บทความนี้ไม่มีจาก |
บทความนี้ต้องการการจัดหน้า หรือ ให้ คุณสามารถปรับปรุงแก้ไขบทความนี้ได้ และนำป้ายออก พิจารณาใช้เพื่อชี้ชัดข้อบกพร่อง |
วัดพนัญเชิงวรวิหาร ตั้งอยู่ที่หมู่ 2 ตำบลกะมัง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหาร แบบมหานิกาย มีจุดเด่นสำคัญ คือ พระพุทธไตรรัตนนายก หรือหลวงพ่อซำปอกง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในพระนครศรีอยุธยา
วัดพนัญเชิงวรวิหาร | |
---|---|
พระพุทธไตรรัตนนายก หรือหลวงพ่อซำปอกง | |
ชื่อสามัญ | วัดพนัญเชิง |
ที่ตั้ง | 2 หมู่ 12 ตำบลกะมัง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 13000 |
ประเภท | พระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหาร |
พระพุทธรูปสำคัญ | พระพุทธไตรรัตนนายก |
เจ้าอาวาส | พระธรรมรัตนมงคล (นพปฎล กตสาโร) |
ความพิเศษ | วัดในตำนานพระเจ้าสายน้ำผึ้ง |
หมายเหตุ | เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา |
ส่วนหนึ่งของ |
ประวัติ
วัดพนัญเชิง เป็นวัดที่มีประวัติอันยาวนาน ก่อสร้างก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา และไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัดว่าใครเป็นผู้สร้าง ตามหนังสือพงศาวดารเหนือกล่าวว่า เป็นผู้สร้าง และพระราชทานนามว่า วัดเจ้าพระนางเชิง [] และพระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์กล่าวไว้ว่า ได้สถาปนาพระพุทธรูปพุทธเจ้าพแนงเชิง เมื่อปี พ.ศ. 1867 ซึ่งก่อนพระเจ้าอู่ทองจะสถาปนากรุงศรีอยุธยาถึง 26 ปี
พระพุทธไตรรัตนนายก หรือหลวงพ่อซำปอกง เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ และใหญ่ที่สุดในพระนครศรีอยุธยา หน้าตักกว้าง 20 เมตรเศษ สูง 19 เมตร เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย เคยได้รับความเสียหายในสมัยเสียกรุง แต่ก็ได้รับการบูรณะซ่อมแซมมาโดยตลอด จนกระทั่งในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อ พ.ศ. 2394 ได้โปรดเกล้าให้บูรณะใหม่หมดทั้งองค์ และพระราชทานนามใหม่ว่า พระพุทธไตรรัตนนายก หรือที่รู้จักกันในหมู่พุทธศาสนิกชนชาวไทยเชื้อสายจีนว่า หลวงพ่อซำปอกง[] คำว่า พแนงเชิง มีความหมายว่า นั่งขัดสมาธิ ฉะนั้น คำว่า วัดพนัญเชิง (วัดพระแนงเชิง หรือ วัดพระเจ้าพแนงเชิง) จึงหมายถึงวัดแห่งพระพุทธรูปนั่งปางมารวิชัยคือ หลวงพ่อโต หรือ พระพุทธไตรรัตนนายก นั้นเอง หรืออาจสืบเนื่องมาจากตำนานเรื่องพระนางสร้อยดอกหมาก คือ เมื่อพระนางสร้อยดอกหมากกลั้นใจตายนั้น พระนางคงนั่งขัดสมาธิ เพราะชาวจีนนิยมนั่งขัดสมาธิมากว่านั่งพับเพียบจึงนำมาใช้เรียกชื่อวัด บางคนก็เรียกว่า วัดพระนางเอาเชิง ตามสาเหตุที่ทำให้พระนางถึงแก่ชีวิต ฉะนั้น ถ้าเรียกนามวัดตามความหมายของคำว่า วัดพนัญเชิง ก็ย่อมหมายความถึงวัดที่มีพระพุทธรูปนั่งขัดสมาธิ คือหลวงพ่อโต (อ้างอิงจากประวัติวัดพนัญเชิงข้อมูลของทางวัดในปัจจุบัน)
จุดน่าสนใจ
หลวงพ่อโต
