สิชล เป็นอำเภอหนึ่งอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดนครศรีธรรมราช มีพื้นที่ 703.105 ตารางกิโลเมตร อยู่ห่างจากอำเภอเมืองนครศรีธรรมราชไปทางทิศเหนือตามแนวทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 401 ราว 61 กิโลเมตร ได้รับการจัดตั้งขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ ร.ศ. 116 เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2440
อำเภอสิชล | |
---|---|
การถอดเสียงอักษรโรมัน | |
• อักษรโรมัน | Amphoe Sichon |
คำขวัญ: สิชลเมืองโบราณ ถ้ำพิสดาร ธารสะอาด หาดหินงาม น้ำตกสวย รวยทรัพยากร | |
แผนที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เน้นอำเภอสิชล | |
พิกัด: 9°0′24″N 99°54′6″E / 9.00667°N 99.90167°E | |
ประเทศ | ไทย |
จังหวัด | นครศรีธรรมราช |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 703.1 ตร.กม. (271.5 ตร.ไมล์) |
ประชากร (2565) | |
• ทั้งหมด | 81,652 คน |
• ความหนาแน่น | 116.13 คน/ตร.กม. (300.8 คน/ตร.ไมล์) |
รหัสไปรษณีย์ | 80120, 80340 (เฉพาะตำบลเสาเภา ตำบลเทพราชและตำบลเปลี่ยน) |
รหัสภูมิศาสตร์ | 8014 |
ที่ตั้งที่ว่าการ | ที่ว่าการอำเภอสิชล หมู่ที่ 10 ถนนนครศรีธรรมราช-สุราษฎร์ธานี ตำบล ทุ่งปรัง อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช 80120 |
ส่วนหนึ่งของ |
ที่ตั้งและอาณาเขต
อำเภอสิชลตั้งอยู่ทางทิศเหนือของจังหวัด มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังต่อไปนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอขนอม
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับอ่าวไทย
- ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอท่าศาลาและอำเภอนบพิตำ
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอกาญจนดิษฐ์และอำเภอดอนสัก (จังหวัดสุราษฎร์ธานี)
นิรุกติศาสตร์
คำว่า สิชล มีความหมายว่า น้ำดี ตามที่ปรากฏในตำนานเมืองนครศรีธรรมราชดังกล่าว ทั้งยังปรากฏในพระราชพิธีตรุศ (ตรุษ) เมื่อรัชสมัยรัชกาลที่ 4 ว่า “สุชล” ในประกาศพระราชพิธีตรุษรัชกาลที่ 5 ว่า “สีชล” ซึ่งปรากฏชื่อสถานที่ใกล้เคียง คือ กระนพพิตำอลอง, กลายและขนอม ในประกาศพระราชพิธีสัมพัจฉรฉินท์รัชกาลที่ 6 เป็น “สีชล” เช่นเดียวกับในสมัยรัชกาลที่ 5 สรุปได้ว่าในสมัยอยุธยาเรียกว่า “ตระชน” ก็มี”ศรีชน”ก็มี การที่เปลี่ยนจาก “สุชล”เป็น “สิชล” มีคำบอกเล่ากระแสหนึ่งว่า เกิดขึ้นเมื่อครั้งพระรัตนธัชมุนี (ม่วง) เจ้าคณะมณฑลนครศรีธรรมราชไปตรวจราชการที่สุชลเห็นความสมบูรณ์ของน้ำและน้ำใสจืดสนิท จึงเปลี่ยนชื่อจาก “สุชล” เป็น “สิชล” เมื่อ ร.ศ.116 (พ.ศ. 2440) ซึ่งเป็นลักษณะพื้นที่ทั่วไปของเมืองนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะเขตอำเภอเมือง อำเภอท่าศาลา อำเภอสิชลและอำเภอขนอม จากข้อความในวรรณกรรมท้องถิ่นเรื่อง พระนิพพานโสตร หรือ (ฉบับกลอนสวด) ดังนี้
"เห็นดีที่ภูมิชัย
ราบเสมอไปในที่ฐาน"
"นัยน์ตาข้าพเจ้านี้
ตั้งบุรีเห็นได้การ
ห้วยหนองคลองชลธาร
เห็นวิตถารงามหนักหนา"
ทั้งจาก "กลอนกาพย์เรื่องเสด็จเมืองนครศรีธรรมราช" ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ได้กล่าวถึงเมืองนครศรีธรรมราชไว้ว่า
"อีกอย่างหนึ่งนั้น น้ำใช้น้ำฉัน
เหมือนน้ำธารเขา ใสเย็นดีนัก
ไม่เหมือนบ้านเรา บ่อน้ำของเขา
ไม่เปื้อนโคลนเลน"
"กินน้ำใสสะอาด คนจึงฉลาด
ไม่โง่ถมเถร ว่องไวไหวพริบ
งานการจัดเจน ทำใดไม่เถร
การช่างงามตา"
ประวัติศาสตร์
ยุคหินกลาง (10,000 - 4,000 ปี)
การตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์มีความสัมพันธ์โดยตรงกับสภาพทางภูมิประเทศของพื้นที่อำเภอสิชล ซึ่งเป็นพื้นที่ราบชายฝั่งตะวันออกและมีภูเขาทางทิศตะวันตก จึงอยู่ในเส้นทางของกระแสวัฒนธรรมการอพยพเคลื่อนย้ายของกลุ่มคนและใช้พื้นที่เป็นที่อยู่อาศัย โดยจากการสำรวจขุดค้นได้พบหลักฐานสมัยแรกๆ เกี่ยวกับการตั้งถิ่นฐานของชุมชนโบราณในป่าเขาก่อนพื้นที่ราบชายฝั่งทะเล เช่น อำเภอช้างกลาง และ ถ้ำเขาหลักอำเภอสิชล
ถ้ำเขาหลัก
ถ้ำเขาหลัก ตั้งอยู่บ้านเขาหลัก อำเภอสิชล โดยมีการค้นพบหลักฐานทางโบราณคดีที่บ่งชี้ถึงการดำรงชีพของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ในพื้นที่ อาทิเช่น เครื่องมือหินกะเทาะสองหน้า ลักษณะเป็นขวานสั้นมีรอยกะเทาะหยาบๆ ทำจากหินจำนวน 1 ชิ้น, ชิ้นส่วนครกดินเผ่า, หม้อก้นกลม 1 ชิ้น, หม้อก้นแบน 3 ชิ้นและกระดูกสัตว์ประเภทลิง 2 ชิ้น ทำให้สามารถสันนิษฐานได้ว่า ถ้ำแห่งนี้มีมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์อยู่อาศัยหรือทำกิจกรรมบางอย่าง แต่ไม่สามารถกำหนดอายุได้ชัดเจน เนื่องจากเป็นการพบบนผิวดิน ซึ่งพื้นที่ภายในถ้ำส่วนใหญ่ถูกขุดทำลาย
ยุคหินใหม่ (4,000 - 2,000 ปี)
มีการค้นพบโบราณวัตถุอาทิเช่น ขวานหินขัดและภาชนะดินเผาประเภทหม้อสามขา ซึ่งส่วนใหญ่มักพบบริเวณถ้ำหรือเพิงผา อาทิบริเวณถ้ำเขาพรง ตำบลทุ่งปรัง, พื้นที่ราบเชิงเขาคา, พื้นที่ราบบริเวณเชิงเขาตลอดแนวตำบลเปลี่ยน ตำบลเทพราช ตำบลฉลองและตำบลเขาน้อย ซึ่งมีการค้นพบขวานหินขัดรูปสี่เหลี่ยมคางหมู และบริเวณบ้านสำนักเนียน ตำบลเขาน้อย ที่มีการค้นพบหินทุบรูปทรงกลมด้านหนึ่งโค้งมน ด้านหนึ่งตัดเสมอพื้นแต่งเป็นลายข้าวหลามตัด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการกระจายตัวของชุนโบราณที่ส่วนใหญ่ยังอาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่ป่าเขาตอนใน ซึ่งมีแหล่งอาหารอุดมสมบูรณ์กว่า
ยุคโลหะ (2,000 - 1,500 ปี)
ชุมชนโบราณในยุคหินใหม่ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องจนถึงราวพุทธศตวรรษที่ 5 - 6 เป็นช่วงที่ได้รับเอาอารยธรรมสมัยประวัติศาสตร์จากดินแดนภายนอกทั้งจีน เวียดนาม อินเดียและอาหรับ เข้าสู่ชุมชนทำให้ชุมชนพื้นเมืองเดิมเปลี่ยนแปลงไปสู่ลักษณะของชุมชนใหม่ พบเครื่องมือเครื่องใช้ที่เป็นโลหะ ในส่วนของการตั้งถิ่นฐานก็มีการรวมกลุ่มเป็นชุมชนขนาดใหญ่ มีการจัดระเบียบชุมชนแตกต่างจากเดิม
หลักฐานทางโบราณคดีที่สำคัญแสดงให้เห็นถึงการรับเอาวัฒนธรรมและความเจริญรุ่งเรืองของอารยธรรมในอดีต เช่น การขุดค้นพบชิ้นส่วนของกลองมโหระทึกในพื้นที่ของอำเภอสิชลและจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยบริเวณที่พบอันได้แก่ บริเวณแหล่งโบราณคดีบ้านเกียกกาย อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช, แหล่งโบราณคดีบ้านคุดด้วง อำเภอฉวางและแหล่งโบราณคดีบ้านเขายวนเฒ่า อำเภอสิชล โดยชิ้นส่วนของกลองมโหระทึกที่พบในบริเวณแหล่งโบราณคดีบ้านเขายวนเฒ่า เป็นชิ้นส่วนของหน้ากลอง มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราว 52 เซนติเมตร ตรงกลางมีลวดลายเป็นดวงอาทิตย์สาดแสงสิบแฉก หน้ากลองเป็นรูปนกปากและหางยาว 4 ตัว กำหนดอายุได้ราว 2,000 - 1,500 ปี โดยคาดว่าผลิตขึ้นเมื่อราว พ.ศ. 200 - 300
สมัยประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์ยุคเริ่มแรก
สิชลเป็นส่วนหนึ่งของภาคใต้ได้พัฒนาเข้าสู่สมัยประวัติศาสตร์ราวพุทธศตวรรษที่ 5 - 6 หรือประมาณ 2,000 ปีมาแล้ว ซึ่งเป็นช่วงคาบเกี่ยวระหว่างยุคโลหะและยุคประวัติศาสตร์ ความเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมในช่วงนี้ได้รับมาจากดินแดนอื่น เทคโนโลยีก้าวหน้ากว่าในลักษณะเมืองท่าทางการค้า ส่วนใหญ่เป็นชุมชนบนสันทรายริมเส้นทางสายน้ำที่มีทางออกสู่ทะเล โดยมีแหล่งโบราณคดีที่สำคัญในทางประวัติศาสตร์ของอำเภอสิชล ได้แก่
- แหล่งโบราณคดีบ้านเขายวนเฒ่า ตำบลเทพราช มีการค้นพบกลองมโหระทึกและโบราณวัตถุอื่นๆ ในบริเวณนี้
- แหล่งโบราณคดีสระสี่มุม ตำบลสิชล มีการค้นพบสำริดจีน
- แหล่งโบราณคดีจอมทอง ตำบลสิชล มีการค้นพบพระพุทธรูปที่มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 10 - 11
- แหล่งโบราณคดีบ้านสระกูด ตำบลฉลอง พบศิวลึงค์และฐานโยนี
ประวัติศาสตร์ยุคต้น (อาณาจักรตามพรลิงก์)
พื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ถือเป็นการเข้าสู่สมัยประวัติศาสตร์แท้จริงในพุทธศตวรรษที่ 12 โดยพบจารึกอักษรอินเดียโบราณหลายหลักในพื้นที่จังหวัด เช่น ศิลาจารึกหุบเขาช่องคอย อำเภอจุฬาภรณ์, ศิลาจารึกวัดมเหยงคณ์ อำเภอเมือง ศิลาจารึกวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อำเภอเมือง และสิชลก็ได้ถือยุคเดียวกันตามลักษณะของพื้นที่ร่วมวัฒนธรรม
กลุ่มชุมชนผู้นับถือศาสนาพราหมณ์ (พุทธศตวรรษที่ 11 - 16)
