน 7 ในปีอธิกมาส)
- วันอาสาฬหบูชา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 (หรือเดือน 8 หนหลัง ในปีอธิกมาส)
- วันเข้าพรรษา ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 (หรือเดือน 8 หนหลัง ในปีอธิกมาส)
- หรือข้าวบิณฑ์ ตรงกับวันแรม 14 ค่ำ เดือน 9
- /ข้าวสาก/ก๋วยสลาก ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10
- หรือวันครึ่งปี ตรงกับวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 (6 หรือ 7 เดือน หลังวันตรุษในข้อ 2)
- วันออกพรรษา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11
- และเริ่มเทศกาลกฐิน ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11
- วันลอยกระทง และสิ้นสุดเทศกาลกฐิน ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12
- วันแรม 15 ค่ำ เดือน 12
การกำหนดวันพิธีกรรมทางศาสนา ในปีอธิกมาส
เรายึดเดือน 8 หนที่สอง เป็นเดือน 8 ที่แท้จริง ดังนั้นวันวิสาขบูชาซึ่งโดยปกติจะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 แต่ในปีที่มีเดือน 8 สองหน ให้เลื่อนไปอยู่ในเดือน 7 แทน โดยถือว่าเดือน 8 หนหลังเป็นเดือน 8 ที่แท้จริง ส่วนเดือน 8 หนแรก ก็จะมีค่าเท่ากับเดือน 7 เป็นที่น่าสังเกตว่า ประเพณีไทยและชาวเอเชียให้ความสำคัญกับวันส่งท้ายปีเก่าที่กำลังจะจากไปมากกว่าวันปีใหม่ เพื่อแสดงความกตัญญูต่อบุคคลและธรรมชาติ ที่ให้ความช่วยเหลือเราในปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงจัดงานเลี้ยงในหมู่คนที่คุ้นเคยกัน เพื่อแสดงความขอบคุณในความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และขออภัยที่สิ่งผิดพลาดหรือล่วงเกินในปีที่ผ่านมา ไม่ใช่การจัดชุมนุมร่วมกับคนแปลกหน้าเพื่อนับถอยหลัง สลัดของเก่าให้พ้นตัวไปแบบฝรั่ง เมื่อเป็นเช่นนี้ช่วงสิ้นปี จึงมีความสำคัญมากกว่าช่วงต้นปี อนึ่งคำว่า วันตรุษจีน ก็แปลว่า วันสิ้นปีของจีนเช่นกัน ปัจจุบันตกอยู่ประมาณวันแรม 15 ค่ำเดือนยี่ของไทย หรือเดือน 3 ในปีอธิกมาส นิยมเรียกว่า วันไหว้บรรพบุรุษ ส่วนวันปีใหม่ คือ วันถัดมา ที่เรียกว่า วันเที่ยว (แต่ในปฏิทิน และคนทั่วไปนิยมเรียกวันขึ้นปีใหม่หรือวันเที่ยวว่า วันตรุษจีน จึงไม่ต้องสงสัยว่าคนจีนให้ความสำคัญกับวันไหนมากกว่ากัน ระหว่างการไหว้บรรพบุรุษ กับการเที่ยว)
อ้างอิง
- ความรู้เรื่องศักราชที่ใช้ในหนังสือไทย 2008-04-30 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมห่งชาติ
- มหาศักราชคืออะไร[] กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ
แหล่งข้อมูลอื่น
- แรกใช้พุทธศักราชในสยาม[]
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamnitxngkartrwcsxbkhwamthuktxngcakphuechiywchayineruxngnn oprdephimpharamietxr reason hrux talk lnginaemaebbniephuxxthibaypyhakhxngbthkhwamemuxwangaethkni ihphicarnaechuxmoyngkhakhxnikbokhrngkarwiki ptithinithy epnptithinchnidthieriykwasuriycnthrkhti odyichptithinsuriykhtiithyinthangrachkaraelaniymichthwpraethsithy sungkhnaediywkn ptithincnthrkhtiithy mikarichnganinkarnbwnsakhythangphuththsasnaaelawnkhangkhunkhangaermphaphptithinithy cin aesdngepnptithinsuriykhtikhxngeduxnsinghakhm ph s 2547 aelawnthitamaebbptithinithyaelacinprawtiptithinithyinxditpraethsithyichptithincnthrkhti odyinsmysuokhthyepnrachthani idnbpitampimhaskrachtamthipraktinsilacaruk cnkrathngthungsmyphyaliith