หลวงพ่อโตหรือพระพุทธไตรรัตนนายกพระพุทธรูปศิลปะอู่ทองตอนปลาย ปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ ขนาดหน้าตักกว้าง ๑๔.๒๐ เมตร สูง ๑๙.๒๐ เมตร วัสดุปูนปั้นลงรักปิดทอง หลวงพ่อโตหรือพระพุทธไตรรัตนนายก หรือพระโตของชาวอยุธยาองค์นี้ ถือกันว่าเป็นพระโบราณคู่บ้านคู่เมืองกรุงศรีอยุธยามาแต่แรกสร้างกรุง พงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ระบุว่าสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๑๘๖๘ หรือสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ สถาปนากรุงศรีอยุธยา ๒๖ ปีและเมื่อกรุงศรีอยุธยาใกล้จะแตกปรากฏในคำให้การขาวกรุงเก่าว่าพระปฏิมากรใหญ่ที่วัดพนัญเชิงมีน้ำพระเนตรไหลเป็นที่อัศจรรย์ หลวงพ่อโตเป็นพระองค์หนึ่งซึ่งเป็นที่เคารพนับถือในหมู่ชาวจีนมากโดยเรียกกันว่า “ซำปอกง” นอกจากชาวไทยแล้วยังมีผู้มีเชื้อสายจีนหลั่งไหลกันมากราบไหว้บูชาจำนวนมากและเป็นประจำทุกปี
พระพุทธรูปทองคำในพระอุโบสถ
ในพระอุโบสถวัดพนัญเชิงนั้นมีพระพุทธรูปสำคัญ 3 องค์ คือ พระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปปูน และพระพุทธรูปนาก พระพุทธรูปทองเป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยทำจากทองสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง 3 ศอก สูง 4 ศอก มีสีทองอร่ามใสเป็นเงาสะท้อนอย่างชัดเจน องค์กลางเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นสมัยอยุธยาหน้าตักกว้าง 4 ศอก สูง 5 ศอก ส่วนพระพุทธรูปนากเป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยนั้นจะมีสีออกแดง ๆ หน้าตักกว้าง 3 ศอก สูง 5 ศอก กล่าวกันว่าพระพุทธรูปทองและนากนี้เพิ่งถูกพบว่าเป็นพระทองและพระนากด้วยบังเอิญ เนื่องจากแต่เดิมทีพระทั้งสององค์ถูกฉาบเคลือบด้วยปูน จนมีลักษณะคล้ายกับพระพุทธรูปปูนปั้นทั่วไป สาเหตุคงเพราะว่าช่วงเวลาก่อนที่กรุงศรีอยุธยาจะถูกข้าศึกบุกตีพระนคร คนในสมัยนั้นเกรงว่าพระพุทธรูปทองและพระพุทธรูปนากนี้จะถูกขโมยหรือเผาเอาทองไปจึงได้ฉาบปูนเคลือบและปั้นปูนในขณะที่ปูนยังไม่แห้งเพื่อทำเป็นลายจีวรและลักษณะต่างๆเช่น ปั้นรูปพระพักตร์ พระเกศา เพื่อให้เข้าใจว่าไม่ใช่พระทองคำและพระนาก จนกระทั่งในภายหลังมีผู้ไปค้นพบว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำเนื่องจากเศษปูนได้กะเทาะออกมาและเนื้อภายในเป็นทอง จึงได้ค่อยๆกะเทาะปูนออกให้หมด จึงได้เห็นว่าเป็นพระทองคำทั้งองค์และนำมาประดิษฐานอยู่ภายพระอุโบสถของวัด
เจ้าแม่สร้อยดอกหมาก
นอกจากหลวงพ่อโตหรือเจ้าพ่อซำปอกง แห่งวัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ผู้คนมาสักการะกันอย่างหนาตาทุกวันแล้ว ใกล้กันนั้นยังมี “ศาลพระนางสร้อยดอกหมาก” หรือ “ศาลเจ้าแม่แอเนี้ย” อันเป็นอนุสรณ์แห่งความรักที่จบลงด้วยโศกนาฏกรรมในยุคก่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยา ที่มีผู้คนที่ต้องการขอพรแห่งความรักมาสักการะไม่น้อยเช่นกัน
