ลูฏ (อาหรับ: لوط, อักษรโรมัน: Lūṭ لوط) หรือที่เรียกว่า โลท ในพันธสัญญาเดิม เป็นนบีของอัลลอฮ์ ในคัมภีร์กุรอาน ตามความเชื่อของอิสลาม ลูฏเกิดที่เมืองฮัรรอน และใช้ชีวิตวัยเยาว์ในเมืองอูร ต่อมาได้อพยพไปยังคานาอัน กับ นบีอิบรอฮีม ลุงของท่าน ท่านถูกส่งไปยังเมืองสะดูมและอะมูเราะห์ ในฐานะนบี และได้รับคำสั่งให้เทศนาแก่ชาวเมืองในเรื่องเตาฮีด และความบาปของการรักร่วมเพศ และการกระทำที่รุนแรง และตัณหาของบรรดาผู้คน
ลูฏ لوط | |
---|---|
![]() ชื่อลูฏใน | |
เสียชีวิต | |
ผู้ดำรงตำแหน่งก่อน | อิบรอฮีม |
ผู้สืบตำแหน่ง | อิสมาอีล |
บุตร | |
บิดามารดา | |
ญาติ | อิบรอฮีม (ลุง) |
แม้ว่านบีลูฏไม่ได้เกิดท่ามกลางผู้คนที่เขาถูกส่งไปประกาศด้วย แต่ชาวเมืองสะดูทยังคงถูกมองว่าเป็น "พี่น้อง" ของเขาในอัลกุรอาน เช่นเดียวกับเรื่องราวในพระคัมภีร์ คัมภีร์กุรอานกล่าวว่า สาส์นของลูฏถูกเพิกเฉยโดยชาวเมือง และเมืองสะดูมและอะมูเราะห์ก็ถูกทำลาย ในเวลาต่อมา ตามธรรมเนียมแล้วการทำลายล้างเมืองถือเป็นการเตือนถึงการ รักร่วมเพศในอิสลาม รวมถึงสิ่งอื่น ๆ
ในขณะที่อัลกุรอานไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับชีวิตในภายหลังของนบีลูฏ อิสลามถือว่าเป็นนบี ทุกคนเป็นตัวอย่างของ ‘ ความชอบธรรม ' ทางศีลธรรม และจิตวิญญาณ
บริบทในอัลกุรอาน
นบีลูฏถูกอ้างถึงในอัลกุรอานค่อนข้างมาก สาส์นเหล่านี้หลายตอนกล่าวถึงการเล่าเรื่องของนบีลูฏในสายของบรรดานบีที่สืบต่อกันมา รวมทั้งนบีนูห์ นบีฮูด นบีศอลิห์ และนบีชุอัยบ์ นักวิชาการอิสลาม ระบุว่านบีเหล่านี้เป็นตัวแทนของวัฏจักรเริ่มต้นของการเผยแพร่สาส์นตามที่อธิบายไว้ในอัลกุรอาน เรื่องเล่าเหล่านี้มักจะเป็นไปตามรูปแบบที่คล้ายคลึงกัน: นบีถูกส่งไปยังกลุ่มชนหนึ่ง กลุ่มชนนั้นไม่สนใจคำเตือนของเขาแทนที่จะขู่เขาด้วยการลงโทษ อัลลอฮ์ทรงบัญชาให้นบีออกไปกับผู้ศรัทธาของเขา กลุ่มชนและผู้คนในกลุ่มชน ถูกทำลายด้วยการลงโทษในเวลาต่อมา ในที่อื่น ๆ ในอัลกุรอาน มีการกล่าวถึงนบีลูฏควบคู่ไปกับนบีอิสมาอีล นบีอัลยะสะอ์ และนบียูนุส ในฐานะผู้ที่พระเจ้าโปรดปรานเหนือประชาชาติ
เรื่องเล่าอัลกุรอาน
คัมภีร์อัลกุรอานระบุว่าวันหนึ่ง กลุ่มมะลาอิกะฮฺ มาเยี่ยมอับราฮัมในฐานะแขกโดยแปลงกายเป็นชายหนุ่ม เพื่อแจ้งให้ท่านทราบว่าซาเราะห์ ภรรยาของเขาตั้งท้องและให้กำเนิดนบีอิสหาก ขณะที่อยู่ที่นั่น พวกเขายังบอกท่านว่าพวกเขาถูกส่งมาจากอัลลอฮ์ไปยัง "คนบาป" ของนบีลูฏ เพื่อทำลายพวกเขา ด้วย "หินก้อนดิน" นบีลูฏและบรรดาผู้ศรัทธาในตัวเขาจะต้องรอดชีวิต แต่ภรรยาของเขาจะต้องตายในความพินาศ โดยมลาอิกะฮ์จะกล่าวว่า "นางอยู่ในหมู่ผู้ล้าหลัง" อัลกุรอานยังกล่าวถึง ภรรยาของนบีลูฏว่าเป็น "ตัวอย่างของผู้ปฏิเสธศรัทธา" เนื่องจากนาง แต่งงาน กับชายผู้ชอบธรรมแต่ปฏิเสธที่จะเชื่อในสาส์นของท่าน และด้วยเหตุนี้จึงถูกตัดสินลงนรก
ผู้คนในเมืองละเมิดขอบเขตของอัลลอฮ์ ตามคัมภีร์อัลกุรอาน บาปของพวกเขารวมถึงการไม่ต้อนรับแขกและการปล้น พวกเขาเกลียดคนแปลกหน้าและปล้นนักเดินทาง นอกเหนือจากการข่มเหงรังแกและการข่มขืนอื่น ๆ มันเป็นบาปของพวกเขาจาก การประพฤติผิดทางเพศ เช่นกัน ซึ่งถูกมองว่าร้ายแรงเป็นพิเศษ โดยนบีลูฏได้ตำหนิพวกเขาอย่างมากที่เข้าหาผู้ชายด้วยความต้องการทางเพศแทนที่จะเป็นผู้หญิง นบีลูฏบอกและพยายามช่วยพวกเขาให้ละทิ้งวิถีทางบาปของพวกเขา แต่พวกเขาเยาะเย้ยเขา และขู่ว่าจะขับไล่เขาออกจากเมือง นบีลูฏได้ดุอาอ์ต่ออัลลอฮ์และวิงวอนขอความรอดจากผลของการกระทำบาปของพวกเขา
จากนั้นมลาอิกะฮ์สามองค์ปลอมตัวเป็นชายรูปหล่อมาหานบีลูฏในฐานะแขก ท่านเสียใจเพราะรู้สึกว่าไม่มีความสามารถที่จะปกป้องพวกเขาจากชาวเมือง ชาวเมืองเมื่อรู้ว่ามีผู้มาเยี่ยมเยียนจึงขอให้นบีลูฏมอบแขกของท่านให้ เป็นทุกข์และกลัวว่าพวกเขาจะได้รับพระพิโรธของอัลลอฮ์ ท่านแนะนำให้พวกเขาแต่งงานกับลูกสาวของท่านที่ค่อนข้างถูกต้องตามกฎ เป็นทางเลือกที่เคร่งศาสนาและบริสุทธิ์กว่าความปรารถนาที่ผิดกฎของพวกเขา และอาจเป็นแหล่งของการนำทาง แต่พวกเขาไม่ลดละและตอบว่า "ท่านทราบดีว่าเราไม่ต้องการบุตรสาวของท่าน ท่านรู้ดีว่าเราต้องการอะไร!", หมายถึงแขกชายของท่าน
อิบนุ กะษีร, กุรฏุบีย์ และเฏาะบารีย์ นักตัฟซีรไม่ได้อ่านว่า 'บุตรสาว' เพื่อหมายถึงบุตรสาวตามตัวอักษรของนบีลูฏ พวกเขาโต้แย้งว่าเนื่องจากนบีเป็นเหมือนบิดาของชนชาติของเขา นบีลูฏจึงชี้นำผู้ทำความชั่วให้ละทิ้งบาปของตนและมีส่วนร่วมในความสัมพันธ์ที่ดีและเคร่งศาสนากับบุตรสาวในประเทศ ซึ่งก็คือผู้หญิงโดยทั่วไป
มะลาอิกะฮ์จึงเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาต่อนบีลูฏและกล่าวกับท่านว่า "เราอยู่ที่นี่ เพื่อช่วยเหลือท่านและผู้ศรัทธาของท่าน เว้นแต่ภรรยาของท่าน เธอคือผู้ที่ล้าหลัง" มะลาอิกะฮ์แนะนำให้นบีลูฏออกจากเมืองในตอนกลางคืนโดยบอกเขาว่าอย่าหันหลังกลับ ด้วยการรักษาความเชื่อของท่านในอัลลอฮ์ นบีลูฏจึงออกจากเมืองท่ามกลางความมืดมิดพร้อมกับพาผู้ศรัทธาของเขาและสมาชิกในครอบครัวที่ศรัทธา รุ่งเช้าก็มาถึง และกฤษฎีกาของพระเจ้าก็ผ่านไป เมื่ออัลกุรอานอ่านว่า “เราได้พลิกแผ่นดิน และโปรยกำมะถันลงมาบนพวกเขาจนแข็งเหมือนดินเผา กระจายเป็นชั้น ๆ ” และด้วยเหตุนี้ ถูกผนึกชะตากรรมของเมืองแฝด ตกอยู่ในความพินาศและความสิ้นหวัง และเป็นจุดจบของอารยธรรมแห่งเมืองสะดูมและเมืองอะมูเราะห์
รักร่วมเพศ
สำนักหลักนิติศาสตร์อิสลามทุกแห่งระบุว่าการรักร่วมเพศเป็นบาป โดยส่วนหนึ่งมาจากเรื่องราวของนบีลูฏ เนื่องจากอัลกุรอานระบุว่านบีลูฏตำหนิกลุ่มชนของท่านที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย นอกเหนือไปจากการพยายามทำร้ายคนแปลกหน้า เหตุการณ์นี้จึงถูกมองว่าเป็นการแสดงให้เห็นถึงการไม่ยอมรับทั้งการข่มขืนและการรักร่วมเพศของอิสลาม การต่อสู้ของนบีลูฏกับผู้คนในเมืองถูกมองว่าเกี่ยวข้องกับการรักร่วมเพศโดยทั่วไปหรือเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักของรักร่วมเพศ การตีความเหล่านี้บางครั้งขยายกว้างออกไปเพื่อประณามการรักร่วมเพศที่นอกเหนือไปจากการกระทำทางร่างกาย รวมถึงอารมณ์ทางจิตใจและสังคม
อนุสาวรีย์
ชาวมุสลิมหลายคนเชื่อว่า ในปาเลสไตน์ เป็นที่ตั้งของหลุมฝังศพของนบีลูฏในใจกลางเมือง สุสานตั้งอยู่ภายในมัสยิด รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีศาลชั้นในและหออะซาน ทับหลังของประตูด้านเหนือของมัสยิดสร้างจากหินที่มีอายุเก่าแก่ถึงยุคไบแซนไทน์ ซึ่งอาจมีโบสถ์ตั้งอยู่ที่บริเวณนั้น ความสัมพันธ์ของบะนีนะอีมกับนบีลูฏมีมาก่อนอิสลาม เนื่องจากผลงานของนักวิชาการคาทอลิก นักบุญเจอโรม ในศตวรรษที่ 4 ระบุว่าหลุมฝังศพตั้งอยู่ในเมืองชื่อ Capharbaricha ซึ่งน่าจะเป็นชื่อเดิมของบนีนะอีม
ตามความเชื่อถือว่าหลุมฝังศพของบุตรสาวของท่านตั้งอยู่บนเนินเขาใกล้เคียง ทางตะวันออกเฉียงใต้ของบนีนะอีม เป็นมะกอมอุทิศให้กับนบีลูฏ ซึ่งรู้จักกันในชื่อ มะกอม อันนบียะกีน ("ศาลเจ้าแห่งผู้เผยพระวจนะผู้ซื่อสัตย์") ตำนานท้องถิ่นอ้างว่า นบีลูฏ สวดอ้อนวอน ณ สถานที่นั้น และรอยเท้าของท่านยังคงปรากฏให้เห็นบนก้อนหินที่นั่น รอยเท้าของนบีและผู้ศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ที่ถูกกล่าวหาคล้ายกันพบได้ที่มะก็อมอิสลามทั่วตะวันออกกลาง
ตระกูล
ชาวมุสลิมยืนยันว่าบิดาของนบีอิบรอฮีมคืออาซัร ( อาหรับ: آزر, อักษรโรมัน: Āzar آزر ) ซึ่งอาจได้มาจากภาษาซีเรียแอก Athar ซึ่งเป็นที่รู้จักในพระคัมภีร์ฮีบรูว่า เทราห์ นบีอิบรอฮีมมีบุตรสองคนคืออิสหากและอิสมาอีล ซึ่งต่อมาทั้งสองได้กลายเป็นนบี กล่าวกันว่าหลานชายของนบีอิบรอฮีมเป็นนบี ลูฏ ซึ่งเป็นหนึ่งในคนอื่นๆ ที่อพยพออกจากชุมชนของพวกเขาไปพร้อมกับนบีอิบรอฮีม กล่าวกันว่านบีอิบรอฮีมเองเป็นผู้สืบเชื้อสายของนบีนูห์ ผ่านทาง ซามบุตรชายของท่าน
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- [อัลกุรอาน 26:161]
- Wheeler, Brannon M. (2002). Prophets in the Quran: an introduction to the Quran and Muslim exegesis. Comparative Islamic studies. Continuum International Publishing Group. p. 8. ISBN . จากแหล่งเดิมเมื่อ 30 April 2016. สืบค้นเมื่อ 7 January 2016.
- . The A to Z of Prophets in Islam and Judaism. Rowman & Littlefield Publishers, Incorporated. 2010. pp. 118–126. ISBN . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 April 2016. สืบค้นเมื่อ 26 June 2013.
- Hasan, Masudul. History of Islam.
- [อัลกุรอาน 050:013]
- 11:89
- Al-Qadi, Wadad (1988). "The Term "Khalifa" in Early Exegetical Literature". Die Welt des Islams. 28 (1): 400. doi:10.2307/1571186. JSTOR 1571186.
- "Surah Al-An'am Verse 86 | 6:86 الأنعام - Quran O". qurano.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2020-11-24.
- อัลกุรอาน 15:51
- อัลกุรอาน 15:58: "They said: "We have been sent to a people (deep) in sin"
- อัลกุรอาน 51:33: "To bring on, on them, (a shower of) stones of clay"
- [อัลกุรอาน 29:32]: "He said: 'But there is Lot there.' They said: 'We know well who is there: we will certainly save him and his following – except his wife: she is of those who lag behind!'"
- [อัลกุรอาน 15:59]
- [อัลกุรอาน 66:10]
- [อัลกุรอาน 29:29]
- อัลกุรอาน 07:80
- อัลกุรอาน 26:165
- อัลกุรอาน 7:82
- [อัลกุรอาน 26:169]
- อัลกุรอาน 11:77
- [อัลกุรอาน 54:37]
- [อัลกุรอาน 11:78]
- [อัลกุรอาน 15:71]
- อัลกุรอาน 11:79
- "Tafsir Ibn Kathir". จากแหล่งเดิมเมื่อ 30 November 2018. สืบค้นเมื่อ 17 May 2021.
- Leaman, Oliver (2 May 2006). The Qur'an: An Encyclopedia (ภาษาอังกฤษ). Routledge. p. 380. ISBN . จากแหล่งเดิมเมื่อ 6 August 2018. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
- อัลกุรอาน 11:82
- El-Rouayheb, Khaled (2005). "Sodomites". Before Homosexuality in the Arab-Islamic World, 1500-1800. University of Chicago Press.
- Habib, Samar (2009). Islam and Homosexuality. p. 206. ISBN .
- Sharon, Moshe (1999). . Corpus Inscriptionum Arabicarum Palaestinae (CIAP) Volume Two: B-C. BRILL. p. 12. ISBN . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 October 2013. สืบค้นเมื่อ 26 June 2013.
- Stone, Michael E. (2006). Apocrypha, Pseudepigrapha and Armenian Studies. Collected Papers: Volume I. Peeters. p. 693.
- Renard, John (2015). The Handy Islam Answer Book. Visible Ink Press. p. 173.
- Geiger 1898 Judaism and Islam: A Prize Essay, p. 100
- "Ibrahim". Encyclopedia of Islam, Online version.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์