บทความนี้อาจต้องการตรวจสอบต้นฉบับ ในด้านไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน การเรียบเรียง คุณภาพ หรือการสะกด คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้ |
ตามคติศาสนาฮินดูสมัยฤคเวท ศาสนาเชน และศาสนาพุทธ พระอินทร์ (สันสกฤต: इन्द्र, อินฺทฺร; บาลี: อินฺท) เป็นเทวราชผู้ปกครองสวรรค์และอภิบาลโลก ต่อมาในสมัยปุราณะ พระอินทร์ก็ถูกลดบทบาทลงและเริ่มมีพฤติกรรมทางเพศมากขึ้น กระทั่งกลายเป็นเทวดาชั้นรองจากมหาเทพตรีมูรติในปัจจุบัน
พระอินทร์ | |
---|---|
เทพแห่งสายฟ้า ฟ้าผ่า ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ฝน น้ำตก ธรรมชาติ | |
พระอินทร์ประทับบนช้างเอราวัณ บนพระปรางค์วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร | |
ชื่อในอักษรเทวนาครี | इन्द्र / इंद |
เป็นที่บูชาใน | ศาสนาฮินดู ศาสนาพุทธ และศาสนาเชน |
ส่วนเกี่ยวข้อง | เทวราช สวรรคาธิบดี เทพโลกบาล และเทพคณะอาทิตย์ |
ที่ประทับ | วิมาน ในเมืองสุทัสสนะ บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เมืองอมราวดี ในอินทรโลก (สวรรค์) |
อาวุธ | วัชระ, ศักรธนู, ศรอินทราสตร์, ดาบปรัญชะ, ขอช้าง, คทา, หอกวาสวีศักติ, จักร, สังข์ ฯลฯ |
พาหนะ | ช้างเอราวัณ ม้า เวชยันตราชรถ เทียมม้าสีขาว มีพระมาตุลีเป็นสารถี |
เป็นที่นับถือใน | อินเดีย ไทย ลาว กัมพูชา จีน |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
คู่ครอง | พระอินทราณี, พระแม่สุธรรมา, พระแม่สุจิตรา, พระแม่สุนันทา, พระแม่สุชาดา, นางอหัลยา, นางกาลอัจนา, พระนางกุนตี, นางอัปสร 25 ล้านตน |
บุตร - ธิดา | , , พระนางเทวเสนา, พาลี, อรชุน ฯลฯ |
บิดา-มารดา |
|
ในรามเกียรติ์ พระอินทร์กับนางกาลอัจนามีบุตรชื่อพาลี
ศาสนาฮินดู
ความสำคัญ
คัมภีร์ฤคเวทว่า
“ | ...ผู้บังคับบัญชาอาชาชาติ ราชรถ ชนคาม และปศุสัตวานุสัตว์. ผู้กระทำให้มีซึ่งตะวันและกาลอรุณรุ่ง ผู้กระทำให้สายน้ำขับเคลื่อน โอ พระอินทร์นั่นแล้ว. พระอินทร์ผู้ปลดเปลื้องโศกาดูรแห่งอนาถาชน ผู้ปลดเปลื้องรัตติกาลด้วยอรุโณทัย ผู้กระทำให้ความไม่สมบูรณ์เป็นความสมบูรณ์... | ” |
ในยุคเริ่มแรกตามคัมภีร์ฤคเวท พระอินทร์เป็นประมุขแห่งทวยเทพ เป็นเจ้าแห่งสภาพภูมิอากาศ และเป็นเจ้าแห่งการสงคราม มีอุปนิสัยชอบช่วยเหลือสรรพสัตว์ สมัยแรกมักเรียกพระอินทร์ว่า ศักระ (แปล: ผู้องอาจเป็นเลิศ) ซึ่งขณะนั้นมีจำนวนเทวดาทั้งสิ้นสามสิบสามพระองค์ อันได้แก่ 12 พระองค์ 8 พระองค์ 11 พระองค์ และพระอัศวิน 2 พระองค์ โดยมีพระอินทร์เป็นประมุขของเทวดาเหล่านี้ คัมภีร์ส่วนใหญ่กล่าวถึงวีรกรรมของพระอินทร์ในการปราบอสูรชื่อวฤตระ (Vritra) และวีรกรรมในการอภิบาลจักรวาลนานัปการ
พระอินทร์ปราบวฤตราสูร
ในฤคเวท วฤตราสูร หรือ อหิ เป็นบุตรของ เป็นอสูร มีกายเป็นงูใหญ่ หรือ นาค ได้ขึ้นไปลักน้ำบนสวรรค์ และไปซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ ทำให้ไม่มีน้ำฝนตกลงสู่โลก พระพิรุณได้ขอให้พระอินทร์ไปปราบ พระอินทร์ได้ใช้กระบองทำลายถ้ำ และ ใช้วัชระผ่าท้องวฤตราสูร ทำให้น้ำฝนตกลงสู่โลก
