บทความนี้อาจต้องการตรวจสอบต้นฉบับ ในด้านไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน การเรียบเรียง คุณภาพ หรือการสะกด คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้ |
เจิ้งเหอ (จีน: 郑和; พินอิน: Zhèng Hé ; แต้จิ๋ว: แต้ฮั้ว) เป็นผู้บัญชาการทหารเรือจีนในยุคราชวงศ์หมิง (明 ; Ming)
เจิ้ง เหอ | |
---|---|
อนุเสาวรีย์ของเจิ้งเหอที่ในมะละกา, ประเทศมาเลเซีย | |
เกิด | ค.ศ.1371 ชายฝั่งทะเลสาบเตียนฉือ, ราชวงศ์หยวน (ปัจจุบันคือตำบลคุนหยาง, คุนหมิง, มณฑลยูนนาน, ประเทศจีน) |
เสียชีวิต | 1433 (อายุ 61–62) หรือ 1435 (อายุ 63–64) |
ชื่ออื่น | ม่า เหอ ซันเปา |
อาชีพ | พลเรือเอก, เจ้าหน้าที่การทูต, และขันทีพระราชวัง |
ยุคสมัย | ราชวงศ์หมิง |
เจิ้งเหอ | |||||||||||||||||||||||||||||||
"เจิ้งเหอ" ในจีนตัวเต็ม (ด้านบน) และจีนตัวย่อ (ด้านล่าง) | |||||||||||||||||||||||||||||||
อักษรจีนตัวเต็ม | 鄭和 | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
อักษรจีนตัวย่อ | 郑和 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
มีบันทึกว่าเจิ้งเหอเริ่มเดินทางรอบโลกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1421 และเคยติดต่อกับอาณาจักรอยุธยาด้วย มีผู้เสนอทฤษฎีว่า เจิ้งเหอน่าจะค้นพบทวีปอเมริกาก่อนคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส โดยไม่มีหลักฐานใดๆมายืนยันได้ชัดเจนเลยว่าเจิ้งเหอเคยเดินทางผ่านแอฟริกาใต้ หรือ อเมริกา เจิ้งเหออาจเป็นแค่ทฤษฎีที่ชาวต่างชาติบางคนคิดขึ้นมาเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองเท่านั้น
ประวัติ
เดิมทีนั้นเจิ้งเหอมีชื่อว่า "ซานเป่า" แซ่หม่า เกิดที่มณฑลยูนนาน ซึ่งเป็นเขตแดนของมองโกลทางตอนใต้ของประเทศจีน เมื่อปี ค.ศ. 1371 มีชื่อมุสลิมเป็นภาษาอาหรับว่า มูฮัมมัด อับดุลญับบารฺ เกิดในตระกูลขุนนางมุสลิม เซมูร์ และเป็นลูกหลานชนชั้นที่หกของ ซัยยิด อัจญาล ชัมสุดดีน อุมัร ผู้ปกครองมณฑลยูนนานผู้ลือนาม จากบุคอรอ ในอุซเบกิสถาน แซ่หม่า มาจาก มาสูฮฺ (มาสีหฺ) บุตรคนที่ 5 ของ ซัยยิด อัจญาล ชัมสุดดีน อุมัร บิดาของเจิ้งเหอมีนามว่า มีร ตะกีน และปู่มีนามว่า กะรอมุดดีน ได้ไปทำพิธีฮัจญ์ในมักกะหฺ จึงได้พบเห็นผู้คนจากทุกสารทิศ และต้องเล่าเรื่องนี้ให้แก่เจิ้งเหออย่างแน่นอน
แต่ก่อนแซ่หม่าเรียกว่าหม่าเหอ เจิ้งเหอมีพี่น้อง 5 คน เป็นชาย 1 คน หญิง 4 คน เมื่อหม่าเหออายุได้ 12 ปี ตรงกับช่วงที่กองทัพของจักรพรรดิหงหวู่หรือจูหยวนจาง ปฐมราชวงศ์หมิงนำกำลังทัพเข้ามาขับไล่พวกมองโกลที่มาตั้งราชวงศ์หยวนออกจากประเทศจีน ทำการยึดครองยูนนานเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรหมิงได้สำเร็จ ในเวลานั้นหม่าเหอได้ถูกจับตอนเป็นขันทีมีหน้าที่รับใช้เจ้าชายจูตี้ จนได้รับความไว้วางใจอย่างสูง ช่วงสงครามแย่งชิงบัลลังก์ระหว่างเอี้ยนหวังจูตี้กับหมิงฮุ่ยตี้ กษัตริย์ที่สืบราชบัลลังก์ต่อจากหมิงไท่จู่ เจิ้งเหอมีส่วนสำคัญช่วยให้จูตี้ได้รับชัยชนะขึ้นสู่บัลลังก์เป็นจักรพรรดิหมิงเฉิงจู่ มีชื่อรัชกาลว่า "หย่งเล่อ" และได้รับการสนับสนุนเป็นหัวหน้าขันที ต่อมาได้รับพระราชทานแซ่เจิ้ง จึงเรียกขานว่า "เจิ้งเหอ" แต่ชื่อที่รู้จักกันดีก็คือ "ซันเป่ากง" หรือ "ซำปอกง" (三寶公/三宝公).