ตามตำนานพระราชพงศาวดารเหนือ กล่าวถึงพระนางสร้อยดอกหมากไว้ว่า พระเจ้ากรุงจีนทรงมีบุตรบุญธรรมจากจั่นหมากชื่อว่า สร้อยดอกหมาก ครั้นนางจำเริญวัยเป็นสาวแรกรุ่นที่มาพร้อมรูปลักษณ์อันงดงาม โหรหลวงได้ทำนายว่าจะได้กษัตริย์กรุงอโยธยาเป็นพระสวามี พระเจ้ากรุงจีนจึงทรงมีพระราชสาสน์มาถวายพระเจ้าสายน้ำผึ้ง พระเจ้าสายน้ำผึ้งหลังจากรับราชสาสน์จึงเสด็จไปกรุงจีนด้วยเรือพระที่นั่งเอกชัยด้วยพระบารมีพระราชกุศลที่สั่งสมมาแต่ปางหลังนำพาให้พระองค์ฝ่าภยันตรายไปถึงกรุงจีนด้วยความปลอดภัย พระเจ้ากรุงจีนทรงโสมนัสเป็นยิ่งนัก จึงมีรับสั่งให้จัดกระบวนแห่ออกไปรับพระเจ้าสายน้ำผึ้งเข้ามาภายในพระราชวัง พร้อมทั้งให้ราชาภิเษกพระนางสร้อยดอกหมากขึ้นเป็นพระมเหสีของพระเจ้าสายน้ำผึ้งเวลากาลผ่านไป พระเจ้าสายน้ำผึ้งจึงกราบถวายบังคมลาพระเจ้ากรุงจีนกลับพระนคร พระเจ้ากรุงจีนจึงพระราชทานเรือสำเภา 5 ลำ กับชาวจีนที่มีฝีมือในการช่างสาขาต่างๆ จำนวน 500 คน ให้เดินทางกลับสู่กรุงอโยธยาด้วย เมื่อเดินทางถึงปากน้ำแม่เบี้ย ใกล้แหลมบางกะจะ (บริเวณหน้าวัดพนัญเชิงในปัจจุบัน) พระเจ้าสายน้ำผึ้งเสด็จเข้าพระนครก่อน เพื่อจัดเตรียมตำหนักซ้ายขวามาต้อนรับพระนางสร้อยดอกหมาก ครั้นรุ่งเช้าก็จัดขบวนต้อนรับโดยให้เสนาอำมาตย์ชั้นผู้ใหญ่มาอัญเชิญพระนางสร้อยดอกหมากเข้าเมือง โดยพระองค์ไม่ได้เสด็จไปด้วย พระนางสร้อยดอกหมากไม่เห็นพระเจ้าสายน้ำผึ้งมารับก็เกิดความน้อยพระทัย จึงไม่ยอมเสด็จขึ้นจากเรือ พร้อมกล่าวว่า “มาด้วยพระองค์โดยยาก เมื่อมาถึงพระราชวังแล้วเป็นไฉนพระองค์จึงไม่มารับ ถ้าพระองค์ไม่เสด็จมารับ ก็จะไม่ไป” เสนาบดีนำความขึ้นกราบทูล พระเจ้าสายน้ำผึ้งคิดว่านางหยอกเล่น จึงกล่าวสัพยอกว่า “เมื่อมาถึงแล้ว จะอยู่ที่นั่นก็ตามใจเถิด” ครั้นรุ่งขึ้น พระเจ้าสายน้ำผึ้งก็เสด็จมารับด้วยพระองค์เอง เมื่อเสด็จขึ้นไปบนเรือสำเภา พระนางสร้อยดอกหมากจึงตัดพ้อต่อว่ามากมาย พระเจ้าสายน้ำผึ้งจึงทรงสัพยอกอีกว่า “เมื่อไม่อยากขึ้นก็จงอยู่ที่นี่เถิด” ฝ่ายพระนางสร้อยดอกหมากได้ฟังดังนั้น เข้าพระทัยผิดคิดว่าตรัสเช่นนั้นจริงๆ ก็เสียพระทัยยิ่งนัก จึงกลั้นพระหฤทัยจนถึงแก่ทิวงคต ณ บนสำเภาเรือพระที่นั่ง ที่ท่าปากน้ำแม่เบี้ยนั่นเอง ยังความโศกสลดพระทัยแก่พระเจ้าสายน้ำผึ้งยิ่งนัก จึงโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระศพมาพระราชทานเพลิงที่แหลมบางกะจะ และสถาปนาบริเวณนั้นเป็นพระอารามนามว่า “วัดพระเจ้าพระนางเชิง” หรือ “พแนงเชิง” ซึ่งแปลว่า “พระนางผู้มีแง่งอน” พร้อมทั้งสร้างศาลขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักนั่นก็คือ ศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมากนั่นเอง และศาลแห่งนี้ยังถือเป็นเครื่องยืนยันความสัมพันธ์แนบแน่นระหว่างไทย-จีนมาช้านานตั้งแต่สมัยก่อนอยุธยาจนปัจจุบัน ยังมีการจัดงานสืบสานประเพณีจีน เช่น งานเทกระจาด งานล้างป่าช้าจีน เป็นต้น
ศาลพระนางสร้อยดอกหมากนั้นเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมและศิลปะแบบจีน ป้ายหน้าศาลมีทั้งอักษรไทยและจีน เขียนว่า เปยเหนียง หากแปลแยกจะได้ความว่า หญิงสาวผู้โศกเศร้า แต่หากแปลรวมจะหมายถึง พระแม่ผู้เปี่ยมเมตตา ตัวศาลเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น ตกแต่งลวดลายปูนปั้นสวยงาม ชั้นล่างเป็นเจ้าที่ ส่วนชั้น 2 ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิม ซึ่งนับถือกันว่าเป็นตัวแทนรูปเคารพของพระนางสร้อยดอกหมาก