ซาราห์ (ชื่อเกิด ซาราย) เป็นปูชนียบุคคล และ ผู้เผยพระวจนะ ในพระคัมภีร์ไบเบิล ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญในศาสนาอับราฮัม แม้ว่าความเชื่อต่างๆ ของอับราฮัมจะพรรณนาถึงเธอแตกต่างกัน ศาสนายูดาย, ศาสนาคริสต์ และ อิสลาม ล้วนพรรณนาถึงลักษณะนิสัยของเธอในทำนองเดียวกัน เช่น สตรีผู้เคร่งศาสนา มีชื่อเสียงในด้านไมตรีจิตและความงาม ภรรยาและน้องสาวต่างมารดา ของอับราฮัม และมารดาของอิสอัค
ซาราห์ | |
---|---|
שָׂרָה | |
ภาพของซาราห์ และ อับราฮัม | |
เกิด | ซาราย |
เสียชีวิต | เฮโบรน |
สุสาน | |
คู่สมรส | อับราฮัม |
บุตร | อิสอัค |
บิดามารดา | เทราห์ (บิดา) |
ญาติ | (พี่ชายต่างมารดา) โลท (หลานชาย) อิชมาเอล (บุตรบุญธรรม) |
ในพระคัมภีร์ฮีบรู
ตระกูล
ตามหนังสือปฐมกาล 20:12 ในการสนทนากับอาบีเมเลค กษัตริย์ฟิลิสเตีย แห่งเกราร์ อับราฮัมเปิดเผยว่าซาราห์เป็นทั้งภรรยาและน้องสาว ต่างมารดาของเขา โดยระบุว่าทั้งสองมีบิดาร่วมกันแต่ไม่ได้มีมารดาร่วมกัน ต่อมาสหภาพดังกล่าวถูกห้ามอย่างชัดเจนในหนังสือเลวีนิติ (เลวีนิติ 18:9:HE )
นี่จะทำให้ซาราห์เป็นบุตรีของเทราห์ และไม่ใช่น้องสาวต่างมารดาของอับราฮัมเท่านั้น แต่ยังรวมถึง ฮาราน และ นาโฮร์ด้วย เธอคงจะเป็นป้าของ, มิลคาห์, อิสคาห์ และ เบธูเอล ทั้งทางสายเลือดและการแต่งงาน เธอมีบุตรด้วยกัน 1 คน คือ อิสอัค หลังจากเธอเสียชีวิต อับราฮัมแต่งงานกับเคทูราห์ ซึ่งนักวิชาการด้านพระคัมภีร์ไบเบิลถกเถียงกัน (นั่นคือ เธอคือ ฮาการ์ จริงหรือไม่) และเธอมีลูกอีกอย่างน้อยหกคน
เรื่องเล่า
ในเรื่องเล่าในพระคัมภีร์ ซาราห์เป็นภรรยาของอับราฮัม ในสองสถานที่ในการเล่าเรื่อง เขากล่าวว่าซาราห์เป็นน้องสาวของเขา (ปฐมกาล 12:10 ถึง 13:1 ในการเผชิญหน้ากับฟาโรห์ และปฐมกาลที่ 20 ในการเผชิญหน้ากับอาบีเมเลค) เมื่อรู้ว่าซาราห์เป็นคนงามและกลัวว่าฟาโรห์จะฆ่าอับราฮัมเพื่ออยู่กับซาราห์ อับราฮัมจึงขอให้ซาราห์บอกฟาโรห์ว่าเธอเป็นน้องสาวของเขา (ปฐมกาล 17)
เดิมเธอมีชื่อว่า ซาราย ในการเล่าเรื่องพันธสัญญาของชิ้นส่วน ในปฐมกาลบทที่ 17 ในระหว่างที่พระเยโฮวาห์ทรงสัญญากับอับรามว่าเขาและซารายจะมีบุตรชายคนหนึ่ง อับรามถูกเปลี่ยนชื่อเป็นอับราฮัม และซารายถูกเปลี่ยนชื่อเป็นซาราห์ มีนิรุกติศาสตร์พื้นบ้าน ที่อธิบายชื่อเก่าและชื่อใหม่ : 22
ออกเดินทางจากเออร์
เทราห์กับอับราม (ตามชื่อเรียกตอนนั้น) ซารายและโลทออกเดินทางไปคานาอัน แต่แวะพักในที่แห่งหนึ่งชื่อ ซึ่งเทราห์อาศัยอยู่จนกระทั่งเขาเสียชีวิตเมื่ออายุได้ 205 ปี พระเยโฮวาห์ตรัสกับอับรามให้ออกจากบ้านเมืองและบ้านบิดาของเขาไปยังดินแดนที่เขาจะแสดงให้เขาเห็น โดยสัญญาว่าจะทำให้เขาเป็นชนชาติใหญ่ อวยพรเขา สร้างชื่อให้ยิ่งใหญ่ อวยพรผู้ที่อวยพรเขา และสาปแช่งผู้สาปแช่งเขา ตามคำสั่งของพระเจ้า อับรามพาภรรยาของเขา ซาราย หลานชายของเขาโลท ตลอดจนทรัพย์สมบัติและทาส ที่พวกเขาได้มา เดินทางไปยังเชเคม ในคานาอัน อับรามอายุ 75 ปีในเวลานี้
ฟาโรห์
มีการกันดารอาหารอย่างรุนแรงในแผ่นดินคานาอัน อับรามกับโลทและครอบครัวของพวกเขาจึงเดินทางลงใต้ไปยังอียิปต์ ระหว่างเดินทางไปอียิปต์ อับรามสั่งให้ซารายระบุว่าตนเป็นน้องสาวเท่านั้น เพราะเกรงว่าชาวอียิปต์จะฆ่าเขาเพื่อแย่งชิงภรรยา โดยกล่าวว่า
