บทความเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตนี้ เนื่องจากไม่มีชื่อสามัญเป็นภาษาไทย |
Clostridium tetani | |
---|---|
Clostridium tetani กำลังสร้างเอนโดสปอร์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
โดเมน: | Bacteria |
ไฟลัม: | |
ชั้น: | |
อันดับ: | |
วงศ์: | |
สกุล: | |
สปีชีส์: | C. tetani |
ชื่อทวินาม | |
Clostridium tetani Flügge, 1881 |
Clostridium tetani เป็นแบคทีเรียในดินที่พบได้ทั่วไป และเป็นตัวก่อบาดทะยัก ขณะที่ยังเติบโตในดิน C. tetani จะมีความยาวถึง 2.5 อย่างไรก็ตามหากมีการสร้าง C. tetani จะพองออกที่ปลายข้างหนึ่ง คล้ายกับหรือไม้กลอง สปอร์ของ C. tetani นั้นมีความทนทานสูงและสามารถพบได้ในดินทั่วโลกหรือในทางเดินอาหารของสัตว์ หาก C. tetani เข้าไปในแผลจะเติบโตและผลิตสารพิษที่มีความรุนแรงชื่อว่า ซึ่งจะรบกวนเซลล์ประสาทสั่งการ ส่งผลให้เกิดบาดทะยัก การออกฤทธิ์ของสารพิษนี้สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน ซึ่งมีการฉีดให้กับเด็กทั่วโลก
ลักษณะ
C. tetani เป็นแบคทีเรียแกรมบวก มีความกว้างประมาณ 0.5 μm และยาว 2.5 μm สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยแฟลกเจลลาจำนวนมากที่รายล้อมรอบตัวC. tetani ในสภาวะที่มีออกซิเจน (obligate anaerobe) และเติบโตได้ดีสุดที่อุณหภูมิ 33 ถึง 37°C
ในบางสภาวะ C. tetani สามารถสลัดแฟลเจลลาทิ้งและสร้างขึ้นทดแทน เซลล์หนึ่งเซลล์จะสามารถสร้างได้หนึ่งสปอร์ โดยปกติที่จะสร้างที่ส่วนปลายด้านหนึ่งของเซลล์ ทำให้เซลล์มีรูปร่างเหมือนไม้กลองอันเป็นเอกลักษณ์ สปอร์ของ C. tetani มีความทนทานสูงมาก สามารถต้านทานความร้อน, หลายชนิด และต่อการต้มเป็นเวลาหลายนาที สปอร์นั้นมีอายุยืนยาว สามารถพบกระจายอยู่ในดินทั่วโลกและปศุสัตว์ไปจนถึงสัตว์เลี้ยง
วิวัฒนาการ
C. tetani จัดอยู่ในสกุล Clostridium ซึ่งเป็นสกุลใหญ่ที่ประกอบด้วยแบคทีเรียแกรมบวกมากกว่า 150 สปีชีส์C. tetani เป็นหนึ่งในกลุ่มของเกือบ 100 สปีชีส์ที่มีความใกล้ชิดระหว่างกันมากกว่าระหว่างสกุลอื่น ๆ สำหรับกลุ่มที่มีความใกล้ชิดกับ C. tetani นั้นรวมถึงสปีชีส์อื่นของ Clostridium เช่น C. botulinum และ โดยที่สปีชีส์ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ C. tetani มากที่สุดคือ ส่วนสปีชีส์อื่นของ Clostridium ที่ซึ่งสามารถแบ่งเป็นกลุ่มย่อยตามลักษณะทางพันธุกรรมได้อีกหลายกลุ่มนั้นมีจำนวนมากที่สัมพันธ์ใกล้ชิดกับสมาชิกในสกุลอื่นมากกว่าที่จะใกล้ชิดกับ C. tetani เช่นเชื้อก่อโรคในมนุษย์ ซึ่งใกล้ชิดกับสมาชิกของสกุล มากกว่า C. tetani
บทบาทในการก่อโรค
