เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) (11 มกราคม พ.ศ. 2319 – 24 มิถุนายน พ.ศ. 2392) อัครมหาเสนาบดีสมุหนายก และแม่ทัพใหญ่ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ต้นสกุล "สิงหเสนี" "บดินทรเดชา" เป็นราชทินนามพิเศษที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่ เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ทั้งนี้ ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระแสงดาบอาญาสิทธิ์ ให้เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ต่อมาทางสมาชิกสกุลสิงหเสนี ได้ทูลเกล้าฯ ถวายแด่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อเชิญไปไว้ ณ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ เพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่แผ่นดิน
เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) | |
---|---|
รูปปั้นเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ที่วัดจักรวรรดิราชาวาส | |
สมุหนายก | |
ดำรงตำแหน่ง พ.ศ. 2370 – 24 มิถุนายน พ.ศ. 2392 | |
กษัตริย์ | พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว |
ก่อนหน้า | เจ้าพระยาอภัยภูธร (น้อย บุณยรัตพันธุ์) |
ถัดไป | เจ้าพระยานิกรบดินทร์ (โต กัลยาณมิตร) |
เจ้ากรมพระสุรัสวดีกลาง | |
ดำรงตำแหน่ง พ.ศ. 2367 - พ.ศ. 2373 | |
ก่อนหน้า | พระยาราชสุภาวดี (ขุนทอง) |
ถัดไป | พระยาราชสุภาวดี (โต กัลยาณมิตร) |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | สิงห์ 11 มกราคม พ.ศ. 2319 บ้านเชิงสะพานช้างโรงสี เมืองพระนคร อาณาจักรธนบุรี |
เสียชีวิต | 24 มิถุนายน พ.ศ. 2392 (73 ปี) บ้านเชิงสะพานหัน เมืองพระนคร อาณาจักรรัตนโกสินทร์ |
ศาสนา | พุทธ |
คู่สมรส | ท่านผู้หญิงเพ็ง |
บุตร | เจ้าพระยามุขมนตรี (เกษ สิงหเสนี) เจ้าพระยายมราช (แก้ว สิงหเสนี) |
บุพการี |
|
สกุล | สิงหเสนี |
ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงให้ตราพระราชบัญญัติขนานนามสกุล เมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2455 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2456 และมีการพระราชทานนามสกุลให้แก่พระราชวงศ์ ขุนนาง บุคคลต่าง ๆ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามสกุล "สิงหเสนี" เป็นลำดับที่ 7 ในสมุดทะเบียนนามสกุลพระราชทาน เพื่อเป็นเกียรติยศแก่บรรดาบุตรหลานผู้สืบสกุลจากเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)
ประวัติ
เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เดิมชื่อว่าสิงห์ เป็นบุตรคนที่ 4 ของเจ้าพระยาอภัยราชา (ปิ่น) กับท่านผู้หญิงฟัก เกิดเมื่อวันศุกร์ แรม 7 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะแม พ.ศ. 2318 เทียบกับปฏิทินปัจจุบันตรงกับวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2319 ปลายรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สถานที่เกิดอยู่บริเวณเชิงสะพานช้างโรงสีหน้ากระทรวงมหาดไทยในเขตพระนครทุกวันนี้ เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) สืบเชื้อสายมาจากพราหมณ์ปุโรหิตในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยเจ้าพระยาบดินทรเดชาเป็นเหลนของพราหมณ์ศิริวัฒนา เจ้าพระยาอภัยราชา (ปิ่น) บิดาของเจ้าพระยาบดินทรเดชาเป็นสมุหพระกลาโหมในช่วงปลายสมัยรัชกาลที่ 1 เจ้าพระยาบดินทรเดชามีพี่น้องรวมกันทั้งหมดเก้าคน มีพี่สาวคือเจ้าจอมปริกในรัชกาลที่ 1 และเจ้าจอมปรางในรัชกาลที่ 2
เมื่อเจริญวัยขึ้น ในช่วงปลายรัชกาลที่ 1 เจ้าพระยาอภัยราชา (ปิ่น) ผู้เป็นบิดาได้นำตัวนายสิงห์เข้ารับราชการเป็นมหาดเล็กในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรในตำแหน่งจมื่นเสมอใจราช ต่อมาในรัชสมัยสมเด็จพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้เลื่อนเป็นจมื่นศรีบริรักษ์ เป็นปลัดกรมพระตำรวจนอกขวาในกรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ ใน พ.ศ. 2352 จมื่นศรีบริรักษ์โดยเสด็จกรมพระราชวังบวรฯไปในการศึกพม่าตีเมืองถลางเป็นปลัดรองนายเรือลาดตระเวณ หลังจากศึกสิ้นสุดลงจมื่นศรีบริรักษ์ได้เลื่อนขึ้นเป็นพระพรหมสุรินทร์ เจ้ากรมพระตำรวจใหญ่ขวาในกรมพระราชวังบวรฯ และหลังจากศึกที่อาณาจักรเขมรอุดงใน พ.ศ. 2354 ได้เลื่อนขึ้นเป็นพระราชโยธาเจ้ากรมมหาดไทยของฝ่ายกรมพระราชบวรฯ และต่อมาได้เลื่อนเป็นพระยาเกษตรรักษาเป็นเกษตราธิบดีในกรมพระราชวังบวรฯ
ใน พ.ศ. 2359 เจ้าเมืองน่านคล้องช้างเผือกมาถวายแด่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจึงเสด็จออกไปรับช้างเผือก พระยาเกษตรรักษา (สิงห์) ออกรับเสด็จด้วยแต่เนื่องจากหมอกลงจัดทำให้พระยาเกษตรรักษา (สิงห์) แล่นเรือตัดหน้าฉานขบวนเรือพระที่นั่งขบวนหลังต้องโทษกบฏ กรมพระราชวังบวรฯทรงให้จำคุกพระยาเกษตรรักษา (สิงห์) ไว้เป็นเวลาสี่เดือนจนกระทั่งกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ได้ทรงช่วยทูลขอให้ไว้ชีวิตพระยาเกษตรรักษา พระยาเกษตรรักษา (สิงห์) จึงได้รับการปล่อยตัวพ้นโทษออกมาและใน พ.ศ. 2360 กรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ทิวงคต พระยาเกษตรรักษา (สิงห์) จึงดำรงฐานะเป็น "พระยาเกษตรรักษานอกราชการ" ใน พ.ศ. 2362 พระยาเกษตรรักษานอกราชการ (สิงห์) บูรณะวัดสามปลื้มซึ่งเป็นวัดที่อยู่ใกล้เคียงกับนิวาสถานของพระยาเกษตรรักษาริมคลองโองอ่างบริเวณเวิ้งนครเกษมหรือสำเพ็งในเขตสัมพันธวงศ์ในปัจจุบัน