txngkarxangxing smedcphraecaprasaththxng txngkarxangxing idepliynmaichculskrach odyichwnethlingsk wnphrayawn epnwnkhunpiihm sungyngkhngichptithincnthrkhtixyu thungaemwaptithinrachkarcaichcnthrkhti aetthangyngniymichethiybpiinrupaebbphuththskrachxyu cnthungrchsmyphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhwidoprdekla yngkhngihmiwnepliynpikhunculskrachihmtamptithinsuriykhtiaebbsuriyyatrdwy wnethlingsksungtrngkbwnthi 15 emsayn insmynn swnpinkstr ihnbepliynpitamptithincnthrkhti khuxichwnkhun 1 kha eduxn 5 aethn aelarahwangwnepliynpinkstr cnthrkhti kbwnkhunpiculskrach suriykhti ni caepnchwngewlathiepliynpinkstraelwaetpiculskrachyngepnpiekaxyucungihephimkhawa yngepn xikdwy cnkrathnginpi culskrach 1240 sungtrngkbpi ph s 2431 inphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwidoprdekla epliyncakptithincnthrkhtimaichptithinsuriykhtiaebbsakltamptithinekrkxeriynaethnthi odykahndaebngihhnungpimi 12 eduxn aelainaetlaeduxncami 28 31 wntamptithinsakl thrngihkrmphrayaethwwngsworpkar tngchuxeduxn idaek eduxnaerkkhxngpikhuxeduxnemsayn cnthungeduxnsudthaykhxngpi khuxeduxnminakhm sungyngkhngichrtnoksinthrsk epnchuxpixyangepnthangkar odyich 1 emsayn r s 108 aethnthi 1 emsayn ph s 2432 cnkrathngelikichpirtnoksinthrskthi 131 cungidepliynmaichpiphuththskrachxyangepnthangkar odypiphuththskrachaerkthiichkhuxpi ph s 2456 insmycxmphl p phibulsngkhram idmikarprbepliynptithinxikkhrngodyprbihwnthi 1 mkrakhm epnwnkhunpiihmaelaepnwnerimtnkhxngpiaethnthirupaebbedim odywnkhunpiihminrupaebbnierimichinpi ph s 2484 sungtdsameduxnsudthaykhxngpi 2483 xxk thaiheduxn mkrakhm thungminakhm 2483 hayip ladbpiaelakarepliynkarichrabbptithinithysmy ethiybpi ph s ptithin rabbskrach thiichinrachkar wnerimpiihm pisudthaythiichngan hmayehtusuokhthy xyuthyaesiykrungkhrngthi 1 1792 cnthrkhti mhaskrach wnkhun 1 khaeduxnxay m s 1491 ethiyb ph s 2112 epliyncakmhaskrachepnculskrachxyuthya rchkalthi 5 2112 2431 culskrach wnethlingsk c s 1250 ethiyb ph s 2431 epliyncakculskrachepnrtnoksithrsk yngkhngmikarichphuththskrachkhwbkhuip rchkalthi 5 rchkalthi 6 2431 2455 suriykhti rtnoksinthrsk 1 emsayn r s 131 ethiyb ph s 2455 epliyncakrtnoksinthrskepnphuththskrachrchkalthi 6 rchkalthi 8 2456 2483 phuththskrachrchkalthi 8 pccubn 2484 pccubn 1 mkrakhmkarethiybpikbptithinxunphayhlng ph s 2484 ptithinphuththskrachithycamikhamakkwaptithinkhristskrachxyuethakb 543 piphxdi odykarkhanwncathaidody pi kh s pi ph s 543 pi ph s pi kh s 543 dd rahwang ph s 2431 2483 karepliynaeplngdngklawni thaihmikhxsngektinrabbptithinrachkarithy dngni tngaet kh s 1888 1940 khristskrachcungkhabpiphuththskrach 542 pi echn kh s 1940 catrngkb ph s 2482 chwng m kh thung mi kh aela 2483 chwng em y thung th kh immiwnthi 1 mkrakhm ph s 2483 thung wnthi 31 minakhm ph s 2483 inptithinrachkarithy ephraacaepn ph s 2484 aethn eduxn m kh th kh m kh th kh m kh th kh m kh th kh ladbeduxn 1 12 1 12 1 12 1 12khristskrach 