เลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง (อังกฤษ: subarachnoid hemorrhage, SAH, ออกเสียง: /ˌsʌbəˈræknɔɪd ˈhɛm (ə) rɪdʒ/) คือการมีเลือดออกที่ระหว่างเยื่อหุ้มสมองชั้นกลางกับชั้นในซึ่งอยู่รอบ ๆ สมอง อาจเกิดขึ้นได้เอง หรือจากการแตกของหลอดเลือดสมองโป่งพอง หรือเกิดจากอุบัติเหตุกระทบกระเทือนศีรษะก็ได้
เลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง (Subarachnoid hemorrhage) | |
---|---|
ชื่ออื่น | Subarachnoid haemorrhage |
ภาพซีทีสแกนแสดงให้เห็นเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง เห็นเป็นบริเวณสีขาวมีศรชี้กลางภาพ ซึ่งบ่งบอกว่ามีเลือดออกตรงกลางสมอง ไหลซึมไปยังทั้งสองข้าง | |
การออกเสียง | |
สาขาวิชา | ประสาทศัลยศาสตร์ |
อาการ | , อาเจียน, ระดับการรู้สึกตัวลดลง |
ภาวะแทรกซ้อน | เกิดสมองขาดเลือดขึ้นภายหลัง, , ชักs |
ประเภท | ชนิดเกิดจากการบาดเจ็บ และ ชนิดเกิดขึ้นเอง (จากหลอดเลือดสมองโป่งพอง, จากไม่ใช่หลอดเลือดสมองโป่งพอง, เพริมีเซนเซฟาลิก) |
สาเหตุ | , หลอดเลือดสมองโป่งพอง |
ปัจจัยเสี่ยง | ความดันเลือดสูง, การสูบบุหรี่, การดื่มสุรา, การใช้โคเคน |
วิธีวินิจฉัย | ซีทีสแกน, การตรวจน้ำไขสันหลัง |
โรคอื่นที่คล้ายกัน | เยื่อหุ้มสมองอักเสบ, ไมเกรน, ลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำสมอง |
การรักษา | การผ่าตัดหรือ |
ยา | , |
พยากรณ์โรค | อัตราเสียชีวิตที่ 30 วัน อยู่ที่ 45% (ชนิดที่เกิดจากหลอดเลือดสมองโป่งพอง) |
ความชุก | 1 ใน 10,000 ต่อปี |
อาการของการมีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางอาจมีเช่นอาการปวดศีรษะรุนแรงเฉียบพลัน คลื่นไส้ อาเจียน หรือซึมลง บางครั้งอาจชักได้ ยืนยันการวินิจฉัยด้วยการใช้การถ่ายภาพรังสีส่วนตัดอาศัยคอมพิวเตอร์หรือบางครั้งอาจทำได้ด้วยการเจาะตรวจน้ำไขสันหลัง การรักษาทำโดยการผ่าตัดอย่างทันท่วงที อาจด้วยการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะหรือการใช้รังสีช่วยในกระบวนการรักษา ร่วมกับการใช้ยาและการรักษาอื่น ๆ เพื่อป้องกันการเกิดเลือดออกซ้ำและป้องกันภาวะแทรกซ้อนของการมีเลือดออก เคยมีการรักษาหลอดเลือดโป่งพองด้วยการผ่าตัดในช่วงประมาณหลังปี ค.ศ. 1930 แต่ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1990 เป็นต้นมา การรักษาหลอดเลือดโป่งพองส่วนใหญ่ทำโดยวิธีรักษาที่รุกล้ำร่างกายน้อยกว่าอย่างการใช้ลวดขดซึ่งทำโดยการสอดลวดพิเศษเข้าไปทางหลอดเลือดขนาดใหญ่
การมีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางเป็นโรคหลอดเลือดสมองอย่างหนึ่งซึ่งคิดเป็น 1–7% ของโรคหลอดเลือดสมองทั้งหมด ถือเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่อาจทำให้เสียชีวิตหรือทุพพลภาพได้รุนแรงแม้จะได้รับการวินิจฉัยและรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็ตาม ผู้ป่วยเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางเกือบครึ่งนั้นเสียชีวิต และ 10–15% เสียชีวิตก่อนมาถึงโรงพยาบาล ผู้ที่รอดชีวิตนั้นก็มักมีความสูญเสียทางระบบประสาทหรือการรับรู้
อาการและอาการแสดง
อาการตามแบบฉบับของเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางคือการมีอาการปวดศีรษะรุนแรงเฉียบพลัน เหมือนโดนเตะเข้าที่หัว ("like being kicked in the head") หรือปวดหัวรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยประสบมาในชีวิต ("worst ever") ซึ่งเวลาที่เริ่มเป็นถึงเป็นมากที่สุดใช้เวลาเป็นนาทีหรือวินาที อาการปวดศีรษะนี้มักปวดตุ้บ ๆ ตามจังหวะเต้นหัวใจไปยังบริเวณท้ายทอย (occiput) ผู้ป่วยหนึ่งในสามไม่มีอาการอย่างอื่นนอกจากอาการปวดศีรษะลักษณะที่ว่านี้ และผู้ป่วยหนึ่งในสิบมาพบแพทย์ด้วยอาการนี้ซึ่งต่อมาภายหลังจึงได้รับการวินิจฉัยเป็นเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง อาจมีอาการอาเจียน และ 114 มีอาการชัก อาจมีอาการสับสน ซึม หรืออาจถึงขั้นโคม่าได้ รวมทั้งอาจมีอาการคอแข็งเกร็งหรืออาการแสดงของการระคายเคืองเยื่อหุ้มสมองได้ อาการคอแข็งมักปรากฏขึ้นประมาณหกชั่วโมงหลังเริ่มมีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง การมีรูม่านตาเพียงข้างเดียว (isolated dilation of a pupil) และการไม่มีรีเฟลกซ์รูม่านตาตอบสนองต่อแสง () อาจสะท้อนถึงการมี (brain herniation) ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของ (increased intracranial pressure) อาจมีเลือดออกในลูกตา () จากการตอบสนองต่อความดันที่ขึ้นสูงอย่างรวดเร็วได้ โดยการมีเลือดออกใต้ชั้นไฮยาลอยด์ (subhyaloid hemorrhage) และเลือดออกในน้ำวุ้นลูกตา (vitreous hemorrhage) อาจตรวจพบได้ด้วยการตรวจส่องตา (fundoscopy) นี้เรียกว่ากลุ่มอาการเทอร์สัน () พบในผู้ป่วย 3–13% และพบมากขึ้นตามความรุนแรงของเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง
การทำงานผิดปกติของเส้นประสาทกล้ามเนื้อตา (หนังตาตก ลูกตาอยู่ในตำแหน่งมองค้างไปทางด้านล่างเฉียงออกด้านนอกของใบหน้า) หรืออาการชาอาจบ่งชี้ว่ามีเลือดออกจาก อาการชักยังเป็นอาการที่พบได้บ่อยหากเลือดนั้นออกมาจากหลอดเลือดโป่งพอง นอกจากนี้แล้วค่อนข้างเป็นการยากที่จะทำนายตำแหน่งที่เลือดออกจากอาการแสดงที่ปรากฏ ภาวะเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางในผู้ป่วยที่แข็งแรงดีมาตลอดมักใช้เป็นการวินิจฉัยรูปผิดปกติของหลอดเลือดแดงและดำได้
ผลจากการมีเลือดออกนี้จะทำให้ร่างกายหลั่งอะดรีนาลีนและฮอร์โมนอื่นที่ใกล้เคียงกันออกมาเป็นจำนวนมาก ทำให้มีความดันโลหิตเพิ่มสูง หัวใจทำงานหนัก เกิดมีปอดบวมน้ำเหตุระบบประสาท (neurogenic pulmonary edema) หัวใจเต้นผิดจังหวะ การเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (27%) และภาวะหัวใจหยุด (3%) ได้อย่างรวดเร็วหลังเกิดเลือดออก
เลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางอาจเกิดในผู้ประสบอุบัติเหตุกระทบกระเทือนศีรษะได้ อาการของผู้ป่วยกลุ่มนี้อาจมีเช่น ปวดศีรษะ ซึม อ่อนแรงครึ่งซีก ภาวะเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางนี้เกิดขึ้นบ่อยในการบาดเจ็บของสมอง หากมีการเปลี่ยนแปลงของระดับการรู้สึกตัวด้วยจะมีความสัมพันธ์กับการมีพยากรณ์โรคที่แย่
การวินิจฉัย
การตรวจภาพถ่ายรังสี
การประเมินผู้ป่วยที่สงสัยว่าจะมีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางในเบื้องต้นคือการซักประวัติและตรวจร่างกายซึ่งมีจุดประสงค์หลักเพื่อประเมินว่าอาการที่นำผู้ป่วยมาพบแพทย์นั้นเป็นผลจากการมีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางหรือสาเหตุอื่น อย่างไรก็ดีแพทย์ไม่อาจให้การวินิจฉัยภาวะนี้ได้จากการตรวจทางคลินิกเพียงอย่างเดียวดังนั้นการตรวจภาพรังสีทางการแพทย์จึงมีความจำเป็นไม่เพื่อยืนยันการมีเลือดออกก็เพื่อคัดออก การตรวจที่นิยมเลือกใช้เป็นอันดับต้น ๆ คือการตรวจด้วยการถ่ายภาพรังสีส่วนตัดอาศัยคอมพิวเตอร์ (CT scan) ของสมอง ซึ่งเป็นการตรวจที่มีความไวสูงโดยสามารถตรวจพบภาวะนี้ได้อย่างถูกต้องได้ถึงกว่า 95% โดยเฉพาะหากได้รับการตรวจในวันแรกที่มีเลือดออก การสร้างภาพด้วยเรโซแนนซ์แม่เหล็ก (MRI) อาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีความไวมากกว่าหากตรวจผู้ป่วยที่มีอาการมาหลายวัน การศึกษาวิจัยชิ้นหนึ่งรายงานว่าหากทำ CT ภายใน 6 ชั่วโมงหลังเริ่มมีอาการ จะมีความไวในการตรวจพบเลือดออกสูง 100%
การเจาะน้ำไขสันหลัง
การเจาะน้ำไขสันหลังอาจทำให้พบหลักฐานของการมีเลือดออกได้ในผู้ป่วย 3% ที่ผลตรวจ CT ปกติ ดังนั้นจึงถูกกำหนดให้เป็นการตรวจที่จำเป็นต้องทำในผู้ป่วยที่สงสัยว่าจะมีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางแต่ผลภาพสมองปกติ โดยอย่างน้อยต้องเก็บตัวอย่างน้ำไขสันหลังให้ได้ 3 ขวด หากมีจำนวนเม็ดเลือดแดงมากกว่าปกติในทั้ง 3 ขวดจะเป็นการบ่งชี้ว่ามีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง ถ้าจำนวนไม่เท่ากันโดยค่อย ๆ ลดลงในแต่ละขวด จะแสดงว่าเลือดน่าจะมาจากการบาดเจ็บของหลอดเลือดขนาดเล็กระหว่างการทำหัตถการมากกว่า ("traumatic tap") ตัวอย่างน้ำไขสันหลังที่เก็บได้จะถูกนำไปตรวจว่ามี xanthochromia () หรือการที่น้ำไขสันหลังที่ผ่านแล้วมีสีเป็นสีเหลือง การตรวจที่มีความไวมากกว่าคือการตรวจด้วย ซึ่งเป็นการตรวจการดูดกลืนคลื่นแสงในความยาวคลื่นต่าง ๆ เพื่อตรวจว่ามีบิลิรูบินซึ่งเป็นผลผลิตจากการย่อยสลายเฮโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงหรือไม่ การตรวจหา xanthochromia และการตรวจด้วย spectrophotometry ยังคงเป็นวิธีที่เชื่อถือได้ในการตรวจหาเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางหลังจากเริ่มมีอาการปวดศีรษะมาหลายวัน แต่ต้องทำหลังจากปวดศีรษะอย่างน้อย 12 ชั่วโมง เนื่องจากกว่าที่เฮโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงจะถูกเปลี่ยนเป็นบิลิรูบินนั้นต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง
จากการที่มีผู้ป่วยที่มาห้องฉุกเฉินด้วยอาการปวดศีรษะรุนแรงเฉียบพลันเพียง 10% เท่านั้นที่มีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง จึงต้องมีการคิดถึงสาเหตุอื่น ๆ ไว้ด้วยเสมอ สาเหตุอื่น ๆ เหล่านี้เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ไมเกรน และลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำสมอง (cerebral venous sinus thrombosis) ภาวะเลือดออกในสมองใหญ่ (intracerebral hemorrhage) ซึ่งมีเลือดออกในเนื้อสมองนั้นพบบ่อยกว่าถึงสองเท่าและมักได้รับการวินิจฉัยผิดเป็นเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง ไม่บ่อยนักที่จะมีการวินิจฉัยเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางผิดไปเป็นไมเกรนหรือการ (tension headache) ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้รับการตรวจ CT scan ช้ากว่าที่ควร งานวิจัยปี ค.ศ. 2004 พบว่าเกิดกรณีเช่นนี้สูงถึง 12% ของผู้ป่วย ส่วนใหญ่เกิดกับผู้ป่วยที่มีเลือดออกเป็นบริเวณน้อยและไม่มีการเปลี่ยนแปลงของสภาพจิต การวินิจฉัยล่าช้าจะนำไปสู่ผลการรักษาที่ไม่ดี ผู้ป่วยบางรายอาจหายจากอาการปวดศีรษะได้เองโดยไม่มีอาการอื่นหลงเหลือ อาการปวดศีรษะเช่นนี้ถูกเรียกว่าอาการปวดศีรษะแสดงเบื้องต้น ("sentinel headache") เนื่องจากเชื่อกันว่าเกิดจากการมีเลือดไหลจากหลอดเลือดโป่งพองเป็นปริมาณน้อย ๆ อาการปวดศีรษะแสดงเบื้องต้นเช่นนี้ควรได้รับการตรวจเพิ่มเติมด้วย CT scan และการเจาะหลังเนื่องจากอาจมีเลือดออกเพิ่มเติมได้ในเวลาสามสัปดาห์
การฉีดสีหลอดเลือด
เมื่อยืนยันการวินิจฉัยเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางแล้วจะต้องหาตำแหน่งที่เกิดเลือดออก หากจากภาพตรวจ CT scan บ่งชี้ว่าเลือดน่าจะออกจากหลอดเลือดโป่งพองแล้วมีทางเลือกระหว่างการฉีดสีหลอดเลือดสมอง ( —ฉีดเข้าหลอดเลือดสมองแล้วถ่ายภาพรังสี) และการฉีดสีหลอดเลือดอาศัยคอมพิวเตอร์ ( —ฉีดสารทึบรังสีเข้าหลอดเลือดแล้วทำ CT scan) เพื่อหาตำแหน่งของหลอดเลือดโป่งพอง การสอดท่อเพื่อฉีดสีอาจทำให้มีโอกาสใส่ขดลวดรักษาหลอดเลือดโป่งพองไปพร้อมกันได้
การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
ผู้ป่วยเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง 40-70% มีการเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าหัวใจ โดยอาจตรวจพบช่วง QT ยาวขึ้น, คลื่น Q, หัวใจเต้นผิดจังหวะ และ ซึ่งอาจคล้ายกับที่พบในภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้
สาเหตุ
สาเหตุของเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางที่เกิดขึ้นเอง (spontaneous) 85% เกิดจากการแตกของหลอดเลือดสมองโป่งพอง ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นที่บริเวณของหลอดเลือดสมองที่เรียกว่าและแขนงที่เกี่ยวข้อง แม้การมีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางส่วนใหญ่จะเป็นจากการมีเลือดออกจากหลอดเลือดโป่งพองขนาดเล็ก แต่หลอดเลือดโป่งพองขนาดใหญ่ซึ่งพบน้อยกว่าจะมีโอกาสแตกได้มากกว่า
ผู้ป่วยเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางที่เกิดขึ้นเองประมาณ 15–20% ตรวจไม่พบหลอดเลือดโป่งพองในการฉีดสีหลอดเลือดครั้งแรก ในจำนวนนี้ประมาณครึ่งหนึ่งเกิดจากการมีเลือดออกบริเวณรอบ ๆ สมองส่วนกลางโดยไม่มีหลอดเลือดโป่งพอง (non-aneurysmal perimesencephalic hemorrhage) ซึ่งเลือดจะออกอยู่เพียงบริเวณช่องใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางบริเวณสมองส่วนกลางเท่านั้น ซึ่งสาเหตุของการมีเลือดออกในผู้ป่วยกลุ่มนี้ยังไม่ชัดเจน ผู้ป่วยส่วนที่เหลือมักมีเลือดออกจากความผิดปกติอื่นของหลอดเลือด (เช่น รูปผิดปกติของหลอดเลือดแดงและดำ) ความผิดปกติของหลอดเลือดในไขสันหลัง และการมีเลือดออกจากเนื้องอกต่าง ๆ สาเหตุอื่น ๆ เช่น การใช้โคเคน ความผิดปกติที่เม็ดเลือดแดงเป็นรูปเคียว (sickle cell disorder) การใช้ ความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด และ (pituitary apoplexy)
