อี ซุน-ชิน (เกาหลี: 이순신; ฮันจา: 李舜臣; เอ็มอาร์: I Sun-sin; 28 เมษายน พ.ศ. 2087 – 16 ธันวาคม พ.ศ. 2141) คือแม่ทัพเรือของเกาหลีในยุคราชวงศ์โชซ็อน ที่มีชื่อเสียงจากการนำเข้าต่อสู้กับกองทัพเรือญี่ปุ่น ในการรุกรานเกาหลีของญี่ปุ่น (พ.ศ. 2135-2141) ในยุคราชวงศ์โชซ็อน เขาเข้าร่วมรบในฐานะผู้บัญชาการที่ 1 แห่งจังหวัดทหารเรือคย็องซัง, ช็อลลา และชุงช็อง ราชทินนามของเขาคือ "Samdo Sugun Tongjesa" (ฮันกึล : 삼도수군통제사, ฮันจา : 三道水軍統制使) ซึ่งแปลว่า ผู้บัญชาการ 3 จังหวัดทหารเรือ ซึ่งเป็นราชทินนามสำหรับผู้ที่ครองตำแหน่ง ผู้บัญชาการหน่วยรบทางทะเลของราชวงศ์โซซอน มาจนถึง พ.ศ. 2439 อี ซุน-ชินมีชื่อเสียงด้วยการเอาชนะกองทัพญี่ปุ่นในขณะที่ฝ่ายตนมีจำนวนน้อยกว่ามากได้ และการประดิษฐ์ (คอบุกซ็อน, 거북선) ซึ่งเป็นลำแรกของโลกอีกด้วย เขาได้รับการยกย่องในฐานะแม่ทัพเรือไร้พ่าย และอาจหาญด้วยวีรกรรมการที่ตนนั้นถูกกระสุนปืนไฟยิงแต่มีคำสั่งให้ลูกน้องมัดตนไว้กับเสากระโดงเรือจนกว่าจะตายและให้แม่ทัพรองสวมเกราะของตนเพื่อขวัญกำลังใจของทหารเรือเกาหลีซึ่งมีเพียงไม่กี่คนในโลกนี้ที่ได้รับการยกย่องเช่นนี้
อี ซุน-ชิน | |
---|---|
28 เมษายน พ.ศ. 2087 – 16 ธันวาคม พ.ศ. 2141 | |
อี ซุน-ชิน | |
เกิดที่ | ฮัมซอง (ปัจจุบัน คือ โซล) |
อนิจกรรมที่ | ช่องแคบโนรยัง |
เหล่าทัพ |
Yi Sun-sin 이순신 李舜臣 | |
이순신 or 리순신 | |
ฮันจา | 李舜臣 |
อาร์อาร์ | I Sunsin or Ri Sunsin |
เอ็มอาร์ | Yi Sunsin or Ri Sunsin |
여해 | |
ฮันจา | 汝諧 |
อาร์อาร์ | Yeohae |
เอ็มอาร์ | Yŏhae |
충무 | |
ฮันจา | 忠武 |
อาร์อาร์ | Chungmu |
เอ็มอาร์ | Ch'ungmu |
เขาเสียชีวิตใน (อ่านว่า โน-รยัง) จากการถูกยิงด้วยกระสุนปืนไฟหนึ่งนัด ในวันที่16 ธันวาคม พ.ศ. 2141 ราชสำนักโชซ็อนยกย่อง เขาด้วยการพระราชทานราชทินนาม และยศให้หลายตำแหน่ง รวมทั้งชื่อที่ตั้งให้เป็นเกียรติอย่าง "ชุงมูกง" (Chungmugong,충무공, 忠武公, ขุนศึกผู้จงรัก) , "ซ็อนมูอิลดึงกงชิน" (Seonmu Ildeung Gongsin, 선무일등공신, 宣武一等功臣, นายทหารผู้ควรได้รับการยกย่องชั้น1แห่งราชวงศ์โซซอน) และตำแหน่งอีก 2 คือ "ย็องอึยจ็อง" (Yeongijeong, 영의정, 領議政, Prime Minister) , และ "ท็อกพุงบูว็อนกุน" (Deokpung Buwongun, 덕풍부원군, 德豊府院君, เจ้าชายแห่งราชสำนักจากท็อกพุง) และได้รับพระราชทานราชทินนามจากจักรพรรดิว่านลี่แห่งราชวงศ์หมิงว่า "จอมพลเรือแห่งจักรวรรดิหมิง"
ช่วงต้นของชีวิต
อี ซุน-ชินเกิดที่กรุงฮันยัง (ปัจจุบันคือโซล) ตระกูลของเขาคือตระกูลลีแห่ง Deoksu พ.ศ. 2095 ลีจอง พ่อของเขาถูกจับและลงโทษ จากข้อหาประกอบพิธีศพให้อาชญากรที่ตายไปแล้ว ครองครัวของเขาจึงย้ายไปที่อาซาน จังหวัดกองซางโต พระเจ้าซอนโจพระราชทานอภัยโทษให้ในปี พ.ศ. 2110
หนึ่งในเหตุการณ์ที่สำคัญในช่วงนี้คือการที่เข้าได้เป็นเพื่อนกับ (유성룡) นักวิชาการผู้มีชื่อ ที่ได้เป็นของเกาหลีในช่วงการรุกรานเกาหลีของญี่ปุ่น (พ.ศ. 2135-2141) ซึ่งในช่วงสงครามนี้ การสนับสนุนของยู ซองลยอง มีความสำคัญมากๆต่อชัยชนะของอี ซุน-ชิน
ในวัยเด็ก เขาเล่นเกมสงครามกับเพื่อนๆ ซึ่งในการละเล่นนี้ เขาได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นอัจฉริยะด้านความเป็นผู้นำทางทหาร (เช่นเดียวกับนโปเลียน) และเขายังประดิษฐ์ธนูและลูกศรเองตั้งแต่ยังเป็นวัยเด็ก
พ.ศ. 2119 อี ซุน-ชินเขาสอบคัดเลือกนายทหารประจำปี (무과; 武科) เขาได้แสดงความสามารถเชิงดาบและธนู ให้เป็นที่ประทับใจแก่คณะกรรมการตัดสิน แต่ตกในการสอบขี่ม้าเพราะตกม้าขาหัก หลังจากเข้าสอบใหม่และผ่าน เขาถูกส่งไปรบในตำบลทหารกองทัพภาคเหนือ ในจังหวัดฮัมยอง (ปัจจุบันเป็นจังหวัดหนึ่งของเกาหลีเหนือ) เขาเป็นนายทหารใหม่ที่อายุเยอะที่สุด (32 ปี) เขาได้รับหน้าที่เข้ารบต่อสู้กับพวก (ต่อมาคือพวกแมนจู) ที่เข้ามาปล้นสะดมตามแนวชายแดน อี ซุน-ชินได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็วจากความเป็นผู้นำและเป็นผู้มีกลยุทธ์
พ.ศ. 2126 เขาวางแผนลวงพวกหนู่เจินให้ออกมารบ จนสามารถเอาชนะและจับหัวหน้าพวกหนู่เจิน ได้อย่างไรก็ตาม อี ซุน-ชินต้องพักราชการไปไว้ทุกข์ให้บิดาที่จากไปตามประเพณีอยู่ 3 ปี ก่อนจะกลับเข้ามารับราชการอีก
ความสามารถและความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมของเขานั้น กลับเป็นการสร้างความอิจฉาริษยาให้แก่ผู้อื่นยิ่ง กล่าวหาว่าเขาระหว่างการรบ การใส่ร้ายนี้ นำโดยนายพล ลีอี ผู้ซึ่งต่อมาแพ้ให้กับกองทัพญี่ปุ่นใน การใส่ร้ายป้ายสีเพื่อขัดแข้งขัดขาผู้อื่น กลายเป็นเรื่องปกติมากๆในกองทัพและรัฐบาลเกาหลีในปีถัดๆมา ในที่สุด อี ซุน-ชินก็ถูกจับจองจำและทรมาน หลังถูกปล่อย เขาถูกลดขั้นเป็นเพียงพลทหาร แต่เขาก็ไต่เต้าขึ้นมาใหม่ได้อีกอย่างรวดเร็ว จนได้เป็นผู้บัญชาการศูนย์ฝึกทหาร และถูกย้ายไปเป็นผู้พิภาคษาศาลทหารในจังหวัดเล็กๆแห่งหนึ่ง
ความพยายามของอี ซุน-ชินในภาคเหนือ ทำให้เขาได้เลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว ในช่วงเดือนท้ายๆของปี พ.ศ. 2133 เขาได้รับการปรับเลื่อนตำแหน่งถึง 4 ครั้ง และในท้ายที่สุด เขาได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการฝ่ายซ้ายแห่งจังหวัดทหารเรือจอนลา (전라좌도; 全羅左道) ในช่วงนี้เอง รัฐบาลโซซอนกำลังอยู่ในภาวะสับสน เนื่องจากความไม่แน่ชัดว่าญี่ปุ่น ภายใต้การนำของโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ จะรุกรานเกาหลีหรือไม่ (ซึ่งผลคือ ญี่ปุ่นรุกรานเกาหลีจริงจริงในอีก 2 ปีให้หลัง) และ การเรืองอำนาจของนู่เอ๋อร์ฮาชื่อ ผู้นำหนุ่มแห่งหนู่เจิน (เขาคือผู้วางรากฐานให้อาณาจักรแมนจู ต่อมา ลูกหลานของเขา ก็สามารถบุกยึดประเทศจีน สถาปนาราชวงศ์ชิงได้) ด้วยเหตุนี้ จึงมีการโยกย้ายนายทหารผู้เปี่ยมประสบการณ์ ขึ้นไปประจำการยังจุดยุทธศาสตร์ ด้วยเหตุนี้ อี ซุน-ชินจึงถูกส่งไปประจำการที่ยอซู ในวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2133 และที่นี่เอง เขารับผิดชอบสร้างมณฑลทหารเรือขึ้นมา ซึ่งต่อมากลายเป็นกุญแจสำคัญในการต่อต้านกองทัพญี่ปุ่นในสงคราม 7 ปีหรือศึกอิมจิน (ชื่อที่ชาวเกาหลีเรียก การรุกรานเกาหลีของญี่ปุ่น (พ.ศ. 2135-2141)) เขาสร้างความแข็งแกร่งให้กองทัพเรือเกาหลีผ่านการปรับปรุงหลายครั้ง รวมไปถึงการสร้าง โคบุ๊คซอน ที่ถือได้ว่าเป็นเรือรบหุ้มเกราะเหล็กลำแรกของโลก
การรุกรานเกาหลีของญี่ปุ่น (พ.ศ. 2135-2141)
วีรกรรมของอี ซุน-ชิน ได้รับการจดจำอย่างมาก จากการเข้าร่วมรบหลายต่อหลายครั้งในการรุกรานเกาหลีของญี่ปุ่น (พ.ศ. 2135-2141) นี้เอง ในปี พ.ศ. 2135 โทโยโทมิ ฮิเดโยชิออกคำสั่งเคลื่อนพลเข้าตีเกาหลี หมายจะกวาดพื้นที่ทั้งคาบสมุทรเกาหลี เพื่อใช้เป็นฐานปฏิบัติการหน้าในการเข้ายึดประเทศจีนต่อไป หลังการโจมตีเมืองปูซาน อี ซุน-ชินก็เริ่มปฏิบัติการโต้ตอบทางทะเล จากยอซู หน่วยบัญชาการของเขา เขามีชัยเหนือญี่ปุ่นใน , และอีกหลายศึก ชัยชนะอย่างต่อเนื่องของเขา ทำให้แม่ทัพทั้งหลายของญี่ปุ่นกังวลถึงภัยจากทางทะเล อี ซุน-ชินเข้ารบในยุทธนาวีใหญ่ๆ อย่างน้อย 23 ครั้ง และได้ชัยชนะทุกครั้ง
ฮิเดโยชิตระหนักถึงความจำเป็นยิ่งยวด ถึงการครอบครองทะเลในระหว่างสงคราม จากล้มเหลวในการจ้างจากโปรตุเกส ฮิเดโยชินจึงหันไปเพิ่มขนาดกองเรือของเขาเป็น 1,700ลำ โดยคิดว่าเกาหลีจะสู้ในระยะประชิด และญี่ปุ่นจะเอาชนะได้โดยง่ายเป็นแน่ เพราะในเวลานั้นระดับความสามารถของกองทัพเกาหลีและญี่ปุ่นแตกต่างกันมาก
มีเหตุผลอยู่หลายประการว่าทำไมอี ซุน-ชินถึงชนะได้หลายต่อหลายครั้ง หนึ่งคือ อี ซุน-ชินได้เตรียมตัวรับมือกับสงคราม ที่เขามองว่าเลี่ยงไม่ได้ โดยการตรวจความพร้อมของกำลังพล, ยุทโธปกรณ์และเกียกกาย (กองเสบียง) ให้มีความพร้อมอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การวางแผนและสร้าง ที่ถือว่าเป็นกุญแจหลักต่อชัยชนะในครั้งนี้ สอง เกาหลีมีความเชี่ยวชาญในด้านภูมิศาสตร์ประเทศของตัวเองเป็นอย่างดี และอี ซุน-ชินก็มักจะล่อญี่ปุ่น ให้เข้ามารบในที่ๆและวันเวลาญี่ปุ่นเสียเปรียบเสมอๆ โดยสถานที่นั้นคือสถานที่ที่เป็นช่องแคบ เรือรบญี่ปุ่นที่มีจำนวนมากเข้ามาติดกับและเบียดเสียดจนเรือรบแถวหลังไม่สามารถช่วยสนับสนุนได้และคลื่นทะเลหนุนให้เรือรบญี่ปุ่นเข้ามาในช่องแคบได้ง่าย แต่หนีออกไปไม่ได้ อี ซุน-ชินยังแสดงให้ทหารหาญเห็นถึงความกล้าหาญและความจงรักษ์เสมอๆ เขาปฏิบัติต่อทหารของเขาด้วยเกียรติ และรบเคียงบ่าเคียงไหล่ทหารหาญ แม้ในสถานการณ์เสี่ยงอันตราย มีการบันทึกเอาไว้ว่า เขามักจะแสดงออกถึงความเสียดายในชีวิตทหารที่ตายไป และตอบสนองความต้องการสุดท้ายของทหารที่เสียชีวิตเสมอๆ ด้วยเหตุนี้เอง ทหารทุกนายจึงรักเขา และพร้อมที่จะร่วมเป็นร่วมตายกับเขา แม้ข้าศึกจะมีจำนวนมากกว่านับร้อยเท่า มากไปกว่านั้น เขามีคุณสมบัติของผู้นำในการรักษาขวัญกองทัพ ในยามที่ข่าวความพ่ายแพ้ทางบกจะเข้ามา และอีกประการหนึ่งที่ทำให้เกาหลีชนะญี่ปุ่นได้คือ เรือรบเกาหลี ที่มีคุณลักษณ์เหนือชั้นกว่าเรือรบญี่ปุ่นยิ่ง โดยเชิงโครงสร้างแล้ว พานโอกซอนมีความแข็งแกร่งมากกว่า ท้องเรือแข็งแกร่ง มีปืนใหญ่ประจำเรือไม่ต่ำกว่า 20 กระบอก ในขณะที่ญี่ปุ่นมีเพียงหนึ่งหรือสองกระบอก ถึงแม้บางลำจะเป็นปืนอย่างยุโรปแต่ก็เป็นปืนรุ่นเก่า จึงทำให้เรือรบเกาหลีมีข้อได้เปรียบในการสู้ระยะไกลอย่างมาก
ความเยี่ยมยอดของเขา ในฐานะนักยุทธศาสตร์และผู้นำนั้น ได้รับการกล่าวขานอย่างมาก ในระหว่างสงคราม ตัวอย่างเช่น (명량) ที่อี ซุน-ชินนำเรือเพียง 13 ลำ เข้าโรมรันกับกองเรือญี่ปุ่น 333 ลำ (เป็นเรือรบ 133ลำ และเรือลำเลียงไม่น้อยกว่า 200 ลำ) ในวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2140 โดยสามารถจมเรือรบญี่ปุ่นได้รวม 31 ลำ ทำให้เรือจำนวนหนึ่งใช้การไม่ได้รวม 92 ลำ [] จับทหารญี่ปุ่นในการรบมาเป็นเชลยประมาณ 8,000 ถึง 18,466 นาย ในขณะที่ทางเกาหลีไม่เสียเรือเลยสักลำ มีเพียงทหารตาย 2 นาย และบาดเจ็บ 3 นาย บนเรือที่อี ซุน-ชินบัญชาการ และอี ซุน-ชินยังเป็นผู้บัญชาการที่กระตือรือร้น มักจะเป็นฝ่ายเข้าตีกองเรือญี่ปุ่นอยู่เสมอ
ภายใต้การบัญชาการของ อี ซุน-ชิน กองทัพญี่ปุ่นจึงต้องถอนกำลังออกไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้เกาหลีและจีนปลอดภัยจากการรุกรานของญี่ปุ่น
ความสำเร็จในการรบในครั้งนี้ เป็นผลจากการแผนการวางกลยุทธ์ โดยเขาศึกษาทิศทางของกระแสน้ำและกระแสลมอย่างละเอียดจนทำให้ชนะข้าศึกในที่สุด (ในปี พ.ศ. 2557 มีการนำยุทธการที่ช่องแคบมยองลยาง (ฮันกึล : 명량) ไปสร้างเป็นภาพยนตร์สงครามอิงประวัติศาสตร์ในชื่อ อีซุนชิน ขุนพลคลื่นคำราม Myeongryang : The Admiral: Roaring Currents, Roaring Currents ทำรายได้สูงสุดในปีที่ออกฉายและยังคงทำรายได้สูงสุดตลอดกาลในประเทศเกาหลีใต้)
พ.ศ. 2136 อี ซุน-ชิน ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการกองทัพเรือภาคใต้ และได้รับพระราชทานราชทินนาม "นายพลเรือแห่งสามจังหวัดทหารเรือ" (ฮันกึล : 삼도수군통제사, ฮันจา :三道水軍統制使) ซึ่งทำให้เขาสามารถบังคับบัญชา กองทัพเรือซ้ายและขวาของจังหวัดกองซางโต กองทัพเรือซ้ายและขวาของจังหวัดจอนลา และกองทัพเรือซ้ายและขวาของจังหวัดชุงชอง
