เจ้าสุมนเทวราช หรือ เจ้าหลวงสุมนเทวราช ทรงเป็นเจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 58 และองค์ที่ 8 แห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ ทรงเป็นราชโอรสในเจ้าอริยวงษ์ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 52 และทรงเป็นพระนัดดา(หลานปู่)ในพระเจ้าหลวงติ๋นมหาวงศ์ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 51 และปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ ทรงครองเมืองน่าน ระหว่างปี พ.ศ. 2354 - พ.ศ. 2368
เจ้าสุมนเทวราช | |||||
---|---|---|---|---|---|
พระยาน่าน | |||||
เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 58 แห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ | |||||
ราชาภิเษก | 6 มิถุนายน พ.ศ. 2358 | ||||
ครองราชย์ | 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2354 - 26 มิถุนายน พ.ศ. 2368 | ||||
รัชกาล | 14 ปี 4 เดือน 13 วัน | ||||
พระอิสริยยศ | พระยาประเทศราช | ||||
ก่อนหน้า | สมเด็จเจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ | ||||
ถัดไป | เจ้ามหายศ | ||||
ประสูติ | พ.ศ. 2294 | ||||
พิราลัย | 26 มิถุนายน พ.ศ. 2367 (74 ปี) ณ กรุงเทพฯ | ||||
ถวายเพลิงพระศพ | 16 สิงหาคม พ.ศ. 2367 ณ พระเมรุชั่วคราว วัดอรุณราชวราราม กรุงเทพ | ||||
พระอัครชายา | แม่เจ้าพิมพาอรรคราชเทวี | ||||
พระชายา | 7 องค์ | ||||
พระราชบุตร | 10 พระองค์ | ||||
| |||||
ราชสกุล | สมณะช้างเผือก | ||||
ราชวงศ์ | ติ๋นมหาวงศ์ | ||||
พระบิดา | พระเจ้าอริยวงษ์ | ||||
พระมารดา | แม่เจ้าเมืองรามราชเทวี |
พระประวัติ
เจ้าสุมนเทวราช มีพระนามเดิมว่า เจ้าสมณะ ประสูติเมื่อปี พ.ศ. 2294 ทรงเป็นพระโอรสองค์ที่ 3 ในเจ้าอริยวงษ์ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 52 ประสูติแต่แม่เจ้าเมืองรามราชเทวี (ชายาที่ 2) และทรงเป็นพระนัดดา(หลานปู่)ในพระเจ้าหลวงติ๋นมหาวงศ์ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 51 และปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ เจ้าสุมนเทวราชทรงมีพระเชษฐาร่วมพระมารดา 2 องค์ ดังนี้
- เจ้าขวา ภายหลังเป็น เจ้าพระยาจางวางขวา เมืองน่าน
- เจ้าซ้าย ภายหลังเป็น เจ้าพระยาจางวางซ้าย เมืองน่าน
- เจ้าสมณะ ภายหลังเป็น พระเจ้าสุมนเทวราช เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 58
พระอิสริยยศ และบรรดาศักดิ์
- พระยาอุปราชสมณะ พระยาอุปราชเมืองน่าน (พ.ศ. 2331 - พ.ศ. 2353)
- พระยาสุมนเทวราช เจ้าพระยาน่าน (พ.ศ. 2353 - พ.ศ. 2368
(ใน พ.ศ. 2331 เจ้าอัตวรปัญโญ ได้ลงมาเข้าเฝ้าฯ เพื่อขอเป็นข้าขอบขัณฑสีมาในรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และได้รับการสถาปนาเป็น “เจ้าฟ้าอัตวรปัญโญ” แล้วกลับให้ครองนครน่านต่อพร้อม กับสถาปนา เจ้าสุมนเทวราช ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้าของเจ้าฟ้าอัตวรปัญโญ เป็นเจ้าอุปราชหอหน้า (มีฐานะรอง จากเจ้าผู้ครองนคร)
เครื่องยศ