“ | ...จะกล่าวถึงพระอินทร์ ทรงแสดงความกล้าหาญเป็นครั้งแรก โดยทรงวัชระ. พระองค์ทรงปราบงูยักษ์อหิ เปิดทางน้ำ ให้ไหลมาจากภูเขา. พระอินทร์ผู้ปราบงูยักษ์ที่อยู่บนยอดเขา โดยพระตวัษฏาร์ ผู้สร้างวัชระ. มวลน้ำไหลบ่า ดังฝูงโค ลงสู่มหาสมุทร... | ” |
ต่อมาการนับถือพระอินทร์ทวีขึ้นเรื่อย ๆ พระอินทร์กลายเป็นต้นแบบแห่งกษัตริย์ของทั้งมนุษย์และเทวดาทั้งปวง ในภควัทคีตามีบทอธิบายถึงความสำคัญของพระอินทร์ว่า
“ | เปรียบกับบรรดาคัมภีร์ทั้งปวง ข้าพเจ้าคือคัมภีร์สามเวท. เปรียบกับเทวาสุรทั้งปวง ข้าพเจ้าคือพระอินทร์ ประมุขแห่งทวยเทพ. เปรียบกับสัมผัสประสาททั้งปวง ข้าพเจ้าคือปัญญาประสาท. และในสิ่งมีชีวิตทั้งปวง ข้าพเจ้าคือจิตสำนึกแห่งเขาเหล่านั้น... | ” |
สถานะและอำนาจหน้าที่
พระอินทร์เป็นเทวดาองค์สำคัญของศาสนาพราหมณ์ โดยเป็นประมุขแห่งทวยเทพ และเป็นประธานเทวสภา มีอำนาจหน้าที่ปกครอง ควบคุม ธำรง รักษา และบำรุงสวรรคโลกและมนุษยโลก ปรากฏมากในปรัมปราของศาสนาพราหมณ์ซึ่งสงครามระหว่างพระอินทร์และความชั่วร้ายบรรดามี
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันตามความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ พระอินทร์มีบทบาทลดลงโดยเป็นเทวดาชั้นรองและมีหน้าที่รองจากตรีมูรติ คือ พระศิวะ พระวิษณุ และพระพรหม อำนาจหน้าที่บางประการของพระอินทร์ถูกโอนไปให้ตรีมูรติ เช่น พระอิศวรกลายเป็นประมุขสูงสุดแห่งทวยเทพและเป็นประธานเทวสภา พระนารายณ์มีอำนาจหน้าที่อภิบาลมนุษยโลกแทน กับทั้งพลังอำนาจของพระอินทร์ยังเป็นรองตรีมูรติ เป็นต้นว่า ในคราวที่พระนารายณ์แบ่งภาคลงไปเป็นพระกฤษณะ พระกฤษณะสามารถสำแดงเดชยกเขาบังห่าฝนที่พระอินทร์บันดาลให้เกิดขึ้นมา เพื่อทรมานเหล่าผู้คน เพราะเสื่อมศรัทธาในพระอินทร์ ซึ่งเป็นเรื่องราวที่พวกพรหมณ์ของไวษณพนิกาย แต่งขึ้นภายหลังแล้วนำไปเพิ่มเติมในเรื่องราวของ พระกฤษณะเจ้าภายหลัง เพื่อลดความเชื่อถือในองค์อินทร์ ทุกศาสนาล้วนมีเทพหรือเทวดาที่วนเวียนอยู่ในวัฏสงสาร คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ล้วนมีอายุขัยดับไปและเกิดใหม่ มีแต่ศาสนาพุทธที่พระพุทธเจ้าที่หลุดพ้นจากวัฏสงสาร ไม่เกิด ไม่ดับ ไม่อยู่ในรูปพรหมและอรูปพรหม
นอกจากนี้แล้วยังมีความเชื่อว่า พระอินทร์เป็นเทพประจำทิศตะวันออก หรือ บูรพา อีกด้วย
ลักษณะของพระอินทร์
สมัยฤคเวท พระอินทร์มีร่างกายกำยำ ผม เครา และเล็บสีทอง มีตาทั่วตัว มี 4 กร ในสมัยต่อมา พระอินทร์เริ่มมีหน้าตาและรูปร่างสวยขึ้น โดยมีร่างกายสีแดง สีขาวนวล และกลายเป็นสีเขียวในปัจจุบัน คัมภีร์ฤคเวทมีว่า
“ | รังสีแห่งพระอินทร์นั้นหรือคือสีทอง. พระอินทร์ผู้มีเคราและผมสีทองซึ่งโปรดปรานการดื่มสุรานั้นเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับลมกรด. พระอินทร์มีใบหน้าสวยงาม...พละกำลังแข็งแกร่งสมชาย...เป็นวีรบุรุษโดยแท้. | ” |
พระอินทร์ ยังมีนามอื่นๆอีก อาทิ เช่น พระเทวราช,พระสวรรคาธิบดี,พระวัชรหัสต์,พระวัชรปาณี,พระศักระ,พระเทเวนทร์,พระวฤษัน,พระวฤตรหัน,พระสุเรนทร์,พระโกสีย์,พระสหัสนัยน์,พระสหัสเนตร,พระสหัสรากษะ,พระปุรันทร,พระชิษณุ,พระอมรินทร์,พระศักรินทร์,พระมัฆวาน ฯลฯ
อาวุธประจำกายของพระอินทร์ได้แก่วชิราวุธ คือ วัชระ (สายฟ้า), พระขรรค์ชื่อ "ปรัญชะ," ศักรธนู, บ่วงบาศ, จักร, สังข์ ตะขอ แหตาข่าย ฯลฯ.