การทัพทั้งสี่ของแม่ทัพลี
กองกำลังญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกที่ปูซานและ ที่ซึ่งเป็นเมืองท่าทางใต้ของเกาหลี เนื่องจากไม่มีกองเรือต่อต้าน กองทัพบกญี่ปุ่นจึงรุกคืบ เข้ายึดเมืองท่าทั้ง 2 ได้อย่างรวดเร็ว และเริ่มรุกขึ้นเหนือประหนึ่งสายฟ้าฟาด ทำให้เดินทางถึงโซลในวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2135 ใช้เวลานับจากเพียง 19 วัน สาเหตุที่กองทัพญี่ปุ่นสามารถดำเนินกลยุทธ์ได้อย่างรวดเร็วนั้น เนื่องจากความไร้ประสิทธิภาพของกองทัพบกภาคใต้ เนื่องจากกองกำลังหลักทางบกของเกาหลีไปอยู่ที่ภาคเหนือเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งประมาทว่าญี่ปุ่นจะไม่รุกราน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง และความล้มเหลวในการป้องกันด่าน
การทัพทั้งสี่ของอี ซุน-ชิน รวมไปถึงทุกๆ ปฏิบัติการ อย่างน้อย 33 ปฏิบัติการใหญ่ๆ ที่อี ซุน-ชินได้ชัยมา ทำให้ญี่ปุ่นต้องเสียเรือรบ เรือลำเลียงพล และเรือลำเลียงเสบียงนับร้อยๆ และมีทหารถูกจับนับพันนาย
เรือเต่า
ความสำเร็จที่ได้รับการจดจำมากของแม่ทัพลีก็คือการรื้อฟื้น และพัฒนา (โคบุคซอน;거북선) ขึ้นมาจากความคิดสร้างสรรค์ของเขา และการสนับสนุนของผู้ใต้บังคับบัญชาทุกนาย แท้จริงแล้ว อี ซุน-ชินไม่ใช่ผู้ที่คิดค้นเรือเต่านี้ขึ้นมา อย่างที่หลายคนเข้าใจกัน หากแต่เขานำเก่า ที่มีการคิดขึ้นมาแต่ยุคต้นราชวงศ์โชซ็อน มาปรับปรุงใหม่ต่างหาก มีการคาดกันว่า แบบแปลนเก่านี้ น่าจะถูกเขียนขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าแทจง
เรือเต่าที่อี ซุน-ชินได้ปรับปรุงขึ้น มีอัตราบรรจุปืนใหญ่ 24-28 กระบอก โดยแบ่งเป็นกราบ (ด้านข้างของเรือ) ละ 11กระบอก และหัวและท้ายเรือ ตำแหน่งละหนึ่งกระบอก หัวเรือถูกแกะสลักเป็นรูปมังกร และที่หัวมังกรแกะสลักนี้ สามารถบรรจุปืนใหญ่ได้อีกถึง 4 กระบอก อีกทั้งมีการบรรจุอีกด้วย ปืนใหญ่และม่านควันนี้ถูกตกแต่งเข้ากันอย่างดี เพื่อการข่มขวัญข้าศึก ที่ด้านข้างของเรือ มีการเจาะช่องเพื่อยิงธนู, ปืนคาบชุด และปืนครก หลังคาเรือถูกคลุมด้วยแผ่นโลหะรูปแปดเหลี่ยมและหนามแหลม จุดประสงค์ของการสร้างหนามแหลมนี้ เพื่อป้องกันข้าศึกที่พยายามบุกเข้ายึดเรือ เพราะด้วยเหตุว่าลี ชุนชินทราบดีว่าประสิทธิภาพของทหารเกาหลีนั้นต่างจากความชำนาญอาวุธของทหารญี่ปุ่นมากรวมถึงทหารราบเกาหลีมักด้อยความสามารถทั้งด้านการฝึกฝนและอาวุธ ถึงแม้จะมีการสวมเกราะของทหารทั้ง2ฝ่ายแล้วก็ตามเรือรบญี่ปุ่นนี้มีขนาดใหญ่กว่าเรือเกาหลี อีกทั้งมีกราบเรือที่ยาวกว่า หนามแหลมบนเรือเต่านี้ จึงมีประโยชน์ในการป้องกันทหารญี่ปุ่นกระโดดลงมายึดเรืออย่างยิ่ง ตัวเรือมีหางเสืออยู่2ใบ และใบพาย 20ใบ ในยามเดินเรือ หนึ่งใบพาย จะใช้ 2ฝีพาย แต่ในยามรบ จะใช้ 5ฝีพาย
ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ในวงการประวัติศาสตร์ เกี่ยวกับจำนวนชั้นของเรือเต่า ว่ามี 2 หรือ 3ชั้น และยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน แต่ทว่า เป็นที่แน่นอนว่าเรือเต่านั้นมีหลายชั้น แยกฝีพายออกจากหน่วยรบ นี่ทำให้เรือเต่ามีความคล่องตัวสูง เนื่องด้วยทั้งกำลังคนและลม โดยมากแล้ว เชื่อว่าเรือมี 2ชั้น ตามแปลนที่1 และ2ของเรือเต่า แต่นักประวัติศาสตร์บางท่านก็ยังเชื่อว่าเรือเต่ามี 3ชั้น เนื่องจากอี ซุน-ชินเป็นคนที่มีความเป็นส่วนตัวอันเป็นเอกลักษณ์ และเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆเสมอๆ ซึ่งแตกต่างจากคนอื่นที่มีคุณวุฒิ และวัยวุฒิเช่นเดียวกับเขาอย่างสิ้นเชิง จึงมีความเป็นไปได้ว่าเขาจะสร้างเรือเต่า 3ชั้น นอกจากนี้ เรือธงของเขา (เรือปานโอกซอน) ที่เขาใช้ตลอด 4การทัพนี้ ก็มี 3ชั้น ดังนั้นเรือเต่าก็น่าจะมี 3ชั้นเช่นกัน
เรือเต่านี้ เป็นส่วนที่มีชื่อเสียงที่สุดเกี่ยวกับกองเรือของอี ซุน-ชิน แต่เขากลับไม่เคยใช้เรือเต่ามากกว่า 5ลำ ในแต่ละยุทธนาวี สาเหตุที่ใช้น้อยนั้น ไม่ใช่มาจากเรื่องงบประมาณ และเวลาในการก่อสร้างอันมีจำกัดในตอนนั้น แต่เป็นเพราะกลยุทธ์การนาวีต่างหาก ในยุคนั้น คงมีเพียงราชนาวีอังกฤษและราชนาวีโซซอนเท่านั้น ที่ใช้ปืนใหญ่เป็นอาวุธหลัก โดยประวัติศาสตร์แล้ว ราชนาวีโซซอนมักจะปราบสลัดญี่ปุ่นด้วยปืนและปืนใหญ่มาตั้งแต่ราวๆ พ.ศ. 1933 แต่ราชนาวีโซซอนไม่มีหน่วยนาวิกโยธิน เพื่อยึดเรือ ในขณะที่กองทัพเรือญี่ปุ่นมี ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับราชนาวีโซซอน ในการ "ออกห่าง" จากเรือรบญี่ปุ่น อี ซุน-ชินมักจะเตือนลูกน้องเขาเสมอว่า การไปรบประชิดตัวกับญี่ปุ่นเป็นเรื่องต้องห้าม เพราะฝ่ายญี่ปุ่นเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธระยะประชิดและกองทัพออกแบบอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อด้านนี้โดยเฉพาะ แต่ให้อาศัยระยะยิงที่เหนือกว่าให้เป็นประโยชน์แทน และเรือเต่าก็ถูกออกแบบมาเพื่อการนี้
เรือเต่า ถูกนำออกมาใช้ครั้งแรกใน และถูกนำมาใช้เกือบทุกครั้งจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ ที่ราชนาวีเสียเรือเต่าและพานโอกซอนทั้งหมด เหลือเพียง เรือพานโอกซอน 13ลำเท่านั้น (อี ซุน-ชินไม่ได้เป็นผู้บังคับบัญชาในยุทธนาวีนี้ เนื่องจากเชื่อว่าเป็นกับดัก จึงถูกจับขึ้นศาลทหาร) และไม่ปรากฏอีกเลย นับแต่ จุดเปลี่ยนที่2 ของสงคราม
เรือเต่านี้ โดยมากมักจะใช้เป็นหัวหอกทะลวงข้าศึก ใช้ได้ดีในพื้นที่แคบ ล้อมรอบไปด้วยเกาะแก่ง แต่ไม่เหมาะที่จะใช้ในทะเลเปิด
สายลับสองหน้าของญี่ปุ่น และความแตกแยกของเกาหลี
หลังชัยชนะอย่างต่อเนื่องของอี ซุน-ชิน ฮิเดโยชิ และแม่ทัพของเขาก็เริ่มหวาดเกรง เพราะกองเรือเกาหลีเข้าใกล้ปูซาน ฝ่ายญี่ปุ่นกลัวว่าเส้นทางลำเลียงเสบียงจะถูกตัด อีกทั้ง อี ซุน-ชินยังทำให้การขนส่งอาหารและยุทโธปกรณ์ของญี่ปุ่นล่าช้า กำลังเสริมจากญี่ปุ่นก็ผ่านด่านกองทัพเรือเกาหลีไปไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ แผนการบุกเข้าเปียงยางจึงชะงักลง ด้วยว่าเสบียงมาไม่ถึงมือกองหน้าทั้ง2ของญี่ปุ่น
แต่ฮิเดโยชิก็ปรับแผนอย่างรวดเร็ว ที่ปูซาน เรือรบญี่ปุ่นถูกปรับปรุงด้วยการเสริมไม้และปืนใหญ่ และเพิ่มมาตรการป้องกันอ่าวด้วยปืนใหญ่ตามริมแนวชาวฝั่ง โดยสั่งให้ในปูซานหล่อขึ้นมา ที่สำคัญที่สุด ญี่ปุ่นรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังความกลัวของพวกเขา และอี ซุน-ชินจะต้องถูกกำจัดให้พ้นทาง ตราบใดที่อี ซุน-ชินยังอยู่ ไม่มีอะไรสามารถรับประกันความปลอดภัยทางทะเลให้ญี่ปุ่นได้แน่นอน
เนื่องจากความแยกแยก แบ่งฝักฝ่าย เล่นพรรคเล่นพวกของราชสำนักโซซอน ทำใหญ่ญี่ปุ่นคิดกลอุบายได้ สายลับสองหน้าของญี่ปุ่นนาม โยชิระ ถูกส่งเข้าหานายพลเกาหลีนาม คิม อูงซู เพื่อคอยป้อนข้อมูลเท็จให้เกาหลี และทางเกาหลีก็เชื่อเขาเสียด้วย
วันหนึ่ง เขาหลอกแม่ทัพคิมว่า แม่ทัพ จะยกทัพมา ณ สถานที่ และวันเวลาที่แน่นอน ด้วยกำลังพลมหาศาล เพื่อโจมตีชายฝั่งอย่างแน่นอน และยุยงให้เขาส่งอี ซุน-ชินออกไปรบ แม่ทัพคิมหลงเชื่อและส่งสารแจ้งไปยังจอมพล ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (Commander-in-Chief; 도원수, 導元帥) ผู้ที่ส่งสารฉบับนี้ขึ้นทูลเกล้าถวายแด่พระเจ้าซอนโจอีกทอด พระเจ้าซอนโจทรงกระหายชัยชนะ เพื่อที่จะขับญี่ปุ่นออกไปจากราชอาณาจักรของพระองค์ยิ่งนัก จึงทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้โจมตี อย่างไรก็ตาม อี ซุน-ชินกลับปฏิเสธที่จะสนองพระบรมราชโองการ เนื่องจากเขาทราบดีว่า ข้อมูลนี้ได้รับมาจากสายลับของข้าศึก อีกทั้งยุทธภูมินี้ เต็มไปด้วยหินโสโครก อันตรายอย่างยิ่ง อีกทั้งคลื่นลมก็ไม่เหมาะแก่การรบ ที่สำคัญ เขาไม่เชื่อคำพูดสายลับสองหน้า
เมื่อแม่ทัพคิมกราบทูลรายงานถึงการปฏิเสธพระบรมราชโองการ เหล่าขุนนางขี้อิจฉา ที่จ้องจะล้มอี ซุน-ชินต่างก็เร่งกราบทูลให้ลงพระอาญาอี ซุน-ชิน และส่งแม่ทัพ อดีตอดีตผู้บัญชาการกองเรือตะวันตกแห่งจังหวัดกองซาง และผู้บัญชาการทหารบกแห่งจอนลา เพื่อเป็นการซ้ำเติมอี ซุน-ชิน วอน กยูนยังกราบทูลรายงานป้ายสีว่า อี ซุน-ชินเป็นพวกขี้เหล้าและเกียจคร้าน
ด้วยเหตุนี้ อี ซุน-ชินจึงถูกปลด ถูกจับใส่โซ่ตรวน และถูกส่งไปยังโซล เพื่อทรมานและจองจำ อี ซุน-ชินถูกทรมานจนเกือบตาย ด้วยวิธีทรมานพื้นฐานเช่น การเฆี่ยนด้วยแส้, การโบยตีด้วยพลอง, การนาบด้วยเหล็กร้อนแดง และ ด้วยวิธีตามแบบการทรมานของเกาหลี คือการหักขา [] แท้จริงแล้ว พระเจ้าซอนโจทรงหมายจะเอาชีวิตเขาด้วยซ้ำ แต่ผู้สนับสนุนอี ซุน-ชิน โดยเฉพาะ เสนาบดีชุง ตาก ขอให้ทรงเมตตาอี ซุน-ชิน เพื่อเห็นแก่ความดีความชอบแต่ครั้งก่อน ส่วนมหาเสนาบดี ที่เคยเป็นเพื่อนสมัยเด็กของอี ซุน-ชิน และเป็นหัวเรือใหญ่ในการสนับสนุนเขากลับนิ่งเงียบในช่วงนี้ แม้จะได้รับการละเว้นโทษตาย แต่เขากลับถูกลดขั้นลงเป็นทหารเลวอีกครั้ง ในกองพลของจอมพล โทษนี้ สำหรับแม่ทัพเกาหลีนั้น รุนแรงยิ่งกว่าโทษตายเสียอีก เพราะพวกเขามีชีวิตอยู่ด้วยเกียรติยศ
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาโดนลดขั้นลงเป็นทหารเลว ก่อนนี้ ตอนที่เขาเป็นนายทหาร เขาก็เคยถูกใส่ความว่าหล่ะหลวมในการป้องกัน เผ่าหนี่เจิน อานารยชน ผู้รุกรานจากทางเหนือ ที่ส่งผลให่เกิดความสูญเสียมากมายนัก แต่ข้อเท็จจริงนั้น อี ซุน-ชินมองเห็นถึงจุดอ่อนนี้แล้ว และสั่งให้เสริมแนวป้องกัน แต่ผู้บังคับบัญชาของเขากลับเห็นว่าเขาเลอะเทอะ และโยนความผิดทุกอย่างให้เขาในภายหลัง
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับความอัปยศอดสู จากการถูกลดขั้นเป็นทหารเลว แต่เขาก็ยังคงทำงานของเขาโดยไม่ปริปากบ่นอย่างขยันขันแข็ง อีกทั้งบรรดานายทหารก็ล้วนให้เกียรติเขา ด้วยรู้ว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ และในไม่ช้า เขาก็เข้าไปอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของจอมพลคอน ยูล จนกระทั่งการตายในสนามรบของแม่ทัพ พร้อมหายนะที่ เขาจึงได้รับการคืนยศ
การคืนยศและการทัพครั้งสุดท้าย
เนื่องด้วยอี ซุน-ชิน ไม่มีอำนาจใดๆอีกต่อไปแล้ว ญี่ปุ่นจึงไม่มีอะไรต้องกังวลอีกต่อไป การเจรจาสันติภาพระหว่างเกาหลีและญี่ปุ่น ประสบความล้มเหลวใน พ.ศ. 2139 และการรุกรานเกาหลีครั้งที่2จึงเปิดฉากขึ้นในต้นเดือนของปีถัดมา ด้วยกำลังพล 140,000 นาย และกองเรือ 1,000ลำ แต่รอบนี้ญี่ปุ่นโชคไม่ดีเหมือนคราวก่อน แห่งราชวงศ์หมิง มีพระบรมราชโองการ ส่งกองพลนับพันเข้ามาช่วยเหลือเกาหลีในครั้งนี้ ดังนั้น เกาหลีจึงสามารถยันกองทัพญี่ปุ่น และผลักญี่ปุ่นลงใต้ได้สำเร็จในช่วงฤดูหนาวของปีพ.ศ. 2139
ถึงแม้ว่ากองทัพผสมทางบกของเกาหลี-จีนจะประสบความสำเร็จอย่างงดงาม แต่ในด้านกองทัพเรือนั้นกลับล้มเหลว แม่ทัพล้มเหลวในการป้องกันน่านน้ำ ปล่อยให้กองทัพเรือญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกที่อ่าวโซแซงได้โดยสวัสดิภาพ และเริ่มปฏิบัติการทางทหารได้อย่างง่ายดาย