เครื่องยศ ที่พระยาสุมนเทวราช ทรงได้รับพระราชทาน ดังนี้ วันพุธ ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2354 หรือ (จุลศักราชได้ ๑๑๗๓ ตัวปีลวงเม็ดเดือน ๗ ลง ๖ ค่ำ) พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดเกล้าฯพระราชทาน เครื่องยศ แก่พระยาสุมนเทวราช ดังนี้
- พานพระศรีคำ 1 ใบ
- จอกคำ 2 ใบ
- ผะอบยาสูบคำ 2 อัน
- ซองพลูคำ 1 อัน
- มีดด้ามคำ 1 อัน
- อุบนวดคำ 1 ใบ
- คนโทคำ 1 ลูก
- กะโถนคำ 1 ใบ
- แหวนธำมรงค์ราชลูกดีพลอยเพ็ชร ต้น 10 กลาง 10 2 วง
- พระกลดแดงดอกคำ 1 ใบ
- ปืนลองชนเครือคำ 1 กระบอก
- ปืนลองชนต้นเรียบ 2 กระบอก
- ปืนลองชนต้นกลม 3 บอก
- ผ้ายกไหมคำหลวงสังเวียน 1 ผืน
- ผ้านุ่งยกไหมคำ 4 ผืน
- ผ้าโพกริ้วทอง 1 ผืน
- เสื้อจีบเอวภู่ตราดอกคำ 1 ผืน
- แพรขาวผุดดอกคำ 1 ผืน
- มุ้งแพร 2 หลัง
- สโต๊กเงิน 2 ใบ
พระโอรส พระธิดา
เจ้าสุมนเทวราช เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 58 ทรงมีพระชายา 8 องค์ และพระโอรส/พระธิดา รวม 10 พระองค์ มีรายพระนามดังนี้
- พระชายาที่ 1 แม่เจ้าพิมพาอรรคราชเทวี
- - ไม่มีประสูติกาล
- พระชายาที่ 2 แม่เจ้ามาลาวีราชเทวี ประสูติพระโอรส 2 พระองค์ ดังนี้
- เจ้าอินทบุตร
- เจ้าอชิตวงษ์ ภายหลังได้เป็น พระเจ้าอชิตวงษ์ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 60
- พระชายาที่ 3 แม่เจ้าสุคันทาราชเทวี ประสูติพระโอรส 1 พระองค์ ดังนี้
- เจ้าบุญสาร
- พระชายาที่ 4 แม่เจ้าคำทิพย์เทวี ประสูติพระโอรส 2 พระองค์ ดังนี้
- เจ้าอนุรุธ
- เจ้าค่ายแก้ว
- พระชายาที่ 5 แม่เจ้าคำเฟือยเทวี
- - ไม่มีประสูติกาล
- พระชายาที่ 6 แม่เจ้าปวงพระเจ้าเทวี
- - ไม่มีประสูติกาล
- พระชายาที่ 7 แม่เจ้าคำปวนเทวี ประสูติพระโอรส/พระธิดา 3 พระองค์ ดังนี้
- เจ้าบุษรถ ภายหลังได้เป็น
- เจ้าพัทธิยะ
- เจ้านางแปงเมือง
- พระชายาที่ 8 แม่เจ้าต่อมแก้วเทวี ประสูติพระโอรส/พระธิดา 2 พระองค์ ดังนี้
- เจ้านางขวดแก้ว
- เจ้าพุทธวงษ์
พระกรณียกิจ
- ด้านศาสนา
- เมื่อปี พ.ศ. 2363 พระยาสุมนเทวราช เจ้าผู้ครองนครน่าน พร้อมด้วยราชครูสังฆสงฆ์เสนาอำมาตย์และประชาชนทั้งหลาย ได้ร่วมกันหล่อระฆังลูกนี้ไว้เพื่อใช้ตีในพิธีบูชาพระมหาชินธาตุเจ้า
- เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2366 พระยาสุมนเทวราช เจ้าผู้ครองนครน่าน พร้อมกับพระนางพิมพาราชเทวี พระศรีอนุกัญญา พระราชบุตร พระราชนัดดา พร้อมด้วยเสนาอำมาตย์ประชานาถทั้งหลายร่วมกันสร้างพระพุทธรูป ณ วัดสถารส (ปัจจุบันตั้งอยู่ที่ วัดสถารศ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน)
- ด้านบ้านเมือง
- เมื่อปี พ.