หลักฐานที่แสดงถึงชุมชนโบราณสมัยประวัติศาสตร์ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 12 ต่อเนื่องมาถึงพุทธศตวรรษที่ 18 สิชลเป็นพื้นที่ที่มีหลักฐานการตั้งถิ่นฐานจำนวนมากที่สุดในจังหวัดนครศรีธรรมราช ครอบคลุมตามแนวสันทรายใน โดยเฉพาะแนวสายน้ำที่ไหลมาจากภูเขาด้านตะวันตกผ่านสันทรายไปออกทะเลอ่าวไทยที่สำคัญ เช่น
1. กลุ่มชุมชนโบราณคลองท่าเรือรี ได้แก่ แหล่งโบราณคดีในแนวเส้นทางคลองท่าเรือรี เช่น ชุมชนบ้านจอมทอง บ้านเขาเหล็กและวัดนาขอม เป็นต้น
2. กลุ่มชุมชนโบราณของท่าควาย ได้แก่ แหล่งโบราณคดีในแนวเส้นทางคลองท่าควาย เช่น บ้านท่าควาย บ้านไสสับ และบ้านตีน เป็นต้น
3. กลุ่มชุมชนโบราณคลองท่าเชี่ยว ได้แก่ แหล่งโบราณคดีในแนวเส้นทางคลองท่าเชี่ยว เช่น วัดเบิก บ้านนาหันและบ้านหัวทอน เป็นต้น
4. กลุ่มชุมชนโบราณคลองท่าทน ได้แก่ แหล่งโบราณคดีในแนวเส้นทางคลองท่าทน เช่น เขาคา บ้านต่อเรือและบ้านพังกำ เป็นต้น
5. กลุ่มชุมชนโบราณคลองท่าหิน ได้แก่ แหล่งโบราณคดีในแนวเส้นทางคลองท่าหิน เช่น บ้านสีสา บ้านวังปรางและบ้านเขาทราย เป็นต้น
กลุ่มชุมชนโบราณตามสายน้ำทั้ง 5 กลุ่มนี้แสดงหลักฐานการตั้งถิ่นฐานของชุมชนสมัยประวัติศาสตร์ช่วงต้นมีโบราณวัตถุที่แสดงถึงการรับวัฒนธรรมมาจากอินเดีย มีศาสนสถานประจำชุมชนซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นศาสนาพราหมณ์ ทั้งลัทธิไศวนิกายและไวษณพนิกาย โดยเฉพาะเขาคา ถือว่าเป็นศูนย์กลางของลัทธิไศวนิกาย นักวิชาการได้ถือว่าเขาคาเป็นศูนย์กลางของไศวมณฑล ส่วนลัทธิไวษณพนิกายก็พบทั่วไป โดยเฉพาะแหล่งโบราณคดีวัดจอมทองและแหล่งโบราณคดีบ้านพังกำ
กลุ่มชุมชนผู้นับถือศาสนาพุทธ (พุทธศตวรรษที่ 12 - 18)
นอกจากแหล่งโบราณคดีในศาสนาพราหมณ์แล้ว ในสมัยนี้ยังพบแหล่งโบราณคดีในศาสนาพุทธหลายแห่งที่สำคัญ คือ แหล่งโบราณคดีวัดจอมทอง วัดนาขอมและวัดเขาพนมไตย เป็นต้น หลักฐานที่สำคัญ เช่น เศียรพระพุทธรูปที่มีอายุในพุทธศตวรรษที่ 12 - 13 พระพุทธรูปที่วัดจอมทองที่มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 12
ประวัติศาสตร์ยุคกลาง (รัฐนครศรีธรรมราช)
ช่วงพุทธศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมาเป็นช่วงที่นครศรีธรรมราชมีความเจริญรุ่งเรืองสูงสุดภายใต้การปกครองของราชวงศ์ศรีธรรมโศกราช พื้นที่เป็นศูนย์กลางการค้าอันสำคัญของคาบสมุทรไทย เป็นจุดพักถ่ายซื้อขายสินค้าระหว่างตะวันออกกับตะวันตกและเป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนาในภาคใต้ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุบนหาดทรายแก้ว ความศรัทธาและความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นปัจจัยชักนำให้ผู้คนเดินทางมาจากทั่วทิศเข้ามาตั้งถิ่นฐานอย่างหนาแน่น ราชวงศ์ศรีธรรมโศกราชสามารถจัดการปกครองหัวเมืองรายรอบ 12 เมืองเรียกว่า เมืองสิบสองนักษัตร พื้นที่อำเภอสิชลซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเมืองนครศรีธรรมราชอยู่ในแนวชายทะเลที่ใกล้กัน อิทธิพลของศาสนาพุทธจึงแพร่กระจายมาเต็มพื้นที่ ปรากฏหลักฐานทั้งแนวสันทรายในและสันทรายกลางจำนวนมาก ปัจจุบันเป็นวัดร้างและวัดที่ตั้งใหม่บนพื้นที่วัดร้าง เช่น วัดจอมทอง วัดเจ้าหยุย (ร้าง) วัดขอยเตี้ย (ร้าง) วัดเขาพนมไตย วัดนาขอม (ร้าง) วัดถ้ำเทียนถวาย วัดเขาเกียด (ร้าง) วัดเขาพรง (ร้าง) วัดเขาน้อย วัดเบิก วัดพระโอน (ร้าง) วัดปากด่านและวัดนาแล เป็นต้น
สิชลยุคเมืองนครดอนพระ
มีข้อความปรากฏในตำนานเมืองนครศรีธรรมราช สรุปได้ดังนี้
พระพนมวังพระราชโอรสของพระพนมทะเลศรี ผู้ครองเมืองเพชรบุรี ได้อภิเษกสมรสกับนางสะเดียงทอง ราชธิดาของกษัตริย์เมืองตรัยตรึง เมื่อประมาณพ.ศ. 1820 พระพนมทะเลศรีได้รับสั่งให้พระพนมวังกับนางสะเดียงทองออกมาพัฒนาเมืองนครดอนพระหรือนครศรีธรรมราช ความว่า
"ให้อยู่จงขาดมิให้โยกย้ายไปที่อื่น ให้ทำการหักป่าเป็นนา สร้างบ้านให้เป็นชุมนุมชน สร้างชุมนุมชนให้เป็นเมือง ขยายเขตตัวเมืองให้กว้างขวางออกไป เนื่องจากเกิดไข้ห่ายมบนลงทั้งเมืองนครดอนพระ ผู้คนล้มตายและทิ้งร้างเมืองให้เป็นป่ารังโรมอยู่ถึงนาน วัดวาอารามชำรุด ทรุดโทรมลงสิ้น"
เมื่อขบวนล่วงแดนไชยาเข้าเขตเมืองนครดอนพระ พระพนมวังก็ให้หยุดตั้งวังขึ้นที่บ้านจงสระหรือบ้านกงตาก อำเภอกาญจนดิษฐ์ ยังไม่เข้าตัวเมืองนครดอนพระเพราะขณะนั้นเป็นป่าร้างรังโรม ได้เบิกที่ป่าเป็นนา เช่น นาทุ่งเขน นาท่าทอง นาไชยคราม นากะนอม นาสะเพียง นาตระชน นากลางและนาอลอง พระพนมวังและนางสะเดียงทอง มีบุตรธิดา 3 คน คือ เจ้าศรีราชา เจ้าสนตราและเจ้ากุมาร เจ้าศรีราชาอยู่ตำบลถุหมดท่าทอง สร้างนาทุ่งเอน เจ้าสนตราแต่งกับไสอินทราชา ตั้งบ้านแถบทะเลตระนอม สร้างนาศรีชล สร้างนาสะเพียง นากระนอมและเมืองอลอง จากตำนานเมืองนครศรีธรรมราชแสดงให้เห็นว่า ราชวงศ์ศรีธรรมโศกราชปกครองเมืองนครศรีธรรมราชตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 เมื่อได้ 100 กว่าปีเกิดไข้ยมบน หรือ ไข้ห่า คนล้มตายมากมาย ที่เหลือก็หนีไปในป่าในเขา เหตุการณ์มาถึงสมัยต้นอยุธยา พระเจ้าอู่ทองได้มอบหมายให้เจ้าเมืองเพชรบุรีมาฟื้นเมืองนครศรีธรรมราช โดยเริ่มจากล่วงแดนไชยามาถึงอำเภอสิชล อำเภอขนอมในปัจจุบัน ปรากฏชื่อ เช่น ทะเลตระนอม (ทะเลขนอม) นากะนอม (นาขนอม) นาตระชน (นาสิชล) นากลาง เมืองอลอง (ฉลอง)
ยุทธภูมิสมัยพระเพทราชา พ.ศ 2235
เมืองนครศรีธรรมราชเป็นกบฏต่อกรุงศรีอยุธยา เมื่อมีรับสั่งให้พระยารามเดโช เจ้าเมืองนครศรีธรรมราชเข้าเฝ้าเพื่อแสดงความจงรักภักดี แต่พระยารามเดโชมิได้ปฏิบัติตามพระราชประสงค์กลับกระทำการกระด้างกระเดื่องแข็งเมืองอยู่ โดยอ้างเหตุผลที่ปรากฏในพระราชพงศาวดารว่า
"ใช่ว่าตัวเราจะเป็นกบฏต่อแผ่นดินหามิได้ เหตุว่าเราคิดกตัญญูในพระเจ้าอยู่หัวของเรา (หมายถึงสมเด็จพระนารายณ์มหาราช) ซึ่งเสด็จสวรรคตนั้นจึงมิได้เข้าไปอ่อนน้อมยอมตัวเป็นข้าผู้ประทุษร้ายแผ่นดิน"
ดังนั้น พระเพทราชาจึงสั่งให้พระยาสุรสงครามเป็นแม่ทัพหลวง พระสุรเสนาเป็นยกกระบัตร พระยาราชบุรีเป็นทัพหลัง พระยาราชวังสันเป็นนายกองเรือยกไประดมตีเอาเมืองนครศรีธรรมราช ใช้เวลาเกือบ 3 ปี จึงตีเมืองนครศรีธรรมราชได้ พื้นที่สมรภูมิตั้งค่ายรับของนครศรีธรรมราชทางบก เป็นบริเวณตอนเหนือของอำเภอสิชลตั้งแต่ปากน้ำสิชล บ้านนากลาง บ้านสระสี่มุมถึงบ้านทุ่งหัวนา ค่ายใหญ่อยู่บ้านเขาหัวช้าง สงครามครั้งนี้เป็นเหตุให้วัดวาอารามต่างๆ ร้างไปตลอดพื้นที่ ปัจจุบันพบหลักฐานการทำนาที่บ้านทุ่งหัวนา ปืนตั้งแท่นยิงที่วัดสระสี่มุม ส่วนทางทะเลก็เกิดยุทธภูมิตามค่ายต่างๆ ในพื้นที่สิชลรบที่บริเวณปากน้ำท่าหมาก ตำบลเสาเภา ก่อนที่จะเกิดยุทธนาวีอ่าวนคร สงครามครั้งนี้ถือได้ว่าสิชลเป็นสมรภูมิที่รุนแรงและใช้เวลานานที่สุด
ยุทธภูมิสมัยพระเจ้าตากสินมหาราช พ.ศ 2312
หลังจากกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าเมื่อปี พ.ศ 2310 เมืองนครศรีธรรมราชโดยปลัดหนูได้ตั้งตนเป็นเจ้านคร เรียกว่า ชุมนุมเจ้านคร สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีเมื่อได้สถาปนาตนเป็นพระมหากษัตริย์ครองกรุงธนบุรี ได้ปราบชุมนุมต่างๆ ล่วงถึงปี พ.ศ 2312 ได้โปรดให้เจ้าพระยาจักรี (หมุด) เป็นแม่ทัพ มีพระยาอภัยรณฤทธิ์ (รัชกาลที่ 1) พระยายมราช (กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท) พระยาศรีพิพัฒน์เป็นแม่ทัพใหญ่ยกมาตีเมืองชุมพร เมืองไชยา เจ้าเมืองทั้งสองเห็นว่าพม่ายกมามากไม่สามารถจะสู้รบได้ จึงเทครัวเข้าป่าทิ้งเมืองเสีย พม่าก็เอาไฟเผาบ้านเมืองเสียทั้ง 2 เมืองแล้วยกมาตีนครศรีธรรมราช ขณะนั้นเจ้าพระยานครพัฒน์ แต่งทัพไปขัดตาทัพพม่าที่ท่าต่อแดน เมืองไชยา แต่พม่าได้คิดอุบายให้ชาวเมืองไชยาไปลวงว่ากรุงบางกอกเสียแก่พม่าแล้ว เมื่อความทราบถึงพระยานครเข้าใจว่าจริง จึงทิ้งเมืองเสียหนีไปอยู่นอกเขา แขวงอำเภอฉวาง พม่าจึงได้เมืองนครศรีธรรมราชและรวบรวมกองทัพไปตีเมืองพัทลุงและสงขลาต่อไป เหตุการณ์ครั้งนี้ชาวบ้านในอำเภอสิชลซึ่งเป็นทางผ่านของกองทัพพม่า ส่วนใหญ่ได้หนีไปซ่อนในป่าในเขามีหน่วยย่อยๆ สู้พม่ากองกำลังเล็กๆ บ้างแต่กำลังน้อยและเป็นชาวบ้านจึงพ่ายแพ้ในที่สุด
เมืองอลอง
เมืองอลองปรากฏชื่อครั้งแรกขึ้นเมื่อพุทธศตวรรษที่ 19 สมัยพระพนมวังและนางสะเดียงทองและปรากฏหลักฐานอีกครั้งในแผนที่ราชอาณาจักรสยาม จัดทำโดยบาทหลวงโคโลเนลลิ พ.ศ. 2230 ทำเนียบข้าราชการเมืองที่จัดทำสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พระหลวงกรมการเมืองขาดมิครบตามตำแหน่ง จึงให้ทรงชำระใหม่ใน พ.ศ. 2354 ประกอบด้วย 10 เมือง 14 อำเภอ 26 ตำบล พร้อมแขวงและด่าน ในส่วนของพื้นที่อำเภอสิชลได้กล่าวถึงเมืองอลอง 1 ใน 10 ของเมืองในเมืองนครศรีธรรมราชและปรากฏชื่อสิชลและด่านท่าหมากด้วย ส่วนร่อนเขาใหญ่ยังไม่สามารถกำหนดได้ชัดเจนดังข้อความในทำเนียบข้าราชการเมืองนครศรีธรรมราชครั้งสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ว่า