การเดินทางสำรวจ
การเดินเรือสำรวจทางทะเลในระยะเวลา 28 ปี กองเรือของเจิ้งเหอออกสำรวจทางทะเลรวม 7 ครั้ง เดินทางมากกว่า 50,000 กิโลเมตร ท่องต่างแดนมากกว่า 37 ประเทศ เริ่มต้นเป็นครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1405 (พ.ศ. 1948) ตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระรามราชาธิราชแห่งราชวงศ์อู่ทองปกครองกรุงศรีอยุธยา เจิ้งเหอทำหน้าที่ผู้บังคับกองเรือสำเภาขนาดใหญ่ เรียกว่า "เป่าฉวน" แปลว่า "เรือมหาสมบัติ" ต่อขึ้นที่เมืองนานกิง อดีตเมืองหลวงอันเก่าแก่ของจีนเป็นอีกสถานที่หนึ่งซึ่งเป็นที่ตั้งของ "อู่ต่อเรือ" ใช้ในการเดินเรือของเจิ้งเหอ เรือมหาสมบัติของเจิ้งเหอยาว 400 ฟุต ขนาดใหญ่กว่าเรือ ของโคลัมบัสที่ยาวเพียง 85 ฟุต ถึง 5 เท่า
การเดินทะเลในครั้งแรกมีเรือขนาดใหญ่ตามไปด้วย 60 ลำ ขนาดเล็ก 255 ลำ มีลูกเรือทั้งหมด 27,870 คน แล่นเลียบชายฝั่งฟุเกี้ยน ผ่านไปยังอาณาจักรจามปา ชวา มะละกา สมุทรา (เซมูเดรา) และทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา จากนั้นเดินทางต่อไปยังเกาะลังกา กาลิกัต ขากลับได้นำคณะทูตจากเมืองเหล่านี้มาเข้าเฝ้าฯ จักรพรรดิหย่งเล่อ
ในการเดินเรือแต่ละครั้ง ขากลับจะนำเครื่องบรรณาการจากเมืองต่าง ๆ มาถวายจักรพรรดิหย่งเล่อ โดยเฉพาะสัตว์จากหลาย ๆ เมืองที่ผ่าน อย่างเช่นขากลับจากการเดินเรือทางทะเลในครั้งที่ 5 เจิ้งเหอได้นำสิงโต เสือดาว นกกระจอกเทศ ม้าลาย และยีราฟ (โดยบอกว่าเป็น กิเลน) กลับไปถวายแด่จักรพรรดิหย่งเล่อ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบมาก และกลายเป็นของแปลกและน่าตื่นเต้นสำหรับชาวจีนที่พบเห็นเป็นครั้งแรก
ต้นปีถัดมาเจิ้งเหอก็เริ่มออกเดินทางในครั้งที่ 2 เวลานั้นอายุ 36 ปี ครั้งที่ 3 อายุ 38 ปี ครั้งที่ 4 อายุ 42 ปี ครั้งที่ 5 อายุ 46 ปี ครั้งที่ 6 อายุ 50 ปี ครั้งที่ 7 อายุ 60 ปี โดยครั้งสุดท้ายมีจำนวนลูกเรือ 27,550 คน ไปไกลถึงทวีปแอฟริกา
เจิ้งเหอได้เข้าเยี่ยมสุสานศาสนทูตมุฮัมมัดในมะดีนะหฺและประกอบพิธีฮัจญ์ในมักกะหฺ นอกจากนั้นเจิ้งเหอได้ผ่านเข้าไปในเปอร์เซีย อ่าวเปอร์เซีย ทะเลแดง และอียิปต์
ภายหลังการเดินเรือทางทะเลในครั้งที่ 7 สิ้นสุดลง จากนั้นจีนก็หยุดดำเนินการสำรวจทางทะเล ส่วนเจิ้งเหอเสียชีวิตลงในปี ค.ศ. 1432 ที่อินเดีย แต่มีการสร้างหลุมฝังศพจำลองของเขาอยู่บนภูเขาในเมืองนานกิง ไม่มีศพอยู่ในนั้น มีเพียงเส้นผมและเสื้อผ้าที่เคยใช้เท่านั้น ก่อสร้างตามแบบประเพณีมุสลิม เรียกว่า เจิ้งเหอมู่ หรือ สุสานเจิ้งเหอ ซึ่งได้รับการบูรณะใหม่ในปี ค.ศ. 1985 บนสุสานมีคำว่า อัลลอหุ อักบัร แปลว่า อัลลอหฺใหญ่ยิ่ง
เจิ้งเหอและประเทศไทย