ศ. 2353 พระยาสุมนเทวราช เจ้าผู้ครองนครน่าน ได้สนองพระเดชพระคุณเผยแพร่พระบารมีให้แผ่ไพศาลออกไปอีกครั้ง ด้วยการกรีฑาทัพเมืองน่านขี้นไปตีหัวเมืองไทลื้อต่างๆในสิบสองปันนา เช่น เมืองล้า เป็นต้น และได้กวาดต้อนเชลยศึกเข้ามาไว้ในอาณาเขตเมืองนครน่านถึง 60,000 คนเศษ เมื่อเสร็จศึกสงครามแล้วจึงเสด็จลงไปเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ณ กรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อนั้นก็ทรงยินดีโสมนัสเป็นอย่างมาก พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสิ่งของให้เหล่าแม่ทัพอํามาตย์มากมาย ดังในประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๑๐ บันทึกไว้ว่า .. “ในศักราชเดียวนี้ เดือน ๓ อาชญาเจ้าหลวงท่านก็กวาดเอาคนครัวเมืองล้า เมืองพง เชียงแขง เมืองหลวงภูคา ลงมาไว้เมืองน่าน มีคน ๖๐,๐๐๐ คนหั้นแล” .. (ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๑๐ , ๒๔๖๑ : ๑๔๗)
- เมื่อปี พ.ศ. 2360 (ในรัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) ได้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ น้ำในแม่น้ำน่านไหลเข้าสู่ตัวเมืองน่านด้วยความแรงและเชี่ยว ได้พัดพากำแพงเมืองทางด้านทิศตะวันตกพังทลายลงทั้งแถบ บ้านเรือนพังทลายเกือบหมด วัดวาอารามในนครน่านหักพังเป็นอันมาก
- เมื่อปี พ.ศ. 2362 พระยาสุมนเทวราช เจ้าผู้ครองนครน่าน จึงได้ย้ายเมืองไปอยู่บริเวณดงพระเนตรช้างซึ่งเป็นที่ดอนน้ำท่วมไม่ถึง ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเมืองน่าน (ปัจจุบัน) ทรงใช้เวลาในการก่อสร้างเพียง 6 เดือน จึงแล้วเสร็จ แล้วโปรดให้เรียกว่า "เวียงเหนือ" (ปัจจุบันอยู่ในเขตบ้านมหาโพธิ์ และบ้านสถารส อ.เมืองน่าน) ห่างจากเวียงใต้ (เมืองน่าน ปัจจุบัน) ประมาณ 2 กิโลเมตร เวียงเหนือ มีลักษณะของเมืองคือทอดไปตามลำน้ำน่าน อยู่ห่างจากแม่น้ำน่านประมาณ 800 เมตร มีคูเมืองล้อมรอบ ซึ่งปัจจุบันยังพบร่องรอยคูน้ำคันดินของพื้นที่หัวเวียงเหนืออยู่ ในปัจจุบัน คือ ถนนหน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา น่าน
หัวเวียงเหนือ มีพื้นที่อาณาเขต ดังนี้
• ทิศใต้ จดกับ ทุ่งนาริน
• ทิศตะวันออก ทอดตัวยาวไปตามถนนสุมนเทวราช
• ทิศตะวันตก จดกับ มุมรั้วสนามกีฬา อบจ. น่าน
• ทิศเหนือ จดกับ ทุ่งควายเฒ่าข้าวสาร
• วัดสถารส สันนิษฐานว่าเป็นวัดหลวงกลางเวียงของหัวเวียงเหนือ ซึ่งเป็นวัดแห่งเดียวในหัวเวียงเหนือที่มีพระธาตุเจดีย์ จึงสันนิษฐานว่าเป็นวัดหลวงกลางเวียง
• ศูนย์กลางการปกครองของนครน่าน ที่ตั้งอยู่ที่เวียงเหนือสืบกันมาได้ 36 ปี จนถึงในรัชสมัยพระเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 62 จึงได้โปรดให้ย้ายศูนย์กลางการปกครองของนครน่านกลับลงมาอยู่ ณ เวียงนครน่าน (เดิม) หรือที่ตั้งของเมืองน่านในปัจจุบัน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2400 เป็นต้นมา
- ด้านการถวายความจงรักภักดีต่อราชวงศ์จักรี
- เมื่อปี พ.ศ. 2359 พระยาสุมนเทวราช เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 58 ได้นำช้างพลายเผือกเอก ลงมาทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 2 แห่งราชวงศ์จักรี ณ กรุงเทพฯ ครั้นเมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2359 (แรม ๙ ค่ำ เดือน ๕ ปีฉลูนพศก) เสด็จขึ้นไปรับแลมีการแห่สมโภช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อขึ้นรวางเป็น ..."