"ศุภมัสดุ ๑๑๗๓ (๒๓๕๔) อนึ่งพระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นศักดิ์พลเสพย์ กราบทูลพระกรุณาว่า พระหลวงกรมการเมืองนครขาดมิครบตามตำแหน่ง และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดแจงขึ้นให้ครบตามตำแหน่ง ๕ ณ วัน ๒ ฯ ๑๒ ค่ำ (วันจันทร์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๑๕ ค่ำ) ปีมะแมตรีศก พระหลวงกรมการพร้อมกันให้หลวงเทพเสนาผู้ว่าที่จ่าหลวงแพ่งนอกหลวงแพ่งใน กรมการคนเก่าเชิญพระอัยการตำแหน่งนายทหารหัวเมืองทรงชำระใหม่ ขุนทิพย์มณเฑียรเชิญพระอัยการในพระบรมโกศ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ไว้สำหรับเมืองกับสมุด ตำแหน่งพระหลวงกรมการเมืองนคร ครั้งพระยาสุโขทัยออกมาเป็นเจ้าพระยานครดูแลในพระอัยการนั้น มีแต่กรมการผู้ใหญ่สมุดตำแหน่งครั้งพระยาสุโขทัยเป็นเจ้าพระยานครนั้น มีกรมการขุนหมื่นผู้น้อยอยู่ด้วย จึงเอาบรรจบคัดขึ้นเป็นจำนวนกรมการเมืองนครศรีธรรมราชตามตำแหน่งแต่ก่อน ดังนี้ เมืองภักดีสงคราม เมืองอลอง ถือศักดินา ๑,๐๐๐ ฝ่ายซ้ายถือตรารูปเลียงผามีช้างพลาย ๑ จำลอง ๑ ธงทวน ๑ นวม ๓ หมวก ๓ แหลน ๒๐ ปืนนกสับหลังช้าง ๑ กระบอกปืนกระสุนนิ้วกึ่งบรรดาศักดิ์ ๑ กระบอกปืนนกสับ ๔ กระบอกหอกแขน ๑๐ ทวนท้าว ๑๐ เข้าอยู่รักษาอลองได้เรียกส่วยอากรในที่ได้รับพระราชทานค่าคำนับฤชาภาษีส่วย ขุนอินทรพิชัย ช่วยราชการที่อลอง ถือศักดินา ๔๐๐ หมื่นคชบุรีสมุห์บาญชี ถือศักดินา ๒๐๐ ที่วัดถ้ำตีมัน ๑ วัดเบิก ๑ วัดกลาง ๑ วัดถ้ำเทียนถวาย ๑ เป็นเลณฑุบาตในที่อลอง สิริขุนหมื่นในที่อลอง เมือง ๑ ขุน ๒ หมื่น ๒ รวม ๕ คน"
สิชล (ตำบล)
ขุนชะนะคีรี นายที่สิชล ถือศักดินา ๔๐๐ ฝ่ายซ้าย หมื่นชัย รองที่สิชล ถือศักดินา ๓๐๐ หมื่นสมุดคิรี สมุห์บาญชี ถือศักดินา ๒๐๐ สิริคุณหมื่นที่สิชลขุน ๑ หมื่น ๒ รวม ๓ คน
ร่อนเขาใหญ่ (ข้อมูลพื้นที่ยังไม่ชัดเจน)
ขุนไชยภักดี นายที่ร่อนเขาใหญ่ ถือศักดินา ๔๐๐ หมื่นวิจิตบุรี รองที่ร่อนเขาใหญ่ ถือศักดินา ๓๐๐ หมื่นวิจิตบุรี สมุห์บาญชีถือศักดินา ๒๐๐ หมื่นสิทธบุรี สมุห์บาญชี ถือศักดินา ๒๐๐ สิริขุนหมื่นที่ร่อนเขาใหญ่ขุน ๑ หมื่น ๓ รวม ๔ คน
ด่านท่าหมาก
หมื่นชะนะ นายด่านท่าหมาก ถือศักดินา ๓๐๐ (ฝ่ายซ้าย) หมื่นเต็ม ปลัดด่านท่าหมากถือศักดินา ๒๐๐ พันชุม สารวัตร ถือศักดินา ๒๐๐
ที่ว่าการอำเภอสิชล
เมื่อเกิดการปฏิรูปการปกครองในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หัวเมืองต่างๆ ได้ถูกจัดเป็นแบบมณฑลเทศาภิบาล ร.ศ 115 (พ.ศ 2439) ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้งมณฑลนครศรีธรรมราช โดยมีพระยาสุขุมนัยวินิต (ปั้น สุขุม) เป็นข้าหลวงเทศาภิบาลและได้ดำเนินการให้เป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการปกครองท้องที่ ร.ศ. 116 (พ.ศ 2440) จึงจัดตั้งอำเภอขึ้น 9 อำเภอ รวมถึงอำเภอสิชลด้วยและแต่งตั้งหลวงอนุสรสิทธิการ (บัว ณ นคร) เป็นนายอำเภอคนแรก
เมื่อหลวงอนุสรสิทธิกรรมมารับตำแหน่งได้ตั้งอำเภอขึ้นที่บ้านปากแพรก ปัจจุบันคือบริเวณศาลเจ้าม่วงทอง ปรากฏหลักฐานจากผู้สูงอายุและบันทึกจดหมายระยะทางไปตรวจราชการแหลมมลายู ร.ศ. ๑๒๑ (พ.ศ 2445) พระนิพนธ์โดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์จนถึงสมัยหลวงมหานุภาพปราบสงครามประมาณ พ.ศ 2470 ได้ย้ายไปบ้านบางฉางที่ว่าการอำเภอสิชลเก่าปัจจุบันคือที่ทำการเทศบาลตำบลสิชลจนถึงพ.ศ 2532 ได้ย้ายไปตั้งบ้านจอมพิบูลย์ ตำบลทุ่งปรัง เป็นที่ว่าการอำเภอสิชลจนถึงปัจจุบัน
ยุคสงครามเย็น (พ.ศ. 2517 - 2518)
หน่วยปฏิบัติงานมวลชนหน่วยแรกของพรรคคอมมิวนิสต์ที่มาเคลื่อนไหวในเขตอำเภอสิชล ไม่ปรากฏหลักฐานว่าเป็นใคร แต่เข้ามาในราว พ.ศ 2517 ถึง 2518 และมาในเงื่อนไขที่คนในอำเภอสิชลไปบุกเบิกที่ทำมาหากินแถวบ้านม่วงลีบ บ้านปากงาย ตำบลคลองสระ บ้านกรุงตก บ้านกงช้าง ตำบลช้างซ้าย อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งอยู่ใกล้กับที่ตั้งของค่าย 511 มากที่สุด โดยค่าย 511 จะรับผิดชอบเขตพื้นที่อำเภอดอนสัก อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี อำเภอท่าศาลา กิ่งอำเภอนบพิตำ ตำบลกรุงชิง จังหวัดนครศรีธรรมราช
ผู้ปฏิบัติงานชุดแรกได้อำพรางตัวในคราบของชาวบ้านมาพร้อมกับชาวสิชลที่กลับมาเยี่ยมญาติมิตรในภูมิลำเนาเดิมหน่วยละ 2 - 3 คน แถวบ้านยาน ตำบลเขาน้อย บ้านเขาเกียด ตำบลทุ่งปรัง ผู้ปฏิบัติงานส่วนใหญ่ที่ถูกส่งมาเป็นคนมาจากอำเภอบ้านนาสารและอำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี กลุ่มนี้สังกัดค่าย 511 ทั้งหมด ส่วนทางด้านตำบลสี่ขีดมาในเงื่อนไขของชาวปากพนังที่ย้ายถิ่นฐานมาอยู่แถวบ้านช่องเขาหมาก บ้านน้ำร้อนและผู้ปฏิบัติงานของพรรคที่เข้ามาเคลื่อนไหวก็เป็นคนถิ่นเดิมปากพนังด้วย
การปฏิบัติงานในช่วงนี้ได้มีการเปิดเผยตัวภารกิจในเบื้องต้น ซึ่งจะมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการวางรากฐานในการขยายงานในอนาคต คือ การสำรวจสภาพของหมู่บ้านไม่ว่าจะเป็นด้านชีวิต ความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ความสัมพันธ์ของคนในชุมชน ความขัดแย้งในหมู่บ้าน ความเข้มแข็งหรืออ่อนแอของกลไกรัฐในที่ตั้งของกำลังเจ้าหน้าที่ ความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานของรัฐกับประชาชนและทัศนคติของชาวบ้านที่มีต่อเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ภารกิจที่ได้รับมอบหมายนี้ต้องเสร็จสิ้นตามวันเวลาที่กำหนด ซึ่งจะมีเวลาไม่มากนักและกลับไปรายงานให้หน่วยเหนือรับทราบ เพื่อจะได้กำหนดเป็นโครงการการทำงานอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
โดยปฏิบัติการทางทหารที่สำคัญ อันได้แก่ การปิดล้อมหมู่บ้านในตำบลสี่ขีดโดยกำลังติดอาวุธของพรรคคอมมิวนิสต์ประมาณ 70 - 80 คน เข้าปิดล้อมหมู่บ้านตั้งแต่กลางคืน แต่เนื่องจากหมู่บ้านเป็นหมู่บ้านเปิดมีเส้นทางเข้าออกหลายเส้นทางจึงทำให้ข่าวการเคลื่อนไหวรั่วไหลกำลังของฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็มาถึงที่เกิดเหตุโดยใช้รถยนต์หลายคันและยิงต่อสู้กับหน่วยเฝ้าเส้นทางในช่วงบ่ายขณะจะเริ่มสลายตัวแล้ว เหตุการณ์นี้ยังไม่ปรากฏความเสียหายของทั้งสองฝ่าย และการปฏิบัติการทางทหารที่เกิดขึ้นในอำเภอสิชลคือวันที่ 29 มิถุนายนพุทธศักราช 2521 เวลาประมาณ 1:00 น กองกำลังติดอาวุธของพรรคคอมมิวนิสต์หรือทหารปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทยประมาณ 120 คนได้เครื่องกำลังเข้าโจมตีสถานีตำรวจภูธรอำเภอสิชลและยึดสถานีตำรวจพร้อมบ้านพักตำรวจและที่ว่าการอำเภอสิชลไว้ในเวลารวดเร็วเหตุการณ์นี้ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 3 - 4 นายฝ่ายคอมมิวนิสต์ไม่ปรากฏมีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ประวัติโดยสังเขป
- วันที่ 14 เมษายน 2472 เปลี่ยนแปลงเขตจังหวัดนครศรีธรรมราช และ จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยโอนพื้นที่ตำบลไชยคราม และตำบลดอนสัก จากอำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปขึ้นกับอำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
- วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2481 แยกพื้นที่ตำบลขนอม และตำบลท้องเนียน จากอำเภอสิชล ไปตั้งเป็น กิ่งอำเภอขนอม และกำหนดให้ขึ้นการปกครองกับอำเภอสิชล
- วันที่ 10 มิถุนายน 2490 ตั้งตำบลทุ่งปรัง แยกออกจากตำบลสิชล และตำบลฉลอง ตั้งตำบลเปลี่ยน แยกออกจากตำบลเสาเภา และตำบลฉลอง
- วันที่ 30 พฤษภาคม 2499 จัดตั้งสุขาภิบาลสิชล ในท้องที่หมู่ที่ 1,3 (ในขณะนั้น) ของตำบลสิชล
- วันที่ 15 มกราคม 2500 ย้ายที่ว่าการกิ่งอำเภอขนอม อำเภอสิชล จากตำบลท้องเนียน ไปตั้งที่ตำบลขนอม
- วันที่ 26 มกราคม 2500 จัดตั้งสุขาภิบาลขนอม ในท้องที่บางส่วนของตำบลขนอม
- วันที่ 10 มกราคม 2502 ยกฐานะจากกิ่งอำเภอขนอม อำเภอสิชล เป็น อำเภอขนอม
- วันที่ 16 กันยายน 2523 ตั้งตำบลสี่ขีด แยกออกจากตำบลสิชล
- วันที่ 7 กรกฎาคม 2524 ตั้งตำบลเทพราช แยกออกจากตำบลเสาเภา
- วันที่ 15 กันยายน 2532 ตั้งตำบลเขาน้อย แยกออกจากตำบลฉลอง
- วันที่ 14 พฤศจิกายน 2538 ตั้งตำบลทุ่งใส แยกออกจากตำบลสิชล
- วันที่ 25 พฤษภาคม 2542 ยกฐานะจากสุขาภิบาลสิชล เป็นเทศบาลตำบลสิชล ด้วยผลของกฎหมาย
- วันที่ 6 เมษายน 2555 จัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งใส ขึ้นเป็น เทศบาลตำบลทุ่งใส
ต้นตระกูลและนามสกุลของสิชล
- ขุนอินทรพิชัย (ฤกษ์) ต้นตระกูลวิชิตานุรักษ์
- ขุนชำนาญแก้ว ต้นตระกูลแก้วผ่อง, แก้วผอม
- ขุนทิพย์พิมล, นางกลับ, นางพลอย ต้นตระกูลทิพย์มนตรี
- หลวงชุมนุม, นางไร, หมื่นสมวรรณราชและหม่อมเขาใหญ่ ต้นตระกูลสมเขาใหญ่
- หมื่นคชบุรี ต้นตระกูลคชเสนา
- หลวงชุมนุม, นางทองเหนี่ยว, นางเมืองและนางเอียด ต้นตระกูลแสนภักดี
- หมื่นแสน นางทอง ต้นตระกูลแสนทอง
- หมื่นศรี นางส้ม ต้นตระกูลขาวเอียด
- หมื่นพูนเพียรจัด (เกิด ขาวเอียด) นางสุข ต้นตระกูลเพียรจัด
- หมื่นชะนะ นางคุ้ม ต้นตระกูลชนะคุ้ม
- ผู้ใหญ่ลบ ต้นตระกูลฉลาดแฉลม
- ขุนทรักษา ต้นตระกูลเกลี้ยงขำ
- นางเกลา นางพร้อย เกลี้ยงขำ ต้นตระกูลสุนทรมัฏฐ์
- นายขาว นางจีน เกลี้ยงขำ ต้นตระกูลสุวรรณ
- นายเรือง นางหิ้ม เกลี้ยงขำ ต้นตระกูลสัตยานุมัฏฐ์
- นายยกเลื่อน ต้นตระกูลเม่งห้อง
- นายแก้ว นางหนูนา ต้นตระกูลอินทร์ชู
- ก๋งหย่องฮ้อง ต้นตระกูลด่านวิทยากุล, ด่านสมพงศ์
- นายแป้น นางเอี่ยม นายแก้ว นายด้วง นางชุม นางทองกลิน นางทองนุ่น ต้นตระกูลศรีเมือง
- นางจีบ นางจันทร์ นางอ้น นายไข่ นางปล้อง นายตุด ต้นตระกูลปลอดแก้ว
- นางแซม นายแดง นางเข่ง นางหีด นางสร้อย นายกลด นายเกลือน นางร่ม นางกรีด ต้นตระกูลจิตมังกร
- หมื่นประสิทธิ์คีรี ต้นตระกูลเกษรสิทธิ์
- ขุนรักษ์บริบูรณ์ ต้นตระกูลบริบูรณ์
- ขุนอินทร์พิชัยฤกษ์ ต้นตระกูลพิชัยฤกษ์, ชัยฤกษ์, ไชยฤกษ์
- หมื่นเพชรชูภิรมย์ ต้นตระกูลเพชรชู
- หมื่นศรี นางสุข ต้นตระกูลศรีสุข, ศิริสุข, สีสุก
- หมื่นเทพโนรี ต้นตระกูลพัฒน์ฉิม, พัฒฉิม, พัดฉิม, ปัจฉิม
- หมื่นสนิท นางเพียร ต้นตระกูลนพเดช
- หมื่นเห็ดธานี ต้นตระกูลใจห้าว
- หมื่นยศ นางคล้าย ต้นตระกูลยัสพันธุ์
- พระวิสูตรสงครามรามภักดี ต้นตระกูลวิชัยดิษฐ์
- ก๋งจ้าวฮ้อง แซ่เฮา ต้นตระกูลแซ่เฮา, รัตนไพจิตร
- ก๋งฮวด นางหล้าง ต้นตระกูลศุภมาศอมรา
- นายทองสุข นางห่อจันทร์ ต้นตระกูลทองมีสุข
- นางทิม นางทับ นางนวลจันทร์ นางหนูพุก ขุนชัย ต้นตระกูลเทพภักดี
- นางเอียด นายทิพย์ นางไหม นางทองหนัก ต้นตระกูลมะลิทิพย์
- นายคง นายคุณ ต้นตระกูลจิตมั่น
- นายสงค์ นางทอง ต้นตระกูลชัยชำนาญ
- นายแจ้ง นางทรัพย์ ต้นตระกูลไชยชำนาญ
ฯลฯ
การแบ่งเขตการปกครอง
การปกครองส่วนภูมิภาค
อำเภอสิชลแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 9 ตำบล 106 หมู่บ้าน ได้แก่
ลำดับ | อักษรไทย | อักษรโรมัน | จำนวนหมู่บ้าน | จำนวนประชากร (ธันวาคม 2565) | แผนที่ |
---|---|---|---|---|---|
1. | สิชล | Sichon | 10 | 15,715 | |
2. | ทุ่งปรัง | Thung Prang | 16 | 11,256 | |
3. | ฉลอง | Chalong | 11 | 6,562 | |
4. | เสาเภา | Sao Phao | 16 | 12,181 | |
5. | เปลี่ยน | Plian | 14 | 7,626 | |
6. | สี่ขีด | Si Khit | 12 | 10,091 | |
7. | เทพราช | Theppharat | 13 | 8,102 | |
8. | เขาน้อย | Khao Noi | 7 | 5,709 | |
9. | ทุ่งใส | Thung Sai | 8 | 11,378 |
การปกครองส่วนท้องถิ่น
ท้องที่อำเภอสิชลประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 10 แห่ง ได้แก่
- เทศบาลตำบลสิชล ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของตำบลสิชล
- เทศบาลตำบลทุ่งใส ครอบคลุมพื้นที่ตำบลทุ่งใสทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลสิชล ครอบคลุมพื้นที่ตำบลสิชล (เฉพาะนอกเขตเทศบาลตำบลสิชล)
- องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งปรัง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลทุ่งปรังทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลฉลอง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลฉลองทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลเสาเภา ครอบคลุมพื้นที่ตำบลเสาเภาทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลเปลี่ยน ครอบคลุมพื้นที่ตำบลเปลี่ยนทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลสี่ขีด ครอบคลุมพื้นที่ตำบลสี่ขีดทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลเทพราช ครอบคลุมพื้นที่ตำบลเทพราชทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลเขาน้อย ครอบคลุมพื้นที่ตำบลเขาน้อยทั้งตำบล
สถานที่ท่องเที่ยว
- หาดสิชล หรือที่ชาวท้องถิ่นเรียกกันว่า "หัวหินสิชล" เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมานานของอำเภอ ชายหาดเป็นแนวหินไปจนจดหาดทรายโค้ง เป็นบริเวณที่เล่นน้ำได้ บนหาดมีที่พักและร้านอาหารสำหรับนักท่องเที่ยว
- หาดหินงาม บริเวณชายหาดเต็มไปด้วยก้อนหินกลมเกลี้ยง มีสีสันสวยงาม และเป็นที่มาของชื่อหาดหินงาม ตลอดแนวชายหาดไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกบริการ
- หาดปิติ เป็นหาดที่ชาวท้องถิ่นนิยมไปพักผ่อน ชายหาดจะต่อจากหาดหินงาม บริเวณโดยรอบได้รับการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกด้านที่พักและร้านอาหาร สำหรับบริการนักท่องเที่ยว การเดินทางโดยทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 401 จากอำเภอเมืองนครศรีธรรมราชประมาณ 70 กิโลเมตร เข้าสู่อำเภอสิชล จากตัวอำเภอสิชล แยกขวาไปทางบ้านปากน้ำ ระยะทาง 3 กิโลเมตร ถึงชายหาดสิชล และจากหาดสิชล ไปอีก 1.5 กิโลเมตร ถึงหาดหินงาม และหาดคอเขา ห่างจากหาดหินงาม 2 กิโลเมตร
- อุทยานแห่งชาติน้ำตกสี่ขีด อยู่ที่หมู่ 2 ตำบลสี่ขีด ใช้เส้น ห่างจากหาดสิชลไปทางทิศตะวันตก 15 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดเล็ก ที่เกิดจากภูเขาด้านตะวันตกเปลี่ยนระดับเป็นระยะลดหลั่นเป็นชั้น ๆ ท่ามกลางความสวยงามของร่มไม้กับสายน้ำ นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของอุทยานแห่งชาติน้ำตกสี่ขีด ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งใหม่
- แหล่งโบราณคดีเขาคา อยู่ที่ตำบลเสาเภา ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 401 จากสี่แยกจอมพิบูลย์ ถึงกิโลเมตรที่ 99 แยกซ้ายเข้าถนนจินดาประชาสวรรค์ ประมาณ 7 กิโลเมตร โบราณคดีเขาคา มีอายุกว่า 1,500 ปี บริเวณเขาคาเป็นศาสนสถานสำคัญในลัทธิไศวนิกาย ซึ่งเคารพนับถือพระศิวะหรือพระอิศวรเป็นเทพเจ้าสูงสุด มีเขาคาประดุจเขาพระสุเมรุเป็นศูนย์กลาง และมีโบราณสถานเล็ก ๆ กระจายเป็นบริวารโดยรอบ มีการค้นพบโบราณวัตถุที่ใช้พิธีกรรม เช่น ฐานโยนิ (ฐานศิวลึงค์) ศิวลึงค์ท่อโสมสูตร (ท่อน้ำมนต์) ตลอดจนซากโบราณสถานที่เป็นเทวสถาน สระน้ำโบราณ กรมศิลปากรได้ทำการบูรณะเสร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อปี พ.ศ. 2540
- ถ้ำทวดสุข อยู่ที่บ้านนาขุด หมู่ที่ 12 ตำบลทุ่งปรัง เป็นถ้ำที่ชาวบ้านในสมัยอยุธยาใช้เก็บพระพุทธรูปเพื่อให้พ้นภัยสงครามพม่า
อ้างอิง
- "แจ้งความกระทรวงมหาดไทย เรื่อง โอนตำบล" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 46 (0 ง): 149. April 14, 1929.
- (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 55 (0 ง): 3875. February 20, 1938. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2012-04-27. สืบค้นเมื่อ 2021-09-06.
- (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 64 (26 ง): 1114–1433. June 10, 1947. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2011-11-09. สืบค้นเมื่อ 2021-09-06.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง จัดตั้งสุขาภิบาลสิชล อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 73 (45 ง): (ฉบับพิเศษ) 81-82. May 30, 1956.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ย้ายที่ว่าการกิ่งอำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 74 (7 ง): 185–186. January 15, 1957.
- (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 74 (10 ง): (ฉบับพิเศษ) 26-27. January 26, 1957. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2012-01-25. สืบค้นเมื่อ 2021-09-06.
- (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 76 (113 ก): (ฉบับพิเศษ) 8-11. January 10, 1959. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2011-07-18. สืบค้นเมื่อ 2021-09-06.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตตำบลในท้องที่อำเภอหัวไทร และอำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 97 (144 ง): 3181–3186. September 16, 1980.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและเปลี่ยนเขตตำบลในท้องที่อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 98 (110 ง): 2169–2172. July 7, 1981.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและกำหนดเขตตำบล ในท้องที่อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 106 (154 ง): (ฉบับพิเศษ) 262-266. September 15, 1989.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและกำหนดเขตตำบลในท้องที่อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 112 (91 ง): 54–58. November 14, 1995.
- (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 116 (9 ก): 1–4. February 24, 1999. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2008-04-09. สืบค้นเมื่อ 2021-09-06.
- "เปลี่ยนฐานะจาก องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งใส เป็น เทศบาลตำบลทุ่งใส". April 6, 2012.
{{}}
: Cite journal ต้องการ|journal=
((help)) - "ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร". stat.bora.dopa.go.th.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
sichl epnxaephxhnungxyuthangtxnehnuxkhxngcnghwdnkhrsrithrrmrach miphunthi 703 105 tarangkiolemtr xyuhangcakxaephxemuxngnkhrsrithrrmrachipthangthisehnuxtamaenwthanghlwngaephndinhmayelkh 401 raw 61 kiolemtr idrbkarcdtngkhuninrchsmyphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw tamphrarachbyytilksnapkkhrxngthxngthi r s 116 emuxwnthi 10 phvsphakhm ph s 2440xaephxsichlxaephxkarthxdesiyngxksrormn xksrormnAmphoe Sichonwdecdiykhakhwy sichlemuxngobran thaphisdar tharsaxad hadhinngam natkswy rwythrphyakraephnthicnghwdnkhrsrithrrmrach ennxaephxsichlphikd 9 0 24 N 99 54 6 E 9 00667 N 99 90167 E 9 00667 99 90167praeths ithycnghwdnkhrsrithrrmrachphunthi thnghmd703 1 tr km 271 5 tr iml prachakr 2565 thnghmd81 652 khn khwamhnaaenn116 13 khn tr km 300 8 khn tr iml rhsiprsniy 80120 80340 echphaatablesaepha tablethphrachaelatablepliyn rhsphumisastr8014thitngthiwakarthiwakarxaephxsichl hmuthi 10 thnnnkhrsrithrrmrach surasdrthani tabl thungprng xaephxsichl cnghwdnkhrsrithrrmrach 80120swnhnungkhxngsaranukrmpraethsithyekhakhxkwang tablsichlthitngaelaxanaekhtxaephxsichltngxyuthangthisehnuxkhxngcnghwd mixanaekhttidtxkbekhtkarpkkhrxngkhangekhiyngdngtxipni thisehnux tidtxkbxaephxkhnxm thistawnxxk tidtxkbxawithy thisit tidtxkbxaephxthasalaaelaxaephxnbphita thistawntk tidtxkbxaephxkaycndisthaelaxaephxdxnsk cnghwdsurasdrthani niruktisastrkhawa sichl mikhwamhmaywa nadi tamthipraktintananemuxngnkhrsrithrrmrachdngklaw thngyngpraktinphrarachphithitrus trus emuxrchsmyrchkalthi 4 wa suchl inprakasphrarachphithitrusrchkalthi 5 wa sichl sungpraktchuxsthanthiiklekhiyng khux kranphphitaxlxng klayaelakhnxm inprakasphrarachphithismphcchrchinthrchkalthi 6 epn sichl echnediywkbinsmyrchkalthi 5 srupidwainsmyxyuthyaeriykwa trachn kmi srichn kmi karthiepliyncak suchl epn sichl mikhabxkelakraaeshnungwa ekidkhunemuxkhrngphrartnthchmuni mwng ecakhnamnthlnkhrsrithrrmrachiptrwcrachkarthisuchlehnkhwamsmburnkhxngnaaelanaiscudsnith cungepliynchuxcak suchl epn sichl emux r s 116 ph s 2440 sungepnlksnaphunthithwipkhxngemuxngnkhrsrithrrmrach odyechphaaekhtxaephxemuxng xaephxthasala xaephxsichlaelaxaephxkhnxm cakkhxkhwaminwrrnkrrmthxngthineruxng phraniphphanostr hrux chbbklxnswd dngni ehndithiphumichy rabesmxipinthithan nyntakhaphecani tngburiehnidkar hwyhnxngkhlxngchlthar ehnwittharngamhnkhna thngcak klxnkaphyeruxngesdcemuxngnkhrsrithrrmrach khxngsmedcphramhasmneca krmphrayapwerswriyalngkrn idklawthungemuxngnkhrsrithrrmrachiwwa xikxyanghnungnn naichnachn ehmuxnnatharekha iseyndink imehmuxnbanera bxnakhxngekha imepuxnokhlneln kinnaissaxad khncungchlad imongthmethr wxngiwihwphrib ngankarcdecn thaidimethr karchangngamta prawtisastryukhhinklang 10 000 4 000 pi phaphaesdngchayfnginxditthangphakhitkhxngpraethsithy kartngthinthankhxngmnusyyukhkxnprawtisastrmikhwamsmphnthodytrngkbsphaphthangphumipraethskhxngphunthixaephxsichl sungepnphunthirabchayfngtawnxxkaelamiphuekhathangthistawntk cungxyuinesnthangkhxngkraaeswthnthrrmkarxphyphekhluxnyaykhxngklumkhnaelaichphunthiepnthixyuxasy odycakkarsarwckhudkhnidphbhlkthansmyaerk ekiywkbkartngthinthankhxngchumchnobraninpaekhakxnphunthirabchayfngthael echn xaephxchangklang aela thaekhahlkxaephxsichl thaekhahlk thaekhahlk tngxyubanekhahlk xaephxsichl odymikarkhnphbhlkthanthangobrankhdithibngchithungkardarngchiphkhxngmnusyyukhkxnprawtisastrinphunthi xathiechn ekhruxngmuxhinkaethaasxnghna lksnaepnkhwansnmirxykaethaahyab thacakhincanwn 1 chin chinswnkhrkdinepha hmxknklm 1 chin hmxknaebn 3 chinaelakradukstwpraephthling 2 chin thaihsamarthsnnisthanidwa thaaehngnimimnusykxnprawtisastrxyuxasyhruxthakickrrmbangxyang aetimsamarthkahndxayuidchdecn enuxngcakepnkarphbbnphiwdin sungphunthiphayinthaswnihythukkhudthalay yukhhinihm 4 000 2 000 pi mikarkhnphbobranwtthuxathiechn khwanhinkhdaelaphachnadinephapraephthhmxsamkha sungswnihymkphbbriewnthahruxephingpha xathibriewnthaekhaphrng tablthungprng phunthirabechingekhakha phunthirabbriewnechingekhatlxdaenwtablepliyn tablethphrach tablchlxngaelatablekhanxy sungmikarkhnphbkhwanhinkhdrupsiehliymkhanghmu aelabriewnbansankeniyn tablekhanxy thimikarkhnphbhinthubrupthrngklmdanhnungokhngmn danhnungtdesmxphunaetngepnlaykhawhlamtd sungaesdngihehnthungkarkracaytwkhxngchunobranthiswnihyyngxasyxyuinbriewnphunthipaekhatxnin sungmiaehlngxaharxudmsmburnkwa khwanhinkhdinyukhhinihmphbbriewnthirabechingekhakha tablesaephayukholha 2 000 1 500 pi chumchnobraninyukhhinihmidphthnaxyangtxenuxngcnthungrawphuththstwrrsthi 5 6 epnchwngthiidrbexaxarythrrmsmyprawtisastrcakdinaednphaynxkthngcin ewiydnam xinediyaelaxahrb ekhasuchumchnthaihchumchnphunemuxngedimepliynaeplngipsulksnakhxngchumchnihm phbekhruxngmuxekhruxngichthiepnolha inswnkhxngkartngthinthankmikarrwmklumepnchumchnkhnadihy mikarcdraebiybchumchnaetktangcakedim chinswnhnakhxngklxngmohrathuk khnphbbriewnbanekhaywnetha xaephxsichl hlkthanthangobrankhdithisakhyaesdngihehnthungkarrbexawthnthrrmaelakhwamecriyrungeruxngkhxngxarythrrminxdit echn karkhudkhnphbchinswnkhxngklxngmohrathukinphunthikhxngxaephxsichlaelacnghwdnkhrsrithrrmrach odybriewnthiphbxnidaek briewnaehlngobrankhdibanekiykkay xaephxemuxngnkhrsrithrrmrach aehlngobrankhdibankhuddwng xaephxchwangaelaaehlngobrankhdibanekhaywnetha xaephxsichl odychinswnkhxngklxngmohrathukthiphbinbriewnaehlngobrankhdibanekhaywnetha epnchinswnkhxnghnaklxng mikhnadesnphasunyklangraw 52 esntiemtr trngklangmilwdlayepndwngxathitysadaesngsibaechk hnaklxngepnrupnkpakaelahangyaw 4 tw kahndxayuidraw 2 000 1 500 pi odykhadwaphlitkhunemuxraw ph s 200 300 smyprawtisastr prawtisastryukherimaerk sichlepnswnhnungkhxngphakhitidphthnaekhasusmyprawtisastrrawphuththstwrrsthi 5 6 hruxpraman 2 000 pimaaelw sungepnchwngkhabekiywrahwangyukholhaaelayukhprawtisastr khwamepliynaeplngthangsngkhmaelawthnthrrminchwngniidrbmacakdinaednxun ethkhonolyikawhnakwainlksnaemuxngthathangkarkha swnihyepnchumchnbnsnthrayrimesnthangsaynathimithangxxksuthael odymiaehlngobrankhdithisakhyinthangprawtisastrkhxngxaephxsichl idaek aehlngobrankhdibanekhaywnetha tablethphrach mikarkhnphbklxngmohrathukaelaobranwtthuxun inbriewnni aehlngobrankhdisrasimum tablsichl mikarkhnphbsaridcin aehlngobrankhdicxmthxng tablsichl mikarkhnphbphraphuththrupthimixayurawphuththstwrrsthi 10 11 aehlngobrankhdibansrakud tablchlxng phbsiwlungkhaelathanoyniprawtisastryukhtn xanackrtamphrlingk phunthicnghwdnkhrsrithrrmrach thuxepnkarekhasusmyprawtisastraethcringinphuththstwrrsthi 12 odyphbcarukxksrxinediyobranhlayhlkinphunthicnghwd echn silacarukhubekhachxngkhxy xaephxculaphrn silacarukwdmehyngkhn xaephxemuxng silacarukwdphramhathatuwrmhawihar xaephxemuxng aelasichlkidthuxyukhediywkntamlksnakhxngphunthirwmwthnthrrm klumchumchnphunbthuxsasnaphrahmn phuththstwrrsthi 11 16 hlkthanthiaesdngthungchumchnobransmyprawtisastrtngaetphuththstwrrsthi 12 txenuxngmathungphuththstwrrsthi 18 sichlepnphunthithimihlkthankartngthinthancanwnmakthisudincnghwdnkhrsrithrrmrach khrxbkhlumtamaenwsnthrayin odyechphaaaenwsaynathiihlmacakphuekhadantawntkphansnthrayipxxkthaelxawithythisakhy echn 1 klumchumchnobrankhlxngthaeruxri idaek aehlngobrankhdiinaenwesnthangkhlxngthaeruxri echn chumchnbancxmthxng banekhaehlkaelawdnakhxm epntn 2 klumchumchnobrankhxngthakhway idaek aehlngobrankhdiinaenwesnthangkhlxngthakhway echn banthakhway banissb aelabantin epntn 3 klumchumchnobrankhlxngthaechiyw idaek aehlngobrankhdiinaenwesnthangkhlxngthaechiyw echn wdebik bannahnaelabanhwthxn epntn 4 klumchumchnobrankhlxngthathn idaek aehlngobrankhdiinaenwesnthangkhlxngthathn echn ekhakha bantxeruxaelabanphngka epntn 5 klumchumchnobrankhlxngthahin idaek aehlngobrankhdiinaenwesnthangkhlxngthahin echn bansisa banwngprangaelabanekhathray epntn klumchumchnobrantamsaynathng 5 klumniaesdnghlkthankartngthinthankhxngchumchnsmyprawtisastrchwngtnmiobranwtthuthiaesdngthungkarrbwthnthrrmmacakxinediy misasnsthanpracachumchnsungswnihycaepnsasnaphrahmn thnglththiiswnikayaelaiwsnphnikay odyechphaaekhakha thuxwaepnsunyklangkhxnglththiiswnikay nkwichakaridthuxwaekhakhaepnsunyklangkhxngiswmnthl swnlththiiwsnphnikaykphbthwip odyechphaaaehlngobrankhdiwdcxmthxngaelaaehlngobrankhdibanphngka klumchumchnphunbthuxsasnaphuthth phuththstwrrsthi 12 18 nxkcakaehlngobrankhdiinsasnaphrahmnaelw insmyniyngphbaehlngobrankhdiinsasnaphuththhlayaehngthisakhy khux aehlngobrankhdiwdcxmthxng wdnakhxmaelawdekhaphnmity epntn hlkthanthisakhy echn esiyrphraphuththrupthimixayuinphuththstwrrsthi 12 13 phraphuththrupthiwdcxmthxngthimixayurawphuththstwrrsthi 12 prawtisastryukhklang rthnkhrsrithrrmrach chwngphuththstwrrsthi 17 epntnmaepnchwngthinkhrsrithrrmrachmikhwamecriyrungeruxngsungsudphayitkarpkkhrxngkhxngrachwngssrithrrmoskrach phunthiepnsunyklangkarkhaxnsakhykhxngkhabsmuthrithy epncudphkthaysuxkhaysinkharahwangtawnxxkkbtawntkaelaepnsunyklangkhxngphuththsasnainphakhit epnthipradisthanphrabrmsaririkthatubnhadthrayaekw khwamsrththaaelakhwameluxmisinphraphuththsasnaepnpccychknaihphukhnedinthangmacakthwthisekhamatngthinthanxyanghnaaenn rachwngssrithrrmoskrachsamarthcdkarpkkhrxnghwemuxngrayrxb 12 emuxngeriykwa emuxngsibsxngnkstr phunthixaephxsichlsungepnswnhnungkhxngemuxngnkhrsrithrrmrachxyuinaenwchaythaelthiiklkn xiththiphlkhxngsasnaphuththcungaephrkracaymaetmphunthi prakthlkthanthngaenwsnthrayinaelasnthrayklangcanwnmak pccubnepnwdrangaelawdthitngihmbnphunthiwdrang echn wdcxmthxng wdecahyuy rang wdkhxyetiy rang wdekhaphnmity wdnakhxm rang wdthaethiynthway wdekhaekiyd rang wdekhaphrng rang wdekhanxy wdebik wdphraoxn rang wdpakdanaelawdnaael epntn sichlyukhemuxngnkhrdxnphra mikhxkhwampraktintananemuxngnkhrsrithrrmrach srupiddngni phraphnmwngphrarachoxrskhxngphraphnmthaelsri phukhrxngemuxngephchrburi idxphiesksmrskbnangsaediyngthxng rachthidakhxngkstriyemuxngtrytrung emuxpramanph s 1820 phraphnmthaelsriidrbsngihphraphnmwngkbnangsaediyngthxngxxkmaphthnaemuxngnkhrdxnphrahruxnkhrsrithrrmrach khwamwa ihxyucngkhadmiihoykyayipthixun ihthakarhkpaepnna srangbanihepnchumnumchn srangchumnumchnihepnemuxng khyayekhttwemuxngihkwangkhwangxxkip enuxngcakekidikhhaymbnlngthngemuxngnkhrdxnphra phukhnlmtayaelathingrangemuxngihepnparngormxyuthungnan wdwaxaramcharud thrudothrmlngsin emuxkhbwnlwngaednichyaekhaekhtemuxngnkhrdxnphra phraphnmwngkihhyudtngwngkhunthibancngsrahruxbankngtak xaephxkaycndisth yngimekhatwemuxngnkhrdxnphraephraakhnannepnparangrngorm idebikthipaepnna echn nathungekhn nathathxng naichykhram nakanxm nasaephiyng natrachn naklangaelanaxlxng phraphnmwngaelanangsaediyngthxng mibutrthida 3 khn khux ecasriracha ecasntraaelaecakumar ecasrirachaxyutablthuhmdthathxng srangnathungexn ecasntraaetngkbisxinthracha tngbanaethbthaeltranxm srangnasrichl srangnasaephiyng nakranxmaelaemuxngxlxng caktananemuxngnkhrsrithrrmrachaesdngihehnwa rachwngssrithrrmoskrachpkkhrxngemuxngnkhrsrithrrmrachtngaetstwrrsthi 17 emuxid 100 kwapiekidikhymbn hrux ikhha khnlmtaymakmay thiehluxkhniipinpainekha ehtukarnmathungsmytnxyuthya phraecaxuthxngidmxbhmayihecaemuxngephchrburimafunemuxngnkhrsrithrrmrach odyerimcaklwngaednichyamathungxaephxsichl xaephxkhnxminpccubn praktchux echn thaeltranxm thaelkhnxm nakanxm nakhnxm natrachn nasichl naklang emuxngxlxng chlxng yuththphumismyphraephthracha ph s 2235 emuxngnkhrsrithrrmrachepnkbttxkrungsrixyuthya emuxmirbsngihphrayaramedoch ecaemuxngnkhrsrithrrmrachekhaefaephuxaesdngkhwamcngrkphkdi aetphrayaramedochmiidptibtitamphrarachprasngkhklbkrathakarkradangkraeduxngaekhngemuxngxyu odyxangehtuphlthipraktinphrarachphngsawdarwa ichwatweracaepnkbttxaephndinhamiid ehtuwaerakhidktyyuinphraecaxyuhwkhxngera hmaythungsmedcphranaraynmharach sungesdcswrrkhtnncungmiidekhaipxxnnxmyxmtwepnkhaphuprathusrayaephndin dngnn phraephthrachacungsngihphrayasursngkhramepnaemthphhlwng phrasuresnaepnykkrabtr phrayarachburiepnthphhlng phrayarachwngsnepnnaykxngeruxykipradmtiexaemuxngnkhrsrithrrmrach ichewlaekuxb 3 pi cungtiemuxngnkhrsrithrrmrachid phunthismrphumitngkhayrbkhxngnkhrsrithrrmrachthangbk epnbriewntxnehnuxkhxngxaephxsichltngaetpaknasichl bannaklang bansrasimumthungbanthunghwna khayihyxyubanekhahwchang sngkhramkhrngniepnehtuihwdwaxaramtang rangiptlxdphunthi pccubnphbhlkthankarthanathibanthunghwna puntngaethnyingthiwdsrasimum swnthangthaelkekidyuththphumitamkhaytang inphunthisichlrbthibriewnpaknathahmak tablesaepha kxnthicaekidyuththnawixawnkhr sngkhramkhrngnithuxidwasichlepnsmrphumithirunaerngaelaichewlananthisud yuththphumismyphraecataksinmharach ph s 2312 hlngcakkrungsrixyuthyaesiyaekphmaemuxpi ph s 2310 emuxngnkhrsrithrrmrachodypldhnuidtngtnepnecankhr eriykwa chumnumecankhr smedcphraecakrungthnburiemuxidsthapnatnepnphramhakstriykhrxngkrungthnburi idprabchumnumtang lwngthungpi ph s 2312 idoprdihecaphrayackri hmud epnaemthph miphrayaxphyrnvththi rchkalthi 1 phrayaymrach krmphrarachwngbwrmhasursinghnath phrayasriphiphthnepnaemthphihyykmatiemuxngchumphr emuxngichya ecaemuxngthngsxngehnwaphmaykmamakimsamarthcasurbid cungethkhrwekhapathingemuxngesiy phmakexaifephabanemuxngesiythng 2 emuxngaelwykmatinkhrsrithrrmrach khnannecaphrayankhrphthn aetngthphipkhdtathphphmathithatxaedn emuxngichya aetphmaidkhidxubayihchawemuxngichyaiplwngwakrungbangkxkesiyaekphmaaelw emuxkhwamthrabthungphrayankhrekhaicwacring cungthingemuxngesiyhniipxyunxkekha aekhwngxaephxchwang phmacungidemuxngnkhrsrithrrmrachaelarwbrwmkxngthphiptiemuxngphthlungaelasngkhlatxip ehtukarnkhrngnichawbaninxaephxsichlsungepnthangphankhxngkxngthphphma swnihyidhniipsxninpainekhamihnwyyxy