บทความนี้ไม่มีจาก |
นิมโรด (/ˈnɪmrɒd/; ฮีบรู: נִמְרוֹד อาหรับ: نمرود) เป็นบุคคลในคัมภีร์ไบเบิล ที่กล่าวถึงในหนังสือปฐมกาล และ หนังสือพงศาวดารนิมโรดเป็นบุตรของ และเป็นเหลนของโนอาห์ นิมโรดได้รับการขนานนามว่าเป็นกษัตริย์ในดินแดนชินาร์ (เมโสโปเตเมีย) พระคัมภีร์ กล่าวว่าเขาเป็น "นักล่าที่เก่งกาจต่อพระพักตร์พระเจ้า (และ)... เริ่มที่จะมีอำนาจในโลก" ประเพณีพิเศษนอกพระคัมภีร์ในเวลาต่อมาระบุว่านิมโรดเป็นผู้ปกครองที่มอบหมายให้สร้างหอคอยบาเบล ซึ่งทำให้ชื่อเสียงของเขาเป็นกษัตริย์ที่กบฏต่อพระเจ้า
นิมโรดไม่ได้รับการรับรองในทะเบียนประวัติ บันทึก หรือรายชื่อกษัตริย์ใดๆ ที่ไม่ใช่พระคัมภีร์ รวมถึงของเมโสโปเตเมียด้วย นักประวัติศาสตร์ไม่สามารถจับคู่ นิมโรก กับบุคคลใดๆ ในประวัติศาสตร์ที่พิสูจน์ได้
ซากปรักหักพังหลายแห่งในตะวันออกกลาง ได้รับการตั้งชื่อตามเขา
ในพระคัมภีร์
การกล่าวถึงนิมโรด ในพระคัมภีร์ครั้งแรกอยู่ใน เขาถูกอธิบายว่าเป็นบุตรชายของ หลานชายของฮาม และเหลนของโนอาห์ และเป็น "ผู้เกรียงไกรในแผ่นดิน" และ "พรานผู้เกรียงไกรเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า" สิ่งนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกในหนังสือเล่มแรกของพงศาวดาร 1:10 และ "ดินแดนแห่งนิมโรด" ที่ใช้เป็นคำพ้องความหมายสำหรับอัสซีเรีย หรือ เมโสโปเตเมีย ถูกกล่าวถึงในหนังสือมีคาห์ 5:6:
เขาทั้งหลายจะปกครองแผ่นดินอัสซีเรียด้วยดาบ และแผ่นดินนิมโรดที่บรรดาทางเข้าเมือง และท่านจะช่วยกู้พวกเราให้พ้นจากคนอัสซีเรีย เมื่อพวกเขายกรุกล้ำแผ่นดินของพวกเรา และเหยียบย่ำอาณาเขตของพวกเรา
ปฐมกาลกล่าวว่า "จุดเริ่มต้นของอาณาจักรของเขา" (เรชิท มัมลากโท) คือเมืองของ "บาเบล, , อักกาด และ ในดินแดนชินาร์" (เมโสโปเตเมีย) (ปฐก. 10:10)—เข้าใจกันไปต่างๆ นาๆ เพื่อบอกเป็นนัยว่าเขาทรงก่อตั้ง เมืองเหล่านี้ปกครองพวกเขาหรือทั้งสองอย่าง เนื่องจากข้อความภาษาฮีบรู ต้นฉบับมีความคลุมเครือ จึงไม่มีความชัดเจนว่าเขาหรือ เป็นผู้สร้าง เมืองนีนะเวห์, , และ เพิ่มเติมหรือไม่ (การตีความทั้งสองแบบสะท้อนให้เห็นในเวอร์ชัน ภาษาอังกฤษ ต่างๆ) Sir Walter Raleigh อุทิศหลายหน้าใน History of the World (1614) ของเขาเพื่อสาธยายทุนในอดีตเกี่ยวกับคำถามที่ว่า นิมโรด หรือ อัสซูน เป็นผู้สร้างเมืองในอัสซีเรีย หรือไม่
ประเพณีและตำนาน
นิมโรด ปะทะ อับราฮัม
ในประเพณีของชาวยิวและอิสลาม มีการกล่าวกันว่าการเผชิญหน้าระหว่างนิมโรดและอับราฮัม เกิดขึ้น เรื่องราวบางเรื่องนำทั้งสองมารวมกันในการปะทะกันอย่างรุนแรง โดยมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของการเผชิญหน้าระหว่างความดีและความชั่ว หรือเป็นสัญลักษณ์การนับถือพระเจ้าองค์เดียว และ การนับถือพระเจ้าหลายองค์ ประเพณีของชาวยิวบางคนกล่าวเพียงว่าชายสองคนพบกันและสนทนากันตามคำกล่าวของ เคแวน เดอร์ทูร์น และ พีดับเบิลยู แวนเดอร์ ฮอร์สต ประเพณีนี้ได้รับการยืนยันเป็นครั้งแรกในงานเขียนของ Pseudo-Philo เรื่องนี้ยังพบในทัลมุด และในงานเขียนของแรบบินิกในยุคกลาง
ในบางเวอร์ชัน เช่น โยเซพุส นิมรอดเป็นคนที่ตั้งปณิธานต่อต้านพระเจ้า ในที่อื่น ๆ เขาประกาศตัวเองว่าเป็นเทพเจ้าและได้รับการบูชาเช่นนี้โดยอาสาสมัคร บางครั้ง มเหสีของเขาก็บูชาในฐานะเทพธิดาที่อยู่เคียงข้างเขา[][ ]
ลางบอก เหตุในดวงดาวบอกนิมโรดและนักโหราศาสตร์ของเขาถึงการประสูติของอับราฮัมที่กำลังจะมาถึง ซึ่งจะยุติการบูชารูปเคารพ นิมโรดจึงออกคำสั่งให้ฆ่าทารกแรกเกิดทั้งหมด อย่างไรก็ตาม แม่ของอับราฮัมหนีเข้าไปในทุ่งนาและคลอดลูกอย่างลับๆ ในวัยเด็ก อับราฮัมรู้จักพระเจ้าและเริ่มนมัสการพระองค์ เขาเผชิญหน้ากับนิมรอดและบอกเขาแบบตัวต่อตัวให้เลิกนับถือรูปเคารพ จากนั้นนิมโรดก็สั่งให้เผาเขาที่หลัก ในบางเวอร์ชัน นิมโรด ให้อาสาสมัครของเขารวบรวมฟืนเป็นเวลาสี่ปีเต็มเพื่อที่จะเผาอับราฮัมในกองไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลกเท่าที่เคยเห็นมา แต่เมื่อจุดไฟแล้ว อับราฮัมก็เดินออกมาโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ[][ ]
ในบางเวอร์ชัน นิมโรดท้าทายอับราฮัมในการต่อสู้ เมื่อนิมโรดปรากฏตัวต่อหน้ากองทัพขนาดมหึมา อับราฮัมสร้างกองทัพริ้น ซึ่งทำลายกองทัพของนิมโรด บางเรื่องราวมีริ้นหรือยุงเข้าไปในสมองของนิมโรด และขับไล่เขาออกจากความคิดของเขา (การลงโทษอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งประเพณีของชาวยิวยังมอบให้กับจักรพรรดิแห่งโรมันจักรพรรดิติตุส ผู้ทำลายวิหารในกรุงเยรูซาเล็ม)[][ ]
ในบางเวอร์ชัน นิมโรดกลับใจและยอมรับพระเจ้า โดยถวายเครื่องบูชามากมายที่พระเจ้าปฏิเสธ (เช่นเดียวกับ คาอิน) รุ่นอื่นๆ นิมรอดมอบให้อับราฮัมเป็นของขวัญประนีประนอม ทาสร่างยักษ์ ซึ่งบางบัญชีอธิบายว่าเป็นลูกชายของนิมรอด[][ ]
เวอร์ชันอื่นยังมีนิมโรด ยืนยันในการกบฏต่อพระเจ้า อันที่จริง การกระทำสำคัญของอับราฮัมในการออกจากเมโสโปเตเมีย และตั้งถิ่นฐานในคานาอัน บางครั้งถูกตีความว่าเป็นการหลบหนีจากการแก้แค้นของนิมโรด บัญชีที่ถือว่าเป็นที่ยอมรับในการสร้างอาคารของหอคอยมาหลายชั่วอายุคนก่อนที่อับราฮัมจะเกิด อย่างไรก็ตามในที่อื่น ๆ มันเป็นการกบฏในภายหลังหลังจากที่นิมรอดล้มเหลวในการเผชิญหน้ากับอับราฮัม ในเวอร์ชันอื่นๆ นิมโรดไม่ยอมแพ้หลังจากที่หอคอยพัง แต่ยังคงพยายามบุกขึ้นสวรรค์ด้วยตนเองในรถม้าที่ขับเคลื่อนด้วยฝูงนก[][ ]
เรื่องราวนี้กล่าวถึงองค์ประกอบของอับราฮัมจากเรื่องราวการประสูติของโมเสส (กษัตริย์ผู้โหดร้ายที่ฆ่าทารกผู้บริสุทธิ์ โดยนางผดุงครรภ์ได้รับคำสั่งให้ฆ่าพวกเขา) และจากอาชีพของชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บจากไฟ นิมโรดจึงได้รับคุณลักษณะของกษัตริย์สององค์ที่โหดร้ายและข่มเหงตามแบบฉบับ – เนบูคัดเนสซาร์ และ ฟาโรห์[][ ] ประเพณีบางอย่างของชาวยิวยังระบุว่าเขาคือ ไซรัส ซึ่งการเกิดตาม เฮโรโดทัส นั้นมาพร้อมกับลางสังหรณ์ ซึ่งทำให้ปู่ของเขาพยายามฆ่าเขา[][ ]
การเผชิญหน้ายังพบได้ในอัลกุรอาน ระหว่างกษัตริย์ที่ไม่ได้เอ่ยนาม กับ นบีอิบรอฮีม (ภาษาอาหรับสำหรับ "อับราฮัม") นักอรรถาธิบายมุสลิมบางคนกำหนดให้นิมโรดเป็นกษัตริย์ ในคำบรรยายอัลกุรอาน นบีอิบรอฮีมได้สนทนากับกษัตริย์ อดีตให้เหตุผลว่าอัลลอฮ์ (พระเจ้า) คือผู้ประทานชีวิตและก่อให้เกิดความตาย ในขณะที่กษัตริย์นิรนามตอบว่าพระองค์ประทานชีวิตและก่อให้เกิดความตาย นบีอิบรอฮีมหักล้างเขาโดยระบุว่าอัลลอฮ์นำดวงอาทิตย์ขึ้นจากทิศตะวันออก ดังนั้นเขาจึงขอให้กษัตริย์นำดวงอาทิตย์มาจากทิศตะวันตก กษัคริย์ทรงฉงนสนเท่ห์และกริ้ว ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับซูเราะฮ์ นี้นำเสนอการปรุงแต่งที่หลากหลายของเรื่องเล่านี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นเขียนโดย อิบน์ กะษีร นักวิชาการในศตวรรษที่ 14 โดยเสริมว่า นิมโรด แสดงอำนาจเหนือชีวิตและความตายด้วยการสังหารนักโทษและปล่อยนักโทษอีกคน
ไม่ว่าท้ายที่สุดแล้วจะรู้สึกสำนึกผิดหรือไม่ก็ตาม นิมโรดยังคงอยู่ในประเพณีของชาวยิวและอิสลาม โดยเป็นบุคคลชั่วร้ายที่เป็นสัญลักษณ์ของผู้บูชารูปเคารพและกษัตริย์ที่กดขี่ข่มเหง ในงานเขียนของแรบบินิคอลจนถึงปัจจุบัน เขามักเรียกกันว่า "นิมโรดผู้ชั่วร้าย" (ฮีบรู: נמרוד הרשע)[ ]
ในศาสนาอิสลาม
คัมภีร์อัลกุรอาน กล่าวว่า " เจ้า (มุฮัมมัด) มิได้มองดูผู้ที่โต้แย้ง อิบรอฮีมในเรื่องพระเจ้าของเขาดอกหรือ? เนื่องจากอัลลอฮฺได้ทรงประทานอำนาจแก่เขา อิบรอฮีม กล่าวว่า “พระเจ้าของฉันนั้น คือ ผู้ที่ทรงให้เป็นและทรงให้ตายได้” กษัตริย์ตรัสตอบว่า "ข้าก็ให้เป็นและให้ตายได้" เมื่อมาถึงจุดนี้ ข้อคิดเห็นบางอย่างเพิ่มเรื่องเล่าใหม่ เช่น นิมโรด นำชายสองคนซึ่งเคยถูกตัดสินประหารชีวิตมาก่อน เขาสั่งให้ประหารชีวิตคนหนึ่งในขณะที่ปล่อยอีกคนหนึ่ง อับราฮัมกล่าวว่า "แท้จริงแล้ว พระเจ้าทรงสร้างดวงอาทิตย์ขึ้นจากทิศตะวันออก ดังนั้นจงทรงสร้างดวงอาทิตย์ขึ้นจากทิศตะวันตก" สิ่งนี้ทำให้กษัตริย์ต้องเนรเทศเขา และเขาออกเดินทางไปเลแวนต์
แม้ว่าชื่อของ นิมโรด จะไม่ได้ระบุไว้ในอัลกุรอานโดยเฉพาะ แต่นักวิชาการอิสลามถือว่า "กษัตริย์" ที่กล่าวถึงคือเขา อีกสองตอนของคัมภีร์อัลกุรอานบรรยายบทสนทนาของนบีอิบรอฮีมกับนิมโรดและผู้คนของเขา โดยเฉพาะในโองการของ ซูเราะฮ์ 21:68 และ ซูเราะฮ์ 29:34 ซึ่งอับราฮัมถูกโยนลงไปในกองไฟ แต่ปรากฏว่าไม่ได้รับอันตรายจากความเมตตาของพระเจ้า เรื่องราวดั้งเดิมอื่นๆ มีอยู่รอบตัวนิมโรด ซึ่งส่งผลให้เขาถูกอ้างถึงว่าเป็นทรราชในวัฒนธรรมมุสลิม
ตามที่ มุญาฮิด อิบน์ ญับร์ กล่าวว่า "คนสี่คนเข้าควบคุมโลก ตะวันออกและตะวันตก ผู้ศรัทธาสองคนและผู้ปฏิเสธศรัทธาสองคน ผู้ศรัทธาสองคนคือ สุลัยมาน (ซาโลมอน ในตำราอิสลาม) และ ซูลก็อรนัยน์ และผู้ปฏิเสธศรัทธาสองคนคือ เนบูคัดเนสซาร์ที่ 2 และนิมโรด ไม่มีใครนอกจากพวกเขาได้รับอำนาจเหนือมัน”[][ ]
อ้างอิง
- อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อHarris
- อัลกุรอาน 2:258
- อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ:0
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniimmikarxangxingcakaehlngthimaidkrunachwyprbprungbthkhwamni odyephimkarxangxingaehlngthimathinaechuxthux enuxkhwamthiimmiaehlngthimaxacthukkhdkhanhruxlbxxk eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir nimord ˈ n ɪ m r ɒ d hibru נ מ רו ד xahrb نمرود epnbukhkhlinkhmphiribebil thiklawthunginhnngsuxpthmkal aela hnngsuxphngsawdarnimordepnbutrkhxng aelaepnehlnkhxngonxah nimordidrbkarkhnannamwaepnkstriyindinaednchinar emosopetemiy phrakhmphir klawwaekhaepn nklathiekngkactxphraphktrphraeca aela erimthicamixanacinolk praephniphiessnxkphrakhmphirinewlatxmarabuwanimordepnphupkkhrxngthimxbhmayihsranghxkhxybaebl sungthaihchuxesiyngkhxngekhaepnkstriythikbttxphraecanimord ody David Scott 1832 nimordimidrbkarrbrxnginthaebiynprawti bnthuk hruxraychuxkstriyid thiimichphrakhmphir rwmthungkhxngemosopetemiydwy nkprawtisastrimsamarthcbkhu nimork kbbukhkhlid inprawtisastrthiphisucnid sakprkhkphnghlayaehngintawnxxkklang idrbkartngchuxtamekhainphrakhmphirkarklawthungnimord inphrakhmphirkhrngaerkxyuin ekhathukxthibaywaepnbutrchaykhxng hlanchaykhxngham aelaehlnkhxngonxah aelaepn phuekriyngikrinaephndin aela phranphuekriyngikrechphaaphraphktrphraeca singnisaaelwsaxikinhnngsuxelmaerkkhxngphngsawdar 1 10 aela dinaednaehngnimord thiichepnkhaphxngkhwamhmaysahrbxssieriy hrux emosopetemiy thukklawthunginhnngsuxmikhah 5 6 ekhathnghlaycapkkhrxngaephndinxssieriydwydab aelaaephndinnimordthibrrdathangekhaemuxng aelathancachwykuphwkeraihphncakkhnxssieriy emuxphwkekhaykruklaaephndinkhxngphwkera aelaehyiybyaxanaekhtkhxngphwkera pthmkalklawwa cuderimtnkhxngxanackrkhxngekha erchith mmlakoth khuxemuxngkhxng baebl xkkad aela indinaednchinar emosopetemiy pthk 10 10 ekhaickniptang na ephuxbxkepnnywaekhathrngkxtng emuxngehlanipkkhrxngphwkekhahruxthngsxngxyang enuxngcakkhxkhwamphasahibru tnchbbmikhwamkhlumekhrux cungimmikhwamchdecnwaekhahrux epnphusrang emuxngninaewh aela ephimetimhruxim kartikhwamthngsxngaebbsathxnihehninewxrchn phasaxngkvs tang Sir Walter Raleigh xuthishlayhnain History of the World 1614 khxngekhaephuxsathyaythuninxditekiywkbkhathamthiwa nimord hrux xssun epnphusrangemuxnginxssieriy hruximpraephniaelatanannimord patha xbrahm xbrahmesiyslaxichmaexl lukchaykhxngekha xbrahm thukoynlngifodynimord cak subdat xttawarikh tnchbb phasaturkixxtotmn inpi kh s 1583 inpraephnikhxngchawyiwaelaxislam mikarklawknwakarephchiyhnarahwangnimordaelaxbrahm ekidkhun eruxngrawbangeruxngnathngsxngmarwmkninkarpathaknxyangrunaerng odymxngwaepnsylksnkhxngkarephchiyhnarahwangkhwamdiaelakhwamchw hruxepnsylksnkarnbthuxphraecaxngkhediyw aela karnbthuxphraecahlayxngkh praephnikhxngchawyiwbangkhnklawephiyngwachaysxngkhnphbknaelasnthnakntamkhaklawkhxng ekhaewn edxrthurn aela phidbebilyu aewnedxr hxrst praephniniidrbkaryunynepnkhrngaerkinnganekhiynkhxng Pseudo Philo eruxngniyngphbinthlmud aelainnganekhiynkhxngaerbbinikinyukhklang inbangewxrchn echn oyesphus nimrxdepnkhnthitngpnithantxtanphraeca inthixun ekhaprakastwexngwaepnethphecaaelaidrbkarbuchaechnniodyxasasmkhr bangkhrng mehsikhxngekhakbuchainthanaethphthidathixyuekhiyngkhangekha txngkarxangxing caepntxngxangxing langbxk ehtuindwngdawbxknimordaelankohrasastrkhxngekhathungkarprasutikhxngxbrahmthikalngcamathung sungcayutikarbucharupekharph nimordcungxxkkhasngihkhatharkaerkekidthnghmd xyangirktam aemkhxngxbrahmhniekhaipinthungnaaelakhlxdlukxyanglb inwyedk xbrahmruckphraecaaelaerimnmskarphraxngkh ekhaephchiyhnakbnimrxdaelabxkekhaaebbtwtxtwiheliknbthuxrupekharph caknnnimordksngihephaekhathihlk inbangewxrchn nimord ihxasasmkhrkhxngekharwbrwmfunepnewlasipietmephuxthicaephaxbrahminkxngifthiihythisudinolkethathiekhyehnma aetemuxcudifaelw xbrahmkedinxxkmaodyimidrbbadecb txngkarxangxing caepntxngxangxing inbangewxrchn nimordthathayxbrahminkartxsu emuxnimordprakttwtxhnakxngthphkhnadmhuma xbrahmsrangkxngthphrin sungthalaykxngthphkhxngnimord bangeruxngrawmirinhruxyungekhaipinsmxngkhxngnimord aelakhbilekhaxxkcakkhwamkhidkhxngekha karlngothsxnskdisiththisungpraephnikhxngchawyiwyngmxbihkbckrphrrdiaehngormnckrphrrdititus phuthalaywiharinkrungeyrusaelm txngkarxangxing caepntxngxangxing inbangewxrchn nimordklbicaelayxmrbphraeca odythwayekhruxngbuchamakmaythiphraecaptiesth echnediywkb khaxin runxun nimrxdmxbihxbrahmepnkhxngkhwypranipranxm thasrangyks sungbangbychixthibaywaepnlukchaykhxngnimrxd txngkarxangxing caepntxngxangxing ewxrchnxunyngminimord yunyninkarkbttxphraeca xnthicring karkrathasakhykhxngxbrahminkarxxkcakemosopetemiy aelatngthinthaninkhanaxn bangkhrngthuktikhwamwaepnkarhlbhnicakkaraekaekhnkhxngnimord bychithithuxwaepnthiyxmrbinkarsrangxakharkhxnghxkhxymahlaychwxayukhnkxnthixbrahmcaekid xyangirktaminthixun mnepnkarkbtinphayhlnghlngcakthinimrxdlmehlwinkarephchiyhnakbxbrahm inewxrchnxun nimordimyxmaephhlngcakthihxkhxyphng aetyngkhngphyayambukkhunswrrkhdwytnexnginrthmathikhbekhluxndwyfungnk txngkarxangxing caepntxngxangxing eruxngrawniklawthungxngkhprakxbkhxngxbrahmcakeruxngrawkarprasutikhxngomess kstriyphuohdraythikhatharkphubrisuththi odynangphdungkhrrphidrbkhasngihkhaphwkekha aelacakxachiphkhxngchdrkh emchakh aelaxaebdenok thiimidrbbadecbcakif nimordcungidrbkhunlksnakhxngkstriysxngxngkhthiohdrayaelakhmehngtamaebbchbb enbukhdenssar aela faorh txngkarxangxing txngkarxangxing praephnibangxyangkhxngchawyiwyngrabuwaekhakhux isrs sungkarekidtam ehorodths nnmaphrxmkblangsnghrn sungthaihpukhxngekhaphyayamkhaekha txngkarxangxing caepntxngxangxing karephchiyhnayngphbidinxlkurxan rahwangkstriythiimidexynam kb nbixibrxhim phasaxahrbsahrb xbrahm nkxrrthathibaymuslimbangkhnkahndihnimordepnkstriy inkhabrryayxlkurxan nbixibrxhimidsnthnakbkstriy xditihehtuphlwaxllxh phraeca khuxphuprathanchiwitaelakxihekidkhwamtay inkhnathikstriynirnamtxbwaphraxngkhprathanchiwitaelakxihekidkhwamtay nbixibrxhimhklangekhaodyrabuwaxllxhnadwngxathitykhuncakthistawnxxk dngnnekhacungkhxihkstriynadwngxathitymacakthistawntk kskhriythrngchngnsnethhaelakriw khxkhidehnekiywkbsueraah ninaesnxkarprungaetngthihlakhlaykhxngeruxngelani sunghnunginnnekhiynody xibn kasir nkwichakarinstwrrsthi 14 odyesrimwa nimord aesdngxanacehnuxchiwitaelakhwamtaydwykarsngharnkothsaelaplxynkothsxikkhn imwathaythisudaelwcarusuksanukphidhruximktam nimordyngkhngxyuinpraephnikhxngchawyiwaelaxislam odyepnbukhkhlchwraythiepnsylksnkhxngphubucharupekharphaelakstriythikdkhikhmehng innganekhiynkhxngaerbbinikhxlcnthungpccubn ekhamkeriykknwa nimordphuchwray hibru נמרוד הרשע caepntxngxangxing insasnaxislam khmphirxlkurxan klawwa eca muhmmd miidmxngduphuthiotaeyng xibrxhimineruxngphraecakhxngekhadxkhrux enuxngcakxllxh idthrngprathanxanacaekekha xibrxhim klawwa phraecakhxngchnnn khux phuthithrngihepnaelathrngihtayid kstriytrstxbwa khakihepnaelaihtayid emuxmathungcudni khxkhidehnbangxyangephimeruxngelaihm echn nimord nachaysxngkhnsungekhythuktdsinpraharchiwitmakxn ekhasngihpraharchiwitkhnhnunginkhnathiplxyxikkhnhnung xbrahmklawwa aethcringaelw phraecathrngsrangdwngxathitykhuncakthistawnxxk dngnncngthrngsrangdwngxathitykhuncakthistawntk singnithaihkstriytxngenrethsekha aelaekhaxxkedinthangipelaewnt aemwachuxkhxng nimord caimidrabuiwinxlkurxanodyechphaa aetnkwichakarxislamthuxwa kstriy thiklawthungkhuxekha xiksxngtxnkhxngkhmphirxlkurxanbrryaybthsnthnakhxngnbixibrxhimkbnimordaelaphukhnkhxngekha odyechphaainoxngkarkhxng sueraah 21 68 aela sueraah 29 34 sungxbrahmthukoynlngipinkxngif aetpraktwaimidrbxntraycakkhwamemttakhxngphraeca eruxngrawdngedimxun mixyurxbtwnimord sungsngphlihekhathukxangthungwaepnthrrachinwthnthrrmmuslim tamthi muyahid xibn ybr klawwa khnsikhnekhakhwbkhumolk tawnxxkaelatawntk phusrththasxngkhnaelaphuptiesthsrththasxngkhn phusrththasxngkhnkhux sulyman saolmxn intaraxislam aela sulkxrnyn aelaphuptiesthsrththasxngkhnkhux enbukhdenssarthi 2 aelanimord immiikhrnxkcakphwkekhaidrbxanacehnuxmn txngkarxangxing caepntxngxangxing xangxingxangxingphidphlad payrabu lt ref gt imthuktxng immikarkahndkhxkhwamsahrbxangxingchux Harris xlkurxan 2 258 xangxingphidphlad payrabu lt ref gt imthuktxng immikarkahndkhxkhwamsahrbxangxingchux 0