พระยาเสวตรคชลักษณ์ ประเสริฐศักดิสมบูรณ์ เกิดตระกูลสารสิบหมู่ เผือกผู้พาหนะนารถ อิศราราชธำรง บัณฑรพงษ์จตุรภักตร์ สุรารักษรังสรรค์ ผ่องผิวพรรณผุดผาด ศรีไกรลาศเลิศลบ เฉลิมพิภพอยุทธยา ขัณฑเสมามณฑล มิ่งมงคลเลิศฟ้า"... แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานบำเหน็จรางวัลแก่ พระยาสุมนเทวราช พระยานครน่าน เป็นอันมาก แต่มิได้เลื่อนยศขึ้น เพราะเหตุที่ว่าเจ้าผู้ครองเมืองน่านในครั้งนั้น เป็นตระกูลเจ้ามาแต่ก่อน ใช้นามในพื้นเมืองว่า "เจ้าฟ้าเมืองน่าน" เหมือนอย่างเจ้าเมืองไทยใหญ่ทั้งปวง ไม่ใช่เป็นตระกูลซึ่งตั้งเป็นเจ้าขึ้นใหม่เหมือนเจ้าเจ็ดตน เมืองนครเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองนครลำพูน
สถานที่อันเนื่องมาจากพระนาม
ราชตระกูล
พงศาวลีของพระยาสุมนเทวราช | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
- นามสกุลคนไทย (ต้นสกุล (ต้นวงศ์), ต้นราชสกุล)
- ราชวงศปกรณ์ พงศาวดารเมืองน่าน (ฉบับพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช) หน้า 110
- ราชวงศปกรณ์ พงศาวดารเมืองน่าน (ฉบับพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช), หน้า 147
- ราชวงศปกรณ์ พงศาวดารเมืองน่าน (ฉบับพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช), หน้า 149
- ราชวงศปกรณ์ พงศาวดารเมืองน่าน (ฉบับพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช), หน้า 147
- ราชวงศปกรณ์ พงศาวดารเมืองน่าน (ฉบับพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช), หน้า 184
- พงษาวดารนครเวียงน่าน
- พระราชพงษาวดาร-กรุงรัตนโกสินทร-รัชกาลที่-๒/๔๗-ได้พระยาเสวตรคชลักษณ์-ช้างเผือกเมืองน่าน
ดูเพิ่ม
ก่อนหน้า | พระยาสุมนเทวราช | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
สมเด็จเจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ | เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 58 และองค์ที่ 8 แห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ (พ.ศ. 2353 - พ.ศ. 2368) | พระเจ้ามหายศ |
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
ecasumnethwrach hrux ecahlwngsumnethwrach thrngepnecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 58 aelaxngkhthi 8 aehngrachwngstinmhawngs thrngepnrachoxrsinecaxriywngs ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 52 aelathrngepnphrandda hlanpu inphraecahlwngtinmhawngs ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 51 aelapthmkstriyaehngrachwngstinmhawngs thrngkhrxngemuxngnan rahwangpi ph s 2354 ph s 2368ecasumnethwrachphrayananecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 58 aehngrachwngstinmhawngsrachaphiesk6 mithunayn ph s 2358khrxngrachy13 kumphaphnth ph s 2354 26 mithunayn ph s 2368rchkal14 pi 4 eduxn 13 wnphraxisriyysphrayapraethsrachkxnhnasmedcecafaxtthwrpyoythdipecamhaysprasutiph s 2294phiraly26 mithunayn ph s 2367 74 pi n krungethphthwayephlingphrasph16 singhakhm ph s 2367 n