พระอินทร์มีพาหนะคือช้างเอราวัณ ซึ่งปรกติเป็นเทวดาองค์หนึ่ง เมื่อพระอินทร์ประสงค์จะเดินทางไปในที่ใด เทวดาเอราวัณก็จะกลายร่างเป็นช้างพาหนะ
พระอินทร์มีหนึ่งหน้า สี่มือ แต่โดยปรกติแล้วในจิตรกรรมต่าง ๆ มักปรากฏเพียงสองมือ มือหนึ่งถือวชิราวุธ
ที่พักของพระอินทร์เรียก "ไวชยนต์" ตั้งอยู่ในเมืองอมราวดี บนเขาพระสุเมรุ เขาพระสุเมรุนี้เป็นที่ตั้งของชั้นฟ้าหรือสวรรคโลก บรรดาเทวดาในอมราวดีนครไร้ทุกข์ทุกประเภท วันหนึ่ง ๆ ชื่นชมและสมสู่กับอัปสร และเล่นสนุกบรรดามี
ความสัมพันธ์กับเทพองค์อื่น
พระอินทร์ วิวาห์กับพระนางศจี บุตรีของท้าวปุโลมัน ราชาทานพ มีบุตรด้วยกัน ได้แก่ พระชยันต์ อุปราชแห่งสวรรค์ พระนางชยันตี ชายาของพระศุกร์ พระนางเทวเสนา ชายาของพระขันทกุมาร
ความเจ้าชู้ของพระอินทร์
กาลอัจนา
ในเรื่องรามเกียรติ์ กาลอัจนา เป็นเด็กสาวที่มีความน่ารักเป็นเลิศซึ่งฤๅษีโคดมสร้างขึ้นมาจากกองไฟเพื่อเป็นคู่สมรสของตน เนื่องจากได้รับคำสบประมาทจากนกกระจาบผัวเมียที่เกาะอยู่ข้างอาศรมว่าฤๅษีมีบาปเพราะไร้ผู้สืบสกุล ฤๅษีโคดมและกาลอัจนามีธิดาด้วยกันหนึ่งคนชื่อว่า สวาหะ
ภายหลังจากที่พระนารายณ์อวตารลงมาเป็นพระรามเพื่อปราบทศกัณฐ์ พระอินทร์คิดสนับสนุนพระราม และเผอิญมองลงมาจากวิมานเห็นกาลอัจนามีความน่ารักจับใจก็เกิดรักขึ้น เหาะลงมาหาในระหว่างที่ฤๅษีออกจากอาศรมเข้าป่าไปหาอาหาร ฝ่ายกาลอัจนาเห็นพระอินทร์รูปร่างหน้าตาสะสวยองอาจก็เกิดรักเช่นเดียวกัน ทั้งสองลักลอบได้เสียกันในคราวนั้นโดยไม่ทราบว่านางสวาหะแอบดูอยู่ภายนอก กาลอัจนาตั้งท้องกับพระอินทร์ ให้กำเนิดบุตรชายมีร่างกายสีเขียว ฤๅษีโคดมซึ่งไม่ทราบความจริงก็คิดว่าเป็นลูกของตน ให้ชื่อว่า กากาศ
ต่อมาเมื่อคราวที่ฤๅษีออกจากอาศรมเข้าป่าไปอีกครั้ง กาลอัจนานั่งอยู่ชานอาศรมมองขึ้นไปเห็นพระอาทิตย์มีรูปร่างหน้าตางดงามผึ่งผายก็หลงรัก ฝ่ายพระอาทิตย์ซึ่งรู้ว่ากาลอัจนาหลงรักก็เหาะลงมาสมสู่ด้วย โดยไม่ทราบว่านางสวาหะแอบดูอยู่ภายนอก กาลอัจนาตั้งท้องกับพระอาทิตย์ ให้กำเนิดบุตรชายมีร่างกายสีแดง ฤๅษีโคดมซึ่งไม่ทราบความจริงก็คิดว่าเป็นลูกของตน ให้ชื่อว่า สุครีพ
ต่อมานางสวาหะน้อยใจที่ฤๅษีโคดมเอาใจใส่บุตรชายทั้งสองมากกว่าตน จึงตัดพ้อเชิงว่ารักลูกคนอื่นมากกว่าลูกตน ฤๅษีโคดมเกิดสงสัยขึ้น เสี่ยงอธิษฐานโยนบุตรทั้งสามลงไปในน้ำ ผู้ใดเป็นบุตรที่แท้ที่จริงขอให้สามารถว่ายน้ำกลับมาหาตนได้โดยปลอดภัย ผู้ใดไม่ใช่ขอให้กลายเป็นลิง ซึ่งมีแต่นางสวาหะว่ายกลับมาหา ส่วนกากาศและสุครีพกลายเป็นลิงวิ่งเข้าป่าอีกฝั่งหายไป
ครั้นกลับถึงอาศรม ฤๅษีโคดมเดือดดาลยิ่งนัก กล่าวผรุสวาทแก่กาลอัจนา แล้วสาปให้กลายเป็นหินไปเสียจนกว่าพระรามจะผ่านมาและถอนคำสาปให้กลายเป็นคนดังเดิม คำสาปมีว่า
“ | ...คบชู้สู่สมภิรมย์รัก ทำการทรลักษณ์บัดสี ดังหญิงชั่วช้ากาลี ให้อินทรีย์ของมึงเป็นศิลา... | ” |
ก่อนจะกลายร่างเป็นก้อนหินนั้น กาลอัจฉาเห็นว่านางสวาหะปากดี จึงสาปให้ไปยืนขาเดียวอ้าปากกินลมอยู่ที่เชิงเขาจักรวาล จนกว่าจะมีบุตร ต่อมาเมื่อพระรามและกองทัพผ่านมาบริเวณนี้ ก็ได้ถอนคำสาปให้กาลอัจฉากลายเป็นคนดังเดิม
อหัลยา