อีกทั้งยังเป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นเจ้าแม่สร้อยดอกหมากที่แต่งองค์แบบจีน ชาวจีนให้ความเคารพนับถือมาก แทบทุกคนเมื่อมาปิดทองหลวงพ่อโตในพระวิหารแล้ว จะต้องแวะมาสักการะองค์เจ้าแม่สร้อยดอกหมากด้วย ที่สำคัญศาลแห่งนี้ยังเก็บสมอเรือเก่าแก่ไว้อันหนึ่ง เชื่อกันว่าเป็นสมอเรือของพระนางสร้อยดอกหมากนั่นเอง ความศักดิ์สิทธิ์และอภินิหารของเจ้าแม่สร้อยดอกหมากมีผู้กล่าวขานมาเนิ่นนาน ว่ากันว่าท่านเป็นผู้ถือพระองค์ และมีรักเดียวใจเดียวต่อพระเจ้าสายน้ำผึ้ง ไม่โปรดให้ผู้ชายเข้าไปแตะต้องพระรูปของท่านไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อหลายสิบปีก่อนเคยมีผู้ชายเข้าไปทำความสะอาดพระรูปเจ้าแม่ ปรากฏว่าเมื่อชายผู้นั้นกลับไปบ้านก็เกิดเจ็บอย่างกะทันหันและถึงแก่ความตายไปโดยไม่รู้สาเหตุ และหากย้อนหลังไปอีกเหตุการณ์เช่นกรณีนี้ก็เคยมีผู้ชายเข้าไปทำความสะอาดพระรูปเจ้าแม่แล้วถึงแก่ความตายถึง 2 คน และเป็นความตายโดยฉับพลันทั้งสิ้น จึงเป็นที่รู้กันว่าเจ้าแม่ไม่ยินดีและไม่ยอมให้ชายคนใดถูกพระวรกายของท่านแม้กระทั่งปัจจุบันนี้ เวลามีงานงิ้วเดือน 9 ของวัดพนัญเชิง ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก จะมีการทำพิธีบูชาเจ้าแม่ การแห่เจ้าแม่ออกนอกศาลก็เพียงแต่ใช้วิธีอัญเชิญเอาเฉพาะกระถางธูปออกไปเท่านั้น ในงานนี้จะมีบรรดาคนทรงเจ้าแม่สร้อยดอกหมากมาจากทั่วทุกสารทิศ เล่ากันว่าเมื่อประทับทรงเจ้าแม่สร้อยดอกหมากนั้น ร่างทรงซึ่งปกติจะพูดภาษาจีนไม่ได้เลย ก็กลับกลายเป็นพูดจีนได้อย่างน่าอัศจรรย์ สมัยก่อนเจ้าหน้าที่ประจำศาลเจ้าแม่เป็นคนจีน ฟังภาษาจีนและพูดภาษาจีนได้เล่าว่า เจ้าแม่สร้อยดอกหมากเคยถามหาทรัพย์สมบัติโบราณที่พระองค์นำมาจากเมืองจีนและเคยเก็บรักษาไว้ที่นี่ ตอนนี้เอาไปเก็บเสียที่ไหนแล้ว และที่สำคัญเจ้าหน้าที่ที่ดูแลศาลเคยเห็นเจ้าแม่มาแล้ว ท่านจะแต่งชุดจีนสีขาว พระพักตร์สวยมาก
ปัจจุบันความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแม่ก็ยังคงมีอยู่ ใครมาบนบานขออะไรท่านไม่ว่าจะขอลูก ขอความสำเร็จหรือขอให้มีความรักก็มักจะได้ตามนั้น จนมีผู้นำของมาแก้บนเต็มไปหมด โดยส่วนมากจะบนด้วยสร้อยไข่มุก เครื่องสำอาง สิงโตเชิด และเครื่องสังเวย
ตำนานรักเรื่อง “เจ้าชายสายน้ำผึ้งกับพระนางสร้อยดอกหมาก” ยังเป็นตำนานแห่งการสร้างวัดพนัญเชิงวรวิหาร ซึ่งทำให้ต่างมีความเชื่อกันว่า เจ้าแม่สร้อยดอกหมากสามารถดลบันดาลให้ผู้ที่กราบไหว้ได้สมปรารถนาดังที่ขอไว้ได้ทุกเรื่องทุกประการ
อ้างอิง
- http://www.ayutthaya.org/attractions/ayutthaya_city08.html
- พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์. สำนักงานพิมพ์คลังวิทยา. พ.ศ. 2510.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|year=
((help))
แหล่งข้อมูลอื่น
- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ วัดพนัญเชิงวรวิหาร
- ภาพถ่ายดาวเทียมจากวิกิแมเปีย หรือกูเกิลแมปส์
- แผนที่จากลองดูแมป หรือเฮียวีโก
- ภาพถ่ายทางอากาศจากเทอร์ราเซิร์ฟเวอร์
