บทความนี้ต้องการการจัดหน้า หรือ ให้ คุณสามารถปรับปรุงแก้ไขบทความนี้ได้ และนำป้ายออก พิจารณาใช้เพื่อชี้ชัดข้อบกพร่อง |
สมัยจตุมุข เป็นประเทศกัมพูชาหลังสมัยอาณาจักรพระนคร มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองจตุมุข ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของกรุงพนมเปญ ตั้งแต่ พ.ศ. 1974 – พ.ศ. 2069 ซึ่งตรงกับช่วงประมาณสมัยอยุธยาตอนกลาง เป็นช่วงเวลาที่เขมรฟื้นฟูจากความเสื่อมโทรมในปลายยุคสมัยพระนครและพร้อมที่จะก้าวไปสู่ความรุ่งเรืองชั่วครู่ในสมัยอาณาจักรเขมรละแวก
อาณาจักรเขมร (จตุมุข) | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
พ.ศ. 1974–พ.ศ. 2069 | |||||||||
สถานะ | อาณาจักร | ||||||||
เมืองหลวง | จตุรมุข (ปัจจุบันคือ พนมเปญ) | ||||||||
ภาษาทั่วไป | และสันสกฤต | ||||||||
ศาสนา | พราหมณ์-ฮินดู และพุทธ | ||||||||
การปกครอง | ไม่ทราบ | ||||||||
ประวัติศาสตร์ | |||||||||
• อาณาจักรพระนครล่มสลาย | พ.ศ. 1974 | ||||||||
• เริ่มสมัยละแวก | พ.ศ. 2069 | ||||||||
|
สาเหตุการย้ายราชธานีขอม
อาณาจักรพระนครหลังรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ได้เสื่อมถอยลงตามลำดับ ประเทศราชต่างที่เคยตีได้พากันแยกตัวเป็นอิสระ เช่น อาณาจักรจามปา อาณาจักรละโว้ ฯลฯ จนนำไปสู่การตั้งตนเป็นอิสระของชาวไท คือ อาณาจักรสุโขทัยบนที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนบน อีกทั้งยังเกิดการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม คือ ประชาชนรวมทั้งรัถฐาธิปัตย์เปลี่ยนไปนับถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท จากเดิมที่เป็นศาสนาฮินดู ทำให้การสร้างศาสนาสถานอันอลังการสิ้นสุดลง เปลี่ยนมาเป็นการหล่อพระพุทธรูปและสร้างวัดวาอารามแทน ถึงกระนั้นพระนครก็ยังทรุดโทรมลงเรื่อย ๆ ด้วยอำนาจเทวราชาของกษัตริย์ลดน้อยถอยลงและปัญหาทางเศรษฐกิจ
แต่ปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ทำให้อาณาจักรขอมพระนครถึงจุดจบนั้นคือ การรุกรานของอาณาจักรอยุธยา (ซึ่งเป็นการสืบต่อจากอาณาจักรละโว้) ถึงสามครั้ง ทำให้เมืองพระนครซึ่งเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรขอมมาหลายร้อยปีต้องพังพินาศประชาชนถูกกวาดต้อน ไม่อยู่ในสภาพที่จะสามารถเป็นศูนย์กลางการปกครองได้อีกต่อไป ในรัชกาลสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 ได้ส่งทัพบุกมาตีเมืองพระนครอีกครั้งในพ.ศ. 1974 ทำให้พระบรมราชาที่ 2 (เจ้าพระยาญาติ - Chao Ponhea Yat) กษัตริย์เขมรทรงเลือกที่จะหลบหนีย้ายราชธานีไปที่ใหม่ ปล่อยให้ทัพกรุงศรีอยุธยาเข้าย่ำยีเมืองเก่าเมืองแก่ ราชธานีใหม่นั้นมีชื่อว่า พนมเพ็ญจัตุรมุขจะรามเชียม หรือมีชื่อเต็มว่า จตุรมุข มงคลสกลกัมพูชาธิบดี ศรีโสธรบวรอินทปัตถ์ บุรีรัฏฐราชสีมามหานคร
ช่วงเวลาแห่งการแก่งแย่งราชสมบัติ
ในพ.ศ. 2006 พระบรมราชา (เจ้าพระยาญาติ) ได้ทรงเวนคืนราชสมบัติแก่พระโอรสเจ้าพระยากามะโคตร ขึ้นครองราชย์เป็นพระนารายณ์ราชา ส่วนองค์พระบรมราชาเองทรงดำรงพระยศเป็นพระมหาอุปยุวราชและสวรรคตในปีเดียวกัน รัชสมัยของพระนารายณ์ราชาพระพุทธศาสนาเถรวาทรุ่งเรื่อง เพราะเป็นพระศาสนูปถัมภก ทรงสร้างวัดต่าง ๆ มากมายในเขมร แต่พระนารายณ์ราชาทรงแต่งตั้งพระอนุชาพระศรีราชาขึ้นเป็นพระมหาอุปราช ทำให้พระโอรสของพระนารายณ์ราชา คือ พระนารายณ์ราม ไม่พอใจและก่อการกบฏต่อพระราชบิดา ยึดได้หัวเมืองต่าง ๆ ทางใต้ของอาณาจักร พระราชบิดาพระนารายณ์ราชาได้ทรงนำทัพเข้าปราบ พระนารายณ์รามจึงสงบไปช่วงหนึ่ง เมื่อพระนารายณ์ราชาสวรรคต พระศรีราชาก็เถลิงราชสมบัติเป็นกษัตริย์เขมร และตั้งพระอนุชาเจ้าพระยาธรรมราชาเป็นพระมหาอุปราช พระนารายณ์รามเห็นดังนั้นจึงประกอบพีธีราชาภิเษกขึ้นบ้างที่เมืองศรีสุนทร เป็นพระศรีสุริโยไทยราชา พระศรีราชาจึงนำทัพเข้าห้ำหั่นกับพระนัดดา พระยาธรรมราชามหาอุปราช ก็ฉวยโอกาสตั้งตัวเองเป็นกษัตริย์เช่นกัน พระนามว่า พระบาทสมเด็จพระธรรมราชาธิราชรามาธิบดี จึงเกิดเป็นสงครามกลางเมืองสามฝ่าย
สมเด็จพระธรรมราชาธิราชฯ มีพระราชมารดาเป็นชาวอยุธยา และรู้จักกับพระยาเดโช ข้าราชการทางฝ่ายกรุงศรีฯ พระยาเดโชได้กราบทูลขอสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถให้ส่งทัพมาช่วยปราบขบถในอาณาจักรเขมร ทัพกรุงศรีฯ จึงบุกเข้ามาในเขมรในพ.ศ. 2011 ตีทัพของทั้งพระศรีราชาและพระศรีสุริโยไทยแตกพ่าย จับองค์กษัตริย์เขมรทั้งสองกลับไปกรุงศรีอยุธยา เหลือเพียงพระธรรมราชาธิราชฯ เป็นเอกกษัตริย์แห่งกัมพูชาต่อไป
พระธรรมราชาธิราชฯ มีพระโอรสกับพระอัคมเหสี คือ สมเด็จเจ้าพระยางามขัตติยราช และมีพระโอรสกับพระสนมคือ เจ้าพระยาจันทราชา เมื่อพระธรรมราชาธิราชฯ สวรรคตแล้ว สมเด็จเจ้าพระยางามขัตติยราชก็ขึ้นครองราชสมบัติต่อเป็น สมเด็จพระศรีสุคนธบทฯ ทรงย้ายราชธานีไปที่เมืองปาสาณ ครองราชย์ได้ 9 พรรษาก็ทรงถูกพระเจ้าบุตรเขย ขุนหลวงสมุหเสนาบดีชื่อว่า เสด็จกัน (Sdech Kan) จับไปสำเร็จโทษที่แม่น้ำสะตึงแสนในพ.ศ. 2059 พร้อมกับตั้งตนเป็นเจ้า พระนามว่า พระศรีไชยเชษฐาธิราช พระยาจันทราชาเสด็จหนีไปยังกรุงศรีอยุธยา แล้วกราบทูลขอทัพจากสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 เพื่อกลับมาชิงราชบัลลังก์คืนจากเสด็จกันในพ.ศ. 2063 ทรงตั้งค่ายอยู่ที่เมืองอมราวดีจันทบูร (น่าจะเป็นป้อมฝรั่งป้อมหนึ่ง) บรรดามุขมนตรีเชื้อพระวงศ์ต่าง ๆ พากันเรียกร้องให้พระจันทราชาทรงประกอบพิธีราชาภิเษกเป็นสมเด็จพระบรมราชาที่ 3 จนในพ.ศ. 2069 ได้ยกทัพกรุงศรีฯ ไปรบกับเสด็จกัน เสด็จกันสิ้นพระชนม์ในที่รบ
เมื่อปราบเสด็จกันได้แล้ว สมเด็จพระบรมราชาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้หล่อพระพุทธรูปอัฐรัศประดิษฐานไว้ที่เมืองอมราวดีจันทบูร โดยทรงตั้งชื่อเมืองใหม่ว่า เมืองบันทายมีชัย แล้วก็ทรงสร้างราชธานีใหม่ คือ เมืองละแวก
รายพระนามกษัตริย์เขมรจตุมุข
รายพระนามพระมหากษัตริย์กัมพูชา | ||||
พระมหากษัตริย์ | ครองราชย์ | |||
---|---|---|---|---|
รัชกาล | พระรูป | พระนาม | ระหว่าง | หมายเหตุ |
สมัยจตุมุข (พ.ศ. 1974 – 2083) | ||||
พ.ศ. 1974 สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 กรุงศรีอยุธยา เสด็จยกทัพมาตีนครธม ได้สำเร็จ และทรงแต่งตั้ง พระราชโอรสครองเมืองนครธมต่อไป ในฐานะประเทศราช ต่อมาอาณาจักรอยุธยาได้แต่งตั้งให้ พระราชโอรสอีกพระองค์ในสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 มาครองนครธม จนกระทั่งถูกเจ้าพระยาญาติ เชื้อพระราชวงศ์วรมันกอบกู้เอกราชได้สำเร็จ พระองค์ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระบรมราชารามาธิบดีที่ 1 ส่วนเจ้าพระยาแพรกถูกปลงพระชนม์ | ||||
สถาปนา เป็นเมืองหลวง | ||||
69 | พระบรมราชารามาธิบดีที่ 1 (พระบรมราชาเจ้าพญาญาติ) | พ.ศ. 1916 – 1976 (60 ปี) | ย้ายราชธานีมายังกรุงจตุมุข เข้าสู่ยุคอาณาจักรเขมรจตุมุข | |
ย้ายเมืองหลวงกลับมาที่ พระนคร | ||||
70 | พระนารายณ์รามาธิบดี (พระนารายณ์ราชาที่ 1 , พญาคำขัด) | พ.ศ. 1976 – 1980 (4 ปี) | ย้ายราชธานีกลับมาเมืองพระนคร | |
71 | พระศรีราชา | พ.ศ. 1980 - 1981 (1 ปี) | ถูกพระศรีสุริโยไทยราชา พระอนุชาชิงราชสมบัติ | |
72 | พระศรีสุริโยไทยราชา (เจ้าพญาเดียรราชา) | พ.ศ. 1981 – 2019 (38 ปี) | เป็นพระราชโอรสเจ้าพญาญาติ กับพระอิทรมิตรา (พระราชธิดาสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 แห่งอาณาจักรอยุธยา) ถูกพระพระธรรมราชาชิงราชสมบัติ | |
ย้ายเมืองหลวงกลับมาที่ | ||||
73 | พระธรรมราชาธิราชรามาธิบดี (พระศรีธรรมราชาที่ 1) | พ.ศ. 2011 – 2047 (36 ปี) | เป็นพระราชโอรสพระศรีสุริโยไทยราชา กับธิดาขุนทรงพระอินทร์ (ขุนนางอยุธยาที่ถูกส่งมาเป็นเจ้าเมืองโพธิสัตว์) ถูกพระอนุชาก่อกบฏ แต่สามารถขอกำลังอยุธยาปราบกบฏได้ทัน และย้ายราชธานีกลับมาเมืองจตุรมุขอีกครั้ง | |
สถาปนา เป็นเมืองหลวง | ||||
74 | พระศรีสุคนธบท (พญางามขัต , เจ้าพระยาฎำขัตราชา) | พ.ศ. 2047 – 2055 (8 ปี) | สถาปนาบาสาณเป็นราชธานี | |
75 | พระเจ้าไชยเชษฐาฐิราช (เจ้ากน, ขุนหลวงพระเสด็จ) | พ.ศ. 2055 – 2068 (13 ปี) | ชิงราชสมบัติพระศรีสุคนธบท | |
อาณาจักรเขมรจตุมุข เปลี่ยนมาเป็นอาณาจักรเขมรละแวก และได้ตกเป็นประเทศราชของกรุงศรีอยุธยา |
อ้างอิง
ก่อนหน้า | สมัยจตุมุข | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระนครหลวง | ราชธานีกัมพูชา (พ.ศ. 1927 - พ.ศ. 2069) | ละแวก |
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamnitxngkarkarcdhna cdhmwdhmu islingkphayin hruxekbkwadenuxha ihmikhunphaphdikhun khunsamarthprbprungaekikhbthkhwamniid aelanapayxxk phicarnaichpaykhxkhwamxunephuxchichdkhxbkphrxng smyctumukh epnpraethskmphuchahlngsmyxanackrphrankhr misunyklangxyuthiemuxngctumukh sungpccubnepnswnhnungkhxngkrungphnmepy tngaet ph s 1974 ph s 2069 sungtrngkbchwngpramansmyxyuthyatxnklang epnchwngewlathiekhmrfunfucakkhwamesuxmothrminplayyukhsmyphrankhraelaphrxmthicakawipsukhwamrungeruxngchwkhruinsmyxanackrekhmrlaaewkxanackrekhmr ctumukh ph s 1974 ph s 2069sthanaxanackremuxnghlwngcturmukh pccubnkhux phnmepy phasathwipaelasnskvtsasnaphrahmn hindu aelaphuththkarpkkhrxngimthrabprawtisastr xanackrphrankhrlmslayph s 1974 erimsmylaaewkph s 2069kxnhna thdipckrwrrdiekhmr xanackrekhmrlaaewksaehtukaryayrachthanikhxmxanackrphrankhrhlngrchsmyphraecachywrmnthi 7 idesuxmthxylngtamladb praethsrachtangthiekhytiidphaknaeyktwepnxisra echn xanackrcampa xanackrlaow l cnnaipsukartngtnepnxisrakhxngchawith khux xanackrsuokhthybnthirablumaemnaecaphrayatxnbn xikthngyngekidkarepliynaeplngthangwthnthrrm khux prachachnrwmthngrththathiptyepliynipnbthuxphraphuththsasnanikayethrwath cakedimthiepnsasnahindu thaihkarsrangsasnasthanxnxlngkarsinsudlng epliynmaepnkarhlxphraphuththrupaelasrangwdwaxaramaethn thungkrannphrankhrkyngthrudothrmlngeruxy dwyxanacethwrachakhxngkstriyldnxythxylngaelapyhathangesrsthkic aetpccythisakhythisudthithaihxanackrkhxmphrankhrthungcudcbnnkhux karrukrankhxngxanackrxyuthya sungepnkarsubtxcakxanackrlaow thungsamkhrng thaihemuxngphrankhrsungepnsunyklangkhxngxanackrkhxmmahlayrxypitxngphngphinasprachachnthukkwadtxn imxyuinsphaphthicasamarthepnsunyklangkarpkkhrxngidxiktxip inrchkalsmedcphrabrmrachathirachthi 2 idsngthphbukmatiemuxngphrankhrxikkhrnginph s 1974 thaihphrabrmrachathi 2 ecaphrayayati Chao Ponhea Yat kstriyekhmrthrngeluxkthicahlbhniyayrachthaniipthiihm plxyihthphkrungsrixyuthyaekhayayiemuxngekaemuxngaek rachthaniihmnnmichuxwa phnmephycturmukhcaramechiym hruxmichuxetmwa cturmukh mngkhlsklkmphuchathibdi sriosthrbwrxinthptth burirtthrachsimamhankhrchwngewlaaehngkaraekngaeyngrachsmbtiinph s 2006 phrabrmracha ecaphrayayati idthrngewnkhunrachsmbtiaekphraoxrsecaphrayakamaokhtr khunkhrxngrachyepnphranaraynracha swnxngkhphrabrmrachaexngthrngdarngphraysepnphramhaxupyuwrachaelaswrrkhtinpiediywkn rchsmykhxngphranaraynrachaphraphuththsasnaethrwathrungeruxng ephraaepnphrasasnupthmphk thrngsrangwdtang makmayinekhmr aetphranaraynrachathrngaetngtngphraxnuchaphrasrirachakhunepnphramhaxuprach thaihphraoxrskhxngphranaraynracha khux phranaraynram imphxicaelakxkarkbttxphrarachbida yudidhwemuxngtang thangitkhxngxanackr phrarachbidaphranaraynrachaidthrngnathphekhaprab phranaraynramcungsngbipchwnghnung emuxphranaraynrachaswrrkht phrasrirachakethlingrachsmbtiepnkstriyekhmr aelatngphraxnuchaecaphrayathrrmrachaepnphramhaxuprach phranaraynramehndngnncungprakxbphithirachaphieskkhunbangthiemuxngsrisunthr epnphrasrisurioyithyracha phrasrirachacungnathphekhahahnkbphrandda phrayathrrmrachamhaxuprach kchwyoxkastngtwexngepnkstriyechnkn phranamwa phrabathsmedcphrathrrmrachathirachramathibdi cungekidepnsngkhramklangemuxngsamfay smedcphrathrrmrachathirach miphrarachmardaepnchawxyuthya aelaruckkbphrayaedoch kharachkarthangfaykrungsri phrayaedochidkrabthulkhxsmedcphrabrmitrolknathihsngthphmachwyprabkhbthinxanackrekhmr thphkrungsri cungbukekhamainekhmrinph s 2011 tithphkhxngthngphrasrirachaaelaphrasrisurioyithyaetkphay cbxngkhkstriyekhmrthngsxngklbipkrungsrixyuthya ehluxephiyngphrathrrmrachathirach epnexkkstriyaehngkmphuchatxip phrathrrmrachathirach miphraoxrskbphraxkhmehsi khux smedcecaphrayangamkhttiyrach aelamiphraoxrskbphrasnmkhux ecaphrayacnthracha emuxphrathrrmrachathirach swrrkhtaelw smedcecaphrayangamkhttiyrachkkhunkhrxngrachsmbtitxepn smedcphrasrisukhnthbth thrngyayrachthaniipthiemuxngpasan khrxngrachyid 9 phrrsakthrngthukphraecabutrekhy khunhlwngsmuhesnabdichuxwa esdckn Sdech Kan cbipsaercothsthiaemnasatungaesninph s 2059 phrxmkbtngtnepneca phranamwa phrasriichyechsthathirach phrayacnthrachaesdchniipyngkrungsrixyuthya aelwkrabthulkhxthphcaksmedcphraramathibdithi 2 ephuxklbmachingrachbllngkkhuncakesdckninph s 2063 thrngtngkhayxyuthiemuxngxmrawdicnthbur nacaepnpxmfrngpxmhnung brrdamukhmntriechuxphrawngstang phakneriykrxngihphracnthrachathrngprakxbphithirachaphieskepnsmedcphrabrmrachathi 3 cninph s 2069 idykthphkrungsri iprbkbesdckn esdcknsinphrachnminthirb emuxprabesdcknidaelw smedcphrabrmrachathrngphrakrunaoprdeklaihhlxphraphuththrupxthrspradisthaniwthiemuxngxmrawdicnthbur odythrngtngchuxemuxngihmwa emuxngbnthaymichy aelwkthrngsrangrachthaniihm khux emuxnglaaewkrayphranamkstriyekhmrctumukhrayphranamphramhakstriykmphuchaphramhakstriy khrxngrachyrchkal phrarup phranam rahwang hmayehtusmyctumukh ph s 1974 2083 ph s 1974 smedcphrabrmrachathirachthi 2 krungsrixyuthya esdcykthphmatinkhrthm idsaerc aelathrngaetngtng phrarachoxrskhrxngemuxngnkhrthmtxip inthanapraethsrach txmaxanackrxyuthyaidaetngtngih phrarachoxrsxikphraxngkhinsmedcphrabrmrachathirachthi 2 makhrxngnkhrthm cnkrathngthukecaphrayayati echuxphrarachwngswrmnkxbkuexkrachidsaerc phraxngkhprabdaphieskkhunepnphrabrmracharamathibdithi 1 swnecaphrayaaephrkthukplngphrachnmsthapna epnemuxnghlwng69 phrabrmracharamathibdithi 1 phrabrmrachaecaphyayati ph s 1916 1976 60 pi yayrachthanimayngkrungctumukh ekhasuyukhxanackrekhmrctumukhyayemuxnghlwngklbmathi phrankhr70 phranaraynramathibdi phranaraynrachathi 1 phyakhakhd ph s 1976 1980 4 pi yayrachthaniklbmaemuxngphrankhr71 phrasriracha ph s 1980 1981 1 pi thukphrasrisurioyithyracha phraxnuchachingrachsmbti72 phrasrisurioyithyracha ecaphyaediyrracha ph s 1981 2019 38 pi epnphrarachoxrsecaphyayati kbphraxithrmitra phrarachthidasmedcphrabrmrachathirachthi 2 aehngxanackrxyuthya thukphraphrathrrmrachachingrachsmbtiyayemuxnghlwngklbmathi73 phrathrrmrachathirachramathibdi phrasrithrrmrachathi 1 ph s 2011 2047 36 pi epnphrarachoxrsphrasrisurioyithyracha kbthidakhunthrngphraxinthr khunnangxyuthyathithuksngmaepnecaemuxngophthistw thukphraxnuchakxkbt aetsamarthkhxkalngxyuthyaprabkbtidthn aelayayrachthaniklbmaemuxngcturmukhxikkhrngsthapna epnemuxnghlwng74 phrasrisukhnthbth phyangamkht ecaphrayadakhtracha ph s 2047 2055 8 pi sthapnabasanepnrachthani75 phraecaichyechsthathirach ecakn khunhlwngphraesdc ph s 2055 2068 13 pi chingrachsmbtiphrasrisukhnthbthxanackrekhmrctumukh epliynmaepnxanackrekhmrlaaewk aelaidtkepnpraethsrachkhxngkrungsrixyuthyaxangxinghttp www royalark net Cambodia camboa2 htm kxnhna smyctumukh thdipphrankhrhlwng rachthanikmphucha ph s 1927 ph s 2069 laaewk