ในประเทศไทย เจิ้งเหอเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "เจ้าพ่อซำปอกง" (ซานเป่ากง). วัดซำปอกง หรือชื่อทางการ วัดพนัญเชิงวรวิหาร ตั้งอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สาเหตุที่ชาวจีนมาเซ่นไหว้วิญญาณซำปอกงที่วัดกัลยาณมิตรเป็นเพราะความเข้าใจผิด กล่าวคือ ชาวจีนผู้นับถือพุทธศาสนากลุ่มหนึ่งได้นมัสการหลวงพ่อโตที่วัดกัลยาณมิตร แล้วเกิดความเลื่อมใส จึงได้เขียนหนังสือจีนไว้ที่หน้าวิหารว่า 'ซำปอฮุดกง' ซึ่งแปลว่าพระเจ้า 3 พระองค์ คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แต่ชาวจีนกลุ่มที่นับถือซำปอกง อ่านเห็นเป็น 'ซำปอกง' จึงคิดว่าเป็นสถานที่เซ่นไหว้วิญญาณของซำปอกง และได้มาเซ่นไหว้ซำปอกงเรื่อยมา อีกทั้งยังพบหลักจำนวนมากที่เจิ้งเหอนับถือศาสนามาถือพุทธ คือการพบหลักฐานว่าเจิ้งเหอถวายพระสูตร 9 วัดและมีฉายาทางธรรมว่า "สุนันทะ"
ทว่าการที่เจิ้งเหอทำฮัจญ์และมีสุสานแบบมุสลิมแสดงว่าเจิ้งเหอเป็นมุสลิมจนถึงแก่กรรม แม้ว่าเจิ้งเหอจะไม่มีลูก เพราะถูกตอนเป็นขันทีตั้งแต่เด็ก หากแต่หม่าเหวินหมิงพี่ชายได้ยกลูกชายหญิงให้กับเจิ้งเหอ ทายาทของเจิ้งเหอบางส่วนอาศัยอยู่ในประเทศไทย ใช้นามสกุล วงศ์ลือเกียรติ อันเป็นนามสกุลที่เจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าเชียงใหม่ ได้ประทานให้ เจิ้งชงหลิ่ง ผู้ซึ่งได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ "ขุนชวงเลียงฦๅเกียรติ" จากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ เจิ้งชงหลิ่งอพยพเข้าเมืองไทยในปี 2448 คนในตระกูลวงศ์ลือเกียรติเป็นมุสลิม
การค้นพบทวีปอเมริกาคนแรก
ส่วนนี้ไม่มีจาก โปรดช่วยพัฒนาส่วนนี้โดยเพิ่ม เนื้อหาที่ไม่มีการอ้างอิงอาจถูกคัดค้านหรือนำออก |
เมื่อนักประพันธ์ชื่อดัง เควิน เมนซีส์ ได้แต่งหนังสือชื่อ 1421 : The Year China Discovered the World ขึ้น โดยมีการอ้างอิงทฤษฎีว่า นายพลเรือผู้กล้าหาญชาวจีนผู้หนึ่งได้ล่องเรือสำเภาไม้ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในโลก เดินทางมาถึงอเมริกาก่อนหน้าคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส จะค้นพบถึง 71 ปี
เควิน เมนซีส์ ไม่ได้ตั้งใจที่จะมานั่งลบล้างประวัติศาสตร์ที่สืบทอดกันมายาวนาน แต่เขาเกิดไปเจอข้อมูลบางอย่างเข้าโดยบังเอิญขณะเดินทางไปฉลองครบรอบแต่งงาน 25 ปีที่ประเทศจีน เมนซีส์ได้รับการบอกเล่าเรื่องราวของกองเรือขนาดใหญ่ ที่นำพาเจ้าผู้ครองนครจากดินแดนต่างๆ ทั่วโลกมาร่วมในงานเฉลิมฉลองการสถาปนาพระราชวังต้องห้าม ในวันปีใหม่เมื่อปี ค.ศ.1421 และนั่นทำให้เขาฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเหตุใดจึงมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นหากว่าไม่ได้มีการติดต่อสื่อสารกับนานาประเทศมาก่อน
ก่อนที่หนังสือจะตีพิมพ์เมนซีส์ได้มีโอกาสเห็นแผนที่ซึ่งจำลองพื้นที่ในแถบทะเลแคริบเบียนและหมู่เกาะต่างๆ นอกชายฝั่งอเมริกา ซึ่งถูกตีพิมพ์ก่อนหน้าที่โคลัมบัสจะออกเดินทางสำรวจโลก 70 ปี การที่ได้เห็นเปอร์โตริโกและนั้นทำให้เมนซีส์เชื่อว่าผู้ที่มาถึงก่อนโคลัมบัสก็คือพวกโปรตุเกส ซึ่งมีการส่งเรือออกไปค้นหาเกาะซึ่งปรากฏอยู่ในแผนภูมิแม่บทของโลกในเวลาต่อมา
