สุพรหมัณยัน จันทรเศขร หรือ “จันทรา” (อังกฤษ: Subrahmanyan Chandrasekhar; ; ทมิฬ: சுப்பிரமணியன் சந்திரசேகர்) เป็น นักฟิสิกส์ และนักคณิตศาสตร์ ชาวอเมริกันเชื้อสายอินเดีย ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ ค.ศ. 1983 พร้อมกับ จากผลงานร่วมกันว่าด้วยโครงสร้างเชิงทฤษฎีและวิวัฒนาการของดาวฤกษ์ สุพรหมัณยัน จันทรเศขรเป็นหลานของ (นักฟิสิกส์รางวัลโนเบล ค.ศ. 1930)
สุพรหมัณยัน จันทรเศขร | |
---|---|
สุพรหมัณยัน จันทรเศขร | |
เกิด | 19 ตุลาคม ค.ศ. 1910 ลาฮอร์ แคว้นปัญจาบ บริติชอินเดีย |
เสียชีวิต | 21 สิงหาคม ค.ศ. 1995 ชิคาโก รัฐอิลลินอย สหรัฐ | (84 ปี)
สัญชาติ | บริติชอินเดีย (1910–1947) อินเดีย (1947–1953) สหรัฐ (1953–1995) |
ศิษย์เก่า | วิทยาลัยทรินิตี มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ วิทยาลัยเปรซิเดนซี มัทราส |
มีชื่อเสียงจาก | ขีดจำกัดจันทรเศขร |
รางวัล | รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ (1983) (1984) (1966) (1968) |
อาชีพทางวิทยาศาสตร์ | |
สาขา | ฟิสิกส์ดาราศาสตร์ |
สถาบันที่ทำงาน | มหาวิทยาลัยชิคาโก มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ |
อาจารย์ที่ปรึกษาในระดับปริญญาเอก | |
ลูกศิษย์ในระดับปริญญาเอก | , |
ลายมือชื่อ | |
จันทรเศขรผู้นี้นอกจากมีความสามารถอย่างหาตัวจับยากในด้านวิทยาศาสตร์แล้ว ยังมีความรู้อันลุ่มลึกและกว้างขวางในด้านศิลปะและวรรณคดีด้วย ในด้านวิทยาศาสตร์นั้นเขามีความสามารถอันผสมผสานระหว่างความเข้าใจพื้นฐานด้านแนวคิดทางฟิสิกส์ และความสามารถด้านคณิตศาสตร์เชิงปรากฏการณ์ด้วย
ประวัติ
จันทรเศขร เกิดเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ค.ศ. 1910 ในเมืองลาฮอร์ ปัญจาบ บริติชอินเดีย ในครอบครัวชาวทมิฬ เป็นบุตรคนที่สาม จากพี่น้อง 10 คน มารดาชื่อสีตา (นามสกุลเดิม พาลกฤษณัน) บิดาชื่อ สุพรหมัณยะ อัยยาร์ ในภาษาสันสกฤต ชื่อ “จันทรเศขร” (จัน-ทระ-เส-ขอน) เป็นพระนามหนึ่งของพระศิวะ หมายถึง ผู้ถือพระจันทร์ และเป็นชื่อที่นิยมใช้ในหมู่ชาวทมิฬ (อย่างไรก็ตาม มีเอกสารบางชิ้นสะกดเป็นอักษรไทยว่า “จันทรสิกขา” ซึ่งไม่ตรงกับการถ่ายอักษรจากภาษาเดิม) สำหรับชื่อเล่น Chandra นั้นอาจถ่ายเป็นอักษรไทยว่า จันทร (จัน-ทระ) แต่เพื่อความสะดวกในการออกเสียงนิยมเขียน “จันทรา” (พระจันทร์ในภาษาอินเดีย ถือเป็นเพศชาย) ที่บ้านของจันทราใช้ภาษาทมิฬเป็นภาษาหลัก บิดาเป็นนักบัญชีในหน่วยงานของรัฐ และเป็นนักไวโอลินสมัครเล่นฝีมือดี ซึ่งได้แต่งตำราหลายเล่มว่าด้วยวิชาดนตรี ส่วนมารดานั้นมีความรู้ด้านวรรณกรรม เคยแปลวรรณกรรมเรื่อง A Doll’s House ของ เป็นภาษาทมิฬ
ในเบื้องต้น จันทราเรียนกับบิดามารดาที่บ้าน กระทั่งจบชั้นมัธยมต้น เมื่ออายุ 12 ปี และเข้าเรียนมัธยมปลายในโรงเรียนฮินดู เมือง ระหว่าง ค.ศ. 1922 – 1925 ต่อมาได้เข้าศึกษาที่เปรซิเดนซี คอลเลจ (วิทยาลัยในสังกัดของมหาวิทยาลัยมัทราส) ระหว่าง ค.ศ. 1925 – 1930 โดยได้รับปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยม) สาขาฟิสิกส์
เมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1930 จันทรเศขรได้รับทุนจากรัฐบาลให้ไปศึกษาต่อระดับปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และได้เข้าศึกษาที่ และเป็นนักศึกษาวิจัยของศาสตราจารย์ ราล์ฟ เอช ฟาวเลอร์ และด้วยคำแนะนำของศาสตราจารย์ พอล ดิแรก ในฐานะส่วนหนึ่งของการศึกษา ทำให้จันทราได้ใช้เวลา 1 ปี ที่สถาบันฟิสิกส์เชิงทฤษฎี ในกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก และทำให้เขาได้พบกับศาสตราจารย์นิลส์ โปร์ ที่นี่
ในช่วงฤดูร้อน ค.ศ. 1933 จันทรเศขรได้รับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และในเดือนตุลาคม เขาได้รับเลือกให้เป็นไพรซ์ เฟลโลชิป ที่ทรีนิตีคอลเลจ ในช่วง ค.ศ. 1933 – 1937 ในระหว่างนี้ เขาได้คุ้นเคยกับ และศาสตราจารย์ อี เอ มิลน์