suphmakxngkalngelk bangaetkalngnxyaelaepnchawbancungphayaephinthisud emuxngxlxng emuxngxlxngpraktchuxkhrngaerkkhunemuxphuththstwrrsthi 19 smyphraphnmwngaelanangsaediyngthxngaelaprakthlkthanxikkhrnginaephnthirachxanackrsyam cdthaodybathhlwngokholenlli ph s 2230 thaeniybkharachkaremuxngthicdthasmyphraecaxyuhwbrmoks phrahlwngkrmkaremuxngkhadmikhrbtamtaaehnng cungihthrngcharaihmin ph s 2354 prakxbdwy 10 emuxng 14 xaephx 26 tabl phrxmaekhwngaeladan inswnkhxngphunthixaephxsichlidklawthungemuxngxlxng 1 in 10 khxngemuxnginemuxngnkhrsrithrrmrachaelapraktchuxsichlaeladanthahmakdwy swnrxnekhaihyyngimsamarthkahndidchdecndngkhxkhwaminthaeniybkharachkaremuxngnkhrsrithrrmrachkhrngsmyphrabathsmedcphraphuththelishlanphaly wa suphmsdu 1173 2354 xnungphraecanxngyaethxkrmhmunskdiphlesphy krabthulphrakrunawa phrahlwngkrmkaremuxngnkhrkhadmikhrbtamtaaehnng aelathrngphrakrunaoprdekla ihcdaecngkhunihkhrbtamtaaehnng 5 n wn 2 12 kha wncnthr eduxn 12 khun 15 kha pimaaemtrisk phrahlwngkrmkarphrxmknihhlwngethphesnaphuwathicahlwngaephngnxkhlwngaephngin krmkarkhnekaechiyphraxykartaaehnngnaythharhwemuxngthrngcharaihm khunthiphymnethiyrechiyphraxykarinphrabrmoks sungthrngphrakrunaoprdekla iwsahrbemuxngkbsmud taaehnngphrahlwngkrmkaremuxngnkhr khrngphrayasuokhthyxxkmaepnecaphrayankhrduaelinphraxykarnn miaetkrmkarphuihysmudtaaehnngkhrngphrayasuokhthyepnecaphrayankhrnn mikrmkarkhunhmunphunxyxyudwy cungexabrrcbkhdkhunepncanwnkrmkaremuxngnkhrsrithrrmrachtamtaaehnngaetkxn dngni emuxngphkdisngkhram emuxngxlxng thuxskdina 1 000 faysaythuxtrarupeliyngphamichangphlay 1 calxng 1 thngthwn 1 nwm 3 hmwk 3 aehln 20 punnksbhlngchang 1 krabxkpunkrasunniwkungbrrdaskdi 1 krabxkpunnksb 4 krabxkhxkaekhn 10 thwnthaw 10 ekhaxyurksaxlxngideriykswyxakrinthiidrbphrarachthankhakhanbvchaphasiswy khunxinthrphichy chwyrachkarthixlxng thuxskdina 400 hmunkhchburismuhbaychi thuxskdina 200 thiwdthatimn 1 wdebik 1 wdklang 1 wdthaethiynthway 1 epnelnthubatinthixlxng sirikhunhmuninthixlxng emuxng 1 khun 2 hmun 2 rwm 5 khn sichl tabl khunchanakhiri naythisichl thuxskdina 400 faysay hmunchy rxngthisichl thuxskdina 300 hmunsmudkhiri smuhbaychi thuxskdina 200 sirikhunhmunthisichlkhun 1 hmun 2 rwm 3 khn rxnekhaihy khxmulphunthiyngimchdecn khunichyphkdi naythirxnekhaihy thuxskdina 400 hmunwicitburi rxngthirxnekhaihy thuxskdina 300 hmunwicitburi smuhbaychithuxskdina 200 hmunsiththburi smuhbaychi thuxskdina 200 sirikhunhmunthirxnekhaihykhun 1 hmun 3 rwm 4 khn danthahmak hmunchana naydanthahmak thuxskdina 300 faysay hmunetm plddanthahmakthuxskdina 200 phnchum sarwtr thuxskdina 200 thiwakarxaephxsichl emuxekidkarptirupkarpkkhrxnginsmyphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw hwemuxngtang idthukcdepnaebbmnthlethsaphibal r s 115 ph s 2439 idthrngphrakrunaoprdeklaoprdkrahmxmihtngmnthlnkhrsrithrrmrach odymiphrayasukhumnywinit pn sukhum epnkhahlwngethsaphibalaelaiddaeninkarihepniptamthibyytiiwinphrarachbyytikarpkkhrxngthxngthi r s 116 ph s 2440 cungcdtngxaephxkhun 9 xaephx rwmthungxaephxsichldwyaelaaetngtnghlwngxnusrsiththikar bw n nkhr epnnayxaephxkhnaerk emuxhlwngxnusrsiththikrrmmarbtaaehnngidtngxaephxkhunthibanpakaephrk pccubnkhuxbriewnsalecamwngthxng prakthlkthancakphusungxayuaelabnthukcdhmayrayathangiptrwcrachkaraehlmmlayu r s 121 ph s 2445 phraniphnthodysmedcphraecabrmwngsethxecafakrmphrayanrisranuwdtiwngscnthungsmyhlwngmhanuphaphprabsngkhrampraman ph s 2470 idyayipbanbangchangthiwakarxaephxsichlekapccubnkhuxthithakarethsbaltablsichlcnthungph s 2532 idyayiptngbancxmphibuly tablthungprng epnthiwakarxaephxsichlcnthungpccubn yukhsngkhrameyn ph s 2517 2518 hnwyptibtinganmwlchnhnwyaerkkhxngphrrkhkhxmmiwnistthimaekhluxnihwinekhtxaephxsichl imprakthlkthanwaepnikhr aetekhamainraw ph s 2517 thung 2518 aelamainenguxnikhthikhninxaephxsichlipbukebikthithamahakinaethwbanmwnglib banpakngay tablkhlxngsra bankrungtk bankngchang tablchangsay xaephxkaycndisth cnghwdsurasdrthani sungxyuiklkbthitngkhxngkhay 511 makthisud odykhay 511 carbphidchxbekhtphunthixaephxdxnsk xaephxkaycndisth cnghwdsurasdrthani xaephxthasala kingxaephxnbphita tablkrungching cnghwdnkhrsrithrrmrach phuptibtinganchudaerkidxaphrangtwinkhrabkhxngchawbanmaphrxmkbchawsichlthiklbmaeyiymyatimitrinphumilaenaedimhnwyla 2 3 khn aethwbanyan tablekhanxy banekhaekiyd tablthungprng phuptibtinganswnihythithuksngmaepnkhnmacakxaephxbannasaraelaxaephxewiyngsra cnghwdsurasdrthani klumnisngkdkhay 511 thnghmd swnthangdantablsikhidmainenguxnikhkhxngchawpakphnngthiyaythinthanmaxyuaethwbanchxngekhahmak bannarxnaelaphuptibtingankhxngphrrkhthiekhamaekhluxnihwkepnkhnthinedimpakphnngdwy karptibtinganinchwngniidmikarepidephytwpharkicinebuxngtn sungcamikhwamsakhyepnxyangyingtxkarwangrakthaninkarkhyaynganinxnakht khux karsarwcsphaphkhxnghmubanimwacaepndanchiwit khwamepnxyukhxngchawban khwamsmphnthkhxngkhninchumchn khwamkhdaeynginhmuban khwamekhmaekhnghruxxxnaexkhxngklikrthinthitngkhxngkalngecahnathi khwamsmphnthrahwanghnwyngankhxngrthkbprachachnaelathsnkhtikhxngchawbanthimitxecahnathibanemuxng pharkicthiidrbmxbhmaynitxngesrcsintamwnewlathikahnd sungcamiewlaimmaknkaelaklbipraynganihhnwyehnuxrbthrab ephuxcaidkahndepnokhrngkarkarthanganxyangepnrupthrrmtxip odyptibtikarthangthharthisakhy xnidaek karpidlxmhmubanintablsikhidodykalngtidxawuthkhxngphrrkhkhxmmiwnistpraman 70 80 khn ekhapidlxmhmubantngaetklangkhun aetenuxngcakhmubanepnhmubanepidmiesnthangekhaxxkhlayesnthangcungthaihkhawkarekhluxnihwrwihlkalngkhxngfayecahnathikmathungthiekidehtuodyichrthynthlaykhnaelayingtxsukbhnwyefaesnthanginchwngbaykhnacaerimslaytwaelw ehtukarnniyngimpraktkhwamesiyhaykhxngthngsxngfay aelakarptibtikarthangthharthiekidkhuninxaephxsichlkhuxwnthi 29 mithunaynphuththskrach 2521 ewlapraman 1 00 n kxngkalngtidxawuthkhxngphrrkhkhxmmiwnisthruxthharpldaexkprachachnaehngpraethsithypraman 120 khnidekhruxngkalngekhaocmtisthanitarwcphuthrxaephxsichlaelayudsthanitarwcphrxmbanphktarwcaelathiwakarxaephxsichliwinewlarwderwehtukarnnithaihecahnathitarwcesiychiwit 3 4 nayfaykhxmmiwnistimpraktmiphubadecbhruxesiychiwit prawtiodysngekhp wnthi 14 emsayn 2472 epliynaeplngekhtcnghwdnkhrsrithrrmrach aela cnghwdsurasdrthani odyoxnphunthitablichykhram aelatabldxnsk cakxaephxsichl cnghwdnkhrsrithrrmrach ipkhunkbxaephxkaycndisth cnghwdsurasdrthani wnthi 20 kumphaphnth 2481 aeykphunthitablkhnxm aelatablthxngeniyn cakxaephxsichl iptngepn kingxaephxkhnxm aelakahndihkhunkarpkkhrxngkbxaephxsichl wnthi 10 mithunayn 2490 tngtablthungprng aeykxxkcaktablsichl aelatablchlxng tngtablepliyn aeykxxkcaktablesaepha aelatablchlxng wnthi 30 phvsphakhm 2499 cdtngsukhaphibalsichl inthxngthihmuthi 1 3 inkhnann khxngtablsichl wnthi 15 mkrakhm 2500 yaythiwakarkingxaephxkhnxm xaephxsichl caktablthxngeniyn iptngthitablkhnxm wnthi 26 mkrakhm 2500 cdtngsukhaphibalkhnxm inthxngthibangswnkhxngtablkhnxm wnthi 10 mkrakhm 2502 ykthanacakkingxaephxkhnxm xaephxsichl epn xaephxkhnxm wnthi 16 knyayn 2523 tngtablsikhid aeykxxkcaktablsichl wnthi 7 krkdakhm 2524 tngtablethphrach aeykxxkcaktablesaepha wnthi 15 knyayn 2532 tngtablekhanxy aeykxxkcaktablchlxng wnthi 14 phvscikayn 2538 tngtablthungis aeykxxkcaktablsichl wnthi 25 phvsphakhm 2542 