ไม่เพียงโปรตุเกสที่ยืนยันว่าแผนภูมิแม่บทฉบับนี้มีหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงชาวจีนเท่านั้น แต่ชาวยุโรปพวกแรกที่ไปอเมริกาก็พบว่ามีชาวจีนอยู่ที่นั่นแล้วถึง 38 คณะไม่ว่าจะเป็นคณะของวาสเควซ, โคโรนาโด เฟเรลโล, เมเจอร์ เพาเวอร์ส, เปโดร เมเนนเดซ หรืออวิลเลส เวอร์ราซาโน คณะของชาวยุโรปจึงมีการสันนิษฐานว่าราชวงศ์หมิงอาจจะนำชาวจีนมาตั้งรกรากในดินแดนอเมริกาแล้ว ในฐานะเป็นอาณานิคม อีกทั้งในภายหลังได้มีการตรวจสอบ DNA ของชนพื้นเมืองอินเดียนแดงเผ่าต่างๆ เช่น เผ่า (Iroquois) และ (Lakota) พบมีลักษณะใกล้เคียงกับชาวจีนในแผ่นดินใหญ่ปัจจุบัน
หลังจากหนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ออกมา เรื่องราวการเดินทางของโคลัมบัส นักเดินทางผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ก็มีอันต้องแปดเปื้อน และกลายเป็นที่ถกเถียงถึงประวัติศาสตร์ที่อาจผิดเพี้ยนไป เพราะเมนซีส์ไม่เพียงชี้ชัดลงไปว่า นายพลเจิ้งเหอและกองเรือของเขาซึ่งบรรทุกสิ่งของมีค่าตามพระราชโองการของจักรพรรดิจูตี้ แห่งราชวงศ์หมิง เมื่อราวต้นคริสต์ศตวรรษที่ 15 เป็นผู้ค้นพบทวีปนี้ก่อนเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้รวบรวมอเมริกาให้เป็นเมืองขึ้นของจีนก่อนที่โคลัมบัสจะมาถึงด้วย
“ข้อโต้แย้งที่ผมต้องการจะบอกก็คือ กองเรือของจีนได้เดินทางรอบโลกและได้ทำแผนภูมิการเดินเรือขึ้นก่อนชาวยุโรป และชาวยุโรปได้ค้นพบโลกใหม่โดยใช้แผนภูมิที่คนจีนทำขึ้น นักสำรวจผู้ยิ่งใหญ่ของยุโรปทุกคนล้วนออกเดินทางโดยใช้แผนภูมิในการบอกทางที่พวกเขาจะไปทั้งสิ้น” เจ้าของผลงานพลิกประวัติศาสตร์โลกย้ำ
เพราะขณะที่กัปตันคุกมีแผนที่ของออสเตรเลีย โคลัมบัสมีแผนที่ของแคริบเบียน และมีแผนที่ของแปซิฟิกนั้น แผนที่ทั้งหมดล้วนมาจากแผนภูมิแม่บทของโลก (Master Chart) ที่ชาวจีนเป็นผู้ทำขึ้น เควิน เมนซีส์ ผู้เขียนซึ่งเป็นอดีตผู้บัญชาการเรือดำน้ำชาวอังกฤษ ทุ่มเทเวลากว่า 9 ปี ในการพิสูจน์ทฤษฎีนี้ จนได้หลักฐานและข้อมูลใหม่ๆ จนทำให้เชื่อได้ว่าทฤษฎีที่เขาค้นพบนี้เป็นความจริง[]
ชาวโปรตุเกสอ้างว่าพวกเขามีแผนภูมิแม่บท ของโลกในราวปี ค.ศ.1420 ซึ่งเป็นแผนภูมิแม่บทของโลกที่เมนซีส์ค้นพบในเวลาต่อมาเป็นสิ่งที่ช่วยยืนยัน เช่นเดียวกับเหตุผลที่ว่าทำไมมีคนจีนไปอาศัยอยู่บนแผ่นดินเหล่านั้นก่อนที่ชาวยุโรปจะไปถึง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่มีการพบดีเอ็นเอของชาวจีนอยู่ในสายเลือดของชาวยุโรป[]
ที่น่าตกใจไปมากกว่านั้นก็คือ ไม่นานมานี้ได้มีการค้นพบภาพใบหน้าของเจิ้งเหอในอเมริกาเหนือโดยสถาปนิกผู้มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง และนี่จะเป็นข้อพิสูจน์สำคัญที่ว่า กองเรือของนายพลเจิ้งเหอได้เดินทางมายังชายฝั่งทั้งด้านแอตแลนติกและแปซิฟิกของทวีปอเมริกาเหนือและใต้จริง โดยมีหลักฐานยืนยัน[]
อ้างอิง
- Dreyer 2007, 11.