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniimmikarxangxingcakaehlngthimaidkrunachwyprbprungbthkhwamni odyephimkarxangxingaehlngthimathinaechuxthux enuxkhwamthiimmiaehlngthimaxacthukkhdkhanhruxlbxxk eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir bthkhwamnitxngkarkarcdhna cdhmwdhmu islingkphayin hruxekbkwadenuxha ihmikhunphaphdikhun khunsamarthprbprungaekikhbthkhwamniid aelanapayxxk phicarnaichpaykhxkhwamxunephuxchichdkhxbkphrxng wdphnyechingwrwihar tngxyuthihmu 2 tablkamng xaephxphrankhrsrixyuthya cnghwdphrankhrsrixyuthya epnphraxaramhlwngchnoth chnidwrwihar aebbmhanikay micudednsakhy khux phraphuththitrrtnnayk hruxhlwngphxsapxkng sungepnphraphuththrupthimikhnadihythisudinphrankhrsrixyuthyawdphnyechingwrwiharphraphuththitrrtnnayk hruxhlwngphxsapxkngchuxsamywdphnyechingthitng2 hmu 12 tablkamng xaephxphrankhrsrixyuthya cnghwdphrankhrsrixyuthya 13000praephthphraxaramhlwngchnoth chnidwrwiharphraphuththrupsakhyphraphuththitrrtnnaykecaxawasphrathrrmrtnmngkhl nphpdl ktsaor khwamphiesswdintananphraecasaynaphunghmayehtuepnswnhnungkhxngxuthyanprawtisastrphrankhrsrixyuthyaswnhnungkhxngsaranukrmphraphuththsasnawdphnyechingwrwihar cnghwdphrankhrsrixyuthyaprawtiwdphnyeching epnwdthimiprawtixnyawnan kxsrangkxnkarsthapnakrungsrixyuthya aelaimprakthlkthanthiaenchdwaikhrepnphusrang tamhnngsuxphngsawdarehnuxklawwa epnphusrang aelaphrarachthannamwa wdecaphranangeching txngkarxangxing aelaphrarachphngsawdarkrungeka chbbhlwngpraesrithxksrnitiklawiwwa idsthapnaphraphuththrupphuththecaphaenngeching emuxpi ph s 1867 sungkxnphraecaxuthxngcasthapnakrungsrixyuthyathung 26 pi phraphuththitrrtnnayk hruxhlwngphxsapxkng epnphraphuththrupkhnadihy aelaihythisudinphrankhrsrixyuthya hnatkkwang 20 emtress sung 19 emtr epnphraphuththruppunpnpangmarwichy ekhyidrbkhwamesiyhayinsmyesiykrung aetkidrbkarburnasxmaesmmaodytlxd cnkrathnginsmyphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhwaehngkrungrtnoksinthr emux ph s 2394 idoprdeklaihburnaihmhmdthngxngkh aelaphrarachthannamihmwa phraphuththitrrtnnayk hruxthiruckkninhmuphuththsasnikchnchawithyechuxsaycinwa hlwngphxsapxkng txngkarxangxing khawa phaenngeching mikhwamhmaywa nngkhdsmathi chann khawa wdphnyeching wdphraaenngeching hrux wdphraecaphaenngeching cunghmaythungwdaehngphraphuththrupnngpangmarwichykhux hlwngphxot hrux phraphuththitrrtnnayk nnexng hruxxacsubenuxngmacaktananeruxngphranangsrxydxkhmak khux emuxphranangsrxydxkhmakklnictaynn phranangkhngnngkhdsmathi ephraachawcinniymnngkhdsmathimakwanngphbephiybcungnamaicheriykchuxwd bangkhnkeriykwa wdphranangexaeching tamsaehtuthithaihphranangthungaekchiwit chann thaeriyknamwdtamkhwamhmaykhxngkhawa wdphnyeching kyxmhmaykhwamthungwdthimiphraphuththrupnngkhdsmathi khuxhlwngphxot xangxingcakprawtiwdphnyechingkhxmulkhxngthangwdinpccubn cudnasnicphraphuththitrrtnnayk hruxhlwngphxot phraphuththrupskdisiththikhubankhuemuxngkhxngwdphnyechinghlwngphxot hlwngphxothruxphraphuththitrrtnnaykphraphuththrupsilpaxuthxngtxnplay pangmarwichy khdsmathirab khnadhnatkkwang 14 20 emtr sung 19 20 emtr wsdupunpnlngrkpidthxng hlwngphxothruxphraphuththitrrtnnayk hruxphraotkhxngchawxyuthyaxngkhni thuxknwaepnphraobrankhubankhuemuxngkrungsrixyuthyamaaetaerksrangkrung phngsawdarkrungekachbbhlwngpraesrithxksrnitirabuwasrangkhunemux ph s 1868 hruxsmedcphraramathibdithi 1 sthapnakrungsrixyuthya 26 piaelaemuxkrungsrixyuthyaiklcaaetkpraktinkhaihkarkhawkrungekawaphraptimakrihythiwdphnyechingminaphraentrihlepnthixscrry hlwngphxotepnphraxngkhhnungsungepnthiekharphnbthuxinhmuchawcinmakodyeriykknwa sapxkng nxkcakchawithyaelwyngmiphumiechuxsaycinhlngihlknmakrabihwbuchacanwnmakaelaepnpracathukpiphraphuththrupthxngkha pun aelanak xyuphayinphraxuobsthphraphuththrupthxngkhainphraxuobsth inphraxuobsthwdphnyechingnnmiphraphuththrupsakhy 3 xngkh khux phraphuththrupthxngkha phraphuththruppun aelaphraphuththrupnak phraphuththrupthxngepnphraphuththrupsmysuokhthythacakthxngsmvththi hnatkkwang 3 sxk sung 4 sxk misithxngxramisepnengasathxnxyangchdecn xngkhklangepnphraphuththruppunpnsmyxyuthyahnatkkwang 4 sxk sung 5 sxk swnphraphuththrupnakepnphraphuththrupsmysuokhthynncamisixxkaedng hnatkkwang 3 sxk sung 5 sxk klawknwaphraphuththrupthxngaelanakniephingthukphbwaepnphrathxngaelaphranakdwybngexiy enuxngcakaetedimthiphrathngsxngxngkhthukchabekhluxbdwypun cnmilksnakhlaykbphraphuththruppunpnthwip saehtukhngephraawachwngewlakxnthikrungsrixyuthyacathukkhasukbuktiphrankhr khninsmynnekrngwaphraphuththrupthxngaelaphraphuththrupnaknicathukkhomyhruxephaexathxngipcungidchabpunekhluxbaelapnpuninkhnathipunyngimaehngephuxthaepnlayciwraelalksnatangechn pnrupphraphktr phraeksa ephuxihekhaicwaimichphrathxngkhaaelaphranak cnkrathnginphayhlngmiphuipkhnphbwaepnphraphuththrupthxngkhaenuxngcakesspunidkaethaaxxkmaaelaenuxphayinepnthxng cungidkhxykaethaapunxxkihhmd cungidehnwaepnphrathxngkhathngxngkhaelanamapradisthanxyuphayphraxuobsthkhxngwd ecaaemsrxydxkhmak ruppnecaaemsrxydxkhmak xyuinsalecaaemsrxydxkhmak nxkcakhlwngphxothruxecaphxsapxkng aehngwdphnyeching c phrankhrsrixyuthya thiphukhnmaskkaraknxyanghnatathukwnaelw iklknnnyngmi salphranangsrxydxkhmak hrux salecaaemaexeniy xnepnxnusrnaehngkhwamrkthicblngdwyosknatkrrminyukhkxnsthapnakrungsrixyuthya thimiphukhnthitxngkarkhxphraehngkhwamrkmaskkaraimnxyechnkn tamtananphrarachphngsawdarehnux klawthungphranangsrxydxkhmakiwwa