เมื่อใกล้จะเข้าอียิปต์ อับรามก็พูดกับนางซารายภรรยาของท่านว่า “นี่แน่ะ ฉันรู้ว่าเธอเป็นหญิงรูปงาม เมื่อคนอียิปต์เห็นเธอ พวกเขาจะว่า ‘หญิงคนนี้เป็นภรรยาของเขา’ แล้วก็จะฆ่าฉันเสีย แต่จะไว้ชีวิตเธอ ขอให้บอกว่าเธอเป็นน้องสาวของฉัน เพื่อเขาจะได้ทำดีต่อฉันเพราะเธอ และฉันจะได้รอดชีวิตเพราะเธอ”
เมื่อพาตัวเข้าเฝ้าฟาโรห์ ซารายบอกว่าอับรามเป็นพี่ชายของเธอ และกษัตริย์ก็รับเธอเข้าไปในวังของเขาและมอบของขวัญมากมายให้กับอับรามและเครื่องหมายแห่งความแตกต่าง อย่างไรก็ตาม พระเจ้าทรงให้ราชวงศ์ของฟาโรห์ประสบภัยพิบัติใหญ่หลวง ฟาโรห์จึงรู้ว่านางซารายเป็นภรรยาของอับราม จึงสั่งให้ทั้งสองออกจากอียิปต์ทันที
ฮาการ์และอิชมาเอล
หลังจากอาศัยอยู่ในคานาอันเป็นเวลาสิบปีและยังไม่มีบุตร ซารายเสนอว่าอับรามจะมีลูกกับฮาการ์ สาวใช้ ชาวอียิปต์ของเธอ ซึ่งเขาก็เห็นด้วย สิ่งนี้ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดระหว่าง ซาราย และ ฮาการ์ และ ซาราย บ่นกับสามีของเธอว่าสาวใช้ไม่เคารพเธออีกต่อไป มีอยู่ช่วงหนึ่ง ฮาการ์หนีจากนายหญิงของเธอ แต่กลับมาหลังจากทูตสวรรค์ปลอบโยนเธอ นางให้กำเนิดบุตรชื่อ อิชมาเอล เมื่ออับรามอายุได้แปดสิบหกปี
อิสอัค
ในปฐมกาบ 17 เมื่ออับรามอายุได้เก้าสิบเก้าปี พระเจ้าได้ประกาศชื่อใหม่ของเขาว่า "อับราฮัม" – "บิดาของหลายชาติ" และให้สัญญาการเข้าสุหนัตแก่เขา พระเจ้าประทานชื่อใหม่ให้ซารายว่า "ซาราห์" และทรงอวยพรเธอ อับราฮัมได้รับการรับรองว่าซาราห์จะมีบุตรชายคนหนึ่ง หลังจากนั้นไม่นาน ชายสามคนมาเยี่ยมอับราฮัมและซาราห์ ผู้มาเยือนคนหนึ่งบอกอับราฮัมว่าเมื่อเขากลับมาในปีหน้า ซาราห์จะมีบุตรชายคนหนึ่ง ขณะที่อยู่ที่ทางเข้าเต็นท์ ซาราห์ได้ยินสิ่งที่พูด เธอหัวเราะกับตัวเองเกี่ยวกับโอกาสที่จะมีลูกในวัยเดียวกัน ผู้มาเยี่ยมถามอับราฮัมว่าทำไมซาราห์ถึงหัวเราะเยาะความคิดเรื่องการมีบุตร เพราะอายุของเธอไม่ต่างกับพระเจ้าเลย ไม่นานนางซาราห์ก็ตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายแก่อับราฮัมตามเวลาที่ตรัสไว้ อัครบิดร ซึ่งขณะนั้นมีอายุหนึ่งร้อยปี ตั้งชื่อเด็กคนนั้นว่า "อิสอัค" (ฮีบรู yitschaq, "เสียงหัวเราะ") และให้เข้าสุหนัตเมื่อเขาอายุได้แปดวัน สำหรับซาราห์ ความคิดที่จะคลอดและให้นมลูกเมื่ออายุมากแล้ว ทำให้เธอหัวเราะมากเช่นกัน ขณะที่เธอประกาศว่า "พระเจ้าทรงทำให้ฉันหัวเราะ [เพื่อ] ทุกคนที่ได้ยินจะหัวเราะไปกับฉัน" อับราฮัมจัดงานเลี้ยงใหญ่ในวันที่อิสอัคต้องหย่านม ในระหว่างงานเลี้ยงนี้เองที่ซาราห์บังเอิญเจออิชมาเอลวัยรุ่นล้อเลียนอิสอัค และรู้สึกกระวนกระวายใจมากที่เธอขอให้เขาและฮาการ์ถูกเนรเทศ ในตอนแรกอับราฮัมรู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องนี้แต่กลับใจอ่อนเมื่อพระเจ้าบอกให้ทำตามที่ภรรยาขอ
ความตาย
ซาราห์เสียชีวิตเมื่ออายุ 127 ปี และอับราฮัมซื้อที่ดินพร้อมถ้ำใกล้เมืองเฮโบรน จากเอฟโรน ชาวฮิตไทต์ เพื่อฝังเธอ ซึ่งเป็นที่ดินแห่งแรกของชาวอิสราเอลในคานาอันตามเรื่องเล่าในพระคัมภีร์
มุมมองทางศาสนา
ในศาสนายูดาย
ซาราห์ ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังสือปฐมกาล ในขณะที่ และ อักกาดาห์ ให้คำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับชีวิตและบทบาทของเธอใน ศาสนายูดาย และรูปแบบบรรพบุรุษของลัทธิยาห์เวห์ เธอเกิดในนาม ซาราย ( ฮีบรู : שָׂרַי) ในเมือง หรือ Ur of the Chaldees ซึ่งเชื่อกันว่าอยู่ใน อิรัก ในปัจจุบัน 1,958 Anno Mundi ตาม ปฏิทินฮีบรู เธอเป็นบุตรสาวของฮาราน และเป็นหลานสาวของเทราห์ ผู้บูชารูปเคารพ ที่บูชาเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ และเป็นคนรับใช้ระดับสูงของนิมโรด กษัตริย์แห่งชินาร์ หรือ เมโสโปเตเมีย ชื่อของเธอเป็นรูปผู้หญิงของ ซาร์ (ฮีบรู: שַׂר) แปลว่า "ประมุข" หรือ "เจ้าชาย" ผ่านทางเทราห์ เธอน่าจะเป็นทายาทรุ่นที่ 10 ของโนอาห์ ที่ยังมีชีวิตอยู่ อาศัยอยู่ในเทือกเขาอารารัต และมีอายุมากกว่าเก้าศตวรรษในเวลาที่เธอเกิด ไม่มีการระบุรายละเอียดเกี่ยวกับชีวิตของเธอหรือความเชื่อทางศาสนาของเธอก่อนที่อับราฮัมจะกลับมาที่เออร์กัสดิม เพื่อขัดขวางความพยายามของ Nimrod ที่จะประกาศตัวเองว่าเป็นพระเจ้า เป็นที่ทราบกันว่าเธอได้แต่งงานกับอับราฮัม หรือที่เรียกกันว่าอับราม ซึ่งมีอายุระหว่างสี่สิบห้าปี และหลังจากที่สามีของเธอทำให้นิมโรดอับอายในที่สาธารณะ เธอและเทราห์พ่อของเธอ, โลท หลานชายกำพร้าของเธอ, คนใช้ของเธอ และอีกประมาณสามร้อยคน ทิ้งเออร์กัสดิม ไว้ที่คานาอัน ซึ่งเป็นลิแวนต์ ในปัจจุบัน เพื่อช่วยอับราฮัมจากแผนการของนิมโรดที่จะทำลายเขา ซึ่งได้รับบัญชาจากพระยาห์เวห์
ระหว่างทางไปคานาอัน พวกเขาแวะที่เมือง ประเทศตุรกีในปัจจุบัน โดยตั้งรกรากอยู่ที่นั่นประมาณ 20 ปี จนกระทั่งพระเยโฮวาห์ทรงกระตุ้นให้พวกเขาเดินทางต่อไป พวกเขาจึงทิ้งเทราห์ไว้เบื้องหลัง เพื่อดำเนินชีวิตตามสมัยของเขา และเดินทางผ่าน และ ทั้งสองเมืองในเขตเวสต์แบงก์ ในปัจจุบัน และเมื่อการกันดารอาหารเกิด ขึ้นในภูมิภาค ไปจนถึง อียิปต์ ประเทศอียิปต์ในปัจจุบัน ขณะที่อยู่ในเมืองอียิปต์ ความงามของซาราห์ดึงดูดความสนใจของฟาโรห์ และอับราฮัม โดยกลัวว่าชาวอียิปต์จะฆ่าเขาหากรู้ว่าซาราห์แต่งงานกับเขา จึงแนะนำตัวเองว่าเป็นพี่ชายของเธอ ดังนั้น ฟาโรห์จึงมอบทรัพย์สมบัติมากมายให้อับราฮัมในรูปของปศุสัตว์ และ ทาส รวมทั้ง ฮาการ์ เพื่อที่เขาจะได้รับซาราห์เป็นนางบำเรอ เพื่ออยู่ในพระราชวังกับเขา สำหรับการล่วงละเมิดโดยไม่เจตนาของฟาโรห์ต่ออับราฮัม เขาและสมาชิกในครัวเรือน กำลังป่วยด้วยโรคระบาด ยกเว้นซาราห์ ฟาโรห์จึงตระหนักว่าอับราฮัมคือสามีของซาราห์ ไม่ใช่แค่พี่ชายของเธอเท่านั้น แม้ว่าอับราฮัมจะจงใจหลอกลวงฟาโรห์ แต่ฟาโรห์ก็ไม่ลงโทษอับราฮัมและไม่ต้องการคืนทรัพย์สมบัติที่อับรามมอบให้เพื่อแลกกับซาราห์ อย่างไรก็ตาม เขาสั่งให้พวกเขาออกจากอียิปต์ หลังจากออกจากอียิปต์แล้ว โลทก็แยกทางกันเอง ในที่สุดเขาก็ลงหลักปักฐานที่เมืองโสโดม เนื่องจากมีข้อขัดแย้งเกี่ยวกับปศุสัตว์
พวกเขากลับมาที่คานาอัน หนึ่งทศวรรษผ่านไปเธอกับอับราฮัมก็ไม่มีลูก ดังนั้น นางซาราห์จึงเสนอนางฮาการ์ ทาสหญิงของนางให้เป็นนางบำเรอของสามี เพื่อเขาจะได้มีบุตร ฮาการ์ตั้งครรภ์อิชมาเอล ระหว่างการตั้งครรภ์ของฮาการ์ ความสัมพันธ์ของซาราห์และฮาการ์แย่ลงอย่างรวดเร็ว โดยซาราห์ตบเธอและฮาการ์หนีเข้าไปในทะเลทรายเพื่อหลีกเลี่ยงเธอ กลับมาตามคำแนะนำของทูตสวรรค์เท่านั้น พระเยโฮวาห์ตรัสกับอับราฮัมว่าซาราห์จะให้บุตรชายคนหนึ่งแก่เขา ซาราห์อายุเก้าสิบปีแล้วหัวเราะกับความคิดนี้ แต่ตามคำทำนาย นางตั้งครรภ์อิสอัค และนางก็เลี้ยงดูเขาเอง ในที่สุดเธอจะเรียกร้องให้อับราฮัมส่งฮาการ์และอิชมาเอลออกไป อับราฮัมจึงเนรเทศพวกเขาและส่งพวกเขาไปยังทะเลทราย
ช่วงเวลาหนึ่งหลังจากการให้กำเนิดของอิชมาเอล แต่ก่อนที่จะเกิดของอิสอัค ซาราห์และอับราฮัมเดินทางไป ตามที่อธิบายไว้ในปฐมกาลบทที่ 20 ซึ่งเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นซึ่งสะท้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่มิซราอิม ซึ่งกษัตริย์องค์หนึ่งซึ่งคราวนี้คือ อาบีเมเลค สนใจในตัวซาราห์ เพราะความงามของเธอ และเช่นเดียวกับที่เขาเคยทำในเมืองมิซราอิม อับราฮัมจึงแสดงตนเป็นพี่ชายของเธอแทนที่จะเป็นสามีของเธอ และด้วยความเชื่อที่ว่าอาบีเมเลคที่ยังไม่แต่งงานของเธอจึงรับเธอเข้าไปในบ้านของเธอเหมือนที่ฟาโรห์ทรงมี แต่คราวนี้พระเยโฮวาห์ทรงเข้าแทรกแซงก่อนที่พระองค์จะแตะต้องซาราห์ ความฝันและโรคระบาด อาบีเมเลคเผชิญหน้ากับอับราฮัมด้วยความโกรธที่การโกหกของเขาทำให้เขายั่วยุพระพิโรธของพระเจ้า แต่เช่นเดียวกับฟาโรห์ เขาได้มอบทรัพย์สมบัติมากมายให้กับอับราฮัม ชายทั้งสองจากกันด้วยไมตรี โดยอับราฮัมกล่าวว่าเขาจะสวดอ้อนวอนให้กษัตริย์ซึ่งไม่มีบุตรและไม่มีทายาท
กล่าวกันว่าซาราห์เสียชีวิตเมื่ออายุได้หนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ดปี ส่วนหนึ่งเกิดจากเหตุการณ์ผูกมัดของอิสอัค เธอถูกฝังอยู่ในเมืองเฮโบรน ใน
ในศาสนาอิสลาม
การพรรณนาถึงของอิสลามของซาราห์ หรือ ซาเราะฮ์ ซึ่งไม่มีชื่อในคัมภีร์อัลกุรอาน เหมือนการพรรณนาของเธอในศาสนายูดายและศาสนาคริสต์ โดยที่เธอเป็นผู้หญิงที่ดี เป็นญาติและภรรยาของอับราฮัม ผู้ซึ่งหลังจากเป็นหมันมาหลายปี ได้รับพรให้มีบุตรชายคนหนึ่ง นบีอิสฮาก (อิสอัค)อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนมีอยู่ในภาพความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับนบีอิบรอฮีม, นางฮาญัร และนบีอิสมาอีล นางไม่ได้ถูกมองเป็นน้องสาวของนบีอิบรอฮีม แต่เป็นลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งของท่าน ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นบุตรีของฮารอน น้องชายของอาซัร และฮาญัรไม่ได้แสดงเป็นนายหญิงของนบีอิบรอฮีม แต่เป็นภรรยาคนที่สอง ซึ่งช่วยขจัดความรู้สึกเป็นศัตรูที่ซาเราะฮ์รู้สึกต่อฮาญัรระหว่างตั้งครรภ์นบีอิสมาอีล
คัมภีร์กุรอานยังเล่าเรื่องราวในพระคัมภีร์ซ้ำอีกว่า ซาเราะฮ์หัวเราะเมื่อนางได้รับสาส์นจากพระเจ้าที่ยืนยันการตั้งครรภ์ของนาง แม้ว่าในคัมภีร์กุรอานข้อความนี้จะถูกประกาศโดย มะลาอิกะฮ์ ไม่ใช่โดยพระเจ้าเอง:
และแน่นอนบรรดาทูตของเราได้มายังอิบรอฮีมพร้อมทั้งข่าวดี พวกเขากล่าวว่า ขอความศานติจงมีแด่ท่าน เขา (อิบรอฮีม) กล่าวว่า ขอความศานติจงมีแด่พวกท่าน ดังนั้นเขามิได้รีรอที่จะนำลูกวัวย่างออกมา
ครั้นเมื่อเขาเห็นว่ามือของพวกเขาไม่ถึงมันเขาไม่พอใจและรู้สึกกลัวพวกเขา พวกเขากล่าวว่า อย่ากลัวเลย แท้จริงเราถูกส่งมายังกลุ่มชนของลูฏ
และภริยาของเขายืนอยู่แล้ว นางก็หัวเราะเราจึงแจ้งข่าวดีแก่นางด้วย (การได้บุตรชื่อ) อิสฮากและหลังจากอิสฮากคือยะอ์กูบ
นางกล่าวว่า โอ้ แปลกแท้ ๆ ฉันจะมีบุตรหรือ ขณะที่ฉันแก่แล้ว และนี่สามีของฉันก็แก่หง่อมแล้ว แท้จริงนี่เป็นเรื่องประหลาดแท้
สุสานของซาราห์
เชื่อกันว่าซาร่าห์ถูกฝังอยู่ใน (ชาวยิวรู้จักกันในชื่อ ถ้ำมัคเปลาห์) บริเวณนี้ตั้งอยู่ในเมืองโบราณเฮโบรน เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันดับสองสำหรับชาวยิว (รองจากภูเขาพระวิหาร ในกรุงเยรูซาเล็ม) และยังเป็นที่เคารพนับถือของชาวคริสต์ และชาวมุสลิม ซึ่งทั้งสองแห่งมีประเพณีที่ยืนยันว่าสถานที่นี้เป็นสถานที่ฝังศพ ของสามคู่ในพระคัมภีร์; อับราฮัมกับซาราห์ อิสอัคกับ ยาโคบกับลีอาห์
อ้างอิง
- "Sarah/Sarai: Bible | Jewish Women's Archive". jwa.org.
- 20:12 {{{3}}}:{{{4}}}
- "Bible Gateway passage: Genesis 20:12". New King James Version. Bible Gateway. สืบค้นเมื่อ 2019-08-28.
- "Ishmael: Abraham's Other Son". Chabad. สืบค้นเมื่อ 2019-08-28.
- Clifford, Richard J; Murphy, Roland E. (1990). "2: Genesis". ใน Brown, Raymond E.; Fitzmyer, Joseph A.; Murphy, Roland E. (บ.ก.). The New Jerome Biblical Commentary. Englewood Cliffs, NJ: Prentice-Hall. ISBN .
- Genesis 11:27–11:32:HE
- Genesis 12:1–3:9
- Genesis 12:4:HE
- {{bibleverse|Genesis|12:11-13|NIV
- Genesis 12:14–17:HE
- Genesis 12:18–20:HE
- Genesis 16:1–6:HE
- Genesis 16:7–16:HE
- Genesis 17:1–27:HE
- 21:4 9:{{{4}}}
- Genesis 21:9:HE
- 21:10 HE:{{{4}}}
- Genesis 21:12:HE
- "Genesis 20:12". www.sefaria.org. สืบค้นเมื่อ 2020-06-14.
See Rashi commentary: "If, however, you ask, “But was she not his brother’s daughter? (see chapter 11:29, and so she was granddaughter of Terah, Abraham’s father), then I reply, one’s children’s children are considered as one’s own children."
- "Abraham - The Genesis narrative in the light of recent scholarship". Encyclopedia Britannica.
- Arastu, Shaykh Rizwan (2014). . Imam Mahdi Association of Marjaeya (I.M.A.M.). p. 227. ISBN . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-06-22. สืบค้นเมื่อ 2018-10-19.
- (1983). "The House of God". Muhammad: His Life Based on the Earliest Sources. . ISBN .
- Mufti, Imam. "The Story of Abraham (part 5 of 7): The Gifting of Hagar and Her Plight". www.islamreligion.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2019-08-29.
- (2009). "Reading The Qurʾan As Homily: The Case of Sarah's Laughter". ใน Marx, Michael; ; Sinai, Nicolai (บ.ก.). The Qurʾān in Context: Historical and Literary Investigations into the Qurʾānic Milieu. Texts and Studies on the Qurʾān. Vol. 6. Leiden: . pp. 585–592. doi:10.1163/ej.9789004176881.i-864.158. ISBN . ISSN 1567-2808. สืบค้นเมื่อ 17 January 2021.
- อัลกุรอาน 11:69–72
- Easton's Bible Dictionary "Machpelah"
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
sarah chuxekid saray epnpuchniybukhkhl aela phuephyphrawcna inphrakhmphiribebil sungepnbukhkhlsakhyinsasnaxbrahm aemwakhwamechuxtang khxngxbrahmcaphrrnnathungethxaetktangkn sasnayuday sasnakhrist aela xislam lwnphrrnnathunglksnanisykhxngethxinthanxngediywkn echn striphuekhrngsasna michuxesiyngindanimtricitaelakhwamngam phrryaaelanxngsawtangmarda khxngxbrahm aelamardakhxngxisxkhsarahש ר ה phaphkhxngsarah aela xbrahmekidsarayesiychiwitehobrnsusankhusmrsxbrahmbutrxisxkhbidamardaethrah bida yati phichaytangmarda olth hlanchay xichmaexl butrbuythrrm inphrakhmphirhibrukhaaenanakhxngxbram txsaray ody James Tissot p 1896 1902 trakul tamhnngsuxpthmkal 20 12 inkarsnthnakbxabiemelkh kstriyfilisetiy aehngekrar xbrahmepidephywasarahepnthngphrryaaelanxngsaw tangmardakhxngekha odyrabuwathngsxngmibidarwmknaetimidmimardarwmkn txmashphaphdngklawthukhamxyangchdecninhnngsuxelwiniti elwiniti 18 9 HE nicathaihsarahepnbutrikhxngethrah aelaimichnxngsawtangmardakhxngxbrahmethann aetyngrwmthung haran aela naohrdwy ethxkhngcaepnpakhxng milkhah xiskhah aela ebthuexl thngthangsayeluxdaelakaraetngngan ethxmibutrdwykn 1 khn khux xisxkh hlngcakethxesiychiwit xbrahmaetngngankbekhthurah sungnkwichakardanphrakhmphiribebilthkethiyngkn nnkhux ethxkhux hakar cringhruxim aelaethxmilukxikxyangnxyhkkhn eruxngela ineruxngelainphrakhmphir sarahepnphrryakhxngxbrahm insxngsthanthiinkarelaeruxng ekhaklawwasarahepnnxngsawkhxngekha pthmkal 12 10 thung 13 1 inkarephchiyhnakbfaorh aelapthmkalthi 20 inkarephchiyhnakbxabiemelkh emuxruwasarahepnkhnngamaelaklwwafaorhcakhaxbrahmephuxxyukbsarah xbrahmcungkhxihsarahbxkfaorhwaethxepnnxngsawkhxngekha pthmkal 17 edimethxmichuxwa saray inkarelaeruxngphnthsyyakhxngchinswn inpthmkalbththi 17 inrahwangthiphraeyohwahthrngsyyakbxbramwaekhaaelasaraycamibutrchaykhnhnung xbramthukepliynchuxepnxbrahm aelasaraythukepliynchuxepnsarah miniruktisastrphunban thixthibaychuxekaaelachuxihm 22 xxkedinthangcakexxr ethrahkbxbram tamchuxeriyktxnnn sarayaelaolthxxkedinthangipkhanaxn aetaewaphkinthiaehnghnungchux sungethrahxasyxyucnkrathngekhaesiychiwitemuxxayuid 205 pi phraeyohwahtrskbxbramihxxkcakbanemuxngaelabanbidakhxngekhaipyngdinaednthiekhacaaesdngihekhaehn odysyyawacathaihekhaepnchnchatiihy xwyphrekha srangchuxihyingihy xwyphrphuthixwyphrekha aelasapaechngphusapaechngekha tamkhasngkhxngphraeca xbramphaphrryakhxngekha saray hlanchaykhxngekhaolth tlxdcnthrphysmbtiaelathas thiphwkekhaidma edinthangipyngechekhm inkhanaxn xbramxayu 75 piinewlani faorh saray thuknatwipthiwngkhxngfaorh ody James Tissot mikarkndarxaharxyangrunaernginaephndinkhanaxn xbramkbolthaelakhrxbkhrwkhxngphwkekhacungedinthanglngitipyngxiyipt rahwangedinthangipxiyipt xbramsngihsarayrabuwatnepnnxngsawethann ephraaekrngwachawxiyiptcakhaekhaephuxaeyngchingphrrya odyklawwaemuxiklcaekhaxiyipt xbramkphudkbnangsarayphrryakhxngthanwa niaena chnruwaethxepnhyingrupngam emuxkhnxiyiptehnethx phwkekhacawa hyingkhnniepnphrryakhxngekha aelwkcakhachnesiy aetcaiwchiwitethx khxihbxkwaethxepnnxngsawkhxngchn ephuxekhacaidthaditxchnephraaethx aelachncaidrxdchiwitephraaethx emuxphatwekhaefafaorh saraybxkwaxbramepnphichaykhxngethx aelakstriykrbethxekhaipinwngkhxngekhaaelamxbkhxngkhwymakmayihkbxbramaelaekhruxnghmayaehngkhwamaetktang xyangirktam phraecathrngihrachwngskhxngfaorhprasbphyphibtiihyhlwng faorhcungruwanangsarayepnphrryakhxngxbram cungsngihthngsxngxxkcakxiyiptthnthi hakaraelaxichmaexl karenrethshakar karaekaslk ehnsarahmxngipthangsay hlngcakxasyxyuinkhanaxnepnewlasibpiaelayngimmibutr sarayesnxwaxbramcamilukkbhakar sawich chawxiyiptkhxngethx sungekhakehndwy singnisngphlihekidkhwamtungekhriydrahwang saray aela hakar aela saray bnkbsamikhxngethxwasawichimekharphethxxiktxip mixyuchwnghnung hakarhnicaknayhyingkhxngethx aetklbmahlngcakthutswrrkhplxboynethx nangihkaenidbutrchux xichmaexl emuxxbramxayuidaepdsibhkpi xisxkh inpthmkab 17 emuxxbramxayuidekasibekapi phraecaidprakaschuxihmkhxngekhawa xbrahm bidakhxnghlaychati aelaihsyyakarekhasuhntaekekha phraecaprathanchuxihmihsaraywa sarah aelathrngxwyphrethx xbrahmidrbkarrbrxngwasarahcamibutrchaykhnhnung hlngcaknnimnan chaysamkhnmaeyiymxbrahmaelasarah phumaeyuxnkhnhnungbxkxbrahmwaemuxekhaklbmainpihna sarahcamibutrchaykhnhnung khnathixyuthithangekhaetnth sarahidyinsingthiphud ethxhweraakbtwexngekiywkboxkasthicamilukinwyediywkn phumaeyiymthamxbrahmwathaimsarahthunghweraaeyaakhwamkhideruxngkarmibutr ephraaxayukhxngethximtangkbphraecaely imnannangsarahktngkhrrphaelaihkaenidbutrchayaekxbrahmtamewlathitrsiw xkhrbidr sungkhnannmixayuhnungrxypi tngchuxedkkhnnnwa xisxkh hibru yitschaq esiynghweraa aelaihekhasuhntemuxekhaxayuidaepdwn sahrbsarah khwamkhidthicakhlxdaelaihnmlukemuxxayumakaelw thaihethxhweraamakechnkn khnathiethxprakaswa phraecathrngthaihchnhweraa ephux thukkhnthiidyincahweraaipkbchn xbrahmcdnganeliyngihyinwnthixisxkhtxnghyanm inrahwangnganeliyngniexngthisarahbngexiyecxxichmaexlwyrunlxeliynxisxkh aelarusukkrawnkrawayicmakthiethxkhxihekhaaelahakarthukenreths intxnaerkxbrahmrusukimsbayickberuxngniaetklbicxxnemuxphraecabxkihthatamthiphrryakhx khwamtay sarahesiychiwitemuxxayu 127 pi aelaxbrahmsuxthidinphrxmthaiklemuxngehobrn cakexforn chawhititht ephuxfngethx sungepnthidinaehngaerkkhxngchawxisraexlinkhanaxntameruxngelainphrakhmphirmummxngthangsasnainsasnayuday sarah prakttwkhrngaerkinhnngsuxpthmkal inkhnathi aela xkkadah ihkhaxthibayephimetimekiywkbchiwitaelabthbathkhxngethxin sasnayuday aelarupaebbbrrphburuskhxnglththiyahewh ethxekidinnam saray hibru ש ר י inemuxng hrux Ur of the Chaldees sungechuxknwaxyuin xirk inpccubn 1 958 Anno Mundi tam ptithinhibru ethxepnbutrsawkhxngharan aelaepnhlansawkhxngethrah phubucharupekharph thibuchaethphecaaehngdwngcnthr aelaepnkhnrbichradbsungkhxngnimord kstriyaehngchinar hrux emosopetemiy chuxkhxngethxepnrupphuhyingkhxng sar hibru ש ר aeplwa pramukh hrux ecachay phanthangethrah ethxnacaepnthayathrunthi 10 khxngonxah thiyngmichiwitxyu xasyxyuinethuxkekhaxarart aelamixayumakkwaekastwrrsinewlathiethxekid immikarraburaylaexiydekiywkbchiwitkhxngethxhruxkhwamechuxthangsasnakhxngethxkxnthixbrahmcaklbmathiexxrksdim ephuxkhdkhwangkhwamphyayamkhxng Nimrod thicaprakastwexngwaepnphraeca epnthithrabknwaethxidaetngngankbxbrahm hruxthieriykknwaxbram sungmixayurahwangsisibhapi aelahlngcakthisamikhxngethxthaihnimordxbxayinthisatharna ethxaelaethrahphxkhxngethx olth hlanchaykaphrakhxngethx khnichkhxngethx aelaxikpramansamrxykhn thingexxrksdim iwthikhanaxn sungepnliaewnt inpccubn ephuxchwyxbrahmcakaephnkarkhxngnimordthicathalayekha sungidrbbychacakphrayahewh rahwangthangipkhanaxn phwkekhaaewathiemuxng praethsturkiinpccubn odytngrkrakxyuthinnpraman 20 pi cnkrathngphraeyohwahthrngkratunihphwkekhaedinthangtxip phwkekhacungthingethrahiwebuxnghlng ephuxdaeninchiwittamsmykhxngekha aelaedinthangphan aela thngsxngemuxnginekhtewstaebngk inpccubn aelaemuxkarkndarxaharekid khuninphumiphakh ipcnthung xiyipt praethsxiyiptinpccubn khnathixyuinemuxngxiyipt khwamngamkhxngsarahdungdudkhwamsnickhxngfaorh aelaxbrahm odyklwwachawxiyiptcakhaekhahakruwasarahaetngngankbekha cungaenanatwexngwaepnphichaykhxngethx dngnn faorhcungmxbthrphysmbtimakmayihxbrahminrupkhxngpsustw aela thas rwmthng hakar ephuxthiekhacaidrbsarahepnnangbaerx ephuxxyuinphrarachwngkbekha sahrbkarlwnglaemidodyimectnakhxngfaorhtxxbrahm ekhaaelasmachikinkhrweruxn kalngpwydwyorkhrabad ykewnsarah faorhcungtrahnkwaxbrahmkhuxsamikhxngsarah imichaekhphichaykhxngethxethann aemwaxbrahmcacngichlxklwngfaorh aetfaorhkimlngothsxbrahmaelaimtxngkarkhunthrphysmbtithixbrammxbihephuxaelkkbsarah xyangirktam ekhasngihphwkekhaxxkcakxiyipt hlngcakxxkcakxiyiptaelw olthkaeykthangknexng inthisudekhaklnghlkpkthanthiemuxngosodm enuxngcakmikhxkhdaeyngekiywkbpsustw phwkekhaklbmathikhanaxn hnungthswrrsphanipethxkbxbrahmkimmiluk dngnn nangsarahcungesnxnanghakar thashyingkhxngnangihepnnangbaerxkhxngsami ephuxekhacaidmibutr hakartngkhrrphxichmaexl rahwangkartngkhrrphkhxnghakar khwamsmphnthkhxngsarahaelahakaraeylngxyangrwderw odysarahtbethxaelahakarhniekhaipinthaelthrayephuxhlikeliyngethx klbmatamkhaaenanakhxngthutswrrkhethann phraeyohwahtrskbxbrahmwasarahcaihbutrchaykhnhnungaekekha sarahxayuekasibpiaelwhweraakbkhwamkhidni aettamkhathanay nangtngkhrrphxisxkh aelanangkeliyngduekhaexng inthisudethxcaeriykrxngihxbrahmsnghakaraelaxichmaexlxxkip xbrahmcungenrethsphwkekhaaelasngphwkekhaipyngthaelthray chwngewlahnunghlngcakkarihkaenidkhxngxichmaexl aetkxnthicaekidkhxngxisxkh sarahaelaxbrahmedinthangip tamthixthibayiwinpthmkalbththi 20 sungehtukarntang ekidkhunsungsathxnehtukarnthiekidkhunthimisraxim sungkstriyxngkhhnungsungkhrawnikhux xabiemelkh snicintwsarah ephraakhwamngamkhxngethx aelaechnediywkbthiekhaekhythainemuxngmisraxim xbrahmcungaesdngtnepnphichaykhxngethxaethnthicaepnsamikhxngethx aeladwykhwamechuxthiwaxabiemelkhthiyngimaetngngankhxngethxcungrbethxekhaipinbankhxngethxehmuxnthifaorhthrngmi aetkhrawniphraeyohwahthrngekhaaethrkaesngkxnthiphraxngkhcaaetatxngsarah khwamfnaelaorkhrabad xabiemelkhephchiyhnakbxbrahmdwykhwamokrththikarokhkkhxngekhathaihekhaywyuphraphiorthkhxngphraeca aetechnediywkbfaorh ekhaidmxbthrphysmbtimakmayihkbxbrahm chaythngsxngcakkndwyimtri odyxbrahmklawwaekhacaswdxxnwxnihkstriysungimmibutraelaimmithayath klawknwasarahesiychiwitemuxxayuidhnungrxyyisibecdpi swnhnungekidcakehtukarnphukmdkhxngxisxkh ethxthukfngxyuinemuxngehobrn in insasnaxislam saeraah in karphrrnnathungkhxngxislamkhxngsarah hrux saeraah sungimmichuxinkhmphirxlkurxan ehmuxnkarphrrnnakhxngethxinsasnayudayaelasasnakhrist odythiethxepnphuhyingthidi epnyatiaelaphrryakhxngxbrahm phusunghlngcakepnhmnmahlaypi idrbphrihmibutrchaykhnhnung nbixishak xisxkh xyangirktam khwamaetktangthiehnidchdecnmixyuinphaphkhwamsmphnthrahwangethxkbnbixibrxhim nanghayr aelanbixismaxil nangimidthukmxngepnnxngsawkhxngnbixibrxhim aetepnlukphiluknxngkhnhnungkhxngthan sungklawknwaepnbutrikhxngharxn nxngchaykhxngxasr aelahayrimidaesdngepnnayhyingkhxngnbixibrxhim aetepnphrryakhnthisxng sungchwykhcdkhwamrusukepnstruthisaeraahrusuktxhayrrahwangtngkhrrphnbixismaxil susankhxngsaeraah phrryakhxngnbixibrxhim inmsyidxibrxhim khmphirkurxanyngelaeruxngrawinphrakhmphirsaxikwa saeraahhweraaemuxnangidrbsasncakphraecathiyunynkartngkhrrphkhxngnang aemwainkhmphirkurxankhxkhwamnicathukprakasody malaxikah imichodyphraecaexng aelaaennxnbrrdathutkhxngeraidmayngxibrxhimphrxmthngkhawdi phwkekhaklawwa khxkhwamsanticngmiaedthan ekha xibrxhim klawwa khxkhwamsanticngmiaedphwkthan dngnnekhamiidrirxthicanalukwwyangxxkma khrnemuxekhaehnwamuxkhxngphwkekhaimthungmnekhaimphxicaelarusukklwphwkekha phwkekhaklawwa xyaklwely aethcringerathuksngmayngklumchnkhxnglut aelaphriyakhxngekhayunxyuaelw nangkhweraaeracungaecngkhawdiaeknangdwy karidbutrchux xishakaelahlngcakxishakkhuxyaxkub nangklawwa ox aeplkaeth chncamibutrhrux khnathichnaekaelw aelanisamikhxngchnkaekhngxmaelw aethcringniepneruxngprahladaeth xlkurxan sueraahthi 11 hud xayahthi 69 72susankhxngsarahsusankhxngsarah pi 1911 echuxknwasarahthukfngxyuin chawyiwruckkninchux thamkheplah briewnnitngxyuinemuxngobranehobrn epnsthanthiskdisiththixndbsxngsahrbchawyiw rxngcakphuekhaphrawihar inkrungeyrusaelm aelayngepnthiekharphnbthuxkhxngchawkhrist aelachawmuslim sungthngsxngaehngmipraephnithiyunynwasthanthiniepnsthanthifngsph khxngsamkhuinphrakhmphir xbrahmkbsarah xisxkhkb yaokhbkblixahxangxinghibru ש ר ה Sara Sara xahrb س ار ة Sarah ש ר י Saray Sarah Sarai Bible Jewish Women s Archive jwa org 20 12 3 4 Bible Gateway passage Genesis 20 12 New King James Version Bible Gateway subkhnemux 2019 08 28 Ishmael Abraham s Other Son Chabad subkhnemux 2019 08 28 Clifford Richard J Murphy Roland E 1990 2 Genesis in Brown Raymond E Fitzmyer Joseph A Murphy Roland E b k The New Jerome Biblical Commentary Englewood Cliffs NJ Prentice Hall ISBN 0 13614934 0 Genesis 11 27 11 32 HE Genesis 12 1 3 9 Genesis 12 4 HE bibleverse Genesis 12 11 13 NIV Genesis 12 14 17 HE Genesis 12 18 20 HE Genesis 16 1 6 HE Genesis 16 7 16 HE Genesis 17 1 27 HE 21 4 9 4 Genesis 21 9 HE 21 10 HE 4 Genesis 21 12 HE Genesis 20 12 www sefaria org subkhnemux 2020 06 14 See Rashi commentary If however you ask But was she not his brother s daughter see chapter 11 29 and so she was granddaughter of Terah Abraham s father then I reply one s children s children are considered as one s own children Abraham The Genesis narrative in the light of recent scholarship Encyclopedia Britannica Arastu Shaykh Rizwan 2014 Imam Mahdi Association of Marjaeya I M A M p 227 ISBN 97 8 0 6 92 21411 4 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2019 06 22 subkhnemux 2018 10 19 1983 The House of God Muhammad His Life Based on the Earliest Sources ISBN 978 0042970509 Mufti Imam The Story of Abraham part 5 of 7 The Gifting of Hagar and Her Plight www islamreligion com phasaxngkvs subkhnemux 2019 08 29 2009 Reading The Qurʾan As Homily The Case of Sarah s Laughter in Marx Michael Sinai Nicolai b k The Qurʾan in Context Historical and Literary Investigations into the Qurʾanic Milieu Texts and Studies on the Qurʾan Vol 6 Leiden pp 585 592 doi 10 1163 ej 9789004176881 i 864 158 ISBN 978 90 04 17688 1 ISSN 1567 2808 subkhnemux 17 January 2021 xlkurxan 11 69 72 Easton s Bible Dictionary Machpelah