- Levathes 1996, 61.
- Deng, Gang (2005). Chinese Maritime Activities and Socioeconomic Development, c. 2100 BC - 1900 AD. Greenwood Press. .
- Dreyer, Edward L. (2006). Zheng He: China and the Oceans in the Early Ming, 1405–1433 (Library of World Biography Series). Longman. .
- Levathes, Louise (1997). When China Ruled the Seas: The Treasure Fleet of the Dragon Throne, 1405–1433. Oxford University Press, trade paperback. .
- Mills, J. V. G. (1970). Ying-yai Sheng-lan, The Overall Survey of the Ocean's Shores (1433), translated from the Chinese text edited by Feng Ch'eng Chun with introduction, notes and appendices by J. V. G. Mills. White Lotus Press. Reprinted 1970, 1997. .
- Ming-Yang, Dr Su. 2004 Seven Epic Voyages of Zheng He in Ming China (1405–1433)
- Viviano, Frank (2005). "China's Great Armada." National Geographic, 208(1):28–53, July.
- Joseph Kahn: China Has an Ancient Mariner to Tell You About. In The New York Times of 2005-7-20.
- Newsletter, in Chinese, on academic research on the Zheng He voyages 2014-11-18 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Cummins, Joseph (2006). History's Great Untold Stories. Murdoch Books. .
- Shipping News: Zheng He's Sexcentenary - China Heritage Newsletter, June 2005, ISSN 1833-8461. Published by the China Heritage Project of The Australian National University.
แหล่งข้อมูลอื่น
- เจิ้งเหอ สยามิค, สารานุกรมอิสลาม
- เจิ้งเหอ 2016-03-05 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, ผู้จัดการออนไลน์, 18 พฤษภาคม 2548
- 1421 The year China discovered the World
- TIME: The Next Asian Journey 2001-09-13 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamnixactxngkartrwcsxbtnchbb indaniwyakrn rupaebbkarekhiyn kareriyberiyng khunphaph hruxkarsakd khunsamarthchwyphthnabthkhwamid ecingehx cin 郑和 phinxin Zheng He aetciw aethw epnphubychakarthhareruxcininyukhrachwngshming 明 Ming ecing ehxxnuesawriykhxngecingehxthiinmalaka praethsmaelesiyekidkh s 1371 chayfngthaelsabetiynchux rachwngshywn pccubnkhuxtablkhunhyang khunhming mnthlyunnan praethscin esiychiwit1433 xayu 61 62 hrux 1435 xayu 63 64 chuxxunma ehx snepaxachiphphleruxexk ecahnathikarthut aelakhnthiphrarachwngyukhsmyrachwngshmingecingehx ecingehx incintwetm danbn aelacintwyx danlang xksrcintwetm鄭和xksrcintwyx郑和karthxdesiyngphasacinklangmatrthanhny hwiphinxinZheng Heewd iclsCheng4 Ho2xksrormnaebbeylJeng HeIPA ʈʂe ŋ xɤ phasaxuZen GhouphasakwangtungmatrthanxksrormnaebbeylJehng WohIPA tsɛ ːŋ wɔ ː y hwidephngZeng6 Wo4phasahminitphasahkekiynTeⁿ HoTenn Horupwadecingehxincintnakarkhxngsilpinthiimthrabchux mibnthukwaecingehxerimedinthangrxbolktngaetpi kh s 1421 aelaekhytidtxkbxanackrxyuthyadwy miphuesnxthvsdiwa ecingehxnacakhnphbthwipxemrikakxnkhrisotefxr okhlmbs odyimmihlkthanidmayunynidchdecnelywaecingehxekhyedinthangphanaexfrikait hrux xemrika ecingehxxacepnaekhthvsdithichawtangchatibangkhnkhidkhunmaephuxsrangchuxesiyngihkbtwexngethannprawtikhxngecingehx inphiphithphnththangthaelkwnocwesnthangkaredineruxkhxngecingehx edimthinnecingehxmichuxwa sanepa aeshma ekidthimnthlyunnan sungepnekhtaednkhxngmxngoklthangtxnitkhxngpraethscin emuxpi kh s 1371 michuxmuslimepnphasaxahrbwa muhmmd xbdulybbar ekidintrakulkhunnangmuslim esmur aelaepnlukhlanchnchnthihkkhxng syyid xcyal chmsuddin xumr