1939 1940 1941 1942phuththskrach 2481 2482 2483 2484 2485ladbeduxnithy 12 1 12 1 9 1 12 1 12eduxnithy mi kh em y mi kh em y th kh m kh th kh m kh th kh pi kh s pi ph s 543 rahwangeduxn 1 9 emsayn thung thnwakhm dd pi kh s pi ph s 542 rahwangeduxn 10 12 mkrakhm thung minakhm dd dngnitamptithinrachkar phuthiekid wnthi 1 mkrakhm ph s 2482 camixayunxykwakhnthiekidwnthi 31 thnwakhm 2482 xyu 1 wn miich xayumakkwa 364 wn karkhanwn cak kh s epn ph s inchwngeduxn mkrakhm thungminakhm emux elkh kh s mikhatakwa hruxethakb 1940 catxngbwkdwy 542 miich 543 prawtikarichelkhpi ph s aebbkhxngithy erimthiphrasngkhithytngaetsmykrungsrixyuthyaewlaethsnidethsnwa phrasasnaidlwngmaaelwkipi cunghmaythungpietm eracungthuxwapipriniphphanepnpithi 0 swnphma ekhmr law aelasrilngka ichaebbpiyang khuxnbpipriniphphanepnpithi 1 kxnhna ph s 2431 sahrbpikxnhnathicaepliynmaichrabbni karkhanwncakhanwnidyak enuxngcaktxngmikarethiybrabbwnthinbcakkhangkhunkhangaerm emuxethiybkbptithinthiichrabbxunkarichnganptithininpraethsithyinphasaithy khawa ptithin macaksphthphasabali pti echphaa sahrb thin wn byytikhunephuxihmikhwamhmaywa aebbsahrbdu wn eduxn pi samarthekhiynidepn pratithin phasasnskvt hrux pratithin baliaephlng pradithin aetmikareriykphidepn purtithin bang praninthin bang khahlngniphbinhnngsuxthiekhiynody hmxbrdely inhnngsuxxkkhraphithansrbth hna 412 aelahnngsuxsyamismy hnaokhsna khxnghmxsmith txngkarxangxing epntn phraecaxyuhwrchkalthi 4 kriwaelatahni dngpraktinphrabrmrachathibaywa hnngsuxcaphwkeriyngraywn nbkhtiphraxathity phracnthraelaxunthilngepntarangnn phasaithyeraekhiynwa pratithin thungkhaephdthulaelaxankwapratithin aetkhakhnimrueriykwa praninthin khaniphwkkhrukhxngphwkorngphimphcaimrudxkkramng dwymiichkhxngkhangwdwaxarambalabalixair ch chinphthn krungethph chladpradepruxngefuxngpratithinhmunpi 2540 hna 40 41 aela yuthisethiyr sarkhdichudruiwkdi 2503 hna 205 ptithinaebbsahrbdu wn eduxn pi mithngthicarukbnkxnhin hrux khid ekhiyn aelaphimphbnkradas sungmithngchnidepnaephn tngaet 1 12 aephn aelachnidphimphepnelmaebbhnngsuxptithinchnidelm karphimphptithinmikhunepnkhrngaerkinemuxngithy emux wnthi 14 mkrakhm ph s 2385 playsmyrchkalthi 3 sungsamarthtrwcsxbaelakhnkhwahahlkthanidcakimokhrfilm hnngsux pi kh s 1870 ph s 2413 hna 5 inhxsmudaehngchati hruxkhnkhwaidcakhnngsuxtnchbb thihxsmuddarngrachanuphaph sunghmx brdely idekhiyniwwa 14 First Calendar print in B 1842 imbxkwaikhrepnphuphimph aetkhadhmaywa khux hmx brdely sungepnecakhxngorngphimph phumiphlnganthanghnngsuxmakmay rchkalthi 4 thrng oprdihphimphptithinphasaithy phayhlngcakhmxbrdelyphimphptithinchinaerkinsyam emux ph s 2385 emux wnthi 12 minakhm ph s 2404 dngprakthlkthanin hnngsuxbangkxkkhaelndar chbb pi kh s 1862 ph s 2405 hna 108 insmy rchkalthi 5 ptithinthiphimphinemuxngithyidaek praninthin sunglngokhsnain hnngsuxsyamismy khxng hmxsmith ekhiynkhaokhsnaiwtxnhnung wa praninthinni aecngihruthungkarxunepnxnmakxnkhwrkhnthngpwngcaru