เดือนกันยายน ค.ศ. 1936 จันทรเศขรกลับไปแต่งงานที่อินเดีย กับลลิตา ทุไรสวามิ ซึ่งเป็นรุ่นน้องเขา 1 ปี ทั้งสองเคยรู้จักกันเมื่อครั้งเรียนที่เปรซิเดนซี คอลเลจ ในเมืองมัทราส ในอัตชีวประวัติโนเบลนั้น จันทรเศขรเขียนไว้ว่า “ความเข้าใจอย่างอดทน การสนับสนุน และกำลังใจจากลลิตา นับเป็นหัวใจหลักในชีวิตข้าพเจ้า”
การทำงาน
เดือนธันวาคม ค.ศ. 1936 จันทรเศขรได้ตอบรับเข้าทำงานในมหาวิทยาลัยชิคาโก ในตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ และได้รับตำแหน่ง Morton D. Hull Distinguished Service Professor of Theoretical Astrophysics เมื่อ ค.ศ. 1952 และได้รับการยกย่องเป็นศาสตราจารย์เกียรติคุณ เมื่อ ค.ศ. 1985
จันทรเศขรเคยทำงานที่ (Yerkes Observatory) ในเมืองวิลเลียมส์ เบย์ รัฐวิสคอนซิน ซึ่งดำเนินการโดยมหาวิทยาลัยชิคาโก เมื่อองค์การนาซาได้สร้าง (Laboratory for Astrophysics and Space Research หรือ LASR) เมื่อ ค.ศ. 1966 ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ จันทรเศขรได้ครอบครองพื้นที่หนึ่งในสี่ของสำนักงานบนชั้นที่สอง และได้อาศัยอยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยราวหนึ่งไมล์ หลังจากมีการสร้างกลุ่มอาคารที่พักขึ้นเมื่อปลายทศวรรษ 1960
"จันทรา เป็นหนึ่งในนักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ในยุคนี้ เขาแสดงให้เห็นว่า ดาวแคระขาวไม่อาจมีมวลเกินขีดจำกัด
นั่นคือ มวลในระดับที่ก่อให้เกิดการระเบิดของซูเปอร์โนวา และให้ความสว่างสูงสุดในท้องฟ้า
จันทรายังเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่ผมรู้จัก" – ฮันส์ เบเทอ, นักฟิสิกส์รางวัลโนเบล ค.ศ. 1967, และศาสตราจารย์เกียรติคุณฟิสิกส์แห่งมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จันทรเศขรทำงานที่ห้องปฏิบัติการวิจัยขีปนศาสตร์ ที่เอเบอร์ดีน พรูฟวิง กราวนด์ ในรัฐแมรีแลนด์ ขณะอยู่ที่นั่น เขาได้ทำงานเพื่อแก้ปัญหาด้าน เช่น รายงานสองชิ้น ในปี ค.ศ. 1943 เรื่อง On the decay of plane shock waves และ The normal reflection of a blast wave เขามีโอกาสจะได้เข้าร่วมงานกับห้องปฏิบัติการลอส อะลามอส ที่มีชื่อเสียง แต่ความล่าช้าในการตรวจสอบประวัติทำให้ต้องล้มเลิก
ขณะที่จันทราและภรรยาอยู่ในอเมริกา บิดาที่อยู่ในอินเดียคอยหาตำแหน่งงานที่ดีไว้ให้ เพื่อหวังว่าลูกชายจะได้กลับไปบ้านเกิด แต่ในที่สุดจันทราก็ได้สิทธิเป็นพลเมืองของสหรัฐอเมริกา เมื่อ ค.ศ. 1953
ระหว่าง ค.ศ. 1952 – 1971 จันทรเศขรรับหน้าที่เป็นบรรณาธิการบริหารของวารสาร Astrophysical Journal (ApJ) โดยได้ปั้นแต่งจากวารสารท้องถิ่น ให้กลายเป็นวารสารชั้นนำด้านฟิสิกส์ดาราศาสตร์ในระดับนานาชาติ
จันทรเศขรได้พัฒนารูปแบบการทำงานต่อเนื่องในด้านฟิสิกส์สาขาหนึ่ง ๆ โดยเฉพาะเป็นเวลานาน, ด้วยเหตุนี้ ชีวิตการทำงานของเขาจึงอาจแบ่งได้เป็น 7 ช่วง ดังนี้
- โครงสร้างของดาว รวมทั้งทฤษฎีดาวแคระขาว ระหว่าง ค.ศ. 1929 – 1939
- พลวัตของดาว และการเคลื่อนที่แบบบราวน์ ระหว่าง ค.ศ. 1939 – 1943
- ทฤษฎีการถ่ายโอนการแผ่รังสี ทฤษฎีบรรยากาศของดาวฤกษ์ ทฤษฎีควอนตัมของไอออนลบของไฮโดรเจน และทฤษฎีบรรยากาศของดาวเคราะห์ รวมทั้งทฤษฎีการสว่างและการเกิดขั้วของท้องฟ้าที่มีแสงแดด ระหว่าง ค.ศ. 1943 – 1950
- เสถียรภาพอุทกพลศาสตร์ และอุทกศาสตร์เชิงแม่เหล็ก รวมทั้งทฤษฎีการพา เรย์ลี-เบอร์นาร์ด จาก ค.ศ. 1950 – 1961
- สมดุลและเสถียรภาพของค่าอีลิปซอยด์ของสมดุล แต่ได้ศึกษาสัมพัทธภาพทั่วไปด้วย ในช่วงทศวรรษ 1960
- ทฤษฎีทั่วไปแห่งสัมพัทธภาพ และฟิสิกส์ดาราศาสตร์เชิงสัมพัทธภาพ ระหว่าง ค.ศ. 1962 – 1971
- ทฤษฎีคณิตศาสตร์ของหลุมดำ ระหว่าง ค.ศ. 1974 – 1983
คุณครูชื่อจันทรา