phupkkhrxngmnthlyunnanphuluxnam cakbukhxrx inxusebkisthan aeshma macak masuh masih butrkhnthi 5 khxng syyid xcyal chmsuddin xumr bidakhxngecingehxminamwa mir takin aelapuminamwa karxmuddin idipthaphithihcyinmkkah cungidphbehnphukhncakthuksarthis aelatxngelaeruxngniihaekecingehxxyangaennxn aetkxnaeshmaeriykwahmaehx ecingehxmiphinxng 5 khn epnchay 1 khn hying 4 khn emuxhmaehxxayuid 12 pi trngkbchwngthikxngthphkhxngckrphrrdihnghwuhruxcuhywncang pthmrachwngshmingnakalngthphekhamakhbilphwkmxngoklthimatngrachwngshywnxxkcakpraethscin thakaryudkhrxngyunnanepnswnhnungkhxngrachxanackrhmingidsaerc inewlannhmaehxidthukcbtxnepnkhnthimihnathirbichecachaycuti cnidrbkhwamiwwangicxyangsung chwngsngkhramaeyngchingbllngkrahwangexiynhwngcutikbhminghuyti kstriythisubrachbllngktxcakhmingithcu ecingehxmiswnsakhychwyihcutiidrbchychnakhunsubllngkepnckrphrrdihmingechingcu michuxrchkalwa hyngelx aelaidrbkarsnbsnunepnhwhnakhnthi txmaidrbphrarachthanaesecing cungeriykkhanwa ecingehx aetchuxthiruckkndikkhux snepakng hrux sapxkng 三寶公 三宝公 karedinthangsarwcrupwadyiraf thiecingehxnaklbmathwayckrphrrdihyngelx inpithi 12 khxngkarkhrxngrachy karedineruxsarwcthangthaelinrayaewla 28 pi kxngeruxkhxngecingehxxxksarwcthangthaelrwm 7 khrng edinthangmakkwa 50 000 kiolemtr thxngtangaednmakkwa 37 praeths erimtnepnkhrngaerkineduxnkrkdakhm kh s 1405 ph s 1948 trngkbrchsmysmedcphraramrachathirachaehngrachwngsxuthxngpkkhrxngkrungsrixyuthya ecingehxthahnathiphubngkhbkxngeruxsaephakhnadihy eriykwa epachwn aeplwa eruxmhasmbti txkhunthiemuxngnanking xditemuxnghlwngxnekaaekkhxngcinepnxiksthanthihnungsungepnthitngkhxng xutxerux ichinkaredineruxkhxngecingehx eruxmhasmbtikhxngecingehxyaw 400 fut khnadihykwaerux khxngokhlmbsthiyawephiyng 85 fut thung 5 etha karedinthaelinkhrngaerkmieruxkhnadihytamipdwy 60 la khnadelk 255 la milukeruxthnghmd 27 870 khn aelneliybchayfngfuekiyn phanipyngxanackrcampa chwa malaka smuthra esmuedra aelathangtxnehnuxkhxngekaasumatra caknnedinthangtxipyngekaalngka kalikt khaklbidnakhnathutcakemuxngehlanimaekhaefa ckrphrrdihyngelx inkaredineruxaetlakhrng khaklbcanaekhruxngbrrnakarcakemuxngtang mathwayckrphrrdihyngelx odyechphaastwcakhlay emuxngthiphan xyangechnkhaklbcakkaredineruxthangthaelinkhrngthi 5 ecingehxidnasingot esuxdaw nkkracxkeths malay aelayiraf odybxkwaepn kieln klbipthwayaedckrphrrdihyngelx sungepnthichunchxbmak aelaklayepnkhxngaeplkaelanatunetnsahrbchawcinthiphbehnepnkhrngaerk tnpithdmaecingehxkerimxxkedinthanginkhrngthi 2 ewlannxayu 36 pi khrngthi 3 xayu 38 pi khrngthi 4 xayu 42 pi khrngthi 5 xayu 46 pi khrngthi 6 xayu 50 pi khrngthi 7 xayu 60 pi odykhrngsudthaymicanwnlukerux 27 550 khn ipiklthungthwipaexfrika ecingehxidekhaeyiymsusansasnthutmuhmmdinmadinah aelaprakxbphithihcyinmkkah nxkcaknnecingehxidphanekhaipinepxresiy xawepxresiy thaelaedng aelaxiyipt phayhlngkaredineruxthangthaelinkhrngthi 7 sinsudlng caknncinkhyuddaeninkarsarwcthangthael swnecingehxesiychiwitlnginpi kh s 1432 thixinediy aetmikarsranghlumfngsphcalxngkhxngekhaxyubnphuekhainemuxngnanking immisphxyuinnn miephiyngesnphmaelaesuxphathiekhyichethann kxsrangtamaebbpraephnimuslim eriykwa ecingehxmu hrux susanecingehx sungidrbkarburnaihminpi kh s 1985 bnsusanmikhawa xllxhu xkbr aeplwa xllxh ihyyingecingehxaelapraethsithyphraphuththitrrtnnayk hruxhlwngphxsapxkng inpraethsithy ecingehxepnthiruckkninchux ecaphxsapxkng sanepakng wdsapxkng hruxchuxthangkar wdphnyechingwrwihar tngxyuthicnghwdphrankhrsrixyuthya saehtuthichawcinmaesnihwwiyyansapxkngthiwdklyanmitrepnephraakhwamekhaicphid klawkhux chawcinphunbthuxphuththsasnaklumhnungidnmskarhlwngphxotthiwdklyanmitr aelwekidkhwameluxmis cungidekhiynhnngsuxciniwthihnawiharwa sapxhudkng sungaeplwaphraeca 3 phraxngkh khux phraphuthth phrathrrm phrasngkh aetchawcinklumthinbthuxsapxkng xanehnepn sapxkng cungkhidwaepnsthanthiesnihwwiyyankhxngsapxkng aelaidmaesnihwsapxkngeruxyma xikthngyngphbhlkcanwnmakthiecingehxnbthuxsasnamathuxphuthth khuxkarphbhlkthanwaecingehxthwayphrasutr 9 wdaelamichayathangthrrmwa sunntha thwakarthiecingehxthahcyaelamisusanaebbmuslimaesdngwaecingehxepnmuslimcnthungaekkrrm aemwaecingehxcaimmiluk ephraathuktxnepnkhnthitngaetedk hakaethmaehwinhmingphichayidyklukchayhyingihkbecingehx thayathkhxngecingehxbangswnxasyxyuinpraethsithy ichnamskul wngsluxekiyrti xnepnnamskulthiecaaekwnwrth ecaechiyngihm idprathanih ecingchnghling phusungidrbphrarachthanbrrdaskdi khunchwngeliyngliekiyrti cakphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw rchkalthi 6 ecingchnghlingxphyphekhaemuxngithyinpi 2448 khnintrakulwngsluxekiyrtiepnmuslimkarkhnphbthwipxemrikakhnaerkswnniimmikarxangxingcakexksarxangxinghruxaehlngkhxmul oprdchwyphthnaswnniodyephimaehlngkhxmulnaechuxthux enuxhathiimmikarxangxingxacthukkhdkhanhruxnaxxkaephnthidinaednthiecingehxbnthukiw mikarsnnisthanknwaxaccaepnthwipxemrika emuxnkpraphnthchuxdng ekhwin emnsis idaetnghnngsuxchux 1421 The Year China Discovered the World khun odymikarxangxingthvsdiwa nayphleruxphuklahaychawcinphuhnungidlxngeruxsaephaimkhnadihythisudethathiekhymimainolk edinthangmathungxemrikakxnhnakhrisotefxr okhlmbs cakhnphbthung 71 pi ekhwin emnsis imidtngicthicamannglblangprawtisastrthisubthxdknmayawnan aetekhaekidipecxkhxmulbangxyangekhaodybngexiykhnaedinthangipchlxngkhrbrxbaetngngan 25 pithipraethscin emnsisidrbkarbxkelaeruxngrawkhxngkxngeruxkhnadihy thinaphaecaphukhrxngnkhrcakdinaedntang thwolkmarwminnganechlimchlxngkarsthapnaphrarachwngtxngham inwnpiihmemuxpi kh s 1421 aelannthaihekhachukkhidkhunmaidwaehtuidcungmiehtukarnechnniekidkhunhakwaimidmikartidtxsuxsarkbnanapraethsmakxn kxnthihnngsuxcatiphimphemnsisidmioxkasehnaephnthisungcalxngphunthiinaethbthaelaekhribebiynaelahmuekaatang nxkchayfngxemrika sungthuktiphimphkxnhnathiokhlmbscaxxkedinthangsarwcolk 70 pi karthiidehnepxrotriokaelannthaihemnsisechuxwaphuthimathungkxnokhlmbskkhuxphwkoprtueks sungmikarsngeruxxxkipkhnhaekaasungpraktxyuinaephnphumiaembthkhxngolkinewlatxma imephiyngoprtueksthiyunynwaaephnphumiaembthchbbnimihlkthanechuxmoyngipthungchawcinethann aetchawyuorpphwkaerkthiipxemrikakphbwamichawcinxyuthinnaelwthung 38 khnaimwacaepnkhnakhxngwasekhws okhornaod eferlol emecxr ephaewxrs epodr emenneds hruxxwilels ewxrrasaon khnakhxngchawyuorpcungmikarsnnisthanwarachwngshmingxaccanachawcinmatngrkrakindinaednxemrikaaelw inthanaepnxananikhm xikthnginphayhlngidmikartrwcsxb DNA khxngchnphunemuxngxinediynaedngephatang echn epha Iroquois aela Lakota phbmilksnaiklekhiyngkbchawcininaephndinihypccubn hlngcakhnngsuxelmnitiphimphxxkma eruxngrawkaredinthangkhxngokhlmbs nkedinthangphuyingihyphunikmixntxngaepdepuxn