พันตรี หม่อมเจ้าไตรทิพเทพสุต เทวกุล (5 พฤษภาคม พ.ศ. 2439 — 1 ตุลาคม พ.ศ. 2505) เป็นพระโอรสในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ ประสูติแต่หม่อมใหญ่ เทวกุล ณ อยุธยา (บุตรีของเจ้าพระยาสิริรัตนมนตรี (หงส์ สุจริตกุล))
หม่อมเจ้าไตรทิพเทพสุต เทวกุล | |
---|---|
หม่อมเจ้า ชั้น 4 | |
ประสูติ | 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2439 |
สิ้นชีพตักษัย | 1 ตุลาคม พ.ศ. 2505 (66 ปี) |
ภรรยา | ชายา หม่อมเจ้าบันดาลสวัสดี หม่อม หม่อมมณี เทวกุล ณ อยุธยา หม่อมแบบ เทวกุล ณ อยุธยา หม่อมแวว เทวกุล ณ อยุธยา |
พระบุตร | 8 คน |
ราชสกุล | เทวกุล |
ราชวงศ์ | จักรี |
พระบิดา | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ |
พระมารดา | หม่อมใหญ่ เทวกุล ณ อยุธยา |
พระประวัติ
หม่อมเจ้าไตรทิพเทพสุต มีพระนามลำลองว่า ท่านชายแถม ประสูติ ณ วังเดิมเชิงสะพานถ่าน (หรือเรียกโดยสามัญว่า ) กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นตลาดบำเพ็ญบุญในปัจจุบันนี้ เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2439 เวลา 17.25 น. ได้รับพระราชทานพระนาม ไตรทิพเทพสุต จากสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
ในประเทศ
เมื่อหม่อมเจ้าไตรทิพเทพสุตมีชันษาราว 7 ขวบ ทรงเล่าเรียนอักขรวิธี พร้อมกับเจ้าน้อง 3 องค์ที่วังพระบิดา โดยมีครูผู้ชายไปสอน ปรากฏว่าทรงเป็นเด็กเรียบร้อยมาแต่ต้น
ปี พ.ศ. 2447 และ พ.ศ. 2448 ทรงเข้าโรงเรียนราชกุมาร โดยเสด็จพระราชโอรสรุ่นเล็กในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในเวลานั้นทรงเข้าไปอยู่ในราชสำนักของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ ที่นี้ มีเจ้าพี่องค์หญิงชั้นผู้ใหญ่ประจำอยู่ก่อนแล้ว และได้รับพระราชกรุณาให้มีโอกาสเฝ้าแหนพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าทั้ง 2 พระองค์ และเรียนรู้ขนบธรรมเนียมวังและราชประเพณีหลายประการ อันเป็นเหตุให้เข้าเจ้าเข้านายได้อย่างเรียบร้อยดีในกาลต่อมา
วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2449 ทรง ใน ตามราชประเพณี (คือพิธีโกนจุกของพระบรมวงศานุวงศ์) ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง พร้อมกับหม่อมเจ้าชายหญิงอีก 12 องค์
ปี พ.ศ. 2450 และ พ.ศ. 2451 ทรงศึกษาที่โรงเรียนราชวิทยาลัย
ตั้งแต่กลางปี พ.ศ. 2452 และ พ.ศ. 2453 ทรงศึกษาวิชาสามัญในโรงเรียนนายร้อยชั้นปฐม จนสอบไล่ได้จะเลื่อนชั้นขึ้นไปศึกษาวิชาทหารในโรงเรียนนายร้อยชั้นมัธยม แต่เหตุเพราะเป็นผู้ที่มีผลการศึกษาดีและประพฤติองค์เรียบร้อย จึงทรงได้รับเลือกให้ออกไปศึกษาวิชาในต่างประเทศ ณ ประเทศรัสเซีย
ในต่างประเทศ
ปี พ.ศ. 2454 และ พ.ศ. 2455 เมื่อเสด็จออกไปถึงประเทศรัสเซียแต่ต้นปีแรกแล้ว ได้ไปประทับที่บ้านพันเอกเฟนูลท์ ผู้ปกครองและอาจารย์ ในโรงเรียนนายร้อยทหารบกรัสเซียแห่งหนึ่ง ซึ่งเคยอบรมนักเรียนไทยชุดก่อน ๆ มาแล้ว เพื่อทรงเรียนภาษารัสเซียวิชาสามัญแขนงต่าง ๆ และขนบธรรมเนียมของชาวรัสเซีย โดยมีครูไปสอนที่บ้านนั้น
ปี พ.ศ. 2456 และ พ.ศ. 2457 ทรงเข้าโรงเรียนนายร้อย Alexander II
ปีพ.ศ. 2458 ทรงศึกษาวิชาในโรงเรียนสำหรับทหารปืนใหญ่ Michel โดยทรงจบหลักสูตรอย่างย่อชุดที่ 3 เนื่องจากในขณะนั้นเป็นช่วงเวลาระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
เมื่อต้นเดือนมกราคม พ.ศ. 2458 หม่อมเจ้าไตรทิพเทพสุตได้เสด็จกลับจากประเทศรัสเซียมายังกรุงเทพมหานคร และทรงอยู่ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระเชษฐาธิราช เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ และมีพระกรุณาโปรดให้หม่อมเจ้าไตรทิพเทพสุต ประทับ ณ วังปารุสกวัน เป็นเวลา 3 ปี 7 เดือน จนกระทั่งหม่อมเจ้าไตรทิพเทพสุตต้องเสด็จไปราชการ ณ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2462 ในระหว่างพำนัก ณ วังปารุสกวันนั้น ทรงมีความสุขยิ่ง และสมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถก็ประทานความรู้รอบตัวต่าง ๆ แก่หม่อมเจ้าไตรทิพเทพสุตเป็นอย่างดี และทรงรับเป็นพระโอรสบุญธรรมองค์หนึ่งด้วย ซึ่งหม่อมเจ้าไตรทิพเทพสุตทรงสำนึกในพระเมตตากรุณาธิคุณเป็นอย่างมาก ทรงนับถือพระองค์ท่านเป็นบุพการี และทรงทำบุญถวายเป็นประจำและในวันทิวงคตทุก ๆ ปีมา
การรับราชการ
กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์
ทรงรับราชการในหน้าที่พลรบ ประจำกรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2458 ถึงเดือนเมษายน พ.ศ. 2461
ทรงเริ่มเข้ารับราชการเมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2458 ในตำแหน่งนักเรียนทำการนายร้อยทำหน้าที่ผู้บังคับหมวด ในกองร้อยที่ 1 โดยยังมิได้รับพระราชทานสัญญาบัตรและเงินเพิ่มพิเศษเยี่ยงนายทหารซึ่งได้ศึกษาจบบริบูรณ์ในต่างประเทศ เนื่องจากทรงจบการศึกษาจากหลักสูตรอย่างย่อสำหรับทหารปืนใหญ่เท่านั้น
ทรงรับราชการจนพระปรีชาเป็นที่ประจักษ์ ทรงรับพระราชทานยศว่าที่ร้อยตรี เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2460 ทรงรับพระราชทานเงินเพิ่มค่าวิชาเดือนละ 100 บาทเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2460 และทรงได้รับพระราชทานสัญญาบัตรยศร้อยตรี เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2461 พร้อมกับเลื่อนเงินเดือนข้ามชั้นไปยังอัตราร้อยตรีชั้น 1 อีกด้วย
ทรงรับราชการเป็นนายทหารคนสนิทของผู้บังคับการกรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2460 จนถึงสิ้นเดือนเมษายน พ.ศ. 2461 รวมทรงรับราชการในกรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์นาน 2 ปี 3 เดือนครึ่ง
กรมช่างแสงทหารบก (ครั้งแรก)
ในวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2461 โปรดเกล้าฯ ไปปฏิบัติราชการในหน้าที่ผู้ช่วยรบ ในกรมช่างแสงทหารบก เป็นเวลานาน 1 ปี 3 เดือน
ราชการ ณ ประเทศญี่ปุ่น สังกัดกรมเสนาธิการทหารบก
เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2462 หม่อมเจ้าไตรทิพเทพสุต ทรงเป็นกรรมการผู้หนึ่งในคณะไปราชการ ณ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อดูการสร้างและตรวจรับปืนใหญ่สนาม ซึ่งกองทัพบกได้สั่งซื้อจากประเทศญี่ปุ่น โดยมี พลตรี พระยาอินทรวิชิต (รัตน อาวุธ) เป็นหัวหน้าคณะ เป็นเวลานาน 3 ปี 5 เดือน และยังได้มีโอกาสศึกษากิจการทหารในประเทศนี้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาอันเกี่ยวด้วยราชการของกรมช่างแสงทหารบก
ณ ประเทศญี่ปุ่น ทรงได้รับพระราชทานเลื่อนยศเป็นร้อยโทเมื่อต้นปี พ.ศ. 2463 และทรงได้เลื่อนชั้นเงินเดือนทุกปี
ครั้นเมื่อเสด็จกลับมายังกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2465 แล้ว ในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2465 ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย ต่อพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งถือเป็นบำเหน็จความชอบพิเศษ เนื่องจากตามระเบียบการพระราชทานในสมัยนั้นกำหนดไว้ว่า ตามปรกติสำหรับพระราชทานแก่นายทหารยศชั้นพันโทเท่านั้น
กรมช่างแสงทหารบก (ครั้งหลัง)
ทรงรับราชการต่อในกรมช่างแสงทหารบกตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2465 จนกระทั่งวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2475 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 เป็นระบอบประชาธิปไตย รวมเวลานาน 9 ปี 7 เดือน
ทรงเป็นราชองครักษ์เวรในรัชกาลที่ 6 เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2466
แรกทรงมีตำแหน่งสำรองราชการ แล้วเป็นตำแหน่งประจำกรม ต่อมาทรงได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกที่ 5 (การปืนเล็กปืนกล) เมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2472