thaimruekhacaninthawakhnong aecngrakhakhayiwelmla 4 bath rakhainsmynn pccubnynghapraninthinkhxnghmxsmithimphb ptithininsmy rchkalthi 6 thinasnicidaekptithinphkelmelk thiphraxngkhoprdekla ihphimphepnkhxngcharwy sahrbaeckphrarachthan aekkhunnangthilngnamthwayphraphr inwnkhunpiihm ptithinphkaebbniyngmiaecktxmacnthungrchkalpccubn sungbukhkhlthrrmdaksamarthiplngnamthwayphraphraelarbptithinhlwngid txngkarxangxing karphimphptithinelmyngmikarcdthatxma cnkrathngthungrchkalpccubn ptithinelmyngmiraylaexiydineruxngkhxng sphaphphumixakas ewlanakhun nalng karedinthangkhxngdwngcnthraeladwngxathity aelamichxngwangihbnthukelknxy yngmismudbnthukxikaebbhnung sungbxkraylaexiydkhxng wn eduxn pi eriyngiptamladb aelamihnasahrbcdbnthukhmayehturaywn rwmthungwnsakhy aelawn ewla ndhmay l thieriykwa idxari Diary hrux smudbnthukpracawn ksamarthxnuolmihepnptithinid ptithinidxari erimmiichinemuxngithyemuxidyngimprakthlkthanthichdecn aetidxarithimichuxesiyngepnthiruckknthwip aelamikhunkhathangprawtisastrxyangsung khux idxarikhxngrchkalthi 5 sungemuxtiphimphephyaephrmichuxeriykwa cdhmayehtuphrarachkicraywn txngkarxangxing karnbwnkhxngptithinithykarkahndwnkhangkhun khangaerm khxngptithinithy nxkcakkhanungthungdithi ruprangkhwamepnesiyw khxngdwngcnthraelw yngkhanungthung rupaebbthiekhaicngay cdthaidngay ephuxihcdnganidtrngkn dwyehtuni phukhanwnptithincungtxngkhidrupaebbkarthdwn aelathdeduxnthingaytxkarcdca aelakarbnthuk 1 pikhxngptithinithy pktimi 12 eduxn aetcamirawrxyla 36 8 thimi 13 eduxn sungeriykpidngklawniwa pixthikmas odythi xthik aeplwa ephim mas aeplwa eduxn mieduxn 8 xyu 2 khrng imichipephimepneduxnthi 13 swnpithimi 12 eduxn eriykwa pktimas eduxnthi 1 niymeriykwa eduxnxay swneduxnthi 2 niymeriykwa eduxnyi odypkti eduxnthiepntwelkhkhi echn xay 3 5 7 9 11 cami 29 wn swneduxnelkhkhu echn yi 4 6 8 10 12 cami 30 wn dngnn pixthikmas cungmi 29 6 30 7 384 wn esmx swnpipktimas mi 2 phwk khux phwkaerk cami 29 6 30 6 354 wn eriykwa pktiwar kbphwkthi 2 epnpithiephimwnekhaip 1 wn epnphiess eriykwa xthikwar odythi war aeplwa wn odyephimineduxn 7 ihepn 30 wn dngnnpixthikwar cungmi 355 wn inkarkahndpipkti pixthikmas pixthikwar inptithinithy tngaetsuokhthy submacnpccubnni cawangtamphrakhmphirsuriyyatrepnesahlkethiybodymisdswnkhwamaemnyatamtara dngni pipkti 7 262 789 pi pixthikmas 6 125 521 pi pixthikwar 3 219 690 pi odyxthikmas 0 nbcakculskrachaerktkhrkhun 282856310 6125521 wnthi 1 khxngeduxn eriykwa wnkhun 1 kha hrux xxk 1 kha khunhruxxxk aeplwa dwngcnthr kalngswangephimkhun wnthi 16 imideriykwa wnkhun 16 kha hrux xxk 16 kha aeteriykwa wnaerm 1 kha aerm hmaythung dwngcnthr kalngswangldlng ineduxnkhi thimi 29 wnni kcamisinsudaekhwnaerm 14 kha odyimmi wnaerm 15 kha swneduxnkhu mi 30 wn aelami wnaerm 15 kha ewlathiichepliynwnthangptithincnthrkhtikhxngithy khux ewlarungechakhxngwnthdip imichethiyngkhun odymikaresnxwa khwrihniyamthichdecnkhxngkhawa rungecha ni aelaesnxwa