แม่ทัพ ผู้ที่เข้ามารับผิดชอบกองทัพเรือเกาหลีแทนอี ซุน-ชิน ตัดสินใจเคลื่อนกองเรือทั้งหมดของราชนาวีโซซอน ที่สร้างโดยอี ซุน-ชิน จำนวน 150ลำ พร้อมกะลาสี 30,000นาย วอน กยูนเคลื่อนพลจากฐานทัพเรือยอซูโดยแทบจะไม่ได้มีแผนการอะไรเลย นอกจากลาดตระเวณล่าทำลายกองเรือญี่ปุ่นบริเวญปูซาน เช้าวันถัดมา วอน กยูน ก็ตรวจพบกองเรือญี่ปุ่น วันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2140 ที่ช่องแคบชิลชอน ก็เริ่มขึ้น และกองทัพเรือเกาหลีก็ถูกสังหารหมู่ที่นี่เอง กะลาสีเรือเกาหลีที่กำลังเหนื่อยล้าจากการพายเรือ ถูกกองทัพเรือญี่ปุ่นเข้าตีฉับพลัน เรือรบญี่ปุ่นเข้าประชิดเรือเกาหลี ขว้างตะขอเกี่ยวเรือ แล้วทหารญี่ปุ่นโหนตัวเองบุกขึ้นเรือเกาหลี ,เริ่มการประจันบานในระยะประชิด แทหารเกาหลีซึ่งไม่ใช่คู่มือของทหารญี่ปุ่นจึงพ่ายแพ้ในที่สุด
นี่คือความต่างอย่างเห็นได้ชัดระหว่างแม่ทัพกวอน ยูล และแม่ทัพอี ซุน-ชิน ซึ่งอี ซุน-ชินมักจะเคลื่อนทัพอย่างมีแบบแผนและกลยุทธ์ ในขณะที่กวอน ยูลยอมให้กองทัพเรือญี่ปุ่นบุกเข้าประชิด ขึ้นยึดเรือเพื่อเข้ารบในระยะประชิด ซึ่งเป็นกลยุทธ์พื้นฐานของกองทัพญี่ปุ่นได้อย่างง่ายดาย
ผลลัพธ์ของยุทธนาวีนี้ คือหายนะของกองทัพเรือเกาหลี ที่อยู่ในระดับสิ้นไร้ไม้ตอก' โดยมีเพียงเรือรบ 13ลำเท่านั้นที่เหลือรอดมาได้ (จาก 150ลำ) 12ลำที่รอดมานั้น หนีทัพภายใต้การนำของ ปาล โซล ที่คาดการเอาไว้แล้วว่าการรบครั้งนี้คือหายนะ หลังการล่าทำลาย แม่ทัพกวอน ยูล และแม่ทัพและผู้บัญชาการอื่นๆ ต่างหนีขึ้นเกาะพร้อมด้วยทหารนายอื่นๆที่รอดตาย แต่ก็พบทหารญี่ปุ่นจากป้อมใกล้ๆ ยืนคอยท่าอยู่แล้ว ไม่มีการจับเป็น และถูกสังหารทิ้งทั้งหมด และนี้ ก็เป็นยุทธนาวีเดียวที่ญี่ปุ่นมีชัยเหนือกองทัพเรือเกาหลี ในสงครามนี้
หลังพระเจ้าซอนโจทรงสดับข่าวหายนะนี้ มีพระราชโองการปล่อยอี ซุน-ชิน และคืนยศ ผู้บัญชาการทหารเรือให้ทันที แต่อี ซุน-ชินก็พบว่า เขามีเรือรบอยู่ 12ลำ กับกำลังพลที่รอดชีวิต และพร้อมที่จะเข้าสู่สนามรบเพียง 200นาย เมื่อรวมกับเรือธงของเขา เขามีเรือรบในบังคับบัญชาเพียง 13ลำเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ พรเจ้าซอนโจจึงทรงดำริว่ากองทัพเรือของพระองค์สิ้นนาวิกานุภาพแล้ว ยากที่จะพื้นฟูให้ทันเวลา จึงมีพระราชโองการให้ยุบกองทัพเรือ และโยกให้ไปขึ้นตรงต่อกองทัพบก ภายใต้การนำของจอมพล คอน ยูล แต่อี ซุน-ชินกลับทูลตอบว่า "ข้าพเจ้ายังมีเรือรบอยู่13ลำ ตราบที่ข้าพระองค์ยังมีชีวิตอยู่ ราชศัตรูจะไม่มีทางได้ทะเลตะวันตกอย่างแน่นอน (หมายถึงทะเลเหลือง) ฝ่ายญี่ปุ่น ภายใต้การนำของ ,, และ ที่กำลังได้ใจจากชัยชนะในครั้งก่อน ก็หมายจะกำจัดอี ซุน-ชิน พร้อมเรือรบที่เหลืออีก 13ลำ ระหว่างทางไปโซล ก็เคลื่อนพลออกจากปูซานสู่โซล
การตอบสนองต่อความเคลื่อนไหวของอี ซุน-ชินช่างทรงพลังยิ่ง 26 ตุลาคม พ.ศ. 2140 เขาลวงกองทัพเรือญี่ปุ่น (เรือรบ 133ลำ และเรือลำเลียง ไม่ต่ำกว่า200ลำ) ให้เขามาที่ช่องแคบมลองยอง และเริ่มเปิดฉากเข้าตีกองเรือญี่ปุ่นที่นั่น ด้วยการระดมยิงปืนใหญ่และธนูไฟใส่เรือข้าศึก อีกทั้งรักษาระยะห่างจากเรือข้าศึก มิให้ข้าศึกสามารถบุกขึ้นยึดเรือได้ เรือญี่ปุ่น 31ลำอับปาง ทหารญี่ปุ่นนับพันถูกฆ่า ไม่ก็จมน้ำตาย แม่ทัพ ของญี่ปุ่น ถูกยิงตายโดยพลธนูประจำเรือที่เข้าใกล้เรือธงของญี่ปุ่น ชัยชนะของอี ซุน-ชินในนี้ สะท้อนให้เห็นถึง ความสามารถอันยิ่งยวดของเขาในฐานะนายทหารจอมยุทธศาสตร์ ทุกวันนี้ ชาวเกาหลีจะเฉลิมฉลองชัยชนะจาก ในฐานะชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของอี ซุน-ชิน
การรบครั้งสุดท้าย และการอสัญกรรมของอี ซุน-ชิน
15 ธันวาคม พ.ศ. 2141 กองเรือขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น ภายใต้การบังคับบัญชาของได้มารวมพลที่อ่าว ที่อยู่ทางตะวันออกสุดของช่องแคบ เป้าหมายของชิมาสุคือการสลายการสกัดกันของกองเรือผสมหมิง-โชซ็อน ที่สกัดกองเรือของ เพื่อสนธิกำลัง ก่อนที่จะถอนกำลังกลับบ้าน ในขณะเดียวกัน อี ซุน-ชินก็ทราบตำแหน่งที่แน่ชัดของชิมาสุ ผ่านการรายงานของหน่วยลาดตระเวณหาข่าวและชาวประมงพื้นในพื้นที่
กองเรือโซซอนประกอบด้วย เรือปานโอกซอน 82ลำ และเรือเต่า3ลำ พร้อมกำลังพล 8,000นาย ส่วนกองเรือหมิงประกอบด้วย เรือรบสำเภาจีนขนาดใหญ่ 6ลำ ขนาดเล็ก 57ลำ และเรือปานโอกซอนที่อี ซุน-ชินมอบให้ 2ลำ พร้อมกำลังพล 5,000นายจากกรมทหารประจำมณฑลกวางตุ้ง และนาวิกโยธินจีน 2,600นาย ที่ประจำการบนเรือรบโซซอน
การปะทะเริ่มขึ้น ณ เวลา 0200 ของวันที่ 16 ธันวาคม การรบที่ผ่านมา ฝ่ายญี่ปุ่นไม่สามารถรับมือกับกองเรือเกาหลีได้เลย ถ้าอี ซุน-ชินเป็นคนบัญชาการรบ ครั้งนี้ก็เช่นกัน กองเรือผสมหมิง-โซซอนเปิดฉากยิงปืนใหญ่สกัดกั้นการเคลื่อนตัวของญี่ปุ่น[] นอกจากนี้ ความคับแคบใน ยังทำให้ฝ่ายญี่ปุ่นไม่สามารถขยับตัวได้อีกด้วย
เมื่อญี่ปุ่นเริ่มร่นถอย อี ซุน-ชิน ก็เร่งให้ตามตี แต่ในช่วงเวลานี้เอง กระสุนปืนคาบศิลานัดหนึ่งที่ญี่ปุ่นยิงมา ถูกร่างของอี ซุน-ชิน เข้าที่ด้านขวา แม้ว่ากระสุนจะเข้าที่จุดตาย แต่อี ซุน-ชินกลับกล่าวว่า "การรบดำเนินมาถึงจุดสูงสุดแล้ว อย่าให้ใครรับรู้ถึงการตายของข้า" แล้วเขาก็ขาดใจตายในอีกไม่กี่อึดใจถัดมา
ผู้ที่อยู่ดูใจอี ซุน-ชิน ก่อนจากไปนั้นมีเพียง3คนเท่านั้น 2ใน3คนนั้นได้แก่ ลูกชายคนโตของอี ซุน-ชิน และ หลานชายของเขา เพื่อมิให้ใครสังเกตเห็นการตายของอี ซุน-ชิน ลีโฮและลีวาน ประคองร่างของอี ซุน-ชินไร้วิญญาณเข้าไปในตัวเรือ เพื่อหลีกหนีสายตาของผู้คน สำหรับการรบที่เหลือ ลีวานสวมเกราะของลุงของเขา แล้วขึ้นไปตีกลองศึก เพื่อรักษาขวัญกำลังใจทหารว่าแม่ทัพของเขายังคงมีชีวิตเรือธงยังคงทำการรบอยู่
ระหว่างศึก แม่ทัพเรือฝ่ายจีนตกอยู่ในภาวะคับขัน 2-3ครั้ง และเรือธงก็ตรงเข้ามาช่วยเขาทุกครั้ง เมื่อเชนหลิงมาเข้าพบอี ซุน-ชิน เพื่อขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ เขาพบลีวาน และได้รับแจ้งถึงมรณกรรมของอี ซุน-ชิน กล่าวกันว่า เชนหลิงตกใจมาก คุกเข่าลงโขกศีรษะถึง3ครั้งและร้องไห้ ข่าวการจากไปของแม่ทัพลี แพร่สะพัดไปทั่วทั้งกองเรือผสมหมิง-โซซอนอย่างรวดเร็ว ทหารหาญทุกนาย ไม่ว่าจะหมิงหรือโซซอนต่างก็พากันร้องไห้ระงม
ร่างไร้วิญญาณของแม่ทัพลี ถูกนำส่งไปยังบ้านเกิดที่อาซาน เพื่อฝังไว้ข้างๆบิดาของเขาตามประเพณีนิยม ศาลเจ้าถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นเกียรติให้แก่เขา
ปฏิกิริยาของรัฐบาลโชซ็อน
แม่ทัพอี ซุน-ชิน นอกจากจะสามารถถล่มกองทัพญี่ปุ่นได้แล้ว ยังเป็นผู้ที่รักและเคารพในตัวทหารหาญและครอบครัวยิ่ง เขาได้รับการสนับสนุนจากชาวบ้านจากทั้งผลงานในการป้องกันประเทศชาติ และความเป็นผู้โอบอ้อมอารีย์มีเมตตาต่อประชาชน ผู้ประสบภัยสงครามอีกด้วย ผู้คนเคารพยกย่องแม่ทัพอี ซุน-ชินยิ่ง และกล่าวถึงอี ซุน-ชิน มากกว่าตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือที่เขาเป็น
ในทางกลับกัน พระเจ้าซอนโจกลับไม่ได้ทำอะไรเพื่อปกป้องราชอาณาจักรของพระองค์เลย ซ้ำร้ายไปกว่านั้น พระองค์ทรงล้มเหลวในการป้องกันขอบขัณฑสีมา และการแปรพระราชฐานหนีไปจากโซลโดยทันทีของพระองค์ ทำให้ภาพลักษณ์ของพระองค์ล่มสลายลง มีความเป็นไปได้ถึงความเชื่อว่า พระเจ้าซอนโจและราชสำนัก กลับมองชัยชนะของอี ซุน-ชินและการสนับสนุนในตัวเขาเป็นหอกข้างแคร่ ที่อาจจะทำให้เขาก่อกบฏได้ในภายหลัง เฉยเช่นที่ ลี ซองเกเคยก่อรัฐประหาร ยึดอำนาจมาจากราชวงศ์โครยอตนเองขึ้นเป็นพระเจ้าแทโจปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์โชซ็อนในปี พ.ศ. 1935 ด้วยความกลัวดังนี้ พระเจ้าซอนโจจึงทรงลงพระอาญาจองจำและทรมานอี ซุน-ชิน แต่ก็ได้ยู ซองลยองคอยช่วยกราบทูลคัดค้านโทษตายของอี ซุน-ชินไว้ถึง 2ครั้ง
ด้วยเหตุนี้ การพระราชทานรางวัลให้อี ซุน-ชิน จึงเกิดขึ้นหลังมรณกรรมของเขาเกือบทั้งหมด
ขุนนางในราชสำนักหลายคน มีส่วนสำคัญมากในการทำให้พระเจ้าซอนโจมีพระดำริต่ออี ซุน-ชินในแง่ลบ รัฐบาลโซซอนถูกดึงลงไปในวังวนแห่งการแก่งแย่งชิงดี, เกลียดชัง และแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เหล่าขุนนางที่กลัวและเกลียดชังแม่ทัพผู้โดดเดี่ยว ทุ่มแรงกายแรงใจทำศึกเพื่อปกป้องประเทศชาติ ในขณะที่ราชสำนักกลับแตกแยกสับสน ด้วยวังวนของความอิจฉาริษยานี้ มีแผนการขัดขาอี ซุน-ชินมากมาย จนทำให้อี ซุน-ชินไม่สามารถต่อกรกับข้าศึกได้อย่างเต็มความสามารถ
นักประวัติศาสตร์เองก็ค้นพบว่า ในพงศาวดารโชซ็อนนั้น พระเจ้าซอนโจ ไม่ทรงเคยแสดงความเสียใจหรือตกใจต่อการตายของอี ซุน-ชินเลย
ความบิดเบี้ยวของราชสำนักโซซอนนี้ ดำเนินมาตลอดประวัติศาสตร์ราชวงศ์โชซ็อน ที่ส่งผลกระทบต่อสวัสดิภาพและความมั่นคงของประเทศชาติ จนมาสิ้นสุดในปี พ.ศ. 2453 เมื่อเกาหลีสูญเสียเอกราชให้จักรวรรดิญี่ปุ่น
มรดกที่อี ซุน-ชินมอบไว้ให้อนุชนรุ่นหลัง
ทุกวันนี้ อี ซุน-ชินได้รับการยกย่องจากชาวเกาหลี ในฐานะวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ชาวเกาหลีมองเขาในฐานะ ชายผู้กล้าหาญ อดทน แข็งแกร่ง มีความเสียสละ และจงรักภักดีต่อประเทศชาติ
นายพลเรือ แห่งราชนาวีอังกฤษยกย่องอี ซุน-ชินในฐานะนายทหารผู้ยิ่งใหญ่ และเปรียบเทียบเขากับ โฮราชิโอ เนลสันแห่งอังกฤษ
เป็นเรื่องยากมากสำหรับชาวอังกฤษ ที่จะกล่าวว่ามีใครมีความสามารถเทียบเท่ากับเนลสัน แต่ถ้าจะมีใครสักคนที่สามารถเทียบเท่ากับเนลสันได้นั้น ชายคนนั้นก็คงจะเป็นผู้บัญชาการที่ยิ่งใหญ่ชาวเอเชีย ที่ไม่เคยพ่ายแม้สักครั้ง และตายในการรบกับศัตรู ทางผ่านของชายผู้นั้น ปูไว้ด้วยซากเรือรบญี่ปุ่นนับร้อยที่อัปปาง และศพทหารกล้าของข้าศึก ที่ถูกเขาส่งลงไปนอนอยู่ใต้ทะเลนอกคาบสมุทรเกาหลี ไม่พลาดหรอก และนี่ไม่ใช่การประมาณการด้วยว่า ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่เคยทำอะไรพลาดเลย งานของเขาช่างสมบูรณ์แบบ ภายใต้สถานการณ์แต่ละแบบที่หลากหลาย ยากที่จะวิจารณ์ ตลอดชีวิตทหารหาญของเขา อาจจะสรุปได้ว่า เขาไม่ได้เรียนรู้การรบทางทะเลในประวัติศาสตร์ เพื่อที่จะใช้ชี้นำเลย เขาออกรบในทะเลในแบบที่มันควรจะเป็น ตราบที่ผลลัพธ์ของการรบนั้นชัดเจน และจบลงด้วยการเป็นผู้ที่ปกป้องประเทศชาติ ที่ดำรงความสำคัญอย่างหาที่เปรียบมิได้
นายพลเรือ แห่ง เองก็กล่าวถึงอี ซุน-ชินเอาไว้ในหนังสือของเขาที่ตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2451 หรือ 2 ปีก่อนเกาหลีศูนย์เสียเอกราชให้ญี่ปุ่นอย่างสมบูรณ์
โดยประวัติศาสตร์แล้ว มีแม่ทัพเพียงไม่กี่คนที่ชำนาญในยุทธวิธีการเข้าตีตรงหน้า เข้าตีฉับพลัน การรวมกำลัง และการขยายกำลัง นโปเลียนผู้เชี่ยวชาญการยึดครองบางส่วนด้วยทั้งหมด ก็สมควรเรียกได้ว่าเป็นแม่ทัพที่ยอดเยี่ยม ในส่วนของแม่ทัพเรือ 2อัจฉริยะด้านยุทธวิธีที่สมควรจะกล่าวไว้คือ อี ซุน-ชินแห่งเกาหลี จากตะวันออก และเนลสันแห่งอังกฤษ จากตะวันตก ลีเป็นแม่ทัพเรือผู้โดดเด่นอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าเขาจะถูกจำกัดขัดขาในสงครามเจ็ดปี และในทางกลับกัน ความกล้าหาญและชาญฉลาดของเขา มิได้เลื่องลือไปทางตะวันตก เหตุเพราะเขาโชคร้ายที่เกิดมาใน ใครก็ตามที่จะเปรียบเทียบกับอี ซุน-ชินได้นั้น ควรจะเหนือกว่า แห่งเนเธอร์แลนด์ เนลสันนี้ ยังห่างไกลจากอี ซุน-ชินในแง่ของลักษณะนิสัยและความซื่อสัตย์ต่อตนเอง ลียังเป็นผู้ประดิษฐ์เรือรบหุ้มเกราะที่รู้จักในนาม(โคบุคซอน) เขาคือผู้บัญชาการทางทะเลผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง และเป็นผู้เชี่ยวชาญงานยุทธนาวีของ 300 ปีที่ผ่านมา