aelaklayepnthithkethiyngthungprawtisastrthixacphidephiynip ephraaemnsisimephiyngchichdlngipwa nayphlecingehxaelakxngeruxkhxngekhasungbrrthuksingkhxngmikhatamphrarachoxngkarkhxngckrphrrdicuti aehngrachwngshming emuxrawtnkhriststwrrsthi 15 epnphukhnphbthwipnikxnethann aetyngepnphurwbrwmxemrikaihepnemuxngkhunkhxngcinkxnthiokhlmbscamathungdwy khxotaeyngthiphmtxngkarcabxkkkhux kxngeruxkhxngcinidedinthangrxbolkaelaidthaaephnphumikaredineruxkhunkxnchawyuorp aelachawyuorpidkhnphbolkihmodyichaephnphumithikhncinthakhun nksarwcphuyingihykhxngyuorpthukkhnlwnxxkedinthangodyichaephnphumiinkarbxkthangthiphwkekhacaipthngsin ecakhxngphlnganphlikprawtisastrolkya ephraakhnathikptnkhukmiaephnthikhxngxxsetreliy okhlmbsmiaephnthikhxngaekhribebiyn aelamiaephnthikhxngaepsifiknn aephnthithnghmdlwnmacakaephnphumiaembthkhxngolk Master Chart thichawcinepnphuthakhun ekhwin emnsis phuekhiynsungepnxditphubychakareruxdanachawxngkvs thumethewlakwa 9 pi inkarphisucnthvsdini cnidhlkthanaelakhxmulihm cnthaihechuxidwathvsdithiekhakhnphbniepnkhwamcring txngkarxangxing chawoprtueksxangwaphwkekhamiaephnphumiaembth khxngolkinrawpi kh s 1420 sungepnaephnphumiaembthkhxngolkthiemnsiskhnphbinewlatxmaepnsingthichwyyunyn echnediywkbehtuphlthiwathaimmikhncinipxasyxyubnaephndinehlannkxnthichawyuorpcaipthung cungimicheruxngaeplkthimikarphbdiexnexkhxngchawcinxyuinsayeluxdkhxngchawyuorp txngkarxangxing eruxsmbti epaswn thinatkicipmakkwannkkhux imnanmaniidmikarkhnphbphaphibhnakhxngecingehxinxemrikaehnuxodysthapnikphumichuxesiyngthanhnung aelanicaepnkhxphisucnsakhythiwa kxngeruxkhxngnayphlecingehxidedinthangmayngchayfngthngdanaextaelntikaelaaepsifikkhxngthwipxemrikaehnuxaelaitcring odymihlkthanyunyn txngkarxangxing xangxingDreyer 2007 11 Levathes 1996 61 Deng Gang 2005 Chinese Maritime Activities and Socioeconomic Development c 2100 BC 1900 AD Greenwood Press ISBN 0 313 29212 4 Dreyer Edward L 2006 Zheng He China and the Oceans in the Early Ming 1405 1433 Library of World Biography Series Longman ISBN 0 321 08443 8 Levathes Louise 1997 When China Ruled the Seas The Treasure Fleet of the Dragon Throne 1405 1433 Oxford University Press trade paperback ISBN 0 19 511207 5 Mills J V G 1970 Ying yai Sheng lan The Overall Survey of the Ocean s Shores 1433 translated from the Chinese text edited by Feng Ch eng Chun with introduction notes and appendices by J V G Mills White Lotus Press Reprinted 1970 1997 ISBN 974 8496 78 3 Ming Yang Dr Su 2004 Seven Epic Voyages of Zheng He in Ming China 1405 1433 Viviano Frank 2005 China s Great Armada National Geographic 208 1 28 53 July Joseph Kahn China Has an Ancient Mariner to Tell You About In The New York Times of 2005 7 20 Newsletter in Chinese on academic research on the Zheng He voyages 2014 11 18 thi ewyaebkaemchchin Cummins Joseph 2006 History s Great Untold Stories Murdoch Books ISBN 1 74045 808 7 Shipping News Zheng He s Sexcentenary China Heritage Newsletter June 2005 ISSN 1833 8461 Published by the China Heritage Project of The Australian National University aehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb ecingehx ecingehx syamikh saranukrmxislam ecingehx 2016 03 05 thi ewyaebkaemchchin phucdkarxxniln 18 phvsphakhm 2548 1421 The year China discovered the World TIME The Next Asian Journey 2001 09 13 thi ewyaebkaemchchin