phraemruchwkhraw wdxrunrachwraram krungethphphraxkhrchayaaemecaphimphaxrrkhrachethwiphrachaya7 xngkhphrarachbutr10 phraxngkhphranametmphrayasumnethwrach phrayananrachskulsmnachangephuxkrachwngstinmhawngsphrabidaphraecaxriywngsphramardaaemecaemuxngramrachethwiphraprawtiecasumnethwrach miphranamedimwa ecasmna prasutiemuxpi ph s 2294 thrngepnphraoxrsxngkhthi 3 inecaxriywngs ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 52 prasutiaetaemecaemuxngramrachethwi chayathi 2 aelathrngepnphrandda hlanpu inphraecahlwngtinmhawngs ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 51 aelapthmkstriyaehngrachwngstinmhawngs ecasumnethwrachthrngmiphraechstharwmphramarda 2 xngkh dngni ecakhwa phayhlngepn ecaphrayacangwangkhwa emuxngnan ecasay phayhlngepn ecaphrayacangwangsay emuxngnan ecasmna phayhlngepn phraecasumnethwrachecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 58phraxisriyys aelabrrdaskdiphrayaxuprachsmna phrayaxuprachemuxngnan ph s 2331 ph s 2353 phrayasumnethwrach ecaphrayanan ph s 2353 ph s 2368 in ph s 2331 ecaxtwrpyoy idlngmaekhaefa ephuxkhxepnkhakhxbkhnthsimainrchkalthi 1 aehngkrungrtnoksinthr aelaidrbkarsthapnaepn ecafaxtwrpyoy aelwklbihkhrxngnkhrnantxphrxm kbsthapna ecasumnethwrach sungmiskdiepnnakhxngecafaxtwrpyoy epnecaxuprachhxhna mithanarxng cakecaphukhrxngnkhr ekhruxngysekhruxngys thiphrayasumnethwrach thrngidrbphrarachthan dngni wnphuth thi 12 mithunayn ph s 2354 hrux culskrachid 1173 twpilwngemdeduxn 7 lng 6 kha phrabathsmedcphraphuththelishlanphaly oprdeklaphrarachthan ekhruxngys aekphrayasumnethwrach dngni phanphrasrikha 1 ib cxkkha 2 ib phaxbyasubkha 2 xn sxngphlukha 1 xn middamkha 1 xn xubnwdkha 1 ib khnothkha 1 luk kaothnkha 1 ib aehwnthamrngkhrachlukdiphlxyephchr tn 10 klang 10 2 wng phrakldaedngdxkkha 1 ib punlxngchnekhruxkha 1 krabxk punlxngchntneriyb 2 krabxk punlxngchntnklm 3 bxk phaykihmkhahlwngsngewiyn 1 phun phanungykihmkha 4 phun phaophkriwthxng 1 phun esuxcibexwphutradxkkha 1 phun aephrkhawphuddxkkha 1 phun mungaephr 2 hlng sotkengin 2 ibphraoxrs phrathida ecasumnethwrach ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 58 thrngmiphrachaya 8 xngkh aelaphraoxrs phrathida rwm 10 phraxngkh mirayphranamdngni phrachayathi 1 aemecaphimphaxrrkhrachethwi immiprasutikalphrachayathi 2 aemecamalawirachethwi prasutiphraoxrs 2 phraxngkh dngni ecaxinthbutr ecaxchitwngs phayhlngidepn phraecaxchitwngs ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 60 phrachayathi 3 aemecasukhntharachethwi prasutiphraoxrs 1 phraxngkh dngni ecabuysar phrachayathi 4 aemecakhathiphyethwi prasutiphraoxrs 