นางอหัลยา (สันสกฤต: अहल्या, Ahalyā; แปล: ผู้หญิงสมบูรณ์แบบ) เป็นเด็กสาวที่พระพรหมสร้างขึ้นด้วยเวทมนตร์ มีความน่ารักเป็นเลิศ บรรดาเทวดาชายทั้งปวงต่างใคร่ได้มาครอง พระพรหมตั้งเงื่อนไขไว้ว่าจะมอบอหลยาให้แก่บุคคลใดก็ตามที่สามารถท่องทั้งสามโลกได้ทั่วถึงเป็นบุคคลแรก พระอินทร์จึงเร่งเดินทางไปทั่วสามโลกเพื่อการนี้
ด้วยพลังอำนาจแห่งเทพระดับพระอินทร์จึงใช้เวลาพริบตาเดียวในการดังกล่าว ในขณะที่มาขอรับนางอหัลยาไปนั้น ฤๅษีนารทซึ่งนั่งอยู่ในที่ประชุมของพระพรหมด้วยท้วงว่า ความจริงแล้วยังมีมหาฤๅษีชื่อโคตมะ (เคาตม มหาฤษิ) เคยเดินทางไปตลอดสามโลกก่อนพระอินทร์เสียอีก สมควรมอบนางอหัลยาให้แก่มหาฤๅษีโคตมะ พระพรหมเห็นชอบด้วยก็ดำเนินการตามนั้น
นางอหัลยาซึ่งหลงใหลในความงามของพระอินทร์จึงผิดหวัง และลักลอบร่วมรักกับพระอินทร์อยู่สม่ำเสมอ กระทั่งครั้งหนึ่งมหาฤๅษีจับได้คาหนังคาเขา จึงสาปให้มีอวัยวะเพศหญิงผุดขึ้นเต็มร่างกายพระอินทร์ พระอินทร์จึงได้ชื่อว่า สหัสโยนี
ต่อมามหาฤๅษีโคตมะบรรเทาคำสาปให้อวัยวะเพศหญิงกลายเป็นดวงตาเสีย พระอินทร์จึงได้ชื่อว่า สหัสนัยน์ อันแปลว่า ผู้มีดวงตานับพัน
ศาสนาพุทธ
ในเอกสารทางพุทธศาสนาและศาสนาเชน มักเรียกพระอินทร์โดยทั่วไปในชื่อท้าวสักกะหรือท้าวศักระ ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ท้าวสักกะนั้นในบางครั้งมักถูกเรียกด้วยชื่อ "อินทระ" หรือในชื่อที่เรียกขานทั่วไปอีกชื่อว่า "เทวานัม อินทระ" อันหมายถึง "จอมเทพ" หรือ "หัวหน้าแห่งเทพทั้งหลาย" พระอินทร์เป็นเทพผู้พิทักษ์พระพุทธศาสนา และเป็นพระโสดาบัน ในอดีตชาติ พระอินทร์ เกิดเป็นมฆมานพ เขาและสหายอีก 32 คน ได้ร่วมกันทำทานและสร้างศาลาที่พัก สระน้ำ และสวนสาธารณะ ไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ เมื่อตายไป มฆมานพและสหาย 32 คน ได้ไปเกิดเป็นเทพบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ในพม่า
ในพม่า ที่มีความเชื่อพื้นเมืองเรื่องของนะ ซึ่งมีลักษณะกึ่งผีกึ่งเทพารักษ์ มีกันอยู่หลายระดับทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติหรือนะหลวง ที่มีอยู่ทั้งหมด 37 ตน พระอินทร์ได้รับการยกให้เป็นประธานของนะหลวงทั้งหมด โดยมีชื่อเรียกว่า ตะจ้ามี่น (พม่า: သိကြားမင်း, ออกเสียง: [ðə.d͡ʑá.mɪ́ɰ̃]; จากภาษาสันสกฤต ၐကြ ศกฺร) การที่พระอินทร์ได้กลายเป็นประธานของนะหลวงนั้นเกิดขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าอโนรธาแห่งราชวงศ์พุกามในคริสต์ศตวรรษที่ 11 ที่นำเอาพระพุทธศาสนาแบบเถรวาทจากอาณาจักรสุธรรมวดีของชาวมอญมาเผยแพร่ให้แก่ชาวพม่า โดยนำมาผสมกับความเชื่อเรื่องนะซึ่งเป็นความเชื่อพื้นเมืองที่มาก่อนหน้านี้
ศาสนาเชน
ศาสนาเชน พระอินทร์เป็นที่รู้จักในชื่อ "เสาธรรเมนทระ" (Saudharmendra) และคอยรับใช้พระตีรถังกร (ผู้รู้แจ้งในธรรมในศาสนาเชน) อยู่เป็นนิจ เรื่องราวของพระอินทร์ส่วนมากปรากฏโดยทั่วไปในเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับศาสดามหาวีระ
อ้างอิง
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-04-24. สืบค้นเมื่อ 2008-04-15.
- ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554. พิมพ์ครั้งที่ ๒, กรุงเทพฯ : ราชบัณฑิตยสถาน, 2556. 1,544 หน้า. ISBN
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-09-23. สืบค้นเมื่อ 2008-04-15.
- "ประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้ง". บ้านจอมยุทธ์. สืบค้นเมื่อ 10 June 2014.
- Hymn XXX, P. 407 The Hymns of the Atharvaveda
- (Masson-Oursel and Morin, 326).
- Rig Veda: Rig-Veda, Book 3: HYMN XXX. Indra
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2006-01-29. สืบค้นเมื่อ 2008-04-15.
- นางกาลอัจนา[]
- ทนต์ (นามแฝง). เทวาลัย. กรุงเทพฯ : เจริญวิทพริ้นติ้ง, 2535.
- "Ahalya" The Concise Oxford Dictionary of World Religions. John Bowker (Ed.) Oxford University Press, 2000.
- Dictionary of Hindu Lore and Legend () by Anna Dhallapiccola
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2006-06-24. สืบค้นเมื่อ 2011-07-28.
แหล่งข้อมูลอื่น
หนังสือและบทความ
- ชาตรี ประกิตนนทการ. (2552, เมษายน). คติพระอินทร์สมัยรัชกาลที่ 1: อุดมการณ์รัฐ พุทธศาสนา และสถาปัตยกรรม. ศิลปวัฒนธรรม. 30(6): 79-103.
- วรพร ภู่พงศ์พันธุ์. (2565). ทิพภาวะของกษัตริย์ในสมัยอยุธยา: กษัตริย์ในฐานะพระอินทร์. ใน ถักทอความคิด มิตรและศิษย์มอบให้ วินัย พงศ์ศรีเพียร. บรรณาธิการโดย ธีรวัต ณ ป้อมเพชร, อรพินท์ คำสอน และธิษณา วีรเกียรติสุนทร. หน้า 142-162. นครปฐม: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยศิลปากร.
เว็บไซด์
- เรื่องท้าวสักกะจากอรรถกถาทางพุทธศาสนา (ในวิกิซอร์ซ)
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamnixactxngkartrwcsxbtnchbb indaniwyakrn rupaebbkarekhiyn kareriyberiyng khunphaph hruxkarsakd khunsamarthchwyphthnabthkhwamid tamkhtisasnahindusmyvkhewth sasnaechn aelasasnaphuthth phraxinthr snskvt इन द र xin th r bali xin th epnethwrachphupkkhrxngswrrkhaelaxphibalolk txmainsmypurana phraxinthrkthukldbthbathlngaelaerimmiphvtikrrmthangephsmakkhun krathngklayepnethwdachnrxngcakmhaethphtrimurtiinpccubnphraxinthrethphaehngsayfa fapha faaelb farxng fn natk thrrmchatiphraxinthrprathbbnchangexrawn bnphraprangkhwdxrunrachwraramrachwrmhawiharchuxinxksrethwnakhriइन द र इ दepnthibuchainsasnahindu sasnaphuthth aelasasnaechnswnekiywkhxngethwrach swrrkhathibdi ethpholkbal aelaethphkhnaxathitythiprathbwiman inemuxngsuthssna bnswrrkhchndawdungs emuxngxmrawdi inxinthrolk swrrkh xawuthwchra skrthnu srxinthrastr dabprycha khxchang khtha hxkwaswiskti ckr sngkh lphahnachangexrawn ma ewchyntrachrth ethiymmasikhaw miphramatuliepnsarthiepnthinbthuxin xinediy ithy law kmphucha cinkhxmulswnbukhkhlkhukhrxngphraxinthrani phraaemsuthrrma phraaemsucitra phraaemsunntha phraaemsuchada nangxhlya nangkalxcna phranangkunti nangxpsr 25 lantnbutr thida phranangethwesna phali xrchun lbida marda bida marda inramekiyrti phraxinthrkbnangkalxcnamibutrchuxphalisasnahindukhwamsakhy khmphirvkhewthwa phubngkhbbychaxachachati rachrth chnkham aelapsustwanustw phukrathaihmisungtawnaelakalxrunrung phukrathaihsaynakhbekhluxn ox phraxinthrnnaelw phraxinthrphupldepluxngoskaduraehngxnathachn phupldepluxngrttikaldwyxruonthy phukrathaihkhwamimsmburnepnkhwamsmburn inyukherimaerktamkhmphirvkhewth phraxinthrepnpramukhaehngthwyethph epnecaaehngsphaphphumixakas aelaepnecaaehngkarsngkhram mixupnisychxbchwyehluxsrrphstw smyaerkmkeriykphraxinthrwa skra aepl phuxngxacepnelis sungkhnannmicanwnethwdathngsinsamsibsamphraxngkh xnidaek 12 phraxngkh 8 phraxngkh 11 phraxngkh aelaphraxswin 