เมื่ออยู่ที่มหาวิทยาลัยชิคาโก จันทราทำหน้าที่เป็นนักวิจัยและอาจารย์ ที่ดูแลเอาใจใส่ลูกศิษย์อย่างใกล้ชิด นับเป็นแบบอย่างที่ดีของนักศึกษา โดยได้ดูแลงานวิจัยระดับปริญญาเอกของนักศึกษากว่า 45 ราย ตัวอย่างที่ทราบกันดีอย่างหนึ่ง ก็คือ การอุทิศตนในการสอนอย่างดียิ่งในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1940 ที่ต้องขับรถไปกลับกว่า 100 ไมล์ต่อสัปดาห์ เพื่อสอนนักศึกษาเพียงสองคนเท่านั้น และในเวลาไม่นานต่อมา ในปี ค.ศ. 1957 นักศึกษาทั้งชั้น (สองคนนั้น) ก็ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ นั่นคือ (T.D. Lee; 李政道) และ (C.N. Yang; 楊振寧)
นอกจากงานด้านวิทยาศาสตร์ จันทรเศขรยังเขียนหนังสือเล่มหนึ่ง เมื่อ ค.ศ. 1987 ว่าด้วยปรัชญาสุนทรียศาสตร์ในวิทยาศาสตร์ เรื่อง Truth and Beauty: Aesthetics and Motivations in Science และมักจะบรรยายถึงความสัมพันธ์ระหว่างศิลปะและวิทยาศาสตร์อยู่เสมอ
ระหว่าง ค.ศ. 1990 – 1995 จันทรเศขรมุ่งมั่นทำโครงการอย่างหนึ่ง เพื่ออธิบายการอ้างเหตุผลทางเรขาคณิตใน Philosophiae Naturalis Principia Mathematica ของไอแซค นิวตัน โดยใช้ภาษาและระเบียบวิธีของแคลคูลัสธรรมดา ความพยายามดังกล่าวปรากฏผลในหนังสือเรื่อง Newton's Principia for the Common Reader ตีพิมพ์เมื่อ ค.ศ. 1995
วาระสุดท้าย
จันทรเศขรทำงานในมหาวิทยาลัยชิคาโก ตั้งแต่ ค.ศ. 1937 โดยเบื้องต้นได้ทำงานที่หอดูดาวเยอร์คีส และต่อมาได้ทำงานที่สถาบันวิจัยเฟอร์มี กระทั่งถึงแก่กรรมด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว เมื่อ ค.ศ. 1995 ขณะอายุ 84 ปี
ผลงาน
ความสำเร็จที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของจันทรเศขร คือ ขีดจำกัดจันทรเศขร (Chandrasekhar limit) หรือ (Chandrashekhar mass) โดยค่าดังกล่าว คือมวลที่มากที่สุดที่เป็นไปได้ของดาวแคระขาว คือประมาณ 1.44 เท่าของมวลดวงอาทิตย์ หรือเทียบเท่า, และเป็นมวลน้อยที่สุดที่ในที่สุดดาวฤกษ์จะกลายเป็นดาวนิวตรอน หรือหลุมดำ ภายหลังจากเกิดซูเปอร์โนวา จันทรเศขรคำนวณค่าดังกล่าวเป็นครั้งแรก เมื่อ ค.ศ. 1930 ในช่วงที่เขาเดินทางครั้งแรกไปยังเคมบริดจ์เพื่อศึกษาต่อ
ในครั้งแรกที่จันทราเสนอเรื่องนี้ในช่วงที่อยู่ในทรีนิตีคอลเลจ ช่วงทศวรรษ 1930 เขาถูกคัดค้านอย่างรุนแรงจาก ซึ่งทำให้จันทราท้อแท้อย่างมาก เนื่องจากไม่มีนักฟิสิกส์ที่น่าเชื่อถือคนใดในยุโรปมาช่วยแก้ต่างให้เขา กรณีดังกล่าวสร้างความขมขื่นแก่จันทราเป็นอย่างยิ่ง และรายงานดังกล่าวของจันทราไม่ได้รับการรับรองเพื่อให้ราชสมาคมตีพิมพ์ เขาจึงส่งไปตีพิมพ์ใน Astrophysical Journal ในอเมริกา และตีพิมพ์เมื่อเดือนมีนาคม 1931 และไม่นานต่อมา ขีดจำกัดจันทรเศขร ก็เป็นที่ยอมรับในแวดวงฟิสิกส์ดาราศาสตร์
จันทราเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ขยันและมุ่งมั่น เมื่อสิ้นสุดการศึกษาแต่ละช่วง ก็ได้รวบรวมแนวคิดและทฤษฎีมาตีพิมพ์เป็นเล่ม เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษา จันทรานั้นแต่งตำราเอาไว้ไม่มากนัก แต่ก็มียอดขายสูงนับแสนเล่ม โดยหนังสือแต่ละเล่มมีความหนาไม่น้อยเลย สำหรับเล่มสุดท้าย (ตีพิมพ์ก่อนถึงแก่กรรมเพียง 2 เดือน) มีความหนาถึง 600 กว่าหน้า
เกียรติคุณและอนุสรณ์
จันทรเศขรได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ เมื่อ ค.ศ. 1983 จากการศึกษากระบวนการทางฟิสิกส์ที่สำคัญต่อโครงสร้างและวิวัฒนาการของดาวฤกษ์ จันทรเศขรยอมรับเกียรติดังกล่าว แต่เสียใจที่มีการอ้างถึงเฉพาะผลงานเฉพาะช่วงแรกของชีวิต โดยมองว่าไม่เห็นความสำคัญของความสำเร็จตลอดชีวิตของเขา
นอกจากนี้เขายังได้รับปริญญากิตติมศักดิ์ 20 ปริญญา และได้รับเลือกเป็นสมาชิกสมาคมวิชาการ 21 แห่ง รวมทั้งได้รับรางวัลอื่น ๆ อีกมากนอกเหนือจากรางวัลโนเบล เช่น เหรียญทองจากราชสมาคมดาราศาสตร์แห่งลอนดอน,แห่งสำนักศิลปะและวิทยาศาสตร์แห่งอเมริกา, เหรียญพระราชทานจากราชสมาคมแห่งอังกฤษ, เหรียญแห่งชาติด้านวิทยาศาสตร์, และเหรียญเฮนรี เดรเปอร์ แห่งสำนักวิทยาศาสตร์แห่งชาติ เป็นต้น
เมื่อ ค.ศ. 1999 องค์การบริหารการบินและอวกาศ (นาซ่า) ตั้งชื่อกล้องโทรทรรศน์อวกาศแห่งที่สาม จากหอดูดาวอวกาศขนาดใหญ่ 4 แห่ง จากการประกวดตั้งชื่อกว่า 6,000 ชื่อ จาก 50 รัฐ และ 61 ประเทศ โดยใช้ชื่อว่ากล้องโทรทรรศน์รังสีเอกซ์จันทรา (Chandra X-ray Observatory) ซึ่งถูกส่งและปล่อยจากกระสวยอวกาศโคลัมเบีย เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 1999
จันทราได้รับรางวัล “” นำหน้าชื่อ เป็น “ปัทมะ วิภูษัณ สุพรหมัณยัน จันทรเศขร” อันเป็นรางวัลการยกย่องให้เกียรติอย่างสูงเป็นอันดับสองที่มอบแก่พลเรือนอินเดีย (รองจากรางวัล “”) มอบให้แก่ผู้ทำคุณงามความดีแก่ประเทศชาติ เขาได้รับรางวัลนี้ในปี ค.ศ. 1968 จากสาขาวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ ผู้ได้รับรางวัลคนแรกคือ (Satyendra Nath Bose)
(Chandrasekhar number) เป็นปริมาณไร้มิติของ (Magnetohydrodynamics) ก็ตั้งตามชื่อของเขา นอกจากนี้ยังมีการตั้งชื่อให้กับดาวเคราะห์น้อยขนาด 34 กิโลเมตรว่า “” (1958 Chandra)
ขีดจำกัดจันทรเศขร (Chandrashekhar limit)
ดาวแคระขาวนั้นเป็นดาวฤกษ์ (อย่างดวงอาทิตย์ของเรา) ที่มีวิวัฒนาการขั้นสูงสุด โดยอาจมีรัศมีมากกว่าเดิมนับร้อย ๆ เท่า ในขั้นนี้อะตอมบนผิวหน้าจะไม่มีความถ่วงที่สูงพอจะยึดเอาไว้ แต่ยังมีแรงดันที่เข้มแผ่ออกมาจากภายใน อะตอมบางส่วน โดยเฉพาะไฮโดรเจนจะพุ่งออกมา และมวลของดาวดวงนั้นจะค่อย ๆ ลดลง จากทฤษฎีแสดงว่าดาวที่มีมวลถึง 8 เท่าของดวงอาทิตย์จะสูญเสียมวลไปในลักษณะเช่นนี้ และลดลงต่ำกว่าขีดจำกัดจันทรเศขร
ขีดจำกัดนี้มีผลต่อดาวที่มีมวลมากกว่า 8 เท่าของดวงอาทิตย์ด้วย สสารในแกนกลางของมันจะกลายเป็นเหล็กด้วยปฏิกิริยานิวเคลียร์ ถึงจุดนี้จะไม่มีพลังงานนิวเคลียร์อีกต่อไป เช่นเดียวกับในดาวแคระขาว เมื่อแกนเหล็กมีมวลเท่ากับมวลจันทรเศขร มันจะยุบเป็นดาวนิวตรอน และส่วนที่เหลือจะถูกผลักออกไป กลายเป็นซูเปอร์โนวาชนิด II ดาวแคระขาวบางแบบจะดึงสสารเข้ามาจากภายนอก และเมื่อมวลมากเท่ากับขีดจำกัดจันทรเศขร มันจะกลายเป็นซูเปอร์โนวาเช่นกัน ในกรณีนี้เรียกว่า ซูเปอร์โนวาชนิด Ia
การค้นพบนี้นับเป็นพื้นฐานของฟิสิกส์ดาราศาสตร์สมัยใหม่ เนื่องจากแสดงให้เห็นว่าดาวฤกษ์ที่มีมวลสูงกว่าดวงอาทิตย์ของเรามาก ๆ จะต้องระเบิด หรือไม่ก็กลายเป็นหลุมดำ
รายชื่องานเขียน
- An Introduction to the Study of Stellar Structure (1939), ISBN
- Principles of Stellar Dynamics (1942), OCLC 315930392
- Radiative Transfer (1950), OCLC 1261755
- Hydrodynamic and Hydromagnetic Stability (1961), OCLC 776597075
- Ellipsoidal Figures of Equilibrium (1969), OCLC 1141818441
- The Mathematical Theory of Black Holes (1983), ISBN
- Truth and Beauty: Aesthetics and Motivations in Science (1987), ISBN
- Newton's Principia for the Common Reader (1995), ISBN
นอกจากนี้ยังมีรายงานวิชาการอีกเป็นจำนวนมาก โดยตีพิมพ์ในวารสารวิชาการด้านดาราศาสตร์ ทั้งในสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่น ๆ ในยุโรป
อ้างอิง
- Vishveshwara, C.V. (25 เมษายน 2000). (PDF). Current Science. 78 (8): 1025–1033. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 12 ตุลาคม 2011.
- Horgan, J. (1994). "Profile: Subrahmanyan Chandrasekhar – Confronting the Final Limit". Scientific American. 270 (3): 32–33. doi:10.1038/scientificamerican0394-32.
- "Who was S Chandrasekhar?". The Indian Express (ภาษาอังกฤษ). 19 ตุลาคม 2017. สืบค้นเมื่อ 13 มกราคม 2019.
- "Subramanyan Chandrasekhar Biographical". NobelPrize.org (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 24 กันยายน 2019.
- "S Chandrasekhar: Why Google honours him". www.aljazeera.com. สืบค้นเมื่อ 18 ตุลาคม 2017.
- Trehan, Surindar Kumar (1995). "Subrahmanyan Chandrasekhar 1910–1995" (PDF). Biographical Memoirs of Fellows of the Indian National Science Academy. 23: 101–119.
- "Subrahmanyan Chandrasekhar, The Man Behind The Name". Chandra X-ray Observatory. 14 เมษายน 2021.
- Andrew Mylwaganam (บ.ก.). . tamil.net. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 พฤษภาคม 2010.
- Chandrasekhar, S. (1943). (PDF) (Report). Army Ballistic Research Lab Aberdeen Procing Ground MD. BRL-MR-139. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (pdf)เมื่อ 2019-11-29. สืบค้นเมื่อ 2021-10-23.
- O'Connor, J. J.; Robertson, E. F. "Subrahmanyan Chandrasekhar". Biographies. School of Mathematics and Statistics University of St Andrews, Scotland. สืบค้นเมื่อ 21 พฤษภาคม 2012.
- "S Chandrashekhar, India's great astrophysicist: Why Google Doodle is celebrating the Nobel prize winner". The Financial Express (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 19 ตุลาคม 2017. สืบค้นเมื่อ 19 ตุลาคม 2017.
- Helmut A. Abt (1 ธันวาคม 1995). "Obituary – Chandrasekhar, Subrahmanyan". Astrophysical Journal. 454: 551. Bibcode:1995ApJ...454..551A. doi:10.1086/176507.
- Singh, Virendra (26 ตุลาคม 2011). "S Chandrasekhar: His Life and Science". Resonance. 16 (10): 960. doi:10.1007/s12045-011-0094-0. S2CID 119945333.
- C.), Wali, K. C. (Kameshwar) (1991). Chandra : a biography of S. Chandrasekhar. Chicago: University of Chicago Press. p. 9. ISBN . OCLC 21297960.
- Wilhelm Odelberg, บ.ก. (1983). . The Nobel Foundation. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 สิงหาคม 2007.
- "Subrahmanyan Chandrasekhar". University of Chicago News Office. 22 สิงหาคม 1995.
- . Royal Astronomical Society. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 พฤษภาคม 2011. สืบค้นเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2011.
- . American Academy of Arts and Sciences. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 กันยายน 2012. สืบค้นเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2011.
- "The President's National Medal of Science: Recipient Details – NSF – National Science Foundation". www.nsf.gov.
- . National Academy of Sciences. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 มกราคม 2013. สืบค้นเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2011.
แหล่งข้อมูลอื่น
- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ สุพรหมัณยัน จันทรเศขร
- Great Indians: Professor Subrahmanyan Chandrasekhar – Video of Chandra's last interview at Chicago
- Oral History interview transcript with Subrahmanyan Chandrasekhar 6 ตุลาคม 1987, American Institute of Physics, Niels Bohr Library and Archives
- Subrahmanyan Chandrasekhar – Mathematics Genealogy Project
- Guide to the Subrahmanyan Chandrasekhar Papers 1913-2011 ที่ University of Chicago Special Collections Research Center
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
suphrhmnyn cnthreskhr hrux cnthra xngkvs Subrahmanyan Chandrasekhar thmil ச ப ப ரமண யன சந த ரச கர epn nkfisiks aelankkhnitsastr chawxemriknechuxsayxinediy idrbrangwloneblsakhafisiks kh s 1983 phrxmkb cakphlnganrwmknwadwyokhrngsrangechingthvsdiaelawiwthnakarkhxngdawvks suphrhmnyn cnthreskhrepnhlankhxng nkfisiksrangwlonebl kh s 1930 suphrhmnyn cnthreskhrsuphrhmnyn cnthreskhrekid19 tulakhm kh s 1910 1910 10 19 lahxr aekhwnpycab britichxinediyesiychiwit21 singhakhm kh s 1995 1995 08 21 84 pi chikhaok rthxillinxy shrthsychatibritichxinediy 1910 1947 xinediy 1947 1953 shrth 1953 1995 sisyekawithyalythriniti mhawithyalyekhmbridc withyalyeprsiednsi mthrasmichuxesiyngcakkhidcakdcnthreskhrrangwlrangwloneblsakhafisiks 1983 1984 1966 1968 xachiphthangwithyasastrsakhafisiksdarasastrsthabnthithanganmhawithyalychikhaok mhawithyalyekhmbridcxacarythipruksainradbpriyyaexkluksisyinradbpriyyaexk laymuxchux cnthreskhrphuninxkcakmikhwamsamarthxyanghatwcbyakindanwithyasastraelw yngmikhwamruxnlumlukaelakwangkhwangindansilpaaelawrrnkhdidwy indanwithyasastrnnekhamikhwamsamarthxnphsmphsanrahwangkhwamekhaicphunthandanaenwkhidthangfisiks aelakhwamsamarthdankhnitsastrechingpraktkarndwyprawticnthreskhr ekidemuxwnthi 19 tulakhm kh s 1910 inemuxnglahxr pycab britichxinediy inkhrxbkhrwchawthmil epnbutrkhnthisam cakphinxng 10 khn mardachuxsita namskuledim phalkvsnn bidachux suphrhmnya xyyar inphasasnskvt chux cnthreskhr cn thra es khxn epnphranamhnungkhxngphrasiwa hmaythung phuthuxphracnthr aelaepnchuxthiniymichinhmuchawthmil xyangirktam miexksarbangchinsakdepnxksrithywa cnthrsikkha sungimtrngkbkarthayxksrcakphasaedim sahrbchuxeln Chandra nnxacthayepnxksrithywa cnthr cn thra aetephuxkhwamsadwkinkarxxkesiyngniymekhiyn cnthra phracnthrinphasaxinediy thuxepnephschay thibankhxngcnthraichphasathmilepnphasahlk bidaepnnkbychiinhnwyngankhxngrth aelaepnnkiwoxlinsmkhrelnfimuxdi sungidaetngtarahlayelmwadwywichadntri swnmardannmikhwamrudanwrrnkrrm ekhyaeplwrrnkrrmeruxng A Doll s House khxng epnphasathmil inebuxngtn cnthraeriynkbbidamardathiban krathngcbchnmthymtn emuxxayu 12 pi aelaekhaeriynmthymplayinorngeriynhindu emuxng rahwang kh s 1922 1925 txmaidekhasuksathieprsiednsi khxlelc withyalyinsngkdkhxngmhawithyalymthras rahwang kh s 1925 1930 odyidrbpriyyawithyasastrbnthit ekiyrtiniym sakhafisiks emuxeduxnmithunayn kh s 1930 cnthreskhridrbthuncakrthbalihipsuksatxradbpriyyaoth thimhawithyalyekhmbridc aelaidekhasuksathi aelaepnnksuksawicykhxngsastracary ralf exch fawelxr aeladwykhaaenanakhxngsastracary phxl diaerk inthanaswnhnungkhxngkarsuksa thaihcnthraidichewla 1 pi thisthabnfisiksechingthvsdi inkrungokhepnehekn praethsednmark aelathaihekhaidphbkbsastracarynils opr thini inchwngvdurxn kh s 1933 cnthreskhridrbpriyyaexkcakmhawithyalyekhmbridc aelaineduxntulakhm ekhaidrbeluxkihepniphrs eflolchip thithrinitikhxlelc inchwng kh s 1933 1937 inrahwangni ekhaidkhunekhykb aelasastracary xi ex miln eduxnknyayn kh s 1936 cnthreskhrklbipaetngnganthixinediy kbllita thuirswami sungepnrunnxngekha 1 pi thngsxngekhyruckknemuxkhrngeriynthieprsiednsi khxlelc inemuxngmthras inxtchiwprawtioneblnn cnthreskhrekhiyniwwa khwamekhaicxyangxdthn karsnbsnun aelakalngiccakllita nbepnhwichlkinchiwitkhapheca karthangan eduxnthnwakhm kh s 1936 cnthreskhridtxbrbekhathanganinmhawithyalychikhaok intaaehnngphuchwysastracary aelaidrbtaaehnng Morton D Hull Distinguished Service Professor of Theoretical Astrophysics emux kh s 1952 aelaidrbkarykyxngepnsastracaryekiyrtikhun emux kh s 1985 cnthreskhrekhythanganthi Yerkes Observatory inemuxngwileliyms eby rthwiskhxnsin sungdaeninkarodymhawithyalychikhaok emuxxngkhkarnasaidsrang Laboratory for Astrophysics and Space Research hrux LASR emux kh s 1966 thimhawithyalyaehngni cnthreskhridkhrxbkhrxngphunthihnunginsikhxngsanknganbnchnthisxng aelaidxasyxyuhangcakmhawithyalyrawhnungiml hlngcakmikarsrangklumxakharthiphkkhunemuxplaythswrrs 1960 cnthra epnhnunginnkfisiksdarasastrthiyingihyinyukhni ekhaaesdngihehnwa dawaekhrakhawimxacmimwlekinkhidcakd nnkhux mwlinradbthikxihekidkarraebidkhxngsuepxronwa aelaihkhwamswangsungsudinthxngfa cnthrayngepnkhrusxnphasaxngkvsthiyingihythisudethathiphmruck hns ebethx nkfisiksrangwlonebl kh s 1967 aelasastracaryekiyrtikhunfisiksaehngmhawithyalykhxrenll inchwngsngkhramolkkhrngthi 2 cnthreskhrthanganthihxngptibtikarwicykhipnsastr thiexebxrdin phrufwing krawnd inrthaemriaelnd khnaxyuthinn ekhaidthanganephuxaekpyhadan echn rayngansxngchin inpi kh s 1943 eruxng On the decay of plane shock waves aela The normal reflection of a blast wave ekhamioxkascaidekharwmngankbhxngptibtikarlxs xalamxs thimichuxesiyng aetkhwamlachainkartrwcsxbprawtithaihtxnglmelik khnathicnthraaelaphrryaxyuinxemrika bidathixyuinxinediykhxyhataaehnngnganthidiiwih ephuxhwngwalukchaycaidklbipbanekid aetinthisudcnthrakidsiththiepnphlemuxngkhxngshrthxemrika emux kh s 1953 rahwang kh s 1952 1971 cnthreskhrrbhnathiepnbrrnathikarbriharkhxngwarsar Astrophysical Journal ApJ odyidpnaetngcakwarsarthxngthin ihklayepnwarsarchnnadanfisiksdarasastrinradbnanachati cnthreskhridphthnarupaebbkarthangantxenuxngindanfisikssakhahnung odyechphaaepnewlanan dwyehtuni chiwitkarthangankhxngekhacungxacaebngidepn 7 chwng dngni okhrngsrangkhxngdaw rwmthngthvsdidawaekhrakhaw rahwang kh s 1929 1939 phlwtkhxngdaw aelakarekhluxnthiaebbbrawn rahwang kh s 1939 1943 thvsdikarthayoxnkaraephrngsi thvsdibrryakaskhxngdawvks thvsdikhwxntmkhxngixxxnlbkhxngihodrecn aelathvsdibrryakaskhxngdawekhraah rwmthngthvsdikarswangaelakarekidkhwkhxngthxngfathimiaesngaedd rahwang kh s 1943 1950 esthiyrphaphxuthkphlsastr aelaxuthksastrechingaemehlk rwmthngthvsdikarpha eryli ebxrnard cak kh s 1950 1961 smdulaelaesthiyrphaphkhxngkhaxilipsxydkhxngsmdul aetidsuksasmphththphaphthwipdwy inchwngthswrrs 1960 thvsdithwipaehngsmphththphaph aelafisiksdarasastrechingsmphththphaph rahwang kh s 1962 1971 thvsdikhnitsastrkhxnghlumda rahwang kh s 1974 1983khunkhruchuxcnthra emuxxyuthimhawithyalychikhaok cnthrathahnathiepnnkwicyaelaxacary thiduaelexaicisluksisyxyangiklchid nbepnaebbxyangthidikhxngnksuksa odyidduaelnganwicyradbpriyyaexkkhxngnksuksakwa 45 ray twxyangthithrabkndixyanghnung kkhux karxuthistninkarsxnxyangdiyinginchwngkhristthswrrs 1940 thitxngkhbrthipklbkwa 100 imltxspdah ephuxsxnnksuksaephiyngsxngkhnethann aelainewlaimnantxma inpi kh s 1957 nksuksathngchn sxngkhnnn kidrbrangwloneblsakhafisiks nnkhux T D Lee 李政道 aela C N Yang 楊振寧 nxkcakngandanwithyasastr cnthreskhryngekhiynhnngsuxelmhnung emux kh s 1987 wadwyprchyasunthriysastrinwithyasastr eruxng Truth and Beauty Aesthetics and Motivations in Science aelamkcabrryaythungkhwamsmphnthrahwangsilpaaelawithyasastrxyuesmx rahwang kh s 1990 1995 cnthreskhrmungmnthaokhrngkarxyanghnung ephuxxthibaykarxangehtuphlthangerkhakhnitin Philosophiae Naturalis Principia Mathematica khxngixaeskh niwtn odyichphasaaelaraebiybwithikhxngaekhlkhulsthrrmda khwamphyayamdngklawpraktphlinhnngsuxeruxng Newton s Principia for the Common Reader tiphimphemux kh s 1995 warasudthay cnthreskhrthanganinmhawithyalychikhaok tngaet kh s 1937 odyebuxngtnidthanganthihxdudaweyxrkhis aelatxmaidthanganthisthabnwicyefxrmi krathngthungaekkrrmdwyphawahwiclmehlw emux kh s 1995 khnaxayu 84 piphlngankhwamsaercthimichuxesiyngmakthisudkhxngcnthreskhr khux khidcakdcnthreskhr Chandrasekhar limit hrux Chandrashekhar mass odykhadngklaw khuxmwlthimakthisudthiepnipidkhxngdawaekhrakhaw khuxpraman 1 44 ethakhxngmwldwngxathity hruxethiybetha aelaepnmwlnxythisudthiinthisuddawvkscaklayepndawniwtrxn hruxhlumda phayhlngcakekidsuepxronwa cnthreskhrkhanwnkhadngklawepnkhrngaerk emux kh s 1930 inchwngthiekhaedinthangkhrngaerkipyngekhmbridcephuxsuksatx inkhrngaerkthicnthraesnxeruxngniinchwngthixyuinthrinitikhxlelc chwngthswrrs 1930 ekhathukkhdkhanxyangrunaerngcak sungthaihcnthrathxaethxyangmak enuxngcakimminkfisiksthinaechuxthuxkhnidinyuorpmachwyaektangihekha krnidngklawsrangkhwamkhmkhunaekcnthraepnxyangying aelarayngandngklawkhxngcnthraimidrbkarrbrxngephuxihrachsmakhmtiphimph ekhacungsngiptiphimphin Astrophysical Journal inxemrika aelatiphimphemuxeduxnminakhm 1931 aelaimnantxma khidcakdcnthreskhr kepnthiyxmrbinaewdwngfisiksdarasastr cnthraepnnkwithyasastrthikhynaelamungmn emuxsinsudkarsuksaaetlachwng kidrwbrwmaenwkhidaelathvsdimatiphimphepnelm ephuxihxnuchnrunhlngidsuksa cnthrannaetngtaraexaiwimmaknk aetkmiyxdkhaysungnbaesnelm odyhnngsuxaetlaelmmikhwamhnaimnxyely sahrbelmsudthay tiphimphkxnthungaekkrrmephiyng 2 eduxn mikhwamhnathung 600 kwahnaekiyrtikhunaelaxnusrncnthreskhridrbrangwloneblsakhafisiks emux kh s 1983 cakkarsuksakrabwnkarthangfisiksthisakhytxokhrngsrangaelawiwthnakarkhxngdawvks cnthreskhryxmrbekiyrtidngklaw aetesiyicthimikarxangthungechphaaphlnganechphaachwngaerkkhxngchiwit odymxngwaimehnkhwamsakhykhxngkhwamsaerctlxdchiwitkhxngekha nxkcakniekhayngidrbpriyyakittimskdi 20 priyya aelaidrbeluxkepnsmachiksmakhmwichakar 21 aehng rwmthngidrbrangwlxun xikmaknxkehnuxcakrangwlonebl echn ehriyythxngcakrachsmakhmdarasastraehnglxndxn aehngsanksilpaaelawithyasastraehngxemrika ehriyyphrarachthancakrachsmakhmaehngxngkvs ehriyyaehngchatidanwithyasastr aelaehriyyehnri edrepxr aehngsankwithyasastraehngchati epntn emux kh s 1999 xngkhkarbriharkarbinaelaxwkas nasa tngchuxklxngothrthrrsnxwkasaehngthisam cakhxdudawxwkaskhnadihy 4 aehng cakkarprakwdtngchuxkwa 6 000 chux cak 50 rth aela 61 praeths odyichchuxwaklxngothrthrrsnrngsiexkscnthra Chandra X ray Observatory sungthuksngaelaplxycakkraswyxwkasokhlmebiy emuxwnthi 23 krkdakhm kh s 1999 cnthraidrbrangwl nahnachux epn pthma wiphusn suphrhmnyn cnthreskhr xnepnrangwlkarykyxngihekiyrtixyangsungepnxndbsxngthimxbaekphleruxnxinediy rxngcakrangwl mxbihaekphuthakhunngamkhwamdiaekpraethschati ekhaidrbrangwlniinpi kh s 1968 caksakhawithyasastraelawiswkrrmsastr phuidrbrangwlkhnaerkkhux Satyendra Nath Bose Chandrasekhar number epnprimanirmitikhxng Magnetohydrodynamics ktngtamchuxkhxngekha nxkcakniyngmikartngchuxihkbdawekhraahnxykhnad 34 kiolemtrwa 1958 Chandra khidcakdcnthreskhr Chandrashekhar limit dawaekhrakhawnnepndawvks xyangdwngxathitykhxngera thimiwiwthnakarkhnsungsud odyxacmirsmimakkwaedimnbrxy etha inkhnnixatxmbnphiwhnacaimmikhwamthwngthisungphxcayudexaiw aetyngmiaerngdnthiekhmaephxxkmacakphayin xatxmbangswn odyechphaaihodrecncaphungxxkma aelamwlkhxngdawdwngnncakhxy ldlng cakthvsdiaesdngwadawthimimwlthung 8 ethakhxngdwngxathitycasuyesiymwlipinlksnaechnni aelaldlngtakwakhidcakdcnthreskhr khidcakdnimiphltxdawthimimwlmakkwa 8 ethakhxngdwngxathitydwy ssarinaeknklangkhxngmncaklayepnehlkdwyptikiriyaniwekhliyr thungcudnicaimmiphlngnganniwekhliyrxiktxip echnediywkbindawaekhrakhaw emuxaeknehlkmimwlethakbmwlcnthreskhr mncayubepndawniwtrxn aelaswnthiehluxcathukphlkxxkip klayepnsuepxronwachnid II dawaekhrakhawbangaebbcadungssarekhamacakphaynxk aelaemuxmwlmakethakbkhidcakdcnthreskhr mncaklayepnsuepxronwaechnkn inkrninieriykwa suepxronwachnid Ia karkhnphbninbepnphunthankhxngfisiksdarasastrsmyihm enuxngcakaesdngihehnwadawvksthimimwlsungkwadwngxathitykhxngeramak catxngraebid hruximkklayepnhlumdaraychuxnganekhiynAn Introduction to the Study of Stellar Structure 1939 ISBN 9780486604138 Principles of Stellar Dynamics 1942 OCLC 315930392 Radiative Transfer 1950 OCLC 1261755 Hydrodynamic and Hydromagnetic Stability 1961 OCLC 776597075 Ellipsoidal Figures of Equilibrium 1969 OCLC 1141818441 The Mathematical Theory of Black Holes 1983 ISBN 9780198512912 Truth and Beauty Aesthetics and Motivations in Science 1987 ISBN 9780226100869 Newton s Principia for the Common Reader 1995 ISBN 9780198517443 nxkcakniyngmiraynganwichakarxikepncanwnmak odytiphimphinwarsarwichakardandarasastr thnginshrthxemrika aelapraethsxun inyuorpxangxingVishveshwara C V 25 emsayn 2000 PDF Current Science 78 8 1025 1033 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 12 tulakhm 2011 Horgan J 1994 Profile Subrahmanyan Chandrasekhar Confronting the Final Limit Scientific American 270 3 32 33 doi 10 1038 scientificamerican0394 32 Who was S Chandrasekhar The Indian Express phasaxngkvs 19 tulakhm 2017 subkhnemux 13 mkrakhm 2019 Subramanyan Chandrasekhar Biographical NobelPrize org phasaxngkvsaebbxemrikn subkhnemux 24 knyayn 2019 S Chandrasekhar Why Google honours him www aljazeera com subkhnemux 18 tulakhm 2017 Trehan Surindar Kumar 1995 Subrahmanyan Chandrasekhar 1910 1995 PDF Biographical Memoirs of Fellows of the Indian National Science Academy 23 101 119 Subrahmanyan Chandrasekhar The Man Behind The Name Chandra X ray Observatory 14 emsayn 2021 Andrew Mylwaganam b k tamil net khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 4 phvsphakhm 2010 Chandrasekhar S 1943 PDF Report Army Ballistic Research Lab Aberdeen Procing Ground MD BRL MR 139 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim pdf emux 2019 11 29 subkhnemux 2021 10 23 O Connor J J Robertson E F Subrahmanyan Chandrasekhar Biographies School of Mathematics and Statistics University of St Andrews Scotland subkhnemux 21 phvsphakhm 2012 S Chandrashekhar India s great astrophysicist Why Google Doodle is celebrating the Nobel prize winner The Financial Express phasaxngkvsaebbxemrikn 19 tulakhm 2017 subkhnemux 19 tulakhm 2017 Helmut A Abt 1 thnwakhm 1995 Obituary Chandrasekhar Subrahmanyan Astrophysical Journal 454 551 Bibcode 1995ApJ 454 551A doi 10 1086 176507 Singh Virendra 26 tulakhm 2011 S Chandrasekhar His Life and Science Resonance 16 10 960 doi 10 1007 s12045 011 0094 0 S2CID 119945333 C Wali K C Kameshwar 1991 Chandra a biography of S Chandrasekhar Chicago University of Chicago Press p 9 ISBN 978 0226870540 OCLC 21297960 Wilhelm Odelberg b k 1983 The Nobel Foundation khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 18 singhakhm 2007 Subrahmanyan Chandrasekhar University of Chicago News Office 22 singhakhm 1995 Royal Astronomical Society khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 25 phvsphakhm 2011 subkhnemux 24 kumphaphnth 2011 American Academy of Arts and Sciences khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 27 knyayn 2012 subkhnemux 24 kumphaphnth 2011 The President s National Medal of Science Recipient Details NSF National Science Foundation www nsf gov National Academy of Sciences khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 26 mkrakhm 2013 subkhnemux 24 kumphaphnth 2011 aehlngkhxmulxunWikisource wikisxrsphasaxngkvs English mikhxmultnchbbekiywkb Subrahmanyan Chandrasekhar Wikiquote wikikhakhmphasaxngkvs mikhakhmthiklawody hruxekiywkb Subrahmanyan Chandrasekhar wikimiediykhxmmxnsmisuxekiywkb suphrhmnyn cnthreskhr Great Indians Professor Subrahmanyan Chandrasekhar Video of Chandra s last interview at Chicago Oral History interview transcript with Subrahmanyan Chandrasekhar 6 tulakhm 1987 American Institute of Physics Niels Bohr Library and Archives Subrahmanyan Chandrasekhar Mathematics Genealogy Project Guide to the Subrahmanyan Chandrasekhar Papers 1913 2011 thi University of Chicago Special Collections Research Center bthkhwamchiwprawtiniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldkhk