อะฮ์หมัด อิบน์ ฮัมบัล อัซซุฮ์ลี (อาหรับ: أحمد بن حنبل الذهلي, อักษรโรมัน: Aḥmad ibn Ḥanbal al-Dhuhlī; พฤศจิกายน ค.ศ. 780 – 2 สิงหาคม ค.ศ. 855/ฮ.ศ. 164–241) เป็น, , นักพรต, นักหะดีษ และผู้ก่อตั้งมัซฮับของมัซฮับฟิกฮ์ของซุนนะฮ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่โรงเรียนกฎหมายหลักออร์โธดอกซ์ของศาสนาอิสลามกลุ่มซุนนะฮ์
อะบูอับดิลลาฮ์ อะฮ์หมัด อิบน์ มุฮัมมัด อิบน์ ฮัมบัล อัซซุฮ์ลี أَبُو عَبْد ٱلله أَحْمَد بْن مُحَمَّد بْن حَنْبَل الذهلي | |
---|---|
คำนำหน้าชื่อ | , อิมาม |
ส่วนบุคคล | |
เกิด | พฤศจิกายน ค.ศ. 780 เราะบีอุลเอาวัล ฮ.ศ. 164 แบกแดด, รัฐเคาะลีฟะฮ์อับบาซียะฮ์ |
มรณภาพ | 2 สิงหาคม ค.ศ. 855 12 เราะบีอุลเอาวัล ฮ.ศ. 241 (อายุ 74–75) แบกแดด, รัฐเคาะลีฟะฮ์อับบาซียะฮ์ |
ศาสนา | ศาสนาอิสลาม |
ยุค | ยุคทองของอิสลาม |
ภูมิภาค | อิรัก |
สำนักคิด | อิจญ์ติฮาด |
ลัทธิ | อะษะรี |
ความสนใจหลัก | ฟิกฮ์, อุศูลุลฟิกฮ์, หะดีษ, |
แนวคิดโดดเด่น | |
ผลงานโดดเด่น | มุสนัด อะฮ์หมัด อิบน์ ฮัมบัล ร็อดดุ อะลัลญะฮ์มียะฮ์ วัซซะนาดิเกาะฮ์ กิตาบุสซุนนะฮ์ อุศูลุสซุนนะฮ์ |
อาชีพ | นักวิชาการอิสลาม, มุฮัดดิษ |
ตำแหน่งชั้นสูง | |
ได้รับอิทธิจาก | |
มีอิทธิพลต่อ
|
นักวิชาการที่มีอิทธิพลและกระตือรือร้นอย่างมากในช่วงชีวิตของเขา อิบน์ ฮัมบัล ได้กลายเป็นบุคคลทางปัญญาที่ "เคารพนับถือมากที่สุดคนหนึ่ง" ในประวัติศาสตร์อิสลาม ผู้มี "อิทธิพลอย่างลึกซึ้งที่ส่งผลกระทบต่อเกือบทุกด้าน" ของแนวคิดอะษะรีย์ (อนุรักษ์นิยม) มุมมองภายในศาสนาอิสลามซุนนะฮ์ อิบน์ ฮัมบัล หนึ่งในผู้เสนอแนวทางคลาสสิกที่สำคัญที่สุดในการอาศัยแหล่งข้อมูลจากคัมภีร์เป็นพื้นฐานสำหรับกฎหมายอิสลามและวิถีชีวิตของชาวซุนนะฮ์ อิบน์ ฮัมบัล ได้รวบรวมรวบรวมหะดีษซุนนะฮ์ที่สำคัญที่สุดชุดหนึ่ง นั่นคือ อัลมุสนัด ซึ่งยังคงใช้อิทธิพลอย่างมากใน สาขาวิชาหะดีษ จนถึงปัจจุบัน
หลังจากศึกษาฟิกฮ์ และ หะดีษ กับอาจารย์หลายคนในช่วงวัยหนุ่ม อิบน์ ฮัมบัล มีชื่อเสียงในชีวิตต่อมาจากบทบาทที่เขาใน คือ การสอบสวนของเคาลีฟะฮ์อับบาซียะฮ์คือ รัชกาลซึ่งผู้ปกครองให้การสนับสนุนอย่างเป็นทางการต่อหลักคำสอนที่ว่า โดยมาจาก กลุ่ม ซึ่งเป็นมุมมองที่ขัดแย้งกับหลักคำสอนดั้งเดิมของคัมภีร์กุรอานว่าเป็นพระวจนะของอัลลอฮ์ที่ไม่ได้สร้างขึ้นชั่วนิรันดร์ ความทุกข์ทรมานจากการประหัตประหารทางร่างกายภายใต้เคาะลีฟฟะฮ์เหนื่องจากการยึดมั่นในหลักคำสอนดั้งเดิมอย่างไม่ท้อถอย ความอดทนของอิบน์ ฮัมบัล ในเหตุการณ์นี้เป็นการเสริม "ชื่อเสียงที่ดังก้อง" ของเขาเท่านั้น ในพงศาวดารของประวัติศาสตร์ซุนนะฮ์
ปรมาจารย์ด้านหะดีษ ในศตวรรษที่ 14 กล่าวถึงอิบน์ ฮัมบัลว่าเป็น "ชัยคุลอิสลามที่แท้จริงและเป็นผู้นำของชาวมุสลิมในยุคของเขา ปรมาจารย์ด้านฮะดีษและฮุจญะตุลอิสลาม"
ในยุคสมัยใหม่ ชื่อของอิบน์ ฮัมบัลได้กลายเป็นที่ถกเถียงกันในบางพื้นที่ของโลกอิสลาม เนื่องจากขบวนการปฏิรูปฮัมบะลีที่รู้จักกันในชื่อ วะฮาบีย์ ได้อ้างถึงเขาเป็นอิทธิพลหลักร่วมกับอิบน์ ตัยมียะฮ์ นักปฏิรูปชาวฮัมบะลี ในศตวรรษที่ 13 นักวิชาการคนอื่นๆ ยืนยันว่า อะฮ์หมัด อิบน์ ฮัมบัล เป็น "บรรพบุรุษอันไกลโพ้นของวะฮาบีย์" ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจอย่างมากในขบวนการปฏิรูปอนุรักษ์นิยมของ
ชีวประวัติ
ชีวิตในวัยเด็กและครอบครัว
ครอบครัวของอะฮ์หมัด อิบน์ ฮัมบัล มีพื้นเพมาจากเมืองอัลบัศเราะฮ์, ประเทศอิรัก และเป็นของชนเผ่าอาหรับ จากเผ่า บิดาของเขาเป็นนายทหารในกองทัพของอับบาซียะฮ์ ใน และต่อมาได้ตั้งรกรากอยู่กับครอบครัวของเขาในแบกแดด ที่ซึ่ง อะฮ์หมัด เกิดในปี ค.ศ. 780
อิบน์ ฮัมบัล มีภรรยาสองคนและลูกหลายคน รวมทั้งลูกชายคนโตซึ่งต่อมาได้เป็นผู้พิพากษาในเมืองอิสฟาฮาน
การศึกษาและการทำงาน
อะฮ์หมัด ศึกษาอย่างกว้างขวางในกรุงแบกแดดและเดินทางไปศึกษาต่อในภายหลัง เขาเริ่มเรียนหลักนิติศาสตร์ (ฟิกฮ์) ภายใต้ผู้พิพากษาฮะนะฟีคือ ลูกศิษย์ที่มีชื่อเสียงและเป็นสหายของอิหม่ามอะบูฮะนีฟะฮ์ หลังจากจบการศึกษากับอะบูยูซุฟแล้ว อิบน์ ฮัมบัลเริ่มเดินทางผ่านอิรัก, ซีเรีย และ อาระเบีย เพื่อรวบรวมหะดีษหรือการกระทำของท่านนบีมุฮัมมัด (ศ็อลฯ) อิบน์ อัลเญาซี กล่าวว่า อิหม่ามอะฮ์หมัด มีปรมาจารย์หะดีษ 414 คนซึ่งเขาเป็นผู้รายงาน ด้วยความรู้นี้ เขากลายเป็นผู้นำด้านหะดีษ โดยทิ้งสารานุกรมหะดีษขนาดใหญ่ชื่อ มุสนัด อะฮ์หมัด อิบน์ ฮัมบัล หลังจากเดินทางหลายปี เขากลับมาที่กรุงแบกแดดเพื่อศึกษากฎหมายอิสลามกับอัชชาฟิอี[][ ]
อะฮ์หมัดกลายเป็นมุฟตีย์ในวัยชรา และก่อตั้งมัซฮับ หรือสำนักสอนนิติศาสตร์อิสลาม ซึ่งปัจจุบันมีอำนาจมากที่สุดในซาอูดิอาระเบีย กาตาร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์[][ ] ไม่เหมือนกับอีกสามสำนักของนิติศาสตร์อิสลาม (, และ ) มัซฮับฮัมบะลี ยังคงเป็นนักอนุรักษนิยมหรืออะษะรีย์ ในเทววิทยาเป็นส่วนใหญ่
นอกจากกิจการด้านวิชาการแล้ว อิบน์ ฮัมบัลยังเป็นทหารที่ชายแดนอิสลาม (ริบาต) และทำฮัจญ์ถึง 5 ครั้งในชีวิตของเขา โดยเดินเท้า 2 ครั้ง
ความตาย
อิบน์ ฮัมบัล เสียชีวิตเมื่อวันศุกร์ที่ 12 เราะบีอุลเอาวัล ฮ.ศ. 241/ 2 สิงหาคม ค.ศ. 855 ขณะอายุ 74–75 ปีในกรุงแบกแดด, ประเทศอิรัก นักประวัติศาสตร์เล่าว่าการละหมาดญะนาซะฮฺของเขามีผู้ชาย 800,000 คนและผู้หญิง 60,000 คนเข้าร่วม และมีคริสเตียนและยิว 20,000 คนเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามในวันนั้น กุโบร์ (หลุมฝังศพ) ของเขาตั้งอยู่ในสถานที่ของ ใน
อัลมิห์นะฮ์
เป็นที่ทราบกันดีว่าอิบน์ ฮัมบัลถูกเรียกตัวก่อนการไต่สวนหรือมิห์นะฮ์ของเคาะลีฟะฮ์แห่งอับบาซียะฮ์คือ อัลมะอ์มูน ต้องการยืนยันอำนาจทางศาสนาของเคาะลีฟะฮ์ โดยกดดันให้บรรดานักวิชาการยอมรับมุมมองของ ว่าอัลกุรอานถูกสร้างขึ้นมากกว่าไม่ได้สร้างขึ้น ตามประเพณีของซุนนะฮ์ อิบน์ ฮัมบัลเป็นหนึ่งในนักวิชาการที่ต่อต้านการแทรกแซงของเคาะลีฟะฮ์และหลักคำสอนของมุอ์ตะซิละฮ์ที่ว่าอัลกุรอานเป็นมัคลูก (สิ่งถูกสร้าง) จุดยืนของอิบน์ ฮัมบัล ต่อต้านการสืบสวนของ (ซึ่งเคยเป็นผู้มีอำนาจปกครองในขณะนั้น) ทำให้มัซฮับ สถาปนาตนเองอย่างมั่นคงว่าไม่เพียงแต่เป็นสำนักของฟิกฮ์ (นิติศาสตร์) เท่านั้น แต่ยังเป็นอะษะรีย์ด้วย
เนื่องจากเขาปฏิเสธที่จะยอมรับอำนาจของมุอ์ตะซิละฮ์ อิบน์ ฮัมบัลจึงถูกคุมขังในกรุงแบกแดดตลอดรัชสมัยของ ในเหตุการณ์ระหว่างการปกครองของผู้สืบทอดอำนาจของอัลมะอ์มูนคือ อิบน์ ฮัมบัลถูกเฆี่ยนจนหมดสติ อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ทำให้เกิดกลียุคในกรุงแบกแดด และอัลมุอ์ตะศิมถูกบังคับให้ปล่อยตัวอิบน์ ฮัมบัล[] หลังจากการเสียชีวิตของอัลมุอ์ตะศิม แล้ว กลายเป็นเคาะลีฟะฮ์และสานต่อนโยบายของบรรพบุรุษของเขาในการบังคับใชมุอ์ตะซิละฮ์ และในการติดตามครั้งนี้ เขาได้เนรเทศอิบน์ ฮัมบัล จากแบกแดด หลังจากการเสียชีวิตของอัลวาษิก และการขึ้นครองบัลลังก์ของพี่ชายของเขาคือ ซึ่งเป็นมิตรกับความเชื่อดั้งเดิมของซุนนะฮ์ มากกว่า อิหม่ามอิบน์ ฮัมบัลได้รับการต้อนรับกลับสู่แบกแดด[]
มุมมองทางประวัติศาสตร์
อิบน์ ฮัมบัล ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางจากผลงานของเขาทั้งในด้านรายงานของหะดีษ, หลักฟิกฮ์ และการปกป้องอะกีดะฮ์ซุนนะฮ์ดั้งเดิมของเขา กล่าวว่าชาวมุสลิมไม่สามารถเป็นของอัลลอฮ์ ได้อย่างแท้จริง เว้นแต่ว่าพวกเขาจะอยู่ในลัทธิของอิบน์ ฮัมบัล; แม้จะได้รับคำชมจากคนรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ยะห์ยา อิบน์ มะอีน สังเกตว่าอิบัน ฮันบัลไม่เคยโอ้อวดเกี่ยวกับความสำเร็จของเขา
นิติศาสตร์
มีบางมุมมองที่ถูกกล่าวหาว่ามุมมองเชิงนิติศาสตร์ของเขาไม่เป็นที่ยอมรับเสมอไป นักตัฟซีรอัลกุรอานคือ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยพยายามศึกษาภายใต้การนำของอิบน์ ฮัมบัล ภายหลังกล่าวว่าเขาไม่ได้ถือว่าอิบน์ ฮัมบัล เป็นนักนิติศาสตร์ และไม่ได้ให้ความเห็นของเขาในสาขานี้ โดยอธิบายว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในหะดีษเท่านั้น อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ต้องดูในบริบทของเวลา เนื่องจากมัซฮับของอิบน์ ฮัมบัล ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและยังไม่ค่อยมีคนติดตามมากนักเมื่อเทียบกับมัซฮับอื่นๆ และนักเรียนก็มีความขัดแย้งกับมัซฮับของอัฏเฏาะบะรีย์
อย่างไรก็ตาม นักวิชาการคนอื่นๆ ส่วนใหญ่ยอมรับในความกล้าหาญของอิบน์ ฮัมบัล ในฐานะนักนิติศาสตร์ระดับปรมาจารย์ที่คู่ควรกับผู้ที่ระเบียบวิธีวิทยากลายเป็นรากฐานสำหรับสำนักวิชานิติศาสตร์ของตนเอง อิหม่ามชาฟิอีกล่าวท่ามกลางคำสรรเสริญอื่นๆ อีกมากมายว่า "อะฮ์หมัดเป็นอิหม่ามในแปดสาขา: เขาเป็นอิหม่ามใน หะดีษ, ฟิกฮ์, อัลกุรอาน, อัลลุเฆาะฮ์, อัสซุนนะฮ์, อัซซุฮ์ด, อัวะร็อก, และ อัลฟักร์" หนึ่งในนักเขียนชีวประวัติอิสลามที่สำคัญที่สุด บันทึกในผลงานชิ้นเอกของเขาคือ ซิยาร อะอ์ลาม อันนนุบะลาอ์ ว่าสถานะของอิบน์ ฮันบัลในทางหะดีษนั้นเหมือนกันกับ , มาลิก อิบน์ อะนัส, อัชชาฟิอี และ
หะดีษ
มีรายงานว่า อิบน์ ฮัมบัล ได้รับตำแหน่ง อัลฮาฟิซแห่งหะดีษ ตามการจัดหมวดหมู่ของ ได้รับการอนุมัติว่า อิบน์ ฮัมบัล ได้จดจำหะดีษอย่างน้อย 750,000 รายการในช่วงชีวิตของเขา มากกว่า มุฮัมมัด อัลบุคอรี และ ซึ่งแต่ละคนจดจำหะดีษได้ 300,000 ครั้ง และ อะบูดาวูด อัสซิญิสตานี ซึ่งจดจำหะดีษได้ 500,000 ครั้ง กล่าวว่า อิบน์ ฮัมบัล ได้จดจำหะดีษ 1,000,000 หะดีษ 700,000 ในหะดีษเกี่ยวข้องกับหลักนิติศาสตร์
ในขณะที่ตามการจัดประเภทจากของอิบน์ อับบาส ซึ่งบันทึกโดย อิบน์ ฮัมบัลได้เลื่อนขั้นเป็น อะมีรุลมุอ์มินูน ฟิลหะดีษ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีนักวิชาการหะดีษเพียงไม่กี่คนเท่านั้นในประวัติศาสตร์เช่น มาลิก อิบน์ อะนัส, , , และ อย่างไรก็ตาม มุสนัดของอิบน์ ฮัมบัล ไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่ม ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ของหะดีษหกกลุ่ม
ดูเพิ่ม
ผลงาน
หนังสือต่อไปนี้พบได้ในของอิบน์ อัลนะดีม:
- อุศูลุสซุนนะฮ์: "รากฐานของซุนนะฮ์นะบี (เกี่ยวกับหลักศรัทธา)"
- อัสซุนนะฮ์: "ซุนนะฮ์นะบี (เกี่ยวกับหลักศรัทธา)"
- กิตาบุลอิลัล วะมะอ์ริฟะตุรเราะญาล: "หนังสือบรรยายที่มีข้อบกพร่องที่ซ่อนอยู่และความรู้ของมนุษย์ (เกี่ยวกับหะดีษ)"
- กิตาบุลมะนาซิก: "หนังสือเกี่ยวกับพิธีกรรมฮัจญ์"
- กิตาบุซซุฮ์ด: "หนังสือแห่งการสมถะ"
- กิตาบุลอีมาน: "หนังสือหลักศรัทธา"
- กิตาบุลมะซาอิล: "ปัญหาเกี่ยวกับฟิกฮ์"
- กิตาบุลอัชริบะฮ์: "หนังสือแห่งการดื่ม"
- กิตาบุลฟะฎออิล อัศเศาะฮาบะฮ์: "คุณธรรมของเศาะฮาบะฮ์"
- กิตาบุฏฏออะฮ์ อัรเราะซูล: "หนังสือแห่งการเชื่อฟังเราะซูล"
- กิตาบุลมันซูค: "คัมภีร์แห่งการละทิ้ง"
- กิตาบุลฟะรออิด: "หนังสือแห่งหน้าที่บังคับ"
- กิตาบุรร็อดดุ อะลัลซะนะดิเกาะฮ์ วัลญะฮ์มียะฮ์: "การปฏิเสธของพวกนอกรีตและชาวญะฮ์มี"
- ตัฟซีร: "อรรถกถา"
- มุสนัด อะฮ์หมัด อิบน์ ฮัมบัล
อ้างอิง
- "مناهج أئمة الجرح والتعديل". Ibnamin.com. จากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-01-07. สืบค้นเมื่อ 2010-03-21.
- Roy Jackson, "Fifty key figures in Islam", Taylor & Francis, 2006. p 44: "Abu Abdallah Ahmad ibn Muhammad ibn Hanbal ibn Hilal al-Shaybani was born in Baghdad in Iraq in 780"
- The History of Persia by John Malcolm – Page 245
- A Literary History of Persia from the Earliest Times Until Firdawsh by Edward Granville Browne – Page 295
- Abū ʿAbdillāh Aḥmad ibn Muḥammad ibn Ḥanbal al-Thuhli (อาหรับ: أَبُو عَبْدِ ٱلله أَحْمَد بْن مُحَمَّد بْن حَنْبَل الذهلي)
- H. Laoust, "Ahmad b. Hanbal," in Encyclopedia of Islam, Vol. I, pp. 272-7
- H. Laoust, "Ahmad b. Hanbal," in Encyclopedia of Islam, Vol. I, pp. 272-7
- Mohammed M. I. Ghaly, "Writings on Disability in Islam: The 16th Century Polemic on Ibn Fahd's "al-Nukat al-Ziraf"," The Arab Studies Journal, Vol. 13/14, No. 2/1 (Fall 2005/Spring 2006), p. 26, note 98
- Holtzman, Livnat, “Aḥmad b. Ḥanbal”, in: Encyclopaedia of Islam, THREE, Edited by: Kate Fleet, Gudrun Krämer, Denis Matringe, John Nawas, Everett Rowson.
- 1st ed., Cairo 1311; new edition by Aḥmad S̲h̲ākir in publ. since 1368/1948
- H. Laoust, "Ahmad b. Hanbal," in Encyclopedia of Islam, Vol. I, pp. 272-7
- Manāḳib, pp. 33-6; Tard̲j̲ama, pp. 13-24
- H. Laoust, "Ahmad b. Hanbal," in Encyclopedia of Islam, Vol. I, pp. 272-7
- Gibril F. Haddad, The Four Imams and Their Schools (London: Muslim Academic Trust, 2007), p. 301
- Michael Cook, “On the Origins of Wahhābism,” Journal of the Royal Asiatic Society, Third Series, Vol. 2, No. 2 (Jul., 1992), p. 198
- Bearman, Bianquis, Bosworth, van Donzel, Heinrichs, P. , Th. , C.E. , E. , W.P. (1960). "Aḥmad b. Ḥanbal". ใน Laoust, Henri (บ.ก.). Encyclopaedia of Islam, Second Edition. Brill. ISBN . จากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-11-05. สืบค้นเมื่อ 2021-11-05.
Founder of one of the four major Sunnī schools, the Ḥanbalī, he was, through his disciple Ibn Taymiyya [q.v.], the distant progenitor of Wahhābism, and has inspired also in a certain degree the conservative reform movement of the Salafiyya.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - H. A. R. Gibb; และคณะ, บ.ก. (1986). "Aḥmad B. Ḥanbal". Encyclopaedia of Islam. A-B. Vol. 1 (New ed.). Brill Academic Publishers. p. 272. ISBN .
Aḥmad B. Ḥanbal was an Arab, belonging to the Banū Shaybān, of Rabī’a,...
- Foundations of the Sunnah, by Ahmad ibn Hanbal, pg 51-173
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 16, 2007.
- (2009), Historical Dictionary of Islam, , pp. 136–137, ISBN
- (ภาษาอาหรับ). Al-Mada Supplements. 2012-12-02. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-09-20.
- دليل الجوامع والمساجد التراثية والأثرية (ภาษาอาหรับ), , p. 69
- الدليل السياحي للأضرحة والمراقد في العراق (ภาษาอาหรับ), , Department of General Sunni Shrines, p. 13
- Williams, W. Wesley (2008). Tajalli Wa-Ru'ya: A Study of Anthropomorphic Theophany and Visio Dei in the Hebrew Bible, the Qur'an and early Sunni Islam. p. 229. ISBN .[]
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 16, 2007.
- Foundations of the Sunnah, by Ahmad ibn Hanbal, pg 51-173
- [./Yaqut_al-Hamawi Yaqut al-Hamawi], Irshad, vol. 18, pg. 57-58.
- Abu Zayd, Bakr. Al-Madkhal Al-Mufassal. pp. 1/366.
- Ibn Abī Yaʻlá, Abū al-Ḥusayn Muḥammad ibn Muḥammad. Tabaqat al-Hanabilah. Beirut, Lebanon: Dar al-Ma'rifah. pp. 1/14.
- al-Dhahabī, Shams ad-Dīn Abū ʿAbdillāh Muḥammad ibn Aḥmad ibn ʿUthmān. Siyar a'lam al-nubala (ภาษาอาหรับ). pp. 21/379.
- Ibn Abī Yaʻlá, Abū al-Ḥusayn Muḥammad ibn Muḥammad. Tabaqat al-Hanabilah. Beirut, Lebanon: Dar al-Ma'rifah. pp. 1/14.
- Nahrawi Abdus Salam Al-Indunisi, Ahmad (2008). Ahmad Nahrawi, Amirah (บ.ก.). Ensiklopedia Imam Syafi'i (Dr.) (ภาษาอินโดนีเซีย). แปลโดย Usman Sya'roni. Koja, North Jakarta, Indonesia: Jakarta Islamic Centre. p. 697. ISBN . จากแหล่งเดิมเมื่อ 8 July 2022. สืบค้นเมื่อ 17 December 2021.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
xahhmd xibn hmbl xssuhli xahrb أحمد بن حنبل الذهلي xksrormn Aḥmad ibn Ḥanbal al Dhuhli phvscikayn kh s 780 2 singhakhm kh s 855 h s 164 241 epn nkphrt nkhadis aelaphukxtngmshbkhxngmshbfikhkhxngsunnah sungepnhnunginsiorngeriynkdhmayhlkxxrothdxkskhxngsasnaxislamklumsunnahxabuxbdillah xahhmd xibn muhmmd xibn hmbl xssuhli أ ب و ع ب د ٱلله أ ح م د ب ن م ح م د ب ن ح ن ب ل الذهليkhanahnachux ximamswnbukhkhlekidphvscikayn kh s 780 eraabixulexawl h s 164 aebkaedd rthekhaalifahxbbasiyah mrnphaph2 singhakhm kh s 855 12 eraabixulexawl h s 241 xayu 74 75 aebkaedd rthekhaalifahxbbasiyahsasnasasnaxislamyukhyukhthxngkhxngxislamphumiphakhxirksankkhidxicytihadlththixasarikhwamsnichlkfikh xusululfikh hadis aenwkhidoddednphlnganoddednmusnd xahhmd xibn hmbl rxddu xallyahmiyah wssanadiekaah kitabussunnah xusulussunnahxachiphnkwichakarxislam muhddistaaehnngchnsungidrbxiththicak xchchafixi mixiththiphltx nkethwwithya aela nknitisastrkhxng echn xabudawud xbdullxh xibn xahhmd xibn hmbl hrb xibn xismaxil xibn tymiyah muhmmd xibn xbdulwahhab xasd xlhmbali bdruddin xlhmbali nkwichakarthimixiththiphlaelakratuxruxrnxyangmakinchwngchiwitkhxngekha xibn hmbl idklayepnbukhkhlthangpyyathi ekharphnbthuxmakthisudkhnhnung inprawtisastrxislam phumi xiththiphlxyangluksungthisngphlkrathbtxekuxbthukdan khxngaenwkhidxasariy xnurksniym mummxngphayinsasnaxislamsunnah xibn hmbl hnunginphuesnxaenwthangkhlassikthisakhythisudinkarxasyaehlngkhxmulcakkhmphirepnphunthansahrbkdhmayxislamaelawithichiwitkhxngchawsunnah xibn hmbl idrwbrwmrwbrwmhadissunnahthisakhythisudchudhnung nnkhux xlmusnd sungyngkhngichxiththiphlxyangmakin sakhawichahadis cnthungpccubn hlngcaksuksafikh aela hadis kbxacaryhlaykhninchwngwyhnum xibn hmbl michuxesiynginchiwittxmacakbthbaththiekhain khux karsxbswnkhxngekhalifahxbbasiyahkhux rchkalsungphupkkhrxngihkarsnbsnunxyangepnthangkartxhlkkhasxnthiwa odymacak klum sungepnmummxngthikhdaeyngkbhlkkhasxndngedimkhxngkhmphirkurxanwaepnphrawcnakhxngxllxhthiimidsrangkhunchwnirndr khwamthukkhthrmancakkarprahtpraharthangrangkayphayitekhaaliffahehnuxngcakkaryudmninhlkkhasxndngedimxyangimthxthxy khwamxdthnkhxngxibn hmbl inehtukarnniepnkaresrim chuxesiyngthidngkxng khxngekhaethann inphngsawdarkhxngprawtisastrsunnah prmacarydanhadis instwrrsthi 14 klawthungxibn hmblwaepn chykhulxislamthiaethcringaelaepnphunakhxngchawmusliminyukhkhxngekha prmacarydanhadisaelahucyatulxislam inyukhsmyihm chuxkhxngxibn hmblidklayepnthithkethiyngkninbangphunthikhxngolkxislam enuxngcakkhbwnkarptiruphmbalithiruckkninchux wahabiy idxangthungekhaepnxiththiphlhlkrwmkbxibn tymiyah nkptirupchawhmbali instwrrsthi 13 nkwichakarkhnxun yunynwa xahhmd xibn hmbl epn brrphburusxniklophnkhxngwahabiy sungepnaerngbndalicxyangmakinkhbwnkarptirupxnurksniymkhxngchiwprawtichiwitinwyedkaelakhrxbkhrw tnchbbkhxngkhxekhiynthangkdhmaykhxngxibn hmbl phlitineduxntulakhm kh s 879 khrxbkhrwkhxngxahhmd xibn hmbl miphunephmacakemuxngxlbseraah praethsxirk aelaepnkhxngchnephaxahrb cakepha bidakhxngekhaepnnaythharinkxngthphkhxngxbbasiyah in aelatxmaidtngrkrakxyukbkhrxbkhrwkhxngekhainaebkaedd thisung xahhmd ekidinpi kh s 780 xibn hmbl miphrryasxngkhnaelalukhlaykhn rwmthnglukchaykhnotsungtxmaidepnphuphiphaksainemuxngxisfahan karsuksaaelakarthangan xahhmd suksaxyangkwangkhwanginkrungaebkaeddaelaedinthangipsuksatxinphayhlng ekhaerimeriynhlknitisastr fikh phayitphuphiphaksahanafikhux luksisythimichuxesiyngaelaepnshaykhxngxihmamxabuhanifah hlngcakcbkarsuksakbxabuyusufaelw xibn hmblerimedinthangphanxirk sieriy aela xaraebiy ephuxrwbrwmhadishruxkarkrathakhxngthannbimuhmmd sxl xibn xleyasi klawwa xihmamxahhmd miprmacaryhadis 414 khnsungekhaepnphurayngan dwykhwamruni ekhaklayepnphunadanhadis odythingsaranukrmhadiskhnadihychux musnd xahhmd xibn hmbl hlngcakedinthanghlaypi ekhaklbmathikrungaebkaeddephuxsuksakdhmayxislamkbxchchafixi txngkarxangxing caepntxngxangxing xahhmdklayepnmuftiyinwychra aelakxtngmshb hruxsanksxnnitisastrxislam sungpccubnmixanacmakthisudinsaxudixaraebiy katar aelashrthxahrbexmierts txngkarxangxing txngkarxangxing imehmuxnkbxiksamsankkhxngnitisastrxislam aela mshbhmbali yngkhngepnnkxnurksniymhruxxasariy inethwwithyaepnswnihy nxkcakkickardanwichakaraelw xibn hmblyngepnthharthichayaednxislam ribat aelathahcythung 5 khrnginchiwitkhxngekha odyedinetha 2 khrng khwamtay xibn hmbl esiychiwitemuxwnsukrthi 12 eraabixulexawl h s 241 2 singhakhm kh s 855 khnaxayu 74 75 piinkrungaebkaedd praethsxirk nkprawtisastrelawakarlahmadyanasah khxngekhamiphuchay 800 000 khnaelaphuhying 60 000 khnekharwm aelamikhrisetiynaelayiw 20 000 khnepliynmanbthuxsasnaxislaminwnnn kuobr hlumfngsph khxngekhatngxyuinsthanthikhxng inxlmihnahepnthithrabkndiwaxibn hmblthukeriyktwkxnkaritswnhruxmihnahkhxngekhaalifahaehngxbbasiyahkhux xlmaxmun txngkaryunynxanacthangsasnakhxngekhaalifah odykddnihbrrdankwichakaryxmrbmummxngkhxng waxlkurxanthuksrangkhunmakkwaimidsrangkhun tampraephnikhxngsunnah xibn hmblepnhnunginnkwichakarthitxtankaraethrkaesngkhxngekhaalifahaelahlkkhasxnkhxngmuxtasilahthiwaxlkurxanepnmkhluk singthuksrang cudyunkhxngxibn hmbl txtankarsubswnkhxng sungekhyepnphumixanacpkkhrxnginkhnann thaihmshb sthapnatnexngxyangmnkhngwaimephiyngaetepnsankkhxngfikh nitisastr ethann aetyngepnxasariydwy enuxngcakekhaptiesththicayxmrbxanackhxngmuxtasilah xibn hmblcungthukkhumkhnginkrungaebkaeddtlxdrchsmykhxng inehtukarnrahwangkarpkkhrxngkhxngphusubthxdxanackhxngxlmaxmunkhux xibn hmblthukekhiyncnhmdsti xyangirktam singnithaihekidkliyukhinkrungaebkaedd aelaxlmuxtasimthukbngkhbihplxytwxibn hmbl lingkesiy hlngcakkaresiychiwitkhxngxlmuxtasim aelw klayepnekhaalifahaelasantxnoybaykhxngbrrphburuskhxngekhainkarbngkhbichmuxtasilah aelainkartidtamkhrngni ekhaidenrethsxibn hmbl cakaebkaedd hlngcakkaresiychiwitkhxngxlwasik aelakarkhunkhrxngbllngkkhxngphichaykhxngekhakhux sungepnmitrkbkhwamechuxdngedimkhxngsunnah makkwa xihmamxibn hmblidrbkartxnrbklbsuaebkaedd txngkarxangxing mummxngthangprawtisastrxibn hmbl idrbkarykyxngxyangkwangkhwangcakphlngankhxngekhathngindanrayngankhxnghadis hlkfikh aelakarpkpxngxakidahsunnahdngedimkhxngekha klawwachawmuslimimsamarthepnkhxngxllxh idxyangaethcring ewnaetwaphwkekhacaxyuinlththikhxngxibn hmbl aemcaidrbkhachmcakkhnrunrawkhrawediywkn aetyahya xibn maxin sngektwaxibn hnblimekhyoxxwdekiywkbkhwamsaerckhxngekha nitisastr mibangmummxngthithukklawhawamummxngechingnitisastrkhxngekhaimepnthiyxmrbesmxip nktfsirxlkurxankhux sungkhrnghnungekhyphyayamsuksaphayitkarnakhxngxibn hmbl phayhlngklawwaekhaimidthuxwaxibn hmbl epnnknitisastr aelaimidihkhwamehnkhxngekhainsakhani odyxthibaywaekhaepnphuechiywchayinhadisethann xyangirktam singnitxngduinbribthkhxngewla enuxngcakmshbkhxngxibn hmbl yngxyuinchwngerimtnaelayngimkhxymikhntidtammaknkemuxethiybkbmshbxun aelankeriynkmikhwamkhdaeyngkbmshbkhxngxtetaabariy xyangirktam nkwichakarkhnxun swnihyyxmrbinkhwamklahaykhxngxibn hmbl inthananknitisastrradbprmacarythikhukhwrkbphuthiraebiybwithiwithyaklayepnrakthansahrbsankwichanitisastrkhxngtnexng xihmamchafixiklawthamklangkhasrresriyxun xikmakmaywa xahhmdepnxihmaminaepdsakha ekhaepnxihmamin hadis fikh xlkurxan xlluekhaah xssunnah xssuhd xwarxk aela xlfkr hnunginnkekhiynchiwprawtixislamthisakhythisud bnthukinphlnganchinexkkhxngekhakhux siyar xaxlam xnnnubalax wasthanakhxngxibn hnblinthanghadisnnehmuxnknkb malik xibn xans xchchafixi aela hadis miraynganwa xibn hmbl idrbtaaehnng xlhafisaehnghadis tamkarcdhmwdhmukhxng idrbkarxnumtiwa xibn hmbl idcdcahadisxyangnxy 750 000 raykarinchwngchiwitkhxngekha makkwa muhmmd xlbukhxri aela sungaetlakhncdcahadisid 300 000 khrng aela xabudawud xssiyistani sungcdcahadisid 500 000 khrng klawwa xibn hmbl idcdcahadis 1 000 000 hadis 700 000 inhadisekiywkhxngkbhlknitisastr inkhnathitamkarcdpraephthcakkhxngxibn xbbas sungbnthukody xibn hmblideluxnkhnepn xamirulmuxminun filhadis sungepntaaehnngthiminkwichakarhadisephiyngimkikhnethanninprawtisastrechn malik xibn xans aela xyangirktam musndkhxngxibn hmbl imidcdxyuinklum sungepnklumihykhxnghadishkklumduephimxasariyah malik xibn xans xabuhanifah xchchafixiphlnganhnngsuxtxipniphbidinkhxngxibn xlnadim xusulussunnah rakthankhxngsunnahnabi ekiywkbhlksrththa xssunnah sunnahnabi ekiywkbhlksrththa kitabulxill wamaxrifatureraayal hnngsuxbrryaythimikhxbkphrxngthisxnxyuaelakhwamrukhxngmnusy ekiywkbhadis kitabulmanasik hnngsuxekiywkbphithikrrmhcy kitabussuhd hnngsuxaehngkarsmtha kitabulximan hnngsuxhlksrththa kitabulmasaxil pyhaekiywkbfikh kitabulxchribah hnngsuxaehngkardum kitabulfadxxil xsesaahabah khunthrrmkhxngesaahabah kitabuttxxah xreraasul hnngsuxaehngkarechuxfngeraasul kitabulmnsukh khmphiraehngkarlathing kitabulfarxxid hnngsuxaehnghnathibngkhb kitaburrxddu xallsanadiekaah wlyahmiyah karptiesthkhxngphwknxkritaelachawyahmi tfsir xrrthktha musnd xahhmd xibn hmblxangxing مناهج أئمة الجرح والتعديل Ibnamin com cakaehlngedimemux 2019 01 07 subkhnemux 2010 03 21 Roy Jackson Fifty key figures in Islam Taylor amp Francis 2006 p 44 Abu Abdallah Ahmad ibn Muhammad ibn Hanbal ibn Hilal al Shaybani was born in Baghdad in Iraq in 780 The History of Persia by John Malcolm Page 245 A Literary History of Persia from the Earliest Times Until Firdawsh by Edward Granville Browne Page 295 Abu ʿAbdillah Aḥmad ibn Muḥammad ibn Ḥanbal al Thuhli xahrb أ ب و ع ب د ٱلله أ ح م د ب ن م ح م د ب ن ح ن ب ل الذهلي H Laoust Ahmad b Hanbal in Encyclopedia of Islam Vol I pp 272 7 H Laoust Ahmad b Hanbal in Encyclopedia of Islam Vol I pp 272 7 Mohammed M I Ghaly Writings on Disability in Islam The 16th Century Polemic on Ibn Fahd s al Nukat al Ziraf The Arab Studies Journal Vol 13 14 No 2 1 Fall 2005 Spring 2006 p 26 note 98 Holtzman Livnat Aḥmad b Ḥanbal in Encyclopaedia of Islam THREE Edited by Kate Fleet Gudrun Kramer Denis Matringe John Nawas Everett Rowson 1st ed Cairo 1311 new edition by Aḥmad S h akir in publ since 1368 1948 H Laoust Ahmad b Hanbal in Encyclopedia of Islam Vol I pp 272 7 Manaḳib pp 33 6 Tard j ama pp 13 24 H Laoust Ahmad b Hanbal in Encyclopedia of Islam Vol I pp 272 7 Gibril F Haddad The Four Imams and Their Schools London Muslim Academic Trust 2007 p 301 Michael Cook On the Origins of Wahhabism Journal of the Royal Asiatic Society Third Series Vol 2 No 2 Jul 1992 p 198 Bearman Bianquis Bosworth van Donzel Heinrichs P Th C E E W P 1960 Aḥmad b Ḥanbal in Laoust Henri b k Encyclopaedia of Islam Second Edition Brill ISBN 9789004161214 cakaehlngedimemux 2021 11 05 subkhnemux 2021 11 05 Founder of one of the four major Sunni schools the Ḥanbali he was through his disciple Ibn Taymiyya q v the distant progenitor of Wahhabism and has inspired also in a certain degree the conservative reform movement of the Salafiyya a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a CS1 maint multiple names authors list lingk H A R Gibb aelakhna b k 1986 Aḥmad B Ḥanbal Encyclopaedia of Islam A B Vol 1 New ed Brill Academic Publishers p 272 ISBN 90 04 08114 3 Aḥmad B Ḥanbal was an Arab belonging to the Banu Shayban of Rabi a Foundations of the Sunnah by Ahmad ibn Hanbal pg 51 173 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux May 16 2007 2009 Historical Dictionary of Islam pp 136 137 ISBN 978 0 8108 6161 9 phasaxahrb Al Mada Supplements 2012 12 02 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2018 09 20 دليل الجوامع والمساجد التراثية والأثرية phasaxahrb p 69 الدليل السياحي للأضرحة والمراقد في العراق phasaxahrb Department of General Sunni Shrines p 13 Williams W Wesley 2008 Tajalli Wa Ru ya A Study of Anthropomorphic Theophany and Visio Dei in the Hebrew Bible the Qur an and early Sunni Islam p 229 ISBN 978 0549816881 lingkesiy khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux May 16 2007 Foundations of the Sunnah by Ahmad ibn Hanbal pg 51 173 Yaqut al Hamawi Yaqut al Hamawi Irshad vol 18 pg 57 58 Abu Zayd Bakr Al Madkhal Al Mufassal pp 1 366 Ibn Abi Yaʻla Abu al Ḥusayn Muḥammad ibn Muḥammad Tabaqat al Hanabilah Beirut Lebanon Dar al Ma rifah pp 1 14 al Dhahabi Shams ad Din Abu ʿAbdillah Muḥammad ibn Aḥmad ibn ʿUthman Siyar a lam al nubala phasaxahrb pp 21 379 Ibn Abi Yaʻla Abu al Ḥusayn Muḥammad ibn Muḥammad Tabaqat al Hanabilah Beirut Lebanon Dar al Ma rifah pp 1 14 Nahrawi Abdus Salam Al Indunisi Ahmad 2008 Ahmad Nahrawi Amirah b k Ensiklopedia Imam Syafi i Dr phasaxinodniesiy aeplody Usman Sya roni Koja North Jakarta Indonesia Jakarta Islamic Centre p 697 ISBN 9789791142199 cakaehlngedimemux 8 July 2022 subkhnemux 17 December 2021