รับพระราชทานยศร้อยเอก เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2467 และยศพันตรี เมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2472 พร้อมทรงรับเงินเดือนอัตราพันตรีชั้น 1
ในที่สุดระหว่างห้วงการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศ ทรงถูกปลดเป็นนายทหารกองหนุนเบี้ยหวัด เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2475 เมื่อมีชันษาเพียง 36 ปีเศษ (หลังจากทรงถูกกักบริเวณพร้อมกับเชื้อพระวงศ์ เจ้านายและนายทหารอื่น ๆ ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม และไม่สมัครพระทัยรับราชการทหารอีกต่อไป)
การประกอบกิจการอื่น ๆ
เมื่อทรงพ้นหน้าที่ราชการประจำแล้ว หม่อมเจ้าไตรทิพเทพสุตทรงออกไปตั้งภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร (บริเวณศูนย์ราชการในปัจจุบันนี้) กับหม่อมใหญ่ผผู้เป็นมารดาเพื่อช่วยท่านประกอบอาชีพปลูกและค้ายางพารา มันสำปะหลัง กาแฟ แตงโม และอื่น ๆ เมื่อหม่อมมารดาถึงแก่อนิจกรรมแล้วก็ยังทรงประกอบกิจการดังกล่าวเพื่อประโยชน์ร่วมกันของเจ้าพี่เจ้าน้องบางองค์ จนถึงปี พ.ศ. 2488 เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองยุติลงแล้ว จึงเสด็จกลับมาประทับในกรุงเทพมหานคร โดยยังทรงอำนวยการกิจการดังกล่าว เพียงแต่ได้ทรงมอบหมายให้ผู้ที่ไว้วางใจได้จัดทำต่อไป
ต่อมาเมื่อต้ปี พ.ศ. 2491 ทรงงานในสำนักจัดการผลประโยชน์ของสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ซึ่งประทับ ณ พระตำหนักวังสระปทุม) เพื่อฉลองพระเดชพระคุณในสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า จนกระทั่งเมื่อพระองค์ท่านเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2498 แล้ว พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทรงงานในสำนักงานจัดการทรัพย์สินส่วนพระองค์ (ของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร, สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์) โดยทรงช่วยงานหม่อมเจ้าอัจฉราฉวี เทวกุล จนกระทั่งสิ้นชีพิตักษัย รวมระยะเวลาที่ทรงทำงานในสำนักงานนี้ทั้งสิ้น 14 ปี 5 เดือนเศษ
ครอบครัว
หม่อมเจ้าไตรทิพเทพสุต มีหม่อมคนแรกคือ หม่อมมณี ชาวญี่ปุ่น ขณะทรงไปราชการที่ประเทศญี่ปุ่น
ต่อมาเมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2466 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หม่อมเจ้าไตรทิพเทพสุต เสกสมรสกับหม่อมเจ้าบันดาลสวัสดี ดิศกุล ณ พระที่นั่งบรมพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง และต่อมาหม่อมเจ้าบันดาลสวัสดีได้สิ้นชีพิตักษัย เมื่อปี พ.ศ. 2469
ภายหลังหม่อมเจ้าบันดาลสวัสดีสิ้นชีพิตักษัย มีหม่อมอีก 2 คน คือ หม่อมแบบ และหม่อมแวว
มีโอรสธิดา 8 คน (เรียงตามลำดับอายุ) ดังนี้
- เกิดแต่หม่อมมณี
- มีบุตร 2 คนและบุตรี 2 คน
- มีบุตร 1 คนและบุตรี 4 คน
- เกิดแต่หม่อมเจ้าบันดาลสวัสดี
- มีบุตร 1 คน
- มีบุตรี 1 คน
- (ถึงแก่กรรมเมื่ออายุได้ 4 ปี 3 เดือน)
- เกิดแต่หม่อมแบบ
- มีบุตรี 2 คน
- เกิดแต่หม่อมแวว
- มีบุตร 1 คนและบุตรี 2 คน
มีนัดดาทั้งสิ้น 16 คน ชาย 5 คน หญิง 11 คน
สำหรับที่ประทับนั้น เมื่อแรกที่วังเทวะเวสม์ สร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2461 ทรงย้ายไปประทับกับพระบิดา หม่อมมารดา จนกระทั่งเสกสมรสจึงย้ายไปวังวรดิศของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ต่อมาทรงได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานที่ดินสร้างวัง ณ สี่แยกถนนพญาไทตัดกับถนนราชวิถี ขนาด 5 ไร่ 1 งาน 18 ตารางวา ภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง วังดังกล่าวถูกรัฐบาลเวนคืนทำลานอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและโรงพยาบาลราชวิถีขณะประทับอยู่จังหวัดชุมพร
เมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง ทรงย้ายไปที่จังหวัดชุมพร และเมื่อทรงย้ายกลับกรุงเทพมหานคร จะประทับที่วังเทวะเวสม์
ต่อมาเมื่อรัฐบาลคณะราษฎร์ขอซื้อวังเทวะเวสม์จากราชสกุลเทวกุล และเวนคืนวังสี่แยกถนนราชวิถีและถนนพญาไทดังกล่าวข้างต้น จึงทรงสร้างวังที่ถนนสุขุมวิท ซอย 24 และประทับที่วังนี้มาตลอดจนสิ้นชีพิตักษัย
สิ้นชีพิตักษัย
หม่อมเจ้าไตรทิพเทพสุต ได้ทรงทำงานมาตลอดชนม์ชีพและมีพลานามัยดีมาตลอด จนกระทั่งชันษาล่วง 60 ปี จึงมีเหตุให้แพทย์ต้องทำการผ่าตัดถึง 2 คราว คือเป็นต้อกระจกที่เนตรทั้ง 2 ข้าง หลังผ่าตัดครั้งหลังเมื่อปี พ.ศ. 2504 แม้วรกายจะซูบผอมลง ก็มิได้ประชวรอย่างที่เรียกกันว่า "ล้มหมอนนอนเสื่อ" ยังได้ทรงปฏิบัติกิจการในหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระองค์ฯ ตลอดมาด้วยดี จนถึงปลายเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2505 จึงเริ่มประชวร และเข้ารักษาองค์ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และโรงพยาบาลศิริราชตามลำดับ แพทย์ลงความเห็นว่าประชวรด้วยโรคตับแข็ง ทรงรับการรักษาอยู่ 1 เดือนเศษ กำลังกายทรุดลงมาก และสิ้นชีพิตักษัยด้วยอาการอันสงบเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2505 เวลา 7 นาฬิกาเศษ บ่ายวันเดียวกันนั้น ณ ศาลามรุพงศ์ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร ได้รับพระราชทานน้ำอาบศพและหีบทองทึบมีเครื่องประกอบเกียรติยศตามฐานันดรศักดิ์ และตั้งศพไว้ ณ ที่นั้นเพื่อประกอบการกุศล
ในงานออกเมรุ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานโกศราชวงศ์ ประกอบศพหม่อมเจ้าไตรทิพเทพสุตเพื่อเป็นเกียรติยศเพิ่มขึ้น ทั้งโปรดเกล้าฯ ให้สำนักพระราชวังจัดการเป็นงานหลวงทุกประการ และได้โปรดเกล้าฯ ให้ตีพิมพ์หนังสือชุมนุมพระบรมราชาธิบาย ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รวม 2 หมวด เพื่อพระราชทานเป็นของชำร่วยในงานนี้ด้วย อนึ่ง สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีได้ทรงพระกรุณา พระราชทานพระราชานุเคราะห์แก่หม่อมเจ้าไตรทิพเทพสุต นับตั้งแต่ทรงเริ่มรักษาองค์ที่โรงพยาบาลจนถึงวาระชีพิตักษัย และทั้งตลอดงานตั้งศพด้วย
ครั้นถึงวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2505 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จพระราชดำเนินประทับพลับพลาอิสสริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส ราชวรวิหาร ทรงทอดผ้าสดับปกรณ์ แล้วเสด็จฯขึ้นสู่เมรุพระราชทานเพลิงศพ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. 2500 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 2 ทุติยจุลจอมเกล้า (ท.จ.) (ฝ่ายหน้า)
- พ.ศ. 2465 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย (จ.ม.)
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ – เหรียญจักรมาลา (ร.จ.ม.)
- พ.ศ. 2469 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 ชั้นที่ 4 (ป.ป.ร.4)
- พ.ศ. 2497 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 3 (ภ.ป.ร.3)
พงศาวลี
พงศาวลีของหม่อมเจ้าไตรทิพเทพสุต เทวกุล | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
- "แจ้งความสำนักคณะรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ฝ่ายหน้าและฝ่ายใน ประจำปี 2500" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 74 (47ง): 1209. 21 พฤษภาคม 2500. สืบค้นเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2564.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help))
- ชุมนุมพระบรมราชาธิบาย ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รวม 2 หมวด ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พิมพ์พระราชทานแจกในงานพระราชทานเพลิงศพ พันตรีหม่อมเจ้าไตรทิพเทพสุต เทวกุล. โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย. พ.ศ. 2505.
- ลำดับราชสกุลเทวกุล-ดิศกุล พิมพ์เป็นที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ หม่อมราชวงศ์มานินีตรีทิพ บุรี. โรงพิมพ์สยามรัฐ. พ.ศ. 2533.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
phntri hmxmecaitrthiphethphsut ethwkul 5 phvsphakhm ph s 2439 1 tulakhm ph s 2505 epnphraoxrsinsmedcphraecabrmwngsethx krmphrayaethwawngsworpkar prasutiaethmxmihy ethwkul n xyuthya butrikhxngecaphrayasirirtnmntri hngs sucritkul hmxmecaitrthiphethphsut ethwkulhmxmeca chn 4prasuti5 phvsphakhm ph s 2439sinchiphtksy1 tulakhm ph s 2505 66 pi phrryachaya hmxmecabndalswsdi hmxm hmxmmni ethwkul n xyuthya hmxmaebb ethwkul n xyuthya hmxmaeww ethwkul n xyuthyaphrabutr8 khnrachskulethwkulrachwngsckriphrabidasmedcphraecabrmwngsethx krmphrayaethwawngsworpkarphramardahmxmihy ethwkul n xyuthyaphraprawtihmxmecaitrthiphethphsut miphranamlalxngwa thanchayaethm prasuti n wngedimechingsaphanthan hruxeriykodysamywa krungethphmhankhr sungepntladbaephybuyinpccubnni emuxwnthi 5 phvsphakhm ph s 2439 ewla 17 25 n idrbphrarachthanphranam itrthiphethphsut caksmedcphrasriphchrinthrabrmrachininath phrabrmrachchnniphnpihlwng inpraeths emuxhmxmecaitrthiphethphsutmichnsaraw 7 khwb thrngelaeriynxkkhrwithi phrxmkbecanxng 3 xngkhthiwngphrabida odymikhruphuchayipsxn praktwathrngepnedkeriybrxymaaettn pi ph s 2447 aela ph s 2448 thrngekhaorngeriynrachkumar odyesdcphrarachoxrsrunelkinphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw inewlannthrngekhaipxyuinrachsankkhxngsmedcphrasriphchrinthrabrmrachininath phrabrmrachchnniphnpihlwng n thini miecaphixngkhhyingchnphuihypracaxyukxnaelw aelaidrbphrarachkrunaihmioxkasefaaehnphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwaelasmedcphranangecathng 2 phraxngkh aelaeriynrukhnbthrrmeniymwngaelarachpraephnihlayprakar xnepnehtuihekhaecaekhanayidxyangeriybrxydiinkaltxma wnthi 12 minakhm ph s 2449 thrng in tamrachpraephni khuxphithiokncukkhxngphrabrmwngsanuwngs n phrathinngdusitmhaprasath inphrabrmmharachwng phrxmkbhmxmecachayhyingxik 12 xngkh pi ph s 2450 aela ph s 2451 thrngsuksathiorngeriynrachwithyaly tngaetklangpi ph s 2452 aela ph s 2453 thrngsuksawichasamyinorngeriynnayrxychnpthm cnsxbilidcaeluxnchnkhunipsuksawichathharinorngeriynnayrxychnmthym aetehtuephraaepnphuthimiphlkarsuksadiaelapraphvtixngkheriybrxy cungthrngidrbeluxkihxxkipsuksawichaintangpraeths n praethsrsesiy intangpraeths pi ph s 2454 aela ph s 2455 emuxesdcxxkipthungpraethsrsesiyaettnpiaerkaelw idipprathbthibanphnexkefnulth phupkkhrxngaelaxacary inorngeriynnayrxythharbkrsesiyaehnghnung sungekhyxbrmnkeriynithychudkxn maaelw ephuxthrngeriynphasarsesiywichasamyaekhnngtang aelakhnbthrrmeniymkhxngchawrsesiy odymikhruipsxnthibannn pi ph s 2456 aela ph s 2457 thrngekhaorngeriynnayrxy Alexander II piph s 2458 thrngsuksawichainorngeriynsahrbthharpunihy Michel odythrngcbhlksutrxyangyxchudthi 3 enuxngcakinkhnannepnchwngewlarahwangsngkhramolkkhrngthihnung emuxtneduxnmkrakhm ph s 2458 hmxmecaitrthiphethphsutidesdcklbcakpraethsrsesiymayngkrungethphmhankhr aelathrngxyuinphraxupthmphkhxngsmedcphraechsthathirach ecafackrphngsphuwnath krmhlwngphisnuolkprachanath aelamiphrakrunaoprdihhmxmecaitrthiphethphsut prathb n wngparuskwn epnewla 3 pi 7 eduxn cnkrathnghmxmecaitrthiphethphsuttxngesdciprachkar n praethsyipun emuxeduxnsinghakhm ph s 2462 inrahwangphank n wngparuskwnnn thrngmikhwamsukhying aelasmedcphraxnuchathirach ecafackrphngsphuwnath krmhlwngphisnuolkprachanathkprathankhwamrurxbtwtang aekhmxmecaitrthiphethphsutepnxyangdi aelathrngrbepnphraoxrsbuythrrmxngkhhnungdwy sunghmxmecaitrthiphethphsutthrngsanukinphraemttakrunathikhunepnxyangmak thrngnbthuxphraxngkhthanepnbuphkari aelathrngthabuythwayepnpracaaelainwnthiwngkhtthuk pimakarrbrachkarkrmthharpunihythi 1 rksaphraxngkh thrngrbrachkarinhnathiphlrb pracakrmthharpunihythi 1 rksaphraxngkh tngaeteduxnmkrakhm ph s 2458 thungeduxnemsayn ph s 2461 thrngerimekharbrachkaremuxwnthi 15 mkrakhm ph s 2458 intaaehnngnkeriynthakarnayrxythahnathiphubngkhbhmwd inkxngrxythi 1 odyyngmiidrbphrarachthansyyabtraelaenginephimphiesseyiyngnaythharsungidsuksacbbriburnintangpraeths enuxngcakthrngcbkarsuksacakhlksutrxyangyxsahrbthharpunihyethann thrngrbrachkarcnphraprichaepnthipracks thrngrbphrarachthanyswathirxytri emuxwnthi 1 phvsphakhm ph s 2460 thrngrbphrarachthanenginephimkhawichaeduxnla 100 bathemuxwnthi 1 krkdakhm ph s 2460 aelathrngidrbphrarachthansyyabtrysrxytri emuxwnthi 1 emsayn ph s 2461 phrxmkbeluxnengineduxnkhamchnipyngxtrarxytrichn 1 xikdwy thrngrbrachkarepnnaythharkhnsnithkhxngphubngkhbkarkrmthharpunihythi 1 rksaphraxngkh emuxwnthi 1 mithunayn ph s 2460 cnthungsineduxnemsayn ph s 2461 rwmthrngrbrachkarinkrmthharpunihythi 1 rksaphraxngkhnan 2 pi 3 eduxnkhrung krmchangaesngthharbk khrngaerk inwnthi 1 phvsphakhm ph s 2461 oprdekla ipptibtirachkarinhnathiphuchwyrb inkrmchangaesngthharbk epnewlanan 1 pi 3 eduxn rachkar n praethsyipun sngkdkrmesnathikarthharbk emuxeduxnsinghakhm ph s 2462 hmxmecaitrthiphethphsut thrngepnkrrmkarphuhnunginkhnaiprachkar n praethsyipun ephuxdukarsrangaelatrwcrbpunihysnam sungkxngthphbkidsngsuxcakpraethsyipun odymi phltri phrayaxinthrwichit rtn xawuth epnhwhnakhna epnewlanan 3 pi 5 eduxn aelayngidmioxkassuksakickarthharinpraethsnidwy odyechphaaxyangyingwichaxnekiywdwyrachkarkhxngkrmchangaesngthharbk n praethsyipun thrngidrbphrarachthaneluxnysepnrxyothemuxtnpi ph s 2463 aelathrngideluxnchnengineduxnthukpi khrnemuxesdcklbmayngkrungethph emuxwnthi 28 thnwakhm ph s 2465 aelw inphrarachphithiechlimphrachnmphrrsaemuxwnthi 31 thnwakhm ph s 2465 idrbphrarachthanekhruxngrachxisriyaphrncturthaphrnmngkudithy txphrahtthphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw sungthuxepnbaehnckhwamchxbphiess enuxngcaktamraebiybkarphrarachthaninsmynnkahndiwwa tamprktisahrbphrarachthanaeknaythharyschnphnothethann krmchangaesngthharbk khrnghlng thrngrbrachkartxinkrmchangaesngthharbktngaetwnthi 28 thnwakhm ph s 2465 cnkrathngwnthi 1 singhakhm ph s 2475 sungepnchwngthiekidkarptiwtisyam ph s 2475 epnrabxbprachathipity rwmewlanan 9 pi 7 eduxn thrngepnrachxngkhrksewrinrchkalthi 6 emuxwnthi 19 mithunayn ph s 2466 aerkthrngmitaaehnngsarxngrachkar aelwepntaaehnngpracakrm txmathrngiddarngtaaehnnghwhnaaephnkthi 5 karpunelkpunkl emuxwnthi 31 minakhm ph s 2472 rbphrarachthanysrxyexk emuxwnthi 1 emsayn ph s 2467 aelaysphntri emuxwnthi 5 emsayn ph s 2472 phrxmthrngrbengineduxnxtraphntrichn 1 inthisudrahwanghwngkarptiwtiepliynaeplngkarpkkhrxngkhxngpraeths thrngthukpldepnnaythharkxnghnunebiyhwd emuxwnthi 1 singhakhm ph s 2475 emuxmichnsaephiyng 36 piess hlngcakthrngthukkkbriewnphrxmkbechuxphrawngs ecanayaelanaythharxun n phrathinngxnntsmakhm aelaimsmkhrphrathyrbrachkarthharxiktxip karprakxbkickarxun emuxthrngphnhnathirachkarpracaaelw hmxmecaitrthiphethphsutthrngxxkiptngphumilaenaxyuthixaephxemuxng cnghwdchumphr briewnsunyrachkarinpccubnni kbhmxmihyphphuepnmardaephuxchwythanprakxbxachiphplukaelakhayangphara mnsapahlng kaaef aetngom aelaxun emuxhmxmmardathungaekxnickrrmaelwkyngthrngprakxbkickardngklawephuxpraoychnrwmknkhxngecaphiecanxngbangxngkh cnthungpi ph s 2488 emuxsngkhramolkkhrngthisxngyutilngaelw cungesdcklbmaprathbinkrungethphmhankhr odyyngthrngxanwykarkickardngklaw ephiyngaetidthrngmxbhmayihphuthiiwwangicidcdthatxip txmaemuxtpi ph s 2491 thrngnganinsankcdkarphlpraoychnkhxngsmedcphrasriswrinthirabrmrachethwi phraphnwssaxyyikaeca sungprathb n phratahnkwngsrapthum ephuxchlxngphraedchphrakhuninsmedcphrasriswrinthirabrmrachethwi phraphnwssaxyyikaeca cnkrathngemuxphraxngkhthanesdcswrrkhtemuxwnthi 17 thnwakhm ph s 2498 aelw phrabathsmedcphramhaphumiphlxdulyedchmharach brmnathbphitr thrngphrakrunaoprdekla ihthrngnganinsankngancdkarthrphysinswnphraxngkh khxngphrabathsmedcphramhaphumiphlxdulyedchmharach brmnathbphitr smedcphrasrinkhrinthrabrmrachchnni aelasmedcphraecaphinangethx ecafaklyaniwthna krmhlwngnrathiwasrachnkhrinthr odythrngchwynganhmxmecaxcchrachwi ethwkul cnkrathngsinchiphitksy rwmrayaewlathithrngthanganinsankngannithngsin 14 pi 5 eduxnesskhrxbkhrwhmxmecaitrthiphethphsut mihmxmkhnaerkkhux hmxmmni chawyipun khnathrngiprachkarthipraethsyipun txmaemuxwnthi 8 mkrakhm ph s 2466 phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw idthrngphrakrunaoprdekla ihhmxmecaitrthiphethphsut esksmrskbhmxmecabndalswsdi diskul n phrathinngbrmphiman inphrabrmmharachwng aelatxmahmxmecabndalswsdiidsinchiphitksy emuxpi ph s 2469 phayhlnghmxmecabndalswsdisinchiphitksy mihmxmxik 2 khn khux hmxmaebb aelahmxmaeww mioxrsthida 8 khn eriyngtamladbxayu dngni ekidaethmxmmnimibutr 2 khnaelabutri 2 khn mibutr 1 khnaelabutri 4 khnekidaethmxmecabndalswsdimibutr 1 khn mibutri 1 khn thungaekkrrmemuxxayuid 4 pi 3 eduxn ekidaethmxmaebbmibutri 2 khnekidaethmxmaewwmibutr 1 khnaelabutri 2 khn minddathngsin 16 khn chay 5 khn hying 11 khn sahrbthiprathbnn emuxaerkthiwngethwaewsm srangesrcemuxpi ph s 2461 thrngyayipprathbkbphrabida hmxmmarda cnkrathngesksmrscungyayipwngwrdiskhxngsmedcphraecabrmwngsethx krmphrayadarngrachanuphaph txmathrngidrbphramhakrunathikhuncakphrabathsmedcphrapkeklaecaxyuhw phrarachthanthidinsrangwng n siaeykthnnphyaithtdkbthnnrachwithi khnad 5 ir 1 ngan 18 tarangwa phayhlngepliynaeplngkarpkkhrxng wngdngklawthukrthbalewnkhunthalanxnusawriychysmrphumiaelaorngphyabalrachwithikhnaprathbxyucnghwdchumphr emuxepliynaeplngkarpkkhrxng thrngyayipthicnghwdchumphr aelaemuxthrngyayklbkrungethphmhankhr caprathbthiwngethwaewsm txmaemuxrthbalkhnarasdrkhxsuxwngethwaewsmcakrachskulethwkul aelaewnkhunwngsiaeykthnnrachwithiaelathnnphyaithdngklawkhangtn cungthrngsrangwngthithnnsukhumwith sxy 24 aelaprathbthiwngnimatlxdcnsinchiphitksysinchiphitksyhmxmecaitrthiphethphsut idthrngthanganmatlxdchnmchiphaelamiphlanamydimatlxd cnkrathngchnsalwng 60 pi cungmiehtuihaephthytxngthakarphatdthung 2 khraw khuxepntxkrackthientrthng 2 khang hlngphatdkhrnghlngemuxpi ph s 2504 aemwrkaycasubphxmlng kmiidprachwrxyangthieriykknwa lmhmxnnxnesux yngidthrngptibtikickarinhnathisanknganthrphysinswnphraxngkh tlxdmadwydi cnthungplayeduxnsinghakhm ph s 2505 cungerimprachwr aelaekharksaxngkhthiorngphyabalculalngkrn aelaorngphyabalsirirachtamladb aephthylngkhwamehnwaprachwrdwyorkhtbaekhng thrngrbkarrksaxyu 1 eduxness kalngkaythrudlngmak aelasinchiphitksydwyxakarxnsngbemuxwnthi 1 tulakhm ph s 2505 ewla 7 nalikaess baywnediywknnn n salamruphngs wdmkutkstriyaramrachwrwihar idrbphrarachthannaxabsphaelahibthxngthubmiekhruxngprakxbekiyrtiystamthanndrskdi aelatngsphiw n thinnephuxprakxbkarkusl innganxxkemru phrabathsmedcphramhaphumiphlxdulyedchmharach brmnathbphitr idthrngphrakrunaoprdekla phrarachthanoksrachwngs prakxbsphhmxmecaitrthiphethphsutephuxepnekiyrtiysephimkhun thngoprdekla ihsankphrarachwngcdkarepnnganhlwngthukprakar aelaidoprdekla ihtiphimphhnngsuxchumnumphrabrmrachathibay inphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw rwm 2 hmwd ephuxphrarachthanepnkhxngcharwyinngannidwy xnung smedcphrasrinkhrinthrabrmrachchnniidthrngphrakruna phrarachthanphrarachanuekhraahaekhmxmecaitrthiphethphsut nbtngaetthrngerimrksaxngkhthiorngphyabalcnthungwarachiphitksy aelathngtlxdngantngsphdwy khrnthungwnthi 9 tulakhm ph s 2505 phrabathsmedcphramhaphumiphlxdulyedchmharach brmnathbphitr aelasmedcphranangecasirikiti phrabrmrachininath phrabrmrachchnniphnpihlwng idesdcphrarachdaeninprathbphlbphlaxissriyaphrn wdethphsirinthrawas rachwrwihar thrngthxdphasdbpkrn aelwesdckhunsuemruphrarachthanephlingsphekhruxngrachxisriyaphrnph s 2500 ekhruxngrachxisriyaphrnculcxmekla chnthi 2 thutiyculcxmekla th c fayhna ph s 2465 ekhruxngrachxisriyaphrnxnmiekiyrtiysyingmngkudithy chnthi 4 cturthaphrnmngkudithy c m ph s imprakt ehriyyckrmala r c m ph s 2469 ehriyyrtnaphrn rchkalthi 7 chnthi 4 p p r 4 ph s 2497 ehriyyrtnaphrn rchkalthi 9 chnthi 3 ph p r 3 phngsawliphngsawlikhxnghmxmecaitrthiphethphsut ethwkul 16 phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach 8 phrabathsmedcphraphuththelishlanphaly 17 smedcphraxmrinthrabrmrachini 4 phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw 18 engin aestn 9 smedcphrasrisurieynthrabrmrachini 19 smedcphraecaphinangethx ecafakrmphrasrisudarks 2 smedcphraecabrmwngsethx krmphrayaethwawngsworpkar 10 12 hlwngxasasaaedng aetng 5 smedcphrapiymawdi sriphchrinthrmata 11 13 thawsucrittharng nakh 1 hmxmecaitrthiphethphsut ethwkul 12 10 hlwngxasasaaedng aetng 6 ecaphrayasirirtnmntri hngs sucritkul 13 11 thawsucrittharng nakh 3 hmxmihy ethwkul n xyuthya 7 tad sirirtnmntri xangxingwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb hmxmecaitrthiphethphsut ethwkul aecngkhwamsankkhnarthmntri eruxng phrarachthanekhruxngrachxisriyaphrnculcxmekla fayhnaaelafayin pracapi 2500 PDF rachkiccanuebksa 74 47ng 1209 21 phvsphakhm 2500 subkhnemux 25 kumphaphnth 2564 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a trwcsxbkhawnthiin accessdate help chumnumphrabrmrachathibay inphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw rwm 2 hmwd thrngphrakrunaoprdeklaihphimphphrarachthanaeckinnganphrarachthanephlingsph phntrihmxmecaitrthiphethphsut ethwkul orngphimphmhamkutrachwithyaly ph s 2505 ladbrachskulethwkul diskul phimphepnthiralukinnganphrarachthanephlingsph hmxmrachwngsmaninitrithiph buri orngphimphsyamrth ph s 2533