2 phraxngkh odymiphraxinthrepnpramukhkhxngethwdaehlani khmphirswnihyklawthungwirkrrmkhxngphraxinthrinkarprabxsurchuxwvtra Vritra aelawirkrrminkarxphibalckrwalnanpkar phraxinthrprabwvtrasur invkhewth wvtrasur hrux xhi epnbutrkhxng epnxsur mikayepnnguihy hrux nakh idkhuniplknabnswrrkh aelaipsxntwxyuintha thaihimminafntklngsuolk phraphirunidkhxihphraxinthripprab phraxinthridichkrabxngthalaytha aela ichwchraphathxngwvtrasur thaihnafntklngsuolk caklawthungphraxinthr thrngaesdngkhwamklahayepnkhrngaerk odythrngwchra phraxngkhthrngprabnguyksxhi epidthangna ihihlmacakphuekha phraxinthrphuprabnguyksthixyubnyxdekha odyphratwstar phusrangwchra mwlnaihlba dngfungokh lngsumhasmuthr txmakarnbthuxphraxinthrthwikhuneruxy phraxinthrklayepntnaebbaehngkstriykhxngthngmnusyaelaethwdathngpwng inphkhwthkhitamibthxthibaythungkhwamsakhykhxngphraxinthrwa epriybkbbrrdakhmphirthngpwng khaphecakhuxkhmphirsamewth epriybkbethwasurthngpwng khaphecakhuxphraxinthr pramukhaehngthwyethph epriybkbsmphsprasaththngpwng khaphecakhuxpyyaprasath aelainsingmichiwitthngpwng khaphecakhuxcitsanukaehngekhaehlann sthanaaelaxanachnathi say phraxinthrkaysithxng miphnta 4 kr thrngchangexrawn khwa phraxinthrthrngchangexrawn phrxmkbphranangsci aelakhbwnaehkhxngehlaethwda phraxinthrepnethwdaxngkhsakhykhxngsasnaphrahmn odyepnpramukhaehngthwyethph aelaepnprathanethwspha mixanachnathipkkhrxng khwbkhum tharng rksa aelabarungswrrkholkaelamnusyolk praktmakinprmprakhxngsasnaphrahmnsungsngkhramrahwangphraxinthraelakhwamchwraybrrdami xyangirkdi pccubntamkhwamechuxkhxngsasnaphrahmn phraxinthrmibthbathldlngodyepnethwdachnrxngaelamihnathirxngcaktrimurti khux phrasiwa phrawisnu aelaphraphrhm xanachnathibangprakarkhxngphraxinthrthukoxnipihtrimurti echn phraxiswrklayepnpramukhsungsudaehngthwyethphaelaepnprathanethwspha phranaraynmixanachnathixphibalmnusyolkaethn kbthngphlngxanackhxngphraxinthryngepnrxngtrimurti epntnwa inkhrawthiphranaraynaebngphakhlngipepnphrakvsna phrakvsnasamarthsaaedngedchykekhabnghafnthiphraxinthrbndalihekidkhunma ephuxthrmanehlaphukhn ephraaesuxmsrththainphraxinthr sungepneruxngrawthiphwkphrhmnkhxngiwsnphnikay aetngkhunphayhlngaelwnaipephimetimineruxngrawkhxng phrakvsnaecaphayhlng ephuxldkhwamechuxthuxinxngkhxinthr thuksasnalwnmiethphhruxethwdathiwnewiynxyuinwtsngsar khux ekid aek ecb tay lwnmixayukhydbipaelaekidihm miaetsasnaphuthththiphraphuththecathihludphncakwtsngsar imekid imdb imxyuinrupphrhmaelaxrupphrhm nxkcakniaelwyngmikhwamechuxwa phraxinthrepnethphpracathistawnxxk hrux burpha xikdwy lksnakhxngphraxinthr phraxinthrthrngchangexrawn citrkrrmlayrdna wdsuthsnethphwraram smyvkhewth phraxinthrmirangkaykaya phm ekhra aelaelbsithxng mitathwtw mi 4 kr insmytxma phraxinthrerimmihnataaelaruprangswykhun odymirangkaysiaedng sikhawnwl aelaklayepnsiekhiywinpccubn khmphirvkhewthmiwa rngsiaehngphraxinthrnnhruxkhuxsithxng phraxinthrphumiekhraaelaphmsithxngsungoprdprankardumsurannekhluxnihwrwderwrawkblmkrd phraxinthrmiibhnaswyngam phlakalngaekhngaekrngsmchay epnwirburusodyaeth phraxinthr yngminamxunxik xathi echn phraethwrach phraswrrkhathibdi phrawchrhst phrawchrpani phraskra phraethewnthr phrawvsn phrawvtrhn phrasuernthr phraoksiy phrashsnyn phrashsentr phrashsraksa phrapurnthr phrachisnu phraxmrinthr phraskrinthr phramkhwan l xawuthpracakaykhxngphraxinthridaekwchirawuth khux wchra sayfa phrakhrrkhchux