2 phraxngkh dngni ecaxnuruth ecakhayaekw phrachayathi 5 aemecakhaefuxyethwi immiprasutikalphrachayathi 6 aemecapwngphraecaethwi immiprasutikalphrachayathi 7 aemecakhapwnethwi prasutiphraoxrs phrathida 3 phraxngkh dngni ecabusrth phayhlngidepn ecaphththiya ecanangaepngemuxng phrachayathi 8 aemecatxmaekwethwi prasutiphraoxrs phrathida 2 phraxngkh dngni ecanangkhwdaekw ecaphuththwngsphrakrniykicdansasna emuxpi ph s 2363 phrayasumnethwrach ecaphukhrxngnkhrnan phrxmdwyrachkhrusngkhsngkhesnaxamatyaelaprachachnthnghlay idrwmknhlxrakhnglukniiwephuxichtiinphithibuchaphramhachinthatueca emuxwnthi 19 singhakhm ph s 2366 phrayasumnethwrach ecaphukhrxngnkhrnan phrxmkbphranangphimpharachethwi phrasrixnukyya phrarachbutr phrarachndda phrxmdwyesnaxamatyprachanaththnghlayrwmknsrangphraphuththrup n wdsthars pccubntngxyuthi wdsthars tablinewiyng xaephxemuxngnan cnghwdnan danbanemuxng emuxpi ph s 2353 phrayasumnethwrach ecaphukhrxngnkhrnan idsnxngphraedchphrakhunephyaephrphrabarmiihaephiphsalxxkipxikkhrng dwykarkrithathphemuxngnankhiniptihwemuxngithluxtanginsibsxngpnna echn emuxngla epntn aelaidkwadtxnechlysukekhamaiwinxanaekhtemuxngnkhrnanthung 60 000 khness emuxesrcsuksngkhramaelwcungesdclngipekhaefaphrabathsmedcphraphuththelishlanphaly n krungrtnoksinthr emuxnnkthrngyindiosmnsepnxyangmak phrabathsmedcphraphuththelishlanphaly cungthrngphrakrunaoprdekla phrarachthansingkhxngihehlaaemthphxamatymakmay dnginprachumphngsawdar phakhthi 10 bnthukiwwa inskrachediywni eduxn 3 xachyaecahlwngthankkwadexakhnkhrwemuxngla emuxngphng echiyngaekhng emuxnghlwngphukha lngmaiwemuxngnan mikhn 60 000 khnhnael prachumphngsawdar phakhthi 10 2461 147 emuxpi ph s 2360 inrchkalthi 2 aehngkrungrtnoksinthr idekidnathwmkhrngihy nainaemnananihlekhasutwemuxngnandwykhwamaerngaelaechiyw idphdphakaaephngemuxngthangdanthistawntkphngthlaylngthngaethb baneruxnphngthlayekuxbhmd wdwaxaraminnkhrnanhkphngepnxnmak emuxpi ph s 2362 phrayasumnethwrach ecaphukhrxngnkhrnan cungidyayemuxngipxyubriewndngphraentrchangsungepnthidxnnathwmimthung tngxyuthangthisehnuxkhxngemuxngnan pccubn thrngichewlainkarkxsrangephiyng 6 eduxn cungaelwesrc aelwoprdiheriykwa ewiyngehnux pccubnxyuinekhtbanmhaophthi aelabansthars x emuxngnan hangcakewiyngit emuxngnan pccubn praman 2 kiolemtr ewiyngehnux milksnakhxngemuxngkhuxthxdiptamlananan xyuhangcakaemnananpraman 800 emtr mikhuemuxnglxmrxb sungpccubnyngphbrxngrxykhunakhndinkhxngphunthihwewiyngehnuxxyu inpccubn khux thnnhnamhawithyalyethkhonolyirachmngkhllanna nan hwewiyngehnux miphunthixanaekht dngni thisit cdkb thungnarin thistawnxxk thxdtwyawiptamthnnsumnethwrach thistawntk cdkb mumrwsnamkila xbc nan thisehnux cdkb thungkhwayethakhawsar wdsthars snnisthanwaepnwdhlwngklangewiyngkhxnghwewiyngehnux sungepnwdaehngediywinhwewiyngehnuxthimiphrathatuecdiy cungsnnisthanwaepnwdhlwngklangewiyng sunyklangkarpkkhrxngkhxngnkhrnan thitngxyuthiewiyngehnuxsubknmaid 36 pi cnthunginrchsmyphraecaxnntwrvththiedch ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 62 cungidoprdihyaysunyklangkarpkkhrxngkhxngnkhrnanklblngmaxyu n ewiyngnkhrnan edim hruxthitngkhxngemuxngnaninpccubn tngaetpi ph s 2400 epntnma dankarthwaykhwamcngrkphkditxrachwngsckri emuxpi ph s 2359 phrayasumnethwrach ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 58 idnachangphlayephuxkexk lngmathulekla thwayphrabathsmedcphraphuththelishlanphaly phramhakstriyithy rchkalthi 2 aehngrachwngsckri n krungethph khrnemuxwnthi 17 emsayn ph s 2359 aerm 9 kha eduxn 5 pichlunphsk esdckhuniprbaelmikaraehsmophch thrngphrakrunaoprdekla phrarachthanchuxkhunrwangepn phrayaeswtrkhchlksn praesrithskdismburn ekidtrakulsarsibhmu ephuxkphuphahnanarth xisrarachtharng bnthrphngscturphktr surarksrngsrrkh phxngphiwphrrnphudphad sriikrlaselislb echlimphiphphxyuththya khnthesmamnthl mingmngkhlelisfa aelwthrngphrakrunaoprdekla phrarachthanbaehncrangwlaek phrayasumnethwrach phrayankhrnan epnxnmak aetmiideluxnyskhun ephraaehtuthiwaecaphukhrxngemuxngnaninkhrngnn epntrakulecamaaetkxn ichnaminphunemuxngwa ecafaemuxngnan ehmuxnxyangecaemuxngithyihythngpwng imichepntrakulsungtngepnecakhunihmehmuxnecaecdtn emuxngnkhrechiyngihm emuxngnkhrlapang emuxngnkhrlaphunsthanthixnenuxngmacakphranamrachtrakulphngsawlikhxngphrayasumnethwrach 4 phyahlwngtinmhawngs 2 ecaxriywngs 5 aemecaemuxngechiyngihmxkhrethwi chayathi 1 1 phrayasumnethwrach 3 aemecaemuxngramrachethwi chayathi 2 xangxingnamskulkhnithy tnskul tnwngs tnrachskul rachwngspkrn phngsawdaremuxngnan chbbphraecasuriyphngsphritedch hna 110 rachwngspkrn phngsawdaremuxngnan chbbphraecasuriyphngsphritedch hna 147 rachwngspkrn phngsawdaremuxngnan chbbphraecasuriyphngsphritedch hna 149 rachwngspkrn phngsawdaremuxngnan chbbphraecasuriyphngsphritedch hna 147 rachwngspkrn phngsawdaremuxngnan chbbphraecasuriyphngsphritedch hna 184 phngsawdarnkhrewiyngnan phrarachphngsawdar krungrtnoksinthr rchkalthi 2 47 idphrayaeswtrkhchlksn changephuxkemuxngnanduephimecaphukhrxngnkhrnankxnhna phrayasumnethwrach thdipsmedcecafaxtthwrpyoy ecaphukhrxngnkhrnan xngkhthi 58 aelaxngkhthi 8 aehngrachwngstinmhawngs ph s 2353 ph s 2368 phraecamhaysbthkhwamprawtisastrniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldkhk