สัทศาสตร์ (อังกฤษ: phonetics) เป็นสาขาย่อยของภาษาศาสตร์ที่ประกอบด้วยการศึกษาเสียงพูดของมนุษย์ หรือลักษณะที่เทียบเท่ากันของสัญลักษณ์มือในกรณีที่พูดถึงภาษามือ นักสัทศาสตร์คือนักภาษาศาสตร์ผู้ชำนาญการศึกษาคุณสมบัติทางกายภาพของการพูด สัทศาสตร์สนใจวิธีการที่มนุษย์วางแผนและดำเนินการเคลื่อนไหวเพื่อพูดออกมา (, articulatory phonetics) วิธีการที่การเคลื่อนไหวต่าง ๆ ส่งผลต่อคุณสมบัติของเสียงที่เปล่งออกมา (, acoustic phonetics) และวิธีการที่มนุษย์เปลี่ยนคลื่นเสียงเป็นข้อมูลทางภาษา (, auditory phonetics) ตามเดิมแล้ว หน่วยทางภาษาที่เล็กที่สุดในสัทศาสตร์คือ (phone (phonetics)) หรือเสียงพูดในภาษาหนึ่งซึ่งต่างจากหน่วยเสียงในสัทวิทยา หน่วยเสียงคือการจัดกลุ่มแบบนามธรรมของเสียง
สัทศาสตร์สนใจอย่างกว้าง ๆ ในแง่สองแง่ของการพูดของมนุษย์: การผลิตหรือวิธีการที่มนุษย์ผลิตเสียง และการรับรู้หรือวิธีการที่มนุษย์เข้าใจเสียงพูด (modality (semiotics)) ของภาษาอธิบายวิธีการผลิตและรับรู้ภาษา ภาษาที่ใช้ทักษะมาลาแบบฟัง-พูดเช่นภาษาอังกฤษผลิตการพูดโดยใช้ปากและรับรู้การพูดโดยใช้หู ภาษามือเช่น (Auslan) ใช้ทักษะมาลาแบบมือ-มองและผลิตการพูดโดยใช้มือและรับรู้การพูดโดยใช้ตา ในขณะที่บางภาษาเช่น (American Sign Language) มีสำเนียงที่มีทักษะมาลาแบบมือ-มือ เป็น (tactile signing) สำหรับคนตาบอดและหูหนวกซึ่งสัญลักษณ์ที่ใช้มือผลิตก็รับรู้ด้วยมือเช่นกัน
การผลิตภาษาประกอบไปด้วยกระบวนการหลายกระบวนการที่พึ่งพากันและกัน ซึ่งเปลี่ยนให้ข้อความที่ไม่เป็นภาษาเป็นสัญญาณทางภาษาที่ถูกพูดหรือทำท่าออกมา หลังจากที่ผู้พูดได้ระบุข้อความหนึ่งที่จะถูกเข้ารหัสทางภาษาแล้ว ผู้นั้นจะต้องสรรหาคำศัพท์หรือ (lexical item) เพื่อแทนข้อความนั้นในกระบวนการที่เรียกว่าการคัดเลือกศัพท์ (lexical selection) ในระหว่างนั้นภาพแทนทางจิตของคำศัพท์ต่าง ๆ จะได้รับมอบหมายเนื้อหาทางสัทวิทยาเป็นลำดับของหน่วยเสียงที่จะต้องผลิตออกมา หน่วยเสียงจะระบุลักษณะการออกเสียงเช่น ปิดริมฝีปาก หรือการขยับลิ้นไปในที่ ๆ หนึ่ง จากนั้นหน่วยเสียงเหล่านี้จะถูกประสานงานเป็นลำดับของคำสั่งที่จะส่งไปให้กล้ามเนื้อ และเมื่อคำสั่งเหล่านี้ได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง เสียงก็จะเปล่งออกมาอย่างที่เจตนา
การเคลื่อนไหวเหล่านี้ขัดขวางและดัดแปลงกระแสลมทำให้เกิดคลื่นเสียง การดัดแปลงทำโดยฐานกรณ์ที่มีตำแหน่งและลักษณะเกิดเสียงต่าง ๆ ทำให้เกิดผลลัพธ์เสียงที่ต่างกัน ตัวอย่างเช่นคำว่า ทาก กับ ซาก ทั้งสองคำมีเสียงพยัญชนะปุ่มเหงือกเป็นพยัญชนะต้นแต่แตกต่างที่ระยะทางจากแนวปุ่มเหงือก ความแตกต่างนี้มีผลมากต่อกระแสลม เสียงที่ถูกผลิตจึงแตกต่างไปด้วย ในทางคล้ายกันทิศทางและแหล่งกำเนิดของกระแสลมก็ส่งผลต่อเสียงด้วย กลไกกระแสลมที่พบได้ทั่วไปที่สุดคือกลไกกระแสลมจากปอด แต่ (glottis) และลิ้นก็สามารถใช้ผลิตกระแสลมเช่นกัน
การรับรู้ภาษาเป็นกระบวนการทำความเข้าใจและถอดรหัสสัญญาณทางภาษา สัญญาณเสียงที่ต่อเนื่องจะต้องเปลี่ยนเป็นหน่วยวิยุตทางภาษาเช่นหน่วยเสียง หน่วยคำ และคำเพื่อรับรู้เสียงพูด ผู้ฟังจะให้ความสำคัญต่อแง่มุมหนึ่งของสัญญาณที่สามารถใช้แยกออกเป็นกลุ่มได้อย่างน่าเชื่อถือเพื่อระบุและจัดกลุ่มเสียงได้ถูกต้อง แม่สิ่งบ่งชี้อันหนึ่งจะได้รับความสำคัญมากกว่าอันอื่นแต่แง่มุมอื่น ๆ ก็สามารถมีส่วนต่อการรับรู้ ตัวอย่างเช่น แม้ภาษาพูดจะให้ความสำคัญต่อข้อมูลเสียง ปรากฏการณ์แม็คเกอร์กแสดงให้เห็นว่าข้อมูลทางสายตาก็ถูกใช้เพื่อแยกแยะข้อมูลที่กำกวมเมื่อสิ่งบ่งชี้ทางเสียงไม่น่าเชื่อถือ
สัทศาสตร์สมัยใหม่มีสามสาขาหลัก:
- ซึ่งศึกษาวิธีการใช้ฐานกรณ์ผลิตเสียง
- ซึ่งศึกษาผลทางเสียงของการออกเสียงต่าง ๆ
- ซึ่งศึกษาวิธีที่ผู้ฟังรับรู้และเข้าใจสัญญาณทางภาษา
ประวัติ
สมัยโบราณ
การศึกษาสัทศาสตร์เริ่มเป็นครั้งแรกอย่างน้อยเมื่อ 2,600 ปีที่แล้วหรือ 6 ศตวรรษก่อนคริสตกาลใน โดยปาณินินักวิชาการฮินดูได้อธิบายถึงและในการออกเสียง พยัญชนะในตำราภาษาสันสกฤตของเขา อักษรอินเดียที่ใช้ในปัจจุบันเรียงลำดับตัวอักษรตามการแยกประเภทของปาณินิ เขาเป็นส่วนหนึ่งของผู้ที่สำรวจในเรื่องนี้เป็นคนแรก ๆ และไวยากรณ์สี่ภาคของเขาซึ่งเขียนไว้ประมาณ 350 ปีก่อนคริสกาลมีอิทธิพลต่อภาษาศาสตร์สมัยใหม่และยังเป็น "ภาษาศาสตร์เพิ่มพูนที่สมบูรณ์ที่สุดของภาษาใด ๆ ที่เคยมีเขียนมา" (the most complete generative grammar of any language yet written) ไวยากรณ์ของเขาเป็นรากฐานของภาษาศาสตร์สมัยใหม่และอธิบายหลักการทางสัทศาสตร์ที่สำคัญหลายหลักการ รวมไปด้วยเสียงพูด เขาอธิบายว่าการสั่นพ้องถูกผลิตเป็น "น้ำเสียง" (tone) เมื่อเส้นเสียงปิด และเป็น "เสียง" (noise) เมื่อเส้นเสียงเปิด หลักการทางสัทศาสตร์ในไวยากรณ์นี้ถือว่าเป็น "ปฐมฐาน" ในแง่ที่มันเป็นรากฐานของการวิเคราะห์เชิงทฤษฎีของเขา และไม่ได้เป็นสิ่งที่ถูกวิเคราะห์ในทางทฤษฎีเอง และหลักการเหล่านี้ก็สามารถถูกอนุมานได้จากระบบทางสัทวิทยาของเขา
สมัยใหม่
ความก้าวหน้าในวิชาสัทศาสตร์หลังจากปาณินิและผู้ร่วมสมัยกับเขานั้นถูกจำกัดจนกระทั่งยุคสมัยใหม่ หากสงวนการสำรวจที่จำกัดโดยนักไวยากรณ์ชาวกรีกและโรมันบางคน ในสหัสวรรษระหว่างสมัยนักไวยากรณ์อินเดียและสัทศาสตร์สมัยใหม่ จุดสนใจเปลี่ยนจากความแตกต่างระหว่างภาษาพูดและเขียนซึ่งเป็นแรงผลักดันเบื้องหลังการบรรยายของปาณินิ และเริ่มมาสนใจคุณสมบัติทางกายภาพของการพูดอย่างเดียว ความสนใจในสัทศาสตร์ที่ต่อเนื่องเริ่มขึ้นประมาณในปี ค.ศ. 1800 และคำว่า "phonetics" (สัทศาสตร์) ถูกใช้ในความหมายปัจจุบันเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1841 สัทศาสตร์สามารถมีความเข้าใจมากขึ้นจากการใช้และทบทวนข้อมูลที่ใหม่และมีรายละเอียดกว่าจากการพัฒนาของแพทยศาสตร์และอุปกรณ์ที่สามารถอัดเสียงและภาพ ยุคสมัยแรกของสัทศาสตร์สมัยใหม่นั้นก็รวมไปถึงการพัฒนา (visible speech) ซึ่งเป็นสัทอักษรอันทรงอิทธิพลที่อ้างอิงถึงตำแหน่งการออกเสียงโดย (Alexander Melville Bell) สัทอักษรนี้มีชื่อเสียงเป็นเครื่องมือใน (Oralism)
ก่อนที่อุปกรณ์อัดเสียงจะมีอยู่ทั่วไป นักสัทศาสตร์พึ่งพาธรรมเนียมของสัทศาสตร์เชิงปฏิบัติอย่างหนักเพื่อรับรองว่าการถอดเสียงและการค้นพบจะสอดคล้องกับนักสัทศาสตร์คนอื่น ๆ นี่รวมไปถึงการฝึกหูให้สามารถจำและแยกเสียงพูดได้ และความสามารถในการผลืตเสียงต่าง ๆ นักสัทศาสตร์ยังต้องเรียนรู้ที่จะฟัง จำ และนึกเสียงต่าง ๆ ในสัทอักษรสากล (IPA) ออก IPA นั้นยังถูกใช้เพื่อทดสอบและรับรองความสามารถที่จะออกเสียงภาษาอังกฤษของผู้พูดได้ (แต่ว่าการปฏิบัตินี้เลิกใช้แล้วในภาษาอื่น) เมลวิลล์ เบลล์ได้พัฒนาการอธิบายสระด้วยความสูง (height) และการเป็นหน้าหลัง (backness) เพื่อปรับปรุงวิธีการสอนวิสิเบิลสปีชของเขา ก่อให้เกิด (cardinal vowel) 9 อัน นักสัทศาสตร์ถูกคาดหมายว่าต้องสามารถพูดชุดสระมาตรฐานได้เพื่อยึดเป็นจุดอ้างอิงในการรับรู้และถอดเสียงต่าง ๆ เวลาลงพื้นที่จริง แนวทางนี้ถูกวิจารณ์โดย (Peter Ladefoged) ในช่วงปี ค.ศ. 1960s บนรากฐานของหลักฐานทางทดลองที่เขาพบว่าชุดสระมาตรฐานเป็นเป้าทางเสียงแทนที่จะเป็นเป้าทางการออกเสียง เป็นการท้าทายการอ้างที่ว่านักสัทศาสตร์สามารถใช้ชุดสระมาตรฐานเป็นตัวยึดหลักในการตัดสินการออกเสียงอื่น
การผลิต
การผลิตภาษา (อังกฤษ: Language production) ประกอบไปด้วยกระบวนการหลายกระบวนการที่พึ่งพากันและกัน ซึ่งเปลี่ยนให้ข้อความที่ไม่เป็นภาษาเป็นสัญญาณทางภาษาที่ถูกพูดหรือทำท่าออกมา นักภาษาศาสตร์โต้แย้งว่ากระบวนการผลิตภาษาเกิดขึ้นเป็นลำดับของระยะ (การประมวลผลแบบลำดับ) หรือไม่ และกระบวนการผลิตเกิดขึ้นขนานกัน หลังจากที่ผู้พูดได้ระบุข้อความหนึ่งที่จะถูกเข้ารหัสทางภาษาแล้ว ผู้นั้นจะต้องสรรหาคำศัพท์หรือ (lexical item) เพื่อแทนข้อความนั้นในกระบวนการที่เรียกว่าการคัดเลือกศัพท์ (lexical selection) คำจะถูกเลือกมาบนรากฐานของความหมายซึ่งนักภาษาศาสตร์เรียกว่าข้อมูลความหมาย การคัดเลือกศัพท์กระตุ้น (lemma (psycholinguistics)) ของคำซึ่งมีทั้งข้อมูลความหมายและไวยากรณ์ของคำนั้น
หลังจากได้วางแผนการพูดไว้แล้ว มันจึงจะผ่านการเข้ารหัสทางสัทวิทยา ในการผลิตภาษาระยะนี้ ภาพแทนทางจิตของคำศัพท์ต่าง ๆ จะได้รับมอบหมายเนื้อหาทางสัทวิทยาเป็นลำดับของหน่วยเสียงที่จะต้องผลิตออกมา หน่วยเสียงจะระบุลักษณะการออกเสียงเช่น ปิดริมฝีปาก หรือการขยับลิ้นไปในที่ ๆ หนึ่ง จากนั้นหน่วยเสียงเหล่านี้จะถูกประสานงานเป็นลำดับของคำสั่งที่จะส่งไปให้กล้ามเนื้อ และเมื่อคำสั่งเหล่านี้ได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง เสียงก็จะเปล่งออกมาอย่างที่เจตนา ดังนั้นกระบวนการผลิตจากข้อความไปสู่การออกเสียงออกมาสามารถสรุปได้ตามลำดับดังนี้:
- การวางแผนข้อความ (Message planning)
- การเลือกรากคำ (Lemma selection)
- การค้นคืนและการมอบหมายรูปทางสัทวิทยาของคำ (Retrieval and assignment of phonological word forms)
- การระบุการออกเสียง (Articulatory specification)
- คำสั่งกล้ามเนื้อ (Muscle commands)
- การออกเสียง (Articulation)
- เสียงพูด (Speech sounds)
ตำแหน่งเกิดเสียง
เสียงที่ถูกผลิตโดยการการบีบตัว (constriction) อย่างเต็มหรือบางส่วนของช่องเสียง (vocal tract) จะเรียกว่าพยัญชนะ พยัญชนะถูกออกเสียงในช่องเสียง โดยปกติเป็นในปาก และตำแหน่งที่บีบตัวนี้ก็ส่งผลต่อเสียงผลลัพธ์ เนื่องด้วยความสัมพันธ์ที่แนบชิดระหว่างตำแหน่งของลิ้นและเสียงที่เปล่งออกมา ตำแหน่งเกิดเสียงเป็นแนวคิดที่สำคัญในสาขาวิชาย่อยหลายสาขาในวิชาสัทศาสตร์
เสียงถูกจัดประเภทในบางส่วนด้วยตำแหน่งของการบีบตัว รวมไปทั้งส่วนของร่างกายที่ใช้ในการบีบตัว ตัวอย่างเช่นคำว่า fought และ thought ในภาษาอังกฤษ ทั้งสองเป็น (minimal pair) ที่ต่างกันเพียงอวัยวะที่ใช้บีบตัว มากกว่าตำแหน่งของการบีบตัว "f" ใน fought เป็นการออก (labiodental consonant) ที่เกิดจากริมฝีปากล่างกับฟันบน "th" ใน thought เป็นการออก (linguodental consonant) ที่เกิดจากลิ้นกับฟันบน การบีบตัวที่ทำโดยริมฝีปากเรียกว่า (labialization) และที่ทำโดยลิ้นจะเรียกว่าเสียงพยัญชนะลิ้น (lingual)
การบีบตัวโดยลิ้นสามารถเกิดขึ้นได้ในหลายส่วนของช่องเสียง โดยจัดกลุ่มอย่างกว้าง ๆ เป็น (dorsal) และ (radical) การออกเสียงที่โพรงปากถูกทำโดยส่วนหน้าของลิ้น การออกเสียงที่หลังลิ้นถูกทำโดยส่วนหลังของลิ้น และการออกเสียงที่โคนลิ้นถูกทำในคอหอย การแบ่งกลุ่มนี้ไม่พอสำหรับการแยกแยะและอธิบายเสียงพูดทั้งหมด ตัวอย่างเช่น เสียง [s] และ [ʃ] เป็นเสียงโพรงปากทั้งสอง แต่ถูกผลิตในตำแหน่งที่ต่างกัน เพื่ออธิบายสิ่งนี้ ตำแหน่งเกิดเสียงที่ละเอียดกว่านี้จึงจำเป็นโดยจะพูดถึงพื้นที่ในปากที่เกิดการบีบตัว
ริมฝีปาก
การออกเสียงที่ใช้ริมฝีปากสามารถออกได้สามแบบ: ทั้งบนและล่าง (เสียงพยัญชนะริมฝีปากคู่) ริมฝีปากกับฟัน (เสียงพยัญชนะริมฝีปากล่าง-ฟันบน) และลิ้นกับริมฝีปากบน (เสียงพยัญชนะลิ้น-ริมฝีปากบน) การออกเสียงจำพวกนี้ทั้งหมดหรือบางส่วนขึ้นอยู่กับนิยามที่ใช้สามารถจัดกลุ่มให้เป็น (labial consonant) (bilabial consonant) ทำโดยใช้ริมฝีปากบนและล่าง เพื่อผลิตเสียงนี้ริมฝีปากล่างเคลื่อนที่ไกลที่สุดไปหาริมฝีปากบนซึ่งเคลื่อนลงมาหน่อยเดียว แต่ในบางกรณีแรงลมที่ผ่านช่องระหว่างริมฝีปากทั้งสองอาจทำให้ริมฝีปากแยกออกจากกันเร็วกว่าที่เข้ามาหากัน การออกเสียงทั้งสองแบบเกิดจากเนื้อเยื่ออ่อนซึ่งต่างจากการออกเสียงอื่น ๆ เสียงหยุดริมฝีปากจึงมักจะถูกผลิตด้วยการปิดไม่สมบูรณ์ มากกว่าการออกเสียงที่ใช้พื้นผิวแข็งเช่นฟันหรือเพดานปาก นอกจากนั้นเสียงหยุดริมฝีปากยังแปลกอีกตรงที่ฐานกรณ์ส่วนบนมีการเคลื่อนที่ลงล่าง อย่างที่ริมฝีปากบนมีการเคลื่อนที่ลงล่างเล็กน้อย
(linguolabial consonant) ทำจากปลายลิ้นแตะริมฝีปากบน ริมฝีปากบนเคลื่อนที่เข้าหาฐานกรณ์ที่เคลื่อนไหวมากกว่าเหมือนกับในการออกเสียงริมฝีปากคู่ การออกเสียงของพยัญชนะในกลุ่มนี้ไม่มีตัวอักษรของตัวเองในสัทอักษรสากลและต้องใช้สัญลักษณ์ปลายสุดลิ้นกับเครื่องหมายเสริมที่ชี้ว่าเสียงนี้อยู่ในประเภทโพรงปาก [d̼] (เสียงหยุดลิ้น-ริมฝีปากบนก้อง) เสียงพวกนี้มีอยู่ในภาษาหลายภาษาพื้นเมืองของวานูอาตูเช่น (Tangoa language) ทำจากริมฝีปากล่างแตะฟันบน โดยปกติพยัญชนะริมฝีปากล่าง-ฟันบนเป็นพยัญชนะ (fricative) และเสียงนาสิกก็พบเจอได้ มีการโต้แย้งกันว่าเสียงหยุดริมฝีปากล่าง-ฟันบนที่แท้จริงมีอยู่ในภาษาธรรมชาติหรือไม่ แม้มีรายงานว่าภาษาหลายภาษามีเสียงหยุดริมฝีปากล่าง-ฟันบนก็ตาม เช่น (Zulu) (Tonga language (Zambia and Zimbabwe)) และ (Shubi language)
โพรงปาก
(อังกฤษ: Coronal consonant) ทำจากปลายลิ้นและเนื่องมาจากความคล่องแคล่วของลิ้นส่วนหน้าจึงมีตำแหน่งและท่าทางที่หลากหลาย ตำแหน่งเกิดเสียงโพรงปากคือพื้นที่ในปากที่ลิ้นแตะหรือบีบตัว ซึ่งรวมไปถึงตำแหน่งที่ฟัน ปุ่มเหงือก และหลังปุ่มเหงือก ท่าทางลิ้นที่ใช้ส่วนปลายสุดของลิ้นจะได้ (apical consonant) หากใช้ส่วนปลายลิ้นจะได้ (laminal consonant) และหากปลายลิ้นโค้งขึ้นข้างหลังและใช้ส่วนล่างของปลายลิ้นจะได้ (retroflex consonant) พยัญชนะโพรงปากเป็นกลุ่มพยัญชนะที่มีลักษณะเฉพาะตรงที่มันรองรับทุกลักษณะ (Australian languages) เป็นที่รู้จักว่ามีพยัญชนะโพรงปากที่มีความหลากหลาย (Dental consonant) ทำจากส่วนปลายของลิ้นและฟันบนและสามารถจัดออกเป็นสองกลุ่มขึ้นกับส่วนของลิ้นที่ใช้ผลิต: เสียงพยัญชนะปลายสุดลิ้น-ฟัน (apical dental consonant) ผลิตจากส่วนปลายสุดของลิ้นแตะฟันบน เสียงพยัญชนะลิ้นระหว่างฟัน (interdental consonant) ผลิตจากส่วนบนของปลายลิ้นแตะฟันบนและส่วนปลายสุดของลิ้นยื่นออกไปด้านหน้า ไม่มีภาษาไหนที่เป็นที่รู้จักว่าใช้ทั้งสองเสียงพยัญชนะเป็นเสียงที่แยกจากกันแต่อาจมีที่ใช้ทั้งสองเป็นหน่วยเสียงย่อย (Alveolar consonant) ทำจากส่วนปลายของลิ้นแตะที่แนวปุ่มเหงือกด้านหลังฟันบนและอาจเป็นได้ทั้งปลายสุดลิ้นหรือปลายลิ้น
พยัญชนะฟันและปุ่มเหงือกถูกแยกแยะในหลาย ๆ ภาษา ทำให้มีการวางนัยทั่วไปแบบแผนระหว่างภาษาขึ้นมาจำนวนหนึ่ง ส่วนของลิ้นที่ใช้ผลิตเสียงก็ถูกแยะแยะเป็นตำแหน่งเกิดเสียงที่ต่างกันด้วย: ภาษาที่มีเสียงหยุดฟันส่วนใหญ่จะมีเสียงปลายลิ้น-ฟัน และภาษาที่มีเสียงหยุดปลายสุดลิ้นจะมีเสียงหยุดปลายสุดลิ้น น้อยมากที่ภาษาจะมีพยัญชนะสองตัวในที่เดียวกันที่ใช้ปลายลิ้นคนละส่วน ยกเว้น (ǃXóõ) ซึ่งไม่เป็นตามแบบแผนนี้ ถ้าภาษาหนึ่งมีเสียงหยุดฟันหรือปุ่มเหงือกอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงเสียงเดียว เสียงนั้นจะเป็นปลายลิ้นหากเป็นเสียงฟัน และเป็นปลายสุดลิ้นหากเป็นเสียงปุ่มเหงือก ยกเว้นบางภาษาเช่น (Temne language) และภาษา และภาษาบัลแกเรียซึ่งไม่เป็นตามแบบแผนนี้ ถ้าภาษาหนึ่งมีทั้งเสียงหยุดปลายลิ้นและปลายสุดลิ้น เสียงปลายลิ้นมักจะเป็นเสียงกักเสียดแทรกเช่นใน (Isoko language) ในขณะที่ (Dahalo language) มีแบบแผนที่ตรงข้ามกัน เสียงหยุดปุ่มเหงือกกักเสียดแทรกกว่า