ผู้ป่วยประสบอุบัติเหตุ 60% จะมีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางตรวจพบได้จาก CT scan เลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางจากการบาดเจ็บ (traumatic SAH) นี้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่บริเวณใกล้กับตำแหน่งที่เกิดหรือ ส่วนใหญ่พบร่วมกับการบาดเจ็บแบบอื่น ๆ ของสมองและมักมีพยากรณ์โรคที่ไม่ดี แต่ยังไม่แน่ชัดนักว่าพยากรณ์โรคที่ไม่ดีนั้นเป็นผลจากการมีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางโดยตรงหรือเป็นจากการบาดเจ็บอื่นที่มีการแสดงออกเป็นเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางกันแน่
การจำแนกประเภท
มีระบบจัดระดับความรุนแรงของเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางอยู่หลายระบบ แบบประเมินความรู้สึกตัวของกลาสโกว (Glasgow Coma Scale) ก็เป็นระบบที่ใช้ประเมินความรู้สึกตัวของผู้ป่วยที่ใช้กันตัวไป นอกจากนี้ยังมีระบบวัดคะแนนที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับการประเมินผู้ป่วยเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางอยู่สามแบบ แต่ละแบบกำหนดให้ตัวเลขที่มากหมายถึงการมีผลการรักษาไม่ดี แบบประเมินเหล่านี้ถูกออกแบบขึ้นโดยเปรียบเทียบลักษณะอาการของผู้ป่วยกับผลการรักษาย้อนหลัง
แบบประเมินความรุนแรงอันแรกเป็นของ Hunt และ Hess ซึ่งได้อธิบายไว้ในปี ค.ศ. 1968
ระดับความรุนแรง | อาการและอาการแสดง | อัตรารอดชีวิต |
---|---|---|
1 | ไม่มีอาการ หรือมีอาการปวดศีรษะและคอแข็งเล็กน้อย | 70% |
2 | ปวดศีรษะปานกลางถึงรุนแรง คอแข็ง ไม่มีความบกพร่องของระบบประสาทอื่นนอกจากของเส้นประสาทสมอง | 60% |
3 | ซึม มีความบกพร่องของระบบประสาทเล็กน้อย | 50% |
4 | กึ่งสลบ (stuporous) อ่อนแรงครึ่งซีกปานกลางถึงรุนแรง อาจมีอาการแข็งเกร็งแบบ decerebrate ในช่วงแรกแล้วจึงอ่อนเปลี้ยลง | 20% |
5 | โคม่าระดับลึก มีอาการแข็งเกร็งแบบ decerebrate อาการระดับตรีทูต (moribund) | 10% |
ระบบประเมินความรุนแรงของ Fisher แบ่งระดับความรุนแรงตามลักษณะของเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางที่ปรากฏให้เห็นใน CT scan แบบประเมินความรุนแรงนี้ได้รับการดัดแปลงโดย Claassen และคณะ ตามความเสี่ยงที่พบใหม่เกี่ยวกับขนาดของเลือดที่ออกและการมี (intraventricular hemorrhage) ร่วมด้วย
ระดับความรุนแรง | ลักษณะของเลือดที่ออก |
---|---|
1 | ไม่มีปรากฏให้เห็น |
2 | หนาน้อยกว่า 1 มิลลิเมตร |
3 | หนาน้อยกว่า 2 มิลลิเมตร |
4 | หนาเท่าไรก็ได้ร่วมกับมีเลือดออกในโพรงสมองหรือมีเลือดซึมเข้าในเนื้อสมอง |
ระบบจำแนกประเภทของสหพันธ์ศัลยแพทย์ระบบประสาทแห่งโลก (World Federation of Neurosurgeon, WFNS) ได้ใช้แบบประเมินความรู้สึกตัวของกลาสโกวร่วมกับความบกพร่องทางระบบประสาทเฉพาะที่ (focal neurological deficit) มาใช้ในการประเมินความรุนแรงของอาการ
ระดับความรุนแรง | คะแนนแบบประเมินกลาสโกว | ความบกพร่องทางระบบประสาทเฉพาะที่ |
---|---|---|
1 | 15 | ไม่มี |
2 | 13–14 | ไม่มี |
3 | 13–14 | มี |
4 | 7–12 | มีหรือไม่มีก็ได้ |
5 | <7 | มีหรือไม่มีก็ได้ |
Ogilvy และ Carter ได้เสนอรายละเอียดการจำแนกประเภทแบบครอบคลุมเพื่อใช้ทำนายผลและประเมินคุณภาพการรักษา ระบบนี้มีระดับความรุนแรง 5 ระดับ โดยให้แต่ละคะแนนขึ้นกับการมีหรือไม่มีปัจจัยดังต่อไปนี้: อายุมากกว่า 50, ระดับความรุนแรงตาม Hunt และ Hess ที่ 4 หรือ 5, คะแนนแบบประเมินของ Fisher 3 หรือ 4, ขนาดหลอดเลือดโป่งพองมากกว่า 10 มิลลิเมตร, และการมีหลอดเลือดโป่งพองของระบบไหลเวียนส่วนหลัง (posterior circulation aneurysm) ขนาดตั้งแต่ 25 มิลลิเมตร
การตรวจคัดกรองและการป้องกัน
ยังไม่มีหลอดเลือดสมองโป่งพองในระดับประชากรเนื่องจากเป็นโรคที่ค่อนข้างพบน้อย ไม่มีความคุ้มทุน เว้นแต่คนที่มีญาติระดับที่หนึ่งไม่ต่ำกว่าสองคนที่มีอาการจากเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางที่เกิดจากการแตกของหลอดเลือดสมองโป่งพองเท่านั้นที่การตรวจคัดกรองอาจมีประโยชน์
โรค (ADPKD) เป็นโรคไตที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมอย่างหนึ่งซึ่งพบว่ามีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคหลอดเลือดสมองโป่งพองถึง 8% แต่ส่วนใหญ่หลอดเลือดสมองโป่งพองที่พบร่วมกับโรคนี้จะมีขนาดเล็ก จึงไม่น่าเป็นสาเหตุให้เกิดการแตกได้ ดังนั้นจึงมีคำแนะนำให้ตรวจคัดกรองผู้ป่วย ADPKD ที่มีคนในครอบครัวคนหนึ่งมีอาการของการแตกของหลอดเลือดสมองโป่งพองเท่านั้น
บางครั้งอาจมีการตรวจพบหลอดเลือดสมองโป่งพองโดยบังเอิญจากการตรวจภาพสมองในเหตุอื่น เรื่องนี้ถือเป็นปัญหาที่เป็นที่ถกเถียงปัญหาหนึ่ง เนื่องจากวิธีการรักษาหลอดเลือดสมองโป่งพองแต่ละวิธีนั้นมีโอกาสที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง โครงการศึกษาวิจัยนานาชาติว่าด้วยหลอดเลือดโป่งพองในกะโหลกศีรษะที่ยังไม่ปรากฏการแตก (The International Study of Unruptured Aneurysms, ISUIA) ศึกษาข้อมูลพยากรณ์โรคทั้งในกลุ่มผู้ป่วยเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางและผู้ที่ตรวจพบหลอดเลือดโป่งพองด้วยสาเหตุอื่น ๆ พบว่าผู้ที่มีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางแล้วมีโอกาสสูงที่จะมีเลือดออกจากหลอดเลือดโป่งพองที่อื่น ๆ อีก ในทางกลับกัน ผู้ที่มีหลอดเลือดโป่งพองขนาดเล็กกว่า 10 มิลลิเมตรและไม่เคยมีเลือดออกจากหลอดเลือดโป่งพองมีโอกาสน้อยมากที่จะมีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง และมักสามารถรับการรักษาหลอดเลือดโป่งพองนั้นได้โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน จากงานวิจัย ISUIA นี้และงานวิจัยอื่น ๆ ปัจจุบันจึงถือเป็นคำแนะนำโดยทั่วไปว่าผู้ป่วยจะได้รับการพิจารณาเข้ารับการรักษาเพื่อป้องกันล่วงหน้านี้ก็ต่อเมื่อมีประมาณอายุขัยนานพอสมควรและหลอดเลือดโป่งพองนั้นมีโอกาสแตกสูง ในขณะเดียวกันก็ยังมีหลักฐานงานวิจัยเพียงไม่มากที่ยืนยันว่าการรักษาหลอดเลือดโป่งพองที่ยังไม่แตกโดยเทคนิคการสวนหลอดเลือดทำหัตถการนั้นมีประโยชน์อย่างแท้จริง
การรักษา
การดูแลรักษาผู้ป่วยประกอบด้วยการรักษาอาการไม่ให้แย่ลงและใช้การตรวจและการรักษาเฉพาะ การดูแลรักษาเหล่านี้รวมถึงการป้องกันไม่ให้มีเลือดออกซ้ำโดยอุดจุดที่ทำให้เลือดออก ป้องกันการหดเกร็งของหลอดเลือด () และการป้องกันและรักษาภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้น
การดูแลทั่วไป
การรักษาอาการผู้ป่วยไม่ให้ทรุดหนักกว่าเดิมมีความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง ผู้ป่วยที่มีการเปลี่ยนแปลงของระดับความรู้สึกตัวอาจต้องได้รับการใส่และช่วยหายใจด้วยเครื่องช่วยหายใจ ต้องมีการวัดระดับความดันโลหิต ชีพจร และคะแนนแบบประเมินความรู้สึกตัวกลาสโกวเป็นระยะ เมื่อยืนยันการวินิจฉัยแล้วผู้ป่วยอาจจำเป็นต้องย้ายเข้าหออภิบาลผู้ป่วยหนัก (ICU) ส่วนหนึ่งเนื่องจากผู้ป่วย 15% อาจมีเลือดออกเพิ่มเติมได้อีกหลังจากรับเข้าดูแลเป็นผู้ป่วยในแล้ว การให้สารอาหารก็มีความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ โดยควรให้ด้วยการกินทางปากหรือผ่านสายให้อาหารทางจมูกมากกว่าจะให้สารอาหารทางหลอดเลือด () การลดความเจ็บปวดมักทำโดยยาที่มีผลระงับประสาทน้อยอย่างเช่น codeine เนื่องจากการให้ยาระงับประสาทอาจส่งผลต่อระดับความรู้สึกตัวและทำให้ไม่สามารถประเมินการเปลี่ยนแปลงระดับความรู้สึกตัวที่เกิดจากตัวโรคได้ การเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำส่วนลึก (deep vein thrombosis) นั้นป้องกันโดยการให้ใส่ถุงน่องรัด (compression stocking) หรือการกดด้วยแรงดันลมเป็นระยะ (intermittent pneumatic compression) หรือทั้งสองอย่าง มักมีการใส่สายสวนปัสสาวะเพื่อเฝ้าระวังสมดุลของเหลวในร่างกาย อาจมีการให้ยาในกลุ่มเบ็นโซไดอาเซพีน เพื่อลดความกังวลของผู้ป่วย ถ้าผู้ป่วยรู้สึกตัวควรให้ยาต้านอาเจียน () ด้วย
การป้องกันเลือดออกซ้ำ
ผู้ป่วยที่ตรวจ CT scan พบมี (hematoma) ขนาดใหญ่ ระดับความรู้สึกตัวลดลง มีอาการเฉพาะที่ทางระบบประสาท (focal neurologic symptom) อาจได้ประโยชน์จากการผ่าตัดเอาเลือดออกหรืออุดจุดเลือดออกอย่างทันท่วงที ผู้ป่วยส่วนที่เหลือยังต้องได้รับการดูแลอาการไม่ให้ทรุดลงและตรวจด้วยการฉีดสีหลอดเลือดแดงต้นขา () หรือเอ็กซเรย์หลอดเลือดด้วยคอมพิวเตอร์ (CT angiogram) ในภายหลัง เป็นการยากที่จะทำนายว่าผู้ป่วยรายใดจะมีเลือดออกซ้ำ ทั้งนี้การมีเลือดออกซ้ำสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อและนำไปสู่พยากรณ์โรคที่แย่ เมื่อเวลาผ่านไป 24 ชั่วโมงแล้วความเสี่ยงของการมีเลือดออกซ้ำจะคงอยู่ที่ประมาณ 40% ไปอีกสี่สัปดาห์ ชี้ให้เห็นว่าการรักษาที่สำคัญคือการลดความเสี่ยงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
หากตรวจพบหลอดเลือดสมองโป่งพองจากการฉีดสีหลอดเลือด มีทางเลือกในการรักษาเพื่อลดความเสี่ยงของการมีเลือดออกเพิ่มเติมจากหลอดเลือดโป่งพองที่เดิม คือการใส่คลิป (clipping) และการใส่ขดลวด () การใส่คลิปนั้นต้องทำด้วยการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ () เพื่อหาตำแหน่งของหลอดเลือดโป่งพอง จากนั้นจึงใส่คลิปหนีบโคนหลอดเลือดโป่งพองเอาไว้ ส่วนการใส่ขดลวดนั้นทำโดยใส่ลวดเข้าไปทางหลอดเลือดขนาดใหญ่ผ่านทางการใส่สายที่ที่ขาหนีบและเดินสายผ่านหลอดเลือดแดงใหญ่เอออร์ตาไปยังและซึ่งเป็นหลอดเลือดที่เลี้ยงสมอง เมื่อระบุตำแหน่งของหลอดเลือดโป่งพองได้แล้วแพทย์จะใส่ขดลวดแพลทินัมเข้าไปเพื่อกระตุ้นให้เกิดขึ้นในหลอดเลือดโป่งพองเพื่ออุดไว้ ส่วนใหญ่การตัดสินใจเลือกวิธีการรักษาทำโดยทีมสหวิชาชีพซึ่งประกอบด้วยประสาทศัลยแพทย์ และมักมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านอื่น ๆ ด้วย
โดยปกติแล้วการตัดสินใจเลือกว่าจะรักษาด้วยการใส่คลิปหรือใส่ขดลวดนั้นทำโดยดูจากตำแหน่งและขนาดของหลอดเลือดโป่งพอง และภาวะทั่วไปของผู้ป่วย หลอดเลือดโป่งพองของ และหลอดเลือดที่เกี่ยวข้องนั้นเข้าถึงได้ยากจากการสวนหลอดเลือด จึงมักเลือกใช้การใส่คลิปมากกว่า ในขณะที่หลอดเลือดโป่งพองของหลอดเลือดแดงเบสิลา และหลอดเลือดแดงโพสทีเรียร์ซีรีบรัลนั้นเข้าถึงได้ยากจากการผ่าตัด จึงมักเลือกใช้การสวนหลอดเลือดมากกว่า การเลือกใช้วิธีการเช่นนี้ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของศัลยแพทย์ผู้ผ่าตัด การวิจัยเชิงทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมเพียงชิ้นเดียวที่ได้เปรียบเทียบวิธีการรักษาแต่ละวิธีก็เป็นการทำกับผู้ป่วยที่มีอาการค่อนข้างดีและมีหลอดเลือดโป่งพองขนาดเล็ก (ไม่เกิน 10 มิลลิเมตร) ที่หลอดเลือดแดงแอนทีเรียร์ซีรีบรัลและ (รวมกันแล้วเรียกว่า "ระบบไหลเวียนส่วนหน้า" (anterior circulation)) ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้คิดเป็นจำนวนเพียง 20% ของผู้ป่วยเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางที่มีสาเหตุมาจากหลอดเลือดสมองโป่งพอง งานวิจัยนี้ชื่อว่า International Subarachnoid Aneurysm Trial (ISAT) (การวิจัยเชิงทดลองระดับนานาชาติว่าด้วยหลอดเลือดสมองโป่งพองใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง) และได้แสดงให้เห็นว่ากลุ่มที่ได้รับการรักษาด้วยการใส่ขดลวดมีโอกาสตายหรือไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้น้อยกว่ากลุ่มที่รักษาด้วยการผ่าตัด (7.4% และ 23.5% relative risk reduction) ข้อเสียหลักของการรักษาด้วยการใส่ขดลวดคือมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดมีหลอดเลือดโป่งพองกลับเป็นซ้ำ ซึ่งพบได้น้อยมากในการรักษาด้วยการผ่าตัด ในงานวิจัย ISAT พบว่าผู้ป่วย 8.3% ต้องได้รับการรักษาเพิ่มเติมในระยะยาว ดังนั้นผู้ป่วยที่รับการรักษาด้วยการใส่ขดลวดจึงจำเป็นต้องติดตามการรักษาต่อด้วยการฉีดสีหลอดเลือดหรือวิธีอื่นๆ อีกเป็นเวลาหลายปีเพื่อให้สามารถตรวจพบหลอดเลือดโป่งพองที่เกิดขึ้นใหม่ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ งานวิจัยอื่นๆ พบมีอัตราการกลับเป็นซ้ำจนต้องมีการรักษาเพิ่มเติมมากกว่าที่พบในงานวิจัยนี้
การหดเกร็งของหลอดเลือด
การหดเกร็งของหลอดเลือด (อังกฤษ: vasospasm) จะทำให้มีเลือดไหลไปยังบริเวณที่เกิดการหดเกร็งของหลอดเลือดน้อยลง ถือเป็นภาวะแทรกซ้อนของภาวะเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางที่อันตรายมาก อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บของเนื้อสมองที่เกิดจากการขาดเลือด (ischemic brain injury) จนสมองเสียหายอย่างถาวรได้เนื่องจากการขาดออกซิเจนของเนื้อเยื่อสมอง หากรุนแรงมากอาจทำให้เสียชีวิตได้ การขาดเลือดที่เกิดขึ้นภายหลังมีลักษณะเฉพาะคือการมีที่เกิดขึ้นใหม่ อาจตรวจยืนยันได้โดยการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงผ่านกะโหลกศีรษะ (transcranial doppler) หรือสมอง (cerebral angiography) ผู้ป่วยเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางที่ต้องประมาณหนึ่งในสามจะมีการขาดเลือดที่เกิดขึ้นภายหลัง ผู้ป่วยกลุ่มนี้ครึ่งหนึ่งจะมีความเสียหายที่เกิดขึ้นถาวร การตรวจคัดกรองเพื่อค้นหาการหดเกร็งของหลอดเลือดนั้นสามารถทำได้โดยการทำ transcranial doppler ทุกๆ 24–48 ชั่วโมง โดยความเร็วของการไหลของเลือดที่ช้ากว่า 120 เซนติเมตรต่อนาทีถือว่าอาจมีการหดเกร็งของหลอดเลือดเกิดขึ้น
เป็นที่เชื่อกันว่าสามารถใช้ยากลุ่มแคลเซียมแชนแนลบล็อกเกอร์ในการป้องกันการหดเกร็งของหลอดได้โดยผ่านทางการป้องกันไม่ให้มีแคลเซียมไหลเข้าเซลล์กล้ามเนื้อเรียบ โดยยาแคลเซียมแชนแนลบล็อกเกอร์ชนิดกินอย่าง นั้นสามารถให้ผลการรักษาที่ดีได้หากได้ให้ยานี้ภายในวันที่ 4–21 หลังมีเลือดออก แม้จะไม่สามารถลดการตรวจพบการหดเกร็งของหลอดเลือดผ่านการตรวจด้วยการฉีดสีหลอดเลือด (angiography) ได้ก็ตาม สำหรับผู้ป่วยเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางที่เกิดจากอุบัติเหตุ พบว่า nimodipine ไม่มีผลในระยะยาว จึงไม่มีการแนะนำให้ใช้ มีการศึกษาการใช้ยาแคลเซียมแชนแนลบล็อกเกอร์ตัวอื่นและแมกนีเซียมซัลเฟตอยู่บ้างแต่ยังไม่เป็นที่แนะนำให้ใช้ นอกจากนี้ยังไม่มีหลักฐานว่าการให้ยา nimodipine ทางหลอดเลือดดำจะมีประโยชน์มากกว่าการให้ด้วยการกินอีกด้วย
เมื่อมีอาการของการหดเกร็งของหลอดเลือด มักมีการนำแนวทางการรักษาที่เรียกว่า Triple H มาใช้ ซึ่งได้แก่ การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำเพื่อให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง (Hypertension), ภาวะมีปริมาตรเลือดมาก (Hypervolemia) และ (Hemodilution) หลักฐานสนับสนุนแนวทางการรักษานี้ยังไม่มีข้อสรุป ยังไม่มีการวิจัยเชิงทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมชิ้นใดที่ทำเพื่อแสดงให้เห็นประโยชน์ที่เกิดจากแนวทางการรักษาแนวทางนี้
หากการรักษาด้วยยาไม่สามารถทำให้อาการของการขาดเลือดยาวนานดีขึ้นได้ อาจมีการใช้การฉีดสีหลอดเลือดเพื่อระบุตำแหน่งของหลอดเลือดที่เกิดการหดเกร็งและฉีดยาขยายหลอดเลือด () เข้าไปที่หลอดเลือดแดงเส้นนั้นโดยตรง หรืออาจทำการผ่าตัดขยายหลอดเลือด ()
ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ
อาจพบภาวะโพรงสมองคั่งน้ำ (hydrocephalus) เป็นภาวะแทรกซ้อนของเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยสามารถตรวจพบได้จาก CT scan โดยจะพบมีโพรงสมองข้าง (lateral ventricle) โตขึ้น ถ้ามีปัญหาระดับการรู้สึกตัวลดลงผู้ป่วยอาจต้องรับการเจาะหลังระบายน้ำ หรือวางสายระบายนอกโพรงสมอง (extraventricular drain) หรืออาจต้องวางทางลัดโพรงสมอง (shunt) ถาวร การที่สามารถบรรเทาภาวะโพรงสมองคั่งน้ำได้อาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นได้อย่างมาก ผู้ป่วยเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางที่นอนรักษาในโรงพยาบาลประมาณครึ่งหนึ่งมีภาวะแทรกซ้อนได้แก่ความแปรปรวนของความดันโลหิต ความผิดปกติของเกลือแร่ ปอดบวม และภาวะหัวใจล้มเหลวได้ ภาวะเหล่านี้อาจทำให้ผู้ป่วยมีพยากรณ์โรคแย่ลง
ผู้ป่วยถึงหนึ่งในสามจะชักระหว่างที่นอนรักษาในโรงพยาบาล จึงมีการให้ยากันชักกันโดยทั่วไป โดยเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ป่วย แต่การให้ยากันชักในกรณีเช่นนี้ก็ยังเป็นที่ถกเถียงและไม่มีหลักฐานที่ดีรองรับ งานวิจัยบางชิ้นบ่งชี้ว่าการให้ยาเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับพยากรณ์โรคที่ไม่ดี ซึ่งอาจเป็นจากผลเสียของการให้ยาเหล่านี้ หรือเป็นจากการที่ยาเหล่านี้มักใช้ในผู้ป่วยที่อาการหนักอยู่แล้วก็ได้
พยากรณ์โรค
อัตราเสียชีวิตและทุพพลภาพระยะแรก
ภาวะเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางมักให้ผลลัพธ์ที่ไม่ดีกับผู้ป่วย โดยมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 40-50% แต่ปัจจุบันเริ่มมีอัตราการรอดชีวิตสูงขึ้นเรื่อย ๆ ผู้ป่วยที่ไม่จำเป็นต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาลจำนวนมากกว่าหนึ่งในสี่มีความจำกัดในการดำเนินชีวิตอย่างมาก และมีจำนวนผู้ที่ไม่มีอาการหลงเหลืออยู่เลยเพียงไม่ถึงหนึ่งในห้าเท่านั้น การได้รับการวินิจฉัยล่าช้า เช่น การวินิจฉัยผิดเป็นโรคปวดศีรษะไมเกรน มีส่วนทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่ดี ปัจจัยที่ตรวจพบได้ตั้งแต่แรกรับไว้รักษาในโรงพยาบาลที่มีความสัมพันธ์กับการมีผลลัพธ์ไม่ดีมีหลายอย่าง ในจำนวนนี้เช่น การมีอาการทางระบบประสาทที่ไม่ดี มีความดันเลือดตัวบนสูง เคยเป็นโรคหัวใจมาก่อน เคยมีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางมาก่อน มีโรคตับ ตรวจ CT scan พบมีเลือดออกมากหรือมีหลอดเลือดโป่งพองขนาดใหญ่ ตำแหน่งของหลอดเลือดโป่งพองอยู่ที่ระบบไหลเวียนส่วนหลัง และการมีอายุมาก ปัจจัยที่ตรวจพบระหว่างนอนรักษาในโรงพยาบาลที่ทำให้มีพยากรณ์โรคที่ไม่ดีมีหลายอย่างเช่น มีการขาดเลือดของเนื้อสมองที่เกิดขึ้นภายหลังซึ่งเกิดจากการหดเกร็งของหลอดเลือด มีก้อนเลือดในเนื้อสมอง มีเลือดออกในโพรงสมอง และการมีไข้ขึ้นในวันที่ 8 ของการนอนรักษาในโรงพยาบาล
ผู้ป่วยเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางบางรายแม้จะได้รับการตรวจด้วยการฉีดสีหลอดเลือดทั้งสี่เส้นแล้วยังไม่พบมีหลอดเลือดโป่งพองนั้นมีพยากรณ์โรคดีกว่าผู้ป่วยเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางที่มีหลอดเลือดโป่งพอง แต่ผลตรวจเช่นนี้ยังมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงของการขาดเลือด การมีเลือดออกซ้ำ และการเกิดภาวะโพรงสมองคั่งน้ำ ในขณะที่การมีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางบริเวณรอบสมองส่วนกลาง (perimesencephalic) มีโอกาสเกิดเลือดออกซ้ำหรือการขาดเลือดที่เกิดขึ้นภายหลังน้อยมาก และมีพยากรณ์โรคดีกว่ามาก
เชื่อกันว่าพยากรณ์โรคของอุบัติเหตุกระทบกระเทือนศีรษะนั้นส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับตำแหน่งและความรุนแรงของการมีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง แต่การแยกเอาผลของการมีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางออกจากผลอื่น ๆ ของภาวะสมองกระทบกระเทือนนั้นเป็นการยาก ทำให้ไม่มีใครทราบว่าการมีเลือดใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางนั้นเป็นปัจจัยที่ทำให้พยากรณ์โรคแย่ลง หรือเป็นเพียงสัญญาณบ่งบอกว่ามีการบาดเจ็บเกิดขึ้น ผู้ป่วยภาวะบาดเจ็บของสมอง (traumatic brain injury) ระดับปานกลางและรุนแรงที่มีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางตั้งแต่แรกรับไว้รักษาในโรงพยาบาลนั้นมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตมากกว่ากลุ่มที่ไม่มีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางถึงสองเท่า นอกจากนั้นยังมีความเสี่ยงของการเกิดภาวะทุพพลภาพรุนแรงและสภาพผักเรื้อรังมากกว่าอีกด้วย นอกจากนี้เลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางที่เกิดจากอุบัติเหตุยังมีความสัมพันธ์กับตัวบ่งชี้ผลลัพธ์ที่ไม่ดีอย่างอื่น เช่น ภาวะลมชักหลังเกิดการบาดเจ็บ (post traumatic epilepsy) ภาวะโพรงสมองคั่งน้ำ และการต้องอยู่ในหออภิบาลผู้ป่วยหนักเป็นเวลานาน อย่างไรก็ดีผู้ป่วยเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางจากการบาดเจ็บที่มีคะแนนแบบประเมินกลาสโกวมากกว่า 12 นั้น 90% มีผลการรักษาดี
ยังมีหลักฐานชนิดอ่อนอยู่บ้างว่ามีปัจจัยทางพันธุกรรมที่มีผลต่อพยากรณ์โรคของการมีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง ตัวอย่างเช่น การมียีน ApoE4 (ยีนชนิดหนึ่งซึ่งถอดรหัสออกมาเป็น apolipoprotein E ซึ่งมีบทบาทในโรคอัลไซเมอร์) สองชุดนั้นดูเหมือนจะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดการขาดเลือดที่เกิดขึ้นภายหลังและนำไปสู่ผลการรักษาที่ไม่ดี ในขณะที่การเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงหลังจากมีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางนั้นทำให้มีความเสี่ยงสูงที่จะมีผลการรักษาที่ไม่ดี
ผลการรักษาระยะยาว
อาการทางระบบประสาทชั้นสูง เช่น ความรู้สึกเปลี้ย อารมณ์แปรปรวน และอาการอื่น ๆ เป็นผลตามมาที่พบได้ทั่วไป แม้ในผู้ป่วยที่มีอาการทางระบบประสาทฟื้นตัวอย่างดีก็ยังพบมีภาวะวิตกกังวล ซึมเศร้า ความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจ (PTSD) และการเสื่อมถอยของสติปัญญาได้บ่อย ผู้ป่วยเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางถึง 46% จะมีความบกพร่องของภาวะการรับรู้ที่รุนแรงถึงขั้นส่งผลต่อคุณภาพชีวิต ผู้ป่วยถึง 60% มีอาการปวดศีรษะ เลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางที่เกิดจากหลอดเลือดโป่งพองอาจทำให้มีความเสียหายต่อไฮโปทาลามัสและต่อมใต้สมอง ซึ่งทำหน้าที่สำคัญในการควบคุมและผลิตฮอร์โมนของร่างกาย ผู้ป่วยที่เคยมีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางถึงกว่าหนึ่งในสี่มีภาวะต่อมใต้สมองทำงานน้อย ทำให้มีฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองชนิดใดชนิดหนึ่งหรือหลายชนิดน้อยกว่าปกติ ฮอร์โมนเหล่านี้ เช่น โกรธฮอร์โมน (Growth hormone) เฟชเอสเอช () แอลเอช () เป็นต้น
ระบาดวิทยา
จากบททบทวนงานวิจัย 51 ชิ้น ใน 21 ประเภท พบว่าอุบัติการณ์โดยเฉลี่ยของเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางอยู่ที่ 9.1 ต่อ 100,000 ต่อปี งานวิจัยจากญี่ปุ่นและฟินแลนด์พบมีอุบัติการณ์สูงกว่าอยู่ที่ 22.7 และ 19.7 ตามลำดับ โดยยังไม่ทราบเหตุผลแน่ชัด ในทางกลับกันอเมริกากลางและอเมริกาใต้มีอุบัติการณ์น้อยกว่าอยู่ที่ 4.2 ต่อ 100,000
แม้ส่วนใหญ่ของผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางจะเป็นกลุ่มอายุที่น้อยกว่าการเกิดโรคหลอดเลือดสมองชนิดอื่น ๆ แต่ความเสี่ยงก็เพิ่มขึ้นตามอายุไม่ต่างกัน ผู้ที่มีอายุน้อยมีโอกาสเกิดเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางน้อยกว่าผู้ที่อยู่ในวัยกลางคนด้วยอัตราส่วนความเสี่ยง (risk ratio) 0.1 หรือ 10% ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นตามอายุโดยผู้มีอายุมาก (มากกว่า 85 ปี) เสี่ยงกว่าผู้มีอายุ 45–55 อยู่ 60% ผู้หญิงอายุมากกว่า 55 ปีมีความเสี่ยงมากกว่าผู้ชายอายุเท่ากันประมาณ 25% ซึ่งอาจมีความเกี่ยวข้องกับปัจจัยที่เป็นผลมาจากการ เช่นการลดลงของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน เป็นต้น
พันธุกรรมอาจมีส่วนในการทำให้บางคนเสี่ยงต่อการมีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางมากกว่าคนอื่น โดยจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 3–5 เท่าในผู้ที่มีญาติสายตรงอันดับที่หนึ่งป่วยด้วยมีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง อย่างไรก็ได้ปัจจัยเสี่ยงที่มาจากวิธีการดำเนินชีวิตมีผลต่อความเสี่ยงโดยรวมมากกว่า ความเสี่ยงเหล่านี้ได้แก่ การสูบบุหรี่ ความดันเลือดสูง และการดื่มสุรา ผู้ที่เคยสูบบุหรี่มีความเสี่ยงต่อการมีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางเป็นสองเท่าของผู้ที่ไม่เคยสูบ มีข้อมูลที่ไม่ชัดเจนนักว่าปัจจัยบางอย่างเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง ปัจจัยเหล่านี้เช่น การมีเชื้อชาติคอเคเชียน การได้รับ เบาหวาน และการมีระดับคอเลสเตอรอลมากกว่าปกติ ประมาณ 4% ของการมีเลือดออกจากหลอดเลือดโป่งพองเกิดขึ้นหลังการมีเพศสัมพันธ์ และผู้ป่วยเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง 10% เริ่มมีอาการขณะที่กำลังก้มตัวหรือยกของหนัก
โดยรวมแล้ว คนทั่วไปประมาณ 1% มีหลอดเลือดโป่งพองอยู่ ส่วนใหญ่มีขนาดเล็ก และมักไม่มีการแตกของหลอดเลือดโป่งพองเหล่านี้
ประวัติ
แม้จะมีการสังเกตเห็นอาการทางคลินิกของเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางมาตั้งแต่สมัยของฮิปโปกราเตสแล้วแต่การมีอยู่ของโรคหลอดเลือดสมองโป่งพองและข้อเท็จจริงที่ว่ามันสามารถแตกได้นั้นยังไม่เป็นที่ทราบกันจนกว่าจะถึงคริสต์ศตวรรษที่ 18 มีการอธิบายอาการที่เกี่ยวข้องเอาไว้โดยละเอียดกว่าโดยนายแพทย์ ไบรอม แบรมเวลล์ ชาวเอดินบะระในปีค.ศ. 1886 ต่อมาในปีค.ศ. 1924 เซอร์ ดร. (1890–1978) นักประสาทวิทยาชาวลอนดอนได้บันทึกอาการหลัก ๆ ของการมีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางเอาไว้อย่างครบถ้วน และเสนอให้ใช้คำว่า "เลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางเกิดเอง" (spontaneous subarachnoid hemorrhage) ไซมอนส์ ยังได้อธิบายการใช้การเจาะน้ำไขสันหลังและการมีสีออกเหลืองในการช่วยวินิจฉัยเอาไว้ด้วย
การรักษาด้วยการผ่าตัดครั้งแรกทำโดยนอร์แมน ดอตต์ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของ ดร. ฮาร์วีย์ คุชชิง ซึ่งตอนนั้นทำงานอยู่ในเอดินบะระ เขาได้เสนอการรักษาด้วยการห่อหลอดเลือดที่โป่งพอง (wrapping of aneurysm) ในช่วงราวคริสต์ทศวรรษ 1930 และเป็นผู้บุกเบิกการฉีดสีหลอดเลือดคนหนึ่ง ประสาทศัลยแพทย์ชาวอเมริกา ดร. วอลเตอร์ แดนดี ซึ่งทำงานในบอลทิมอร์เป็นผู้ที่ใช้คลิปหนีบในการรักษาเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1938 มีการนำการผ่าตัดด้วยการใช้กล้องขยายช่วย (microsurgery) มาใช้ในการรักษาหลอดเลือดโป่งพองในปี ค.ศ. 1972 เพื่อเพิ่มผลการรักษา การรักษาแบบ Triple H เริ่มนำมาใช้ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1980 โดยใช้เป็นการรักษาการขาดเลือดภายหลังที่เกิดจากการหดเกร็งของหลอดเลือด (delayed ischemia due to vasospasm) และในช่วงเดียวกันมีการวิจัยทดลองใช้ nimodipine เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนนี้ ในปี ค.ศ. 1983 ประสาทศัลยแพทย์ชาวรัสเซีย Zubkov และคณะได้รายงานการใช้บอลลูน (transluminal balloon angioplasty) ในการรักษาและป้องกันการหดเกร็งของหลอดเลือดหลังเกิดเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลางที่เกิดจากหลอดเลือดโป่งพอง ประสาทศัลยแพทย์ชาวอิตาลี ดร. กวีโด กวีลเอลมี ได้เสนอการรักษาด้วยการใช้ขดลวดในหลอดเลือดในปี ค.ศ. 1991
อ้างอิง
- อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อEM2016
- อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อCar2016
- อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อOx2007
- van Gijn J, Kerr RS, Rinkel GJ (2007). "Subarachnoid haemorrhage". Lancet. 369 (9558): 306–18. doi:10.1016/S0140-6736(07)60153-6. PMID 17258671.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Feigin VL; Rinkel GJ; Lawes CM; และคณะ (2005). "Risk factors for subarachnoid hemorrhage: an updated systematic review of epidemiological studies". Stroke. 36 (12): 2773–80. doi:10.1161/01.STR.0000190838.02954.e8. PMID 16282541.
- Suarez JI, Tarr RW, Selman WR (January 2006). "Aneurysmal subarachnoid hemorrhage". New England Journal of Medicine. 354 (4): 387–96. doi:10.1056/NEJMra052732. PMID 16436770.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Longmore, Murray; Ian Wilkinson; Tom Turmezei; Chee Kay Cheung (2007). Oxford Handbook of Clinical Medicine, 7th edition. Oxford University Press. p. 841. ISBN .
- Ramrakha, Punit; Kevin Moore (2007). Oxford Handbook of Acute Medicine (2nd ed.). Oxford University Press. pp. 466–470. ISBN .
- Warrell, David A; Timothy M. Cox; และคณะ (2003). Oxford Textbook of Medicine, Fourth Edition, Volume 3. Oxford. pp. 1032–1034. ISBN .
- McCarron MO, Alberts MJ, McCarron P (2004). "A systematic review of Terson's syndrome: Frequency and prognosis after subarachnoid haemorrhage". Journal of Neurology, Neurosurgery, and Psychiatry. 75 (3): 491–3. doi:10.1136/jnnp.2003.016816. PMC 1738971. PMID 14966173.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Allman, Keith G.; Iain H. Wilson (2006). Oxford Handbook of Anaesthesia (2nd ed.). Oxford University Press. pp. 408–409. ISBN .
- Banki NM; Kopelnik A; Dae MW; และคณะ (2005). "Acute neurocardiogenic injury after subarachnoid hemorrhage". Circulation. 112 (21): 3314–9. doi:10.1161/CIRCULATIONAHA.105.558239. PMID 16286583.
- Servadei F; Murray GD; Teasdale GM; และคณะ (February 2002). "Traumatic subarachnoid hemorrhage: demographic and clinical study of 750 patients from the European brain injury consortium survey of head injuries". Neurosurgery. 50 (2): 261–7, discussion 267–9. doi:10.1097/00006123-200202000-00006. PMID 11844260.
- Perry, JJ; Stiell, IG; Sivilotti, ML; และคณะ (18 July 2011). "Sensitivity of computed tomography performed within six hours of onset of headache for diagnosis of subarachnoid haemorrhage: prospective cohort study". BMJ (Clinical research ed.). 343: d4277. PMID 21768192.
- ศัพท์บัญญัติราชบัณฑิตยสถาน 2017-07-15 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน.
- Cruickshank A; Auld P; Beetham R; และคณะ (May 2008). . Annals of Clinical Biochemistry. 45 (Pt 3): 238–44. doi:10.1258/acb.2008.007257. PMID 18482910. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-05-30. สืบค้นเมื่อ 2010-03-12.
- Teunissen LL, Rinkel GJ, Algra A, van Gijn J (1 March 1996). "Risk factors for subarachnoid hemorrhage: a systematic review". Stroke. 27 (3): 544–9. PMID 8610327.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Kowalski RG; Claassen J; Kreiter KT; และคณะ (February 2004). "Initial misdiagnosis and outcome after subarachnoid hemorrhage". Journal of the American Medical Association. 291 (7): 866–9. doi:10.1001/jama.291.7.866. PMID 14970066.
- Nguyen H, Zaroff JG (November 2009). "Neurogenic stunned myocardium". Curr Neurol Neurosci Rep. 9 (6): 486–91. doi:10.1007/s11910-009-0071-0. PMID 19818236.
- Rinkel GJ, van Gijn J, Wijdicks EF (1 September 1993). "Subarachnoid hemorrhage without detectable aneurysm. A review of the causes" (PDF). Stroke. 24 (9): 1403–9. PMID 8362440.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Armin SS, Colohan AR, Zhang JH (June 2006). "Traumatic subarachnoid hemorrhage: Our current understanding and its evolution over the past half century". Neurological Research. 28 (4): 445–52. doi:10.1179/016164106X115053. PMID 16759448.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Rosen D, Macdonald R (2005). "Subarachnoid hemorrhage grading scales: A systematic review". Neurocritical Care. 2 (2): 110–8. doi:10.1385/NCC:2:2:110. PMID 16159052.
- Hunt W, Hess R (1968). "Surgical risk as related to time of intervention in the repair of intracranial aneurysms". Journal of Neurosurgery. 28 (1): 14–20. doi:10.3171/jns.1968.28.1.0014. PMID 5635959.
- Fisher C, Kistler J, Davis J (1980). "Relation of cerebral vasospasm to subarachnoid hemorrhage visualized by computerized tomographic scanning". Neurosurgery. 6 (1): 1–9. doi:10.1097/00006123-198001000-00001. PMID 7354892.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Claassen J; Bernardini GL; Kreiter K; และคณะ (September 2001). "Effect of cisternal and ventricular blood on risk of delayed cerebral ischemia after subarachnoid hemorrhage: the Fisher scale revisited". Stroke. 32 (9): 2012–20. doi:10.1161/hs0901.095677. PMID 11546890.
- Teasdale G, Drake C, Hunt W, Kassell N, Sano K, Pertuiset B, De Villiers J (1988). "A universal subarachnoid hemorrhage scale: Report of a committee of the World Federation of Neurosurgical Societies". Journal of Neurology, Neurosurgery, and Psychiatry. 51 (11): 1457. doi:10.1136/jnnp.51.11.1457. PMC 1032822. PMID 3236024.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Ogilvy CS, Carter BS (May 1998). "A proposed comprehensive grading system to predict outcome for surgical management of intracranial aneurysms". Neurosurgery. 42 (5): 959–68, discussion 968–70. doi:10.1097/00006123-199805000-00001. PMID 9588539.
- White PM, Wardlaw JM (December 2003). "Unruptured intracranial aneurysms". Journal of Neuroradiology. 30 (5): 336–50. PMID 14752379.
- Gibbs GF; Huston J; Qian Q; และคณะ (May 2004). "Follow-up of intracranial aneurysms in autosomal-dominant polycystic kidney disease". Kidney International. 65 (5): 1621–7. doi:10.1111/j.1523-1755.2004.00572.x. PMID 15086900.
- International Study of Unruptured Intracranial Aneurysms Investigators (December 1998). . New England Journal of Medicine. 339 (24): 1725–33. doi:10.1056/NEJM199812103392401. PMID 9867550. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-12-15. สืบค้นเมื่อ 2010-04-26.
- Naggara ON, White PM, Guilbert F, Roy D, Weill A, Raymond J (September 2010). "Endovascular treatment of intracranial unruptured aneurysms: systematic review and meta-analysis of the literature on safety and efficacy". Radiology. 256 (3): 887–97. doi:10.1148/radiol.10091982. PMID 20634431.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Dandy WE (1938). "Intracranial aneurysm of the internal carotid artery: Cured by operation". Annals of Surgery. 107 (5): 654–9. doi:10.1097/00000658-193805000-00003. PMC 1386933. PMID 17857170.
- Guglielmi G, Viñuela F, Dion J, Duckwiler G (1991). "Electrothrombosis of saccular aneurysms via endovascular approach. Part 2: Preliminary clinical experience". Journal of Neurosurgery. 75 (1): 8–14. doi:10.3171/jns.1991.75.1.0008. PMID 2045924.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Molyneux AJ; Kerr RS; Yu LM; และคณะ (2005). "International subarachnoid aneurysm trial (ISAT) of neurosurgical clipping versus endovascular coiling in 2143 patients with ruptured intracranial aneurysms: A randomised comparison of effects on survival, dependency, seizures, rebleeding, subgroups, and aneurysm occlusion". Lancet. 366 (9488): 809–17. doi:10.1016/S0140-6736(05)67214-5. PMID 16139655.
- van der Schaaf I; Algra A; Wermer M; และคณะ (2005). . Cochrane Database of Systematic Reviews (Online) (4): CD003085. doi:10.1002/14651858.CD003085.pub2. PMID 16235314. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-03-28. สืบค้นเมื่อ 2010-05-01.
- Campi A; Ramzi N; Molyneux AJ; และคณะ (2007). "Retreatment of ruptured cerebral aneurysms in patients randomized by coiling or clipping in the International Subarachnoid Aneurysm Trial (ISAT)". Stroke. 38 (5): 1538–44. doi:10.1161/STROKEAHA.106.466987. PMID 17395870.
- Piotin M; Spelle L; Mounayer C; และคณะ (2007). "Intracranial aneurysms: Treatment with bare platinum coils—aneurysm packing, complex coils, and angiographic recurrence". Radiology. 243 (2): 500–8. doi:10.1148/radiol.2431060006. PMID 17293572.
- Raymond J; Guilbert F; Weill A; และคณะ (2003). "Long-term angiographic recurrences after selective endovascular treatment of aneurysms with detachable coils". Stroke. 34 (6): 1398–403. doi:10.1161/01.STR.0000073841.88563.E9. PMID 12775880.
- Dorhout Mees S; Rinkel G; Feigin V; และคณะ (2007). "Calcium antagonists for aneurysmal subarachnoid haemorrhage". Cochrane Database of Systematic Reviews (Online) (3): CD000277. doi:10.1002/14651858.CD000277.pub3. PMID 17636626.
- Allen GS; Ahn HS; Preziosi TJ; และคณะ (1983). "Cerebral arterial spasm: A controlled trial of nimodipine in patients with subarachnoid hemorrhage". New England Journal of Medicine. 308 (11): 619–24. doi:10.1056/NEJM198303173081103. PMID 6338383.
- Vergouwen MD, Vermeulen M, Roos YB (December 2006). "Effect of nimodipine on outcome in patients with traumatic subarachnoid haemorrhage: A systematic review". Lancet Neurology. 5 (12): 1029–32. doi:10.1016/S1474-4422(06)70582-8. PMID 17110283.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Kassell NF, Peerless SJ, Durward QJ, Beck DW, Drake CG, Adams HP (September 1982). "Treatment of ischemic deficits from vasospasm with intravascular volume expansion and induced arterial hypertension". Neurosurgery. 11 (3): 337–43. doi:10.1097/00006123-198209000-00001. PMID 7133349.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Sen J, Belli A, Albon H, Morgan L, Petzold A, Kitchen N (October 2003). "Triple-H therapy in the management of aneurysmal subarachnoid haemorrhage". Lancet Neurology. 2 (10): 614–21. doi:10.1016/S1474-4422(03)00531-3. PMID 14505583.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Rosengart AJ; Huo JD; Tolentino J; และคณะ (August 2007). "Outcome in patients with subarachnoid hemorrhage treated with antiepileptic drugs". Journal of Neurosurgery. 107 (2): 253–60. doi:10.3171/JNS-07/08/0253. PMID 17695377.
- Naval NS, Stevens RD, Mirski MA, Bhardwaj A (February 2006). "Controversies in the management of aneurysmal subarachnoid hemorrhage". Critical Care Medicine. 34 (2): 511–24. doi:10.1097/01.CCM.0000198331.45998.85. PMID 16424735.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Liu KC, Bhardwaj A (2007). "Use of prophylactic anticonvulsants in neurologic critical care: a critical appraisal". Neurocritical Care. 7 (2): 175–84. doi:10.1007/s12028-007-0061-5. PMID 17763834.
- Rosengart AJ, Schultheiss KE, Tolentino J, Macdonald RL (August 2007). "Prognostic factors for outcome in patients with aneurysmal subarachnoid hemorrhage". Stroke. 38 (8): 2315–21. doi:10.1161/STROKEAHA.107.484360. PMID 17569871.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Naidech AM; Kreiter KT; Janjua N; และคณะ (March 2005). "Phenytoin exposure is associated with functional and cognitive disability after subarachnoid hemorrhage". Stroke. 36 (3): 583–7. doi:10.1161/01.STR.0000141936.36596.1e. PMID 15662039.
- Greebe P, Rinkel GJ (April 2007). "Life expectancy after perimesencephalic subarachnoid hemorrhage". Stroke. 38 (4): 1222–4. doi:10.1161/01.STR.0000260093.49693.7a. PMID 17332451.
- Lanterna LA; Ruigrok Y; Alexander S; และคณะ (August 2007). "Meta-analysis of APOE genotype and subarachnoid hemorrhage: clinical outcome and delayed ischemia". Neurology. 69 (8): 766–75. doi:10.1212/01.wnl.0000267640.03300.6b. PMID 17709709.
- Kruyt ND; Biessels GJ; de Haan RJ; และคณะ (June 2009). "Hyperglycemia and clinical outcome in aneurysmal subarachnoid hemorrhage: a meta-analysis". Stroke. 40 (6): e424–30. doi:10.1161/STROKEAHA.108.529974. PMID 19390078.
- Powell J, Kitchen N, Heslin J, Greenwood R (June 2002). "Psychosocial outcomes at three and nine months after good neurological recovery from aneurysmal subarachnoid haemorrhage: Predictors and prognosis". Journal of Neurology, Neurosurgery, and Psychiatry. 72 (6): 772–81. doi:10.1136/jnnp.72.6.772. PMC 1737916. PMID 12023423.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Schneider HJ, Kreitschmann-Andermahr I, Ghigo E, Stalla GK, Agha A (September 2007). "Hypothalamopituitary dysfunction following traumatic brain injury and aneurysmal subarachnoid hemorrhage: a systematic review". Journal of the American Medical Association. 298 (12): 1429–38. doi:10.1001/jama.298.12.1429. PMID 17895459.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - de Rooij NK, Linn FH, van der Plas JA, Algra A, Rinkel GJ (December 2007). "Incidence of subarachnoid haemorrhage: A systematic review with emphasis on region, age, gender and time trends". Journal of Neurology, Neurosurgery, and Psychiatry. 78 (12): 1365–72. doi:10.1136/jnnp.2007.117655. PMID 17470467.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Longstreth WT, Koepsell TD, Yerby MS, van Belle G (1985). "Risk factors for subarachnoid hemorrhage" (PDF). Stroke. 16 (3): 377–85. PMID 3890278.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Bramwell B (1886). "Spontaneous meningeal haemorrhage". Edinburgh Medical Journal. 32: 101.
- Symonds CP (1924). "Spontaneous subarachnoid hemorrhage". Quarterly Journal of Medicine. 18: 93–122.
- Todd NV, Howie JE, Miller JD (June 1990). "Norman Dott's contribution to aneurysm surgery". Journal of Neurology, Neurosurgery, and Psychiatry. 53 (6): 455–8. doi:10.1136/jnnp.53.6.455. PMC 1014202. PMID 2199609.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Symonds CP (1924). "Spontaneous sub-arachnoid hæmorrhage". Proceedings of the Royal Society of Medicine. 17 (Neurol Sect): 39–52. PMC 2201441. PMID 19983808.
- Krayenbühl HA, Yaşargil MG, Flamm ES, Tew JM (December 1972). "Microsurgical treatment of intracranial saccular aneurysms". Journal of Neurosurgery. 37 (6): 678–86. doi:10.3171/jns.1972.37.6.0678. PMID 4654697.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Pickard JD; Murray GD; Illingworth R; และคณะ (March 1989). "Effect of oral nimodipine on cerebral infarction and outcome after subarachnoid haemorrhage: British aneurysm nimodipine trial". BMJ (Clinical research ed.). 298 (6674): 636–42. doi:10.1136/bmj.298.6674.636. PMC 1835889. PMID 2496789.
- Zubkov IuN, Nikiforov BM, Shustin VA (September–October 1983). "1st attempt at dilating spastic cerebral arteries in the acute stage of rupture of arterial aneurysms". Zh Vopr Neirokhir Im N N Burdenko. 5 (5): 17–23. PMID 6228084.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Zubkov YN, Nikiforov BM, Shustin VA (September–October 1984). "Balloon catheter technique for dilatation of constricted cerebral arteries after aneurysmal SAH". Acta Neurochir (Wien). 70 (1–2): 65–79. doi:10.1007/BF01406044. PMID 6234754.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Strother CM (1 May 2001). "Historical perspective. Electrothrombosis of saccular aneurysms via endovascular approach: part 1 and part 2". AJNR. American Journal of Neuroradiology. 22 (5): 1010–2. PMID 11337350.
แหล่งข้อมูลอื่น
- Neuroland 2007-04-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน SAH page
การจำแนกโรค | D |
---|---|
ทรัพยากรภายนอก |
|
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
eluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklang xngkvs subarachnoid hemorrhage SAH xxkesiyng ˌsʌbeˈraeknɔɪd ˈhɛm e rɪdʒ khuxkarmieluxdxxkthirahwangeyuxhumsmxngchnklangkbchninsungxyurxb smxng xacekidkhunidexng hruxcakkaraetkkhxnghlxdeluxdsmxngopngphxng hruxekidcakxubtiehtukrathbkraethuxnsirsakideluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklang Subarachnoid hemorrhage chuxxunSubarachnoid haemorrhagephaphsithisaeknaesdngihehneluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklang ehnepnbriewnsikhawmisrchiklangphaph sungbngbxkwamieluxdxxktrngklangsmxng ihlsumipyngthngsxngkhangkarxxkesiyng ˌ s ʌ b e ˈ r ae k n ɔɪ d ˈ h ɛ m er ɪ dʒ sakhawichaprasathslysastrxakar xaeciyn radbkarrusuktwldlngphawaaethrksxnekidsmxngkhadeluxdkhunphayhlng chkspraephthchnidekidcakkarbadecb aela chnidekidkhunexng cakhlxdeluxdsmxngopngphxng cakimichhlxdeluxdsmxngopngphxng ephrimiesnesfalik saehtu hlxdeluxdsmxngopngphxngpccyesiyngkhwamdneluxdsung karsubbuhri kardumsura karichokhekhnwithiwinicchysithisaekn kartrwcnaikhsnhlngorkhxunthikhlaykneyuxhumsmxngxkesb imekrn limeluxdxudtninhlxdeluxddasmxngkarrksakarphatdhruxya phyakrnorkhxtraesiychiwitthi 30 wn xyuthi 45 chnidthiekidcakhlxdeluxdsmxngopngphxng khwamchuk1 in 10 000 txpi xakarkhxngkarmieluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangxacmiechnxakarpwdsirsarunaerngechiybphln khlunis xaeciyn hruxsumlng bangkhrngxacchkid yunynkarwinicchydwykarichkarthayphaphrngsiswntdxasykhxmphiwetxrhruxbangkhrngxacthaiddwykarecaatrwcnaikhsnhlng karrksathaodykarphatdxyangthnthwngthi xacdwykarphatdepidkaohlksirsahruxkarichrngsichwyinkrabwnkarrksa rwmkbkarichyaaelakarrksaxun ephuxpxngknkarekideluxdxxksaaelapxngknphawaaethrksxnkhxngkarmieluxdxxk ekhymikarrksahlxdeluxdopngphxngdwykarphatdinchwngpramanhlngpi kh s 1930 aettngaetchwngpi kh s 1990 epntnma karrksahlxdeluxdopngphxngswnihythaodywithirksathiruklarangkaynxykwaxyangkarichlwdkhdsungthaodykarsxdlwdphiessekhaipthanghlxdeluxdkhnadihy karmieluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangepnorkhhlxdeluxdsmxngxyanghnungsungkhidepn 1 7 khxngorkhhlxdeluxdsmxngthnghmd thuxepnphawachukechinthangkaraephthythixacthaihesiychiwithruxthuphphlphaphidrunaerngaemcaidrbkarwinicchyaelarksatngaetenin ktam phupwyeluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangekuxbkhrungnnesiychiwit aela 10 15 esiychiwitkxnmathungorngphyabal phuthirxdchiwitnnkmkmikhwamsuyesiythangrabbprasathhruxkarrbruxakaraelaxakaraesdngxakartamaebbchbbkhxngeluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangkhuxkarmixakarpwdsirsarunaerngechiybphln ehmuxnodnetaekhathihw like being kicked in the head hruxpwdhwrunaerngthisudethathiekhyprasbmainchiwit worst ever sungewlathierimepnthungepnmakthisudichewlaepnnathihruxwinathi xakarpwdsirsanimkpwdtub tamcnghwaetnhwicipyngbriewnthaythxy occiput phupwyhnunginsamimmixakarxyangxunnxkcakxakarpwdsirsalksnathiwani aelaphupwyhnunginsibmaphbaephthydwyxakarnisungtxmaphayhlngcungidrbkarwinicchyepneluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklang xacmixakarxaeciyn aela 1 14 mixakarchk xacmixakarsbsn sum hruxxacthungkhnokhmaid rwmthngxacmixakarkhxaekhngekrnghruxxakaraesdngkhxngkarrakhayekhuxngeyuxhumsmxngid xakarkhxaekhngmkpraktkhunpramanhkchwomnghlngerimmieluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklang karmirumantaephiyngkhangediyw isolated dilation of a pupil aelakarimmirieflksrumantatxbsnxngtxaesng xacsathxnthungkarmi brain herniation sungepnphlcakkarephimkhunkhxng increased intracranial pressure xacmieluxdxxkinlukta cakkartxbsnxngtxkhwamdnthikhunsungxyangrwderwid odykarmieluxdxxkitchnihyalxyd subhyaloid hemorrhage aelaeluxdxxkinnawunlukta vitreous hemorrhage xactrwcphbiddwykartrwcsxngta fundoscopy nieriykwaklumxakarethxrsn phbinphupwy 3 13 aelaphbmakkhuntamkhwamrunaerngkhxngeluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklang karthanganphidpktikhxngesnprasathklamenuxta hnngtatk luktaxyuintaaehnngmxngkhangipthangdanlangechiyngxxkdannxkkhxngibhna hruxxakarchaxacbngchiwamieluxdxxkcak xakarchkyngepnxakarthiphbidbxyhakeluxdnnxxkmacakhlxdeluxdopngphxng nxkcakniaelwkhxnkhangepnkaryakthicathanaytaaehnngthieluxdxxkcakxakaraesdngthiprakt phawaeluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklanginphupwythiaekhngaerngdimatlxdmkichepnkarwinicchyrupphidpktikhxnghlxdeluxdaedngaeladaid phlcakkarmieluxdxxknicathaihrangkayhlngxadrinalinaelahxromnxunthiiklekhiyngknxxkmaepncanwnmak thaihmikhwamdnolhitephimsung hwicthanganhnk ekidmipxdbwmnaehturabbprasath neurogenic pulmonary edema hwicetnphidcnghwa karepliynaeplngkhxngkhluniffahwic 27 aelaphawahwichyud 3 idxyangrwderwhlngekideluxdxxk eluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangxacekidinphuprasbxubtiehtukrathbkraethuxnsirsaid xakarkhxngphupwyklumnixacmiechn pwdsirsa sum xxnaerngkhrungsik phawaeluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangniekidkhunbxyinkarbadecbkhxngsmxng hakmikarepliynaeplngkhxngradbkarrusuktwdwycamikhwamsmphnthkbkarmiphyakrnorkhthiaeykarwinicchyphaph aesdngihehnhlxdeluxdopngphxngkhxng thiidrbkariskhdlwdaelwbangswn luksrsiehluxng odyyngkhngmithunghlxdeluxdopngphxng aneurysmal sac ehluxxyubangswn phupwyrayniepnhyingxayu 34 pithiekhyidrbkarrksaeluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangmakxnaelwbukhlakrthangkaraephthykalngecaanaikhsnhlng aephnhlngkhxngphurbkartrwcidrbkarkhaechuxdwysarkhaechuxixoxdinthaihmisinatalkartrwcphaphthayrngsi karpraeminphupwythisngsywacamieluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklanginebuxngtnkhuxkarskprawtiaelatrwcrangkaysungmicudprasngkhhlkephuxpraeminwaxakarthinaphupwymaphbaephthynnepnphlcakkarmieluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklanghruxsaehtuxun xyangirkdiaephthyimxacihkarwinicchyphawaniidcakkartrwcthangkhlinikephiyngxyangediywdngnnkartrwcphaphrngsithangkaraephthycungmikhwamcaepnimephuxyunynkarmieluxdxxkkephuxkhdxxk kartrwcthiniymeluxkichepnxndbtn khuxkartrwcdwykarthayphaphrngsiswntdxasykhxmphiwetxr CT scan khxngsmxng sungepnkartrwcthimikhwamiwsungodysamarthtrwcphbphawaniidxyangthuktxngidthungkwa 95 odyechphaahakidrbkartrwcinwnaerkthimieluxdxxk karsrangphaphdwyerosaennsaemehlk MRI xacepnxikthangeluxkhnungthimikhwamiwmakkwahaktrwcphupwythimixakarmahlaywn karsuksawicychinhnungraynganwahaktha CT phayin 6 chwomnghlngerimmixakar camikhwamiwinkartrwcphbeluxdxxksung 100 karecaanaikhsnhlng karecaanaikhsnhlngxacthaihphbhlkthankhxngkarmieluxdxxkidinphupwy 3 thiphltrwc CT pkti dngnncungthukkahndihepnkartrwcthicaepntxngthainphupwythisngsywacamieluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangaetphlphaphsmxngpkti odyxyangnxytxngekbtwxyangnaikhsnhlngihid 3 khwd hakmicanwnemdeluxdaedngmakkwapktiinthng 3 khwdcaepnkarbngchiwamieluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklang thacanwnimethaknodykhxy ldlnginaetlakhwd caaesdngwaeluxdnacamacakkarbadecbkhxnghlxdeluxdkhnadelkrahwangkarthahtthkarmakkwa traumatic tap twxyangnaikhsnhlngthiekbidcathuknaiptrwcwami xanthochromia hruxkarthinaikhsnhlngthiphanaelwmisiepnsiehluxng kartrwcthimikhwamiwmakkwakhuxkartrwcdwy sungepnkartrwckardudklunkhlunaesnginkhwamyawkhluntang ephuxtrwcwamibilirubinsungepnphlphlitcakkaryxyslayehomoklbininemdeluxdaednghruxim kartrwcha xanthochromia aelakartrwcdwy spectrophotometry yngkhngepnwithithiechuxthuxidinkartrwchaeluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklanghlngcakerimmixakarpwdsirsamahlaywn aettxngthahlngcakpwdsirsaxyangnxy 12 chwomng enuxngcakkwathiehomoklbininemdeluxdaedngcathukepliynepnbilirubinnntxngichewlahlaychwomng cakkarthimiphupwythimahxngchukechindwyxakarpwdsirsarunaerngechiybphlnephiyng 10 ethannthimieluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklang cungtxngmikarkhidthungsaehtuxun iwdwyesmx saehtuxun ehlaniechn eyuxhumsmxngxkesb imekrn aelalimeluxdinhlxdeluxddasmxng cerebral venous sinus thrombosis phawaeluxdxxkinsmxngihy intracerebral hemorrhage sungmieluxdxxkinenuxsmxngnnphbbxykwathungsxngethaaelamkidrbkarwinicchyphidepneluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklang imbxynkthicamikarwinicchyeluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangphidipepnimekrnhruxkar tension headache sungcathaihphupwyklumniidrbkartrwc CT scan chakwathikhwr nganwicypi kh s 2004 phbwaekidkrniechnnisungthung 12 khxngphupwy swnihyekidkbphupwythimieluxdxxkepnbriewnnxyaelaimmikarepliynaeplngkhxngsphaphcit karwinicchylachacanaipsuphlkarrksathiimdi phupwybangrayxachaycakxakarpwdsirsaidexngodyimmixakarxunhlngehlux xakarpwdsirsaechnnithukeriykwaxakarpwdsirsaaesdngebuxngtn sentinel headache enuxngcakechuxknwaekidcakkarmieluxdihlcakhlxdeluxdopngphxngepnprimannxy xakarpwdsirsaaesdngebuxngtnechnnikhwridrbkartrwcephimetimdwy CT scan aelakarecaahlngenuxngcakxacmieluxdxxkephimetimidinewlasamspdah karchidsihlxdeluxd emuxyunynkarwinicchyeluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangaelwcatxnghataaehnngthiekideluxdxxk hakcakphaphtrwc CT scan bngchiwaeluxdnacaxxkcakhlxdeluxdopngphxngaelwmithangeluxkrahwangkarchidsihlxdeluxdsmxng chidekhahlxdeluxdsmxngaelwthayphaphrngsi aelakarchidsihlxdeluxdxasykhxmphiwetxr chidsarthubrngsiekhahlxdeluxdaelwtha CT scan ephuxhataaehnngkhxnghlxdeluxdopngphxng karsxdthxephuxchidsixacthaihmioxkasiskhdlwdrksahlxdeluxdopngphxngipphrxmknid kartrwckhluniffahwic karepliynaeplngkhxngkhluniffahwicsungkhlaykbthiphbinphawa STEMI inphupwyhyingrayhnungsungmieluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklang phupwyeluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklang 40 70 mikarepliynaeplngkhxngkhluniffahwic odyxactrwcphbchwng QT yawkhun khlun Q hwicetnphidcnghwa aela sungxackhlaykbthiphbinphawaklamenuxhwickhadeluxdidsaehtusaehtukhxngeluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangthiekidkhunexng spontaneous 85 ekidcakkaraetkkhxnghlxdeluxdsmxngopngphxng swnihycaekidkhunthibriewnkhxnghlxdeluxdsmxngthieriykwaaelaaekhnngthiekiywkhxng aemkarmieluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangswnihycaepncakkarmieluxdxxkcakhlxdeluxdopngphxngkhnadelk aethlxdeluxdopngphxngkhnadihysungphbnxykwacamioxkasaetkidmakkwa phupwyeluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangthiekidkhunexngpraman 15 20 trwcimphbhlxdeluxdopngphxnginkarchidsihlxdeluxdkhrngaerk incanwnnipramankhrunghnungekidcakkarmieluxdxxkbriewnrxb smxngswnklangodyimmihlxdeluxdopngphxng non aneurysmal perimesencephalic hemorrhage sungeluxdcaxxkxyuephiyngbriewnchxngiteyuxhumsmxngchnklangbriewnsmxngswnklangethann sungsaehtukhxngkarmieluxdxxkinphupwyklumniyngimchdecn phupwyswnthiehluxmkmieluxdxxkcakkhwamphidpktixunkhxnghlxdeluxd echn rupphidpktikhxnghlxdeluxdaedngaelada khwamphidpktikhxnghlxdeluxdinikhsnhlng aelakarmieluxdxxkcakenuxngxktang saehtuxun echn karichokhekhn khwamphidpktithiemdeluxdaedngepnrupekhiyw sickle cell disorder karich khwamphidpktikhxngkaraekhngtwkhxngeluxd aela pituitary apoplexy phupwyprasbxubtiehtu 60 camieluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangtrwcphbidcak CT scan eluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangcakkarbadecb traumatic SAH niswnihyekidkhunthibriewniklkbtaaehnngthiekidhrux swnihyphbrwmkbkarbadecbaebbxun khxngsmxngaelamkmiphyakrnorkhthiimdi aetyngimaenchdnkwaphyakrnorkhthiimdinnepnphlcakkarmieluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangodytrnghruxepncakkarbadecbxunthimikaraesdngxxkepneluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangknaenkarcaaenkpraephthmirabbcdradbkhwamrunaerngkhxngeluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangxyuhlayrabb aebbpraeminkhwamrusuktwkhxngklasokw Glasgow Coma Scale kepnrabbthiichpraeminkhwamrusuktwkhxngphupwythiichkntwip nxkcakniyngmirabbwdkhaaennthixxkaebbmaepnphiesssahrbkarpraeminphupwyeluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangxyusamaebb aetlaaebbkahndihtwelkhthimakhmaythungkarmiphlkarrksaimdi aebbpraeminehlanithukxxkaebbkhunodyepriybethiyblksnaxakarkhxngphupwykbphlkarrksayxnhlng aebbpraeminkhwamrunaerngxnaerkepnkhxng Hunt aela Hess sungidxthibayiwinpi kh s 1968 radbkhwamrunaerng xakaraelaxakaraesdng xtrarxdchiwit1 immixakar hruxmixakarpwdsirsaaelakhxaekhngelknxy 70 2 pwdsirsapanklangthungrunaerng khxaekhng immikhwambkphrxngkhxngrabbprasathxunnxkcakkhxngesnprasathsmxng 60 3 sum mikhwambkphrxngkhxngrabbprasathelknxy 50 4 kungslb stuporous xxnaerngkhrungsikpanklangthungrunaerng xacmixakaraekhngekrngaebb decerebrate inchwngaerkaelwcungxxnepliylng 20 5 okhmaradbluk mixakaraekhngekrngaebb decerebrate xakarradbtrithut moribund 10 rabbpraeminkhwamrunaerngkhxng Fisher aebngradbkhwamrunaerngtamlksnakhxngeluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangthipraktihehnin CT scan aebbpraeminkhwamrunaerngniidrbkarddaeplngody Claassen aelakhna tamkhwamesiyngthiphbihmekiywkbkhnadkhxngeluxdthixxkaelakarmi intraventricular hemorrhage rwmdwy radbkhwamrunaerng lksnakhxngeluxdthixxk1 immipraktihehn2 hnanxykwa 1 milliemtr3 hnanxykwa 2 milliemtr4 hnaethairkidrwmkbmieluxdxxkinophrngsmxnghruxmieluxdsumekhainenuxsmxng rabbcaaenkpraephthkhxngshphnthslyaephthyrabbprasathaehngolk World Federation of Neurosurgeon WFNS idichaebbpraeminkhwamrusuktwkhxngklasokwrwmkbkhwambkphrxngthangrabbprasathechphaathi focal neurological deficit maichinkarpraeminkhwamrunaerngkhxngxakar radbkhwamrunaerng khaaennaebbpraeminklasokw khwambkphrxngthangrabbprasathechphaathi1 15 immi2 13 14 immi3 13 14 mi4 7 12 mihruximmikid5 lt 7 mihruximmikid Ogilvy aela Carter idesnxraylaexiydkarcaaenkpraephthaebbkhrxbkhlumephuxichthanayphlaelapraeminkhunphaphkarrksa rabbnimiradbkhwamrunaerng 5 radb odyihaetlakhaaennkhunkbkarmihruximmipccydngtxipni xayumakkwa 50 radbkhwamrunaerngtam Hunt aela Hess thi 4 hrux 5 khaaennaebbpraeminkhxng Fisher 3 hrux 4 khnadhlxdeluxdopngphxngmakkwa 10 milliemtr aelakarmihlxdeluxdopngphxngkhxngrabbihlewiynswnhlng posterior circulation aneurysm khnadtngaet 25 milliemtrkartrwckhdkrxngaelakarpxngknyngimmihlxdeluxdsmxngopngphxnginradbprachakrenuxngcakepnorkhthikhxnkhangphbnxy immikhwamkhumthun ewnaetkhnthimiyatiradbthihnungimtakwasxngkhnthimixakarcakeluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangthiekidcakkaraetkkhxnghlxdeluxdsmxngopngphxngethannthikartrwckhdkrxngxacmipraoychn orkh ADPKD epnorkhitthithaythxdthangphnthukrrmxyanghnungsungphbwamikhwamsmphnthkbkarekidorkhhlxdeluxdsmxngopngphxngthung 8 aetswnihyhlxdeluxdsmxngopngphxngthiphbrwmkborkhnicamikhnadelk cungimnaepnsaehtuihekidkaraetkid dngnncungmikhaaenanaihtrwckhdkrxngphupwy ADPKD thimikhninkhrxbkhrwkhnhnungmixakarkhxngkaraetkkhxnghlxdeluxdsmxngopngphxngethann bangkhrngxacmikartrwcphbhlxdeluxdsmxngopngphxngodybngexiycakkartrwcphaphsmxnginehtuxun eruxngnithuxepnpyhathiepnthithkethiyngpyhahnung enuxngcakwithikarrksahlxdeluxdsmxngopngphxngaetlawithinnmioxkasthicaekidphawaaethrksxnthirunaerng okhrngkarsuksawicynanachatiwadwyhlxdeluxdopngphxnginkaohlksirsathiyngimpraktkaraetk The International Study of Unruptured Aneurysms ISUIA suksakhxmulphyakrnorkhthnginklumphupwyeluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangaelaphuthitrwcphbhlxdeluxdopngphxngdwysaehtuxun phbwaphuthimieluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangaelwmioxkassungthicamieluxdxxkcakhlxdeluxdopngphxngthixun xik inthangklbkn phuthimihlxdeluxdopngphxngkhnadelkkwa 10 milliemtraelaimekhymieluxdxxkcakhlxdeluxdopngphxngmioxkasnxymakthicamieluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklang aelamksamarthrbkarrksahlxdeluxdopngphxngnnidodyimmiphawaaethrksxn caknganwicy ISUIA niaelanganwicyxun pccubncungthuxepnkhaaenanaodythwipwaphupwycaidrbkarphicarnaekharbkarrksaephuxpxngknlwnghnaniktxemuxmipramanxayukhynanphxsmkhwraelahlxdeluxdopngphxngnnmioxkasaetksung inkhnaediywknkyngmihlkthannganwicyephiyngimmakthiyunynwakarrksahlxdeluxdopngphxngthiyngimaetkodyethkhnikhkarswnhlxdeluxdthahtthkarnnmipraoychnxyangaethcringkarrksakarduaelrksaphupwyprakxbdwykarrksaxakarimihaeylngaelaichkartrwcaelakarrksaechphaa karduaelrksaehlanirwmthungkarpxngknimihmieluxdxxksaodyxudcudthithaiheluxdxxk pxngknkarhdekrngkhxnghlxdeluxd aelakarpxngknaelarksaphawaaethrksxnthixaccaekidkhun karduaelthwip karrksaxakarphupwyimihthrudhnkkwaedimmikhwamsakhyepnxndbhnung phupwythimikarepliynaeplngkhxngradbkhwamrusuktwxactxngidrbkarisaelachwyhayicdwyekhruxngchwyhayic txngmikarwdradbkhwamdnolhit chiphcr aelakhaaennaebbpraeminkhwamrusuktwklasokwepnraya emuxyunynkarwinicchyaelwphupwyxaccaepntxngyayekhahxxphibalphupwyhnk ICU swnhnungenuxngcakphupwy 15 xacmieluxdxxkephimetimidxikhlngcakrbekhaduaelepnphupwyinaelw karihsarxaharkmikhwamsakhyepnxndbtn odykhwrihdwykarkinthangpakhruxphansayihxaharthangcmukmakkwacaihsarxaharthanghlxdeluxd karldkhwamecbpwdmkthaodyyathimiphlrangbprasathnxyxyangechn codeine enuxngcakkarihyarangbprasathxacsngphltxradbkhwamrusuktwaelathaihimsamarthpraeminkarepliynaeplngradbkhwamrusuktwthiekidcaktworkhid karekidlimeluxdinhlxdeluxddaswnluk deep vein thrombosis nnpxngknodykarihisthungnxngrd compression stocking hruxkarkddwyaerngdnlmepnraya intermittent pneumatic compression hruxthngsxngxyang mkmikarissayswnpssawaephuxefarawngsmdulkhxngehlwinrangkay xacmikarihyainklumebnosidxaesphin ephuxldkhwamkngwlkhxngphupwy thaphupwyrusuktwkhwrihyatanxaeciyn dwy karpxngkneluxdxxksa hlxdeluxdaedngkhxngsmxngmxngcakdanlang phaphtnchbbcak Gray s Anatomy kh s 1918 phupwythitrwc CT scan phbmi hematoma khnadihy radbkhwamrusuktwldlng mixakarechphaathithangrabbprasath focal neurologic symptom xacidpraoychncakkarphatdexaeluxdxxkhruxxudcudeluxdxxkxyangthnthwngthi phupwyswnthiehluxyngtxngidrbkarduaelxakarimihthrudlngaelatrwcdwykarchidsihlxdeluxdaedngtnkha hruxexkseryhlxdeluxddwykhxmphiwetxr CT angiogram inphayhlng epnkaryakthicathanaywaphupwyrayidcamieluxdxxksa thngnikarmieluxdxxksasamarthekidkhunidthukemuxaelanaipsuphyakrnorkhthiaey emuxewlaphanip 24 chwomngaelwkhwamesiyngkhxngkarmieluxdxxksacakhngxyuthipraman 40 ipxiksispdah chiihehnwakarrksathisakhykhuxkarldkhwamesiyngiherwthisudethathicaepnipid haktrwcphbhlxdeluxdsmxngopngphxngcakkarchidsihlxdeluxd mithangeluxkinkarrksaephuxldkhwamesiyngkhxngkarmieluxdxxkephimetimcakhlxdeluxdopngphxngthiedim khuxkariskhlip clipping aelakariskhdlwd kariskhlipnntxngthadwykarphatdepidkaohlksirsa ephuxhataaehnngkhxnghlxdeluxdopngphxng caknncungiskhliphnibokhnhlxdeluxdopngphxngexaiw swnkariskhdlwdnnthaodyislwdekhaipthanghlxdeluxdkhnadihyphanthangkarissaythithikhahnibaelaedinsayphanhlxdeluxdaedngihyexxxrtaipyngaelasungepnhlxdeluxdthieliyngsmxng emuxrabutaaehnngkhxnghlxdeluxdopngphxngidaelwaephthycaiskhdlwdaephlthinmekhaipephuxkratunihekidkhuninhlxdeluxdopngphxngephuxxudiw swnihykartdsiniceluxkwithikarrksathaodythimshwichachiphsungprakxbdwyprasathslyaephthy aelamkmiphuechiywchaythangdanxun dwy odypktiaelwkartdsiniceluxkwacarksadwykariskhliphruxiskhdlwdnnthaodyducaktaaehnngaelakhnadkhxnghlxdeluxdopngphxng aelaphawathwipkhxngphupwy hlxdeluxdopngphxngkhxng aelahlxdeluxdthiekiywkhxngnnekhathungidyakcakkarswnhlxdeluxd cungmkeluxkichkariskhlipmakkwa inkhnathihlxdeluxdopngphxngkhxnghlxdeluxdaedngebsila aelahlxdeluxdaedngophsthieriyrsiribrlnnekhathungidyakcakkarphatd cungmkeluxkichkarswnhlxdeluxdmakkwa kareluxkichwithikarechnniswnihykhunxyukbprasbkarnkhxngslyaephthyphuphatd karwicyechingthdlxngaebbsumaelamiklumkhwbkhumephiyngchinediywthiidepriybethiybwithikarrksaaetlawithikepnkarthakbphupwythimixakarkhxnkhangdiaelamihlxdeluxdopngphxngkhnadelk imekin 10 milliemtr thihlxdeluxdaedngaexnthieriyrsiribrlaela rwmknaelweriykwa rabbihlewiynswnhna anterior circulation sungphupwyklumnikhidepncanwnephiyng 20 khxngphupwyeluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangthimisaehtumacakhlxdeluxdsmxngopngphxng nganwicynichuxwa International Subarachnoid Aneurysm Trial ISAT karwicyechingthdlxngradbnanachatiwadwyhlxdeluxdsmxngopngphxngiteyuxhumsmxngchnklang aelaidaesdngihehnwaklumthiidrbkarrksadwykariskhdlwdmioxkastayhruximsamarthchwyehluxtnexngidnxykwaklumthirksadwykarphatd 7 4 aela 23 5 relative risk reduction khxesiyhlkkhxngkarrksadwykariskhdlwdkhuxmikhwamepnipidthicaekidmihlxdeluxdopngphxngklbepnsa sungphbidnxymakinkarrksadwykarphatd innganwicy ISAT phbwaphupwy 8 3 txngidrbkarrksaephimetiminrayayaw dngnnphupwythirbkarrksadwykariskhdlwdcungcaepntxngtidtamkarrksatxdwykarchidsihlxdeluxdhruxwithixun xikepnewlahlaypiephuxihsamarthtrwcphbhlxdeluxdopngphxngthiekidkhunihmidtngaetenin nganwicyxun phbmixtrakarklbepnsacntxngmikarrksaephimetimmakkwathiphbinnganwicyni karhdekrngkhxnghlxdeluxd karhdekrngkhxnghlxdeluxd xngkvs vasospasm cathaihmieluxdihlipyngbriewnthiekidkarhdekrngkhxnghlxdeluxdnxylng thuxepnphawaaethrksxnkhxngphawaeluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangthixntraymak xacthaihekidkarbadecbkhxngenuxsmxngthiekidcakkarkhadeluxd ischemic brain injury cnsmxngesiyhayxyangthawridenuxngcakkarkhadxxksiecnkhxngenuxeyuxsmxng hakrunaerngmakxacthaihesiychiwitid karkhadeluxdthiekidkhunphayhlngmilksnaechphaakhuxkarmithiekidkhunihm xactrwcyunynidodykartrwcdwykhlunesiyngkhwamthisungphankaohlksirsa transcranial doppler hruxsmxng cerebral angiography phupwyeluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangthitxngpramanhnunginsamcamikarkhadeluxdthiekidkhunphayhlng phupwyklumnikhrunghnungcamikhwamesiyhaythiekidkhunthawr kartrwckhdkrxngephuxkhnhakarhdekrngkhxnghlxdeluxdnnsamarththaidodykartha transcranial doppler thuk 24 48 chwomng odykhwamerwkhxngkarihlkhxngeluxdthichakwa 120 esntiemtrtxnathithuxwaxacmikarhdekrngkhxnghlxdeluxdekidkhun epnthiechuxknwasamarthichyaklumaekhlesiymaechnaenlblxkekxrinkarpxngknkarhdekrngkhxnghlxdidodyphanthangkarpxngknimihmiaekhlesiymihlekhaesllklamenuxeriyb odyyaaekhlesiymaechnaenlblxkekxrchnidkinxyang nnsamarthihphlkarrksathidiidhakidihyaniphayinwnthi 4 21 hlngmieluxdxxk aemcaimsamarthldkartrwcphbkarhdekrngkhxnghlxdeluxdphankartrwcdwykarchidsihlxdeluxd angiography idktam sahrbphupwyeluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangthiekidcakxubtiehtu phbwa nimodipine immiphlinrayayaw cungimmikaraenanaihich mikarsuksakarichyaaekhlesiymaechnaenlblxkekxrtwxunaelaaemkniesiymsleftxyubangaetyngimepnthiaenanaihich nxkcakniyngimmihlkthanwakarihya nimodipine thanghlxdeluxddacamipraoychnmakkwakarihdwykarkinxikdwy emuxmixakarkhxngkarhdekrngkhxnghlxdeluxd mkmikarnaaenwthangkarrksathieriykwa Triple H maich sungidaek karihsarnathanghlxdeluxddaephuxihekidphawakhwamdnolhitsung Hypertension phawamiprimatreluxdmak Hypervolemia aela Hemodilution hlkthansnbsnunaenwthangkarrksaniyngimmikhxsrup yngimmikarwicyechingthdlxngaebbsumaelamiklumkhwbkhumchinidthithaephuxaesdngihehnpraoychnthiekidcakaenwthangkarrksaaenwthangni hakkarrksadwyyaimsamarththaihxakarkhxngkarkhadeluxdyawnandikhunid xacmikarichkarchidsihlxdeluxdephuxrabutaaehnngkhxnghlxdeluxdthiekidkarhdekrngaelachidyakhyayhlxdeluxd ekhaipthihlxdeluxdaedngesnnnodytrng hruxxacthakarphatdkhyayhlxdeluxd phawaaethrksxnxun xacphbphawaophrngsmxngkhngna hydrocephalus epnphawaaethrksxnkhxngeluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangidthnginrayasnaelarayayaw odysamarthtrwcphbidcak CT scan odycaphbmiophrngsmxngkhang lateral ventricle otkhun thamipyharadbkarrusuktwldlngphupwyxactxngrbkarecaahlngrabayna hruxwangsayrabaynxkophrngsmxng extraventricular drain hruxxactxngwangthangldophrngsmxng shunt thawr karthisamarthbrrethaphawaophrngsmxngkhngnaidxacthaihphupwymixakardikhunidxyangmak phupwyeluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangthinxnrksainorngphyabalpramankhrunghnungmiphawaaethrksxnidaekkhwamaeprprwnkhxngkhwamdnolhit khwamphidpktikhxngekluxaer pxdbwm aelaphawahwiclmehlwid phawaehlanixacthaihphupwymiphyakrnorkhaeylng phupwythunghnunginsamcachkrahwangthinxnrksainorngphyabal cungmikarihyaknchkknodythwip odyechuxwacaepnpraoychnaekphupwy aetkarihyaknchkinkrniechnnikyngepnthithkethiyngaelaimmihlkthanthidirxngrb nganwicybangchinbngchiwakarihyaehlanimikhwamsmphnthkbphyakrnorkhthiimdi sungxacepncakphlesiykhxngkarihyaehlani hruxepncakkarthiyaehlanimkichinphupwythixakarhnkxyuaelwkidphyakrnorkhxtraesiychiwitaelathuphphlphaphrayaaerk phawaeluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangmkihphllphththiimdikbphupwy odymixtrakaresiychiwitxyuthi 40 50 aetpccubnerimmixtrakarrxdchiwitsungkhuneruxy phupwythiimcaepntxngrbiwrksainorngphyabalcanwnmakkwahnunginsimikhwamcakdinkardaeninchiwitxyangmak aelamicanwnphuthiimmixakarhlngehluxxyuelyephiyngimthunghnunginhaethann karidrbkarwinicchylacha echn karwinicchyphidepnorkhpwdsirsaimekrn miswnthaihekidphllphththiimdi pccythitrwcphbidtngaetaerkrbiwrksainorngphyabalthimikhwamsmphnthkbkarmiphllphthimdimihlayxyang incanwnniechn karmixakarthangrabbprasaththiimdi mikhwamdneluxdtwbnsung ekhyepnorkhhwicmakxn ekhymieluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangmakxn miorkhtb trwc CT scan phbmieluxdxxkmakhruxmihlxdeluxdopngphxngkhnadihy taaehnngkhxnghlxdeluxdopngphxngxyuthirabbihlewiynswnhlng aelakarmixayumak pccythitrwcphbrahwangnxnrksainorngphyabalthithaihmiphyakrnorkhthiimdimihlayxyangechn mikarkhadeluxdkhxngenuxsmxngthiekidkhunphayhlngsungekidcakkarhdekrngkhxnghlxdeluxd mikxneluxdinenuxsmxng mieluxdxxkinophrngsmxng aelakarmiikhkhuninwnthi 8 khxngkarnxnrksainorngphyabal phupwyeluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangbangrayaemcaidrbkartrwcdwykarchidsihlxdeluxdthngsiesnaelwyngimphbmihlxdeluxdopngphxngnnmiphyakrnorkhdikwaphupwyeluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangthimihlxdeluxdopngphxng aetphltrwcechnniyngmikhwamsmphnthkbkhwamesiyngkhxngkarkhadeluxd karmieluxdxxksa aelakarekidphawaophrngsmxngkhngna inkhnathikarmieluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangbriewnrxbsmxngswnklang perimesencephalic mioxkasekideluxdxxksahruxkarkhadeluxdthiekidkhunphayhlngnxymak aelamiphyakrnorkhdikwamak echuxknwaphyakrnorkhkhxngxubtiehtukrathbkraethuxnsirsannswnhnungkhunxyukbtaaehnngaelakhwamrunaerngkhxngkarmieluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklang aetkaraeykexaphlkhxngkarmieluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangxxkcakphlxun khxngphawasmxngkrathbkraethuxnnnepnkaryak thaihimmiikhrthrabwakarmieluxditeyuxhumsmxngchnklangnnepnpccythithaihphyakrnorkhaeylng hruxepnephiyngsyyanbngbxkwamikarbadecbekidkhun phupwyphawabadecbkhxngsmxng traumatic brain injury radbpanklangaelarunaerngthimieluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangtngaetaerkrbiwrksainorngphyabalnnmikhwamesiyngthicaesiychiwitmakkwaklumthiimmieluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangthungsxngetha nxkcaknnyngmikhwamesiyngkhxngkarekidphawathuphphlphaphrunaerngaelasphaphphkeruxrngmakkwaxikdwy nxkcaknieluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangthiekidcakxubtiehtuyngmikhwamsmphnthkbtwbngchiphllphththiimdixyangxun echn phawalmchkhlngekidkarbadecb post traumatic epilepsy phawaophrngsmxngkhngna aelakartxngxyuinhxxphibalphupwyhnkepnewlanan xyangirkdiphupwyeluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangcakkarbadecbthimikhaaennaebbpraeminklasokwmakkwa 12 nn 90 miphlkarrksadi yngmihlkthanchnidxxnxyubangwamipccythangphnthukrrmthimiphltxphyakrnorkhkhxngkarmieluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklang twxyangechn karmiyin ApoE4 yinchnidhnungsungthxdrhsxxkmaepn apolipoprotein E sungmibthbathinorkhxlisemxr sxngchudnnduehmuxncaephimkhwamesiyngkhxngkarekidkarkhadeluxdthiekidkhunphayhlngaelanaipsuphlkarrksathiimdi inkhnathikarekidphawanatalineluxdsunghlngcakmieluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangnnthaihmikhwamesiyngsungthicamiphlkarrksathiimdi phlkarrksarayayaw xakarthangrabbprasathchnsung echn khwamrusukepliy xarmnaeprprwn aelaxakarxun epnphltammathiphbidthwip aeminphupwythimixakarthangrabbprasathfuntwxyangdikyngphbmiphawawitkkngwl sumesra khwamphidpktithiekidhlngkhwamekhriydthisaethuxnic PTSD aelakaresuxmthxykhxngstipyyaidbxy phupwyeluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangthung 46 camikhwambkphrxngkhxngphawakarrbruthirunaerngthungkhnsngphltxkhunphaphchiwit phupwythung 60 mixakarpwdsirsa eluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangthiekidcakhlxdeluxdopngphxngxacthaihmikhwamesiyhaytxihopthalamsaelatxmitsmxng sungthahnathisakhyinkarkhwbkhumaelaphlithxromnkhxngrangkay phupwythiekhymieluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangthungkwahnunginsimiphawatxmitsmxngthangannxy thaihmihxromncaktxmitsmxngchnididchnidhnunghruxhlaychnidnxykwapkti hxromnehlani echn okrthhxromn Growth hormone efchexsexch aexlexch epntnrabadwithyakhaechliykhxngcanwnphupwyeluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangtx 100 000 khn pi aebngtamxayu aekn X chwngxayu aekn Y xubtikarntx 100 000 khn pi cakbththbthwnnganwicy 51 chin in 21 praephth phbwaxubtikarnodyechliykhxngeluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangxyuthi 9 1 tx 100 000 txpi nganwicycakyipunaelafinaelndphbmixubtikarnsungkwaxyuthi 22 7 aela 19 7 tamladb odyyngimthrabehtuphlaenchd inthangklbknxemrikaklangaelaxemrikaitmixubtikarnnxykwaxyuthi 4 2 tx 100 000 aemswnihykhxngphupwythiesiyngtxkarekideluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangcaepnklumxayuthinxykwakarekidorkhhlxdeluxdsmxngchnidxun aetkhwamesiyngkephimkhuntamxayuimtangkn phuthimixayunxymioxkasekideluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangnxykwaphuthixyuinwyklangkhndwyxtraswnkhwamesiyng risk ratio 0 1 hrux 10 khwamesiyngephimkhuntamxayuodyphumixayumak makkwa 85 pi esiyngkwaphumixayu 45 55 xyu 60 phuhyingxayumakkwa 55 pimikhwamesiyngmakkwaphuchayxayuethaknpraman 25 sungxacmikhwamekiywkhxngkbpccythiepnphlmacakkar echnkarldlngkhxngradbhxromnexsotrecn epntn phnthukrrmxacmiswninkarthaihbangkhnesiyngtxkarmieluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangmakkwakhnxun odycamikhwamesiyngephimkhun 3 5 ethainphuthimiyatisaytrngxndbthihnungpwydwymieluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklang xyangirkidpccyesiyngthimacakwithikardaeninchiwitmiphltxkhwamesiyngodyrwmmakkwa khwamesiyngehlaniidaek karsubbuhri khwamdneluxdsung aelakardumsura phuthiekhysubbuhrimikhwamesiyngtxkarmieluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangepnsxngethakhxngphuthiimekhysub mikhxmulthiimchdecnnkwapccybangxyangephimkhwamesiyngkhxngkarekideluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklang pccyehlaniechn karmiechuxchatikhxekhechiyn karidrb ebahwan aelakarmiradbkhxelsetxrxlmakkwapkti praman 4 khxngkarmieluxdxxkcakhlxdeluxdopngphxngekidkhunhlngkarmiephssmphnth aelaphupwyeluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklang 10 erimmixakarkhnathikalngkmtwhruxykkhxnghnk odyrwmaelw khnthwippraman 1 mihlxdeluxdopngphxngxyu swnihymikhnadelk aelamkimmikaraetkkhxnghlxdeluxdopngphxngehlaniprawtiaemcamikarsngektehnxakarthangkhlinikkhxngeluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangmatngaetsmykhxnghipopkraetsaelwaetkarmixyukhxngorkhhlxdeluxdsmxngopngphxngaelakhxethccringthiwamnsamarthaetkidnnyngimepnthithrabkncnkwacathungkhriststwrrsthi 18 mikarxthibayxakarthiekiywkhxngexaiwodylaexiydkwaodynayaephthy ibrxm aebrmewll chawexdinbarainpikh s 1886 txmainpikh s 1924 esxr dr 1890 1978 nkprasathwithyachawlxndxnidbnthukxakarhlk khxngkarmieluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangexaiwxyangkhrbthwn aelaesnxihichkhawa eluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangekidexng spontaneous subarachnoid hemorrhage ismxns yngidxthibaykarichkarecaanaikhsnhlngaelakarmisixxkehluxnginkarchwywinicchyexaiwdwy karrksadwykarphatdkhrngaerkthaodynxraemn dxtt sungepnluksisykhxng dr harwiy khuchching sungtxnnnthanganxyuinexdinbara ekhaidesnxkarrksadwykarhxhlxdeluxdthiopngphxng wrapping of aneurysm inchwngrawkhristthswrrs 1930 aelaepnphubukebikkarchidsihlxdeluxdkhnhnung prasathslyaephthychawxemrika dr wxletxr aedndi sungthanganinbxlthimxrepnphuthiichkhliphnibinkarrksaepnkhrngaerkinpi kh s 1938 mikarnakarphatddwykarichklxngkhyaychwy microsurgery maichinkarrksahlxdeluxdopngphxnginpi kh s 1972 ephuxephimphlkarrksa karrksaaebb Triple H erimnamaichinchwngkhristthswrrs 1980 odyichepnkarrksakarkhadeluxdphayhlngthiekidcakkarhdekrngkhxnghlxdeluxd delayed ischemia due to vasospasm aelainchwngediywknmikarwicythdlxngich nimodipine ephuxpxngknphawaaethrksxnni inpi kh s 1983 prasathslyaephthychawrsesiy Zubkov aelakhnaidrayngankarichbxllun transluminal balloon angioplasty inkarrksaaelapxngknkarhdekrngkhxnghlxdeluxdhlngekideluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklangthiekidcakhlxdeluxdopngphxng prasathslyaephthychawxitali dr kwiod kwilexlmi idesnxkarrksadwykarichkhdlwdinhlxdeluxdinpi kh s 1991xangxingxangxingphidphlad payrabu lt ref gt imthuktxng immikarkahndkhxkhwamsahrbxangxingchux EM2016 xangxingphidphlad payrabu lt ref gt imthuktxng immikarkahndkhxkhwamsahrbxangxingchux Car2016 xangxingphidphlad payrabu lt ref gt imthuktxng immikarkahndkhxkhwamsahrbxangxingchux Ox2007 van Gijn J Kerr RS Rinkel GJ 2007 Subarachnoid haemorrhage Lancet 369 9558 306 18 doi 10 1016 S0140 6736 07 60153 6 PMID 17258671 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Feigin VL Rinkel GJ Lawes CM aelakhna 2005 Risk factors for subarachnoid hemorrhage an updated systematic review of epidemiological studies Stroke 36 12 2773 80 doi 10 1161 01 STR 0000190838 02954 e8 PMID 16282541 Suarez JI Tarr RW Selman WR January 2006 Aneurysmal subarachnoid hemorrhage New England Journal of Medicine 354 4 387 96 doi 10 1056 NEJMra052732 PMID 16436770 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Longmore Murray Ian Wilkinson Tom Turmezei Chee Kay Cheung 2007 Oxford Handbook of Clinical Medicine 7th edition Oxford University Press p 841 ISBN 0 19 856837 1 Ramrakha Punit Kevin Moore 2007 Oxford Handbook of Acute Medicine 2nd ed Oxford University Press pp 466 470 ISBN 978 0199232628 Warrell David A Timothy M Cox aelakhna 2003 Oxford Textbook of Medicine Fourth Edition Volume 3 Oxford pp 1032 1034 ISBN 0 19 857013 9 McCarron MO Alberts MJ McCarron P 2004 A systematic review of Terson s syndrome Frequency and prognosis after subarachnoid haemorrhage Journal of Neurology Neurosurgery and Psychiatry 75 3 491 3 doi 10 1136 jnnp 2003 016816 PMC 1738971 PMID 14966173 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Allman Keith G Iain H Wilson 2006 Oxford Handbook of Anaesthesia 2nd ed Oxford University Press pp 408 409 ISBN 978 0198566090 Banki NM Kopelnik A Dae MW aelakhna 2005 Acute neurocardiogenic injury after subarachnoid hemorrhage Circulation 112 21 3314 9 doi 10 1161 CIRCULATIONAHA 105 558239 PMID 16286583 Servadei F Murray GD Teasdale GM aelakhna February 2002 Traumatic subarachnoid hemorrhage demographic and clinical study of 750 patients from the European brain injury consortium survey of head injuries Neurosurgery 50 2 261 7 discussion 267 9 doi 10 1097 00006123 200202000 00006 PMID 11844260 Perry JJ Stiell IG Sivilotti ML aelakhna 18 July 2011 Sensitivity of computed tomography performed within six hours of onset of headache for diagnosis of subarachnoid haemorrhage prospective cohort study BMJ Clinical research ed 343 d4277 PMID 21768192 sphthbyytirachbnthitysthan 2017 07 15 thi ewyaebkaemchchin Cruickshank A Auld P Beetham R aelakhna May 2008 Annals of Clinical Biochemistry 45 Pt 3 238 44 doi 10 1258 acb 2008 007257 PMID 18482910 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2008 05 30 subkhnemux 2010 03 12 Teunissen LL Rinkel GJ Algra A van Gijn J 1 March 1996 Risk factors for subarachnoid hemorrhage a systematic review Stroke 27 3 544 9 PMID 8610327 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Kowalski RG Claassen J Kreiter KT aelakhna February 2004 Initial misdiagnosis and outcome after subarachnoid hemorrhage Journal of the American Medical Association 291 7 866 9 doi 10 1001 jama 291 7 866 PMID 14970066 Nguyen H Zaroff JG November 2009 Neurogenic stunned myocardium Curr Neurol Neurosci Rep 9 6 486 91 doi 10 1007 s11910 009 0071 0 PMID 19818236 Rinkel GJ van Gijn J Wijdicks EF 1 September 1993 Subarachnoid hemorrhage without detectable aneurysm A review of the causes PDF Stroke 24 9 1403 9 PMID 8362440 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Armin SS Colohan AR Zhang JH June 2006 Traumatic subarachnoid hemorrhage Our current understanding and its evolution over the past half century Neurological Research 28 4 445 52 doi 10 1179 016164106X115053 PMID 16759448 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Rosen D Macdonald R 2005 Subarachnoid hemorrhage grading scales A systematic review Neurocritical Care 2 2 110 8 doi 10 1385 NCC 2 2 110 PMID 16159052 Hunt W Hess R 1968 Surgical risk as related to time of intervention in the repair of intracranial aneurysms Journal of Neurosurgery 28 1 14 20 doi 10 3171 jns 1968 28 1 0014 PMID 5635959 Fisher C Kistler J Davis J 1980 Relation of cerebral vasospasm to subarachnoid hemorrhage visualized by computerized tomographic scanning Neurosurgery 6 1 1 9 doi 10 1097 00006123 198001000 00001 PMID 7354892 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Claassen J Bernardini GL Kreiter K aelakhna September 2001 Effect of cisternal and ventricular blood on risk of delayed cerebral ischemia after subarachnoid hemorrhage the Fisher scale revisited Stroke 32 9 2012 20 doi 10 1161 hs0901 095677 PMID 11546890 Teasdale G Drake C Hunt W Kassell N Sano K Pertuiset B De Villiers J 1988 A universal subarachnoid hemorrhage scale Report of a committee of the World Federation of Neurosurgical Societies Journal of Neurology Neurosurgery and Psychiatry 51 11 1457 doi 10 1136 jnnp 51 11 1457 PMC 1032822 PMID 3236024 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Ogilvy CS Carter BS May 1998 A proposed comprehensive grading system to predict outcome for surgical management of intracranial aneurysms Neurosurgery 42 5 959 68 discussion 968 70 doi 10 1097 00006123 199805000 00001 PMID 9588539 White PM Wardlaw JM December 2003 Unruptured intracranial aneurysms Journal of Neuroradiology 30 5 336 50 PMID 14752379 Gibbs GF Huston J Qian Q aelakhna May 2004 Follow up of intracranial aneurysms in autosomal dominant polycystic kidney disease Kidney International 65 5 1621 7 doi 10 1111 j 1523 1755 2004 00572 x PMID 15086900 International Study of Unruptured Intracranial Aneurysms Investigators December 1998 New England Journal of Medicine 339 24 1725 33 doi 10 1056 NEJM199812103392401 PMID 9867550 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2008 12 15 subkhnemux 2010 04 26 Naggara ON White PM Guilbert F Roy D Weill A Raymond J September 2010 Endovascular treatment of intracranial unruptured aneurysms systematic review and meta analysis of the literature on safety and efficacy Radiology 256 3 887 97 doi 10 1148 radiol 10091982 PMID 20634431 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Dandy WE 1938 Intracranial aneurysm of the internal carotid artery Cured by operation Annals of Surgery 107 5 654 9 doi 10 1097 00000658 193805000 00003 PMC 1386933 PMID 17857170 Guglielmi G Vinuela F Dion J Duckwiler G 1991 Electrothrombosis of saccular aneurysms via endovascular approach Part 2 Preliminary clinical experience Journal of Neurosurgery 75 1 8 14 doi 10 3171 jns 1991 75 1 0008 PMID 2045924 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Molyneux AJ Kerr RS Yu LM aelakhna 2005 International subarachnoid aneurysm trial ISAT of neurosurgical clipping versus endovascular coiling in 2143 patients with ruptured intracranial aneurysms A randomised comparison of effects on survival dependency seizures rebleeding subgroups and aneurysm occlusion Lancet 366 9488 809 17 doi 10 1016 S0140 6736 05 67214 5 PMID 16139655 van der Schaaf I Algra A Wermer M aelakhna 2005 Cochrane Database of Systematic Reviews Online 4 CD003085 doi 10 1002 14651858 CD003085 pub2 PMID 16235314 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2020 03 28 subkhnemux 2010 05 01 Campi A Ramzi N Molyneux AJ aelakhna 2007 Retreatment of ruptured cerebral aneurysms in patients randomized by coiling or clipping in the International Subarachnoid Aneurysm Trial ISAT Stroke 38 5 1538 44 doi 10 1161 STROKEAHA 106 466987 PMID 17395870 Piotin M Spelle L Mounayer C aelakhna 2007 Intracranial aneurysms Treatment with bare platinum coils aneurysm packing complex coils and angiographic recurrence Radiology 243 2 500 8 doi 10 1148 radiol 2431060006 PMID 17293572 Raymond J Guilbert F Weill A aelakhna 2003 Long term angiographic recurrences after selective endovascular treatment of aneurysms with detachable coils Stroke 34 6 1398 403 doi 10 1161 01 STR 0000073841 88563 E9 PMID 12775880 Dorhout Mees S Rinkel G Feigin V aelakhna 2007 Calcium antagonists for aneurysmal subarachnoid haemorrhage Cochrane Database of Systematic Reviews Online 3 CD000277 doi 10 1002 14651858 CD000277 pub3 PMID 17636626 Allen GS Ahn HS Preziosi TJ aelakhna 1983 Cerebral arterial spasm A controlled trial of nimodipine in patients with subarachnoid hemorrhage New England Journal of Medicine 308 11 619 24 doi 10 1056 NEJM198303173081103 PMID 6338383 Vergouwen MD Vermeulen M Roos YB December 2006 Effect of nimodipine on outcome in patients with traumatic subarachnoid haemorrhage A systematic review Lancet Neurology 5 12 1029 32 doi 10 1016 S1474 4422 06 70582 8 PMID 17110283 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Kassell NF Peerless SJ Durward QJ Beck DW Drake CG Adams HP September 1982 Treatment of ischemic deficits from vasospasm with intravascular volume expansion and induced arterial hypertension Neurosurgery 11 3 337 43 doi 10 1097 00006123 198209000 00001 PMID 7133349 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Sen J Belli A Albon H Morgan L Petzold A Kitchen N October 2003 Triple H therapy in the management of aneurysmal subarachnoid haemorrhage Lancet Neurology 2 10 614 21 doi 10 1016 S1474 4422 03 00531 3 PMID 14505583 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Rosengart AJ Huo JD Tolentino J aelakhna August 2007 Outcome in patients with subarachnoid hemorrhage treated with antiepileptic drugs Journal of Neurosurgery 107 2 253 60 doi 10 3171 JNS 07 08 0253 PMID 17695377 Naval NS Stevens RD Mirski MA Bhardwaj A February 2006 Controversies in the management of aneurysmal subarachnoid hemorrhage Critical Care Medicine 34 2 511 24 doi 10 1097 01 CCM 0000198331 45998 85 PMID 16424735 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Liu KC Bhardwaj A 2007 Use of prophylactic anticonvulsants in neurologic critical care a critical appraisal Neurocritical Care 7 2 175 84 doi 10 1007 s12028 007 0061 5 PMID 17763834 Rosengart AJ Schultheiss KE Tolentino J Macdonald RL August 2007 Prognostic factors for outcome in patients with aneurysmal subarachnoid hemorrhage Stroke 38 8 2315 21 doi 10 1161 STROKEAHA 107 484360 PMID 17569871 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Naidech AM Kreiter KT Janjua N aelakhna March 2005 Phenytoin exposure is associated with functional and cognitive disability after subarachnoid hemorrhage Stroke 36 3 583 7 doi 10 1161 01 STR 0000141936 36596 1e PMID 15662039 Greebe P Rinkel GJ April 2007 Life expectancy after perimesencephalic subarachnoid hemorrhage Stroke 38 4 1222 4 doi 10 1161 01 STR 0000260093 49693 7a PMID 17332451 Lanterna LA Ruigrok Y Alexander S aelakhna August 2007 Meta analysis of APOE genotype and subarachnoid hemorrhage clinical outcome and delayed ischemia Neurology 69 8 766 75 doi 10 1212 01 wnl 0000267640 03300 6b PMID 17709709 Kruyt ND Biessels GJ de Haan RJ aelakhna June 2009 Hyperglycemia and clinical outcome in aneurysmal subarachnoid hemorrhage a meta analysis Stroke 40 6 e424 30 doi 10 1161 STROKEAHA 108 529974 PMID 19390078 Powell J Kitchen N Heslin J Greenwood R June 2002 Psychosocial outcomes at three and nine months after good neurological recovery from aneurysmal subarachnoid haemorrhage Predictors and prognosis Journal of Neurology Neurosurgery and Psychiatry 72 6 772 81 doi 10 1136 jnnp 72 6 772 PMC 1737916 PMID 12023423 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Schneider HJ Kreitschmann Andermahr I Ghigo E Stalla GK Agha A September 2007 Hypothalamopituitary dysfunction following traumatic brain injury and aneurysmal subarachnoid hemorrhage a systematic review Journal of the American Medical Association 298 12 1429 38 doi 10 1001 jama 298 12 1429 PMID 17895459 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk de Rooij NK Linn FH van der Plas JA Algra A Rinkel GJ December 2007 Incidence of subarachnoid haemorrhage A systematic review with emphasis on region age gender and time trends Journal of Neurology Neurosurgery and Psychiatry 78 12 1365 72 doi 10 1136 jnnp 2007 117655 PMID 17470467 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Longstreth WT Koepsell TD Yerby MS van Belle G 1985 Risk factors for subarachnoid hemorrhage PDF Stroke 16 3 377 85 PMID 3890278 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Bramwell B 1886 Spontaneous meningeal haemorrhage Edinburgh Medical Journal 32 101 Symonds CP 1924 Spontaneous subarachnoid hemorrhage Quarterly Journal of Medicine 18 93 122 Todd NV Howie JE Miller JD June 1990 Norman Dott s contribution to aneurysm surgery Journal of Neurology Neurosurgery and Psychiatry 53 6 455 8 doi 10 1136 jnnp 53 6 455 PMC 1014202 PMID 2199609 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Symonds CP 1924 Spontaneous sub arachnoid haemorrhage Proceedings of the Royal Society of Medicine 17 Neurol Sect 39 52 PMC 2201441 PMID 19983808 Krayenbuhl HA Yasargil MG Flamm ES Tew JM December 1972 Microsurgical treatment of intracranial saccular aneurysms Journal of Neurosurgery 37 6 678 86 doi 10 3171 jns 1972 37 6 0678 PMID 4654697 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Pickard JD Murray GD Illingworth R aelakhna March 1989 Effect of oral nimodipine on cerebral infarction and outcome after subarachnoid haemorrhage British aneurysm nimodipine trial BMJ Clinical research ed 298 6674 636 42 doi 10 1136 bmj 298 6674 636 PMC 1835889 PMID 2496789 Zubkov IuN Nikiforov BM Shustin VA September October 1983 1st attempt at dilating spastic cerebral arteries in the acute stage of rupture of arterial aneurysms Zh Vopr Neirokhir Im N N Burdenko 5 5 17 23 PMID 6228084 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Zubkov YN Nikiforov BM Shustin VA September October 1984 Balloon catheter technique for dilatation of constricted cerebral arteries after aneurysmal SAH Acta Neurochir Wien 70 1 2 65 79 doi 10 1007 BF01406044 PMID 6234754 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Strother CM 1 May 2001 Historical perspective Electrothrombosis of saccular aneurysms via endovascular approach part 1 and part 2 AJNR American Journal of Neuroradiology 22 5 1010 2 PMID 11337350 aehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb eluxdxxkiteyuxhumsmxngchnklang Neuroland 2007 04 20 thi ewyaebkaemchchin SAH pagekarcaaenkorkhDICD 10 I60 P10 3 S06 6ICD 430 852 0 852 1 105800MeSH D013345 12602thrphyakrphaynxk 000701 med 2883 neuro 357 emerg 559