แม้ว่า C. tetani มักไม่ก่อโรคเมื่ออยู่ในดินหรือในทางเดินอาหารของสัตว์ต่าง ๆ แต่บางครั้งก็อาจก่อโรคที่รุนแรงอย่างบาดทะยัก โดยมักเริ่มต้นจากการที่สปอร์เข้าสู่ร่างกายผ่านทางแผล ในกรณีที่เป็นแผลลึก เช่นจากการถูกของมีคมแทงหรือการใช้เข็มฉีดยาที่ปนเปื้อนเชื้อ โดยเมื่อรวมทั้งการเกิดเนื้อเยื่อตายและการที่พื้นผิวของแผลสัมผัสกับอากาศลดลงมาประกอบกันแล้วจะทำให้เกิดสภาวะที่มีออกซิเจนต่ำ เอื้อให้สปอร์ของเชื้อ C. tetani สามารถ (spore germination) ออกมาและเจริญเติบโตได้ ในขณะที่ C. tetani เติบโตที่จุดที่เป็นแผล มันจะหลั่งคือ และออกมาเมื่อเซลล์แตก หน้าที่ของเททาโนไลซินนั้นยังไม่เป็นที่ประจักษ์ โดยเป็นไปได้ว่ามันอาจช่วยให้ C. tetani ทำให้แผลเกิดการติดเชื้อ ส่วนเททาโนสปาสมิน ("สารพิษเททานัส") เป็นหนึ่งในสารพิษที่ออกฤทธิ์รุนแรงที่สุดที่เคยมีการบันทึกมา ด้วยค่าประมาณโดสถึงแก่ชีวิตที่ต่ำกว่า 2.5 นาโนกรัมต่อกิโลกรัมของน้ำหนักกาย และก่อให้เกิดอาการของโรคบาดทะยัก เททาโนสปาสมินจะแพร่กระจายผ่านทางระบบน้ำเหลืองและระบบหมุนเวียนเลือดไปทั่วร่างกาย ที่ซึ่งมันจะถูกส่งไปถึงระบบประสาท ในระบบประสาท เททาโนสปาสมินจะออกฤทธิ์โดยการขัดขวางการหลั่งสารที่ยับยั้งสารสื่อประสาทอีกทีหนึ่ง ได้แก่ไกลซีนและที่ปลายของเซลล์ประสาทสั่งการ การยับยั้งสารดังกล่าวนำไปสู่การกระตุ้นเซลล์ประสาทสั่งการทั่วร่างกาย ส่งผลให้เกิดของกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย โดยทั่วไปการหดเกร็งจะเกิดขึ้นจากส่วนบนของร่างกายและไล่ลงไปจนถึงส่วนล่าง เริ่มต้นที่ประมาณ 8 วันนับจากการติดเชื้อ จาก (trismus) ตามด้วยการหดเกร็งที่กล้ามเนื้อท้องและแขนขา การหดเกร็งของกล้ามเนื้อนั้นจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาหลายสัปดาห์
ยีนที่ผลิตเททาโนสปาสมินนั้นพบอยู่ภายในพลาสมิดที่มีอยู่ในหลายสายพันธุ์ของ C. tetani ในขณะที่สายพันธุ์ที่ไม่มีพลาสมิดจะไม่สามารถผลิตสารพิษนี้ได้ ส่วนการทำงานหรือหน้าที่ของเททาโนสปาสมินในสรีรวิทยาของแบคทีเรียนั้นยังคงไม่เป็นที่ทราบกัน
การรักษาและป้องกัน
C. tetani ไวต่อยาปฏิชีวนะจำนวนหนึ่ง เช่น คลอรามเฟนิคอล, , เอริธรอมัยซิน, และ เททราไซคลิน อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ของการรักษาการติดเชื้อ C. tetani ด้วยยาปฏิชีวนะยังคงไม่เป็นที่ประจักษ์ อาการของบาดทะยักนั้นมักรักษาด้วยแทนมากกว่า โดยมันจะจับกับเททาโนสปาสมินที่ไหลเวียนในเลือด นอกจากนี้อาจใช้ เบนโซไดอะเซปีน หรือ เพื่อลดการกระตุกเกร็งของกล้ามเนื้อ
อันตรายจากการติดเชื้อ C. tetani นั้นโดยทั่วไปสามารถป้องกันได้ด้วยการรับ อันประกอบด้วยเททาโนสปาสมินที่ถูกยับยั้งการออกฤทธิ์ด้วยฟอร์มาลดีไฮด์ ซึ่งเรียกว่าทอกซอยด์เททานัส (tetanus toxoid) สำหรับการผลิตในเชิงอุตสาหกรรมนั้นจะใช้การเลี้ยง C. tetani จำนวนมากใน (fermenter) จากนั้นทำให้บริสุทธิ์จนเหลือเพียงสารพิษ ที่ต่อมาจะถูกยับยั้งการออกฤทธิ์ในฟอร์มาลดีไฮด์ 40% เป็นเวลา 4–6 สัปดาห์ โดยทั่วไป ทอกซอยด์จะถูกให้ร่วมกับและบางรูปแบบของวัคซีนเปอร์ตูสซิส เป็นวัคซีนดีพีทีหรือ การให้วัคซีนนั้นมักให้แยกหลายโดสโดยมีระยะเวลาเวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี เพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันสามารถมีภูมิคุ้มกันต่อสารพิษนี้
การวิจัย
C. tetani สามารถโตได้ในที่ปราศจากออกซิเจนหลายชนิด เช่น , และ เชื้อจะโตไวเป็นอย่างยิ่งในอาหารเลี้ยงเชื้อที่ค่าพีเอชเป็นกลางถึงเป็นเบส และเสริมด้วย จีโนมของ C. tetani ประกอบด้วย 2.80 ล้านคู่เบส โดยมียีนสร้างโปรตีนอยู่ 2,373 ยีน
ประวัติศาสตร์
การอธิบายทางคลินิกเกี่ยวกับบาดทะยักที่เกี่ยวข้องกับแผลนั้นมีย้อนกลับไปอย่างน้อยถึง 400 ปีก่อนคริสตกาล ในงานเขียนของฮิปพอคราทีส ชื่อว่า ความสัมพันธ์ของบาดทะยักกับดินปรากฏอย่างชัดแจ้งครั้งแรกในปี 1884 เมื่อแสดงให้เห็นว่าสัตว์ที่ฉีดด้วยดินตัวอย่างสามารถเกิดบาดทะยักได้ ในปี 1889 C. tetani ถูกแยกจากผู้ป่วยมนุษย์โดย ผู้ซึ่งต่อมาแสดงให้เห็นว่าแบคทีเรียนี้สามารถก่อโรคได้เมื่อฉีดเข้าไปในสัตว์ และสารพิษนั้นสามารถถูกต้านทานได้ด้วยแอนทิบอดี เมื่อปี 1897 แสดงให้เห็นว่าแอนทิบอดีต้านบาดทะยัก (tetanus antitoxin) กระตุ้นภูมิคุ้มกันแบบรับมาในมนุษย์ และสามารถนำไปใช้สำหรับมาตรการณ์ป้องกันโรคและการรักษา ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง การฉีดบาดทะยักที่ได้จากม้านั้นมีใช้ทั่วไปเพื่อเป็นมาตรการณ์ป้องกันโรคในทหารที่ได้แผล ส่งผลให้จำนวนทหารที่ป่วยเป็นโรคบาดทะยักลดลงตลอดช่วงสงครามพัฒนาวิธีสมัยใหม่ในการยับยั้งการออกฤทธิ์ของสารพิษบาดทะยักที่ใช้ฟอร์มาลดีไฮด์ขึ้นในทศวรรษ 1920s ที่ซึ่งต่อมาได้นำไปสู่การพัฒนาวัคซีนทอกซอยด์บาดทะยักโดยพี. เดสคอมบีย์ (P. Descombey) ในปี 1924 และถูกใช้อย่างกว้างขวางเพื่อป้องกันบาดทะยักอันเกิดจากบาดแผลระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
อ้างอิง
- Roper MH, Wassilak SG, Tiwari TS, Orenstein WA (2013). "33 - Tetanus toxoid". Vaccines (6 ed.). Elsevier. pp. 746-772. doi:10.1016/B978-1-4557-0090-5.00039-2.
- Pottinger P, Reller B, Ryan KJ, Weissman S (2018). "Chapter 29: Clostridium, Bacteroides, and Other Anaerobes". ใน Ryan KJ (บ.ก.). Sherris Medical Microbiology (7 ed.). McGraw-Hill Education. ISBN .
- Rainey FA, Hollen BJ, Small AM (2015). "Clostridium". Bergey's Manual of Systematics of Archaea and Bacteria. John Wiley & Sons. pp. 104–105. doi:10.1002/9781118960608.gbm00619.
- Stackebrandt E, Rainey FA (1997). "Chapter 1 - Phylogenetic Relationships". ใน Rood JI, McClane BA, Songer JG, Titball RW (บ.ก.). The Clostridia: Molecular Biology and Pathogenesis. pp. 3–19. doi:10.1016/B978-012595020-6/50003-6.
- Todar K (2005). "Pathogenic Clostridia, including Botulism and Tetanus". Todar's Online Textbook of Bacteriology. p. 3. สืบค้นเมื่อ 24 June 2018.
- Hamborsky J, Kroger A, Wolfe C, บ.ก. (2015). "Chapter 21: Tetanus". The Pink Book - Epidemiology and Prevention of Vaccine-Preventable Diseases (13 ed.). U.S. Centers for Disease Control and Prevention. pp. 341–352. สืบค้นเมื่อ 24 June 2018.
- Bruggemann H, Baumer S, Fricke WF, Wiezer A, Liesegang H, Decker I, Herzberg C, Martinez-Arias R, และคณะ (Feb 2003). "The genome sequence of Clostridium tetani, the causative agent of tetanus disease" (PDF). Proc Natl Acad Sci U S A. 100 (3): 1316–1321. doi:10.1073/pnas.0335853100. PMC 298770. PMID 12552129.
- Pearce JM (1996). "Notes on tetanus (lockjaw)". Journal of Neurology, Neurosurgery, and Psychiatry. 60 (3): 332. doi:10.1136/jnnp.60.3.332. PMC 1073859. PMID 8609513.
- Wever PC, Bergen L (2012). "Prevention of tetanus during the First World War" (PDF). Medical Humanities. 38 (2). doi:10.1136/medhum-2011-010157.
แหล่งข้อมูลอื่น
- ชนิดสายพันธุ์ของ Clostridium tetani บน BacDive - the Bacterial Diversity Metadatabase
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamekiywkbsingmichiwitnimichuxbthkhwamepnchuxwithyasastr enuxngcakimmichuxsamyepnphasaithyClostridium tetaniClostridium tetani kalngsrangexnodspxrkarcaaenkchnthangwithyasastrodemn Bacteriaiflm chn xndb wngs skul spichis C tetanichuxthwinamClostridium tetani Flugge 1881 bthkhwamnixangxingkhristskrach khristthswrrs khriststwrrs sungepnsarasakhykhxngenuxha Clostridium tetani epnaebkhthieriyindinthiphbidthwip aelaepntwkxbadthayk khnathiyngetibotindin C tetani camikhwamyawthung 2 5 xyangirktamhakmikarsrang C tetani caphxngxxkthiplaykhanghnung khlaykbhruximklxng spxrkhxng C tetani nnmikhwamthnthansungaelasamarthphbidindinthwolkhruxinthangedinxaharkhxngstw hak C tetani ekhaipinaephlcaetibotaelaphlitsarphisthimikhwamrunaerngchuxwa sungcarbkwnesllprasathsngkar sngphlihekidbadthayk karxxkvththikhxngsarphisnisamarthpxngkniddwykarchidwkhsin sungmikarchidihkbedkthwolklksnaaephnphaphaesdng C tetani inrupaebkhthieriymthrrmda aebkhthieriymaelaspxr aelaspxrthiphlit C tetani epnaebkhthieriyaekrmbwk mikhwamkwangpraman 0 5 mm aelayaw 2 5 mm samarthekhluxnthiiddwyaeflkecllacanwnmakthiraylxmrxbtwC tetani insphawathimixxksiecn obligate anaerobe aelaetibotiddisudthixunhphumi 33 thung 37 C inbangsphawa C tetani samarthsldaeflecllathingaelasrangkhunthdaethn esllhnungesllcasamarthsrangidhnungspxr odypktithicasrangthiswnplaydanhnungkhxngesll thaihesllmiruprangehmuxnimklxngxnepnexklksn spxrkhxng C tetani mikhwamthnthansungmak samarthtanthankhwamrxn hlaychnid aelatxkartmepnewlahlaynathi spxrnnmixayuyunyaw samarthphbkracayxyuindinthwolkaelapsustwipcnthungstweliyngwiwthnakarC tetani cdxyuinskul Clostridium sungepnskulihythiprakxbdwyaebkhthieriyaekrmbwkmakkwa 150 spichisC tetani epnhnunginklumkhxngekuxb 100 spichisthimikhwamiklchidrahwangknmakkwarahwangskulxun sahrbklumthimikhwamiklchidkb C tetani nnrwmthungspichisxunkhxng Clostridium echn C botulinum aela odythispichisthimikhwamsmphnthiklchidkb C tetani makthisudkhux swnspichisxunkhxng Clostridium thisungsamarthaebngepnklumyxytamlksnathangphnthukrrmidxikhlayklumnnmicanwnmakthismphnthiklchidkbsmachikinskulxunmakkwathicaiklchidkb C tetani echnechuxkxorkhinmnusy sungiklchidkbsmachikkhxngskul makkwa C tetanibthbathinkarkxorkhphaphwadaesdngchaymixakarklamenuxhdekrngthngrangkaycakbadthayk phaphekhiynsiody emuxpi 1809 aemwa C tetani mkimkxorkhemuxxyuindinhruxinthangedinxaharkhxngstwtang aetbangkhrngkxackxorkhthirunaerngxyangbadthayk odymkerimtncakkarthispxrekhasurangkayphanthangaephl inkrnithiepnaephlluk echncakkarthukkhxngmikhmaethnghruxkarichekhmchidyathipnepuxnechux odyemuxrwmthngkarekidenuxeyuxtayaelakarthiphunphiwkhxngaephlsmphskbxakasldlngmaprakxbknaelwcathaihekidsphawathimixxksiecnta exuxihspxrkhxngechux C tetani samarth spore germination xxkmaaelaecriyetibotid inkhnathi C tetani etibotthicudthiepnaephl mncahlngkhux aelaxxkmaemuxesllaetk hnathikhxngeththaonilsinnnyngimepnthipracks odyepnipidwamnxacchwyih C tetani thaihaephlekidkartidechux swneththaonspasmin sarphiseththans epnhnunginsarphisthixxkvththirunaerngthisudthiekhymikarbnthukma dwykhapramanodsthungaekchiwitthitakwa 2 5 naonkrmtxkiolkrmkhxngnahnkkay aelakxihekidxakarkhxngorkhbadthayk eththaonspasmincaaephrkracayphanthangrabbnaehluxngaelarabbhmunewiyneluxdipthwrangkay thisungmncathuksngipthungrabbprasath inrabbprasath eththaonspasmincaxxkvththiodykarkhdkhwangkarhlngsarthiybyngsarsuxprasathxikthihnung idaekiklsinaelathiplaykhxngesllprasathsngkar karybyngsardngklawnaipsukarkratunesllprasathsngkarthwrangkay sngphlihekidkhxngklamenuxthwrangkay odythwipkarhdekrngcaekidkhuncakswnbnkhxngrangkayaelaillngipcnthungswnlang erimtnthipraman 8 wnnbcakkartidechux cak trismus tamdwykarhdekrngthiklamenuxthxngaelaaekhnkha karhdekrngkhxngklamenuxnncadaenintxipepnewlahlayspdah yinthiphliteththaonspasminnnphbxyuphayinphlasmidthimixyuinhlaysayphnthukhxng C tetani inkhnathisayphnthuthiimmiphlasmidcaimsamarthphlitsarphisniid swnkarthanganhruxhnathikhxngeththaonspasmininsrirwithyakhxngaebkhthieriynnyngkhngimepnthithrabkn karrksaaelapxngkn C tetani iwtxyaptichiwnacanwnhnung echn khlxramefnikhxl exrithrxmysin aela eththraiskhlin xyangirktam praoychnkhxngkarrksakartidechux C tetani dwyyaptichiwnayngkhngimepnthipracks xakarkhxngbadthayknnmkrksadwyaethnmakkwa odymncacbkbeththaonspasminthiihlewiynineluxd nxkcaknixacich ebnosidxaespin hrux ephuxldkarkratukekrngkhxngklamenux xntraycakkartidechux C tetani nnodythwipsamarthpxngkniddwykarrb xnprakxbdwyeththaonspasminthithukybyngkarxxkvththidwyfxrmaldiihd sungeriykwathxksxydeththans tetanus toxoid sahrbkarphlitinechingxutsahkrrmnncaichkareliyng C tetani canwnmakin fermenter caknnthaihbrisuththicnehluxephiyngsarphis thitxmacathukybyngkarxxkvththiinfxrmaldiihd 40 epnewla 4 6 spdah odythwip thxksxydcathukihrwmkbaelabangrupaebbkhxngwkhsinepxrtussis epnwkhsindiphithihrux karihwkhsinnnmkihaeykhlayodsodymirayaewlaewlaepneduxnhruxepnpi ephuxihrabbphumikhumknsamarthmiphumikhumkntxsarphisnikarwicyC tetani samarthotidinthiprascakxxksiecnhlaychnid echn aela echuxcaotiwepnxyangyinginxahareliyngechuxthikhaphiexchepnklangthungepnebs aelaesrimdwy cionmkhxng C tetani prakxbdwy 2 80 lankhuebs odymiyinsrangoprtinxyu 2 373 yinprawtisastrkarxthibaythangkhlinikekiywkbbadthaykthiekiywkhxngkbaephlnnmiyxnklbipxyangnxythung 400 pikxnkhristkal innganekhiynkhxnghipphxkhrathis chuxwa khwamsmphnthkhxngbadthaykkbdinpraktxyangchdaecngkhrngaerkinpi 1884 emuxaesdngihehnwastwthichiddwydintwxyangsamarthekidbadthaykid inpi 1889 C tetani thukaeykcakphupwymnusyody phusungtxmaaesdngihehnwaaebkhthieriynisamarthkxorkhidemuxchidekhaipinstw aelasarphisnnsamarththuktanthaniddwyaexnthibxdi emuxpi 1897 aesdngihehnwaaexnthibxditanbadthayk tetanus antitoxin kratunphumikhumknaebbrbmainmnusy aelasamarthnaipichsahrbmatrkarnpxngknorkhaelakarrksa inchwngsngkhramolkkhrngthihnung karchidbadthaykthiidcakmannmiichthwipephuxepnmatrkarnpxngknorkhinthharthiidaephl sngphlihcanwnthharthipwyepnorkhbadthaykldlngtlxdchwngsngkhramphthnawithismyihminkarybyngkarxxkvththikhxngsarphisbadthaykthiichfxrmaldiihdkhuninthswrrs 1920s thisungtxmaidnaipsukarphthnawkhsinthxksxydbadthaykodyphi edskhxmbiy P Descombey inpi 1924 aelathukichxyangkwangkhwangephuxpxngknbadthaykxnekidcakbadaephlrahwangchwngsngkhramolkkhrngthisxngxangxingRoper MH Wassilak SG Tiwari TS Orenstein WA 2013 33 Tetanus toxoid Vaccines 6 ed Elsevier pp 746 772 doi 10 1016 B978 1 4557 0090 5 00039 2 Pottinger P Reller B Ryan KJ Weissman S 2018 Chapter 29 Clostridium Bacteroides and Other Anaerobes in Ryan KJ b k Sherris Medical Microbiology 7 ed McGraw Hill Education ISBN 978 1 259 85980 9 Rainey FA Hollen BJ Small AM 2015 Clostridium Bergey s Manual of Systematics of Archaea and Bacteria John Wiley amp Sons pp 104 105 doi 10 1002 9781118960608 gbm00619 Stackebrandt E Rainey FA 1997 Chapter 1 Phylogenetic Relationships in Rood JI McClane BA Songer JG Titball RW b k The Clostridia Molecular Biology and Pathogenesis pp 3 19 doi 10 1016 B978 012595020 6 50003 6 Todar K 2005 Pathogenic Clostridia including Botulism and Tetanus Todar s Online Textbook of Bacteriology p 3 subkhnemux 24 June 2018 Hamborsky J Kroger A Wolfe C b k 2015 Chapter 21 Tetanus The Pink Book Epidemiology and Prevention of Vaccine Preventable Diseases 13 ed U S Centers for Disease Control and Prevention pp 341 352 subkhnemux 24 June 2018 Bruggemann H Baumer S Fricke WF Wiezer A Liesegang H Decker I Herzberg C Martinez Arias R aelakhna Feb 2003 The genome sequence of Clostridium tetani the causative agent of tetanus disease PDF Proc Natl Acad Sci U S A 100 3 1316 1321 doi 10 1073 pnas 0335853100 PMC 298770 PMID 12552129 Pearce JM 1996 Notes on tetanus lockjaw Journal of Neurology Neurosurgery and Psychiatry 60 3 332 doi 10 1136 jnnp 60 3 332 PMC 1073859 PMID 8609513 Wever PC Bergen L 2012 Prevention of tetanus during the First World War PDF Medical Humanities 38 2 doi 10 1136 medhum 2011 010157 aehlngkhxmulxunchnidsayphnthukhxng Clostridium tetani bn BacDive the Bacterial Diversity Metadatabase