ในช่วงระหว่างสงคราม เขาต้องจัดหาเสบียง-ยุทธปัจจัย เพื่อเลี้ยงกองทัพเรือด้วยตัวเอง โดยปราศจากความช่วยเหลือจากราชสำนัก เขาบันทึกในปูมการรบของเขา (นานจูง อีลกี, ฮันกุง: 이순신, ฮันจา: 李舜臣) ถึงความกัลวลในการจัดหาเสบียงอาหารในช่วงฤดูหนาว ข้าศึกของเขานั้น มีอาหารกินอิ่มหนำสำราญและมีจำนวนมากกว่า
อี ซุน-ชิน ไม่เคยร่ำเรียนวิชาทหารเรือ เนื่องด้วยราชวงศ์โซซอนไม่มีการจัดตั้งศูนย์ฝึกทหารเรือ เขาผ่านการสอบคัดเลือกทหารเมื่อเขายังหนุ่ม และเขาไม่เคยได้รับการศึกษาในวิทยาลัยเลย เขามีเพียงประสบการณ์จากการรบทัพจับศึกกับพวกหนู่เจิน ที่คอยรุกรานทางคอนเหนืออยู่เนืองๆ ความจริงแล้ว ชัยชนะที่ ที่เขารบชนะกองเรือญี่ปุ่นนั้น ก็เป็นการรบทางทะเลครั้งแรกของเขา และบรรดานายทหารและกะลาสีของเขา ไม่มีใครในกองเรือของเขาเคยรบทางทะเลมาก่อนเลย
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้อี ซุน-ชินประสบความสำเร็จคือ การครอบครองปืนใหญ่ที่มีระยะยิงและอำนาจการยิงที่สูงกว่าญี่ปุ่น ในขณะที่ญี่ปุ่นหวังจะใช้เข้าสู้กับเกาหลี ของเขา ที่เพิ่งถูกปล่อยเรือลงน้ำเพียงวันเดียวก่อนสงครามจะเริ่มต้น มีประสิทธิภาพสูงมากในการเข้าตี และทะลวงแนวรบข้าศึก อี ซุน-ชินชนะศึกทางทะเลอย่างน้อย 12 ครั้ง โดยได้รับความเสียหายเพียงน้อยนิด แต่ถล่มเรือญี่ปุ่นนับพัน สังหารชีวิตทหารญี่ปุ่นนับแสน
เขาใช้รูปแบบกองเรือหลายแบบ ขึ้นกับสถานการณ์ และใช้ข้อมูลเกี่ยวกับคลื่นทะเลและกระแสน้ำทะเลให้เป็นประโยชน์ เขาใช้ความรอบรู้ในสมุทรศาสตร์ในพื้นที่ของเขาให้เป็นประโยชน์เสมอ มีหลายครั้งที่เขาล่อข้าศึก ให้เข้าไปในพื้นที่ที่เขาสามารถล้อมทำลายข้าศึกได้โดยง่าย
ใน นายทหารญี่ปุ่นนายหนึ่งแหกกฎและเดินเรือมารบกับเขา อี ซุน-ชิน เป็นผู้เชี่ยวชาญยุทธศาตร์นาวี ที่ไม่มีใครในกองทัพโซซอนในสมัยนั้นเทียบเทียมได้ และไม่มีใครสามารถสร้างผลงานได้อย่างเขา หนึ่งในผลงานอันยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือ การรบกวนเส้นทางลำเลียงเสียงของข้าศึก ด้วยการโจมที่ที่ผ่านการคิดคำนวณมาก่อนของเขา เขาจึงสามารถส่งกองเรือของญี่ปุ่นลงไปนอนยังก้นพระสมุทรได้อย่างสวยงาม
การปรับปรุงกองทัพเรือของเขา ไม่ได้ถูกลบล้างไปในทันทีหลังมรณกรรมของเขา ค่อยๆถูกลดจำนวนลงจากหน้าประวัติศาสตร์ จนกระทั่งกลายเป็นสัญลักษณ์ในตำนานในปัจจุบัน ราลวงศ์ตัดสินใจลดจำนวนทหารลง โดยเฉพาะหลังการรุกรานของแมนจู ในช่วง ค.ศ. 1630
อี ซุน-ชิน บันทึกความทรงจำของเขาในสมุดบันทึกอย่างละเอียด ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตลอดจนหนังสือรายงานที่เขาส่งขึ้นกราบทูลพระเจ้าซอนโจ ซึ่งทำให้อนุชนได้เรียนรู้เกี่ยวกับเขาหลายอย่าง นอกจากนี้ ข้อมูลเกี่ยวกับเองก็ถูกบันทึกในนี้เช่นกัน งานของเขาได้รับการตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษในชื่อ "นานจุง อิลกิ: บันทึกความสงจำยามสงครามของแม่ทัพอี ซุน-ชิน (Nanjung Ilgi: War Diary of Admiral Yi Soon-shin)" และ "อิมจิน จังโช: ความทรงจำของแม่ทัพลีที่มีต่อราชสำนัก (Imjin Jangcho: Admiral Yi Soon-shin’s Memorials to Court)"
เมื่อมองดูเกียรติประวัติของเชื้อสายของ อี ซุน-ชิน เชื้อสายของเขามากกว่า 200คนผ่านการสอบเข้ารับราชการทหาร กลายเป็นตระกูลสำคัญ หรือบัณฑิตสายทหาร ถึงแม้ว่าเชื้อสายของเขาจะไม่ได้มีบทบาทสำคัญ ที่ส่งผลกระทบต่อการเมืองในช่วงท้ายของราชวงศ์โซซอน แต่ราชสำนักก็ให้เกียรติต่อตระกูลอี (ฮันกึล : 이) อย่างสูง หลายคนทำงานข้าราชการสายมหาดไทยระดับสูง หลังการล่มสลายของราชวงศ์โซซอน เชื้อสายของอี ซุน-ชิน หลายคน กลายมาเป็น ปัจจุบัน ลูกหลานของ อี ซุน-ชิน อาศัยอยู่บริเวณโซล และอาซาน
ในเกาหลี แม่ทัพลี นอกจากจะมีชื่อเสียงจากการสร้างเรือเต่าแล้ว ยังมีชื่อเสียงจากคำพูดสุดท้ายก่อนสิ้นใจ ท่านบอกหลานของท่านให้ใส่เกราะของท่านและซ่อนศพของท่านเอาไว้มิให้ใครรู้ เพื่อมิให้ขวัญกองทัพตก โดนท่านกล่าวว่า "อย่าให้ใครรู้ว่าข้าตาย" ("나의 죽음을 알리지마라") หลังชนะศึก ทุกคนล้วนยินดีปรีดาจนกระท่านทราบข่าวการจากไปของผู้นำของตน
ราชทินนามของ อี ซุน-ชิน ชุงมูโกง (ขุนศึกผู้จงรักษ์) ถูกใช้ในเกาหลี ในฐานะราชทินนามอันทรงเกียรติอันดับ 3 และรู้จักในนาม ตำแหน่งทางทหารผู้พิทักษ์อันเก่งกล้าสามารถแห่งชุงมู (the Cordon of Chungmu of the Order of Military Merit and Valor) เขายังได้รับการแต่งตั้งให้เป็น เจ้าชายแห่งโด๊กปุง ชุงมูโร (충무로; 忠武路) ถนนดาว์นทาวน์ในโซลเอง ก็ตั้งตามชื่อของเขา เมือง"ชุงมู"เอง ก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น"โทงยลอง" เพื่อเป็นเกียรติให้แก่ อี ซุน-ชิน ในฐานะที่เป็นที่ตั้งฐานบัญชาการของเขา (อยู่บนแนวชายฝั่งทางตอนใต้ของเกาหลี) ใน"เซโจงโน" กลางโซลมีอนุสาวรีย์ของอี ซุน-ชินตั้งไว้อยู่ นอกจากนี้ เรือพิฆาตหลากวัตถุประสงค์ของเกาหลีรุ่นหนึ่ง ก็มีชื่อชั้นว่า "ชามูกง อี ซุน-ชิน" (รหัสโครงการคือ KDX-II)
ในวัฒนธรรมร่วมสมัย
มีการนำชีวประวัติของอี ซุน-ชินไปทำเป็นภาพยนตร์ 2เรื่อง ในชื่อเดียวกันคือ "อี ซุน-ชิน วีรบุรุษนักบุญ" ครั้งแรกที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2505 เป็นภาพยนตร์ขาวดำ และทำใหม่เป็นภาพสี โดยอิงจากบันทึกสงครามของ อี ซุน-ชินในปี พ.ศ. 2514 และ พ.ศ. 2547
อี ซุน-ชิน และเรือเต่าของเขา ปรากฏในเกมส์ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความสมดุล ศักยภาพของเรือเต่าจึงถูกเปลี่ยนใน 2 จุดคือ เรือเต่าเคลื่อนที่ได้ช้า ในขณะที่ของจริงแล่นได้เร็วมาก และสามารถยิงปืนใหญ่ได้จากปากมังกรด้านหน้าเท่านั้น ในขณะที่ของจริงสามารถยิงได้รอบด้าน
พ.ศ. 2548 ภาพยนตร์เกาหลี "ทหารสวรรค์" (ชอนกุน (천군; 天軍;Heaven's Soldiers) กำกับโดย แสดงถึงอี ซุน-ชินวัยหนุ่ม (แสดงโดย ) ที่ต่อสู้กับพวกนฺหวี่เจินร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ ร่วมกับทหารเกาหลีเหนือและใต้ ที่ถูกดาวหางฮัลเลย์ดึงให้พลัดมิติย้อนเวลาจาก พ.ศ. 2548 มาสู่ พ.ศ. 2115 นับว่าผิดแปลกไปกว่าฉบับอื่นที่ อี ซุน-ชินถูกนำเสนอในลักษณะของหนุ่มสิบแปดมงกุฎและค่อนข้างเพี้ยน แทนที่จะเป็นวีรบุรุษผู้กล้าหาญ (เวลาในพื้นเรื่อง เกิดก่อนการรุกราณเกาหลีของญี่ปุ่น ราวๆ 20 ปี) เหตุการณ์ที่นำเสนอก็ผิดเพี้ยนไปจากประวัติศาสตร์ เช่นการทัพต่อต้านพวกนฺหวี่เจินก็มิได้เกิดในปี พ.ศ. 2115 แต่เกิดในไม่กี่ปีหลังจากนั้น หลังเขาสอบเข้ารับราชการทหารได้ในปี พ.ศ. 2119 ภาพยนตร์เรื่องนี้ลงทุนตามมาตรฐานการสร้างภาพยนตร์ของเกาหลี (7-8 ล้านดอลลาร์) และประสบความสำเร็จ ภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายให้เห็นถึงภาพของอี ซุน-ชิน ในฐานะของเกาหลีในยุคปัจจุบันและกำลังจะรวมชาติได้อย่างชัดเจน
ละครชุด "อี ซุน-ชินผู้เป็นนิรันดร์" (불멸의 이순신) จำนวน 104 ตอน ถูกนำออกฉายทางช่อง KBS ของเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2547 ถึง 28 สิงหาคม พ.ศ. 2548 โดยเนื้อหาส่วนมากเป็นช่วงการรุกรานเกาหลีของญี่ปุ่น ในขณะที่สะท้อนชีวิตของแม่ทัพอีไปด้วย บทอี ซุน-ชินแสดงโดย และได้รับรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมจากบทนี้ ละครเรื่องนี้ได้รับความนิยมมากในจีน และถูกนำมาฉายซ้ำโดยสถานีโทรทัศน์ที่เน้นด้านจริยธรรมบางช่องในอเมริกา ละครชุดนี้ถูกวิจารณ์มากในหลายๆจุด เช่นการฉายภาพอี ซุน-ชินในวัยหนุ่มว่าอ่อนแอและโดดเดี่ยว และเป็นคนที่ไม่สนใจอะไรเลยในสถานการณ์เสี่ยงตาย อย่างไรก็ตาม ละครชุดนี้ได้รับการกล่าวขานว่า มีมิติของมนุษย์ปุถุชนมากกว่าชุดอื่นๆ ละครชุดนี้ฉายภาพของอี ซุน-ชินในภาพของมนุษย์ปุถุชน ที่ต้องฝ่าฟันภยันอันตรายเพียงลำพัง ไม่ใช่วีรบุรุษที่ฟ้าประทานลงมา ละครเรื่องนี้กลายเป็นหัวข้อพูดคุยกันมากขึ้นเพราะบังเอิญเป็นช่วงที่ญี่ปุ่นประกาศว่าเกาะโตกโดเป็นของญี่ปุ่น ไม่ใช่เกาหลีใต้
สำหรับวรรณกรรม พ.ศ. 2544 แต่งวรรณกรรมเรื่องแรกของเขาชื่อ "บทเพลงแห่งดาบ" ออกวางขายและประสบความสำเร็จ โดยวรรณกรรมเรื่องนี้แต่งเป็นร้อยกรอง บรรยายในลักษณะบุรุษที่1 โดยตัวของอี ซุน-ชินเอง คิมฮุนได้รับรางวัล Dongin Literature Award ในฐานะวรรณกรรมที่ได้รับการยกย่องสูงสุดในชาติ
ใน พ.ศ. 2557 ภาพยนตร์เรื่อง อีซุนชิน ขุนพลคลื่นคำราม "Roaring Currents" (ฮันกึล : 명량) มีเนื้อหาว่าด้วยการที่ญี่ปุ่นรุกรานเกาหลี และถูกปราบโดย อี ซุน-ชิน เข้าฉายในช่วงกลางปี เป็นภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ที่ทำยอดขายตั๋วเกิน 10 ล้านใบ ภายในเวลาเข้าฉายเพียง 12 วัน ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่ใช้เวลาน้อยที่สุดสำหรับการขายตั๋วผ่านหลัก 10 ล้านใบ ของวงการภาพยนตร์เกาหลี และทำลายสถิติยอดขายตั๋วเรื่อง "Avatar" ที่ 13.62 ล้านใบ ได้ไม่ยาก โดยใช้เวลาเข้าฉายเพียง 18 วัน และกลายเป็นภาพยนตร์เกาหลีเรื่องแรกที่ทำรายได้ในประเทศมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนักแสดงผู้รับบท อี ซุน-ชิน คือ
อ้างอิง
- Korean Hero Yi Sunsin
- . Military History. About. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-04-30. สืบค้นเมื่อ 2008-08-05.
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-01-06. สืบค้นเมื่อ 2008-08-05.
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-02-09. สืบค้นเมื่อ 2008-08-05.
- The Failure of the 16th Century Japanese Invasions of Korea
- ¿£½ÎÀ̹ö ¹é°ú°Ë»ö - ¸í·®´ëø (เกาหลี)
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-05-19. สืบค้นเมื่อ 2008-08-05.
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-10-29. สืบค้นเมื่อ 2008-08-05.
- [https://web.archive.org/web/20070929120621/http://news.hankooki.com/lpage/society/200510/h2005102720120875040.htm เก็บถาวร 2007-09-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน 한국일보 : [전남] "명량대첩 승전고 다시 울려라"]
- 세계를 밝히는 신문 - 세계닷컴
- http://www.yushin.or.kr/@history/dvd-kbshistory/kbs046.htmTreeID=2246&PCode=0007&DataID=200610241356000071[]
- ปูมบันทึกความทรงจำของอี ซุน-ชิน:วันที่ 17 กันยายน ค.ศ. 1596 (ตามจันทรคติ)
- ภาพยนตร์เกาหลีเรื่อง ""
- ปูมบันทึกความทรงจำของอี ซุน-ชิน:วันที่ 19 กันยายน ค.ศ. 1596 (ตามจันทรคติ)
- "ยีซุนชิน ขุนพลคลื่นคำราม", วิกิพีเดีย, 2021-07-25, สืบค้นเมื่อ 2021-07-25
- War Diary (亂中日記) , the autobiographical diary of Admiral Yi Sun-Sin
- Hawley (2005) , p. 552
- Hawley (2005) , p. 553
- Choi (2002) , p. 213
- Ha (1979) , p. 237
- Hawley (2005) , pp. 549-550
- Choi (2002) , p. 222
- Hawley (2005) , p. 555
- The Influence of the Sea on The Political History of Japan, pp. 66–67.