(Retroflex consonant) มีหลายนิยามซึ่งขึ้นอยู่กับว่าตำแหน่งของลิ้นหรือตำแหน่งขแงเพดานปากเด่นชัดกว่า โดยทั่วไปแล้วเป็นกลุ่มของการออกเสียงที่ปลายลิ้นม้วนขึ้นด้านบนระดับหนึ่ง ด้วยวิธีนี้การออกเสียงแบบม้วนลิ้นสามารถเกิดขึ้นได้บนหลายตำแหน่งของเพดานปากซึ่งรวมไปถึงปุ่มเหงือก หลังปุ่มเหงือก และเพดานแข็ง หากด้านใต้ของลิ้นไปสัมผัสเพดานปากก็จะเป็นเสียงจากใต้ปลายสุดลิ้น แต่เสียงปลายสุดลิ้นจากปุ่มเหงือกก็ถูกเรียกเป็นเสียงลิ้นม้วนเช่นเดียวกัน ตัวอย่างปกติของเสียงลิ้นม้วนใต้ปลายสุดลิ้นคือเสียงที่พบเจอได้ทั่วไปในภาษากลุ่มดราวิเดียน และใน (Indigenous languages of the Americas) บางภาษา ความแตกต่างระหว่างเสียงหยุดฟันและปุ่มเหงือกคือเสียงปุ่มเหงือกจะม้วนลิ้นเล็กน้อย ในทางเสียง การม้วนลิ้นมักส่งผลต่อกลุ่มความถี่สั่นพ้อง (formant) ที่สูงกว่า
การออกเสียงที่เกิดขึ้นด้านหลังของแนวปุ่มเหงือก (alveolar ridge) เรียกว่า (post-alveolar consonants) และมีคำศัพท์เรียกหลายคำ เสียงพยัญชนะหลังปุ่มเหงือกปลายสุดลิ้นมักจะถูกเรียกว่าพยัญชนะลิ้นม้วน ในขณะที่การออกเสียงปลายลิ้น (laminal) มักจะถูกเรียกว่าเสียงพยัญชนะปุ่มเหงือก-เพดานแข็ง (palato-alveolar) ในวรรณกรรมของภาษาชนดั้งเดิมออสเตรเลีย เสียงหยุดปลายลิ้นมักถูกเรียกเป็นเสียง 'เพดานแข็ง' ถึงแม้จะถูกผลิตเยื้องไปข้างหน้ากว่าพื้นที่แถบเพดานแข็ง และเพราะแต่ละคนมีกายวิภาคที่ต่างกัน การออกเสียงปุ่มเหงือก-เพดานแข็ง (และเสียงโพรงปากโดยทั่วไป) สามารถมีความแตกต่างกันอย่างมากภายในชุมชนภาษา
หลังลิ้น
(อังกฤษ: Dorsal consonants) คือเสียงพยัญชนะที่ใช้ตัวลิ้นแทนส่วนปลายลิ้นและมักจะถูกผลิตที่เพดานแข็ง เพดานอ่อน (velum) หรือลิ้นไก่ (uvula) (Palatal consonants) ทำโดยใช้ตัวลิ้นแตะเพดานแข็งที่เพดานปาก เสียงพยัญชนะเพดานแข็งมักจะถูกเปรียบต่างกับเสียงพยัญชนะเพดานอ่อนหรือลิ้นไก่ และหายากที่จะมีภาษาใดเปรียบต่างทั้งสามเสียง ตัวอย่างหนึ่งของภาษาที่เปรียบต่างทั้งสามเสียงคือ (Jaqaru language) (Velar consonants) ทำโดยใช้ตัวลิ้นแตะ (soft palate) เสียงนี้เป็นเสียงที่พบเจอได้บ่อยมากในหลาย ๆ ภาษา เกือบทุกภาษามีเสียงหยุดเพดานอ่อน (coarticulation) ระหว่างเสียงเพดานอ่อนกับสระมักจะเกิดขึ้นและอาจทำให้ตำแหน่งออกเสียงอยู่ไกลถึงเพดานแข็งด้านหน้าหรือถึงลิ้นไก่ด้านหลังเพราะทั้งเสียงเพดานอ่อนและเสียงสระผลิตโดยใช้ตัวลิ้น การแปรผันเหล่านี้ปกติจะถูกแบ่งเป็นเสียงเพดานอ่อนหน้า กลาง และหลังตามบริเวณเสียงสระ เสียงนี้อาจถูกแยกแยะจากเสียงเพดานแข็งได้ยากในทางสัทศาสตร์แต่มันถูกผลิตอยู่หลังบริเวณที่เสียงพยัญชนะเพดานแข็งทั่วไปถูกผลิตเล็กน้อย (Uvular consonants) ทำโดยใช้ตัวลิ้นแตะหรือเคลื่อนหาลิ้นไก่ เสียงนี้หายากและถูกประมาณว่ามีแค่ใน 19 เปอร์เซ็นต์ของภาษาทั้งหมด ส่วนภูมิภาคขนาดใหญ่ของทวีปอเมริกาและแอฟริกาไม่มีภาษาที่มีเสียงพยัญชนะลิ้นไก่เลย ในภาษาที่มีเสียงพยัญชนะลิ้นไก่เสียงหยุดมักจะตามด้วย (continuant) (รวมไปถึงเสียงพยัญชนะนาสิก)
ช่องคอและกล่องเสียง
เสียงพยัญชนะที่ทำโดยการบีบตัวของช่องคอคือ (Pharyngeal consonant) และที่ทำโดยการบีบตัวในกล่องเสียงคือ (Laryngeal consonant) เสียงจากกล่องเสียงทำโดยใช้เส้นเสียงเพราะตัวกล่องเสียงอยู่ลึกเกินที่จะใช้ลิ้นได้ แต่เสียงจากช่องคอยังใกล้ปากพอที่ส่วนของลิ้นเคลื่อนถึง
เสียงพยัญชนะโคนลิ้นใช้โคนของลิ้นหรือลิ้นปิดกล่องเสียงเพื่อผลิต และถูกผลิตลึกมากไปในช่องเสียงทำโดยการร่นถอยโคนลิ้นไปไกลจนเกือบแตะคอหอย เพราะผลิตได้ยากจึงมีเพียงแค่เสียงเสียดแทรกและเสียงเปิดที่ผลิตในที่นี้ได้ (Epiglottal consonant) ทำโดยลิ้นปิดกล่องเสียงและผนังด้านหลังของคอหอย เสียงหยุดลิ้นปิดกล่องเสียงถูกบันทึกใน เสียงพยัญชนะลิ้นปิดกล่องเสียงก้องเป็นไปไม่ได้เพราะโพรงระหว่างและลิ้นปิดกล่องเสียงเล็กเกินกว่าจะทำเสียงก้องได้
(Glottal consonant) ถูกผลิตโดยใช้เส้นเสียงในกล่องเสียง พยัญชนะเส้นเสียงหลายอันไม่มีวันออกเสียงได้เช่นเสียงหยุดเส้นเสียงก้องเพราะเส้นเสียงเป็นต้นกำเนิดของการเปล่งเสียงพูดและอยู่ข้างล่างช่องเสียงปาก-จมูก มีเสียงพยัญชนะเส้นเสียงสามเสียงที่ทำได้คือเสียงหยุดเส้นเสียงไม่ก้องและเสียงเสียดแทรกเส้นเสียงสองเสียง ทั้งหมดถูกยืนยันว่ามีอยู่ในภาษาธรรมชาติเสียงหยุดเส้นเสียงซึ่งถูกผลิตโดยการปิด พบเจอได้บ่อยในภาษาต่าง ๆ ทั่วโลก ในขณะที่หลาย ๆ ภาษาใช้เสียงนี้เพื่อแบ่งเขตของวลี บางภาษาเช่น (Mazatecan Language) ใช้เป็นหน่วยเสียงหน่วยนึง นอกจากนั้นในภาษานี้เสียงหยุดเส้นเสียงที่ตามด้ายสระอาจทำให้สระเกิด (Creaky voice) ด้วย เสียงหยุดเส้นเสียงมักจะปิดหรือหยุดไม่สมบูรณ์เมื่ออยู่ระหว่างสระ เสียงหยุดเส้นเสียงที่แท้จริงเกิดขึ้นเมื่อถูก (Gemination) เท่านั้น
กล่องเสียง
กล่องเสียงเป็นโครงสร้างกระดูกอ่อนที่อยู่ในหลอดลมซึ่งมีหน้าที่ (phonation) เส้นเสียงขยับเข้าหากันเพื่อสั่นหรือออกห่างจากกันเพื่อไม่ให้สั่น เส้นเสียงเปลี่ยนเป็นตำแหน่งต่าง ๆ ด้วยการเคลื่อนไหวของ (Arytenoid cartilage)กล้ามเนื้อกล่องเสียงภายใน (intrinsic laryngeal muscles) มีหน้าที่ขยับกระดูกอ่อนอริทีนอยด์และปรับความตึงของเส้นเสียง ถ้าเส้นเสียงปิดไม่แคบหรือดึงไม่ตึงพอก็จะสั่นแบบไม่สม่ำเสมอหรือไม่สั่นเลย ถ้าสั่นแบบไม่สม่ำเสมอก็อาจให้เสียงต่ำลึกหรือเสียงลมแทรก (breathy voice) ขึ้นอยู่กับว่าสั่นระดับไหน และหากไม่สั่นเลยก็จะเป็นเสียง (voicelessness)
นอกจากการจัดตำแหน่งเส้นเสียงให้ถูกต้องแล้ว ลมจะต้องไหลผ่านไม่อย่างนั้นก็จะไม่สั่น ความแตกต่างของความดันตลอดช่องเส้นเสียงที่ต้องมีเพื่อออกเสียงถูกประมาณอยู่ระหว่างความดัน 1 ถึง 2 (98.0665 ถึง 196.133 ปาสกาล) ความแตกต่างของความดันสามารถต่ำกว่าระดับที่จำเป้นต่อการเปล่งเสียงได้อาจเพราะมีความดันเพิ่มขึ้นเหนือช่องเส้นเสียง (ความดันเหนือช่องเส้นเสียง) หรือความดันลดลงใต้ช่องเส้นเสียง (ความดันใต้ช่องเส้นเสียง) ความดันใต้ช่องเส้นเสียงถูกรักษาโดย (respiratory muscles) ความดันเหนือช่องเส้นเสียงเท่ากับความดันบรรยากาศหากเส้นเสียงไม่มีการบีบตัวหรือการออกเสียง แต่เพราะการออกเสียงคือการบีบตัวกักการไหลของอากาศโดยเฉพาะเสียงพยัญชนะ ความดันในโพรงข้างหลังการบีบตัวอาจเพิ่มสูงขึ้นได้ทำให้ความดันเหนือช่องเส้นเสียงสูงขึ้นด้วย
การเข้าถึงศัพทานุกรม
จากตัวแบบการเข้าถึงศัพทานุกรม มีระยะของการรู้คิดอยู่สองระยะ จึงเรียกว่าทฤษฎีการเข้าถึงศัพทานุกรมสองระยะ ระยะแรกกระบวนการเลือกศัพท์ (lexical selection) จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับรายการศัพท์ (lexical item) ที่จำเป็นเพื่อสร้างตัวแทนระดับหน้าที่ (functional level representation) รายการเหล่านี้ถูกค้นคืนตามคุณสมบัติทางความหมายและวากยสัมพันธ์แต่รูปทางเสียงยังไม่มีในระยะนี้ ระยะที่สองการค้นรูปคำคืน (retrieval of wordforms) ให้ข้อมูลที่จำเป็นต่อการสร้างตัวแทนระดับตำแหน่ง (positional level representation)
ตัวแบบการออกเสียง
เวลาพูด ฐานกรณ์จะขยับผ่านหรือแตะตำแหน่งหนี่งในปากทำให้สัญญาณเสียงเปลี่ยนไป ตัวแบบการผลิตเสียงพูดบางแบบใช้สิ่งนี้เป็นฐานสำรับการจำลองการออกเสียงเป็นระบบพิกัดที่อาจเป็นแบบภายใน (intrinsic) หรือภายนอก (extrinsic) ระบบพิกัดแบบภายในจำลองการเคลื่อนไหวของฐานกรณ์เป็นตำแหน่งและมุมของข้อต่อต่าง ๆ ในร่างกาย ตัวแบบพิกัดแบบภายในของขากรรไกรมักใช้องศาเสรี (degree of freedom) สองถึงสามองศาซึ่งแทนการเคลื่อนและการหมุน การจำลองแบบนี้จะมีปัญหากับลิ้นซึ่งเป็น (muscular hydrostat) เหมือนงวงช้าง ไม่มีข้อต่อแบบขากรรไกรหรือแขน เพราะมีโครงสร้างสรีระที่ต่างกัน เส้นทางการเคลื่อนไหวของขากรรไกรจึงเป็นเส้นตรงขณะพูดและเคี้ยว ในขณะที่การเคลื่อนไหวของลิ้นจะเป็นเส้นโค้งไปมา
การเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงถูกใช้เพื่ออ้างว่าการออกเสียงถูกวางแผนบนพื้นที่ว่างภายนอกมากกว่าภายใน แต่ระบบพิกัดแบบภายนอกจะรวมถึงพื้นที่ว่างพิกัดทางเสียงด้วยไม่ใช่แค่พื้นที่พิกัดทางกายภาพ ตัวแบบที่สมมุติว่าการเคลื่อนไหวถูกวางแผนในพื้นที่ว่างภายนอกจะเจอ (inverse problem) ในการอธิบายตำแหน่งของกล้ามเนื้อและข้อต่อที่ผลิตเส้นทางหรือสัญญาณเสียงอันหนึ่ง ตัวอย่างเช่นแขนมีองศาเสรีเจ็ดองศาและกล้ามเนื้อ 22 มัด การผสมผสานระหว่างการปรับตำแหน่งของข้อต่อและกล้ามเนื้อที่ต่างกันสามารถนำไปสู่ตำแหน่งสุดท้ายตำแหน่งเดียวกันได้ ปัญหาการวางแผนผังจากหนึ่งไปมากก็มีอยู่สำหรับตัวแบบการวางแผนในพื้นที่ทางเสียงภายนอก โดยไม่มีการวางแผนผังที่เป็นเอกลักษณ์จากเป้าหมายทางเสียงหรือกายภาพที่ต้องการอันหนึ่งกับการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อที่ต้องขยับ แต่ทว่าความกังวลเรื่องปัญหาผกผันอาจถูกพูดให้เกินจริงไปมาก ในเมื่อการพูดเป็นทักษะที่เรียนรู้โดยใช้โครงสร้างทางประสาทที่วิวัฒนาการมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
ตัวแบบจุดสมดุล (equilibrium-point model) นำเสนอมติต่อปัญหาผกผันโดยอ้างให้เป้าหมายของการเคลื่อนไหวถูกแทนเป็นตำแหน่งของคู่กล้ามเนื้อที่กระทำบนข้อต่อ กล้ามเนื้อถูกจำลองเป็นสปริงและเป้าหมายเป็นจุดสมดุลของระบบของมวลกับสปริง เพราะว่าใช้สปริง ตัวแบบจุดสมดุลสามารถแก้เพื่อชดเชยหรือตอบสนองต่อการก่อกวนการเคลื่อนไหวได้ ตัวแบบนี้นับเป็นตัวแบบพิกัดเพราะมันสมมุติแทนตำแหน่งกล้ามเนื้อเหล่านี้เป็นจุดในปริภูมิ หรือจุดสมดุล ที่ซึ่งกิริยาคล้ายสปริงของกล้ามเนื้อมาบรรจบกัน
วิธีการทางท่าทางต่อการผลิตเสียงพูด (speech production) นำเสนอให้การออกเสียงถูกแทนเป็นแบบแผนการเคลื่อนไหวแทนพิกัดเป้าหมายพิกัดหนึ่ง หน่วยที่เล็กที่สุดคือท่าทางที่แทนกลุ่มของ "แบบแผนการเคลื่อนไหวทางสรีระที่สมมูลกันเชิงหน้าที่ที่ถูกควบคุมโดยอ้างอิงจุดหมายที่เกี่ยวข้องกับการพูดจุดหนึ่ง (เช่น การปิดริมฝีปากคู่)" กลุ่มเหล่านี้แทนโครงสร้างทางพิกัดหรือ "synergies" ซึ่งมองการเคลื่อนไหวเป็นการรวมกลุ่มของกล้ามเนื้อที่ทำงานด้วยกันเป็นหน่วยเดียวโดยพึ่งพาภารกิจแทนการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อที่เป็นปัจเจก นี่ลดองศาเสรีในการวางแผนการออกเสียงซึ่งเป็นปัญหาโดยเฉพาะในตัวแบบพิกัดแบบภายในซึ่งอนุญาตการเคลื่อนไหวใด ๆ ที่สำเร็จจุดมุ่งหมายการพูด แทนที่จะเข้ารหัสการเคลื่อนไหวอันหนึ่งให้เป็นตัวแทนนามธรรม การออกเสียงผสมถูกอธิบายเป็นอย่างดีด้วยตัวแบบทางท่าทาง เพราะการออกเสียงในอัตราที่สูงกว่าสามารถอธิบายเป็นการประกอบกันของท่าทางที่อิสระจากกันในการพูดด้วยอัตราที่ช้ากว่า
สวนศาสตร์
เสียงพูดถูกผลิตโดยการดัดแปลงกระแสลมโดยฐานกรณ์ทำให้เกิดคลื่นเสียง ฐานกรณ์ที่อยู่ในตำแหน่งและลักษณะต่าง ๆ ทำให้เกิดเสียงที่ต่างกัน นอกจากตำแหน่งของลิ้นแล้วรูปร่างของช่องเสียงก็ส่งผลต่อเสียงที่เปล่งออกมาเช่นเดียวกัน (manner of articulation) จึงเป็นสื่งสำคัญในการพรรณนาเสียงพูด คำว่า ทาก และ ซาก ขึ้นต้นด้วยเสียงปุ่มเหงือกทั้งสองคำ แต่ทั้งสองเสียงต่างกันที่ระยะทางระหว่างลิ้นและแนวปุ่มเหงือก ความแตกต่างนี้มีผลมากต่อกระแสลม เสียงที่ถูกผลิตจึงแตกต่างไปด้วย กลไกกระแสลมที่พบได้ทั่วไปที่สุดคือกลไกกระแสลมจากปอด (pulmonic) แต่ (glottis) และลิ้นก็สามารถใช้ผลิตกระแสลมเช่นกัน
ความก้องและลักษณะเสียงพูด
ความแตกต่างสำคัญระหว่างเสียงพูดต่าง ๆ คือว่าเสียงนั้นก้อง (voiced) หรือไม่ก้อง เสียงหนึ่งจะก้องเมื่อเส้นเสียงเริ่มสั่นในกระบวนการเปล่งเสียงพูด (phonation) เสียงหลายเสียงสามารถผลิตได้ด้วยทั้งการเปล่งเสียงหรือไม่เปล่งเสียง แต่บางครั้งข้อจำกัดทางกายภาพของการออกเสียงอันหนึ่งทำให้เป็นไปไม่ได้ เมื่อออกเสียงก้องแหล่งกำเนิดหลักของเสียงคือการสั่นของเส้นเสียง การออกเสียงไม่ก้องเช่นเสียงหยุดไม่ก้องไม่มีแหล่งกำเนิดเสียงจึงมีเสียงเงียบ ส่วนเสียงไม่ก้องแบบเสียดแทรกมีแหล่งกำเนิดเสียงของตัวเองโดยไม่ต้องเปล่งเสียง
การเปล่งเสียงถูกควบคุมโดยกล้ามเนื้อของกล่องเสียง ความก้องในภาษามีรายละเอียดเยอะกว่าแค่เป็นทวิภาค เวลาเปล่งเสียงเส้นเสียงจะสั่นในอัตราหนึ่ง การสั่นนี้ทำให้เกิดรูปคลื่นเสียงซ้ำคาบที่ประกอบไปด้วยความถี่มูลฐานและฮาร์มอนิก ความถี่มูลฐานของคลื่นเสียงสามารถถูกควบคุมด้วยการปรับกล้ามเนื้อของกล่องเสียงและผู้ฟังจะรับรู้ความถี่มูลฐานนี้เป็นระดับเสียง ภาษาปรับระดับเสียงเพื่อถ่ายทอดข้อมูลความหมายในภาษาที่มีวรรณยุกต์และหลายภาษาใช้ระดับเสียงเพื่อตราข้อมูลทางสัทสัมพันธ์ (prosodic) หรือทางปฏิบัติ (pragmatic)
เส้นเสียงจะต้องอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องและต้องมีลมไหลผ่านช่องเส้นเสียงเพื่อสั่น ลักษณะเสียงพูดถูกจำลองด้วยภาวะต่อเนื่อง (continuum) ของช่องเส้นเสียงจากเปิดสุด (ไม่ก้อง) จนถึงปิดสุด (เสียงหยุดเส้นเสียง) ตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับการสั่นและเสียงปกติ (modal voice) ที่เป็นลักษณะเสียงที่ใช้พูดบ่อยที่สุดอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองแบบ ถ้าช่องเส้นเสียงกว้างกว่าเดิมเล็กน้อยก็จะเกิดเสียงลมแทรก (breathy voice) และถ้าช่องเส้นเสียงแคบลงก็จะเกิดเสียงต่ำลึก (creaky voice)
รูปแบบการเปล่งเสียงปกติที่ใช้พูดโดยทั่วไปคือเสียงปกติ เป็นเสียงที่ถูกผลิตเมื่อเส้นเสียงอยู่ใกล้กันและมีความตึงปานกลาง เส้นเสียงสั่นเป็นหน่วยเดียวกันอย่างซ้ำคาบและมีประสิทธิภาพโดยไม่มี (aspiration) และช่องเส้นเสียงปิดสนิท ถ้าเส้นเสียงถูกดึงห่างจากกันก็จะไม่สั่นและผลิตเสียงไม่ก้อง และถ้าเส้นเสียงชิดกันแน่นก็จะผลิตเสียงหยุดเส้นเสียง
หากเส้นเสียงอยู่ห่างกันกว่าที่เป็นในเสียงปกติเล็กน้อยก็จะผลิตลักษณะเสียงพูดที่เรียกว่าเสียงลมแทรกหรือเสียงกระซิบ (whispery voice) ความตึงของเส้นเสียงน้อยกว่าในเสียงปกติทำให้อากาศสามารถไหลได้อิสระกว่าเดิม ทั้งเสียงลมแทรกและเสียงกระซิบอยู่เป็นภาวะต่อเนื่องของรูปคลื่นตั้งแต่รูปคลื่นของเสียงลมแทรกที่ซ้ำคาบกว่าจนถึงรูปคลื่นของเสียงกระซิบที่มีการรบกวนเยอะกว่า ในทางสวนศาสตร์ทั้งสองเสียงยับยั้งความถี่สั่นพ้องแรก โดยเฉพาะเสียงกระซิบซึ่งมีการเบี่ยงเบนที่สุดขีดกว่า
เมื่อเส้นเสียงอยู่ใกล้กันก็จะเกิดเสียงต่ำลึก ความตึงของเส้นเสียงน้อยกว่าในเสียงปกติและถูกดึงใกล้กันแน่นทำให้มีเอ็นเสีนเสียงเอ็นเดียวที่สั่น พัลส์ไม่สม่ำเสมอและมีระดับเสียงกับแอมพลิจูดความถี่ที่ตำ
บางภาษาไม่แยกแยะพยัญชนะระหว่างก้องและไม่ก้อง แต่ทุกภาษาใช้ความก้องในระดับหนึ่ง เช่นไม่มีภาษาไหนที่เปรียบต่างความก้องของเสียงสระทางหน่วยเสียง และเสียงสระทุกเสียงที่รู้จักถูกยอมรับโดยทั่วไปว่าออกเสียงแบบปกติ ตำแหน่งอื่น ๆ ในช่องเส้นเสียงเช่นลมแทรกและต่ำลึกถูกใช้ในภาษาอื่น ๆ หลายภาษาเช่น (Jalapa Mazatec) เพื่อเปรียบต่างหน่วยเสียง ในขณะที่เสียงทั้งสองแบบนี้เป็นหน่วยเสียงย่อยในภาษาอื่นเช่นภาษาอังกฤษ