prycha skrthnu bwngbas ckr sngkh takhx aehtakhay l phraxinthrmiphahnakhuxchangexrawn sungprktiepnethwdaxngkhhnung emuxphraxinthrprasngkhcaedinthangipinthiid ethwdaexrawnkcaklayrangepnchangphahna phraxinthrmihnunghna simux aetodyprktiaelwincitrkrrmtang mkpraktephiyngsxngmux muxhnungthuxwchirawuth thiphkkhxngphraxinthreriyk iwchynt tngxyuinemuxngxmrawdi bnekhaphrasuemru ekhaphrasuemruniepnthitngkhxngchnfahruxswrrkholk brrdaethwdainxmrawdinkhrirthukkhthukpraephth wnhnung chunchmaelasmsukbxpsr aelaelnsnukbrrdami khwamsmphnthkbethphxngkhxun phraxinthrthrngwchra phraxinthr wiwahkbphranangsci butrikhxngthawpuolmn rachathanph mibutrdwykn idaek phrachynt xuprachaehngswrrkh phranangchynti chayakhxngphrasukr phranangethwesna chayakhxngphrakhnthkumar khwamecachukhxngphraxinthr kalxcna ineruxngramekiyrti kalxcna epnedksawthimikhwamnarkepnelissungvisiokhdmsrangkhunmacakkxngifephuxepnkhusmrskhxngtn enuxngcakidrbkhasbpramathcaknkkracabphwemiythiekaaxyukhangxasrmwavisimibapephraairphusubskul visiokhdmaelakalxcnamithidadwyknhnungkhnchuxwa swaha phayhlngcakthiphranaraynxwtarlngmaepnphraramephuxprabthsknth phraxinthrkhidsnbsnunphraram aelaephxiymxnglngmacakwimanehnkalxcnamikhwamnarkcbickekidrkkhun ehaalngmahainrahwangthivisixxkcakxasrmekhapaiphaxahar faykalxcnaehnphraxinthrrupranghnatasaswyxngxackekidrkechnediywkn thngsxnglklxbidesiykninkhrawnnodyimthrabwanangswahaaexbduxyuphaynxk kalxcnatngthxngkbphraxinthr ihkaenidbutrchaymirangkaysiekhiyw visiokhdmsungimthrabkhwamcringkkhidwaepnlukkhxngtn ihchuxwa kakas txmaemuxkhrawthivisixxkcakxasrmekhapaipxikkhrng kalxcnanngxyuchanxasrmmxngkhunipehnphraxathitymirupranghnatangdngamphungphaykhlngrk fayphraxathitysungruwakalxcnahlngrkkehaalngmasmsudwy odyimthrabwanangswahaaexbduxyuphaynxk kalxcnatngthxngkbphraxathity ihkaenidbutrchaymirangkaysiaedng visiokhdmsungimthrabkhwamcringkkhidwaepnlukkhxngtn ihchuxwa sukhriph txmanangswahanxyicthivisiokhdmexaicisbutrchaythngsxngmakkwatn cungtdphxechingwarklukkhnxunmakkwaluktn visiokhdmekidsngsykhun esiyngxthisthanoynbutrthngsamlngipinna phuidepnbutrthiaeththicringkhxihsamarthwaynaklbmahatnidodyplxdphy phuidimichkhxihklayepnling sungmiaetnangswahawayklbmaha swnkakasaelasukhriphklayepnlingwingekhapaxikfnghayip khrnklbthungxasrm visiokhdmeduxddalyingnk klawphruswathaekkalxcna aelwsapihklayepnhinipesiycnkwaphraramcaphanmaaelathxnkhasapihklayepnkhndngedim khasapmiwa khbchususmphirmyrk thakarthrlksnbdsi dnghyingchwchakali ihxinthriykhxngmungepnsila ramekiyrtichbbrchkalthi 1 kxncaklayrangepnkxnhinnn kalxcchaehnwanangswahapakdi cungsapihipyunkhaediywxapakkinlmxyuthiechingekhackrwal cnkwacamibutr txmaemuxphraramaelakxngthphphanmabriewnni kidthxnkhasapihkalxcchaklayepnkhndngedim xhlya nangxhlya snskvt अहल य Ahalya aepl phuhyingsmburnaebb epnedksawthiphraphrhmsrangkhundwyewthmntr mikhwamnarkepnelis brrdaethwdachaythngpwngtangikhridmakhrxng phraphrhmtngenguxnikhiwwacamxbxhlyaihaekbukhkhlidktamthisamarththxngthngsamolkidthwthungepnbukhkhlaerk phraxinthrcungerngedinthangipthwsamolkephuxkarni dwyphlngxanacaehngethphradbphraxinthrcungichewlaphribtaediywinkardngklaw inkhnathimakhxrbnangxhlyaipnn visinarthsungnngxyuinthiprachumkhxngphraphrhmdwythwngwa khwamcringaelwyngmimhavisichuxokhtma ekhatm mhavsi ekhyedinthangiptlxdsamolkkxnphraxinthresiyxik smkhwrmxbnangxhlyaihaekmhavisiokhtma phraphrhmehnchxbdwykdaeninkartamnn