- A Military History of the Empire (ญี่ปุ่น: 帝國國防史論) , p. 399
- "ยีซุนชิน ขุนพลคลื่นคำราม", วิกิพีเดีย, 2021-07-25, สืบค้นเมื่อ 2021-07-25
- "หนังอิงประวัติศาสตร์ Roaring Currents ทำเงินทุบสถิติวงการหนังเกาหลี". ผู้จัดการออนไลน์. 13 August 2014. สืบค้นเมื่อ 14 August 2014.[]
- "Roaring Currents ทุบสถิติ Avatar ในเกาหลีใต้". ผู้จัดการออนไลน์. 18 August 2014. สืบค้นเมื่อ 19 August 2014.[]
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniichrabbpiphuththskrach ephraaepnswnhnungkhxngbthkhwamxun thiekiywkhxngkbkarich ph s aela hruxmikarxangxingipyngphuththstwrrs sahrbkxn ph s 2484 nbihwnthi 1 emsaynepnwnaerkkhxngpi xi sun chin ekahli 이순신 hnca 李舜臣 exmxar I Sun sin 28 emsayn ph s 2087 16 thnwakhm ph s 2141 khuxaemthpheruxkhxngekahliinyukhrachwngsochsxn thimichuxesiyngcakkarnaekhatxsukbkxngthpheruxyipun inkarrukranekahlikhxngyipun ph s 2135 2141 inyukhrachwngsochsxn ekhaekharwmrbinthanaphubychakarthi 1 aehngcnghwdthhareruxkhyxngsng chxlla aelachungchxng rachthinnamkhxngekhakhux Samdo Sugun Tongjesa hnkul 삼도수군통제사 hnca 三道水軍統制使 sungaeplwa phubychakar 3 cnghwdthharerux sungepnrachthinnamsahrbphuthikhrxngtaaehnng phubychakarhnwyrbthangthaelkhxngrachwngsossxn macnthung ph s 2439 xi sun chinmichuxesiyngdwykarexachnakxngthphyipuninkhnathifaytnmicanwnnxykwamakid aelakarpradisth khxbuksxn 거북선 sungepnlaaerkkhxngolkxikdwy ekhaidrbkarykyxnginthanaaemthpheruxirphay aelaxachaydwywirkrrmkarthitnnnthukkrasunpunifyingaetmikhasngihluknxngmdtniwkbesakraodngeruxcnkwacatayaelaihaemthphrxngswmekraakhxngtnephuxkhwykalngickhxngthhareruxekahlisungmiephiyngimkikhninolknithiidrbkarykyxngechnnixi sun chin28 emsayn ph s 2087 16 thnwakhm ph s 2141xi sun chinekidthi hmsxng pccubn khux osl xnickrrmthi chxngaekhbonryngehlathphYi Sun sin 이순신 李舜臣이순신 or 리순신hnca李舜臣xarxarI Sunsin or Ri SunsinexmxarYi Sunsin or Ri Sunsin여해hnca汝諧xarxarYeohaeexmxarYŏhae충무hnca忠武xarxarChungmuexmxarCh ungmu ekhaesiychiwitin xanwa on ryng cakkarthukyingdwykrasunpunifhnungnd inwnthi16 thnwakhm ph s 2141 rachsankochsxnykyxng ekhadwykarphrarachthanrachthinnam aelaysihhlaytaaehnng rwmthngchuxthitngihepnekiyrtixyang chungmukng Chungmugong 충무공 忠武公 khunsukphucngrk sxnmuxildungkngchin Seonmu Ildeung Gongsin 선무일등공신 宣武一等功臣 naythharphukhwridrbkarykyxngchn1aehngrachwngsossxn aelataaehnngxik 2 khux yxngxuycxng Yeongijeong 영의정 領議政 Prime Minister aela thxkphungbuwxnkun Deokpung Buwongun 덕풍부원군 德豊府院君 ecachayaehngrachsankcakthxkphung aelaidrbphrarachthanrachthinnamcakckrphrrdiwanliaehngrachwngshmingwa cxmphleruxaehngckrwrrdihming chwngtnkhxngchiwitxi sun chinekidthikrunghnyng pccubnkhuxosl trakulkhxngekhakhuxtrakulliaehng Deoksu ph s 2095 licxng phxkhxngekhathukcbaelalngoths cakkhxhaprakxbphithisphihxachyakrthitayipaelw khrxngkhrwkhxngekhacungyayipthixasan cnghwdkxngsangot phraecasxnocphrarachthanxphyothsihinpi ph s 2110 hnunginehtukarnthisakhyinchwngnikhuxkarthiekhaidepnephuxnkb 유성룡 nkwichakarphumichux thiidepnkhxngekahliinchwngkarrukranekahlikhxngyipun ph s 2135 2141 sunginchwngsngkhramni karsnbsnunkhxngyu sxnglyxng mikhwamsakhymaktxchychnakhxngxi sun chin inwyedk ekhaelnekmsngkhramkbephuxn sunginkarlaelnni ekhaidaesdngihehnthungkhwamepnxcchriyadankhwamepnphunathangthhar echnediywkbnopeliyn aelaekhayngpradisththnuaelaluksrexngtngaetyngepnwyedk ph s 2119 xi sun chinekhasxbkhdeluxknaythharpracapi 무과 武科 ekhaidaesdngkhwamsamarthechingdabaelathnu ihepnthiprathbicaekkhnakrrmkartdsin aettkinkarsxbkhimaephraatkmakhahk hlngcakekhasxbihmaelaphan ekhathuksngiprbintablthharkxngthphphakhehnux incnghwdhmyxng pccubnepncnghwdhnungkhxngekahliehnux ekhaepnnaythharihmthixayueyxathisud 32 pi ekhaidrbhnathiekharbtxsukbphwk txmakhuxphwkaemncu thiekhamaplnsadmtamaenwchayaedn xi sun chinidrbkaryxmrbxyangrwderwcakkhwamepnphunaaelaepnphumiklyuthth ph s 2126 ekhawangaephnlwngphwkhnuecinihxxkmarb cnsamarthexachnaaelacbhwhnaphwkhnuecin idxyangirktam xi sun chintxngphkrachkaripiwthukkhihbidathicakiptampraephnixyu 3 pi kxncaklbekhamarbrachkarxik khwamsamarthaelakhwamsaercthiyxdeyiymkhxngekhann klbepnkarsrangkhwamxiccharisyaihaekphuxunying klawhawaekharahwangkarrb karisrayni naodynayphl lixi phusungtxmaaephihkbkxngthphyipunin karisraypaysiephuxkhdaekhngkhdkhaphuxun klayepneruxngpktimakinkxngthphaelarthbalekahliinpithdma inthisud xi sun chinkthukcbcxngcaaelathrman hlngthukplxy ekhathukldkhnepnephiyngphlthhar aetekhakitetakhunmaihmidxikxyangrwderw cnidepnphubychakarsunyfukthhar aelathukyayipepnphuphiphakhsasalthharincnghwdelkaehnghnung khwamphyayamkhxngxi sun chininphakhehnux thaihekhaideluxntaaehnngxyangrwderw inchwngeduxnthaykhxngpi ph s 2133 ekhaidrbkarprbeluxntaaehnngthung 4 khrng aelainthaythisud ekhaidrbtaaehnngphubychakarfaysayaehngcnghwdthhareruxcxnla 전라좌도 全羅左道 inchwngniexng rthbalossxnkalngxyuinphawasbsn enuxngcakkhwamimaenchdwayipun phayitkarnakhxngothoyothmi hiedoychi carukranekahlihruxim sungphlkhux yipunrukranekahlicringcringinxik 2 piihhlng aela kareruxngxanackhxngnuexxrhachux phunahnumaehnghnuecin ekhakhuxphuwangrakthanihxanackraemncu txma lukhlankhxngekha ksamarthbukyudpraethscin sthapnarachwngschingid dwyehtuni cungmikaroykyaynaythharphuepiymprasbkarn khunippracakaryngcudyuththsastr dwyehtuni xi sun chincungthuksngippracakarthiyxsu inwnthi 13 minakhm ph s 2133 aelathiniexng ekharbphidchxbsrangmnthlthhareruxkhunma sungtxmaklayepnkuyaecsakhyinkartxtankxngthphyipuninsngkhram 7 pihruxsukximcin chuxthichawekahlieriyk karrukranekahlikhxngyipun ph s 2135 2141 ekhasrangkhwamaekhngaekrngihkxngthpheruxekahliphankarprbprunghlaykhrng rwmipthungkarsrang okhbukhsxn thithuxidwaepneruxrbhumekraaehlklaaerkkhxngolkkarrukranekahlikhxngyipun ph s 2135 2141 wirkrrmkhxngxi sun chin idrbkarcdcaxyangmak cakkarekharwmrbhlaytxhlaykhrnginkarrukranekahlikhxngyipun ph s 2135 2141 niexng inpi ph s 2135 othoyothmi hiedoychixxkkhasngekhluxnphlekhatiekahli hmaycakwadphunthithngkhabsmuthrekahli ephuxichepnthanptibtikarhnainkarekhayudpraethscintxip hlngkarocmtiemuxngpusan xi sun chinkerimptibtikarottxbthangthael cakyxsu hnwybychakarkhxngekha ekhamichyehnuxyipunin aelaxikhlaysuk chychnaxyangtxenuxngkhxngekha thaihaemthphthnghlaykhxngyipunkngwlthungphycakthangthael xi sun chinekharbinyuththnawiihy xyangnxy 23 khrng aelaidchychnathukkhrng hiedoychitrahnkthungkhwamcaepnyingywd thungkarkhrxbkhrxngthaelinrahwangsngkhram caklmehlwinkarcangcakoprtueks hiedoychincunghnipephimkhnadkxngeruxkhxngekhaepn 1 700la odykhidwaekahlicasuinrayaprachid aelayipuncaexachnaidodyngayepnaen ephraainewlannradbkhwamsamarthkhxngkxngthphekahliaelayipunaetktangknmak miehtuphlxyuhlayprakarwathaimxi sun chinthungchnaidhlaytxhlaykhrng hnungkhux xi sun chinidetriymtwrbmuxkbsngkhram thiekhamxngwaeliyngimid odykartrwckhwamphrxmkhxngkalngphl yuthothpkrnaelaekiykkay kxngesbiyng ihmikhwamphrxmxyuesmx odyechphaaxyangying karwangaephnaelasrang thithuxwaepnkuyaechlktxchychnainkhrngni sxng ekahlimikhwamechiywchayindanphumisastrpraethskhxngtwexngepnxyangdi aelaxi sun chinkmkcalxyipun ihekhamarbinthiaelawnewlayipunesiyepriybesmx odysthanthinnkhuxsthanthithiepnchxngaekhb eruxrbyipunthimicanwnmakekhamatidkbaelaebiydesiydcneruxrbaethwhlngimsamarthchwysnbsnunidaelakhlunthaelhnuniheruxrbyipunekhamainchxngaekhbidngay aethnixxkipimid xi sun chinyngaesdngihthharhayehnthungkhwamklahayaelakhwamcngrksesmx ekhaptibtitxthharkhxngekhadwyekiyrti aelarbekhiyngbaekhiyngihlthharhay aeminsthankarnesiyngxntray mikarbnthukexaiwwa ekhamkcaaesdngxxkthungkhwamesiydayinchiwitthharthitayip aelatxbsnxngkhwamtxngkarsudthaykhxngthharthiesiychiwitesmx dwyehtuniexng thharthuknaycungrkekha aelaphrxmthicarwmepnrwmtaykbekha aemkhasukcamicanwnmakkwanbrxyetha makipkwann ekhamikhunsmbtikhxngphunainkarrksakhwykxngthph inyamthikhawkhwamphayaephthangbkcaekhama aelaxikprakarhnungthithaihekahlichnayipunidkhux eruxrbekahli thimikhunlksnehnuxchnkwaeruxrbyipunying odyechingokhrngsrangaelw phanoxksxnmikhwamaekhngaekrngmakkwa thxngeruxaekhngaekrng mipunihypracaeruximtakwa 20 krabxk inkhnathiyipunmiephiynghnunghruxsxngkrabxk thungaembanglacaepnpunxyangyuorpaetkepnpunruneka cungthaiheruxrbekahlimikhxidepriybinkarsurayaiklxyangmak khwameyiymyxdkhxngekha inthanankyuththsastraelaphunann idrbkarklawkhanxyangmak inrahwangsngkhram twxyangechn 명량 thixi sun chinnaeruxephiyng 13 la ekhaormrnkbkxngeruxyipun 333 la epneruxrb 133la aelaeruxlaeliyngimnxykwa 200 la inwnthi 26 tulakhm ph s 2140 odysamarthcmeruxrbyipunidrwm 31 la thaiheruxcanwnhnungichkarimidrwm 92 la txngkarxangxing cbthharyipuninkarrbmaepnechlypraman 8 000 thung 18 466 nay inkhnathithangekahliimesiyeruxelyskla miephiyngthhartay 2 nay aelabadecb 3 nay bneruxthixi sun chinbychakar aelaxi sun chinyngepnphubychakarthikratuxruxrn mkcaepnfayekhatikxngeruxyipunxyuesmx phayitkarbychakarkhxng xi sun chin kxngthphyipuncungtxngthxnkalngxxkipxyanghlikeliyngimid thaihekahliaelacinplxdphycakkarrukrankhxngyipun khwamsaercinkarrbinkhrngni epnphlcakkaraephnkarwangklyuthth odyekhasuksathisthangkhxngkraaesnaaelakraaeslmxyanglaexiydcnthaihchnakhasukinthisud inpi ph s 2557 mikarnayuththkarthichxngaekhbmyxnglyang hnkul 명량 ipsrangepnphaphyntrsngkhramxingprawtisastrinchux xisunchin khunphlkhlunkharam Myeongryang The Admiral Roaring Currents Roaring Currents tharayidsungsudinpithixxkchayaelayngkhngtharayidsungsudtlxdkalinpraethsekahliit ph s 2136 xi sun chin idrbkaraetngtngihepnphubychakarkxngthpheruxphakhit aelaidrbphrarachthanrachthinnam nayphleruxaehngsamcnghwdthharerux hnkul 삼도수군통제사 hnca 三道水軍統制使 sungthaihekhasamarthbngkhbbycha kxngthpheruxsayaelakhwakhxngcnghwdkxngsangot kxngthpheruxsayaelakhwakhxngcnghwdcxnla aelakxngthpheruxsayaelakhwakhxngcnghwdchungchxng karthphthngsikhxngaemthphli kxngkalngyipunykphlkhunbkthipusanaela thisungepnemuxngthathangitkhxngekahli enuxngcakimmikxngeruxtxtan kxngthphbkyipuncungrukkhub ekhayudemuxngthathng 2 idxyangrwderw aelaerimrukkhunehnuxprahnungsayfafad thaihedinthangthungoslinwnthi 2 phvsphakhm ph s 2135 ichewlanbcakephiyng 19 wn saehtuthikxngthphyipunsamarthdaeninklyuththidxyangrwderwnn enuxngcakkhwamirprasiththiphaphkhxngkxngthphbkphakhit enuxngcakkxngkalnghlkthangbkkhxngekahliipxyuthiphakhehnuxepnswnihy xikthngpramathwayipuncaimrukran odyechphaaxyangying aelakhwamlmehlwinkarpxngkndan karthphthngsikhxngxi sun chin rwmipthungthuk ptibtikar xyangnxy 33 ptibtikarihy thixi sun chinidchyma thaihyipuntxngesiyeruxrb eruxlaeliyngphl aelaeruxlaeliyngesbiyngnbrxy aelamithharthukcbnbphnnay eruxeta phaphwaderuxeta khwamsaercthiidrbkarcdcamakkhxngaemthphlikkhuxkarruxfun aelaphthna okhbukhsxn 거북선 khunmacakkhwamkhidsrangsrrkhkhxngekha aelakarsnbsnunkhxngphuitbngkhbbychathuknay aethcringaelw xi sun chinimichphuthikhidkhneruxetanikhunma xyangthihlaykhnekhaickn hakaetekhanaeka thimikarkhidkhunmaaetyukhtnrachwngsochsxn maprbprungihmtanghak mikarkhadknwa aebbaeplnekani nacathukekhiynkhuninrchsmykhxngphraecaaethcng eruxetathixi sun chinidprbprungkhun mixtrabrrcupunihy 24 28 krabxk odyaebngepnkrab dankhangkhxngerux la 11krabxk aelahwaelathayerux taaehnnglahnungkrabxk hweruxthukaekaslkepnrupmngkr aelathihwmngkraekaslkni samarthbrrcupunihyidxikthung 4 krabxk xikthngmikarbrrcuxikdwy punihyaelamankhwnnithuktkaetngekhaknxyangdi ephuxkarkhmkhwykhasuk thidankhangkhxngerux mikarecaachxngephuxyingthnu punkhabchud aelapunkhrk hlngkhaeruxthukkhlumdwyaephnolharupaepdehliymaelahnamaehlm cudprasngkhkhxngkarsranghnamaehlmni ephuxpxngknkhasukthiphyayambukekhayuderux ephraadwyehtuwali chunchinthrabdiwaprasiththiphaphkhxngthharekahlinntangcakkhwamchanayxawuthkhxngthharyipunmakrwmthungthharrabekahlimkdxykhwamsamarththngdankarfukfnaelaxawuth thungaemcamikarswmekraakhxngthharthng2fayaelwktameruxrbyipunnimikhnadihykwaeruxekahli xikthngmikraberuxthiyawkwa hnamaehlmbneruxetani cungmipraoychninkarpxngknthharyipunkraoddlngmayuderuxxyangying tweruxmihangesuxxyu2ib aelaibphay 20ib inyamedinerux hnungibphay caich 2fiphay aetinyamrb caich 5fiphay yngepnthithkethiyngknxyuinwngkarprawtisastr ekiywkbcanwnchnkhxngeruxeta wami 2 hrux 3chn aelayngimmikhatxbthichdecn aetthwa epnthiaennxnwaeruxetannmihlaychn aeykfiphayxxkcakhnwyrb nithaiheruxetamikhwamkhlxngtwsung enuxngdwythngkalngkhnaelalm odymakaelw echuxwaeruxmi 2chn tamaeplnthi1 aela2khxngeruxeta aetnkprawtisastrbangthankyngechuxwaeruxetami 3chn enuxngcakxi sun chinepnkhnthimikhwamepnswntwxnepnexklksn aelaepnkhnmikhwamkhidsrangsrrkhsingihmesmx sungaetktangcakkhnxunthimikhunwuthi aelawywuthiechnediywkbekhaxyangsineching cungmikhwamepnipidwaekhacasrangeruxeta 3chn nxkcakni eruxthngkhxngekha eruxpanoxksxn thiekhaichtlxd 4karthphni kmi 3chn dngnneruxetaknacami 3chnechnkn eruxetani epnswnthimichuxesiyngthisudekiywkbkxngeruxkhxngxi sun chin aetekhaklbimekhyicheruxetamakkwa 5la inaetlayuththnawi saehtuthiichnxynn imichmacakeruxngngbpraman aelaewlainkarkxsrangxnmicakdintxnnn aetepnephraaklyuththkarnawitanghak inyukhnn khngmiephiyngrachnawixngkvsaelarachnawiossxnethann thiichpunihyepnxawuthhlk odyprawtisastraelw rachnawiossxnmkcaprabsldyipundwypunaelapunihymatngaetraw ph s 1933 aetrachnawiossxnimmihnwynawikoythin ephuxyuderux inkhnathikxngthpheruxyipunmi dngnncungepneruxngsakhymaksahrbrachnawiossxn inkar xxkhang cakeruxrbyipun xi sun chinmkcaetuxnluknxngekhaesmxwa kariprbprachidtwkbyipunepneruxngtxngham ephraafayyipunepnphuechiywchaydanxawuthrayaprachidaelakxngthphxxkaebbxyangmiprasiththiphaphephuxdanniodyechphaa aetihxasyrayayingthiehnuxkwaihepnpraoychnaethn aelaeruxetakthukxxkaebbmaephuxkarni eruxeta thuknaxxkmaichkhrngaerkin aelathuknamaichekuxbthukkhrngcnkrathngekidehtukarn thirachnawiesiyeruxetaaelaphanoxksxnthnghmd ehluxephiyng eruxphanoxksxn 13laethann xi sun chinimidepnphubngkhbbychainyuththnawini enuxngcakechuxwaepnkbdk cungthukcbkhunsalthhar aelaimpraktxikely nbaet cudepliynthi2 khxngsngkhram eruxetani odymakmkcaichepnhwhxkthalwngkhasuk ichiddiinphunthiaekhb lxmrxbipdwyekaaaekng aetimehmaathicaichinthaelepid saylbsxnghnakhxngyipun aelakhwamaetkaeykkhxngekahli hlngchychnaxyangtxenuxngkhxngxi sun chin hiedoychi aelaaemthphkhxngekhakerimhwadekrng ephraakxngeruxekahliekhaiklpusan fayyipunklwwaesnthanglaeliyngesbiyngcathuktd xikthng xi sun chinyngthaihkarkhnsngxaharaelayuthothpkrnkhxngyipunlacha kalngesrimcakyipunkphandankxngthpheruxekahliipimid dwyehtuni aephnkarbukekhaepiyngyangcungchangklng dwywaesbiyngmaimthungmuxkxnghnathng2khxngyipun aethiedoychikprbaephnxyangrwderw thipusan eruxrbyipunthukprbprungdwykaresrimimaelapunihy aelaephimmatrkarpxngknxawdwypunihytamrimaenwchawfng odysngihinpusanhlxkhunma thisakhythisud yipunruwaikhrxyuebuxnghlngkhwamklwkhxngphwkekha aelaxi sun chincatxngthukkacdihphnthang trabidthixi sun chinyngxyu immixairsamarthrbpraknkhwamplxdphythangthaelihyipunidaennxn enuxngcakkhwamaeykaeyk aebngfkfay elnphrrkhelnphwkkhxngrachsankossxn thaihyyipunkhidklxubayid saylbsxnghnakhxngyipunnam oychira thuksngekhahanayphlekahlinam khim xungsu ephuxkhxypxnkhxmulethcihekahli aelathangekahlikechuxekhaesiydwy wnhnung ekhahlxkaemthphkhimwa aemthph caykthphma n sthanthi aelawnewlathiaennxn dwykalngphlmhasal ephuxocmtichayfngxyangaennxn aelayuyngihekhasngxi sun chinxxkiprb aemthphkhimhlngechuxaelasngsaraecngipyngcxmphl phubychakarthharsungsud Commander in Chief 도원수 導元帥 phuthisngsarchbbnikhunthuleklathwayaedphraecasxnocxikthxd phraecasxnocthrngkrahaychychna ephuxthicakhbyipunxxkipcakrachxanackrkhxngphraxngkhyingnk cungthrngphrarachthanphrabrmrachanuyatihocmti xyangirktam xi sun chinklbptiesththicasnxngphrabrmrachoxngkar enuxngcakekhathrabdiwa khxmulniidrbmacaksaylbkhxngkhasuk xikthngyuththphumini etmipdwyhinosokhrk xntrayxyangying xikthngkhlunlmkimehmaaaekkarrb thisakhy ekhaimechuxkhaphudsaylbsxnghna emuxaemthphkhimkrabthulraynganthungkarptiesthphrabrmrachoxngkar ehlakhunnangkhixiccha thicxngcalmxi sun chintangkerngkrabthulihlngphraxayaxi sun chin aelasngaemthph xditxditphubychakarkxngeruxtawntkaehngcnghwdkxngsang aelaphubychakarthharbkaehngcxnla ephuxepnkarsaetimxi sun chin wxn kyunyngkrabthulraynganpaysiwa xi sun chinepnphwkkhiehlaaelaekiyckhran dwyehtuni xi sun chincungthukpld thukcbisostrwn aelathuksngipyngosl ephuxthrmanaelacxngca xi sun chinthukthrmancnekuxbtay dwywithithrmanphunthanechn karekhiyndwyaes karobytidwyphlxng karnabdwyehlkrxnaedng aela dwywithitamaebbkarthrmankhxngekahli khuxkarhkkha txngkarxangxing aethcringaelw phraecasxnocthrnghmaycaexachiwitekhadwysa aetphusnbsnunxi sun chin odyechphaa esnabdichung tak khxihthrngemttaxi sun chin ephuxehnaekkhwamdikhwamchxbaetkhrngkxn swnmhaesnabdi thiekhyepnephuxnsmyedkkhxngxi sun chin aelaepnhweruxihyinkarsnbsnunekhaklbningengiybinchwngni aemcaidrbkarlaewnothstay aetekhaklbthukldkhnlngepnthharelwxikkhrng inkxngphlkhxngcxmphl othsni sahrbaemthphekahlinn runaerngyingkwaothstayesiyxik ephraaphwkekhamichiwitxyudwyekiyrtiys xyangirktam niimichkhrngaerkthiekhaodnldkhnlngepnthharelw kxnni txnthiekhaepnnaythhar ekhakekhythukiskhwamwahlahlwminkarpxngkn ephahniecin xanarychn phurukrancakthangehnux thisngphlihekidkhwamsuyesiymakmaynk aetkhxethccringnn xi sun chinmxngehnthungcudxxnniaelw aelasngihesrimaenwpxngkn aetphubngkhbbychakhxngekhaklbehnwaekhaelxaethxa aelaoynkhwamphidthukxyangihekhainphayhlng aetthungaemwaekhacaidrbkhwamxpysxdsu cakkarthukldkhnepnthharelw aetekhakyngkhngthangankhxngekhaodyimpripakbnxyangkhynkhnaekhng xikthngbrrdanaythharklwnihekiyrtiekha dwyruwaekhaepnphubrisuththi aelainimcha ekhakekhaipxyuphayitkarbngkhbbychakhxngcxmphlkhxn yul cnkrathngkartayinsnamrbkhxngaemthph phrxmhaynathi ekhacungidrbkarkhunys karkhunysaelakarthphkhrngsudthay enuxngdwyxi sun chin immixanacidxiktxipaelw yipuncungimmixairtxngkngwlxiktxip karecrcasntiphaphrahwangekahliaelayipun prasbkhwamlmehlwin ph s 2139 aelakarrukranekahlikhrngthi2cungepidchakkhunintneduxnkhxngpithdma dwykalngphl 140 000 nay aelakxngerux 1 000la aetrxbniyipunochkhimdiehmuxnkhrawkxn aehngrachwngshming miphrabrmrachoxngkar sngkxngphlnbphnekhamachwyehluxekahliinkhrngni dngnn ekahlicungsamarthynkxngthphyipun aelaphlkyipunlngitidsaercinchwngvduhnawkhxngpiph s 2139 thungaemwakxngthphphsmthangbkkhxngekahli cincaprasbkhwamsaercxyangngdngam aetindankxngthpheruxnnklblmehlw aemthphlmehlwinkarpxngknnanna plxyihkxngthpheruxyipunykphlkhunbkthixawosaesngidodyswsdiphaph aelaerimptibtikarthangthharidxyangngayday aemthph phuthiekhamarbphidchxbkxngthpheruxekahliaethnxi sun chin tdsinicekhluxnkxngeruxthnghmdkhxngrachnawiossxn thisrangodyxi sun chin canwn 150la phrxmkalasi 30 000nay wxn kyunekhluxnphlcakthanthpheruxyxsuodyaethbcaimidmiaephnkarxairely nxkcakladtraewnlathalaykxngeruxyipunbriewypusan echawnthdma wxn kyun ktrwcphbkxngeruxyipun wnthi 28 singhakhm ph s 2140 thichxngaekhbchilchxn kerimkhun aelakxngthpheruxekahlikthuksngharhmuthiniexng kalasieruxekahlithikalngehnuxylacakkarphayerux thukkxngthpheruxyipunekhatichbphln eruxrbyipunekhaprachideruxekahli khwangtakhxekiywerux aelwthharyipunohntwexngbukkhuneruxekahli erimkarpracnbaninrayaprachid aethharekahlisungimichkhumuxkhxngthharyipuncungphayaephinthisud nikhuxkhwamtangxyangehnidchdrahwangaemthphkwxn yul aelaaemthphxi sun chin sungxi sun chinmkcaekhluxnthphxyangmiaebbaephnaelaklyuthth inkhnathikwxn yulyxmihkxngthpheruxyipunbukekhaprachid khunyuderuxephuxekharbinrayaprachid sungepnklyuththphunthankhxngkxngthphyipunidxyangngayday phllphthkhxngyuththnawini khuxhaynakhxngkxngthpheruxekahli thixyuinradbsinirimtxk odymiephiyngeruxrb 13laethannthiehluxrxdmaid cak 150la 12lathirxdmann hnithphphayitkarnakhxng pal osl thikhadkarexaiwaelwwakarrbkhrngnikhuxhayna hlngkarlathalay aemthphkwxn yul aelaaemthphaelaphubychakarxun tanghnikhunekaaphrxmdwythharnayxunthirxdtay aetkphbthharyipuncakpxmikl yunkhxythaxyuaelw immikarcbepn aelathuksngharthingthnghmd aelani kepnyuththnawiediywthiyipunmichyehnuxkxngthpheruxekahli insngkhramni hlngphraecasxnocthrngsdbkhawhaynani miphrarachoxngkarplxyxi sun chin aelakhunys phubychakarthhareruxihthnthi aetxi sun chinkphbwa ekhamieruxrbxyu 12la kbkalngphlthirxdchiwit aelaphrxmthicaekhasusnamrbephiyng 200nay emuxrwmkberuxthngkhxngekha ekhamieruxrbinbngkhbbychaephiyng 13laethann dwyehtuni phrecasxnoccungthrngdariwakxngthpheruxkhxngphraxngkhsinnawikanuphaphaelw yakthicaphunfuihthnewla cungmiphrarachoxngkarihyubkxngthpherux aelaoykihipkhuntrngtxkxngthphbk phayitkarnakhxngcxmphl khxn yul aetxi sun chinklbthultxbwa khaphecayngmieruxrbxyu13la trabthikhaphraxngkhyngmichiwitxyu rachstrucaimmithangidthaeltawntkxyangaennxn hmaythungthaelehluxng fayyipun phayitkarnakhxng aela thikalngidiccakchychnainkhrngkxn khmaycakacdxi sun chin phrxmeruxrbthiehluxxik 13la rahwangthangiposl kekhluxnphlxxkcakpusansuosl kartxbsnxngtxkhwamekhluxnihwkhxngxi sun chinchangthrngphlngying 26 tulakhm ph s 2140 ekhalwngkxngthpheruxyipun eruxrb 133la aelaeruxlaeliyng imtakwa200la ihekhamathichxngaekhbmlxngyxng aelaerimepidchakekhatikxngeruxyipunthinn dwykarradmyingpunihyaelathnuifiseruxkhasuk xikthngrksarayahangcakeruxkhasuk miihkhasuksamarthbukkhunyuderuxid eruxyipun 31laxbpang thharyipunnbphnthukkha imkcmnatay aemthph khxngyipun thukyingtayodyphlthnupracaeruxthiekhaikleruxthngkhxngyipun chychnakhxngxi sun chininni sathxnihehnthung khwamsamarthxnyingywdkhxngekhainthananaythharcxmyuththsastr thukwnni chawekahlicaechlimchlxngchychnacak inthanachychnathiyingihykhxngxi sun chin karrbkhrngsudthay aelakarxsykrrmkhxngxi sun chin aephnthiaesdngesnthangkaredineruxinrahwangyuththnawionryng 15 thnwakhm ph s 2141 kxngeruxkhnadihykhxngyipun phayitkarbngkhbbychakhxngidmarwmphlthixaw thixyuthangtawnxxksudkhxngchxngaekhb epahmaykhxngchimasukhuxkarslaykarskdknkhxngkxngeruxphsmhming ochsxn thiskdkxngeruxkhxng ephuxsnthikalng kxnthicathxnkalngklbban inkhnaediywkn xi sun chinkthrabtaaehnngthiaenchdkhxngchimasu phankarrayngankhxnghnwyladtraewnhakhawaelachawpramngphuninphunthi kxngeruxossxnprakxbdwy eruxpanoxksxn 82la aelaeruxeta3la phrxmkalngphl 8 000nay swnkxngeruxhmingprakxbdwy eruxrbsaephacinkhnadihy 6la khnadelk 57la aelaeruxpanoxksxnthixi sun chinmxbih 2la phrxmkalngphl 5 000naycakkrmthharpracamnthlkwangtung aelanawikoythincin 2 600nay thipracakarbneruxrbossxn karpathaerimkhun n ewla 0200 khxngwnthi 16 thnwakhm karrbthiphanma fayyipunimsamarthrbmuxkbkxngeruxekahliidely thaxi sun chinepnkhnbychakarrb khrngnikechnkn kxngeruxphsmhming ossxnepidchakyingpunihyskdknkarekhluxntwkhxngyipun txngkarxangxing nxkcakni khwamkhbaekhbin yngthaihfayyipunimsamarthkhybtwidxikdwy emuxyipunerimrnthxy xi sun chin kerngihtamti aetinchwngewlaniexng krasunpunkhabsilandhnungthiyipunyingma thukrangkhxngxi sun chin ekhathidankhwa aemwakrasuncaekhathicudtay aetxi sun chinklbklawwa karrbdaeninmathungcudsungsudaelw xyaihikhrrbruthungkartaykhxngkha aelwekhakkhadictayinxikimkixudicthdma phuthixyuduicxi sun chin kxncakipnnmiephiyng3khnethann 2in3khnnnidaek lukchaykhnotkhxngxi sun chin aela hlanchaykhxngekha ephuxmiihikhrsngektehnkartaykhxngxi sun chin liohaelaliwan prakhxngrangkhxngxi sun chinirwiyyanekhaipintwerux ephuxhlikhnisaytakhxngphukhn sahrbkarrbthiehlux liwanswmekraakhxnglungkhxngekha aelwkhuniptiklxngsuk ephuxrksakhwykalngicthharwaaemthphkhxngekhayngkhngmichiwiteruxthngyngkhngthakarrbxyu rahwangsuk aemthpheruxfaycintkxyuinphawakhbkhn 2 3khrng aelaeruxthngktrngekhamachwyekhathukkhrng emuxechnhlingmaekhaphbxi sun chin ephuxkhxbkhunsahrbkhwamchwyehlux ekhaphbliwan aelaidrbaecngthungmrnkrrmkhxngxi sun chin klawknwa echnhlingtkicmak khukekhalngokhksirsathung3khrngaelarxngih khawkarcakipkhxngaemthphli aephrsaphdipthwthngkxngeruxphsmhming ossxnxyangrwderw thharhaythuknay imwacahminghruxossxntangkphaknrxngihrangm rangirwiyyankhxngaemthphli thuknasngipyngbanekidthixasan ephuxfngiwkhangbidakhxngekhatampraephniniym salecathuksrangkhunmaephuxepnekiyrtiihaekekhaptikiriyakhxngrthbalochsxnaemthphxi sun chin nxkcakcasamarththlmkxngthphyipunidaelw yngepnphuthirkaelaekharphintwthharhayaelakhrxbkhrwying ekhaidrbkarsnbsnuncakchawbancakthngphlnganinkarpxngknpraethschati aelakhwamepnphuoxbxxmxariymiemttatxprachachn phuprasbphysngkhramxikdwy phukhnekharphykyxngaemthphxi sun chinying aelaklawthungxi sun chin makkwataaehnngphubychakarthhareruxthiekhaepn inthangklbkn phraecasxnocklbimidthaxairephuxpkpxngrachxanackrkhxngphraxngkhely sarayipkwann phraxngkhthrnglmehlwinkarpxngknkhxbkhnthsima aelakaraeprphrarachthanhniipcakoslodythnthikhxngphraxngkh thaihphaphlksnkhxngphraxngkhlmslaylng mikhwamepnipidthungkhwamechuxwa phraecasxnocaelarachsank klbmxngchychnakhxngxi sun chinaelakarsnbsnunintwekhaepnhxkkhangaekhr thixaccathaihekhakxkbtidinphayhlng echyechnthi li sxngekekhykxrthprahar yudxanacmacakrachwngsokhryxtnexngkhunepnphraecaaethocpthmkstriyaehngrachwngsochsxninpi ph s 1935 dwykhwamklwdngni phraecasxnoccungthrnglngphraxayacxngcaaelathrmanxi sun chin aetkidyu sxnglyxngkhxychwykrabthulkhdkhanothstaykhxngxi sun chiniwthung 2khrng dwyehtuni karphrarachthanrangwlihxi sun chin cungekidkhunhlngmrnkrrmkhxngekhaekuxbthnghmd khunnanginrachsankhlaykhn miswnsakhymakinkarthaihphraecasxnocmiphradaritxxi sun chininaenglb rthbalossxnthukdunglngipinwngwnaehngkaraekngaeyngchingdi ekliydchng aelaaebngfkaebngfay ehlakhunnangthiklwaelaekliydchngaemthphphuoddediyw thumaerngkayaerngicthasukephuxpkpxngpraethschati inkhnathirachsankklbaetkaeyksbsn dwywngwnkhxngkhwamxiccharisyani miaephnkarkhdkhaxi sun chinmakmay cnthaihxi sun chinimsamarthtxkrkbkhasukidxyangetmkhwamsamarth nkprawtisastrexngkkhnphbwa inphngsawdarochsxnnn phraecasxnoc imthrngekhyaesdngkhwamesiyichruxtkictxkartaykhxngxi sun chinely khwambidebiywkhxngrachsankossxnni daeninmatlxdprawtisastrrachwngsochsxn thisngphlkrathbtxswsdiphaphaelakhwammnkhngkhxngpraethschati cnmasinsudinpi ph s 2453 emuxekahlisuyesiyexkrachihckrwrrdiyipunmrdkthixi sun chinmxbiwihxnuchnrunhlng thaerahwngthicasucntwtay erackmichiwit aetthaimaelw eracktayxyangirkha aemthphli thukwnni xi sun chinidrbkarykyxngcakchawekahli inthanawirburusphuyingihythisudtlxdkal chawekahlimxngekhainthana chayphuklahay xdthn aekhngaekrng mikhwamesiysla aelacngrkphkditxpraethschati nayphlerux aehngrachnawixngkvsykyxngxi sun chininthananaythharphuyingihy aelaepriybethiybekhakb ohrachiox enlsnaehngxngkvs epneruxngyakmaksahrbchawxngkvs thicaklawwamiikhrmikhwamsamarthethiybethakbenlsn aetthacamiikhrskkhnthisamarthethiybethakbenlsnidnn chaykhnnnkkhngcaepnphubychakarthiyingihychawexechiy thiimekhyphayaemskkhrng aelatayinkarrbkbstru thangphankhxngchayphunn puiwdwysakeruxrbyipunnbrxythixppang aelasphthharklakhxngkhasuk thithukekhasnglngipnxnxyuitthaelnxkkhabsmuthrekahli imphladhrxk aelaniimichkarpramankardwywa tngaettncncb ekhaimekhythaxairphladely ngankhxngekhachangsmburnaebb phayitsthankarnaetlaaebbthihlakhlay yakthicawicarn tlxdchiwitthharhaykhxngekha xaccasrupidwa ekhaimideriynrukarrbthangthaelinprawtisastr ephuxthicaichchinaely ekhaxxkrbinthaelinaebbthimnkhwrcaepn trabthiphllphthkhxngkarrbnnchdecn aelacblngdwykarepnphuthipkpxngpraethschati thidarngkhwamsakhyxyanghathiepriybmiid nayphlerux aehng exngkklawthungxi sun chinexaiwinhnngsuxkhxngekhathitiphimphinpi ph s 2451 hrux 2 pikxnekahlisunyesiyexkrachihyipunxyangsmburn odyprawtisastraelw miaemthphephiyngimkikhnthichanayinyuththwithikarekhatitrnghna ekhatichbphln karrwmkalng aelakarkhyaykalng nopeliynphuechiywchaykaryudkhrxngbangswndwythnghmd ksmkhwreriykidwaepnaemthphthiyxdeyiym inswnkhxngaemthpherux 2xcchriyadanyuththwithithismkhwrcaklawiwkhux xi sun chinaehngekahli caktawnxxk aelaenlsnaehngxngkvs caktawntk liepnaemthpheruxphuoddednxyangimtxngsngsy aemwaekhacathukcakdkhdkhainsngkhramecdpi aelainthangklbkn khwamklahayaelachaychladkhxngekha miideluxngluxipthangtawntk ehtuephraaekhaochkhraythiekidmain ikhrktamthicaepriybethiybkbxi sun chinidnn khwrcaehnuxkwa aehngenethxraelnd enlsnni ynghangiklcakxi sun chininaengkhxnglksnanisyaelakhwamsuxstytxtnexng liyngepnphupradistheruxrbhumekraathiruckinnam okhbukhsxn ekhakhuxphubychakarthangthaelphuyingihyxyangaethcring aelaepnphuechiywchaynganyuththnawikhxng 300 pithiphanma inchwngrahwangsngkhram ekhatxngcdhaesbiyng yuththpccy ephuxeliyngkxngthpheruxdwytwexng odyprascakkhwamchwyehluxcakrachsank ekhabnthukinpumkarrbkhxngekha nancung xilki hnkung 이순신 hnca 李舜臣 thungkhwamklwlinkarcdhaesbiyngxaharinchwngvduhnaw khasukkhxngekhann mixaharkinximhnasarayaelamicanwnmakkwa xi sun chin imekhyraeriynwichathharerux enuxngdwyrachwngsossxnimmikarcdtngsunyfukthharerux ekhaphankarsxbkhdeluxkthharemuxekhaynghnum aelaekhaimekhyidrbkarsuksainwithyalyely ekhamiephiyngprasbkarncakkarrbthphcbsukkbphwkhnuecin thikhxyrukranthangkhxnehnuxxyuenuxng khwamcringaelw chychnathi thiekharbchnakxngeruxyipunnn kepnkarrbthangthaelkhrngaerkkhxngekha aelabrrdanaythharaelakalasikhxngekha immiikhrinkxngeruxkhxngekhaekhyrbthangthaelmakxnely saehtuhnungthithaihxi sun chinprasbkhwamsaerckhux karkhrxbkhrxngpunihythimirayayingaelaxanackaryingthisungkwayipun inkhnathiyipunhwngcaichekhasukbekahli khxngekha thiephingthukplxyeruxlngnaephiyngwnediywkxnsngkhramcaerimtn miprasiththiphaphsungmakinkarekhati aelathalwngaenwrbkhasuk xi sun chinchnasukthangthaelxyangnxy 12 khrng odyidrbkhwamesiyhayephiyngnxynid aetthlmeruxyipunnbphn sngharchiwitthharyipunnbaesn ekhaichrupaebbkxngeruxhlayaebb khunkbsthankarn aelaichkhxmulekiywkbkhlunthaelaelakraaesnathaelihepnpraoychn ekhaichkhwamrxbruinsmuthrsastrinphunthikhxngekhaihepnpraoychnesmx mihlaykhrngthiekhalxkhasuk ihekhaipinphunthithiekhasamarthlxmthalaykhasukidodyngay in naythharyipunnayhnungaehkkdaelaedineruxmarbkbekha xi sun chin epnphuechiywchayyuththsatrnawi thiimmiikhrinkxngthphossxninsmynnethiybethiymid aelaimmiikhrsamarthsrangphlnganidxyangekha hnunginphlnganxnyingihythisudkhxngekhakhux karrbkwnesnthanglaeliyngesiyngkhxngkhasuk dwykarocmthithiphankarkhidkhanwnmakxnkhxngekha ekhacungsamarthsngkxngeruxkhxngyipunlngipnxnyngknphrasmuthridxyangswyngam karprbprungkxngthpheruxkhxngekha imidthuklblangipinthnthihlngmrnkrrmkhxngekha khxythukldcanwnlngcakhnaprawtisastr cnkrathngklayepnsylksnintananinpccubn ralwngstdsinicldcanwnthharlng odyechphaahlngkarrukrankhxngaemncu inchwng kh s 1630 saenabnthukkhxngxi sun chin xi sun chin bnthukkhwamthrngcakhxngekhainsmudbnthukxyanglaexiyd thungehtukarnthiekidkhun tlxdcnhnngsuxraynganthiekhasngkhunkrabthulphraecasxnoc sungthaihxnuchnideriynruekiywkbekhahlayxyang nxkcakni khxmulekiywkbexngkthukbnthukinniechnkn ngankhxngekhaidrbkartiphimphepnphasaxngkvsinchux nancung xilki bnthukkhwamsngcayamsngkhramkhxngaemthphxi sun chin Nanjung Ilgi War Diary of Admiral Yi Soon shin aela ximcin cngoch khwamthrngcakhxngaemthphlithimitxrachsank Imjin Jangcho Admiral Yi Soon shin s Memorials to Court emuxmxngduekiyrtiprawtikhxngechuxsaykhxng xi sun chin echuxsaykhxngekhamakkwa 200khnphankarsxbekharbrachkarthhar klayepntrakulsakhy hruxbnthitsaythhar thungaemwaechuxsaykhxngekhacaimidmibthbathsakhy thisngphlkrathbtxkaremuxnginchwngthaykhxngrachwngsossxn aetrachsankkihekiyrtitxtrakulxi hnkul 이 xyangsung hlaykhnthangankharachkarsaymhadithyradbsung hlngkarlmslaykhxngrachwngsossxn echuxsaykhxngxi sun chin hlaykhn klaymaepn pccubn lukhlankhxng xi sun chin xasyxyubriewnosl aelaxasan inekahli aemthphli nxkcakcamichuxesiyngcakkarsrangeruxetaaelw yngmichuxesiyngcakkhaphudsudthaykxnsinic thanbxkhlankhxngthanihisekraakhxngthanaelasxnsphkhxngthanexaiwmiihikhrru ephuxmiihkhwykxngthphtk odnthanklawwa xyaihikhrruwakhatay 나의 죽음을 알리지마라 hlngchnasuk thukkhnlwnyindipridacnkrathanthrabkhawkarcakipkhxngphunakhxngtn rachthinnamkhxng xi sun chin chungmuokng khunsukphucngrks thukichinekahli inthanarachthinnamxnthrngekiyrtixndb 3 aelaruckinnam taaehnngthangthharphuphithksxnekngklasamarthaehngchungmu the Cordon of Chungmu of the Order of Military Merit and Valor ekhayngidrbkaraetngtngihepn ecachayaehngodkpung chungmuor 충무로 忠武路 thnndawnthawninoslexng ktngtamchuxkhxngekha emuxng chungmu exng kthukepliynchuxepn othngylxng ephuxepnekiyrtiihaek xi sun chin inthanathiepnthitngthanbychakarkhxngekha xyubnaenwchayfngthangtxnitkhxngekahli in esocngon klangoslmixnusawriykhxngxi sun chintngiwxyu nxkcakni eruxphikhathlakwtthuprasngkhkhxngekahlirunhnung kmichuxchnwa chamukng xi sun chin rhsokhrngkarkhux KDX II inwthnthrrmrwmsmymikarnachiwprawtikhxngxi sun chinipthaepnphaphyntr 2eruxng inchuxediywknkhux xi sun chin wirburusnkbuy khrngaerkthixxkchayinpi ph s 2505 epnphaphyntrkhawda aelathaihmepnphaphsi odyxingcakbnthuksngkhramkhxng xi sun chininpi ph s 2514 aela ph s 2547 xi sun chin aelaeruxetakhxngekha praktinekms xyangirktam ephuxihekidkhwamsmdul skyphaphkhxngeruxetacungthukepliynin 2 cudkhux eruxetaekhluxnthiidcha inkhnathikhxngcringaelniderwmak aelasamarthyingpunihyidcakpakmngkrdanhnaethann inkhnathikhxngcringsamarthyingidrxbdan ph s 2548 phaphyntrekahli thharswrrkh chxnkun 천군 天軍 Heaven s Soldiers kakbody aesdngthungxi sun chinwyhnum aesdngody thitxsukbphwkn hwiecinrwmkbchawbaninphunthi rwmkbthharekahliehnuxaelait thithukdawhanghlelydungihphldmitiyxnewlacak ph s 2548 masu ph s 2115 nbwaphidaeplkipkwachbbxunthi xi sun chinthuknaesnxinlksnakhxnghnumsibaepdmngkudaelakhxnkhangephiyn aethnthicaepnwirburusphuklahay ewlainphuneruxng ekidkxnkarrukranekahlikhxngyipun raw 20 pi ehtukarnthinaesnxkphidephiynipcakprawtisastr echnkarthphtxtanphwkn hwiecinkmiidekidinpi ph s 2115 aetekidinimkipihlngcaknn hlngekhasxbekharbrachkarthharidinpi ph s 2119 phaphyntreruxngnilngthuntammatrthankarsrangphaphyntrkhxngekahli 7 8 landxllar aelaprasbkhwamsaerc phaphyntreruxngnichayihehnthungphaphkhxngxi sun chin inthanakhxngekahliinyukhpccubnaelakalngcarwmchatiidxyangchdecn lakhrchud xi sun chinphuepnnirndr 불멸의 이순신 canwn 104 txn thuknaxxkchaythangchxng KBS khxngekahliit rahwangwnthi 4 knyayn ph s 2547 thung 28 singhakhm ph s 2548 odyenuxhaswnmakepnchwngkarrukranekahlikhxngyipun inkhnathisathxnchiwitkhxngaemthphxiipdwy bthxi sun chinaesdngody aelaidrbrangwlnkaesdngchayyxdeyiymcakbthni lakhreruxngniidrbkhwamniymmakincin aelathuknamachaysaodysthaniothrthsnthienndancriythrrmbangchxnginxemrika lakhrchudnithukwicarnmakinhlaycud echnkarchayphaphxi sun chininwyhnumwaxxnaexaelaoddediyw aelaepnkhnthiimsnicxairelyinsthankarnesiyngtay xyangirktam lakhrchudniidrbkarklawkhanwa mimitikhxngmnusyputhuchnmakkwachudxun lakhrchudnichayphaphkhxngxi sun chininphaphkhxngmnusyputhuchn thitxngfafnphynxntrayephiynglaphng imichwirburusthifaprathanlngma lakhreruxngniklayepnhwkhxphudkhuyknmakkhunephraabngexiyepnchwngthiyipunprakaswaekaaotkodepnkhxngyipun imichekahliit sahrbwrrnkrrm ph s 2544 aetngwrrnkrrmeruxngaerkkhxngekhachux bthephlngaehngdab xxkwangkhayaelaprasbkhwamsaerc odywrrnkrrmeruxngniaetngepnrxykrxng brryayinlksnaburusthi1 odytwkhxngxi sun chinexng khimhunidrbrangwl Dongin Literature Award inthanawrrnkrrmthiidrbkarykyxngsungsudinchati in ph s 2557 phaphyntreruxng xisunchin khunphlkhlunkharam Roaring Currents hnkul 명량 mienuxhawadwykarthiyipunrukranekahli aelathukprabody xi sun chin ekhachayinchwngklangpi epnphaphyntrprawtisastrthithayxdkhaytwekin 10 lanib phayinewlaekhachayephiyng 12 wn thuxwaepnphaphyntrthiichewlanxythisudsahrbkarkhaytwphanhlk 10 lanib khxngwngkarphaphyntrekahli aelathalaysthitiyxdkhaytweruxng Avatar thi 13 62 lanib idimyak odyichewlaekhachayephiyng 18 wn aelaklayepnphaphyntrekahlieruxngaerkthitharayidinpraethsmakkwa 100 landxllarshrth sungnkaesdngphurbbth xi sun chin khuxxangxingsthaniyxypraethsekahliwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb xi sun chin Korean Hero Yi Sunsin Military History About khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2007 04 30 subkhnemux 2008 08 05 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2010 01 06 subkhnemux 2008 08 05 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2012 02 09 subkhnemux 2008 08 05 The Failure of the 16th Century Japanese Invasions of Korea IAI o e u E o i eA ekahli khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2011 05 19 subkhnemux 2008 08 05 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2007 10 29 subkhnemux 2008 08 05 https web archive org web 20070929120621 http news hankooki com lpage society 200510 h2005102720120875040 htm ekbthawr 2007 09 29 thi ewyaebkaemchchin 한국일보 전남 명량대첩 승전고 다시 울려라 세계를 밝히는 신문 세계닷컴 http www yushin or kr history dvd kbshistory kbs046 htmTreeID 2246 amp PCode 0007 amp DataID 200610241356000071 lingkesiy pumbnthukkhwamthrngcakhxngxi sun chin wnthi 17 knyayn kh s 1596 tamcnthrkhti phaphyntrekahlieruxng pumbnthukkhwamthrngcakhxngxi sun chin wnthi 19 knyayn kh s 1596 tamcnthrkhti yisunchin khunphlkhlunkharam wikiphiediy 2021 07 25 subkhnemux 2021 07 25 War Diary 亂中日記 the autobiographical diary of Admiral Yi Sun Sin Hawley 2005 p 552 Hawley 2005 p 553 Choi 2002 p 213 Ha 1979 p 237 Hawley 2005 pp 549 550 Choi 2002 p 222 Hawley 2005 p 555 The Influence of the Sea on The Political History of Japan pp 66 67 A Military History of the Empire yipun 帝國國防史論 p 399 yisunchin khunphlkhlunkharam wikiphiediy 2021 07 25 subkhnemux 2021 07 25 hnngxingprawtisastr Roaring Currents thaenginthubsthitiwngkarhnngekahli phucdkarxxniln 13 August 2014 subkhnemux 14 August 2014 lingkesiy Roaring Currents thubsthiti Avatar inekahliit phucdkarxxniln 18 August 2014 subkhnemux 19 August 2014 lingkesiy