khwrichkhaechliythiewladwngxathitykhun hruxewla 6 00 n khxngesnlxngcicud 100 xngsa tawnxxk nnkhux ewla 6 20 n tamewlamatrthankhxngithy wnphra hruxthrrmswna cdkhun 4 wnineduxnhnung khux wnkhun 8 kha khun 15 kha aerm 8 kha aelawnaerm sudthaykhxngeduxn 14 khaineduxnkhi 15 khaineduxnkhu wnsakhykhxngithyduephimthi wnsakhy aela wnsakhythangphuththsasnawnmakhbucha idaekwnkhun 15 kha eduxn 3 hruxeduxn 4 inpixthikmas wnsinpithangcnthrkhti hrux trngkbwnaerm 15 kha eduxn 4 khxngthukpi tngaetrchkalthi 4 epntnma kahndihepnwnsinpiculskrach wnmhasngkrant hruxthieriykngay wa wnsngkrant epnwnthiohr echuxwaphraxathityerimsurasiems pccubntkwnthi 13 hrux 14 emsayn odymiwnethlingsk hruxwnphrayawn khuxwnkhunpiihmthangsuriykhtiaebbdngedimkhxngithy pccubntkpramanwnthi 16 emsayn wnthixyurahwangwnsngkrant kbwnethlingsk xacmi 1 hrux 2 wnkideriykwawnena karkhanwnhawnsngkrant wnena aelawnethlingsk epnkarkhanwntamkhmphirsuriyyatr wnwisakhbucha trngkbwnkhun 15 kha eduxn 6 hruxeduxn 7 inpixthikmas wnxtthmibucha wnthwayphraephlingphraphuththsrira trngkbwnaerm 8 kha eduxn 6 hruxeduxn 7 inpixthikmas wnxasalhbucha trngkbwnkhun 15 kha eduxn 8 hruxeduxn 8 hnhlng inpixthikmas wnekhaphrrsa trngkbwnaerm 1 kha eduxn 8 hruxeduxn 8 hnhlng inpixthikmas hruxkhawbinth trngkbwnaerm 14 kha eduxn 9 khawsak kwyslak trngkbwnkhun 15 kha eduxn 10 hruxwnkhrungpi trngkbwnaerm 15 kha eduxn 10 6 hrux 7 eduxn hlngwntrusinkhx 2 wnxxkphrrsa trngkbwnkhun 15 kha eduxn 11 aelaerimethskalkthin trngkbwnaerm 1 kha eduxn 11 wnlxykrathng aelasinsudethskalkthin trngkbwnkhun 15 kha eduxn 12 wnaerm 15 kha eduxn 12karkahndwnphithikrrmthangsasna inpixthikmas erayudeduxn 8 hnthisxng epneduxn 8 thiaethcring dngnnwnwisakhbuchasungodypkticatrngkbwnkhun 15 khaeduxn 6 aetinpithimieduxn 8 sxnghn iheluxnipxyuineduxn 7 aethn odythuxwaeduxn 8 hnhlngepneduxn 8 thiaethcring swneduxn 8 hnaerk kcamikhaethakbeduxn 7 epnthinasngektwa praephniithyaelachawexechiyihkhwamsakhykbwnsngthaypiekathikalngcacakipmakkwawnpiihm ephuxaesdngkhwamktyyutxbukhkhlaelathrrmchati thiihkhwamchwyehluxerainpithiphanma dngnncungcdnganeliynginhmukhnthikhunekhykn ephuxaesdngkhwamkhxbkhuninkhwamchwyehluxsungknaelakn aelakhxxphythisingphidphladhruxlwngekininpithiphanma imichkarcdchumnumrwmkbkhnaeplkhnaephuxnbthxyhlng sldkhxngekaihphntwipaebbfrng emuxepnechnnichwngsinpi cungmikhwamsakhymakkwachwngtnpi xnungkhawa wntruscin kaeplwa wnsinpikhxngcinechnkn pccubntkxyupramanwnaerm 15 khaeduxnyikhxngithy hruxeduxn 3 inpixthikmas niymeriykwa wnihwbrrphburus swnwnpiihm khux wnthdma thieriykwa wnethiyw aetinptithin aelakhnthwipniymeriykwnkhunpiihmhruxwnethiywwa wntruscin cungimtxngsngsywakhncinihkhwamsakhykbwnihnmakkwakn rahwangkarihwbrrphburus kbkarethiyw xangxingkhwamrueruxngskrachthiichinhnngsuxithy 2008 04 30 thi ewyaebkaemchchin sankngankhnakrrmkarwthnthrrmhngchati mhaskrachkhuxxair lingkesiy krmechuxephlingthrrmchatiaehlngkhxmulxunaerkichphuththskrachinsyam lingkesiy