phraecakrungcinthrngmibutrbuythrrmcakcnhmakchuxwa srxydxkhmak khrnnangcaeriywyepnsawaerkrunthimaphrxmruplksnxnngdngam ohrhlwngidthanaywacaidkstriykrungxoythyaepnphraswami phraecakrungcincungthrngmiphrarachsasnmathwayphraecasaynaphung phraecasaynaphunghlngcakrbrachsasncungesdcipkrungcindwyeruxphrathinngexkchydwyphrabarmiphrarachkuslthisngsmmaaetpanghlngnaphaihphraxngkhfaphyntrayipthungkrungcindwykhwamplxdphy phraecakrungcinthrngosmnsepnyingnk cungmirbsngihcdkrabwnaehxxkiprbphraecasaynaphungekhamaphayinphrarachwng phrxmthngihrachaphieskphranangsrxydxkhmakkhunepnphramehsikhxngphraecasaynaphungewlakalphanip phraecasaynaphungcungkrabthwaybngkhmlaphraecakrungcinklbphrankhr phraecakrungcincungphrarachthaneruxsaepha 5 la kbchawcinthimifimuxinkarchangsakhatang canwn 500 khn ihedinthangklbsukrungxoythyadwy emuxedinthangthungpaknaaemebiy iklaehlmbangkaca briewnhnawdphnyechinginpccubn phraecasaynaphungesdcekhaphrankhrkxn ephuxcdetriymtahnksaykhwamatxnrbphranangsrxydxkhmak khrnrungechakcdkhbwntxnrbodyihesnaxamatychnphuihymaxyechiyphranangsrxydxkhmakekhaemuxng odyphraxngkhimidesdcipdwy phranangsrxydxkhmakimehnphraecasaynaphungmarbkekidkhwamnxyphrathy cungimyxmesdckhuncakerux phrxmklawwa madwyphraxngkhodyyak emuxmathungphrarachwngaelwepnichnphraxngkhcungimmarb thaphraxngkhimesdcmarb kcaimip esnabdinakhwamkhunkrabthul phraecasaynaphungkhidwananghyxkeln cungklawsphyxkwa emuxmathungaelw caxyuthinnktamicethid khrnrungkhun phraecasaynaphungkesdcmarbdwyphraxngkhexng emuxesdckhunipbneruxsaepha phranangsrxydxkhmakcungtdphxtxwamakmay phraecasaynaphungcungthrngsphyxkxikwa emuximxyakkhunkcngxyuthiniethid fayphranangsrxydxkhmakidfngdngnn ekhaphrathyphidkhidwatrsechnnncring kesiyphrathyyingnk cungklnphrahvthycnthungaekthiwngkht n bnsaephaeruxphrathinng thithapaknaaemebiynnexng yngkhwamosksldphrathyaekphraecasaynaphungyingnk cungoprdekla ihxyechiyphrasphmaphrarachthanephlingthiaehlmbangkaca aelasthapnabriewnnnepnphraxaramnamwa wdphraecaphranangeching hrux phaenngeching sungaeplwa phranangphumiaengngxn phrxmthngsrangsalkhunephuxepnxnusrnaehngkhwamrknnkkhux salecaaemsrxydxkhmaknnexng aelasalaehngniyngthuxepnekhruxngyunynkhwamsmphnthaenbaennrahwangithy cinmachanantngaetsmykxnxyuthyacnpccubn yngmikarcdngansubsanpraephnicin echn nganethkracad nganlangpachacin epntn salphranangsrxydxkhmaknnetmipdwysthaptykrrmaelasilpaaebbcin payhnasalmithngxksrithyaelacin ekhiynwa epyehniyng hakaeplaeykcaidkhwamwa hyingsawphuoskesra aethakaeplrwmcahmaythung phraaemphuepiymemtta twsalepnxakharkxxiththuxpun 2 chn tkaetnglwdlaypunpnswyngam chnlangepnecathi swnchn 2 pradisthanecaaemkwnxim sungnbthuxknwaepntwaethnrupekharphkhxngphranangsrxydxkhmak xikthngyngepnthipradisthanruppnecaaemsrxydxkhmakthiaetngxngkhaebbcin chawcinihkhwamekharphnbthuxmak aethbthukkhnemuxmapidthxnghlwngphxotinphrawiharaelw catxngaewamaskkaraxngkhecaaemsrxydxkhmakdwy thisakhysalaehngniyngekbsmxeruxekaaekiwxnhnung echuxknwaepnsmxeruxkhxngphranangsrxydxkhmaknnexng khwamskdisiththiaelaxphiniharkhxngecaaemsrxydxkhmakmiphuklawkhanmaeninnan waknwathanepnphuthuxphraxngkh aelamirkediywicediywtxphraecasaynaphung imoprdihphuchayekhaipaetatxngphrarupkhxngthanimwakrniid thngsin emuxhlaysibpikxnekhymiphuchayekhaipthakhwamsaxadphrarupecaaem praktwaemuxchayphunnklbipbankekidecbxyangkathnhnaelathungaekkhwamtayipodyimrusaehtu aelahakyxnhlngipxikehtukarnechnkrninikekhymiphuchayekhaipthakhwamsaxadphrarupecaaemaelwthungaekkhwamtaythung 2 khn aelaepnkhwamtayodychbphlnthngsin cungepnthiruknwaecaaemimyindiaelaimyxmihchaykhnidthukphrawrkaykhxngthanaemkrathngpccubnni ewlaminganngiweduxn 9 khxngwdphnyeching sungmikhwamekiywkhxngkbsalecaaemsrxydxkhmak camikarthaphithibuchaecaaem karaehecaaemxxknxksalkephiyngaetichwithixyechiyexaechphaakrathangthupxxkipethann inngannicamibrrdakhnthrngecaaemsrxydxkhmakmacakthwthuksarthis elaknwaemuxprathbthrngecaaemsrxydxkhmaknn rangthrngsungpkticaphudphasacinimidely kklbklayepnphudcinidxyangnaxscrry smykxnecahnathipracasalecaaemepnkhncin fngphasacinaelaphudphasacinidelawa ecaaemsrxydxkhmakekhythamhathrphysmbtiobranthiphraxngkhnamacakemuxngcinaelaekhyekbrksaiwthini txnniexaipekbesiythiihnaelw aelathisakhyecahnathithiduaelsalekhyehnecaaemmaaelw thancaaetngchudcinsikhaw phraphktrswymak pccubnkhwamskdisiththikhxngecaaemkyngkhngmixyu ikhrmabnbankhxxairthanimwacakhxluk khxkhwamsaerchruxkhxihmikhwamrkkmkcaidtamnn cnmiphunakhxngmaaekbnetmiphmd odyswnmakcabndwysrxyikhmuk ekhruxngsaxang singotechid aelaekhruxngsngewy tananrkeruxng ecachaysaynaphungkbphranangsrxydxkhmak yngepntananaehngkarsrangwdphnyechingwrwihar sungthaihtangmikhwamechuxknwa ecaaemsrxydxkhmaksamarthdlbndalihphuthikrabihwidsmprarthnadngthikhxiwidthukeruxngthukprakarphaphmumsungwdphnyechingwrwiharinpccubnxangxinghttp www ayutthaya org attractions ayutthaya city08 html phrarachphngsawdarkrungeka chbbhlwngpraesrithxksrniti sanknganphimphkhlngwithya ph s 2510 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a trwcsxbkhawnthiin year help aehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb wdphnyeching aephnthiaelaphaphthaythangxakaskhxng wdphnyechingwrwihar phaphthaydawethiymcakwikiaemepiy hruxkuekilaemps aephnthicaklxngduaemp hruxehiywiok phaphthaythangxakascakethxrraesirfewxr 14 20 39 N 100 34 44 E 14 344167 N 100 578889 E 14 344167 100 578889