มีหลายวิธีเพื่อตัดสินว่าส่วนส่วนหนึ่งก้องหรือไม่ วิธีที่ง่ายที่สุดคือการเอามือแตะบริเวณกล่องเสียงระหว่างพูดและสังเกตการสั่น วิธีการวัดที่แม่นยำกว่าใช้การวิเคราะห์ทางเสียงของสเปกโตรแกรมหรือชิ้นสเปกตรัม ในการวิเคราะห์สเปกโตรแกรมส่วนที่ก้องจะแสดงแถบความก้องหรือพื้นที่ที่มีพลังงานทางเสียงสูงในช่วงความถี่ต่ำของส่วนที่ก้อง ในการตรวจสอบชิ้นสเปกตรัมหรือสเปกตรัมเสียง ณ จุดเวลาจุดหนึ่ง ตัวแบบของเสียงสระที่ออกเสียงมากลับการกรองของปากทำให้ได้สเปกตรัมของช่องเส้นเสียง ตัวแบบเชิงคำนวณของสัญญาณจากช่องเส้นเสียงที่ยังไม่ถูกกรองจึงถูกนำไปสอดกับสัญญาณเสียงที่ถูกกรองย้อนกลับเพื่อพิจารณาคุณลักษณะของช่องเส้นเสียง การวิเคราะห์ทางสายตาก็สามารถทำได้ด้วยการใช้เครื่องมือแพทย์พิเศษเช่นอัลตราซาวด์และการส่องกล้อง
สระ
สระถูกจัดกลุ่มกว้าง ๆ จากพื้นที่ในปากที่สระนั้นถูกผลิต แต่เพราะสระถูกผลิตโดยไม่มีการบีบตัวของช่องเสียง การพรรณนาอย่างแม่นยำจำเป็นต้องใช้การวัดสหสัมพันธ์ (correlation) ระหว่างเสียงกับตำแหน่งของลิ้น ตำแหน่งของลิ้นระหว่างการผลิตเสียงสระเปลี่ยนความถี่ที่สะท้อนในโพรงปากและเสียงสะท้อนนี้เรียกว่า (formant) ซึ่งถูกวัดและถูกใช้เพื่อบ่งลักษณะของสระเสียงหนึ่ง
ความสูงของสระโดยดั้งเดิมแล้วหมายถึงจุดสูงสุดของลิ้นระหว่างการออกเสียง ความสูงสามารถแบ่งเป็นสี่ระดับพื้นฐาน: ระดับสูง (close) กลางสูง (close-mid) กลางต่ำ (open-mid) และระดับต่ำ (open) สระที่ความสูงอยู่ตรงกลางจะเรียกว่าสระระดับกลาง (mid) สระสูงที่ต่ำลงเล็กน้อยและสระต่ำที่สูงขึ้นเล็กน้อยเรียกว่าสระเฉียดสูง (near-close) และเฉียดต่ำ (near-open) ตามลำดับ สระที่ต่ำที่สุดไม่ได้ใช้แค่ลิ้นที่ต่ำแต่ใช้ขากรรไกรที่ต่ำด้วย
แม้ IPA จะแสดงว่าสระมีระดับความสูงเจ็ดระดับ แต่ยากมากที่ภาษาใดจะเปรียบต่างทั้งเจ็ดระดับ ชอมสกีและ (Morris Halle) เสนอว่ามีแค่สามระดับ แต่ว่าต้องใช้สี่ระดับเพื่อพรรณนาสระในภาษาเดนมาร์กและเป็นไปได้ที่บางภาษาจำเป็นจะต้องใช้ห้าระดับ
ความหลังของสระแบ่งได้เป็นสามระดับ: หน้า (front) กลาง (central) และหลัง (back) ภาษาต่าง ๆ มักไม่เปรียบต่างเกินไปกว่าสองระดับ บางภาษาถูกอ้างว่ามีความหลังสามระดับรวมไปถึง (Nimboran language) และภาษานอร์เวย์
ในภาษาส่วนใหญ่ริมฝีปากสามารถแบ่งเป็นห่อ (rounded) และไม่ห่อ (unrounded) แต่ริมฝีปากรูปแบบอื่น ๆ เช่นการห่อเข้า (compression) และห่อออก (protrusion) ก็มี รูปแบบริมฝีปากเทียบสัมพันธ์กับความสูงและความหลัง: สระหน้าและสระต่ำมักจะไม่ห่อปากในทางตรงกันข้ามสระหลังและสูงมักจะห่อปาก สระที่คู่กันบนแผนผัง IPA ด้านซ้ายคือสระปากไม่ห่อและด้านขวาคือสระปากห่อ
สระในบางภาษามีลักษณะเฉพาะเพิ่มเติมเช่น (nasal vowel) (vowel length) และลักษณะเสียงพูดต่าง ๆ เช่น (voiceless vowel) หรือ บางครั้งลิ้นต้องอยู่ในท่าทางพิเศษเช่น (rhotic vowel) (advanced and retracted tongue root) (strident vowel) และความเสียดแทรก (frication) เพื่อที่จะใช้พรรณนาเสียงสระบางเสียง
ลักษณะเกิดเสียง
แค่ตำแหน่งเกิดเสียงไม่พอที่จะพรรณนาเสียงพยัญชนะ วิธีการบีบบังคับ (stricture) ก็สำคัญพอ ๆ กัน ลักษณะเกิดเสียง (อังกฤษ: Manners of articulation) อธิบายวิธีที่กรณ์ (active articulator) ดัดแปลง บีบแคบ หรือปิดช่องเสียง
เสียงพยัญชนะหยุดคือเสียงพยัญชนะที่กระแสลมถูกขวางมิด ความดันเพิ่มขึ้นในปากขณะที่บีบบังคับและถูกปล่อยออกมาเป็นการระเบิดเสียงสั้น ๆ หลังจากเมื่อกรณ์ขยับแยกออกมา เพดานอ่อนยกตัวขึ้นเพื่อไม่ให้มีอากาศไหลผ่านจมูก ถ้าเพดานอ่อนลดตัวลงและปล่อยอากาศไหลผ่านโพรงจมูกก็จะเกิดเสียงพยัญชนะหยุดนาสิก แต่นักสัทศาสตร์จเรียกเสียงพยัญชนะหยุดนาสิก (nasal stop) ว่า "nasal" หรือเสียงนาสิกเกือบตลอด (Affricate consonant) เป็นการออกเสียงหยุดตามด้วยเสียงเสียดแทรกในตำแหน่งเดียวกัน
(Fricative consonant) เป็นเสียงพยัญชนะที่กระแสลมถูกทำให้ปั่นป่วนด้วยการขวางช่องเสียงบางส่วน (Sibilant) เป็นเสียงเสียดแทรกชนิดพิเศษที่กระแสลมถูกเบี่ยงตรงเข้าหาฟันทำให้เกิดเสียงฟ่อแหลมสูง
เสียงพยัญชนะนาสิก (บางครั้งก็เรียกว่าเสียงหยุดนาสิก) เป็นเสียงพยัญชนะที่ช่องปากปิดและเพดานอ่อนลดตัวลงทำให้ลมไหลผ่านจมูก
(Approximant consonant) เป็นเสียงพยัญชนะที่เกิดเมื่อฐานกรณ์ขยับเข้าหากันแต่ไม่ใกล้กันจนเกินกระแสลมปั่นป่วน
(Lateral consonant) เป็นเสียงพยัญชนะที่กระแสลมถูกขวางตามแนวตรงกลางของช่องเสียงทำให้กระแสลมไหลไปด้านข้างข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง เสียงข้างลิ้นยังถูกนิยามเป็นพยัญชนะที่ลิ้นหดตัวทำให้กระแสลมด้านข้างแรงกว่าตรงกลางของลิ้น นิยามแรกไม่ให้ลมไหลข้ามบนลิ้น
(Trill consonant) เป็นเสียงพยัญชนะที่ลิ้นหรือริมฝีปากถูกทำให้เคลื่อนไหวด้วยกระแสลม เกิดจากการบีบบังคับกระแสลมให้ฐานกรณ์อ่อน (soft articulator) ขยับปิดเปิดซ้ำไปเรื่อย ๆ เสียงรัวปลายสุดลิ้นปกติเกิดจากการสั่นสองสามคาบ
(tap and flap consonant) เป็นเสียงพยัณชนะที่เกิดจากกระทบกับเพดานปากครั้งเดียวอย่างรวดเร็ว เทียบได้กับเสียงหยุดที่รวดเร็วมาก ทั้ง "กระทบ" (tap) หรือ "สะบัด" (flap) ใช้แทนกันได้แต่นักสัทศาสตร์บางคนถือว่าเป็นเสียงที่ต่างกัน เสียงลิ้นกระทบเกิดจากลิ้นที่กระทบกับเพดานด้วยการเคลื่อนไหวครั้งเดียว ในขณะที่เสียงลิ้นสะบัดเกิดจากลิ้นที่เคลื่อนที่ในแนวสัมผัสกับเพดานปากและกระทบเมื่อเคลื่อนผ่าน
ระหว่าง (airstream mechanism) ช่องเส้นเสียงจะปิดและกักอากาศไว้ ทำให้อากาศที่เหลือในช่องเสียงสามารถเคลื่อนที่เป็นอิสระกันได้ เมื่อช่องเส้นเสียงปิดเคลื่อนที่ขึ้นอากาศนี้ก็จะออกไปทำให้เกิด (ejective consonant) ในทางกลับกันเมื่อช่องเส้นเสียงเคลื่อนที่ลงอากาศจะถูกดูดเข้ามาเพิ่มทำให้เกิด (implosive consonant)
(Click consonant) เป็นเสียงหยุดที่อากาศถูกดุดเข้าปากด้วยการเคลื่อนที่ของลิ้น นี่เรียกว่า ระหว่างที่เดาะลิ้นอากาศในช่องที่ถูกปิดทั้งสองทางจะ (rarefaction) และเกิดเสียง 'เดาะ' เสียงดังเมื่อที่ปิดด้านหน้า (anterior) ถูกเปิด การเปิดที่ปิดด้านหน้าเรียกว่าการไหลเข้าเสียงเดาะ (click influx) การเปิดที่ปิดด้านหลัง (posterior) ซึ่งอาจเป็นทั้งที่เพดานอ่อนหรือลิ้นไก่จะเรียกว่าการไหลออกเสียงเดาะ (click efflux) เสียงเดาะมีใช้ในตระกูลภาษาแอฟริกันหลายตระกูลเช่น (Khoisan languages) และ (Bantu languages)
ระบบปอดและระบบใต้ช่องเส้นเสียง
ปอดผลิตเสียงพูดส่วนใหญ่ด้วยการสร้างความดันสำหรับเสียงจากปอด ชนิดของเสียงที่พบเจอบ่อยที่สุดในภาษาต่าง ๆ คือเสียงลมออกจากปอด (pulmonic egress) ในทางกลับกันก็มีเสียงลมเข้าปอด แต่ไม่มีภาษาใดในโลกที่ใช้เสียงลมเข้าปอดเป็นหน่วยเสียง หลายภาษาเช่นภาษาสวีเดนใช้เสียงลมเข้าปอดสำหรับการออกเสียง (paralanguage) เช่นการยืนยัน (affirmation) ในภาษาหลายภาษาที่หลากหลายทางภูมิศาสตร์และพันธุกรรม ทั้งเสียงลมออกและลมเข้าพึ่งพาการจับเส้นเสียงให้อยู่ในท่าท่าหนึ่งและใช้ปอดนำอากาศผ่านเส้นเสียงทำให้สั่น (ก้อง) หรือไม่สั่น (ไม่ก้อง) การออกเสียงจากปอดถูกจำกัดด้วยปริมาตรของอากาศที่สามารถหายใจออกได้ในหนึ่งรอบการหายใจ เรียกว่า (vital capacity)
ปอดถูกใช้รักษาความดันสองประเภทพร้อม ๆ กันเพื่อผลิตและดัดแปลงการเปล่งเสียง เพื่อเปล่งเสียงปอดจะต้องรักษาความดัน 3-5 เซนติเมตรน้ำมากกว่าความดันเหนือช่องเส้นเสียง นอกจากนั้นสามารถปรับเปลี่ยนความดันใต้ช่องเส้นเสียงได้เล็กน้อยอย่างเร็ว ๆ เพื่อดัดแปลงเสียงพูดให้ได้คุณลักษณะเสียงไม่อิสระ (suprasegmental) เช่นการเน้น (stress) เสียงถูกปรับเปลี่ยนโดยกล้ามเนื้อทรวงอกจำนวนหนึ่ง เนื่องเพราะปอดและทรวงอกขยายออกเมื่อหายใจเข้า แค่แรงยืดหยุ่นของปอดที่ปริมาตรเกินครึ่งของความจุปอดปกติก็พอที่จะผลิตความแตกต่างของความดันที่สามารถใช้เปล่งเสียงได้ เมื่อปริมาตรเกินครึ่งของความจุปอดปกติ (muscles of respiration) ถูกใช้ตรวจแรงยืดหยุ่นในทรวงอกเพื่อรักษาความแตกต่างของความดันที่คงที่ หากปริมาตรน้อยกว่านั้นกล้ามเนื้อหายใจก็จะถูกใช้เพื่อเพิ่มความดันใต้ช่องเส้นเสียงด้วยการหายใจออก
ระหว่างพูดวงจรการหายใจถูกดัดแปลงให้เข้ากับความต้องการทางภาษาและชีวภาพ การหายใจออกที่ปกติกินวงจรไปประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ก็เพิ่มขึ้นกลายเป็น 90 เปอร์เซ็นต์ เพราะความต้องการทางเมแทบอลิซึมยังคงที่ ในกรณีส่วนใหญ่ปริมาตรอากาศทั้งหมดที่เคลื่อนเข้าคงอยู่เท่ากับการหายใจปกติแบบเงียบ ๆ การพูดดังขึ้น 18 เดซิเบล (การสนทนาเสียงดัง) มีผลน้อยต่อปริมาตรของอากาศที่เคลื่อนที่ เด็กมีแนวโน้มที่จะใช้สัดส่วนของความจุปอดปกติมากกว่าผู้ใหญ่และหายใจเข้าลึกกว่าเพราะระบบหายใจยังไม่พัฒนาเท่าผู้ใหญ่
ทฤษฎีแหล่ง-ตัวกรอง
ตัวแบบแหล่ง-ตัวกรอง (อังกฤษ: source-filter model) ของการพูดเป็นทฤษฎีเสียงพูดที่อธิบายความเกี่ยวข้องระหว่างรูปร่างของช่องเสียงและเสียงที่เปล่งออกมา ในตัวแบบนี้ช่องเสียงสามารถจำลองเป็นแหล่งกำเนิดของเสียงที่คู่กับ (acoustic filter) ในหลายกรณีแหล่งกำเนิดเสียงคือกล่องเสียงระหว่างการออกเสียงก้อง แต่แหล่งอื่นก็สามารถจำลองในทางเดียวกันได้ รูปร่างของช่องเสียงเหนือช่องเส้นเสียงปฏิบัติตัวเป็นตัวกรอง และการจัดเรียงรูปแบบต่าง ๆ ของฐานกรณ์ทำให้เกิดเสียงรูปแบบต่าง ๆ การเปลี่ยนแปลงเป็นอะไรที่ทำนายได้ ช่องเสียงสามารถจำลองเป็นลำดับท่อที่ปิดที่ปลายหนึ่งและมีเส้นผ่านศูนย์กลางที่ต่างกัน และก็สามารถอนุพัทธ์รูปร่างสรีระสำหรับผลทางเสียงต่าง ๆ ได้ด้วยสมการของ (acoustic resonance) กระบวนการย้อนกลับการกรองใช้หลักการนี้เพื่อวิเคราะห์สเปกตรัมของแหล่งที่ผลิตโดยเส้นเสียงระหว่างการออกเสียงก้อง ผลทางเสียงของช่องเสียงสามารถถูกทำกลับด้วยการย้อนกลับด้วยตัวกรองตามที่คาดไว้ และจะได้สเปกตรัมเสียงที่ถุกผลิตโดยเส้นเสียง นี่ทำให้สามารถศึกษาลักษณะเสียงพูดต่าง ๆ ในเชิงปริมาณได้
การรับรู้
การรับรู้ภาษา (language perception) เป็นกระบวนการทำความเข้าใจและถอดรหัสสัญญาณทางภาษา สัญญาณเสียงที่ต่อเนื่องจะต้องเปลี่ยนเป็นหน่วยวิยุต (discrete) ทางภาษาเช่นหน่วยเสียง หน่วยคำ และคำเพื่อรับรู้เสียงพูด ผู้ฟังจะให้ความสำคัญต่อแง่มุมหนึ่งของสัญญาณที่สามารถใช้แยกออกเป็นกลุ่มได้อย่างน่าเชื่อถือเพื่อระบุและจัดกลุ่มเสียงได้ถูกต้อง แม่สิ่งบ่งชี้อันหนึ่งจะได้รับความสำคัญมากกว่าอันอื่นแต่แง่มุมอื่น ๆ ก็สามารถมีส่วนต่อการรับรู้ ตัวอย่างเช่น แม้ภาษาพูดจะให้ความสำคัญต่อข้อมูลเสียง ปรากฏการณ์แม็คเกอร์กแสดงให้เห็นว่าข้อมูลทางสายตาก็ถูกใช้เพื่อแยกแยะข้อมูลที่กำกวมเมื่อสิ่งบ่งชี้ทางเสียงไม่น่าเชื่อถือ
ถึงผู้ฟังสามารถใช้ข้อมูลที่หลากหลายเพื่อแบ่งส่วนสัญญาณเสียงพูด แต่ความสัมพันธ์ระหว่างสัญญาณเสียงและการรับรู้หมวดหมู่ไม่ใช่การแปลงที่สมบูรณ์ ยังมีความผันแปรทางเสียงในหมวดหมู่หนึ่งในระดับที่สูงเพราะ สภาพแวดล้อมที่เสียงรบกวน และความแตกต่างของแต่ละบุคคล นี่เป็นปัญหาที่เรียกว่า ความไม่ผันแปรของการรับรู้ (perceptual invariance) ผู้ฟังสามารถรับรู้หมวดหมู่ต่าง ๆ อย่างน่าเชื่อถือแม้มีความผันแปรในสัญญาณเสียง ผู้ฟังสามารถทำแบบนี้ได้เพราะปรับเข้ากับผู้พูดใหม่อย่างรวดเร็วและขยับขอบเขตของแต่ละหมวดหมู่เพื่อให้ตรงกับความแตกต่างของเสียงที่คู่สนทนาพูดออกมา
การได้ยิน
การได้ยินเสียง (อังกฤษ: Audition) เป็นระยะแรกของการรับรู้เสียงพูด ฐานกรณ์เปลี่ยนความดันอากาศอย่างเป็นระบบเป็นคลื่นเสียงที่เดินทางไปถึงหูผู้ฟัง คลื่นเสียงชนกับแก้วหู (eardrum) ของผู้ฟังทำให้มันสั่น กระดูกหูส่งการสั่นของแก้วหูไปที่หูชั้นในรูปหอยโข่งหรือคอเคลีย คอเคลียรูปทรงเป็นวงท่อที่เต็มไปด้วยของเหลวซึ่งถูกแบ่งตามแนวยาวโดยอวัยวะของคอร์ติที่มีเยื่อกั้นหูชั้นใน เยื่อกั้นหูชั้นในหนาขึ้นเรื่อยเมื่อยิ่งเข้าไปในคอเคลียทำให้แต่ละตำแหน่งมีความถี่สั่นพ้องที่ต่างกัน รูปแบบนี้ทำให้หูสามารถวิเคราะห์เสียงในลักษณะที่คล้ายกับการแปลงฟูรีเย
ความแตกต่างของการสั่นของเยื่อกั้นหูชั้นในทำให้เซลล์ขนภายในอวัยวะของคอร์ติเคลื่อนไหว และนี่ทำให้เซลล์ขนลดขั้วและในที่สุดก็แปลงสัญญาณเสียงเป็นกระแสประสาท เซลล์ขนเองไม่ได้ผลิตศักยะงาน แต่ปล่อยสารสื่อประสาทที่จุดประสานประสาทกับโสตประสาทซึ่งผลิตศักยะงาน ด้วยวิธีนี้รูปแบบการสั่นบนเยื่อกั้นหูชั้นในถูกแปลงเป็น (spatiotemporal pattern) ของการยิงกระแสประสาทที่ส่งข้อมูลเกี่ยวกับเสียงเข้าก้านสมอง
สัทสัมพันธ์
นอกจากสระและพยัญชนะแล้ว สัทศาสตร์ยังพรรณนาถึงคุณสมบัติของเสียงพูดนอกเหนือจาก (segment (linguistics)) เฉพาะส่วนและหน่วยของเสียงพูดที่ใหญ่กว่าเช่นพยางค์และวลี สัทสัมพันธ์รวมไปถึง (auditory phonetics) เช่นระดับเสียง (duration (music)) และความดัง (loudness) ภาษาต่าง ๆ ใช้คุณสมบัติเหล่านี้ในระดับต่าง ๆ สำหรับ (stress (linguistics)) (pitch accent (intonation)) และ (intonation (linguistics) ตัวอย่างเช่น (stress and vowel reduction in English) และ (stress in Spanish) สัมพันธ์กับความเปลี่ยนแปลงของระดับและความยาวเสียง ในขณะที่สัมพันธ์กับระดับเสียงอย่างสอดคล้องกันมากกว่าความยาวเสียง และการเน้นเสียงในภาษาไทยสัมพันธ์กับความยาวเสียงเท่านั้น
ทฤษฎีของการรับรู้เสียงพูด
ทฤษฎีของการรับรู้การพูด (อังกฤษ: Theory of speech perception) ทฤษฎีแรก ๆ เช่น (motor theory of speech perception) มีความพยายามที่จะแก้ปัญหาความไม่ผันแปรของการรับรู้โดยอ้างว่าการรับรู้และการผลิตเสียงพูดมีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด ในรูปที่แรงที่สุดทฤษฎีเคลื่อนไหวอ้างว่าการรับรู้เสียงพูด จำเป็น ต้องให้ผู้ฟังเข้าถึงตัวแทนทางสรีระของเสียง ผู้ฟังวิศวกรรมย้อนกลับหาการออกเสียงที่จะผลิตเสียงนั้นเพื่อระบุกลุ่มของเสียงตามที่ผู้พูดเจตนาเพื่อจัดกลุ่มเสียงนั้นได้อย่างเหมาะสม แม้การค้นพบเช่นปรากฏการณ์แม็คเกอร์กและกรณีศึกษาจากผู้ป่วยที่มีการบาดเจ็บทางประสาทสนับสนุนทฤษฎีเคลื่อนไหว การทดลองเพิ่มเติมไม่ได้สนับสนุนทฤษฎีในรูปแรงแต่สนับสนุนรูปของทฤษฎ๊ที่อ่อนลงที่อ้างว่ามีความสัมพันธ์อย่างไม่กำหนด (non-deterministic) ระหว่างการผลิตและการรับรู้
ทฤษฎีของการรับรู้เสียงพูดต่อมาพุ้งความสนใจกับสิ่งบ่งชี้ทางเสียง (acoustic cue) เพื่อจัดกลุ่มเสียง และสามารุถแบ่งเป็นสองกลุ่มใหญ่ ๆ ได้คือ: ทฤษฎีนามธรรม (abstractionist theory) และทฤษฎีเหตุการณ์ (episodic theory) ในทฤษฎีนามธรรม การรับรู้เสียงพูดคือการระบุวัตถุเสียงในอุดมคติโดยอ้างอิงสัญญาณเสียงที่ถูกลดเป็นองค์ประกอบที่จำเป็นและทำให้สัญญาณเป็นมาตรฐานเพื่อทำกลับความแปรปรวนของผู้พูด ทฤษฎีเหตุการณ์เช่น (exemplar model) อ้างว่าการรับรู้เสียงพูดคือการเข้าถึงความทรงจำ (นั่นคือ ความจำอาศัยเหตุการณ์) ของเสียงที่เคยได้ยินมาก่อน ปัญหาความไม่ผันแปรของการรับรู้ถูกอธิบายโดยทฤษฎีเหตุการณ์ว่าเป็นเรื่องของความคุ้นเคย: การทำให้เป็นมาตรฐานเป็นผลพลอยได้ของการได้สัมผัสความแปรปรวนมากกว่าเป็นกระบวนการวิยุตอย่างที่ทฤษฎีนามธรรมอ้าง
สาขาวิชาย่อย
สวนสัทศาสตร์
สวนสัทศาสตร์ (อังกฤษ: Acoustics phonetics) ศึกษาคุณลักษณะทางเสียงของเสียงพูด ประสาทสัมผัสเสียงเกิดขึ้นจากการผันแแปร (fluctuation) ของความดันที่ทำให้แก้วหูขยับตาม หูเปลี่ยนการเคลื่อนไหวเป็นกระแสประสาทที่สมองแปลเป็นเสียง รูปคลื่นของเสียงเป็นบันทึกที่วัดความผันแปรของความดัน
สรีรสัทศาสตร์
สรีรสัทศาสตร์ (อังกฤษ: Articulatory phonetics) ศึกษาวิธีที่เสียงพูดถูกผลิตออกมา
โสตสัทศาสตร์
โสตสัทศาสตร์ศึกษาวิธีที่มนุษย์รับรู้เสียงพูด มนุษย์ไม่ได้รับรู้เสียงพูดเป็นบันทึกเสียงแบบถูกต้องสมบูรณ์เพราะลักษณะทางกายวิภาคของระบบการได้ยินบิดเบือนสัญญาณเสียงพูด ตัวอย่างเช่น (Loudness) ซึ่งถูกวัดเป็นเดซิเบล (ดีบี, dB) ไม่ได้มีความสัมพันธ์โดยตรง (linear) กับความแตกต่างของความดันเสียง
สิ่งที่ผู้ฟังได้ยินกับการวิเคราะห์ทางเสียงจะไม่ตรงกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเสียงพูดที่มีความถี่สูงเช่นเสียงเสียดแทรกบางเสียง จึงมีการพัฒนาตัวแบบเชิงหน้าที่ของระบบการได้ยินเพื่อแก้ไขความไม่ตรงกัน
การพรรณนาเสียง
ภาษามนุษย์ใช้เสียงต่าง ๆ หลายเสียง และนักภาษาศาสตร์จะต้องสามารถพรรณนาเสียงในวิธีที่เป็นอิสระจากภาษาเพื่อเปรียบเทียบเสียง เราสามารถพรรณนาเสียงพูดด้วยหลายวิธี โดยทั่วไปใช้การเคลื่อนไหวของปากที่จำเป็นเพื่อผลิตเสียงพูด พยัญชนะและสระเป็นหมวดหมู่ขนาดใหญ่สองหมวดที่นักสัทศาสตร์นิยามด้วยการเคลื่อนไหวขณะพูด ตัวบ่งชี้ที่ลงรายละเอียดกว่าก็เช่นตำแหน่งเกิดเสียง ตำแหน่งเกิดเสียง และ (voicing (phonetics)) ถูกใช้เพื่อพรรณนาพยัญชนะและเป็นสัดส่วนหลักของแผนผังพยัญชนะของสัทอักษรสากล สระสามารถพรรณนาด้วยความสูง ความหลัง และการห่อริมฝีปาก ภาษามือสามารถพรรณนาด้วยปัจจัยคนละชุดแต่ก็คล้ายกันเพื่อพรรณนาท่ามือ (sign) คือ: ตำแหน่ง (location) การเคลื่อนไหว (movement) รูปร่างมือ (handshape) ทิศทางฝ่ามือ (palm orientation) และลักษณะของสิ่งอื่น ๆ นอกเหนือจากมือ (non-manual feature) นอกจากการพรรณนาสรีระท่าทางแล้วยังสามารถพรรณนาเสียงในภาษาพูดในทางสวนศาสตร์ด้วย วิธีการพรรณนาทั้งสองวิธีเพียงพอที่จะเอามาใช้เปรียบต่างเสียงพูดเพราะเสียงเป็นผลพวงจากการออกเสียง ซึ่งจะเลือกวิธีใดมาใช้ขึ้นอยู่กับลักษณะทางสัทศาสตร์ที่สนใจ
เสียงพยัญชนะเป็นเสียงพูดที่ออกเสียงด้วยการปิดแบบสมบูรณ์หรือบางส่วนของ โดยปกติจะถูกผลิตด้วยการดัดแปลงที่หายใจออหมาขากปอด อวัยวะหายใจที่ถูกใช้เพื่อผลิตและดัดแปลงกระแสลมถูกแบ่งเป็นสามส่วน: ช่องเสียง (เหนือกล่องเสียง) กล่องเสียง และระบบใต้ช่องเส้นเสียง กระแสลมอาจเป็นได้ทั้ง (egressive sound) (ออกจากช่องเสียง) หรือ (ingressive sound) (เข้าช่องเสียง) กระแสลมของเสียงจากปอดถูกผลิตโดยปอดในระบบใต้ช่องเส้นเสียงและไหลผ่านกล่องเสียงกับช่องเสียง (Glottalic consonant) ใช้กระแสลมที่ผลิตด้วยการเคลื่อนไหวของกล่องเสียงโดยไม่มีกระแสลมจากปอด (Click consonant) ออกเสียงด้วยของอากาศโดยใช้ลิ้นและตามด้วยการเปิดส่วนที่ปิดส่วนหน้าของลิ้น
เสียงสระเป็นเสียงพูดพยางค์ที่ออกเสียงโดยไม่มีการกีดขวางในช่องเสียง เสียงสระถูกนิยามโดยสัมพัทธ์กับชุดของเสียงสระอ้างอิงที่เรียกว่า (cardinal vowels) แตกต่างจากเสียงพยัญชนะซึ่งปกติมีตำแหน่งเกิดเสียงที่แน่นอน จำเป็นต้องมีคุณลักษณะสามข้อเพื่อนิยามเสียงสระ: ความสูงของลิ้น ความหลังของลิ้น และการห่อริมฝีปาก เสียงสระที่ออกเสียงด้วยคุณภาพคงที่เรียกว่า (monophthong) การประสมกันของเสียงสระสองเสียงในพยางค์เดียวคือ (diphthong) ในสัทอักษรสากล เสียงสระถูกแทนบนรูปสี่เหลี่ยมคางหมูที่แทนปากมนุษย์ แกนแนวตั้งแทนพื้นจนถึงเพดานปาก แกนแนวนอนแทนแนวหน้าหลัง
การถอดเสียง
(อังกฤษ: Phonetic transcription) เป็นระบบการถอดในภาษาพูด (oral language) หรือภาษามือ ระบบการถอดเสียงแสดงสัทลักษณ์ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือสัทอักษรสากล (IPA) เป็นชุดสัญลักษณ์มาตรฐานสำหรับเสียงพูด ความเป็นมาตรฐานของ IPA ทำให้ผู้ใช้สามารถถอดเสียงภาษา ภาษาย่อย และ (idiolect) IPA เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์นอกจากต่อการศึกษาสัทศาสตร์แล้ว ยังมีประโยชน์ต่อการสอนภาษา การแสดงมืออาชีพ และอรรถบำบัดด้วย
แม้ไม่มีภาษามือใด ๆ ที่มีระบบการเขียนที่เป็นมาตรฐาน นักภาษาศาสตร์ได้พัฒนาระบบสัญกรณ์ของตัวเองไว้พรรณนารูปร่างมือ ตำแหน่ง และการเคลื่อนไหว (HamNoSys) มีความคล้าย IPA ตรงที่ระบบนี้อนุญาตให้มีรายละเอียดในระดับที่ต่างกัน ระบบสัญกรณ์บางระบบเช่น KOMVA และ (Stokoe notation) ถูกออกแบบสำหรับใช้ในพจนานุกรมและยังใข้ตัวอักษรของภาษาท้องถิ่นสำหรับรูปร่างมือในขณะที่ HamNoSys แทนรูปร่างมือโดยตรง วางเป้าหมายไว้ว่าจะเป็นระบบการเขียนสำหรับภาษามือที่เรียนรู้ง่าย แต่ก็ยังไม่ได้ถูกนำไปใช้ในกลุ่มคนหูหนวกกลุ่มใดอย่างเป็นทางการ
ภาษามือ
คำในภาษามือถูกรับรู้ด้วยตาแทนหู ท่ามือถูก "พูด" ด้วยมือ ร่างกายส่วนบน และหัว "ฐานกรณ์" หรืออวัยวะหลักที่ใช้ทำท่าคือมือและแขน ส่วนของแขนถูกพรรณนาอย่างสัมพัทธ์ว่าและ (Anatomical terms of location) ส่วนต้นหมายถึงส่วนที่อยู่ใกล้ลำตัวและส่วนปลายคือส่วนที่อยู่ไกลออกไป ตัวอย่างเช่นการเคลื่อนไหวข้อมือคือส่วนปลายเมื่อเปรียบเทียบกับข้อศอก โดยปกติการเคลื่อนไหวส่วนปลายผลิตง่ายกว่าเพราะใช้พลังงานน้อยกว่า ปัจจัยต่าง ๆ เช่นความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อหรือหากท่าทางนั้นเป็นข้อห้ามทางสังคมจำกัดว่าอะไรสามารถถือเป็นท่ามือได้ เจ้าของภาษามือไม่มองที่มือของคู่สนทนาแต่หากมองไปที่หน้าแทน เพราะ (peripheral vision) ไม่ชัดเท่าตรงกลางของลานสายตา ทำให้สามารถรับรู้การเคลื่อนไหวและตำแหน่งของนิ้วของท่ามือที่อยู่ใกล้หน้ากว่าได้ละเอียดกว่า
ภาษามือมีฐานกรณ์ที่เหมือนกันสองอันคือมือ ผู้พูดภาษามือสามารถใช้มือข้างไหนก็ได้โดยไม่ส่งผลต่อการสื่อสาร ท่ามือที่ใช้สองมือโดยทั่วไปจะมีการทำท่าท่าเดียวกันทั้งสองข้างเพราะข้อจำกัดทางประสาทที่มีทั่วกันทุกคนที่เรียกว่าเงื่อนไขความสมมาตร (Symmetry Condition) ข้อจำกัดที่สองที่มีทั่วกันคือเงื่อนไขความถนัด (Dominance Condition) ซึ่งบอกว่าหากท่ามือทั้งสองข้างไม่เหมือนกัน มือที่ไม่ถนัดจะอยู่นิ่งและมีชุดรูปร่างมือที่จำกัดกว่าเมื่อเทียบกับมือข้างที่ถนัดซึ่งเคลื่อนไหว นอกจากนั้น มือข้างหนึ่งในท่ามือสองมือก็มักถูกทิ้ง (ไม่ทำ) เวลาสนทนาอย่างไม่ทางการ ซึ่งนี่เรียกหว่ากระบวนการ weak drop รูปคำแต่ละคำก็อาจทำให้เกิดการออกเสียงผสมได้เหมือนในภาษาพูด ตัวอย่างเช่นรูปร่างมือของท่ามือที่พูดต่อกันก็กลายเป็นคล้ายกัน () (Assimilation (phonology)) หรือเกิด weak drop (ตัวอย่างหนึ่งของ) (Deletion (phonology))
ดูเพิ่ม
- (Exemplar theory)
- (Motor theory of speech perception)
- สัทวิทยา (สรวิทยา)
- สัทอักษรสากล
- (Articulatory phonology)
เชิงอรรถ
หมายเหตุ
- นักภาษาศาสตร์โต้แย้งกันว่าระยะเหล่านี้สามารถมีปฏิสัมพันธ์กันได้หรือไม่ หรือมันเกิดขึ้นเป็นลำดับ (เทียบ Dell & Reich (1981) กับ Motley, Camden & Baars (1982)) เพื่อให้อธิบายได้อย่างง่าย ๆ กระบวนการผลิตภาษาถูกอธิบายเป็นลำดับของระยะต่าง ๆ ที่เป็นอิสระจากกัน แม้หลักฐานใหม่ ๆ แสดงให้เห็นว่านี่ไม่ถูกเสียทีเดียว สำหรับคำอธิบายเพิ่มเติมของตัวแบบการกระตุ้นแบบมีปฏิสัมพันธ์ ดู Jaeger, Furth & Hilliard (2012).
- หรือหลังจากเมื่อการพูดส่วนหนึ่งได้ถูกวางแผนไปแล้ว ดู Gleitman et al. (2007) สำหรับหลักฐานของการผลิตก่อนที่ข้อความจะถูกวางแผนได้สมบูรณ์
- ดัดแปลงมาจาก Sedivy (2019, p. 411) และ Boersma (1998, p. 11)
- ดูที่ Feldman (1966) สำหรับข้อนำเสนอต้นฉบับ
- ดูที่กล่องเสียงสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกายวิภาคของการเปล่งเสียง
- เช่นภาษาฮาวายไม่เปรียบต่างระหว่างเสียงหยุดก้องและไม่ก้อง ในภาษาไทยพยัญชนะ "ก" และ "จ" ก็อาจนับเป็นพยัญชนะที่ไม่แยกระหว่างก้องและไม่ก้องได้ เพราะคนไทยมักแปลอักษรเป็นตัว "g" และ "j"
- แต่บางภาษาเช่นภาษาญี่ปุ่นออกเสียงสระเป็นแบบไม่ก้องในบางบริบท
- ดูที่ตัวแบบการออกเสียงสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจำลองแบบการออกเสียง
- เช่นเดียวกับการผลิตเสียงพูด ธรรมชาติของสัญญาณทางภาษาขึ้นอยู่กับ สัญญาณอาจเป็นเสียงสำหรับการพูดด้วยปาก ทางสายตาสำหรับภาษามือ หรือทางสัมผัสสำหรับภาษามือสัมผัส (manual-tactile sign language) เพื่อความง่ายจึงบรรยายถึงแค่เสียงพูด สำหรับการรับรู้ภาษามือโดยเฉพาะดูภาษามือที่การรับรู้ท่ามือ (sign perception)
อ้างอิง
- O'Grady 2005, p. 15.
- Caffrey 2017.
- Kiparsky 1993, p. 2918.
- Kiparsky 1993, pp. 2922–3.
- Oxford English Dictionary 2018.
- Roach n.d.
- Ladefoged 1960, p. 388.
- Ladefoged 1960.
- Dell & O'Seaghdha 1992.
- Sedivy 2019, p. 439.
- Boersma 1998.
- Ladefoged 2001, p. 5.
- Ladefoged & Maddieson 1996, p. 9.
- Ladefoged & Maddieson 1996, p. 16.
- Maddieson 1993.
- Fujimura 1961.
- Ladefoged & Maddieson 1996, pp. 16–17.
- International Phonetic Association 2015.
- Ladefoged & Maddieson 1996, p. 18.
- Ladefoged & Maddieson 1996, pp. 17–18.
- Ladefoged & Maddieson 1996, p. 17.
- Doke 1926.
- Guthrie 1948, p. 61.
- Ladefoged & Maddieson 1996, pp. 19–31.
- Ladefoged & Maddieson 1996, p. 28.
- Ladefoged & Maddieson 1996, pp. 19–25.
- Ladefoged & Maddieson 1996, pp. 20, 40–1.
- Scatton 1984, p. 60.
- Ladefoged & Maddieson 1996, p. 23.
- Ladefoged & Maddieson 1996, pp. 23–5.
- Ladefoged & Maddieson 1996, pp. 25, 27–8.
- Ladefoged & Maddieson 1996, p. 27.
- Ladefoged & Maddieson 1996, pp. 27–8.
- Ladefoged & Maddieson 1996, p. 32.
- Ladefoged & Maddieson 1996, p. 35.
- Ladefoged & Maddieson 1996, pp. 33–34.
- Keating & Lahiri 1993, p. 89.
- Maddieson 2013.
- Ladefoged et al. 1996, p. 11.
- Lodge 2009, p. 33.
- Ladefoged & Maddieson 1996, p. 37.
- Ladefoged & Maddieson, p. 37.
- Ladefoged & Maddieson 1996, p. 38.
- Ladefoged & Maddieson 1996, p. 74.
- Ladefoged & Maddieson 1996, p. 75.
- Ladefoged 2001, p. 123.
- Seikel, Drumright & King 2016, p. 222.
- Ohala 1997, p. 1.
- Chomsky & Halle 1968, pp. 300–301.
- Altmann 2002.
- Löfqvist 2010, p. 359.
- Munhall, Ostry & Flanagan 1991, p. 299, et seq.
- Löfqvist 2010, p. 360.
- Bizzi et al. 1992.
- Löfqvist 2010, p. 361.
- Saltzman & Munhall 1989.
- Mattingly 1990.
- Löfqvist 2010, pp. 362–4.
- Löfqvist 2010, p. 364.
- Gordon & Ladefoged 2001.
- Gobl & Ní Chasaide 2010, p. 399.
- Gobl & Ní Chasaide 2010, p. 400-401.
- Gobl & Ní Chasaide 2010, p. 401.
- Dawson & Phelan 2016.
- Gobl & Ní Chasaide 2010, pp. 388, et seq.
- Ladefoged & Maddieson 1996, p. 282.
- Lodge 2009, p. 39.
- Chomsky & Halle 1968.
- Ladefoged & Maddieson 1996, p. 289.
- Ladefoged & Maddieson, p. 290.
- Ladefoged & Maddieson, p. 292-295.
- Lodge 2009, p. 40.
- Ladefoged & Maddieson, p. 298.
- Ladefoged & Johnson 2011, p. 14.
- Ladefoged & Johnson 2011, p. 67.
- Ladefoged & Maddieson 1996, p. 145.
- Ladefoged & Johnson 2011, p. 15.
- Ladefoged & Maddieson 1996, p. 102.
- Ladefoged & Maddieson 1996, p. 182.
- Ladefoged & Johnson 2011, p. 175.
- Ladefoged & Maddieson 1996, p. 217.
- Ladefoged & Maddieson 1996, p. 218.
- Ladefoged & Maddieson 1996, p. 230-231.
- Ladefoged & Johnson 2011, p. 137.
- Ladefoged & Maddieson 1996, p. 78.
- Ladefoged & Maddieson 1996, p. 246-247.
- Ladefoged 2001, p. 1.
- Eklund 2008, p. 237.
- Eklund 2008.
- Seikel, Drumright & King 2016, p. 176.
- Seikel, Drumright & King 2016, p. 171.
- Seikel, Drumright & King 2016, pp. 168–77.
- Johnson 2008, p. 83–5.
- Johnson 2008, p. 104–5.
- Johnson 2008, p. 157.
- Sedivy 2019, p. 259–60.
- Sedivy 2019, p. 269.
- Sedivy 2019, p. 273.
- Sedivy 2019, p. 259.
- Sedivy 2019, p. 260.
- Sedivy 2019, p. 274–85.
- Johnson 2003, p. 46–7.
- Johnson 2003, p. 47.
- Schacter, Gilbert & Wegner 2011, p. 158–9.
- Yost 2003, p. 130.
- Cutler 2005.
- Sedivy 2019, p. 289.
- Galantucci, Fowler & Turvey 2006.
- Sedivy 2019, p. 292–3.
- Skipper, Devlin & Lametti 2017.
- Goldinger 1996.
- Johnson 2003, p. 1.
- Johnson 2003, p. 46-49.
- Johnson 2003, p. 53.
- Ladefoged & Maddieson 1996, p. 281.
- Gussenhoven & Jacobs 2017, p. 26-27.
- Lodge 2009, p. 38.
- O'Grady 2005, p. 17.
- International Phonetic Association 1999.
- Ladefoged 2005.
- Ladefoged & Maddieson 1996.
- Baker et al. 2016, p. 242-244.
- Baker et al. 2016, p. 229-235.
- Baker et al. 2016, p. 236.
- Baker et al. 2016, p. 286.
- Baker et al. 2016, p. 239.
บรรณานุกรม
- Abercrombie, D. (1967). Elements of General Phonetics. Edinburgh: Chicago, Aldine Pub. Co.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Altmann, Gerry (2002). Psycholinguistics : critical concepts in psychology. London: Routledge. ISBN . OCLC 48014482.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Baker, Anne; van den Bogaerde, Beppie; Pfau, Roland; Schermer, Trude (2016). The Linguistics of Sign Languages. Amsterdam/Philadelphia: John Benjamins Publishing Company. ISBN .
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Baumbach, E. J. M (1987). Analytical Tsonga Grammar. Pretoria: University of South Africa.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Bizzi, E.; Hogan, N.; Mussa-Ivaldi, F.; Giszter, S. (1992). "Does the nervous system use equilibrium-point control to guide single and multiple joint movements?". Behavioral and Brain Sciences. 15 (4): 603–13. doi:10.1017/S0140525X00072538. PMID 23302290.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Bock, Kathryn; Levelt, Willem (2002). Atlmann, Gerry (บ.ก.). Psycholinguistics: Critical Concepts in Psychology. Vol. 5. New York: Routledge. pp. 405–407. ISBN .
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Boersma, Paul (1998). Functional phonology: Formalizing the interactions between articulatory and perceptual drives. The Hague: Holland Academic Graphics. ISBN . OCLC 40563066.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Caffrey, Cait (2017). "Phonetics". Salem Press Encyclopedia. Salem Press.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Catford, J. C. (2001). A Practical Introduction to Phonetics (2nd ed.). Oxford University Press. ISBN .
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Chomsky, Noam; Halle, Morris (1968). Sound Pattern of English. Harper and Row.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Cutler, Anne (2005). "Lexical Stress" (PDF). ใน Pisoni, David B.; Remez, Robert (บ.ก.). The Handbook of Speech Perception. Blackwell. pp. 264–289. doi:10.1002/9780470757024.ch11. ISBN . OCLC 749782145. สืบค้นเมื่อ 2019-12-29.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Dawson, Hope; Phelan, Michael, บ.ก. (2016). Language Files: Materials for an Introduction to Linguistics (12th ed.). The Ohio State University Press. ISBN .
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Dell, Gary; O'Seaghdha, Padraig (1992). "Stages of lexical access in language production". Cognition. 42 (1–3): 287–314. doi:10.1016/0010-0277(92)90046-k. PMID 1582160.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Dell, Gary; Reich, Peter (1981). "Stages in sentence production: An analysis of speech error data". Journal of Memory and Language. 20 (6): 611–629. doi:10.1016/S0022-5371(81)90202-4.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Doke, Clement M (1926). The Phonetics of the Zulu Language. Bantu Studies. Johannesburg: Wiwatersrand University Press.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Eklund, Robert (2008). "Pulmonic ingressive phonation: Diachronic and synchronic characteristics, distribution and function in animal and human sound production and in human speech". Journal of the International Phonetic Association. 38 (3): 235–324. doi:10.1017/S0025100308003563.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Feldman, Anatol G. (1966). "Functional tuning of the nervous system with control of movement or maintenance of a steady posture, III: Mechanographic analysis of the execution by man of the simplest motor task". Biophysics. 11: 565–578.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Fujimura, Osamu (1961). "Bilabial stop and nasal consonants: A motion picture study and its acoustical implications". Journal of Speech and Hearing Research. 4 (3): 233–47. doi:10.1044/jshr.0403.233. PMID 13702471.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Galantucci, Bruno; Fowler, Carol; Turvey, Michael (2006). "The motor theory of speech perception reviewed". Psychonomic Bulletin & Review. 13 (3): 361–377. doi:10.3758/BF03193857. PMC 2746041. PMID 17048719.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Gleitman, Lila; January, David; Nappa, Rebecca; Trueswell, John (2007). "On the give and take between event apprehension and utterance formulation". Journal of Memory and Language. 57 (4): 544–569. doi:10.1016/j.jml.2007.01.007. PMC 2151743. PMID 18978929.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Gobl, Christer; Ní Chasaide, Ailbhe (2010). "Voice source variation and its communicative functions". The Handbook of Phonetic Sciences (2nd ed.). pp. 378–424.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Goldinger, Stephen (1996). "Words and voices: episodic traces in spoken word identification and recognition memory". Journal of Experimental Psychology: Learning, Memory, and Cognition. 22 (5): 1166–83. doi:10.1037/0278-7393.22.5.1166.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Gordon, Matthew; Ladefoged, Peter (2001). "Phonation types: a cross-linguistic overview". Journal of Phonetics. 29 (4): 383–406. doi:10.1006/jpho.2001.0147.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Guthrie, Malcolm (1948). The classification of the Bantu languages. London: Oxford University Press.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Gussenhoven, Carlos; Jacobs, Haike (2017). Understanding phonology (Fourth ed.). London and New York: Routledge. ISBN . OCLC 958066102.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Hall, Tracy Alan (2001). "Introduction: Phonological representations and phonetic implementation of distinctive features". ใน Hall, Tracy Alan (บ.ก.). Distinctive Feature Theory. de Gruyter. pp. 1–40.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Halle, Morris (1983). "On Distinctive Features and their articulatory implementation". Natural Language and Linguistic Theory. 1 (1): 91–105. doi:10.1007/BF00210377.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Hardcastle, William; Laver, John; Gibbon, Fiona, บ.ก. (2010). The Handbook of Phonetic Sciences (2nd ed.). Wiley-Blackwell. ISBN .
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - International Phonetic Association (1999). Handbook of the International Phonetic Association. Cambridge University Press.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - International Phonetic Association (2015). International Phonetic Alphabet. International Phonetic Association.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Jaeger, Florian; Furth, Katrina; Hilliard, Caitlin (2012). "Phonological overlap affects lexical selection during sentence production". Journal of Experimental Psychology: Learning, Memory, and Cognition. 38 (5): 1439–1449. doi:10.1037/a0027862. PMID 22468803.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Jakobson, Roman; Fant, Gunnar; Halle, Morris (1976). Preliminaries to Speech Analysis: The Distinctive Features and their Correlates. MIT Press. ISBN .
- Johnson, Keith (2003). Acoustic and auditory phonetics (2nd ed.). Blackwell Pub. ISBN . OCLC 50198698.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Johnson, Keith (2011). Acoustic and Auditory Phonetics (3rd ed.). Wiley-Blackwell. ISBN .
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Jones, Daniel (1948). "The London school of phonetics". Zeitschrift für Phonetik. 11 (3/4): 127–135.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) (Reprinted in Jones, W. E.; Laver, J., บ.ก. (1973). Phonetics in Linguistics. Longman. pp. 180–186.{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help))) - Keating, Patricia; Lahiri, Aditi (1993). "Fronted Velars, Palatalized Velars, and Palatals". Phonetica. 50 (2): 73–101. doi:10.1159/000261928. PMID 8316582.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Kingston, John (2007). "The Phonetics-Phonology Interface". ใน DeLacy, Paul (บ.ก.). The Cambridge Handbook of Phonology. Cambridge University Press. ISBN .
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Kiparsky, Paul (1993). "Pāṇinian linguistics". ใน Asher, R.E. (บ.ก.). Encyclopedia of Languages and Linguistics. Oxford: Pergamon.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Ladefoged, Peter (1960). "The Value of Phonetic Statements". Language. 36 (3): 387–96. doi:10.2307/410966. JSTOR 410966.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Ladefoged, Peter (2001). A Course in Phonetics (4th ed.). Boston: . ISBN .
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Ladefoged, Peter (2005). A Course in Phonetics (5th ed.). Boston: . ISBN .
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - ; Johnson, Keith (2011). A Course in Phonetics (6th ed.). Wadsworth. ISBN .
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Ladefoged, Peter; Maddieson, Ian (1996). The Sounds of the World's Languages. Oxford: Blackwell. ISBN .
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Levelt, Willem (1999). "A theory of lexical access in speech production". Behavioral and Brain Sciences. 22 (1): 3–6. doi:10.1017/s0140525x99001776. :11858/00-001M-0000-0013-3E7A-A. PMID 11301520.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Lodge, Ken (2009). A Critical Introduction to Phonetics. New York: Continuum International Publishing Group. ISBN .
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Löfqvist, Anders (2010). "Theories and Models of Speech Production". Handbook of Phonetic Sciences (2nd ed.). pp. 353–78.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Maddieson, Ian (1993). "Investigating Ewe articulations with electromagnetic articulography". Forschungberichte des Intituts für Phonetik und Sprachliche Kommunikation der Universität München. 31: 181–214.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Maddieson, Ian (2013). "Uvular Consonants". ใน Dryer, Matthew S.; Haspelmath, Martin (บ.ก.). . Leipzig: Max Planck Institute for Evolutionary Anthropology.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Mattingly, Ignatius (1990). (PDF). Journal of Phonetics. 18 (3): 445–52. doi:10.1016/S0095-4470(19)30372-9. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2021-02-25. สืบค้นเมื่อ 2020-11-25.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Motley, Michael; Camden, Carl; Baars, Bernard (1982). "Covert formulation and editing of anomalies in speech production: Evidence from experimentally elicited slips of the tongue". Journal of Verbal Learning and Verbal Behavior. 21 (5): 578–594. doi:10.1016/S0022-5371(82)90791-5.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Munhall, K.; Ostry, D; Flanagan, J. (1991). "Coordinate spaces in speech planning". Journal of Phonetics. 19 (3–4): 293–307. doi:10.1016/S0095-4470(19)30346-8.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - O'Connor, J.D. (1973). Phonetics. Pelican. pp. 16–17. ISBN .
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - O'Grady, William (2005). Contemporary Linguistics: An Introduction (5th ed.). Bedford/St. Martin's. ISBN .
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Ohala, John (1997). "Aerodynamics of phonology". Proceedings of the Seoul Internation Conference on Linguistics. 92.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - "Phonetics, n.". Oxford English Dictionary Online. Oxford University Press. 2018.
- Roach, Peter (n.d.). "Practical Phonetic Training". Peter Roach. สืบค้นเมื่อ 10 May 2019.
{{}}
: CS1 maint: ref duplicates default () - Saltzman, Elliot; Munhall, Kevin (1989). (PDF). Ecological Psychology. 1 (4): 333–82. doi:10.1207/s15326969eco0104_2. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2020-10-28. สืบค้นเมื่อ 2020-11-25.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Scatton, Ernest (1984). A reference grammar of modern Bulgarian. Slavica. ISBN .
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Schacter, Daniel; Gilbert, Daniel; Wegner, Daniel (2011). "Sensation and Perception". ใน Charles Linsmeiser (บ.ก.). Psychology. Worth Publishers. ISBN .
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Schiller, Niels; Bles, Mart; Jansma, Bernadette (2003). "Tracking the time course of phonological encoding in speech production: an event-related brain potential study". Cognitive Brain Research. 17 (3): 819–831. doi:10.1016/s0926-6410(03)00204-0. PMID 14561465.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Sedivy, Julie (2019). Language in Mind: An Introduction to Psycholinguistics (2nd ed.). ISBN .
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Seikel, J. Anthony; Drumright, David; King, Douglas (2016). Anatomy and Physiology for Speech, Language, and Hearing (5th ed.). Cengage. ISBN .
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Skipper, Jeremy; Devlin, Joseph; Lametti, Daniel (2017). "The hearing ear is always found close to the speaking tongue: Review of the role of the motor system in speech perception". Brain and Language. 164: 77–105. doi:10.1016/j.bandl.2016.10.004. PMID 27821280.
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Stearns, Peter; Adas, Michael; Schwartz, Stuart; Gilbert, Marc Jason (2001). World Civilizations (3rd ed.). New York: Longman. ISBN .
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - (1996). A Dictionary of Phonetics and Phonology. Abingdon: Routledge. ISBN .
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help)) - Yost, William (2003). "Audition". ใน Alice F. Healy; Robert W. Proctor (บ.ก.). Handbook of Psychology: Experimental psychology. John Wiley and Sons. p. 130. ISBN .
{{}}
:|ref=harv
ไม่ถูกต้อง ((help))
แหล่งข้อมูลอื่น
- สัทศาสตร์ จากสารานุกรมสำหรับเยาวชน 2007-12-06 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ที่รวบรวมแหล่งข้อมูลสัทศาสตร์โดยมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา
- "A Little Encyclopedia of Phonetics" โดย.
- Pink Trombone โปรแกรมจำลองการออกเสียงแบบโต้ตอบโดย Neil Thapen.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
sthsastr xngkvs phonetics epnsakhayxykhxngphasasastrthiprakxbdwykarsuksaesiyngphudkhxngmnusy hruxlksnathiethiybethaknkhxngsylksnmuxinkrnithiphudthungphasamux nksthsastrkhuxnkphasasastrphuchanaykarsuksakhunsmbtithangkayphaphkhxngkarphud sthsastrsnicwithikarthimnusywangaephnaeladaeninkarekhluxnihwephuxphudxxkma articulatory phonetics withikarthikarekhluxnihwtang sngphltxkhunsmbtikhxngesiyngthieplngxxkma acoustic phonetics aelawithikarthimnusyepliynkhlunesiyngepnkhxmulthangphasa auditory phonetics tamedimaelw hnwythangphasathielkthisudinsthsastrkhux phone phonetics hruxesiyngphudinphasahnungsungtangcakhnwyesiynginsthwithya hnwyesiyngkhuxkarcdklumaebbnamthrrmkhxngesiyng sthsastrsnicxyangkwang inaengsxngaengkhxngkarphudkhxngmnusy karphlithruxwithikarthimnusyphlitesiyng aelakarrbruhruxwithikarthimnusyekhaicesiyngphud modality semiotics khxngphasaxthibaywithikarphlitaelarbruphasa phasathiichthksamalaaebbfng phudechnphasaxngkvsphlitkarphudodyichpakaelarbrukarphudodyichhu phasamuxechn Auslan ichthksamalaaebbmux mxngaelaphlitkarphudodyichmuxaelarbrukarphudodyichta inkhnathibangphasaechn American Sign Language misaeniyngthimithksamalaaebbmux mux epn tactile signing sahrbkhntabxdaelahuhnwksungsylksnthiichmuxphlitkrbrudwymuxechnkn karphlitphasaprakxbipdwykrabwnkarhlaykrabwnkarthiphungphaknaelakn sungepliynihkhxkhwamthiimepnphasaepnsyyanthangphasathithukphudhruxthathaxxkma hlngcakthiphuphudidrabukhxkhwamhnungthicathukekharhsthangphasaaelw phunncatxngsrrhakhasphthhrux lexical item ephuxaethnkhxkhwamnninkrabwnkarthieriykwakarkhdeluxksphth lexical selection inrahwangnnphaphaethnthangcitkhxngkhasphthtang caidrbmxbhmayenuxhathangsthwithyaepnladbkhxnghnwyesiyngthicatxngphlitxxkma hnwyesiyngcarabulksnakarxxkesiyngechn pidrimfipak hruxkarkhyblinipinthi hnung caknnhnwyesiyngehlanicathukprasannganepnladbkhxngkhasngthicasngipihklamenux aelaemuxkhasngehlaniiddaeninkarxyangthuktxng esiyngkcaeplngxxkmaxyangthiectna karekhluxnihwehlanikhdkhwangaeladdaeplngkraaeslmthaihekidkhlunesiyng karddaeplngthaodythankrnthimitaaehnngaelalksnaekidesiyngtang thaihekidphllphthesiyngthitangkn twxyangechnkhawa thak kb sak thngsxngkhamiesiyngphyychnapumehnguxkepnphyychnatnaetaetktangthirayathangcakaenwpumehnguxk khwamaetktangnimiphlmaktxkraaeslm esiyngthithukphlitcungaetktangipdwy inthangkhlayknthisthangaelaaehlngkaenidkhxngkraaeslmksngphltxesiyngdwy klikkraaeslmthiphbidthwipthisudkhuxklikkraaeslmcakpxd aet glottis aelalinksamarthichphlitkraaeslmechnkn karrbruphasaepnkrabwnkarthakhwamekhaicaelathxdrhssyyanthangphasa syyanesiyngthitxenuxngcatxngepliynepnhnwywiyutthangphasaechnhnwyesiyng hnwykha aelakhaephuxrbruesiyngphud phufngcaihkhwamsakhytxaengmumhnungkhxngsyyanthisamarthichaeykxxkepnklumidxyangnaechuxthuxephuxrabuaelacdklumesiyngidthuktxng aemsingbngchixnhnungcaidrbkhwamsakhymakkwaxnxunaetaengmumxun ksamarthmiswntxkarrbru twxyangechn aemphasaphudcaihkhwamsakhytxkhxmulesiyng praktkarnaemkhekxrkaesdngihehnwakhxmulthangsaytakthukichephuxaeykaeyakhxmulthikakwmemuxsingbngchithangesiyngimnaechuxthux sthsastrsmyihmmisamsakhahlk sungsuksawithikarichthankrnphlitesiyng sungsuksaphlthangesiyngkhxngkarxxkesiyngtang sungsuksawithithiphufngrbruaelaekhaicsyyanthangphasaprawtismyobran karsuksasthsastrerimepnkhrngaerkxyangnxyemux 2 600 pithiaelwhrux 6 stwrrskxnkhristkalin odypanininkwichakarhinduidxthibaythungaelainkarxxkesiyng phyychnaintaraphasasnskvtkhxngekha xksrxinediythiichinpccubneriyngladbtwxksrtamkaraeykpraephthkhxngpanini ekhaepnswnhnungkhxngphuthisarwcineruxngniepnkhnaerk aelaiwyakrnsiphakhkhxngekhasungekhiyniwpraman 350 pikxnkhriskalmixiththiphltxphasasastrsmyihmaelayngepn phasasastrephimphunthismburnthisudkhxngphasaid thiekhymiekhiynma the most complete generative grammar of any language yet written iwyakrnkhxngekhaepnrakthankhxngphasasastrsmyihmaelaxthibayhlkkarthangsthsastrthisakhyhlayhlkkar rwmipdwyesiyngphud ekhaxthibaywakarsnphxngthukphlitepn naesiyng tone emuxesnesiyngpid aelaepn esiyng noise emuxesnesiyngepid hlkkarthangsthsastriniwyakrnnithuxwaepn pthmthan inaengthimnepnrakthankhxngkarwiekhraahechingthvsdikhxngekha aelaimidepnsingthithukwiekhraahinthangthvsdiexng aelahlkkarehlaniksamarththukxnumanidcakrabbthangsthwithyakhxngekha smyihm khwamkawhnainwichasthsastrhlngcakpaniniaelaphurwmsmykbekhannthukcakdcnkrathngyukhsmyihm haksngwnkarsarwcthicakdodynkiwyakrnchawkrikaelaormnbangkhn inshswrrsrahwangsmynkiwyakrnxinediyaelasthsastrsmyihm cudsnicepliyncakkhwamaetktangrahwangphasaphudaelaekhiynsungepnaerngphlkdnebuxnghlngkarbrryaykhxngpanini aelaerimmasnickhunsmbtithangkayphaphkhxngkarphudxyangediyw khwamsnicinsthsastrthitxenuxngerimkhunpramaninpi kh s 1800 aelakhawa phonetics sthsastr thukichinkhwamhmaypccubnepnkhrngaerkinpi kh s 1841 sthsastrsamarthmikhwamekhaicmakkhuncakkarichaelathbthwnkhxmulthiihmaelamiraylaexiydkwacakkarphthnakhxngaephthysastraelaxupkrnthisamarthxdesiyngaelaphaph yukhsmyaerkkhxngsthsastrsmyihmnnkrwmipthungkarphthna visible speech sungepnsthxksrxnthrngxiththiphlthixangxingthungtaaehnngkarxxkesiyngody Alexander Melville Bell sthxksrnimichuxesiyngepnekhruxngmuxin Oralism kxnthixupkrnxdesiyngcamixyuthwip nksthsastrphungphathrrmeniymkhxngsthsastrechingptibtixyanghnkephuxrbrxngwakarthxdesiyngaelakarkhnphbcasxdkhlxngkbnksthsastrkhnxun nirwmipthungkarfukhuihsamarthcaaelaaeykesiyngphudid aelakhwamsamarthinkarphlutesiyngtang nksthsastryngtxngeriynruthicafng ca aelanukesiyngtang insthxksrsakl IPA xxk IPA nnyngthukichephuxthdsxbaelarbrxngkhwamsamarththicaxxkesiyngphasaxngkvskhxngphuphudid aetwakarptibtinielikichaelwinphasaxun emlwill ebllidphthnakarxthibaysradwykhwamsung height aelakarepnhnahlng backness ephuxprbprungwithikarsxnwisiebilspichkhxngekha kxihekid cardinal vowel 9 xn nksthsastrthukkhadhmaywatxngsamarthphudchudsramatrthanidephuxyudepncudxangxinginkarrbruaelathxdesiyngtang ewlalngphunthicring aenwthangnithukwicarnody Peter Ladefoged inchwngpi kh s 1960s bnrakthankhxnghlkthanthangthdlxngthiekhaphbwachudsramatrthanepnepathangesiyngaethnthicaepnepathangkarxxkesiyng epnkarthathaykarxangthiwanksthsastrsamarthichchudsramatrthanepntwyudhlkinkartdsinkarxxkesiyngxunkarphlitkarphlitphasa xngkvs Language production prakxbipdwykrabwnkarhlaykrabwnkarthiphungphaknaelakn sungepliynihkhxkhwamthiimepnphasaepnsyyanthangphasathithukphudhruxthathaxxkma nkphasasastrotaeyngwakrabwnkarphlitphasaekidkhunepnladbkhxngraya karpramwlphlaebbladb hruxim aelakrabwnkarphlitekidkhunkhnankn hlngcakthiphuphudidrabukhxkhwamhnungthicathukekharhsthangphasaaelw phunncatxngsrrhakhasphthhrux lexical item ephuxaethnkhxkhwamnninkrabwnkarthieriykwakarkhdeluxksphth lexical selection khacathukeluxkmabnrakthankhxngkhwamhmaysungnkphasasastreriykwakhxmulkhwamhmay karkhdeluxksphthkratun lemma psycholinguistics khxngkhasungmithngkhxmulkhwamhmayaelaiwyakrnkhxngkhann hlngcakidwangaephnkarphudiwaelw mncungcaphankarekharhsthangsthwithya inkarphlitphasarayani phaphaethnthangcitkhxngkhasphthtang caidrbmxbhmayenuxhathangsthwithyaepnladbkhxnghnwyesiyngthicatxngphlitxxkma hnwyesiyngcarabulksnakarxxkesiyngechn pidrimfipak hruxkarkhyblinipinthi hnung caknnhnwyesiyngehlanicathukprasannganepnladbkhxngkhasngthicasngipihklamenux aelaemuxkhasngehlaniiddaeninkarxyangthuktxng esiyngkcaeplngxxkmaxyangthiectna dngnnkrabwnkarphlitcakkhxkhwamipsukarxxkesiyngxxkmasamarthsrupidtamladbdngni karwangaephnkhxkhwam Message planning kareluxkrakkha Lemma selection karkhnkhunaelakarmxbhmayrupthangsthwithyakhxngkha Retrieval and assignment of phonological word forms karrabukarxxkesiyng Articulatory specification khasngklamenux Muscle commands karxxkesiyng Articulation esiyngphud Speech sounds taaehnngekidesiyng taaehnngekidesiyng 1 rimfipak dannxk Exo labial 2 rimfipak danin Endo labial 3 fn Dental 4 pumehnguxk Alveolar 5 hlngpumehnguxk Post alveolar 6 hnaephdanaekhng Pre palatal 7 ephdanaekhng Palatal 8 ephdanxxn Velar 9 linik Uvular 10 chxngkhx Pharyngeal 11 esnesiyng Glottal 12 linpidklxngesiyng Epiglottal 13 okhnlininchxngkhx Radical 14 phnnglinswnhlng Postero dorsal 15 phnnglinswnhna Antero dorsal 16 playlin Laminal 17 playsudlin Apical 18 itplaysudlin Sub apical esiyngthithukphlitodykarkarbibtw constriction xyangetmhruxbangswnkhxngchxngesiyng vocal tract caeriykwaphyychna phyychnathukxxkesiynginchxngesiyng odypktiepninpak aelataaehnngthibibtwniksngphltxesiyngphllphth enuxngdwykhwamsmphnththiaenbchidrahwangtaaehnngkhxnglinaelaesiyngthieplngxxkma taaehnngekidesiyngepnaenwkhidthisakhyinsakhawichayxyhlaysakhainwichasthsastr esiyngthukcdpraephthinbangswndwytaaehnngkhxngkarbibtw rwmipthngswnkhxngrangkaythiichinkarbibtw twxyangechnkhawa fought aela thought inphasaxngkvs thngsxngepn minimal pair thitangknephiyngxwywathiichbibtw makkwataaehnngkhxngkarbibtw f in fought epnkarxxk labiodental consonant thiekidcakrimfipaklangkbfnbn th in thought epnkarxxk linguodental consonant thiekidcaklinkbfnbn karbibtwthithaodyrimfipakeriykwa labialization aelathithaodylincaeriykwaesiyngphyychnalin lingual karbibtwodylinsamarthekidkhunidinhlayswnkhxngchxngesiyng odycdklumxyangkwang epn dorsal aela radical karxxkesiyngthiophrngpakthukthaodyswnhnakhxnglin karxxkesiyngthihlnglinthukthaodyswnhlngkhxnglin aelakarxxkesiyngthiokhnlinthukthainkhxhxy karaebngklumniimphxsahrbkaraeykaeyaaelaxthibayesiyngphudthnghmd twxyangechn esiyng s aela ʃ epnesiyngophrngpakthngsxng aetthukphlitintaaehnngthitangkn ephuxxthibaysingni taaehnngekidesiyngthilaexiydkwanicungcaepnodycaphudthungphunthiinpakthiekidkarbibtw rimfipak karxxkesiyngthiichrimfipaksamarthxxkidsamaebb thngbnaelalang esiyngphyychnarimfipakkhu rimfipakkbfn esiyngphyychnarimfipaklang fnbn aelalinkbrimfipakbn esiyngphyychnalin rimfipakbn karxxkesiyngcaphwknithnghmdhruxbangswnkhunxyukbniyamthiichsamarthcdklumihepn labial consonant bilabial consonant thaodyichrimfipakbnaelalang ephuxphlitesiyngnirimfipaklangekhluxnthiiklthisudipharimfipakbnsungekhluxnlngmahnxyediyw aetinbangkrniaernglmthiphanchxngrahwangrimfipakthngsxngxacthaihrimfipakaeykxxkcakknerwkwathiekhamahakn karxxkesiyngthngsxngaebbekidcakenuxeyuxxxnsungtangcakkarxxkesiyngxun esiynghyudrimfipakcungmkcathukphlitdwykarpidimsmburn makkwakarxxkesiyngthiichphunphiwaekhngechnfnhruxephdanpak nxkcaknnesiynghyudrimfipakyngaeplkxiktrngthithankrnswnbnmikarekhluxnthilnglang xyangthirimfipakbnmikarekhluxnthilnglangelknxy linguolabial consonant thacakplaylinaetarimfipakbn rimfipakbnekhluxnthiekhahathankrnthiekhluxnihwmakkwaehmuxnkbinkarxxkesiyngrimfipakkhu karxxkesiyngkhxngphyychnainklumniimmitwxksrkhxngtwexnginsthxksrsaklaelatxngichsylksnplaysudlinkbekhruxnghmayesrimthichiwaesiyngnixyuinpraephthophrngpak d esiynghyudlin rimfipakbnkxng esiyngphwknimixyuinphasahlayphasaphunemuxngkhxngwanuxatuechn Tangoa language thacakrimfipaklangaetafnbn odypktiphyychnarimfipaklang fnbnepnphyychna fricative aelaesiyngnasikkphbecxid mikarotaeyngknwaesiynghyudrimfipaklang fnbnthiaethcringmixyuinphasathrrmchatihruxim aemmiraynganwaphasahlayphasamiesiynghyudrimfipaklang fnbnktam echn Zulu Tonga language Zambia and Zimbabwe aela Shubi language ophrngpak xngkvs Coronal consonant thacakplaylinaelaenuxngmacakkhwamkhlxngaekhlwkhxnglinswnhnacungmitaaehnngaelathathangthihlakhlay taaehnngekidesiyngophrngpakkhuxphunthiinpakthilinaetahruxbibtw sungrwmipthungtaaehnngthifn pumehnguxk aelahlngpumehnguxk thathanglinthiichswnplaysudkhxnglincaid apical consonant hakichswnplaylincaid laminal consonant aelahakplaylinokhngkhunkhanghlngaelaichswnlangkhxngplaylincaid retroflex consonant phyychnaophrngpakepnklumphyychnathimilksnaechphaatrngthimnrxngrbthuklksna Australian languages epnthiruckwamiphyychnaophrngpakthimikhwamhlakhlay Dental consonant thacakswnplaykhxnglinaelafnbnaelasamarthcdxxkepnsxngklumkhunkbswnkhxnglinthiichphlit esiyngphyychnaplaysudlin fn apical dental consonant phlitcakswnplaysudkhxnglinaetafnbn esiyngphyychnalinrahwangfn interdental consonant phlitcakswnbnkhxngplaylinaetafnbnaelaswnplaysudkhxnglinyunxxkipdanhna immiphasaihnthiepnthiruckwaichthngsxngesiyngphyychnaepnesiyngthiaeykcakknaetxacmithiichthngsxngepnhnwyesiyngyxy Alveolar consonant thacakswnplaykhxnglinaetathiaenwpumehnguxkdanhlngfnbnaelaxacepnidthngplaysudlinhruxplaylin phyychnafnaelapumehnguxkthukaeykaeyainhlay phasa thaihmikarwangnythwipaebbaephnrahwangphasakhunmacanwnhnung swnkhxnglinthiichphlitesiyngkthukaeyaaeyaepntaaehnngekidesiyngthitangkndwy phasathimiesiynghyudfnswnihycamiesiyngplaylin fn aelaphasathimiesiynghyudplaysudlincamiesiynghyudplaysudlin nxymakthiphasacamiphyychnasxngtwinthiediywknthiichplaylinkhnlaswn ykewn ǃXoo sungimepntamaebbaephnni thaphasahnungmiesiynghyudfnhruxpumehnguxkxyangidxyanghnungephiyngesiyngediyw esiyngnncaepnplaylinhakepnesiyngfn aelaepnplaysudlinhakepnesiyngpumehnguxk ykewnbangphasaechn Temne language aelaphasa aelaphasablaekeriysungimepntamaebbaephnni thaphasahnungmithngesiynghyudplaylinaelaplaysudlin esiyngplaylinmkcaepnesiyngkkesiydaethrkechnin Isoko language inkhnathi Dahalo language miaebbaephnthitrngkhamkn esiynghyudpumehnguxkkkesiydaethrkkwa Retroflex consonant mihlayniyamsungkhunxyukbwataaehnngkhxnglinhruxtaaehnngkhaengephdanpakednchdkwa odythwipaelwepnklumkhxngkarxxkesiyngthiplaylinmwnkhundanbnradbhnung dwywithinikarxxkesiyngaebbmwnlinsamarthekidkhunidbnhlaytaaehnngkhxngephdanpaksungrwmipthungpumehnguxk hlngpumehnguxk aelaephdanaekhng hakdanitkhxnglinipsmphsephdanpakkcaepnesiyngcakitplaysudlin aetesiyngplaysudlincakpumehnguxkkthukeriykepnesiynglinmwnechnediywkn twxyangpktikhxngesiynglinmwnitplaysudlinkhuxesiyngthiphbecxidthwipinphasaklumdrawiediyn aelain Indigenous languages of the Americas bangphasa khwamaetktangrahwangesiynghyudfnaelapumehnguxkkhuxesiyngpumehnguxkcamwnlinelknxy inthangesiyng karmwnlinmksngphltxklumkhwamthisnphxng formant thisungkwa karxxkesiyngthiekidkhundanhlngkhxngaenwpumehnguxk alveolar ridge eriykwa post alveolar consonants aelamikhasphtheriykhlaykha esiyngphyychnahlngpumehnguxkplaysudlinmkcathukeriykwaphyychnalinmwn inkhnathikarxxkesiyngplaylin laminal mkcathukeriykwaesiyngphyychnapumehnguxk ephdanaekhng palato alveolar inwrrnkrrmkhxngphasachndngedimxxsetreliy esiynghyudplaylinmkthukeriykepnesiyng ephdanaekhng thungaemcathukphliteyuxngipkhanghnakwaphunthiaethbephdanaekhng aelaephraaaetlakhnmikaywiphakhthitangkn karxxkesiyngpumehnguxk ephdanaekhng aelaesiyngophrngpakodythwip samarthmikhwamaetktangknxyangmakphayinchumchnphasa hlnglin xngkvs Dorsal consonants khuxesiyngphyychnathiichtwlinaethnswnplaylinaelamkcathukphlitthiephdanaekhng ephdanxxn velum hruxlinik uvula Palatal consonants thaodyichtwlinaetaephdanaekhngthiephdanpak esiyngphyychnaephdanaekhngmkcathukepriybtangkbesiyngphyychnaephdanxxnhruxlinik aelahayakthicamiphasaidepriybtangthngsamesiyng twxyanghnungkhxngphasathiepriybtangthngsamesiyngkhux Jaqaru language Velar consonants thaodyichtwlinaeta soft palate esiyngniepnesiyngthiphbecxidbxymakinhlay phasa ekuxbthukphasamiesiynghyudephdanxxn coarticulation rahwangesiyngephdanxxnkbsramkcaekidkhunaelaxacthaihtaaehnngxxkesiyngxyuiklthungephdanaekhngdanhnahruxthunglinikdanhlngephraathngesiyngephdanxxnaelaesiyngsraphlitodyichtwlin karaeprphnehlanipkticathukaebngepnesiyngephdanxxnhna klang aelahlngtambriewnesiyngsra esiyngnixacthukaeykaeyacakesiyngephdanaekhngidyakinthangsthsastraetmnthukphlitxyuhlngbriewnthiesiyngphyychnaephdanaekhngthwipthukphlitelknxy Uvular consonants thaodyichtwlinaetahruxekhluxnhalinik esiyngnihayakaelathukpramanwamiaekhin 19 epxresntkhxngphasathnghmd swnphumiphakhkhnadihykhxngthwipxemrikaaelaaexfrikaimmiphasathimiesiyngphyychnalinikely inphasathimiesiyngphyychnalinikesiynghyudmkcatamdwy continuant rwmipthungesiyngphyychnanasik chxngkhxaelaklxngesiyng esiyngphyychnathithaodykarbibtwkhxngchxngkhxkhux Pharyngeal consonant aelathithaodykarbibtwinklxngesiyngkhux Laryngeal consonant esiyngcakklxngesiyngthaodyichesnesiyngephraatwklxngesiyngxyulukekinthicaichlinid aetesiyngcakchxngkhxyngiklpakphxthiswnkhxnglinekhluxnthung esiyngphyychnaokhnlinichokhnkhxnglinhruxlinpidklxngesiyngephuxphlit aelathukphlitlukmakipinchxngesiyngthaodykarrnthxyokhnlinipiklcnekuxbaetakhxhxy ephraaphlitidyakcungmiephiyngaekhesiyngesiydaethrkaelaesiyngepidthiphlitinthiniid Epiglottal consonant thaodylinpidklxngesiyngaelaphnngdanhlngkhxngkhxhxy esiynghyudlinpidklxngesiyngthukbnthukin esiyngphyychnalinpidklxngesiyngkxngepnipimidephraaophrngrahwangaelalinpidklxngesiyngelkekinkwacathaesiyngkxngid Glottal consonant thukphlitodyichesnesiynginklxngesiyng phyychnaesnesiynghlayxnimmiwnxxkesiyngidechnesiynghyudesnesiyngkxngephraaesnesiyngepntnkaenidkhxngkareplngesiyngphudaelaxyukhanglangchxngesiyngpak cmuk miesiyngphyychnaesnesiyngsamesiyngthithaidkhuxesiynghyudesnesiyngimkxngaelaesiyngesiydaethrkesnesiyngsxngesiyng thnghmdthukyunynwamixyuinphasathrrmchatiesiynghyudesnesiyngsungthukphlitodykarpid phbecxidbxyinphasatang thwolk inkhnathihlay phasaichesiyngniephuxaebngekhtkhxngwli bangphasaechn Mazatecan Language ichepnhnwyesiynghnwynung nxkcaknninphasaniesiynghyudesnesiyngthitamdaysraxacthaihsraekid Creaky voice dwy esiynghyudesnesiyngmkcapidhruxhyudimsmburnemuxxyurahwangsra esiynghyudesnesiyngthiaethcringekidkhunemuxthuk Gemination ethann klxngesiyng mummxngcakdanbnkhxngklxngesiyng klxngesiyngepnokhrngsrangkradukxxnthixyuinhlxdlmsungmihnathi phonation esnesiyngkhybekhahaknephuxsnhruxxxkhangcakknephuximihsn esnesiyngepliynepntaaehnngtang dwykarekhluxnihwkhxng Arytenoid cartilage klamenuxklxngesiyngphayin intrinsic laryngeal muscles mihnathikhybkradukxxnxrithinxydaelaprbkhwamtungkhxngesnesiyng thaesnesiyngpidimaekhbhruxdungimtungphxkcasnaebbimsmaesmxhruximsnely thasnaebbimsmaesmxkxacihesiyngtalukhruxesiynglmaethrk breathy voice khunxyukbwasnradbihn aelahakimsnelykcaepnesiyng voicelessness nxkcakkarcdtaaehnngesnesiyngihthuktxngaelw lmcatxngihlphanimxyangnnkcaimsn khwamaetktangkhxngkhwamdntlxdchxngesnesiyngthitxngmiephuxxxkesiyngthukpramanxyurahwangkhwamdn 1 thung 2 98 0665 thung 196 133 paskal khwamaetktangkhxngkhwamdnsamarthtakwaradbthicaepntxkareplngesiyngidxacephraamikhwamdnephimkhunehnuxchxngesnesiyng khwamdnehnuxchxngesnesiyng hruxkhwamdnldlngitchxngesnesiyng khwamdnitchxngesnesiyng khwamdnitchxngesnesiyngthukrksaody respiratory muscles khwamdnehnuxchxngesnesiyngethakbkhwamdnbrryakashakesnesiyngimmikarbibtwhruxkarxxkesiyng aetephraakarxxkesiyngkhuxkarbibtwkkkarihlkhxngxakasodyechphaaesiyngphyychna khwamdninophrngkhanghlngkarbibtwxacephimsungkhunidthaihkhwamdnehnuxchxngesnesiyngsungkhundwy karekhathungsphthanukrm caktwaebbkarekhathungsphthanukrm mirayakhxngkarrukhidxyusxngraya cungeriykwathvsdikarekhathungsphthanukrmsxngraya rayaaerkkrabwnkareluxksphth lexical selection caihkhxmulekiywkbraykarsphth lexical item thicaepnephuxsrangtwaethnradbhnathi functional level representation raykarehlanithukkhnkhuntamkhunsmbtithangkhwamhmayaelawakysmphnthaetrupthangesiyngyngimmiinrayani rayathisxngkarkhnrupkhakhun retrieval of wordforms ihkhxmulthicaepntxkarsrangtwaethnradbtaaehnng positional level representation twaebbkarxxkesiyng ewlaphud thankrncakhybphanhruxaetataaehnnghninginpakthaihsyyanesiyngepliynip twaebbkarphlitesiyngphudbangaebbichsingniepnthansarbkarcalxngkarxxkesiyngepnrabbphikdthixacepnaebbphayin intrinsic hruxphaynxk extrinsic rabbphikdaebbphayincalxngkarekhluxnihwkhxngthankrnepntaaehnngaelamumkhxngkhxtxtang inrangkay twaebbphikdaebbphayinkhxngkhakrrikrmkichxngsaesri degree of freedom sxngthungsamxngsasungaethnkarekhluxnaelakarhmun karcalxngaebbnicamipyhakblinsungepn muscular hydrostat ehmuxnngwngchang immikhxtxaebbkhakrrikrhruxaekhn ephraamiokhrngsrangsrirathitangkn esnthangkarekhluxnihwkhxngkhakrrikrcungepnesntrngkhnaphudaelaekhiyw inkhnathikarekhluxnihwkhxnglincaepnesnokhngipma karekhluxnthiepnesntrngthukichephuxxangwakarxxkesiyngthukwangaephnbnphunthiwangphaynxkmakkwaphayin aetrabbphikdaebbphaynxkcarwmthungphunthiwangphikdthangesiyngdwyimichaekhphunthiphikdthangkayphaph twaebbthismmutiwakarekhluxnihwthukwangaephninphunthiwangphaynxkcaecx inverse problem inkarxthibaytaaehnngkhxngklamenuxaelakhxtxthiphlitesnthanghruxsyyanesiyngxnhnung twxyangechnaekhnmixngsaesriecdxngsaaelaklamenux 22 md karphsmphsanrahwangkarprbtaaehnngkhxngkhxtxaelaklamenuxthitangknsamarthnaipsutaaehnngsudthaytaaehnngediywknid pyhakarwangaephnphngcakhnungipmakkmixyusahrbtwaebbkarwangaephninphunthithangesiyngphaynxk odyimmikarwangaephnphngthiepnexklksncakepahmaythangesiynghruxkayphaphthitxngkarxnhnungkbkarekhluxnihwkhxngklamenuxthitxngkhyb aetthwakhwamkngwleruxngpyhaphkphnxacthukphudihekincringipmak inemuxkarphudepnthksathieriynruodyichokhrngsrangthangprasaththiwiwthnakarmaephuxkarniodyechphaa twaebbcudsmdul equilibrium point model naesnxmtitxpyhaphkphnodyxangihepahmaykhxngkarekhluxnihwthukaethnepntaaehnngkhxngkhuklamenuxthikrathabnkhxtx klamenuxthukcalxngepnspringaelaepahmayepncudsmdulkhxngrabbkhxngmwlkbspring ephraawaichspring twaebbcudsmdulsamarthaekephuxchdechyhruxtxbsnxngtxkarkxkwnkarekhluxnihwid twaebbninbepntwaebbphikdephraamnsmmutiaethntaaehnngklamenuxehlaniepncudinpriphumi hruxcudsmdul thisungkiriyakhlayspringkhxngklamenuxmabrrcbkn withikarthangthathangtxkarphlitesiyngphud speech production naesnxihkarxxkesiyngthukaethnepnaebbaephnkarekhluxnihwaethnphikdepahmayphikdhnung hnwythielkthisudkhuxthathangthiaethnklumkhxng aebbaephnkarekhluxnihwthangsrirathismmulknechinghnathithithukkhwbkhumodyxangxingcudhmaythiekiywkhxngkbkarphudcudhnung echn karpidrimfipakkhu klumehlaniaethnokhrngsrangthangphikdhrux synergies sungmxngkarekhluxnihwepnkarrwmklumkhxngklamenuxthithangandwyknepnhnwyediywodyphungphapharkicaethnkarekhluxnihwkhxngklamenuxthiepnpceck nildxngsaesriinkarwangaephnkarxxkesiyngsungepnpyhaodyechphaaintwaebbphikdaebbphayinsungxnuyatkarekhluxnihwid thisaerccudmunghmaykarphud aethnthicaekharhskarekhluxnihwxnhnungihepntwaethnnamthrrm karxxkesiyngphsmthukxthibayepnxyangdidwytwaebbthangthathang ephraakarxxkesiynginxtrathisungkwasamarthxthibayepnkarprakxbknkhxngthathangthixisracakkninkarphuddwyxtrathichakwaswnsastrrupkhlun bn sepkotraekrm klang aelakarthxdesiyng lang khxngesiyngphuhyingthiphudkhawa Wikipedia aesdngody sxftaewrsahrbkarwiekhraahthangphasafng source source track track track track esiyngprakxb esiyngphudthukphlitodykarddaeplngkraaeslmodythankrnthaihekidkhlunesiyng thankrnthixyuintaaehnngaelalksnatang thaihekidesiyngthitangkn nxkcaktaaehnngkhxnglinaelwruprangkhxngchxngesiyngksngphltxesiyngthieplngxxkmaechnediywkn manner of articulation cungepnsungsakhyinkarphrrnnaesiyngphud khawa thak aela sak khuntndwyesiyngpumehnguxkthngsxngkha aetthngsxngesiyngtangknthirayathangrahwanglinaelaaenwpumehnguxk khwamaetktangnimiphlmaktxkraaeslm esiyngthithukphlitcungaetktangipdwy klikkraaeslmthiphbidthwipthisudkhuxklikkraaeslmcakpxd pulmonic aet glottis aelalinksamarthichphlitkraaeslmechnkn khwamkxngaelalksnaesiyngphud khwamaetktangsakhyrahwangesiyngphudtang khuxwaesiyngnnkxng voiced hruximkxng esiynghnungcakxngemuxesnesiyngerimsninkrabwnkareplngesiyngphud phonation esiynghlayesiyngsamarthphlitiddwythngkareplngesiynghruximeplngesiyng aetbangkhrngkhxcakdthangkayphaphkhxngkarxxkesiyngxnhnungthaihepnipimid emuxxxkesiyngkxngaehlngkaenidhlkkhxngesiyngkhuxkarsnkhxngesnesiyng karxxkesiyngimkxngechnesiynghyudimkxngimmiaehlngkaenidesiyngcungmiesiyngengiyb swnesiyngimkxngaebbesiydaethrkmiaehlngkaenidesiyngkhxngtwexngodyimtxngeplngesiyng kareplngesiyngthukkhwbkhumodyklamenuxkhxngklxngesiyng khwamkxnginphasamiraylaexiydeyxakwaaekhepnthwiphakh ewlaeplngesiyngesnesiyngcasninxtrahnung karsnnithaihekidrupkhlunesiyngsakhabthiprakxbipdwykhwamthimulthanaelaharmxnik khwamthimulthankhxngkhlunesiyngsamarththukkhwbkhumdwykarprbklamenuxkhxngklxngesiyngaelaphufngcarbrukhwamthimulthanniepnradbesiyng phasaprbradbesiyngephuxthaythxdkhxmulkhwamhmayinphasathimiwrrnyuktaelahlayphasaichradbesiyngephuxtrakhxmulthangsthsmphnth prosodic hruxthangptibti pragmatic esnesiyngcatxngxyuintaaehnngthithuktxngaelatxngmilmihlphanchxngesnesiyngephuxsn lksnaesiyngphudthukcalxngdwyphawatxenuxng continuum khxngchxngesnesiyngcakepidsud imkxng cnthungpidsud esiynghyudesnesiyng taaehnngthiehmaasmsahrbkarsnaelaesiyngpkti modal voice thiepnlksnaesiyngthiichphudbxythisudxyutrngklangrahwangthngsxngaebb thachxngesnesiyngkwangkwaedimelknxykcaekidesiynglmaethrk breathy voice aelathachxngesnesiyngaekhblngkcaekidesiyngtaluk creaky voice rupaebbkareplngesiyngpktithiichphudodythwipkhuxesiyngpkti epnesiyngthithukphlitemuxesnesiyngxyuiklknaelamikhwamtungpanklang esnesiyngsnepnhnwyediywknxyangsakhabaelamiprasiththiphaphodyimmi aspiration aelachxngesnesiyngpidsnith thaesnesiyngthukdunghangcakknkcaimsnaelaphlitesiyngimkxng aelathaesnesiyngchidknaennkcaphlitesiynghyudesnesiyng hakesnesiyngxyuhangknkwathiepninesiyngpktielknxykcaphlitlksnaesiyngphudthieriykwaesiynglmaethrkhruxesiyngkrasib whispery voice khwamtungkhxngesnesiyngnxykwainesiyngpktithaihxakassamarthihlidxisrakwaedim thngesiynglmaethrkaelaesiyngkrasibxyuepnphawatxenuxngkhxngrupkhluntngaetrupkhlunkhxngesiynglmaethrkthisakhabkwacnthungrupkhlunkhxngesiyngkrasibthimikarrbkwneyxakwa inthangswnsastrthngsxngesiyngybyngkhwamthisnphxngaerk odyechphaaesiyngkrasibsungmikarebiyngebnthisudkhidkwa emuxesnesiyngxyuiklknkcaekidesiyngtaluk khwamtungkhxngesnesiyngnxykwainesiyngpktiaelathukdungiklknaennthaihmiexnesinesiyngexnediywthisn phlsimsmaesmxaelamiradbesiyngkbaexmphlicudkhwamthithita bangphasaimaeykaeyaphyychnarahwangkxngaelaimkxng aetthukphasaichkhwamkxnginradbhnung echnimmiphasaihnthiepriybtangkhwamkxngkhxngesiyngsrathanghnwyesiyng aelaesiyngsrathukesiyngthiruckthukyxmrbodythwipwaxxkesiyngaebbpkti taaehnngxun inchxngesnesiyngechnlmaethrkaelatalukthukichinphasaxun hlayphasaechn Jalapa Mazatec ephuxepriybtanghnwyesiyng inkhnathiesiyngthngsxngaebbniepnhnwyesiyngyxyinphasaxunechnphasaxngkvs mihlaywithiephuxtdsinwaswnswnhnungkxnghruxim withithingaythisudkhuxkarexamuxaetabriewnklxngesiyngrahwangphudaelasngektkarsn withikarwdthiaemnyakwaichkarwiekhraahthangesiyngkhxngsepkotraekrmhruxchinsepktrm inkarwiekhraahsepkotraekrmswnthikxngcaaesdngaethbkhwamkxnghruxphunthithimiphlngnganthangesiyngsunginchwngkhwamthitakhxngswnthikxng inkartrwcsxbchinsepktrmhruxsepktrmesiyng n cudewlacudhnung twaebbkhxngesiyngsrathixxkesiyngmaklbkarkrxngkhxngpakthaihidsepktrmkhxngchxngesnesiyng twaebbechingkhanwnkhxngsyyancakchxngesnesiyngthiyngimthukkrxngcungthuknaipsxdkbsyyanesiyngthithukkrxngyxnklbephuxphicarnakhunlksnakhxngchxngesnesiyng karwiekhraahthangsaytaksamarththaiddwykarichekhruxngmuxaephthyphiessechnxltrasawdaelakarsxngklxng sra srathukcdklumkwang cakphunthiinpakthisrannthukphlit aetephraasrathukphlitodyimmikarbibtwkhxngchxngesiyng karphrrnnaxyangaemnyacaepntxngichkarwdshsmphnth correlation rahwangesiyngkbtaaehnngkhxnglin taaehnngkhxnglinrahwangkarphlitesiyngsraepliynkhwamthithisathxninophrngpakaelaesiyngsathxnnieriykwa formant sungthukwdaelathukichephuxbnglksnakhxngsraesiynghnung khwamsungkhxngsraodydngedimaelwhmaythungcudsungsudkhxnglinrahwangkarxxkesiyng khwamsungsamarthaebngepnsiradbphunthan radbsung close klangsung close mid klangta open mid aelaradbta open srathikhwamsungxyutrngklangcaeriykwasraradbklang mid srasungthitalngelknxyaelasratathisungkhunelknxyeriykwasraechiydsung near close aelaechiydta near open tamladb srathitathisudimidichaekhlinthitaaetichkhakrrikrthitadwy aem IPA caaesdngwasramiradbkhwamsungecdradb aetyakmakthiphasaidcaepriybtangthngecdradb chxmskiaela Morris Halle esnxwamiaekhsamradb aetwatxngichsiradbephuxphrrnnasrainphasaednmarkaelaepnipidthibangphasacaepncatxngichharadb khwamhlngkhxngsraaebngidepnsamradb hna front klang central aelahlng back phasatang mkimepriybtangekinipkwasxngradb bangphasathukxangwamikhwamhlngsamradbrwmipthung Nimboran language aelaphasanxrewy inphasaswnihyrimfipaksamarthaebngepnhx rounded aelaimhx unrounded aetrimfipakrupaebbxun echnkarhxekha compression aelahxxxk protrusion kmi rupaebbrimfipakethiybsmphnthkbkhwamsungaelakhwamhlng srahnaaelasratamkcaimhxpakinthangtrngknkhamsrahlngaelasungmkcahxpak srathikhuknbnaephnphng IPA dansaykhuxsrapakimhxaeladankhwakhuxsrapakhx srainbangphasamilksnaechphaaephimetimechn nasal vowel vowel length aelalksnaesiyngphudtang echn voiceless vowel hrux bangkhrnglintxngxyuinthathangphiessechn rhotic vowel advanced and retracted tongue root strident vowel aelakhwamesiydaethrk frication ephuxthicaichphrrnnaesiyngsrabangesiyng lksnaekidesiyng aekhtaaehnngekidesiyngimphxthicaphrrnnaesiyngphyychna withikarbibbngkhb stricture ksakhyphx kn lksnaekidesiyng xngkvs Manners of articulation xthibaywithithikrn active articulator ddaeplng bibaekhb hruxpidchxngesiyng esiyngphyychnahyudkhuxesiyngphyychnathikraaeslmthukkhwangmid khwamdnephimkhuninpakkhnathibibbngkhbaelathukplxyxxkmaepnkarraebidesiyngsn hlngcakemuxkrnkhybaeykxxkma ephdanxxnyktwkhunephuximihmixakasihlphancmuk thaephdanxxnldtwlngaelaplxyxakasihlphanophrngcmukkcaekidesiyngphyychnahyudnasik aetnksthsastrceriykesiyngphyychnahyudnasik nasal stop wa nasal hruxesiyngnasikekuxbtlxd Affricate consonant epnkarxxkesiynghyudtamdwyesiyngesiydaethrkintaaehnngediywkn Fricative consonant epnesiyngphyychnathikraaeslmthukthaihpnpwndwykarkhwangchxngesiyngbangswn Sibilant epnesiyngesiydaethrkchnidphiessthikraaeslmthukebiyngtrngekhahafnthaihekidesiyngfxaehlmsung esiyngphyychnanasik bangkhrngkeriykwaesiynghyudnasik epnesiyngphyychnathichxngpakpidaelaephdanxxnldtwlngthaihlmihlphancmuk Approximant consonant epnesiyngphyychnathiekidemuxthankrnkhybekhahaknaetimiklkncnekinkraaeslmpnpwn Lateral consonant epnesiyngphyychnathikraaeslmthukkhwangtamaenwtrngklangkhxngchxngesiyngthaihkraaeslmihlipdankhangkhangediywhruxthngsxngkhang esiyngkhanglinyngthukniyamepnphyychnathilinhdtwthaihkraaeslmdankhangaerngkwatrngklangkhxnglin niyamaerkimihlmihlkhambnlin Trill consonant epnesiyngphyychnathilinhruxrimfipakthukthaihekhluxnihwdwykraaeslm ekidcakkarbibbngkhbkraaeslmihthankrnxxn soft articulator khybpidepidsaiperuxy esiyngrwplaysudlinpktiekidcakkarsnsxngsamkhab tap and flap consonant epnesiyngphynchnathiekidcakkrathbkbephdanpakkhrngediywxyangrwderw ethiybidkbesiynghyudthirwderwmak thng krathb tap hrux sabd flap ichaethnknidaetnksthsastrbangkhnthuxwaepnesiyngthitangkn esiynglinkrathbekidcaklinthikrathbkbephdandwykarekhluxnihwkhrngediyw inkhnathiesiynglinsabdekidcaklinthiekhluxnthiinaenwsmphskbephdanpakaelakrathbemuxekhluxnphan rahwang airstream mechanism chxngesnesiyngcapidaelakkxakasiw thaihxakasthiehluxinchxngesiyngsamarthekhluxnthiepnxisraknid emuxchxngesnesiyngpidekhluxnthikhunxakasnikcaxxkipthaihekid ejective consonant inthangklbknemuxchxngesnesiyngekhluxnthilngxakascathukdudekhamaephimthaihekid implosive consonant Click consonant epnesiynghyudthixakasthukdudekhapakdwykarekhluxnthikhxnglin nieriykwa rahwangthiedaalinxakasinchxngthithukpidthngsxngthangca rarefaction aelaekidesiyng edaa esiyngdngemuxthipiddanhna anterior thukepid karepidthipiddanhnaeriykwakarihlekhaesiyngedaa click influx karepidthipiddanhlng posterior sungxacepnthngthiephdanxxnhruxlinikcaeriykwakarihlxxkesiyngedaa click efflux esiyngedaamiichintrakulphasaaexfriknhlaytrakulechn Khoisan languages aela Bantu languages rabbpxdaelarabbitchxngesnesiyng pxdphlitesiyngphudswnihydwykarsrangkhwamdnsahrbesiyngcakpxd chnidkhxngesiyngthiphbecxbxythisudinphasatang khuxesiynglmxxkcakpxd pulmonic egress inthangklbknkmiesiynglmekhapxd aetimmiphasaidinolkthiichesiynglmekhapxdepnhnwyesiyng hlayphasaechnphasaswiednichesiynglmekhapxdsahrbkarxxkesiyng paralanguage echnkaryunyn affirmation inphasahlayphasathihlakhlaythangphumisastraelaphnthukrrm thngesiynglmxxkaelalmekhaphungphakarcbesnesiyngihxyuinthathahnungaelaichpxdnaxakasphanesnesiyngthaihsn kxng hruximsn imkxng karxxkesiyngcakpxdthukcakddwyprimatrkhxngxakasthisamarthhayicxxkidinhnungrxbkarhayic eriykwa vital capacity pxdthukichrksakhwamdnsxngpraephthphrxm knephuxphlitaeladdaeplngkareplngesiyng ephuxeplngesiyngpxdcatxngrksakhwamdn 3 5 esntiemtrnamakkwakhwamdnehnuxchxngesnesiyng nxkcaknnsamarthprbepliynkhwamdnitchxngesnesiyngidelknxyxyangerw ephuxddaeplngesiyngphudihidkhunlksnaesiyngimxisra suprasegmental echnkarenn stress esiyngthukprbepliynodyklamenuxthrwngxkcanwnhnung enuxngephraapxdaelathrwngxkkhyayxxkemuxhayicekha aekhaerngyudhyunkhxngpxdthiprimatrekinkhrungkhxngkhwamcupxdpktikphxthicaphlitkhwamaetktangkhxngkhwamdnthisamarthicheplngesiyngid emuxprimatrekinkhrungkhxngkhwamcupxdpkti muscles of respiration thukichtrwcaerngyudhyuninthrwngxkephuxrksakhwamaetktangkhxngkhwamdnthikhngthi hakprimatrnxykwannklamenuxhayickcathukichephuxephimkhwamdnitchxngesnesiyngdwykarhayicxxk rahwangphudwngcrkarhayicthukddaeplngihekhakbkhwamtxngkarthangphasaaelachiwphaph karhayicxxkthipktikinwngcrippraman 60 epxresntkephimkhunklayepn 90 epxresnt ephraakhwamtxngkarthangemaethbxlisumyngkhngthi inkrniswnihyprimatrxakasthnghmdthiekhluxnekhakhngxyuethakbkarhayicpktiaebbengiyb karphuddngkhun 18 edsiebl karsnthnaesiyngdng miphlnxytxprimatrkhxngxakasthiekhluxnthi edkmiaenwonmthicaichsdswnkhxngkhwamcupxdpktimakkwaphuihyaelahayicekhalukkwaephraarabbhayicyngimphthnaethaphuihy thvsdiaehlng twkrxng twaebbaehlng twkrxng xngkvs source filter model khxngkarphudepnthvsdiesiyngphudthixthibaykhwamekiywkhxngrahwangruprangkhxngchxngesiyngaelaesiyngthieplngxxkma intwaebbnichxngesiyngsamarthcalxngepnaehlngkaenidkhxngesiyngthikhukb acoustic filter inhlaykrniaehlngkaenidesiyngkhuxklxngesiyngrahwangkarxxkesiyngkxng aetaehlngxunksamarthcalxnginthangediywknid ruprangkhxngchxngesiyngehnuxchxngesnesiyngptibtitwepntwkrxng aelakarcderiyngrupaebbtang khxngthankrnthaihekidesiyngrupaebbtang karepliynaeplngepnxairthithanayid chxngesiyngsamarthcalxngepnladbthxthipidthiplayhnungaelamiesnphansunyklangthitangkn aelaksamarthxnuphththruprangsrirasahrbphlthangesiyngtang iddwysmkarkhxng acoustic resonance krabwnkaryxnklbkarkrxngichhlkkarniephuxwiekhraahsepktrmkhxngaehlngthiphlitodyesnesiyngrahwangkarxxkesiyngkxng phlthangesiyngkhxngchxngesiyngsamarththukthaklbdwykaryxnklbdwytwkrxngtamthikhadiw aelacaidsepktrmesiyngthithukphlitodyesnesiyng nithaihsamarthsuksalksnaesiyngphudtang inechingprimanidkarrbrukarrbruphasa language perception epnkrabwnkarthakhwamekhaicaelathxdrhssyyanthangphasa syyanesiyngthitxenuxngcatxngepliynepnhnwywiyut discrete thangphasaechnhnwyesiyng hnwykha aelakhaephuxrbruesiyngphud phufngcaihkhwamsakhytxaengmumhnungkhxngsyyanthisamarthichaeykxxkepnklumidxyangnaechuxthuxephuxrabuaelacdklumesiyngidthuktxng aemsingbngchixnhnungcaidrbkhwamsakhymakkwaxnxunaetaengmumxun ksamarthmiswntxkarrbru twxyangechn aemphasaphudcaihkhwamsakhytxkhxmulesiyng praktkarnaemkhekxrkaesdngihehnwakhxmulthangsaytakthukichephuxaeykaeyakhxmulthikakwmemuxsingbngchithangesiyngimnaechuxthux thungphufngsamarthichkhxmulthihlakhlayephuxaebngswnsyyanesiyngphud aetkhwamsmphnthrahwangsyyanesiyngaelakarrbruhmwdhmuimichkaraeplngthismburn yngmikhwamphnaeprthangesiynginhmwdhmuhnunginradbthisungephraa sphaphaewdlxmthiesiyngrbkwn aelakhwamaetktangkhxngaetlabukhkhl niepnpyhathieriykwa khwamimphnaeprkhxngkarrbru perceptual invariance phufngsamarthrbruhmwdhmutang xyangnaechuxthuxaemmikhwamphnaeprinsyyanesiyng phufngsamarththaaebbniidephraaprbekhakbphuphudihmxyangrwderwaelakhybkhxbekhtkhxngaetlahmwdhmuephuxihtrngkbkhwamaetktangkhxngesiyngthikhusnthnaphudxxkma karidyin source source source source source source source track track track track track track track esiyngedinthangcakaehlngkaenidipsmxngxyangir karidyinesiyng xngkvs Audition epnrayaaerkkhxngkarrbruesiyngphud thankrnepliynkhwamdnxakasxyangepnrabbepnkhlunesiyngthiedinthangipthunghuphufng khlunesiyngchnkbaekwhu eardrum khxngphufngthaihmnsn kradukhusngkarsnkhxngaekwhuipthihuchninruphxyokhnghruxkhxekhliy khxekhliyrupthrngepnwngthxthietmipdwykhxngehlwsungthukaebngtamaenwyawodyxwywakhxngkhxrtithimieyuxknhuchnin eyuxknhuchninhnakhuneruxyemuxyingekhaipinkhxekhliythaihaetlataaehnngmikhwamthisnphxngthitangkn rupaebbnithaihhusamarthwiekhraahesiynginlksnathikhlaykbkaraeplngfuriey khwamaetktangkhxngkarsnkhxngeyuxknhuchninthaihesllkhnphayinxwywakhxngkhxrtiekhluxnihw aelanithaihesllkhnldkhwaelainthisudkaeplngsyyanesiyngepnkraaesprasath esllkhnexngimidphlitskyangan aetplxysarsuxprasaththicudprasanprasathkbostprasathsungphlitskyangan dwywithinirupaebbkarsnbneyuxknhuchninthukaeplngepn spatiotemporal pattern khxngkaryingkraaesprasaththisngkhxmulekiywkbesiyngekhakansmxng sthsmphnth nxkcaksraaelaphyychnaaelw sthsastryngphrrnnathungkhunsmbtikhxngesiyngphudnxkehnuxcak segment linguistics echphaaswnaelahnwykhxngesiyngphudthiihykwaechnphyangkhaelawli sthsmphnthrwmipthung auditory phonetics echnradbesiyng duration music aelakhwamdng loudness phasatang ichkhunsmbtiehlaniinradbtang sahrb stress linguistics pitch accent intonation aela intonation linguistics twxyangechn stress and vowel reduction in English aela stress in Spanish smphnthkbkhwamepliynaeplngkhxngradbaelakhwamyawesiyng inkhnathismphnthkbradbesiyngxyangsxdkhlxngknmakkwakhwamyawesiyng aelakarennesiynginphasaithysmphnthkbkhwamyawesiyngethann thvsdikhxngkarrbruesiyngphud thvsdikhxngkarrbrukarphud xngkvs Theory of speech perception thvsdiaerk echn motor theory of speech perception mikhwamphyayamthicaaekpyhakhwamimphnaeprkhxngkarrbruodyxangwakarrbruaelakarphlitesiyngphudmikhwamechuxmoyngknxyangiklchid inrupthiaerngthisudthvsdiekhluxnihwxangwakarrbruesiyngphud caepn txngihphufngekhathungtwaethnthangsrirakhxngesiyng phufngwiswkrrmyxnklbhakarxxkesiyngthicaphlitesiyngnnephuxrabuklumkhxngesiyngtamthiphuphudectnaephuxcdklumesiyngnnidxyangehmaasm aemkarkhnphbechnpraktkarnaemkhekxrkaelakrnisuksacakphupwythimikarbadecbthangprasathsnbsnunthvsdiekhluxnihw karthdlxngephimetimimidsnbsnunthvsdiinrupaerngaetsnbsnunrupkhxngthvsdthixxnlngthixangwamikhwamsmphnthxyangimkahnd non deterministic rahwangkarphlitaelakarrbru thvsdikhxngkarrbruesiyngphudtxmaphungkhwamsnickbsingbngchithangesiyng acoustic cue ephuxcdklumesiyng aelasamaruthaebngepnsxngklumihy idkhux thvsdinamthrrm abstractionist theory aelathvsdiehtukarn episodic theory inthvsdinamthrrm karrbruesiyngphudkhuxkarrabuwtthuesiynginxudmkhtiodyxangxingsyyanesiyngthithukldepnxngkhprakxbthicaepnaelathaihsyyanepnmatrthanephuxthaklbkhwamaeprprwnkhxngphuphud thvsdiehtukarnechn exemplar model xangwakarrbruesiyngphudkhuxkarekhathungkhwamthrngca nnkhux khwamcaxasyehtukarn khxngesiyngthiekhyidyinmakxn pyhakhwamimphnaeprkhxngkarrbruthukxthibayodythvsdiehtukarnwaepneruxngkhxngkhwamkhunekhy karthaihepnmatrthanepnphlphlxyidkhxngkaridsmphskhwamaeprprwnmakkwaepnkrabwnkarwiyutxyangthithvsdinamthrrmxangsakhawichayxyswnsthsastr swnsthsastr xngkvs Acoustics phonetics suksakhunlksnathangesiyngkhxngesiyngphud prasathsmphsesiyngekidkhuncakkarphnaeaepr fluctuation khxngkhwamdnthithaihaekwhukhybtam huepliynkarekhluxnihwepnkraaesprasaththismxngaeplepnesiyng rupkhlunkhxngesiyngepnbnthukthiwdkhwamphnaeprkhxngkhwamdn srirsthsastr srirsthsastr xngkvs Articulatory phonetics suksawithithiesiyngphudthukphlitxxkma oststhsastr oststhsastrsuksawithithimnusyrbruesiyngphud mnusyimidrbruesiyngphudepnbnthukesiyngaebbthuktxngsmburnephraalksnathangkaywiphakhkhxngrabbkaridyinbidebuxnsyyanesiyngphud twxyangechn Loudness sungthukwdepnedsiebl dibi dB imidmikhwamsmphnthodytrng linear kbkhwamaetktangkhxngkhwamdnesiyng singthiphufngidyinkbkarwiekhraahthangesiyngcaimtrngknodyechphaaxyangyingkbesiyngphudthimikhwamthisungechnesiyngesiydaethrkbangesiyng cungmikarphthnatwaebbechinghnathikhxngrabbkaridyinephuxaekikhkhwamimtrngknkarphrrnnaesiyngphasamnusyichesiyngtang hlayesiyng aelankphasasastrcatxngsamarthphrrnnaesiynginwithithiepnxisracakphasaephuxepriybethiybesiyng erasamarthphrrnnaesiyngphuddwyhlaywithi odythwipichkarekhluxnihwkhxngpakthicaepnephuxphlitesiyngphud phyychnaaelasraepnhmwdhmukhnadihysxnghmwdthinksthsastrniyamdwykarekhluxnihwkhnaphud twbngchithilngraylaexiydkwakechntaaehnngekidesiyng taaehnngekidesiyng aela voicing phonetics thukichephuxphrrnnaphyychnaaelaepnsdswnhlkkhxngaephnphngphyychnakhxngsthxksrsakl srasamarthphrrnnadwykhwamsung khwamhlng aelakarhxrimfipak phasamuxsamarthphrrnnadwypccykhnlachudaetkkhlayknephuxphrrnnathamux sign khux taaehnng location karekhluxnihw movement ruprangmux handshape thisthangfamux palm orientation aelalksnakhxngsingxun nxkehnuxcakmux non manual feature nxkcakkarphrrnnasrirathathangaelwyngsamarthphrrnnaesiynginphasaphudinthangswnsastrdwy withikarphrrnnathngsxngwithiephiyngphxthicaexamaichepriybtangesiyngphudephraaesiyngepnphlphwngcakkarxxkesiyng sungcaeluxkwithiidmaichkhunxyukblksnathangsthsastrthisnic esiyngphyychnaepnesiyngphudthixxkesiyngdwykarpidaebbsmburnhruxbangswnkhxng odypkticathukphlitdwykarddaeplngthihayicxxhmakhakpxd xwywahayicthithukichephuxphlitaeladdaeplngkraaeslmthukaebngepnsamswn chxngesiyng ehnuxklxngesiyng klxngesiyng aelarabbitchxngesnesiyng kraaeslmxacepnidthng egressive sound xxkcakchxngesiyng hrux ingressive sound ekhachxngesiyng kraaeslmkhxngesiyngcakpxdthukphlitodypxdinrabbitchxngesnesiyngaelaihlphanklxngesiyngkbchxngesiyng Glottalic consonant ichkraaeslmthiphlitdwykarekhluxnihwkhxngklxngesiyngodyimmikraaeslmcakpxd Click consonant xxkesiyngdwykhxngxakasodyichlinaelatamdwykarepidswnthipidswnhnakhxnglin esiyngsraepnesiyngphudphyangkhthixxkesiyngodyimmikarkidkhwanginchxngesiyng esiyngsrathukniyamodysmphththkbchudkhxngesiyngsraxangxingthieriykwa cardinal vowels aetktangcakesiyngphyychnasungpktimitaaehnngekidesiyngthiaennxn caepntxngmikhunlksnasamkhxephuxniyamesiyngsra khwamsungkhxnglin khwamhlngkhxnglin aelakarhxrimfipak esiyngsrathixxkesiyngdwykhunphaphkhngthieriykwa monophthong karprasmknkhxngesiyngsrasxngesiynginphyangkhediywkhux diphthong insthxksrsakl esiyngsrathukaethnbnrupsiehliymkhanghmuthiaethnpakmnusy aeknaenwtngaethnphuncnthungephdanpak aeknaenwnxnaethnaenwhnahlng karthxdesiyng xngkvs Phonetic transcription epnrabbkarthxdinphasaphud oral language hruxphasamux rabbkarthxdesiyngaesdngsthlksnthiepnthiruckmakthisudkhuxsthxksrsakl IPA epnchudsylksnmatrthansahrbesiyngphud khwamepnmatrthankhxng IPA thaihphuichsamarththxdesiyngphasa phasayxy aela idiolect IPA epnekhruxngmuxthimipraoychnnxkcaktxkarsuksasthsastraelw yngmipraoychntxkarsxnphasa karaesdngmuxxachiph aelaxrrthbabddwy aemimmiphasamuxid thimirabbkarekhiynthiepnmatrthan nkphasasastridphthnarabbsykrnkhxngtwexngiwphrrnnaruprangmux taaehnng aelakarekhluxnihw HamNoSys mikhwamkhlay IPA trngthirabbnixnuyatihmiraylaexiydinradbthitangkn rabbsykrnbangrabbechn KOMVA aela Stokoe notation thukxxkaebbsahrbichinphcnanukrmaelayngikhtwxksrkhxngphasathxngthinsahrbruprangmuxinkhnathi HamNoSys aethnruprangmuxodytrng wangepahmayiwwacaepnrabbkarekhiynsahrbphasamuxthieriynrungay aetkyngimidthuknaipichinklumkhnhuhnwkklumidxyangepnthangkarphasamuxkhainphasamuxthukrbrudwytaaethnhu thamuxthuk phud dwymux rangkayswnbn aelahw thankrn hruxxwywahlkthiichthathakhuxmuxaelaaekhn swnkhxngaekhnthukphrrnnaxyangsmphththwaaela Anatomical terms of location swntnhmaythungswnthixyuikllatwaelaswnplaykhuxswnthixyuiklxxkip twxyangechnkarekhluxnihwkhxmuxkhuxswnplayemuxepriybethiybkbkhxsxk odypktikarekhluxnihwswnplayphlitngaykwaephraaichphlngngannxykwa pccytang echnkhwamyudhyunkhxngklamenuxhruxhakthathangnnepnkhxhamthangsngkhmcakdwaxairsamarththuxepnthamuxid ecakhxngphasamuximmxngthimuxkhxngkhusnthnaaethakmxngipthihnaaethn ephraa peripheral vision imchdethatrngklangkhxnglansayta thaihsamarthrbrukarekhluxnihwaelataaehnngkhxngniwkhxngthamuxthixyuiklhnakwaidlaexiydkwa phasamuxmithankrnthiehmuxnknsxngxnkhuxmux phuphudphasamuxsamarthichmuxkhangihnkidodyimsngphltxkarsuxsar thamuxthiichsxngmuxodythwipcamikarthathathaediywknthngsxngkhangephraakhxcakdthangprasaththimithwknthukkhnthieriykwaenguxnikhkhwamsmmatr Symmetry Condition khxcakdthisxngthimithwknkhuxenguxnikhkhwamthnd Dominance Condition sungbxkwahakthamuxthngsxngkhangimehmuxnkn muxthiimthndcaxyuningaelamichudruprangmuxthicakdkwaemuxethiybkbmuxkhangthithndsungekhluxnihw nxkcaknn muxkhanghnunginthamuxsxngmuxkmkthukthing imtha ewlasnthnaxyangimthangkar sungnieriykhwakrabwnkar weak drop rupkhaaetlakhakxacthaihekidkarxxkesiyngphsmidehmuxninphasaphud twxyangechnruprangmuxkhxngthamuxthiphudtxknkklayepnkhlaykn Assimilation phonology hruxekid weak drop twxyanghnungkhxng Deletion phonology duephim Exemplar theory Motor theory of speech perception sthwithya srwithya sthxksrsakl Articulatory phonology echingxrrthhmayehtu nkphasasastrotaeyngknwarayaehlanisamarthmiptismphnthknidhruxim hruxmnekidkhunepnladb ethiyb Dell amp Reich 1981 kb Motley Camden amp Baars 1982 ephuxihxthibayidxyangngay krabwnkarphlitphasathukxthibayepnladbkhxngrayatang thiepnxisracakkn aemhlkthanihm aesdngihehnwaniimthukesiythiediyw sahrbkhaxthibayephimetimkhxngtwaebbkarkratunaebbmiptismphnth du Jaeger Furth amp Hilliard 2012 hruxhlngcakemuxkarphudswnhnungidthukwangaephnipaelw du Gleitman et al 2007 sahrbhlkthankhxngkarphlitkxnthikhxkhwamcathukwangaephnidsmburn ddaeplngmacak Sedivy 2019 p 411 aela Boersma 1998 p 11 duthi Feldman 1966 sahrbkhxnaesnxtnchbb duthiklxngesiyngsahrbkhxmulephimetimekiywkbkaywiphakhkhxngkareplngesiyng echnphasahawayimepriybtangrahwangesiynghyudkxngaelaimkxng inphasaithyphyychna k aela c kxacnbepnphyychnathiimaeykrahwangkxngaelaimkxngid ephraakhnithymkaeplxksrepntw g aela j aetbangphasaechnphasayipunxxkesiyngsraepnaebbimkxnginbangbribth duthitwaebbkarxxkesiyngsahrbkhxmulephimetimekiywkbkarcalxngaebbkarxxkesiyng echnediywkbkarphlitesiyngphud thrrmchatikhxngsyyanthangphasakhunxyukb syyanxacepnesiyngsahrbkarphuddwypak thangsaytasahrbphasamux hruxthangsmphssahrbphasamuxsmphs manual tactile sign language ephuxkhwamngaycungbrryaythungaekhesiyngphud sahrbkarrbruphasamuxodyechphaaduphasamuxthikarrbruthamux sign perception xangxing O Grady 2005 p 15 Caffrey 2017 Kiparsky 1993 p 2918 Kiparsky 1993 pp 2922 3 Oxford English Dictionary 2018 sfn error no target CITEREFOxford English Dictionary2018 Roach n d Ladefoged 1960 p 388 Ladefoged 1960 Dell amp O Seaghdha 1992 Sedivy 2019 p 439 Boersma 1998 Ladefoged 2001 p 5 Ladefoged amp Maddieson 1996 p 9 Ladefoged amp Maddieson 1996 p 16 Maddieson 1993 Fujimura 1961 Ladefoged amp Maddieson 1996 pp 16 17 International Phonetic Association 2015 Ladefoged amp Maddieson 1996 p 18 Ladefoged amp Maddieson 1996 pp 17 18 Ladefoged amp Maddieson 1996 p 17 Doke 1926 Guthrie 1948 p 61 Ladefoged amp Maddieson 1996 pp 19 31 Ladefoged amp Maddieson 1996 p 28 Ladefoged amp Maddieson 1996 pp 19 25 Ladefoged amp Maddieson 1996 pp 20 40 1 Scatton 1984 p 60 Ladefoged amp Maddieson 1996 p 23 Ladefoged amp Maddieson 1996 pp 23 5 Ladefoged amp Maddieson 1996 pp 25 27 8 Ladefoged amp Maddieson 1996 p 27 Ladefoged amp Maddieson 1996 pp 27 8 Ladefoged amp Maddieson 1996 p 32 Ladefoged amp Maddieson 1996 p 35 Ladefoged amp Maddieson 1996 pp 33 34 Keating amp Lahiri 1993 p 89 Maddieson 2013 Ladefoged et al 1996 p 11 Lodge 2009 p 33 Ladefoged amp Maddieson 1996 p 37 Ladefoged amp Maddieson p 37 sfn error no target CITEREFLadefogedMaddieson Ladefoged amp Maddieson 1996 p 38 Ladefoged amp Maddieson 1996 p 74 Ladefoged amp Maddieson 1996 p 75 Ladefoged 2001 p 123 Seikel Drumright amp King 2016 p 222 Ohala 1997 p 1 Chomsky amp Halle 1968 pp 300 301 Altmann 2002 Lofqvist 2010 p 359 Munhall Ostry amp Flanagan 1991 p 299 et seq Lofqvist 2010 p 360 Bizzi et al 1992 Lofqvist 2010 p 361 Saltzman amp Munhall 1989 Mattingly 1990 Lofqvist 2010 pp 362 4 Lofqvist 2010 p 364 Gordon amp Ladefoged 2001 Gobl amp Ni Chasaide 2010 p 399 Gobl amp Ni Chasaide 2010 p 400 401 Gobl amp Ni Chasaide 2010 p 401 Dawson amp Phelan 2016 Gobl amp Ni Chasaide 2010 pp 388 et seq Ladefoged amp Maddieson 1996 p 282 Lodge 2009 p 39 Chomsky amp Halle 1968 Ladefoged amp Maddieson 1996 p 289 Ladefoged amp Maddieson p 290 sfn error no target CITEREFLadefogedMaddieson Ladefoged amp Maddieson p 292 295 sfn error no target CITEREFLadefogedMaddieson Lodge 2009 p 40 Ladefoged amp Maddieson p 298 sfn error no target CITEREFLadefogedMaddieson Ladefoged amp Johnson 2011 p 14 Ladefoged amp Johnson 2011 p 67 Ladefoged amp Maddieson 1996 p 145 Ladefoged amp Johnson 2011 p 15 Ladefoged amp Maddieson 1996 p 102 Ladefoged amp Maddieson 1996 p 182 Ladefoged amp Johnson 2011 p 175 Ladefoged amp Maddieson 1996 p 217 Ladefoged amp Maddieson 1996 p 218 Ladefoged amp Maddieson 1996 p 230 231 Ladefoged amp Johnson 2011 p 137 Ladefoged amp Maddieson 1996 p 78 Ladefoged amp Maddieson 1996 p 246 247 Ladefoged 2001 p 1 Eklund 2008 p 237 Eklund 2008 Seikel Drumright amp King 2016 p 176 Seikel Drumright amp King 2016 p 171 Seikel Drumright amp King 2016 pp 168 77 Johnson 2008 p 83 5 sfn error no target CITEREFJohnson2008 Johnson 2008 p 104 5 sfn error no target CITEREFJohnson2008 Johnson 2008 p 157 sfn error no target CITEREFJohnson2008 Sedivy 2019 p 259 60 Sedivy 2019 p 269 Sedivy 2019 p 273 Sedivy 2019 p 259 Sedivy 2019 p 260 Sedivy 2019 p 274 85 Johnson 2003 p 46 7 Johnson 2003 p 47 Schacter Gilbert amp Wegner 2011 p 158 9 Yost 2003 p 130 Cutler 2005 Sedivy 2019 p 289 Galantucci Fowler amp Turvey 2006 Sedivy 2019 p 292 3 Skipper Devlin amp Lametti 2017 Goldinger 1996 Johnson 2003 p 1 Johnson 2003 p 46 49 Johnson 2003 p 53 Ladefoged amp Maddieson 1996 p 281 Gussenhoven amp Jacobs 2017 p 26 27 Lodge 2009 p 38 O Grady 2005 p 17 International Phonetic Association 1999 Ladefoged 2005 Ladefoged amp Maddieson 1996 Baker et al 2016 p 242 244 sfn error no target CITEREFBakervan den BogardePfauSchermer2016 Baker et al 2016 p 229 235 sfn error no target CITEREFBakervan den BogardePfauSchermer2016 Baker et al 2016 p 236 sfn error no target CITEREFBakervan den BogardePfauSchermer2016 Baker et al 2016 p 286 sfn error no target CITEREFBakervan den BogardePfauSchermer2016 Baker et al 2016 p 239 sfn error no target CITEREFBakervan den BogardePfauSchermer2016 brrnanukrm Abercrombie D 1967 Elements of General Phonetics Edinburgh Chicago Aldine Pub Co a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Altmann Gerry 2002 Psycholinguistics critical concepts in psychology London Routledge ISBN 978 0415229906 OCLC 48014482 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Baker Anne van den Bogaerde Beppie Pfau Roland Schermer Trude 2016 The Linguistics of Sign Languages Amsterdam Philadelphia John Benjamins Publishing Company ISBN 978 90 272 1230 6 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Baumbach E J M 1987 Analytical Tsonga Grammar Pretoria University of South Africa a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Bizzi E Hogan N Mussa Ivaldi F Giszter S 1992 Does the nervous system use equilibrium point control to guide single and multiple joint movements Behavioral and Brain Sciences 15 4 603 13 doi 10 1017 S0140525X00072538 PMID 23302290 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a ref harv imthuktxng help Bock Kathryn Levelt Willem 2002 Atlmann Gerry b k Psycholinguistics Critical Concepts in Psychology Vol 5 New York Routledge pp 405 407 ISBN 978 0 415 26701 4 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Boersma Paul 1998 Functional phonology Formalizing the interactions between articulatory and perceptual drives The Hague Holland Academic Graphics ISBN 9055690546 OCLC 40563066 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Caffrey Cait 2017 Phonetics Salem Press Encyclopedia Salem Press a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Catford J C 2001 A Practical Introduction to Phonetics 2nd ed Oxford University Press ISBN 978 0 19 924635 9 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Chomsky Noam Halle Morris 1968 Sound Pattern of English Harper and Row a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Cutler Anne 2005 Lexical Stress PDF in Pisoni David B Remez Robert b k The Handbook of Speech Perception Blackwell pp 264 289 doi 10 1002 9780470757024 ch11 ISBN 978 0 631 22927 8 OCLC 749782145 subkhnemux 2019 12 29 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Dawson Hope Phelan Michael b k 2016 Language Files Materials for an Introduction to Linguistics 12th ed The Ohio State University Press ISBN 978 0 8142 5270 3 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Dell Gary O Seaghdha Padraig 1992 Stages of lexical access in language production Cognition 42 1 3 287 314 doi 10 1016 0010 0277 92 90046 k PMID 1582160 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a ref harv imthuktxng help Dell Gary Reich Peter 1981 Stages in sentence production An analysis of speech error data Journal of Memory and Language 20 6 611 629 doi 10 1016 S0022 5371 81 90202 4 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a ref harv imthuktxng help Doke Clement M 1926 The Phonetics of the Zulu Language Bantu Studies Johannesburg Wiwatersrand University Press a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Eklund Robert 2008 Pulmonic ingressive phonation Diachronic and synchronic characteristics distribution and function in animal and human sound production and in human speech Journal of the International Phonetic Association 38 3 235 324 doi 10 1017 S0025100308003563 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a ref harv imthuktxng help Feldman Anatol G 1966 Functional tuning of the nervous system with control of movement or maintenance of a steady posture III Mechanographic analysis of the execution by man of the simplest motor task Biophysics 11 565 578 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a ref harv imthuktxng help Fujimura Osamu 1961 Bilabial stop and nasal consonants A motion picture study and its acoustical implications Journal of Speech and Hearing Research 4 3 233 47 doi 10 1044 jshr 0403 233 PMID 13702471 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a ref harv imthuktxng help Galantucci Bruno Fowler Carol Turvey Michael 2006 The motor theory of speech perception reviewed Psychonomic Bulletin amp Review 13 3 361 377 doi 10 3758 BF03193857 PMC 2746041 PMID 17048719 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a ref harv imthuktxng help Gleitman Lila January David Nappa Rebecca Trueswell John 2007 On the give and take between event apprehension and utterance formulation Journal of Memory and Language 57 4 544 569 doi 10 1016 j jml 2007 01 007 PMC 2151743 PMID 18978929 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a ref harv imthuktxng help Gobl Christer Ni Chasaide Ailbhe 2010 Voice source variation and its communicative functions The Handbook of Phonetic Sciences 2nd ed pp 378 424 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Goldinger Stephen 1996 Words and voices episodic traces in spoken word identification and recognition memory Journal of Experimental Psychology Learning Memory and Cognition 22 5 1166 83 doi 10 1037 0278 7393 22 5 1166 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a ref harv imthuktxng help Gordon Matthew Ladefoged Peter 2001 Phonation types a cross linguistic overview Journal of Phonetics 29 4 383 406 doi 10 1006 jpho 2001 0147 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a ref harv imthuktxng help Guthrie Malcolm 1948 The classification of the Bantu languages London Oxford University Press a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Gussenhoven Carlos Jacobs Haike 2017 Understanding phonology Fourth ed London and New York Routledge ISBN 9781138961418 OCLC 958066102 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Hall Tracy Alan 2001 Introduction Phonological representations and phonetic implementation of distinctive features in Hall Tracy Alan b k Distinctive Feature Theory de Gruyter pp 1 40 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Halle Morris 1983 On Distinctive Features and their articulatory implementation Natural Language and Linguistic Theory 1 1 91 105 doi 10 1007 BF00210377 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a ref harv imthuktxng help Hardcastle William Laver John Gibbon Fiona b k 2010 The Handbook of Phonetic Sciences 2nd ed Wiley Blackwell ISBN 978 1 405 14590 9 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help International Phonetic Association 1999 Handbook of the International Phonetic Association Cambridge University Press a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help International Phonetic Association 2015 International Phonetic Alphabet International Phonetic Association a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Jaeger Florian Furth Katrina Hilliard Caitlin 2012 Phonological overlap affects lexical selection during sentence production Journal of Experimental Psychology Learning Memory and Cognition 38 5 1439 1449 doi 10 1037 a0027862 PMID 22468803 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a ref harv imthuktxng help Jakobson Roman Fant Gunnar Halle Morris 1976 Preliminaries to Speech Analysis The Distinctive Features and their Correlates MIT Press ISBN 978 0 262 60001 9 Johnson Keith 2003 Acoustic and auditory phonetics 2nd ed Blackwell Pub ISBN 1405101229 OCLC 50198698 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Johnson Keith 2011 Acoustic and Auditory Phonetics 3rd ed Wiley Blackwell ISBN 978 1 444 34308 3 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Jones Daniel 1948 The London school of phonetics Zeitschrift fur Phonetik 11 3 4 127 135 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a ref harv imthuktxng help Reprinted in Jones W E Laver J b k 1973 Phonetics in Linguistics Longman pp 180 186 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Keating Patricia Lahiri Aditi 1993 Fronted Velars Palatalized Velars and Palatals Phonetica 50 2 73 101 doi 10 1159 000261928 PMID 8316582 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a ref harv imthuktxng help Kingston John 2007 The Phonetics Phonology Interface in DeLacy Paul b k The Cambridge Handbook of Phonology Cambridge University Press ISBN 978 0 521 84879 4 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Kiparsky Paul 1993 Paṇinian linguistics in Asher R E b k Encyclopedia of Languages and Linguistics Oxford Pergamon a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Ladefoged Peter 1960 The Value of Phonetic Statements Language 36 3 387 96 doi 10 2307 410966 JSTOR 410966 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a ref harv imthuktxng help Ladefoged Peter 2001 A Course in Phonetics 4th ed Boston ISBN 978 1 413 00688 9 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Ladefoged Peter 2005 A Course in Phonetics 5th ed Boston ISBN 978 1 413 00688 9 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Johnson Keith 2011 A Course in Phonetics 6th ed Wadsworth ISBN 978 1 42823126 9 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Ladefoged Peter Maddieson Ian 1996 The Sounds of the World s Languages Oxford Blackwell ISBN 978 0 631 19815 4 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Levelt Willem 1999 A theory of lexical access in speech production Behavioral and Brain Sciences 22 1 3 6 doi 10 1017 s0140525x99001776 11858 00 001M 0000 0013 3E7A A PMID 11301520 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a ref harv imthuktxng help Lodge Ken 2009 A Critical Introduction to Phonetics New York Continuum International Publishing Group ISBN 978 0 8264 8873 2 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Lofqvist Anders 2010 Theories and Models of Speech Production Handbook of Phonetic Sciences 2nd ed pp 353 78 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Maddieson Ian 1993 Investigating Ewe articulations with electromagnetic articulography Forschungberichte des Intituts fur Phonetik und Sprachliche Kommunikation der Universitat Munchen 31 181 214 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a ref harv imthuktxng help Maddieson Ian 2013 Uvular Consonants in Dryer Matthew S Haspelmath Martin b k Leipzig Max Planck Institute for Evolutionary Anthropology a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Mattingly Ignatius 1990 PDF Journal of Phonetics 18 3 445 52 doi 10 1016 S0095 4470 19 30372 9 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2021 02 25 subkhnemux 2020 11 25 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a ref harv imthuktxng help Motley Michael Camden Carl Baars Bernard 1982 Covert formulation and editing of anomalies in speech production Evidence from experimentally elicited slips of the tongue Journal of Verbal Learning and Verbal Behavior 21 5 578 594 doi 10 1016 S0022 5371 82 90791 5 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a ref harv imthuktxng help Munhall K Ostry D Flanagan J 1991 Coordinate spaces in speech planning Journal of Phonetics 19 3 4 293 307 doi 10 1016 S0095 4470 19 30346 8 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a ref harv imthuktxng help O Connor J D 1973 Phonetics Pelican pp 16 17 ISBN 978 0140215601 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help O Grady William 2005 Contemporary Linguistics An Introduction 5th ed Bedford St Martin s ISBN 978 0 312 41936 3 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Ohala John 1997 Aerodynamics of phonology Proceedings of the Seoul Internation Conference on Linguistics 92 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a ref harv imthuktxng help Phonetics n Oxford English Dictionary Online Oxford University Press 2018 Roach Peter n d Practical Phonetic Training Peter Roach subkhnemux 10 May 2019 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a CS1 maint ref duplicates default Saltzman Elliot Munhall Kevin 1989 PDF Ecological Psychology 1 4 333 82 doi 10 1207 s15326969eco0104 2 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2020 10 28 subkhnemux 2020 11 25 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a ref harv imthuktxng help Scatton Ernest 1984 A reference grammar of modern Bulgarian Slavica ISBN 978 0893571238 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Schacter Daniel Gilbert Daniel Wegner Daniel 2011 Sensation and Perception in Charles Linsmeiser b k Psychology Worth Publishers ISBN 978 1 4292 3719 2 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Schiller Niels Bles Mart Jansma Bernadette 2003 Tracking the time course of phonological encoding in speech production an event related brain potential study Cognitive Brain Research 17 3 819 831 doi 10 1016 s0926 6410 03 00204 0 PMID 14561465 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a ref harv imthuktxng help Sedivy Julie 2019 Language in Mind An Introduction to Psycholinguistics 2nd ed ISBN 978 1605357058 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Seikel J Anthony Drumright David King Douglas 2016 Anatomy and Physiology for Speech Language and Hearing 5th ed Cengage ISBN 978 1 285 19824 8 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Skipper Jeremy Devlin Joseph Lametti Daniel 2017 The hearing ear is always found close to the speaking tongue Review of the role of the motor system in speech perception Brain and Language 164 77 105 doi 10 1016 j bandl 2016 10 004 PMID 27821280 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a ref harv imthuktxng help Stearns Peter Adas Michael Schwartz Stuart Gilbert Marc Jason 2001 World Civilizations 3rd ed New York Longman ISBN 978 0 321 04479 2 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help 1996 A Dictionary of Phonetics and Phonology Abingdon Routledge ISBN 978 0 415 11261 1 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help Yost William 2003 Audition in Alice F Healy Robert W Proctor b k Handbook of Psychology Experimental psychology John Wiley and Sons p 130 ISBN 978 0 471 39262 0 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a ref harv imthuktxng help aehlngkhxmulxunwikisxrsmikhxkhwamkhxng The New Student s Reference Work bthkhwam Phonetics sthsastr caksaranukrmsahrbeyawchn 2007 12 06 thi ewyaebkaemchchin thirwbrwmaehlngkhxmulsthsastrodymhawithyalynxrthaekhorilna A Little Encyclopedia of Phonetics ody Pink Trombone opraekrmcalxngkarxxkesiyngaebbottxbody Neil Thapen