nangxhlyasunghlngihlinkhwamngamkhxngphraxinthrcungphidhwng aelalklxbrwmrkkbphraxinthrxyusmaesmx krathngkhrnghnungmhavisicbidkhahnngkhaekha cungsapihmixwywaephshyingphudkhunetmrangkayphraxinthr phraxinthrcungidchuxwa shsoyni txmamhavisiokhtmabrrethakhasapihxwywaephshyingklayepndwngtaesiy phraxinthrcungidchuxwa shsnyn xnaeplwa phumidwngtanbphnsasnaphuththinexksarthangphuththsasnaaelasasnaechn mkeriykphraxinthrodythwipinchuxthawskkahruxthawskra phupkkhrxngswrrkhchndawdungs thawskkanninbangkhrngmkthukeriykdwychux xinthra hruxinchuxthieriykkhanthwipxikchuxwa ethwanm xinthra xnhmaythung cxmethph hrux hwhnaaehngethphthnghlay phraxinthrepnethphphuphithksphraphuththsasna aelaepnphraosdabn inxditchati phraxinthr ekidepnmkhmanph ekhaaelashayxik 32 khn idrwmknthathanaelasrangsalathiphk srana aelaswnsatharna iwephuxsatharnpraoychn emuxtayip mkhmanphaelashay 32 khn idipekidepnethphbnswrrkhchndawdungs thawskkaethwrachdidphinsamsayephuxetuxnstiecachaysiththtthaihelikbaephythukrkiriyainphma ethwrupnatacaminthiphramhathatuecdiychewdakxng inphma thimikhwamechuxphunemuxngeruxngkhxngna sungmilksnakungphikungethpharks miknxyuhlayradbthnginradbthxngthinaelaradbchatihruxnahlwng thimixyuthnghmd 37 tn phraxinthridrbkarykihepnprathankhxngnahlwngthnghmd odymichuxeriykwa tacamin phma သ က မင xxkesiyng de d ʑa mɪ ɰ cakphasasnskvt ၐက sk r karthiphraxinthridklayepnprathankhxngnahlwngnnekidkhuninrchsmykhxngphraecaxonrthaaehngrachwngsphukaminkhriststwrrsthi 11 thinaexaphraphuththsasnaaebbethrwathcakxanackrsuthrrmwdikhxngchawmxymaephyaephrihaekchawphma odynamaphsmkbkhwamechuxeruxngnasungepnkhwamechuxphunemuxngthimakxnhnanisasnaechnsasnaechn phraxinthrepnthiruckinchux esathrremnthra Saudharmendra aelakhxyrbichphratirthngkr phuruaecnginthrrminsasnaechn xyuepnnic eruxngrawkhxngphraxinthrswnmakpraktodythwipineruxngrawthiekiywkhxngkbsasdamhawiraxangxing khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2008 04 24 subkhnemux 2008 04 15 rachbnthitysthan phcnanukrm chbbrachbnthitysthan ph s 2554 phimphkhrngthi 2 krungethph rachbnthitysthan 2556 1 544 hna ISBN 978 616 7073 80 4 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2015 09 23 subkhnemux 2008 04 15 praephnikhunekhaphnmrung bancxmyuthth subkhnemux 10 June 2014 Hymn XXX P 407 The Hymns of the Atharvaveda Masson Oursel and Morin 326 Rig Veda Rig Veda Book 3 HYMN XXX Indra khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2006 01 29 subkhnemux 2008 04 15 nangkalxcna lingkesiy thnt namaefng ethwaly krungethph ecriywithphrinting 2535 Ahalya The Concise Oxford Dictionary of World Religions John Bowker Ed Oxford University Press 2000 Dictionary of Hindu Lore and Legend by Anna Dhallapiccola khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2006 06 24 subkhnemux 2011 07 28 aehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb phraxinthr hnngsuxaelabthkhwam chatri prakitnnthkar 2552 emsayn khtiphraxinthrsmyrchkalthi 1 xudmkarnrth phuththsasna aelasthaptykrrm silpwthnthrrm 30 6 79 103 wrphr phuphngsphnthu 2565 thiphphawakhxngkstriyinsmyxyuthya kstriyinthanaphraxinthr in thkthxkhwamkhid mitraelasisymxbih winy phngssriephiyr brrnathikarody thirwt n pxmephchr xrphinth khasxn aelathisna wirekiyrtisunthr hna 142 162 nkhrpthm orngphimphmhawithyalysilpakr ewbisd eruxngthawskkacakxrrthkthathangphuththsasna inwikisxrs