พระยาเกษตรรักษานอกราชการได้ช่วยราชการในกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ในการต่อเรือค้าขายและการศาลต่างๆ ต่อมาเมื่อกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ได้ขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระยาเกษตรรักษานอกราชการ (สิงห์) จึงได้เข้ารับราชการอีกครั้งในตำแหน่งพระยาราชสุภาวดีเจ้ากรมพระสุรัสวดี พระยาราชสุภาวดี (สิงห์) ได้ถวายวัดสามปลื้มขึ้นเป็นพระอารามหลวงใน พ.ศ. 2368 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯพระราชทานนามวัดใหม่ว่าวัดจักรวรรดิราชาวาส
ศึกเจ้าอนุวงศ์
ใน พ.ศ. 2369 กบฏเจ้าอนุวงศ์ พระยาราชสุภาวดี (สิงห์) ขณะนั้นอายุห้าสิบเอ็ดปีได้รับโปรดเกล้าฯให้ยกทัพไปทางอีสานใต้ลาวใต้จำปาศักดิ์ หลังจากที่ตีทัพของเจ้าโถง (หลานของเจ้าอนุวงศ์) ที่เมืองพิมายแตกแล้วจึงยกทัพต่อไปตีค่ายเวียงคุกที่เมืองยโสธรแตก เจ้าราชบุตร (โย้) โอรสของเจ้าอนุวงศ์และเป็นเจ้าเมืองจำปาศักดิ์ยกทัพมาตั้งมั่นที่เมืองอุบล พระยาราชสุภาวดี (สิงห์) ยกทัพจากยโสธรเข้าโจมตีเมืองอุบล ชาวลาวเมืองอุบลลุกฮือขึ้นขับไล่เจ้าราชบุตรออกจากเมือง เจ้าราชบุตรหลบหนีกลับไปยังเมืองจำปาศักดิ์แต่ไม่สามารถเข้าเมืองได้เนื่องจากความวุ่นวายในเมือง พระยาราชสุภาวดี (สิงห์) จึงสามารถเข้ายึดเมืองจำปาศักดิ์และจับกุมตัวเจ้าราชบุตรได้ได้
ในระหว่างการศึกเจ้าอนุวงศ์นั้นเจ้าพระยาอภัยภูธร (น้อย บุณยรัตพันธุ์) สมุหนายกซึ่งนำทัพในการศึกครั้งนี้ด้วยนั้นล้มป่วงลงจนถึงแก่อสัญกรรมใน พ.ศ. 2370 กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพมีพระบัณฑูรให้พระยาราชสุภาวดี (สิงห์) จัดการบ้านเมืองลาวอยู่ที่เวียงจันทน์ เมื่อกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพยกทัพเสด็จกลับกรุงเทพมหานครแล้วจึงกราบทูลความดีความชอบให้แก่พระยาราชสุภาวดี (สิงห์) พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯจึงมีตราให้เลื่อนเจ้าพระยาราชสุภาวดี (สิงห์) ขึ้นเป็นเจ้าพระยาราชสุภาวดีที่สมุหนายก เจ้าพระยาราชสุภาวดี (สิงห์) นำตัวเจ้าราชบุตร (โย้) พร้อมทั้งอัญเชิญพระบางจากเวียงจันทน์มายังกรุงเทพฯ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯทรงขัดเคืองเจ้าพระยาราชสุภาวดี (สิงห์) ที่มิได้ทำลายเมืองเวียงจันทน์ลงให้ราบคาบ แล้วจึงทรงให้เจ้าพระยาราชสุภาวดี (สิงห์) ไปทำลายเมืองเวียงจันทน์ลงอย่างสิ้นเชิง ในปี พ.ศ. 2371
เจ้าอนุวงศ์ซึ่งได้หลบหนีไปยังเวียดนามราชวงศ์เหงียนได้กลับมายังเมืองเวียงจันทน์ใน พ.ศ. 2371 พร้อมคณะทูตของพระจักรพรรดิมิญหมั่ง เจ้าอนุวงศ์เข้าลอบสังหารกองกำลังฝ่ายไทยและเข้าครองเมืองเวียงจันทน์อีกครั้ง เจ้าพระยาราชสุภาวดี (สิงห์) ซึ่งยกทัพมาตั้งมั่นที่เมืองพันพร้าว (ตำบลพานพร้าว อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย) จึงล่าถอยไปทางใต้ไปยังยโสธร เจ้าอนุวงศ์จึงส่งโอรส ยกทัพลาวจากเวียงจันทน์ข้ามแม่น้ำโขงลงมาทางใต้เพื่อตามทัพของเจ้าพระยาราชสุภาวดี เจ้าพระยาราชสุภาวดี (สิงห์) ได้ยกทัพขึ้นมาตั้งรับที่ค่ายบกหวาน (ตำบลบกหวาน อำเภอเมืองจังหวัดหนองคาย) เจ้าพระยาราชสุภาวดีได้ต่อสู้ตัวต่อตัวกับเจ้าราชวงศ์ (เหง้า) เจ้าพระยาราชสุภาวดีตกจากม้าล้มลง เจ้าราชวงศ์ใช้หอกแทกถูกเฉียดตัวเจ้าพระยาราชสุภาวดีเป็นแผลถลอก เจ้าราชวงศ์จะให้ดาบฟันซ้ำหลวงพิพิธน้องชายของเจ้าพระยาราชสุภาวดีเข้ารับแทนทำให้หลวงพิพิธถูกฟันเสียชีวิต เจ้าพระยาราชสุภาวดีอาศัยจังหวะใช้มีดแทงที่ต้นขาของเจ้าราชวงศ์ประกอบกับฝ่ายไทยยิงปืนถูกเข่าของเจ้าราชวงศ์ล้มลงเสียโลหิตมาก ฝ่ายลาวจึงนำเจ้าราชวงศ์ขึ้นแคร่หามหนีไป เจ้าพระยาราชสุภาวดีแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บยังคงติดตามเจ้าราชวงศ์ไปแต่ไม่สำเร็จ
หลังจากชัยชนะของเจ้าพระยาราชสุภาวดี (สิงห์) ที่บกหวานทำให้เจ้าอนุวงศ์หลบหนีออกจากเวียงจันทน์อีกครั้งไปยังเมืองพวนอาณาจักรเชียงขวาง เจ้าพระยาราชสุภาวดียกทัพกลับไปพันพร้าวอีกครั้งและเข้ายึดเมืองเวียงจันทน์ได้เผาทำลายเมืองเวียงจันทน์ลงอย่างสิ้นเชิง ฝ่ายพระจักรพรรดิมิญหมั่งส่งทูตมาอีกครั้งแต่เจ้าพระยาราชสุภาวดีไม่ไว้วางใจฝ่ายเวียดนามจึงออกอุบายให้จัดงานเลี้ยงให่แก่คณะทูตเวียดนามและสังหารคณะทูตเวียดนามเกือบหมดสิ้น ได้จับกุมตัวเจ้าอนุวงศ์ส่งมาให้เจ้าพระยาราชสุภาวดีได้สำเร็จ หลังจากเสร็จศึกเจ้าอนุวงศ์แล้วพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงแต่งตั้งเจ้าพระยาราชสุภาวดีขึ้นเป็น เจ้าพระยาบดินทรเดชา อัครมหาเสนาบดีสมุหนายกใน พ.ศ. 2373 เวลานั้นเจ้าพระยาบดินทรเดชาอายุห้าสิบสามปี
อานามสยามยุทธ
ใน พ.ศ. 2376 เกิดกบฏขึ้นที่เมืองไซง่อน เมื่อเจ้าพระยาบดินทรเดชาอายุห้าสิบแปดปี พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงมีพระราชโองการให้เจ้าพระยาบดินทรเดชายกทัพจำนวน 40,000 ยกไปตีเมืองไซ่ง่อนโดยร่วมกับเจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ บุนนาค) ซึ่งนำทัพเรือ และพระยานครราชสีมา (ทองอิน) ผู้เป็นน้องเขย (ท่านผู้หญิงบุนนาคน้องสาวของเจ้าพระยาบดินทรเดชาฯสมรสกับพระยานครราชสีมา) เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์) และเจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ บุนนาค) ตั้งมั่นที่เมืองโจฎกหรือเจิวด๊ก (เวียดนาม: Châu Đốc จังหวัดอานซาง) ของเวียดนาม ทัพเรือสยามล่องเรือไปตามแม่น้ำบาสักพบกับทัพเรือฝ่ายญวนที่คลอมหวั่มนาว (Vàm Nao) ฝ่ายญวนสามารถต้านทานทัพฝ่ายสยามได้เจ้าพระยาบดินทรเดชาและเจ้าพระยาพระคลังต้องล่าถอยกลับไปยังเมืองโจฏก ฝ่ายญวนยกทัพตามมาตีเมืองโจฎกทำให้เจ้าพระยาบดิทรเดชาฯตัดสินใจถอยทัพไปทางอาณาจักรเขมรตั้งอยู่ที่เมืองพระตะบอง มอบหมายให้นักองค์อิ่มรักษาเมืองพระตะบองแล้วจึงกลับเข้ากรุงเทพฯ
ใน พ.ศ. 2379 เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์) ได้รับโปรดเกล้าฯเดินทางไปสำรวจทำบัญชีกำลังพลในหัวเมือง ระหว่างทางผ่านเมืองพระตะบองจึงบูรณะปรับปรุงสร้างกำแพงเมืองพระตะบองขึ้นใหม่ เจ้าพระยาบดินทรเดชาเดินทางถึงเมืองขุขันธ์ใน พ.ศ. 2380 ทำบัญชีกำลังพลและสร้างป้อมเมืองพระตะบองเสร็จสิ้นแล้วจึงเดินทางกลับกรุงเทพฯ
หลังจากที่สมเด็จพระอุทัยราชาแห่งกัมพูชาสวรรคตแล้ว พระจักรพรรดิมิญหมั่งจึงตั้งนักองค์มีขึ้นครองกัมพูชาแทน นักองค์อิ่มเห็นเป็นโอกาสจึงกวาดต้อนผู้คนเมืองพระตะบองไปเข้ากับฝ่ายเวียดนามที่เมืองพนมเปญใน พ.ศ. 2382 เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์) จึงออกไปรักษาเมืองพระตะบองอีกครั้ง ในปีนั้นชาวกัมพูชาลุกฮือขึ้นต่อต้านการปกครองของฝ่ายเวียดนาม เจ้าพระยาบดินทรเดชาจึงยกทัพเข้าโจมตีเมืองโพธิสัตว์พร้อมกับเจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอิน) "องเดดก"แม่ทัพเวียดนามสามารถป้องกันเมืองโพธิสัตว์ได้ เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์) เจรจากับองเดดกแม่ทัพฝ่ายเวียดนาม องเดดกยินยอมถอยกำลังออกจากเมืองโพธิสัตว์ ทำให้ฝ่ายเวียดนามล่าถอยไปอยู่ที่เมืองโจฎก เจ้าพระยาบดินทรเดชาตั้งอยู่ที่เมืองโพธิสัตว์และส่งนักองค์ด้วงไปตั้งมั่นที่เมืองอุดงมีชัย จักรพรรดิเถี่ยวจิส่ง (เวียดนาม: Nguyễn Văn Chương) ยกทัพจากโจฎกเข้ายึดพนมเปญได้ เจ้าพระยาบดินทรเดชาฯจึงยกทัพจากโพธิสัตว์ไปยังเมืองอุดงเพื่อช่วยเหลือนักองค์ด้วง หลังจากที่องตาเตียงกุนยึดเมืองพนมเปญได้แล้วจึงยกมาที่เมืองอุดงต่อ เจ้าพระยาบดินทรเดชานำทัพเข้าซุ่มโจมตีทัพเวียดนามแตกพ่ายแพ้กลับไป
สงครามอานามสยามยุทธระหว่างสยามและเวียดนามซึ่งกินเวลายืดเยื้อกว่าสิบปีไม่มีข้อสรุป นำไปสู่การเจรจาระหว่างฝ่ายสยามและเวียดนาม เจ้าพระยาบดินทรเดชาฯบูรณะวัดพระพุทธโฆสาจารย์ที่เมืองพนมเปญใน พ.ศ. 2389 เจ้าพระยาบดินทรเดชาฯอยู่จัดการเรื่องอาณาจักรเขมรอยู่ที่เมืองอุดงจนถึง พ.ศ. 2390 เจ้าพระยาบดินทรเดชาฯ เป็นผู้แทนพระองค์นำเครื่องอิสริยยศและสุพรรณบัฏแต่งตั้งนักองค์ด้วง ขึ้นเป็นสมเด็จพระหริรักษ์รามาธิบดี กษัตริย์แห่งกัมพูชาใน พ.ศ. 2390
ปราบจีนตั้วเหี่ย
หลังจากราชาภิเษกนักองค์ด้วงขึ้นเป็นกษัตริย์กัมพูชาแล้วเจ้าพระยาบดินทรเดชาฯ จึงเดินทางกลับมายังกรุงเทพฯ มาถึงเมืองฉะเชิงเทราใน พ.ศ. 2391 เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ บุนนาค) นำทัพเข้าปราบจีนที่เมืองฉะเชิงเทรา หลังจากปราบจีนตั้วเหี่ยได้สำเร็จแล้ว เจ้าพระยาบดินทรเดชาฯจึงเดินทางกลับมายังกรุงเทพฯ พร้อมกับเจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ) ขณะนั้นเจ้าพระยาบดินทรเดชาฯมีอายุเจ็ดสิบสองปี
หลังจากที่เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์) กลับมาพำนักอยู่ที่กรุงเทพมหานครได้หนึ่งปี เกิดอหิวาตกโรคระบาดมีต้นกำเนิดมาจากประเทศอินเดียมาถึงกรุงเทพฯในเดือนห้า พ.ศ. 2392 วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2392 เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์) ก็ถึงแก่อสัญกรรมที่นิวาสสถานบริเวณริมคลองโอ่งอ่างบริเวณเชิงสะพานหันกับบ้านดอกไม้ สิริอายุได้เจ็ดสิบสามปี พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดฯให้พระราชทานเพลิงศพที่วัดสระเกศเมื่อเดือนหก พ.ศ. 2393
เมื่อพระหริรักษ์รามาธิบดีเจ้ากัมพูชาได้ทราบว่าเจ้าพระยาบดินทร์เดชา (สิงห์) ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว พระองค์ทรงระลึกถึงครั้งที่เจ้าพระยาบดินทรเดชาฯ ได้ช่วยเหลือปราบปรามหมู่ปัจจามิตรทั้งช่วยจัดราชการเมืองเขมรให้ราบคาบเรียบร้อยตลอดมา จึงดำรัสสั่งสร้างเก๋งขึ้นที่หน้าค่ายใหญ่ใกล้วัดโพธารามในเมืองอุดงมีชัย แล้วให้พระภิกษุสุกชาวเขมร ช่างปั้นฝีมือเยี่ยมในยุคนั้นปั้นรูปเจ้าพระยาบดินทรเดชาฯ ขึ้นไว้เป็นอนุสาวรีย์ด้วยปูนเพชร และประกอบการกุศลมีสดับปกรณ์เป็นต้นปีละครั้งที่เก๋ง ชาวเขมรเรียกว่า "รูปองบดินทร" ตลอดมาจนบัดนี้ รูปนี้สร้างขึ้นในราวปีจอ พ.ศ. 2392
ปีพ.ศ. 2441 พระพุฒาจารย์ (มา) เจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิราชาวาสให้คนไปวาดรูปปั้นองค์บดินทร์ที่เมืองอุดงมีชัยมาเป็นต้นแบบ แล้วให้นายเล็กช่างหล่อหล่อถอดแบบรูปปั้นเจ้าพระยาบดินทรเดชาฯขึ้นมาตั้งไว้ที่วัดจักรวรรดิราชาวาส
ความทรงจำ
จากผลงานและคุณงามความดีที่ปรากฏต่อประเทศชาติ ทำให้อนุชนรุ่นหลังสร้างอนุสรณ์สถานขึ้นเพื่อเคารพสักการะและระลึกถึงพระคุณของท่านหลายแห่ง เช่น เมืองอุดงมีชัย ประเทศกัมพูชา, วัดจักรวรรดิราชาวาส (วัดสามปลื้ม), โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี), โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ๒, โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ บดินทรเดชา, โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ๔, โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) นนทบุรี, โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) สมุทรปราการ, โรงเรียนเทพลีลา, โรงเรียนพระปริยัติธรรมเจ้าพระยาบดินทรเดชา จังหวัดยโสธร, วัดมหาธาตุ อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร, ค่ายบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 11 อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี, ค่ายเจ้าพระยาราชสุภาวดี (สิงห์ สิงหเสนี), กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว, ค่ายบดินทรเดชา กรมทหารราบที่ 16 อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์ตาก อำเภอโพธิ์ตาก และองค์การบริหารส่วนตำบลค่ายบกหวาน อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย
บุตร-ธิดา
เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) มีบุตรธิดา ดังนี้
- จมื่นมหาสนิท (น้อย สิงหเสนี) - ท่านผู้หญิงเพ็ง เป็นมารดา
- บัว สิงหเสนี (ญ.) รับราชการฝ่ายใน
- คุณหญิงแย้ม ราชสุภาวดี สมรสกับพระยาราชสุภาวดี (ปาน สุรคุปต์)
- เจ้าพระยามุขมนตรี (เกด สิงหเสนี) - ท่านผู้หญิงเพ็ง เป็นมารดา
- จมื่นทิพย์เสนา (อินทร์ สิงหเสนี)
- คุณหญิงเกษร วิสูตรโยธามาตย์ สมรสกับพระยาวิสูตรโยธามาตย์ (กุหลาบ หงสกุล)
- เจ้าพระยายมราช (แก้ว สิงหเสนี) - ท่านผู้หญิงเพ็ง เป็นมารดา
- คุณหญิงมรกด พิบูลสงคราม สมรสกับพระยาพิบูลสงคราม (นุ้ย)
- เจ้าจอมมารดากลีบ ในรัชกาลที่ 3 - ท่านผู้หญิงหนู เป็นมารดา
- ท่านผู้หญิงปุก วิเชียรคีรี สมรสกับเจ้าพระยาวิเชียรคีรี (เม่น ณ สงขลา)
- เจ้าจอมมาลัย ในรัชกาลที่ 3
- จมื่นประธานมณเฑียร (แสง สิงหเสนี)
- ทิม สิงหเสนี (ญ.) สมรสกับพระอภัยพลรบ
- สารภี สิงหเสนี (ญ.) สมรสกับพระศรีกาฬสมุทร (บุญมี สุวรรณสุภา)
- อำพัน สิงหเสนี (ญ.) สมรสกับพระเสนีพิทักษ์ (ทองสุก)
- จมื่นประธานมณเฑียร (เวียง สิงหเสนี)
- หม่อมเป้า เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา หม่อมในหม่อมเจ้าสวัสดิ์ เดชาติวงศ์
ด้านการสงคราม
- แม่ทัพใหญ่ในศึกสู้ศึกเจ้าอนุวงศ์
- แม่ทัพในเหตุการณ์ญวนแทรกแซงเขมร
- ว่าราชการที่เขมรกว่า 15 ปี
- ช่วยทำราชการปราบปรามจีนตั้วเหี่ยที่ก่อการกำเริบที่จังหวัดฉะเชิงเทรา
ด้านศาสนา
- ปฏิสังขรณ์วัดสามปลื้ม (ปัจจุบันคือวัดจักรวรรดิราชาวาสวรมหาวิหาร)
- ปฏิสังขรณ์วัดช่างทอง ซึ่งเป็นวัดที่ท่านผู้หญิงฟักผู้เป็นมารดาได้สร้างไว้ อยู่ที่เกาะเรียน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
- ปฏิสังขรณ์วัดวรนายกรังสรรค์เจติยบรรพตาราม (เขาดิน) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
- สร้างวัดพรหมสุรินทร์ จังหวัดพระนคร ในรัชกาลที่ 3 พระราชทานนามใหม่ว่า วัดปรินายก และทรงปฏิสังขรณ์ต่อมา
- ยกที่บ้านถวายเป็นวัด สร้างโบสถ์วิหารการเปรียญเสนาสนะพร้อม มีชื่อว่า วัดชัยชนะสงคราม แต่ชาวบ้านมักเรียกกันว่าวัดตึกจนทุกวันนี้ อยู่ตรงข้ามกับเวิ้งนครเขษมใกล้สี่แยกวัดตึก จังหวัดพระนคร
- สร้างวัดตึก บางกะปิ จังหวัดพระนคร (ปัจจุบันคือวัดเทพลีลา พระอารามหลวง)
- สร้างวัดพระยาทำ อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี
- สร้างวัดหลวงบดินทร์เดชา สิงห์ สิงหเสนี อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี
- สร้างวัดแจ้ง อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี
- สร้างวัดโรงเกวียน อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี (ปัจจุบันคือ )
- สร้างวัดตาพระยา อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว
- สร้างวัดปราบปัจจามิตร (พระตะบอง) และ
- สร้างวัดหัวโค้ง ซอยอ่อนนุช 35 จังหวัดพระนคร (ปัจจุบันคือ วัดปากบ่อ)
แหล่งข้อมูลอื่น
อ้างอิง
- อ้างอิงตามจารึกที่ศาลเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) วัดจักรวรรดิราชาวาส กรุงเทพมหานคร
- ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖๗
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2010-09-28.
- ประวัติเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) โรงเรียน บดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-01-27. สืบค้นเมื่อ 2020-04-25.
- เสวนา “บดินทรเดชา แม่ทัพกล้า-ขุนพลแก้ว” คึกคัก สกุล ‘สิงหเสนี’ ร่วมงาน
- ดังความในพระราชพงศาวดารรัชกาลที่ ๓ ว่า "เจ้าพระยาราชสุภาวดีนั้นทรงขัดเคืองอยู่ที่ไม่ทำลายเมืองเวียงจันทน์เสียให้สาบสูญ มาคิดตั้งขึ้นให้เป็นบ้านเมืองไว้ ยังหาโปรดตั้งให้เป็นที่จักรีไม่ ให้ที่ว่าที่อยู่ก่อน"
- เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) รอดตายเพราะ “แขม่วพุง” !? ครั้งสยามปราบเจ้าอนุวงศ์
- เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค). พระราชพงศาวดาร กรุงรัตนโกสินทร์ รัชชกาลที่ ๓.
- เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ณ วัดสามปลื้ม
- แม่ทัพคู่บัลลังก์พระนั่งเกล้า ฯ []
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
ecaphrayabdinthredcha singh singhesni 11 mkrakhm ph s 2319 24 mithunayn ph s 2392 xkhrmhaesnabdismuhnayk aelaaemthphihy inrchsmyphrabathsmedcphranngeklaecaxyuhw tnskul singhesni bdinthredcha epnrachthinnamphiessthiphrabathsmedcphranngeklaecaxyuhw thrngphrakrunaoprdekla phrarachthanaek ecaphrayabdinthredcha singh singhesni aetephiyngphuediywethann thngni yngthrngphrakrunaoprdekla phrarachthanphraaesngdabxayasiththi ihecaphrayabdinthredcha singh singhesni txmathangsmachikskulsinghesni idthulekla thwayaed smedcphraknisthathiracheca krmsmedcphraethphrtnrachsuda syambrmrachkumari ephuxechiyipiw n phiphithphnthsthanaehngchati ephuxepnekiyrtiprawtiaekaephndinecaphrayabdinthredcha singh singhesni ruppnecaphrayabdinthredcha singh singhesni thiwdckrwrrdirachawassmuhnaykdarngtaaehnng ph s 2370 24 mithunayn ph s 2392kstriyphrabathsmedcphranngeklaecaxyuhwkxnhnaecaphrayaxphyphuthr nxy bunyrtphnthu thdipecaphrayanikrbdinthr ot klyanmitr ecakrmphrasurswdiklangdarngtaaehnng ph s 2367 ph s 2373kxnhnaphrayarachsuphawdi khunthxng thdipphrayarachsuphawdi ot klyanmitr khxmulswnbukhkhlekidsingh 11 mkrakhm ph s 2319 banechingsaphanchangorngsi emuxngphrankhr xanackrthnburiesiychiwit24 mithunayn ph s 2392 73 pi banechingsaphanhn emuxngphrankhr xanackrrtnoksinthrsasnaphuththkhusmrsthanphuhyingephngbutrecaphrayamukhmntri eks singhesni ecaphrayaymrach aekw singhesni buphkariecaphrayaxphyracha pin bida thanphuhyingfk marda skulsinghesni inrchsmykhxngphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw thrngihtraphrarachbyytikhnannamskul emuxwnthi 22 minakhm ph s 2455 miphlichbngkhbtngaetwnthi 1 krkdakhm ph s 2456 aelamikarphrarachthannamskulihaekphrarachwngs khunnang bukhkhltang aelathrngphrakrunaoprdekla phrarachthannamskul singhesni epnladbthi 7 insmudthaebiynnamskulphrarachthan ephuxepnekiyrtiysaekbrrdabutrhlanphusubskulcakecaphrayabdinthredcha singh singhesni prawtixnusawriyecaphrayabdinthredcha singh singhesni n wdmhathatu tablinemuxng xaephxemuxngyosthr cnghwdyosthr ecaphrayabdinthredcha singh singhesni edimchuxwasingh epnbutrkhnthi 4 khxngecaphrayaxphyracha pin kbthanphuhyingfk ekidemuxwnsukr aerm 7 kha eduxnyi pimaaem ph s 2318 ethiybkbptithinpccubntrngkbwnthi 13 mkrakhm ph s 2319 playrchsmysmedcphraecataksinmharach sthanthiekidxyubriewnechingsaphanchangorngsihnakrathrwngmhadithyinekhtphrankhrthukwnni ecaphrayabdinthredcha singh singhesni subechuxsaymacakphrahmnpuorhitinrchsmysmedcphranaraynmharach odyecaphrayabdinthredchaepnehlnkhxngphrahmnsiriwthna ecaphrayaxphyracha pin bidakhxngecaphrayabdinthredchaepnsmuhphraklaohminchwngplaysmyrchkalthi 1 ecaphrayabdinthredchamiphinxngrwmknthnghmdekakhn miphisawkhuxecacxmprikinrchkalthi 1 aelaecacxmpranginrchkalthi 2 emuxecriywykhun inchwngplayrchkalthi 1 ecaphrayaxphyracha pin phuepnbidaidnatwnaysinghekharbrachkarepnmhadelkinsmedcphraecalukethx ecafakrmhlwngxisrsunthrintaaehnngcmunesmxicrach txmainrchsmysmedcphrabathsmedcphraphuththelishlanphalyideluxnepncmunsribrirks epnpldkrmphratarwcnxkkhwainkrmphrarachwngbwrmhaesnanurks in ph s 2352 cmunsribrirksodyesdckrmphrarachwngbwripinkarsukphmatiemuxngthlangepnpldrxngnayeruxladtraewn hlngcaksuksinsudlngcmunsribrirksideluxnkhunepnphraphrhmsurinthr ecakrmphratarwcihykhwainkrmphrarachwngbwr aelahlngcaksukthixanackrekhmrxudngin ph s 2354 ideluxnkhunepnphrarachoythaecakrmmhadithykhxngfaykrmphrarachbwr aelatxmaideluxnepnphrayaekstrrksaepnekstrathibdiinkrmphrarachwngbwr in ph s 2359 ecaemuxngnankhlxngchangephuxkmathwayaedphrabathsmedcphraphuththelishlanphalycungesdcxxkiprbchangephuxk phrayaekstrrksa singh xxkrbesdcdwyaetenuxngcakhmxklngcdthaihphrayaekstrrksa singh aelneruxtdhnachankhbwneruxphrathinngkhbwnhlngtxngothskbt krmphrarachwngbwrthrngihcakhukphrayaekstrrksa singh iwepnewlasieduxncnkrathngkrmhmunecsdabdinthridthrngchwythulkhxihiwchiwitphrayaekstrrksa phrayaekstrrksa singh cungidrbkarplxytwphnothsxxkmaaelain ph s 2360 krmphrarachwngbwrmhaesnanurksthiwngkht phrayaekstrrksa singh cungdarngthanaepn phrayaekstrrksanxkrachkar in ph s 2362 phrayaekstrrksanxkrachkar singh burnawdsamplumsungepnwdthixyuiklekhiyngkbniwasthankhxngphrayaekstrrksarimkhlxngoxngxangbriewnewingnkhreksmhruxsaephnginekhtsmphnthwngsinpccubn phrayaekstrrksanxkrachkaridchwyrachkarinkrmhmunecsdabdinthrinkartxeruxkhakhayaelakarsaltang txmaemuxkrmhmunecsdabdinthridkhunkhrxngrachsmbtiepnphrabathsmedcphranngeklaecaxyuhw phrayaekstrrksanxkrachkar singh cungidekharbrachkarxikkhrngintaaehnngphrayarachsuphawdiecakrmphrasurswdi phrayarachsuphawdi singh idthwaywdsamplumkhunepnphraxaramhlwngin ph s 2368 phrabathsmedcphranngeklaphrarachthannamwdihmwawdckrwrrdirachawas sukecaxnuwngs phraecdiyekayxd sungecaphrayabdinthredcha singh singhesni srangkhunepnxnusrn n cudthiekhyepnkhaythharephuxradmphlipthasngkhramkbecaxnuwngs pccubntngxyuthiwdthungswangchyphumi tablinemuxng xaephxemuxngyosthr cnghwdyosthr in ph s 2369 kbtecaxnuwngs phrayarachsuphawdi singh khnannxayuhasibexdpiidrboprdeklaihykthphipthangxisanitlawitcapaskdi hlngcakthitithphkhxngecaothng hlankhxngecaxnuwngs thiemuxngphimayaetkaelwcungykthphtxiptikhayewiyngkhukthiemuxngyosthraetk ecarachbutr oy oxrskhxngecaxnuwngsaelaepnecaemuxngcapaskdiykthphmatngmnthiemuxngxubl phrayarachsuphawdi singh ykthphcakyosthrekhaocmtiemuxngxubl chawlawemuxngxubllukhuxkhunkhbilecarachbutrxxkcakemuxng ecarachbutrhlbhniklbipyngemuxngcapaskdiaetimsamarthekhaemuxngidenuxngcakkhwamwunwayinemuxng phrayarachsuphawdi singh cungsamarthekhayudemuxngcapaskdiaelacbkumtwecarachbutridid inrahwangkarsukecaxnuwngsnnecaphrayaxphyphuthr nxy bunyrtphnthu smuhnayksungnathphinkarsukkhrngnidwynnlmpwnglngcnthungaekxsykrrmin ph s 2370 krmphrarachwngbwrmhaskdiphlesphmiphrabnthurihphrayarachsuphawdi singh cdkarbanemuxnglawxyuthiewiyngcnthn emuxkrmphrarachwngbwrmhaskdiphlesphykthphesdcklbkrungethphmhankhraelwcungkrabthulkhwamdikhwamchxbihaekphrayarachsuphawdi singh phrabathsmedcphranngeklacungmitraiheluxnecaphrayarachsuphawdi singh khunepnecaphrayarachsuphawdithismuhnayk ecaphrayarachsuphawdi singh natwecarachbutr oy phrxmthngxyechiyphrabangcakewiyngcnthnmayngkrungethph phrabathsmedcphranngeklathrngkhdekhuxngecaphrayarachsuphawdi singh thimiidthalayemuxngewiyngcnthnlngihrabkhab aelwcungthrngihecaphrayarachsuphawdi singh ipthalayemuxngewiyngcnthnlngxyangsineching inpi ph s 2371 ecaxnuwngssungidhlbhniipyngewiydnamrachwngsehngiynidklbmayngemuxngewiyngcnthnin ph s 2371 phrxmkhnathutkhxngphrackrphrrdimiyhmng ecaxnuwngsekhalxbsngharkxngkalngfayithyaelaekhakhrxngemuxngewiyngcnthnxikkhrng ecaphrayarachsuphawdi singh sungykthphmatngmnthiemuxngphnphraw tablphanphraw xaephxsriechiyngihm cnghwdhnxngkhay cunglathxyipthangitipyngyosthr ecaxnuwngscungsngoxrs ykthphlawcakewiyngcnthnkhamaemnaokhnglngmathangitephuxtamthphkhxngecaphrayarachsuphawdi ecaphrayarachsuphawdi singh idykthphkhunmatngrbthikhaybkhwan tablbkhwan xaephxemuxngcnghwdhnxngkhay ecaphrayarachsuphawdiidtxsutwtxtwkbecarachwngs ehnga ecaphrayarachsuphawditkcakmalmlng ecarachwngsichhxkaethkthukechiydtwecaphrayarachsuphawdiepnaephlthlxk ecarachwngscaihdabfnsahlwngphiphithnxngchaykhxngecaphrayarachsuphawdiekharbaethnthaihhlwngphiphiththukfnesiychiwit ecaphrayarachsuphawdixasycnghwaichmidaethngthitnkhakhxngecarachwngsprakxbkbfayithyyingpunthukekhakhxngecarachwngslmlngesiyolhitmak faylawcungnaecarachwngskhunaekhrhamhniip ecaphrayarachsuphawdiaemwacaidrbbadecbyngkhngtidtamecarachwngsipaetimsaerc hlngcakchychnakhxngecaphrayarachsuphawdi singh thibkhwanthaihecaxnuwngshlbhnixxkcakewiyngcnthnxikkhrngipyngemuxngphwnxanackrechiyngkhwang ecaphrayarachsuphawdiykthphklbipphnphrawxikkhrngaelaekhayudemuxngewiyngcnthnidephathalayemuxngewiyngcnthnlngxyangsineching fayphrackrphrrdimiyhmngsngthutmaxikkhrngaetecaphrayarachsuphawdiimiwwangicfayewiydnamcungxxkxubayihcdnganeliyngihaekkhnathutewiydnamaelasngharkhnathutewiydnamekuxbhmdsin idcbkumtwecaxnuwngssngmaihecaphrayarachsuphawdiidsaerc hlngcakesrcsukecaxnuwngsaelwphrabathsmedcphranngeklaecaxyuhwcungthrngaetngtngecaphrayarachsuphawdikhunepn ecaphrayabdinthredcha xkhrmhaesnabdismuhnaykin ph s 2373 ewlannecaphrayabdinthredchaxayuhasibsampi xanamsyamyuthth xnusawriyecaphrayabdinthredcha singh singhesni n wdprinayk krungethphmhankhr in ph s 2376 ekidkbtkhunthiemuxngisngxn emuxecaphrayabdinthredchaxayuhasibaepdpi phrabathsmedcphranngeklaecaxyuhwcungmiphrarachoxngkarihecaphrayabdinthredchaykthphcanwn 40 000 ykiptiemuxngisngxnodyrwmkbecaphrayaphrakhlng dis bunnakh sungnathpherux aelaphrayankhrrachsima thxngxin phuepnnxngekhy thanphuhyingbunnakhnxngsawkhxngecaphrayabdinthredchasmrskbphrayankhrrachsima ecaphrayabdinthredcha singh aelaecaphrayaphrakhlng dis bunnakh tngmnthiemuxngocdkhruxeciwdk ewiydnam Chau Đốc cnghwdxansang khxngewiydnam thpheruxsyamlxngeruxiptamaemnabaskphbkbthpheruxfayywnthikhlxmhwmnaw Vam Nao fayywnsamarthtanthanthphfaysyamidecaphrayabdinthredchaaelaecaphrayaphrakhlngtxnglathxyklbipyngemuxngoctk fayywnykthphtammatiemuxngocdkthaihecaphrayabdithredchatdsinicthxythphipthangxanackrekhmrtngxyuthiemuxngphratabxng mxbhmayihnkxngkhximrksaemuxngphratabxngaelwcungklbekhakrungethph in ph s 2379 ecaphrayabdinthredcha singh idrboprdeklaedinthangipsarwcthabychikalngphlinhwemuxng rahwangthangphanemuxngphratabxngcungburnaprbprungsrangkaaephngemuxngphratabxngkhunihm ecaphrayabdinthredchaedinthangthungemuxngkhukhnthin ph s 2380 thabychikalngphlaelasrangpxmemuxngphratabxngesrcsinaelwcungedinthangklbkrungethph hlngcakthismedcphraxuthyrachaaehngkmphuchaswrrkhtaelw phrackrphrrdimiyhmngcungtngnkxngkhmikhunkhrxngkmphuchaaethn nkxngkhximehnepnoxkascungkwadtxnphukhnemuxngphratabxngipekhakbfayewiydnamthiemuxngphnmepyin ph s 2382 ecaphrayabdinthredcha singh cungxxkiprksaemuxngphratabxngxikkhrng inpinnchawkmphuchalukhuxkhuntxtankarpkkhrxngkhxngfayewiydnam ecaphrayabdinthredchacungykthphekhaocmtiemuxngophthistwphrxmkbecaphrayankhrrachsima thxngxin xngeddk aemthphewiydnamsamarthpxngknemuxngophthistwid ecaphrayabdinthredcha singh ecrcakbxngeddkaemthphfayewiydnam xngeddkyinyxmthxykalngxxkcakemuxngophthistw thaihfayewiydnamlathxyipxyuthiemuxngocdk ecaphrayabdinthredchatngxyuthiemuxngophthistwaelasngnkxngkhdwngiptngmnthiemuxngxudngmichy ckrphrrdiethiywcisng ewiydnam Nguyễn Văn Chương ykthphcakocdkekhayudphnmepyid ecaphrayabdinthredchacungykthphcakophthistwipyngemuxngxudngephuxchwyehluxnkxngkhdwng hlngcakthixngtaetiyngkunyudemuxngphnmepyidaelwcungykmathiemuxngxudngtx ecaphrayabdinthredchanathphekhasumocmtithphewiydnamaetkphayaephklbip sngkhramxanamsyamyuththrahwangsyamaelaewiydnamsungkinewlayudeyuxkwasibpiimmikhxsrup naipsukarecrcarahwangfaysyamaelaewiydnam ecaphrayabdinthredchaburnawdphraphuththokhsacarythiemuxngphnmepyin ph s 2389 ecaphrayabdinthredchaxyucdkareruxngxanackrekhmrxyuthiemuxngxudngcnthung ph s 2390 ecaphrayabdinthredcha epnphuaethnphraxngkhnaekhruxngxisriyysaelasuphrrnbtaetngtngnkxngkhdwng khunepnsmedcphrahrirksramathibdi kstriyaehngkmphuchain ph s 2390 prabcintwehiy hlngcakrachaphiesknkxngkhdwngkhunepnkstriykmphuchaaelwecaphrayabdinthredcha cungedinthangklbmayngkrungethph mathungemuxngchaechingethrain ph s 2391 epnchwngewlaediywkbthiecaphrayaphrakhlng dis bunnakh nathphekhaprabcinthiemuxngchaechingethra hlngcakprabcintwehiyidsaercaelw ecaphrayabdinthredchacungedinthangklbmayngkrungethph phrxmkbecaphrayaphrakhlng dis khnannecaphrayabdinthredchamixayuecdsibsxngpi hlngcakthiecaphrayabdinthredcha singh klbmaphankxyuthikrungethphmhankhridhnungpi ekidxhiwatkorkhrabadmitnkaenidmacakpraethsxinediymathungkrungethphineduxnha ph s 2392 wnxathitythi 24 mithunayn ph s 2392 ecaphrayabdinthredcha singh kthungaekxsykrrmthiniwassthanbriewnrimkhlxngoxngxangbriewnechingsaphanhnkbbandxkim sirixayuidecdsibsampi phrabathsmedcphranngeklaecaxyuhwoprdihphrarachthanephlingsphthiwdsraeksemuxeduxnhk ph s 2393 emuxphrahrirksramathibdiecakmphuchaidthrabwaecaphrayabdinthredcha singh thungaekxsykrrmaelw phraxngkhthrngralukthungkhrngthiecaphrayabdinthredcha idchwyehluxprabpramhmupccamitrthngchwycdrachkaremuxngekhmrihrabkhaberiybrxytlxdma cungdarssngsrangekngkhunthihnakhayihyiklwdophtharaminemuxngxudngmichy aelwihphraphiksusukchawekhmr changpnfimuxeyiyminyukhnnpnrupecaphrayabdinthredcha khuniwepnxnusawriydwypunephchr aelaprakxbkarkuslmisdbpkrnepntnpilakhrngthiekng chawekhmreriykwa rupxngbdinthr tlxdmacnbdni rupnisrangkhuninrawpicx ph s 2392 piph s 2441 phraphuthacary ma ecaxawaswdckrwrrdirachawasihkhnipwadruppnxngkhbdinthrthiemuxngxudngmichymaepntnaebb aelwihnayelkchanghlxhlxthxdaebbruppnecaphrayabdinthredchakhunmatngiwthiwdckrwrrdirachawaskhwamthrngcacakphlnganaelakhunngamkhwamdithiprakttxpraethschati thaihxnuchnrunhlngsrangxnusrnsthankhunephuxekharphskkaraaelaralukthungphrakhunkhxngthanhlayaehng echn emuxngxudngmichy praethskmphucha wdckrwrrdirachawas wdsamplum orngeriynbdinthredcha singh singhesni orngeriynbdinthredcha singh singhesni 2 orngeriynnwminthrachinuthis bdinthredcha orngeriynbdinthredcha singh singhesni 4 orngeriynbdinthredcha singh singhesni nnthburi orngeriynbdinthredcha singh singhesni smuthrprakar orngeriynethphlila orngeriynphrapriytithrrmecaphrayabdinthredcha cnghwdyosthr wdmhathatu xaephxemuxngyosthr cnghwdyosthr khaybdinthredcha singh singhesni kxngkakbkartarwctraewnchayaednthi 11 xaephxmakham cnghwdcnthburi khayecaphrayarachsuphawdi singh singhesni kxngkakbkartarwctraewnchayaednthi 12 xaephxxrypraeths cnghwdsraaekw khaybdinthredcha krmthharrabthi 16 xaephxemuxngyosthr cnghwdyosthr sthanitarwcphuthrophthitak xaephxophthitak aelaxngkhkarbriharswntablkhaybkhwan xaephxemuxnghnxngkhay cnghwdhnxngkhaybutr thidacarukrabunamskulphrarachthan singhesni phayinsalecaphrayabdinthredcha singh singhesni wdckrwrrdirachawas krungethphmhankhr ecaphrayabdinthredcha singh singhesni mibutrthida dngni cmunmhasnith nxy singhesni thanphuhyingephng epnmarda bw singhesni y rbrachkarfayin khunhyingaeym rachsuphawdi smrskbphrayarachsuphawdi pan surkhupt ecaphrayamukhmntri ekd singhesni thanphuhyingephng epnmarda cmunthiphyesna xinthr singhesni khunhyingeksr wisutroythamaty smrskbphrayawisutroythamaty kuhlab hngskul ecaphrayaymrach aekw singhesni thanphuhyingephng epnmarda khunhyingmrkd phibulsngkhram smrskbphrayaphibulsngkhram nuy ecacxmmardaklib inrchkalthi 3 thanphuhyinghnu epnmarda thanphuhyingpuk wiechiyrkhiri smrskbecaphrayawiechiyrkhiri emn n sngkhla ecacxmmaly inrchkalthi 3 cmunprathanmnethiyr aesng singhesni thim singhesni y smrskbphraxphyphlrb sarphi singhesni y smrskbphrasrikalsmuthr buymi suwrrnsupha xaphn singhesni y smrskbphraesniphithks thxngsuk cmunprathanmnethiyr ewiyng singhesni hmxmepa edchatiwngs n xyuthya hmxminhmxmecaswsdi edchatiwngssalecaphrayabdinthredcha singh singhesni wdckrwrrdirachawas krungethphmhankhrdankarsngkhram aemthphihyinsuksusukecaxnuwngs aemthphinehtukarnywnaethrkaesngekhmr warachkarthiekhmrkwa 15 pi chwytharachkarprabpramcintwehiythikxkarkaeribthicnghwdchaechingethradansasna ptisngkhrnwdsamplum pccubnkhuxwdckrwrrdirachawaswrmhawihar ptisngkhrnwdchangthxng sungepnwdthithanphuhyingfkphuepnmardaidsrangiw xyuthiekaaeriyn cnghwdphrankhrsrixyuthya ptisngkhrnwdwrnaykrngsrrkhectiybrrphtaram ekhadin cnghwdphrankhrsrixyuthya srangwdphrhmsurinthr cnghwdphrankhr inrchkalthi 3 phrarachthannamihmwa wdprinayk aelathrngptisngkhrntxma ykthibanthwayepnwd srangobsthwiharkarepriyyesnasnaphrxm michuxwa wdchychnasngkhram aetchawbanmkeriykknwawdtukcnthukwnni xyutrngkhamkbewingnkhrekhsmiklsiaeykwdtuk cnghwdphrankhr srangwdtuk bangkapi cnghwdphrankhr pccubnkhuxwdethphlila phraxaramhlwng srangwdphrayatha xaephxkbinthrburi cnghwdpracinburi srangwdhlwngbdinthredcha singh singhesni xaephxkbinthrburi cnghwdpracinburi srangwdaecng xaephxemuxng cnghwdpracinburi srangwdorngekwiyn xaephxemuxng cnghwdpracinburi pccubnkhux srangwdtaphraya xaephxtaphraya cnghwdsraaekw srangwdprabpccamitr phratabxng aela srangwdhwokhng sxyxxnnuch 35 cnghwdphrankhr pccubnkhux wdpakbx aehlngkhxmulxunphiphithphnthecaphrayabdinthredcha singh singhesni xangxingxangxingtamcarukthisalecaphrayabdinthredcha singh singhesni wdckrwrrdirachawas krungethphmhankhr prachumphngsawdar phakhthi 67 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2016 03 04 subkhnemux 2010 09 28 prawtiecaphrayabdinthredcha singh singhesni orngeriyn bdinthredcha singh singhesni khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2020 01 27 subkhnemux 2020 04 25 eswna bdinthredcha aemthphkla khunphlaekw khukkhk skul singhesni rwmngan dngkhwaminphrarachphngsawdarrchkalthi 3 wa ecaphrayarachsuphawdinnthrngkhdekhuxngxyuthiimthalayemuxngewiyngcnthnesiyihsabsuy makhidtngkhunihepnbanemuxngiw ynghaoprdtngihepnthickriim ihthiwathixyukxn ecaphrayabdinthredcha singh singhesni rxdtayephraa aekhmwphung khrngsyamprabecaxnuwngs ecaphrayathiphakrwngs kha bunnakh phrarachphngsawdar krungrtnoksinthr rchchkalthi 3 ecaphrayabdinthredcha singh singhesni n wdsamplum aemthphkhubllngkphranngekla lingkesiy