ykthanacaksukhaphibalsichl epnethsbaltablsichl dwyphlkhxngkdhmay wnthi 6 emsayn 2555 cdtngxngkhkarbriharswntablthungis khunepn ethsbaltablthungistntrakulaelanamskulkhxngsichlkhunxinthrphichy vks tntrakulwichitanurks khunchanayaekw tntrakulaekwphxng aekwphxm khunthiphyphiml nangklb nangphlxy tntrakulthiphymntri hlwngchumnum nangir hmunsmwrrnrachaelahmxmekhaihy tntrakulsmekhaihy hmunkhchburi tntrakulkhchesna hlwngchumnum nangthxngehniyw nangemuxngaelanangexiyd tntrakulaesnphkdi hmunaesn nangthxng tntrakulaesnthxng hmunsri nangsm tntrakulkhawexiyd hmunphunephiyrcd ekid khawexiyd nangsukh tntrakulephiyrcd hmunchana nangkhum tntrakulchnakhum phuihylb tntrakulchladaechlm khunthrksa tntrakulekliyngkha nangekla nangphrxy ekliyngkha tntrakulsunthrmtth naykhaw nangcin ekliyngkha tntrakulsuwrrn nayeruxng nanghim ekliyngkha tntrakulstyanumtth nayykeluxn tntrakulemnghxng nayaekw nanghnuna tntrakulxinthrchu knghyxnghxng tntrakuldanwithyakul dansmphngs nayaepn nangexiym nayaekw naydwng nangchum nangthxngklin nangthxngnun tntrakulsriemuxng nangcib nangcnthr nangxn nayikh nangplxng naytud tntrakulplxdaekw nangaesm nayaedng nangekhng nanghid nangsrxy naykld nayekluxn nangrm nangkrid tntrakulcitmngkr hmunprasiththikhiri tntrakuleksrsiththi khunrksbriburn tntrakulbriburn khunxinthrphichyvks tntrakulphichyvks chyvks ichyvks hmunephchrchuphirmy tntrakulephchrchu hmunsri nangsukh tntrakulsrisukh sirisukh sisuk hmunethphonri tntrakulphthnchim phthchim phdchim pcchim hmunsnith nangephiyr tntrakulnphedch hmunehdthani tntrakulichaw hmunys nangkhlay tntrakulysphnthu phrawisutrsngkhramramphkdi tntrakulwichydisth kngcawhxng aeseha tntrakulaeseha rtniphcitr knghwd nanghlang tntrakulsuphmasxmra naythxngsukh nanghxcnthr tntrakulthxngmisukh nangthim nangthb nangnwlcnthr nanghnuphuk khunchy tntrakulethphphkdi nangexiyd naythiphy nangihm nangthxnghnk tntrakulmalithiphy naykhng naykhun tntrakulcitmn naysngkh nangthxng tntrakulchychanay nayaecng nangthrphy tntrakulichychanay lkaraebngekhtkarpkkhrxngkarpkkhrxngswnphumiphakh xaephxsichlaebngekhtkarpkkhrxngxxkepn 9 tabl 106 hmuban idaek ladb xksrithy xksrormn canwnhmuban canwnprachakr thnwakhm 2565 aephnthi1 sichl Sichon 10 15 715 aephnthi2 thungprng Thung Prang 16 11 2563 chlxng Chalong 11 6 5624 esaepha Sao Phao 16 12 1815 epliyn Plian 14 7 6266 sikhid Si Khit 12 10 0917 ethphrach Theppharat 13 8 1028 ekhanxy Khao Noi 7 5 7099 thungis Thung Sai 8 11 378karpkkhrxngswnthxngthin thxngthixaephxsichlprakxbdwyxngkhkrpkkhrxngswnthxngthin 10 aehng idaek ethsbaltablsichl khrxbkhlumphunthibangswnkhxngtablsichl ethsbaltablthungis khrxbkhlumphunthitablthungisthngtabl xngkhkarbriharswntablsichl khrxbkhlumphunthitablsichl echphaanxkekhtethsbaltablsichl xngkhkarbriharswntablthungprng khrxbkhlumphunthitablthungprngthngtabl xngkhkarbriharswntablchlxng khrxbkhlumphunthitablchlxngthngtabl xngkhkarbriharswntablesaepha khrxbkhlumphunthitablesaephathngtabl xngkhkarbriharswntablepliyn khrxbkhlumphunthitablepliynthngtabl xngkhkarbriharswntablsikhid khrxbkhlumphunthitablsikhidthngtabl xngkhkarbriharswntablethphrach khrxbkhlumphunthitablethphrachthngtabl xngkhkarbriharswntablekhanxy khrxbkhlumphunthitablekhanxythngtablsthanthithxngethiywhadhinngamhadsichl hruxthichawthxngthineriykknwa hwhinsichl epnaehlngthxngethiywthimichuxesiyngmanankhxngxaephx chayhadepnaenwhinipcncdhadthrayokhng epnbriewnthielnnaid bnhadmithiphkaelaranxaharsahrbnkthxngethiyw hadhinngam briewnchayhadetmipdwykxnhinklmekliyng misisnswyngam aelaepnthimakhxngchuxhadhinngam tlxdaenwchayhadimmisingxanwykhwamsadwkbrikar hadpiti epnhadthichawthxngthinniymipphkphxn chayhadcatxcakhadhinngam briewnodyrxbidrbkarphthnasingxanwykhwamsadwkdanthiphkaelaranxahar sahrbbrikarnkthxngethiyw karedinthangodythanghlwngaephndinhmayelkh 401 cakxaephxemuxngnkhrsrithrrmrachpraman 70 kiolemtr ekhasuxaephxsichl caktwxaephxsichl aeykkhwaipthangbanpakna rayathang 3 kiolemtr thungchayhadsichl aelacakhadsichl ipxik 1 5 kiolemtr thunghadhinngam aelahadkhxekha hangcakhadhinngam 2 kiolemtr xuthyanaehngchatinatksikhid xyuthihmu 2 tablsikhid ichesn hangcakhadsichlipthangthistawntk 15 kiolemtr epnnatkkhnadelk thiekidcakphuekhadantawntkepliynradbepnrayaldhlnepnchn thamklangkhwamswyngamkhxngrmimkbsayna nbepnaehlngthxngethiywsakhykhxngxuthyanaehngchatinatksikhid sungkalngxyuinrahwangcdtngepnxuthyanaehngchatiaehngihm aehlngobrankhdiekhakha xyuthitablesaepha tamthanghlwngaephndinhmayelkh 401 caksiaeykcxmphibuly thungkiolemtrthi 99 aeyksayekhathnncindaprachaswrrkh praman 7 kiolemtr obrankhdiekhakha mixayukwa 1 500 pi briewnekhakhaepnsasnsthansakhyinlththiiswnikay sungekharphnbthuxphrasiwahruxphraxiswrepnethphecasungsud miekhakhapraducekhaphrasuemruepnsunyklang aelamiobransthanelk kracayepnbriwarodyrxb mikarkhnphbobranwtthuthiichphithikrrm echn thanoyni thansiwlungkh siwlungkhthxosmsutr thxnamnt tlxdcnsakobransthanthiepnethwsthan sranaobran krmsilpakridthakarburnaesrceriybrxyaelwemuxpi ph s 2540 thathwdsukh xyuthibannakhud hmuthi 12 tablthungprng epnthathichawbaninsmyxyuthyaichekbphraphuththrupephuxihphnphysngkhramphmaxangxing aecngkhwamkrathrwngmhadithy eruxng oxntabl PDF rachkiccanuebksa 46 0 ng 149 April 14 1929 PDF rachkiccanuebksa 55 0 ng 3875 February 20 1938 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2012 04 27 subkhnemux 2021 09 06 PDF rachkiccanuebksa 64 26 ng 1114 1433 June 10 1947 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2011 11 09 subkhnemux 2021 09 06 prakaskrathrwngmhadithy eruxng cdtngsukhaphibalsichl xaephxsichl cnghwdnkhrsrithrrmrach PDF rachkiccanuebksa 73 45 ng chbbphiess 81 82 May 30 1956 prakaskrathrwngmhadithy eruxng yaythiwakarkingxaephxkhnxm cnghwdnkhrsrithrrmrach PDF rachkiccanuebksa 74 7 ng 185 186 January 15 1957 PDF rachkiccanuebksa 74 10 ng chbbphiess 26 27 January 26 1957 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2012 01 25 subkhnemux 2021 09 06 PDF rachkiccanuebksa 76 113 k chbbphiess 8 11 January 10 1959 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2011 07 18 subkhnemux 2021 09 06 prakaskrathrwngmhadithy eruxng tngaelaepliynaeplngekhttablinthxngthixaephxhwithr aelaxaephxsichl cnghwdnkhrsrithrrmrach PDF rachkiccanuebksa 97 144 ng 3181 3186 September 16 1980 prakaskrathrwngmhadithy eruxng tngaelaepliynekhttablinthxngthixaephxsichl cnghwdnkhrsrithrrmrach PDF rachkiccanuebksa 98 110 ng 2169 2172 July 7 1981 prakaskrathrwngmhadithy eruxng tngaelakahndekhttabl inthxngthixaephxsichl cnghwdnkhrsrithrrmrach PDF rachkiccanuebksa 106 154 ng chbbphiess 262 266 September 15 1989 prakaskrathrwngmhadithy eruxng tngaelakahndekhttablinthxngthixaephxsichl cnghwdnkhrsrithrrmrach PDF rachkiccanuebksa 112 91 ng 54 58 November 14 1995 PDF rachkiccanuebksa 116 9 k 1 4 February 24 1999 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2008 04 09 subkhnemux 2021 09 06 epliynthanacak xngkhkarbriharswntablthungis epn ethsbaltablthungis April 6 2012 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a Cite journal txngkar journal help rabbsarsnethsephuxkarbrihar stat bora dopa go th bthkhwamekhtkarpkkhrxngkhxngpraethsithyniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldk