สาธารณรัฐแห่งมณฑลที่ลุ่มต่ำทั้งเจ็ด หรือ สาธารณรัฐดัตช์ (อังกฤษ: The United Provinces of the Netherlands ดัตช์: Republiek der Zeven Verenigde Nederlanden หรือ De Nederlandse Republiek และ De Verenigde Provincien) เป็นการรวมหนึ่งในมณฑลทั้ง 7 ของเนเธอร์แลนด์ของสเปน ประกาศอิสรภาพเป็นสหพันธ์สาธารณรัฐ โดยเริ่มก่อตั้งเมื่อค.ศ. 1588 () และสิ้นสุดลงเมื่อค.ศ. 1795 (ในการปฏิวัติบาตาเวีย) โดยถือเป็นรัฐอิสระครั้งแรกของชาวดัตช์
สาธารณรัฐแห่งมณฑลที่ลุ่มต่ำทั้งเจ็ด Republiek der Zeven Verenigde Nederlanden / Zeven Provinciën Republic of the Seven United Netherlands / Seven Provinces | |||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1581–1795 | |||||||||||
คำขวัญ: Concordia res parvae crescunt เอกภาพยังให้สิ่งเล็ก ๆ เติบใหญ่ได้ | |||||||||||
สาธารณรัฐดัตช์ ในปีค.ศ. 1789 | |||||||||||
เมืองหลวง | กรุงเฮก (โดยพฤตินัย) | ||||||||||
ภาษาทั่วไป | ดัตช์ | ||||||||||
ศาสนา | (ประจำชาติ), โรมันคาทอลิก, ยูดาย, ลูเทอแรน | ||||||||||
การปกครอง | สหพันธ์สาธารณรัฐ | ||||||||||
สตัดเฮาเดอร์ | |||||||||||
• 1581–1584 | |||||||||||
• 1751–1795 | วิลเลิมที่ 5 | ||||||||||
แกรนด์ เพนชันนารี | |||||||||||
• 1581–1585 | Paulus Buys | ||||||||||
• 1653–1672 | Johan de Witt | ||||||||||
• 1787–1795 | Laurens van de Spiegel | ||||||||||
ยุคประวัติศาสตร์ | (ยุคใหม่ตอนต้น) | ||||||||||
23 มกราคม 1579 | |||||||||||
• | 16 มิถุนายน 1581 | ||||||||||
• จดหมายเปิดผนึกของแฟรงก์ | 12 เมษายน 1588 | ||||||||||
• | 30 มกราคม 1648 | ||||||||||
19 มิถุนายน 1795 | |||||||||||
ประชากร | |||||||||||
• 1795 | 1,880,500 | ||||||||||
| |||||||||||
ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ | เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม |
ประวัติศาสตร์ของกลุ่มประเทศแผ่นดินต่ำ | ||||
---|---|---|---|---|
ราชอาณาจักรแฟรงก์ (คริสต์ศตวรรษที่ 5-10) | ฟริเซีย (600-734) | |||
จักรวรรดิการอแล็งเฌียง หลังปี 800 | ||||
แฟรงก์ตะวันตก (ฝรั่งเศส) | อาณาจักรแฟรงก์กลาง (โลทาริงเกีย) (843–870) | |||
แฟลนเดอส์และโลทาริงเกียในอาณาจักรแฟรงก์ตะวันตก (870–880) | ||||
แฟลนเดอส์ (862–1384) และรัฐอื่นๆ (คริสต์ ศตวรรษ ที่ 10–14) | ราชอาณาจักรโลทาริงเกีย (ต่อมาเป็นดัชชี) ในแฟรงก์ตะวันออก (เยอรมนี) (880-1190) | |||
บิชอปแห่ง ลีแยฌ (980-1794) ดัชชีบูลียง (988-1795) แอบบีย์ สตาวีลอต -มาลเมดีย์ (1138-1795) | ดัชชีบราบันต์ (1183-1430) และรัฐอื่นๆ (คริสต์ศตวรรษ ที่ 10–15) | เคาน์ตี/ ดัชชี ลักเซมเบิร์ก (963–1443) | เคาน์ตีฮอลแลนด์ (880-1432) และรัฐอื่นๆ (คริสต์ศตวรรษ ที่ 10–15) | |
เนเธอร์แลนด์ของเบอร์กันดี (1384–1477) | ||||
เนเธอร์แลนด์ของฮาพส์บวร์ค (กลุ่มสิบเจ็ดมณฑล) (1482–1556) | ||||
เนเธอร์แลนด์ของสเปน (เนเธอร์แลนด์ตอนใต้) (1556–1714) | สาธารณรัฐดัตช์ (1581–1795) | |||
เนเธอร์แลนด์ของออสเตรีย (เนเธอร์แลนด์ตอนใต้) (1714–1795) | ||||
(1789–1792) | สหรัฐเบลเยียม (1790) | |||
ตกเป็นส่วนหนึ่งของ สาธารณรัฐฝรั่งเศส (1795–1804) และ จักรวรรดิฝรั่งเศส (1804–1815) | สาธารณรัฐ บาตาเวีย (1795–1806) | |||
ราชอาณาจักร ฮอลแลนด์ (1806–1810) | ||||
สหราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ (1815-1830) | ||||
ราชอาณาจักรเบลเยียม (ตั้งแต่ 1830) | แกรนด์ดัชชี ลักเซมเบิร์ก (รัฐร่วมประมุข) | ราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ (ตั้งแต่ 1830) | ||
แกรนด์ดัชชี ลักเซมเบิร์ก (ตั้งแต่ 1890) |
โดยเริ่มจากการก่อกบฏโปรแตสแตนท์ในกลุ่มขุนนาง ต่อการปกครองของสเปน โดยประกอบด้วยมณฑลทั้งเจ็ดที่รวมตัวเป็นพันธมิตรกันในปีค.ศ. 1579 (สหภาพยูเทรกต์) และประกาศอิสรภาพเมื่อปีค.ศ. 1581 ( หรือ "Act of Abjuration") ประกอบด้วยโกรนิงเงิน ฟรีเซีย เกลเดอร์ส โอเวอริสเซิล ฮอลแลนด์ เซลันด์ และยูเทรกต์
ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงประเทศเล็กๆ ด้วยประชากรเพียง 1.5 ล้านคน แต่สาธารณรัฐดัตช์ได้ควบคุมการค้าขายทางเรือของโลกผ่านบริษัทเดินเรือต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดัตช์อีสต์อินเดียคอมปะนี และดัตช์เวสต์อินเดียคอมปะนี โดยต่อมาได้กลายเป็นจักรวรรดิดัตช์ ที่มีรายได้มหาศาลจากการค้าโลก ทำให้สาธารณรัฐดัตช์สามารถพัฒนาการทหารได้เท่าเทียมกับมหาประเทศต่างๆ ได้ โดยประกอบด้วยกองเรือกว่า 2,000 ลำ ซึ่งใหญ่กว่าอังกฤษและฝรั่งเศสรวมกัน
ความขัดแย้งทางการทหารหลักๆ ในยุคนี้ได้แก่ สงครามแปดสิบปีกับสเปน ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่การก่อตั้งสาธารณรัฐและต่อเนื่องยาวนานจนถึงปีค.ศ. 1648 (ค.ศ. 1602-1663) สงครามอังกฤษ-เนเธอร์แลนด์ (ครั้งแรก ค.ศ. 1652–1654, ครั้งที่สอง ค.ศ. 1665–1667, ครั้งที่สาม ค.ศ. 1672–1674 และครั้งที่สี่ ค.ศ. 1780–1784) สงครามฝรั่งเศส-เนเธอร์แลนด์ (ค.ศ. 1672–1678) และสงครามมหาพันธมิตร (ค.ศ. 1688–1697) ต่อฝรั่งเศส
นโบายการปกครองของสาธารณรัฐต่อการนับถือศาสนานั้นให้อิสระในการนับถือศาสนาต่างๆ อีกทั้งยังสนับสนุนเสรีภาพทางความคิดให้กับประชากร ในยุคสมัยนี้ทำให้ศิลปะวิทยาการเฟื่องฟูอย่างมาก จิตรกรสำคัญในยุคนี้ ได้แก่ แร็มบรันต์ โยฮันเนิส เฟอร์เมร์ และอีกมากมาย อีกทั้งนักวิทยาศาสตร์สำคัญของโลก ได้แก่ คริสตียาน เฮยเคินส์ และอันโตนี ฟัน เลเวินฮุก เพราะความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและวิทยาการของเนเธอร์แลนด์ในศตวรรธที่ 17 นี้ทำให้นักประวัติศาสตร์ต่างเรียกยุคสมัยนี้ว่ายุคทองของเนเธอร์แลนด์
การปกครองใช้ระบบสมาพันธรัฐของรัฐหรือมลฑลทั้งเจ็ด โดยแต่รัฐมีเสรีภาพในการปกครองตนเองจากรัฐบาลกลาง (States General) ต่อมาในสนธิสัญญาสันติภาพเว็สท์ฟาเลิน ในปีค.ศ. 1648 สาธารณรัฐดัตช์ได้ครอบครองเขตแดนเพิ่มขึ้นกว่า 20% ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ภายนอกรัฐสมาชิกทั้งเจ็ด ซึ่งปกครองโดยขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลาง
ในแต่มณฑลมีเจ้าเมืองหรือผู้ว่าราชการที่เรียกว่า "สตัดเฮาเดอร์" (Stadtholder) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เปิดกว้างให้กับทุกคน แต่มณฑลส่วนใหญ่มักจะเลือกสมาชิกจากราชวงศ์ออเรนจ์ เพื่อเป็นผู้ปกครอง ต่อมาตำแหน่งนี้จึงค่อยๆ เริ่มกลายเป็นตำแหน่งสืบตระกูลในที่สุด โดยมีเจ้าชายแห่งออเรนจ์ กลายเป็นผู้ครองตำแหน่งเจ้าเมืองของทุกๆ มณฑลพร้อมๆ กันในเวลาเดียว ทำให้กลายเป็นประมุขแห่งรัฐไปโดยปริยาย ซึ่งต่อมาได้ทำให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างสองขั้ว ขั้วที่สนับสนุนราชวงศ์ออเรนจ์ สนับสนุนความคิดในสตัดเฮาเดอร์ที่มีอำนาจมากเป็นศูนย์กลาง ในขณะที่อีกขั้วคือรีพับลิกัน ที่สนับสนุนรัฐบาลกลางเป็นศูนย์กลาง ซึ่งในที่สุดก็บรรลุความสำเร็จจนได้เกิดยุคสมัยที่ปราศจากสตัดเฮาเดอร์ทั้งสิ้นสองช่วงคือ ค.ศ. 1650–1672 และ ค.ศ. 1702–1747 โดยในครั้งหลังนั้นทำให้เกิดความสั่นคลอนทางการเมืองระดับชาติจนทำให้สิ้นสุดความเป็นประเทศมหาอำนาจ
การเสื่อมถอยทางเศรษฐกิจเริ่มขึ้นและนำไปสู่ความแตกแยกทางการเมืองอย่างรุนแรง ในนามของ "เหล่าผู้รักชาติ" (Patriottentijd) ระหว่างปีค.ศ. 1780-1787 ซึ่งสงครามการเมืองระหว่างสองขั้วนี้ได้หยุดชะงักชั่วคราวด้วยการรุกรานของปรัสเซียที่สนับสนุนฝั่งสตัดเฮาเดอร์ ต่อมาในการปฏิวัติฝรั่งเศส และสงครามสหสัมพันธมิตรครั้งที่หนึ่งทำให้แนวคิดแบ่งแยกนี้ปะทุขึ้นอีกครั้ง และเมื่อฝั่งฝรั่งเศสได้รับชัยชนะ ระบบสตัดเฮาเดอร์ได้ถูกกำจัด และขับไล่ออกไปจากเนเธอร์แลนด์ในการปฏิวัติบาตาเวีย ปีค.ศ. 1795 ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดของสาธารณรัฐดัตช์ และสืบทอดเป็นสาธารณรัฐบาตาเวีย
ประวัติ
ในช่วงก่อนศตวรรษที่ 16 ดินแดนในกลุ่มประเทศต่ำ ซึ่งในปัจจุบันคือ เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม และลักเซมเบิร์ก ในอดีตนั้นประกอบด้วยดัชชี เคาน์ตี และราชรัฐมุขมณฑลต่างๆ ซึ่งดินแดนเกือบทั้งหมดนั้นถือเป็นดินแดนในปกครองของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ยกเว้นเพียงแต่เคาน์ตีฟลานเดอร์สซึ่งขึ้นตรงต่อราชอาณาจักรฝรั่งเศส
ต่อมาได้สืบทอดเปลี่ยนมือผู้ปกครองมาเป็นราชวงศ์บูร์กอญ และต่อด้วยราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค ในปีค.ศ. 1549 จักรพรรดิคาร์ลที่ 5 ได้ออกพระราชบัญญัติการสืบราชบัลลังก์ซึ่งเป็นการเพิ่มอำนาจการปกครองต่อมณฑลทั้งเจ็ด ซึ่งภายหลังทรงสละราชบัลลังก์ลงทำให้พระเจ้าเฟลิเปที่ 2 แห่งสเปน พระราชโอรสได้ดินแดนแถบนี้ไปปกครองต่อจากพระราชบิดา ต่อมาในปีค.ศ. 1568 ในเนเธอร์แลนด์ได้เกิดการกบฏขึ้นนำโดย อันมีสาเหตุมาจากอัตราภาษีที่สูง และการลงโทษอันทารุนต่อชาวโปรเตสแตนท์โดยรัฐบาล และความพยายามของพระเจ้ากรุงสเปนในเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการเมืองการปกครองของมณฑลต่างๆ จึงเป็นเหตุให้สงครามแปดสิบปีอุบัติขึ้นในที่สุด ซึ่งในระหว่างสงคราม การกบฏส่วนมากไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ทำให้สเปนยังคงฐานอำนาจมณฑลเกือบทั้งหมดไว้ได้ ซึ่งในช่วงนี้ได้เกิดการปล้นสดมภ์โดยกองทัพสเปน การฆ่าสังหารผู้คนในเมืองต่างๆ ในช่วงระหว่างปีค.ศ. 1572 จนถึง 1579
ในปีค.ศ. 1579 มณฑลส่วนใหญ่ทางตอนเหนือได้ลงนามก่อตั้งสหภาพยูเทรกต์ เพื่อเป็นการสนับสนุนทางการทหารซึ่งกันและกันต่อการรุกรานของกองทัพฟลานเดอร์ส แต่ในที่สุดได้ตราพระราชบัญญัติแห่งการตัดขาด ในปีค.ศ. 1581 โดยเป็นประกาศให้มณฑลทั้งเจ็ดเป็นอิสระจากการปกครองของพระเจ้าเฟลิเปที่ 2 แห่งสเปน ในจุดนี้เป็นการเริ่มต้นของยุคล่าอาณานิคมของเนเธอร์แลนด์ซึ่งสามารถยึดเอาดินแดนอาณานิคมของโปรตุเกสและสเปนมาเป็นของตนได้ โดยเฉพาะดินแดนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ต่อมาได้ถูกลอบสังหารเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ค.ศ. 1584 ทั้งพระเจ้าอ็องรีที่ 3 แห่งฝรั่งเศส และสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษทั้งสองพระองค์ได้ปฏิเสธที่จะรับเป็นเจ้าผู้ครองแทน โดยราชสำนักอังกฤษได้ยอมตกลงให้มณฑลทั้งเจ็ดเป็นรัฐอารักขาของอังกฤษ (สนธิสัญญานอนซัช ค.ศ. 1585) และส่งมาเป็นผู้สำเร็จราชการ ซึ่งสุดท้ายก็ไม่ประสบความสำเร็จ และในปีค.ศ. 1588 มณฑลทั้งเจ็ดก็ได้กลายมาเป็นสหพันธ์สาธารณรัฐ โดยการลงนามในสหภาพยูเทรกต์ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อตั้งสาธารณรัฐดัตช์ แต่ก็ไม่ได้รับการยอมรับโดยราชสำนักสเปนจนกระทั่งสนธิสัญญาสันติภาพเว็สท์ฟาเลินในปีค.ศ. 1648
ในช่วงสงครามอังกฤษ-ฝรั่งเศส (ค.ศ. 1778) มีการแบ่งดินแดนภายในประเทศเป็นสองกลุ่ม คือกลุ่มผู้รักชาติซึ่งสนับสนุนฝรั่งเศสและอเมริกา และกลุ่มผู้สนับสนุนราชวงศ์ออเรนจ์ที่สนับสนุนฝั่งอังกฤษ ในช่วงปีค.ศ. 1783-1787 ได้มีการปฏิวัติสาธารณรัฐขึ้นหลายครั้ง โดยกองกำลังรีพับลิกันผู้สนับสนุนระบอบสาธารณรัฐซึ่งได้ยึดครองเมืองสำคัญต่างๆ ได้ โดยฝั่งผู้สนับสนุนราชวงศ์นั้นได้ความช่วยเหลือทางการทหารจากกองทัพปรัสเซียและในที่สุดได้ยึดการปกครองคืนมากลับมาได้ในปีค.ศ. 1787 ซึ่งทำให้กองกำลังฝั่งสาธารณรัฐต้องหนีไปฝรั่งเศส และได้กลับมายึดคืนพร้อมชัยชนะจากความช่วยเหลือของกองทัพของสาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยได้ขับไล่ผู้ครองหรือสตัดเฮาเดอร์ในสมัยนั้น คือ และล้มล้างการปกครองของสาธารณรัฐดัตช์ และก่อตั้งเป็นสาธารณรัฐบาตาเวียขึ้น (ค.ศ. 1795-1806) ต่อมาภายหลังสาธารณรัฐฝรั่งเศสได้กลายมาเป็นจักรวรรดิฝรั่งเศสภายใต้แสนยานุภาพของจักรพรรดินโปเลียน จึงทำให้สาธารณรัฐบาตาเวียได้เปลี่ยนการปกครองอีกครั้งกลายเป็นราชอาณาจักรฮอลแลนด์ (ค.ศ. 1806-1810)
ต่อมาเนเธอร์แลนด์ได้รับอิสรภาพจากฝรั่งเศสในปีค.ศ. 1813 ใน ได้ใช้ชื่อประเทศว่า"United Provinces of the Netherlands" และ "United Netherlands" ต่อมาในปีค.ศ. 1815 ได้ควบรวมดินแดนกับเนเธอร์แลนด์ของออสเตรีย และ (หรือเรียกกันว่า "เหล่ามณฑลทางใต้" และกลายมาเป็นสหราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ โดยมีวัตถุประสงค์เป็นรัฐกันชนทางตอนเหนือของฝรั่งเศส ต่อมาในวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ. 1815 บุตรชายของ ได้แต่งตั้งตัวเองเป็นพระเจ้าวิลเลิมที่ 1 แห่งเนเธอร์แลนด์ โดยยังเป็นประมุขร่วมให้กับลักเซมเบิร์กด้วยในระหว่างปีค.ศ. 1815 จนถึงค.ศ. 1890 ต่อมาเบลเยียมได้แยกตนเองเป็นอิสระในปีค.ศ. 1830 จึงทำให้เนเธอร์แลนด์กลายมาเป็นราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์จวบจนปัจจุบัน
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- คำเต็มคือ Concordia res parvae crescunt, discordia maximae dilabuntur. Hubert de Vries, Wapens van de Nederlanden. De historische ontwikkeling van de heraldische symbolen van Nederland, België, hun provincies en Luxemburg. Uitgeverij Jan Mets, Amsterdam, 1995, p. 31-32.
- Demographics of the Netherlands 2011-12-26 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Jan Lahmeyer. Retrieved on 10 February 2014.
- เคยเป็นในจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
หนังสืออ่านเพิ่ม
- Adams, Julia. The Familial State: Ruling Families and Merchant Capitalism in Early Modern Europe. Ithica: Cornell University Press, 2005
- Boxer, C. R. The Dutch Seaborne Empire 1600–1800. London: Penguin Books, 1990
- Israel, J. I. The Dutch Republic: Its Rise, Greatness, and Fall 1477–1806 Oxford: Clarendon Press, 1995
- Kuznicki, Jason (2008). "Dutch Republic". ใน (บ.ก.). The Encyclopedia of Libertarianism. Thousand Oaks, CA: ; . pp. 130–1. ISBN . LCCN 2008009151. OCLC 750831024.
- Reynolds, Clark G. Navies in History. Annapolis: Naval Institute Press, 1998
- . New York: Random House, 1988
- van der Burg, Martijn. "Transforming the Dutch Republic into the Kingdom of Holland: the Netherlands between Republicanism and Monarchy (1795–1815)," European Review of History (2010) 17#2, pp. 151–170 online
แหล่งข้อมูลอื่น
- Dutch Golden Age 1588–1702 – Documentary ที่ยูทูบ
- (อังกฤษ) (ละติน)The Dutch Republic, Enlarged and Edited: Produced with the Care and Work of from around 1730
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
satharnrthaehngmnthlthilumtathngecd hrux satharnrthdtch xngkvs The United Provinces of the Netherlands dtch Republiek der Zeven Verenigde Nederlanden hrux De Nederlandse Republiek aela De Verenigde Provincien epnkarrwmhnunginmnthlthng 7 khxngenethxraelndkhxngsepn prakasxisrphaphepnshphnthsatharnrth odyerimkxtngemuxkh s 1588 aelasinsudlngemuxkh s 1795 inkarptiwtibataewiy odythuxepnrthxisrakhrngaerkkhxngchawdtchsatharnrthaehngmnthlthilumtathngecd Republiek der Zeven Verenigde Nederlanden Zeven Provincien Republic of the Seven United Netherlands Seven Provinces1581 1795thngchati traaephndinkhakhwy Concordia res parvae crescunt exkphaphyngihsingelk etibihyidephlngchati wilehlms Wilhelmus van Nassouwe wilehlmsaehngnssx source source track track track track track track track track track satharnrthdtch inpikh s 1789emuxnghlwngkrungehk odyphvtiny phasathwipdtchsasna pracachati ormnkhathxlik yuday luethxaernkarpkkhrxngshphnthsatharnrthstdehaedxr 1581 1584 1751 1795wilelimthi 5aekrnd ephnchnnari 1581 1585Paulus Buys 1653 1672Johan de Witt 1787 1795Laurens van de Spiegelyukhprawtisastryukhihmtxntn shphaphyuethrkt23 mkrakhm 1579 16 mithunayn 1581 cdhmayepidphnukkhxngaefrngk12 emsayn 1588 30 mkrakhm 1648 karptiwtibataewiy19 mithunayn 1795prachakr 17951 880 500kxnhna thdipklumsibecdmnthlckrwrrdiormnxnskdisiththi satharnrthbataewiypccubnepnswnhnungkhxng enethxraelnd ebleyiymprawtisastrkhxngklumpraethsaephndintakrachxanackraefrngk khriststwrrsthi 5 10 friesiy 600 734 ckrwrrdikarxaelngechiyng hlngpi 800 aefrngktawntk frngess xanackraefrngkklang oltharingekiy 843 870 aeflnedxsaelaoltharingekiyinxanackraefrngktawntk 870 880 aeflnedxs 862 1384 aelarthxun khrist stwrrs thi 10 14 rachxanackroltharingekiy txmaepndchchi inaefrngktawnxxk eyxrmni 880 1190 bichxpaehng liaeych 980 1794 dchchibuliyng 988 1795 aexbbiy stawilxt malemdiy 1138 1795 dchchibrabnt 1183 1430 aelarthxun khriststwrrs thi 10 15 ekhanti dchchi lkesmebirk 963 1443 ekhantihxlaelnd 880 1432 aelarthxun khriststwrrs thi 10 15 enethxraelndkhxngebxrkndi 1384 1477 enethxraelndkhxnghaphsbwrkh klumsibecdmnthl 1482 1556 enethxraelndkhxngsepn enethxraelndtxnit 1556 1714 satharnrthdtch 1581 1795 enethxraelndkhxngxxsetriy enethxraelndtxnit 1714 1795 1789 1792 shrthebleyiym 1790 tkepnswnhnungkhxng satharnrthfrngess 1795 1804 aela ckrwrrdifrngess 1804 1815 satharnrth bataewiy 1795 1806 rachxanackr hxlaelnd 1806 1810 shrachxanackrenethxraelnd 1815 1830 rachxanackrebleyiym tngaet 1830 aekrnddchchi lkesmebirk rthrwmpramukh rachxanackr enethxraelnd tngaet 1830 aekrnddchchi lkesmebirk tngaet 1890 odyerimcakkarkxkbtopraetsaetnthinklumkhunnang txkarpkkhrxngkhxngsepn odyprakxbdwymnthlthngecdthirwmtwepnphnthmitrkninpikh s 1579 shphaphyuethrkt aelaprakasxisrphaphemuxpikh s 1581 hrux Act of Abjuration prakxbdwyokrningengin friesiy ekledxrs oxewxrisesil hxlaelnd eslnd aelayuethrkt thungaemwacaepnephiyngpraethselk dwyprachakrephiyng 1 5 lankhn aetsatharnrthdtchidkhwbkhumkarkhakhaythangeruxkhxngolkphanbristhedineruxtang odyechphaaxyangying dtchxistxinediykhxmpani aeladtchewstxinediykhxmpani odytxmaidklayepnckrwrrdidtch thimirayidmhasalcakkarkhaolk thaihsatharnrthdtchsamarthphthnakarthharidethaethiymkbmhapraethstang id odyprakxbdwykxngeruxkwa 2 000 la sungihykwaxngkvsaelafrngessrwmkn khwamkhdaeyngthangkarthharhlk inyukhniidaek sngkhramaepdsibpikbsepn sungerimkhuntngaetkarkxtngsatharnrthaelatxenuxngyawnancnthungpikh s 1648 kh s 1602 1663 sngkhramxngkvs enethxraelnd khrngaerk kh s 1652 1654 khrngthisxng kh s 1665 1667 khrngthisam kh s 1672 1674 aelakhrngthisi kh s 1780 1784 sngkhramfrngess enethxraelnd kh s 1672 1678 aelasngkhrammhaphnthmitr kh s 1688 1697 txfrngess nobaykarpkkhrxngkhxngsatharnrthtxkarnbthuxsasnannihxisrainkarnbthuxsasnatang xikthngyngsnbsnunesriphaphthangkhwamkhidihkbprachakr inyukhsmynithaihsilpawithyakarefuxngfuxyangmak citrkrsakhyinyukhni idaek aermbrnt oyhnenis efxremr aelaxikmakmay xikthngnkwithyasastrsakhykhxngolk idaek khristiyan ehyekhins aelaxnotni fn elewinhuk ephraakhwamkawhnathangesrsthkicaelawithyakarkhxngenethxraelndinstwrrththi 17 nithaihnkprawtisastrtangeriykyukhsmyniwayukhthxngkhxngenethxraelnd karpkkhrxngichrabbsmaphnthrthkhxngrthhruxmlthlthngecd odyaetrthmiesriphaphinkarpkkhrxngtnexngcakrthbalklang States General txmainsnthisyyasntiphaphewsthfaelin inpikh s 1648 satharnrthdtchidkhrxbkhrxngekhtaednephimkhunkwa 20 sungswnihyxyuphaynxkrthsmachikthngecd sungpkkhrxngodykhuntrngtxrthbalklang inaetmnthlmiecaemuxnghruxphuwarachkarthieriykwa stdehaedxr Stadtholder sungepntaaehnngthiepidkwangihkbthukkhn aetmnthlswnihymkcaeluxksmachikcakrachwngsxxernc ephuxepnphupkkhrxng txmataaehnngnicungkhxy erimklayepntaaehnngsubtrakulinthisud odymiecachayaehngxxernc klayepnphukhrxngtaaehnngecaemuxngkhxngthuk mnthlphrxm kninewlaediyw thaihklayepnpramukhaehngrthipodypriyay sungtxmaidthaihekidkhwamkhdaeyngthangkaremuxngrahwangsxngkhw khwthisnbsnunrachwngsxxernc snbsnunkhwamkhidinstdehaedxrthimixanacmakepnsunyklang inkhnathixikkhwkhuxriphblikn thisnbsnunrthbalklangepnsunyklang sunginthisudkbrrlukhwamsaerccnidekidyukhsmythiprascakstdehaedxrthngsinsxngchwngkhux kh s 1650 1672 aela kh s 1702 1747 odyinkhrnghlngnnthaihekidkhwamsnkhlxnthangkaremuxngradbchaticnthaihsinsudkhwamepnpraethsmhaxanac karesuxmthxythangesrsthkicerimkhunaelanaipsukhwamaetkaeykthangkaremuxngxyangrunaerng innamkhxng ehlaphurkchati Patriottentijd rahwangpikh s 1780 1787 sungsngkhramkaremuxngrahwangsxngkhwniidhyudchangkchwkhrawdwykarrukrankhxngprsesiythisnbsnunfngstdehaedxr txmainkarptiwtifrngess aelasngkhramshsmphnthmitrkhrngthihnungthaihaenwkhidaebngaeyknipathukhunxikkhrng aelaemuxfngfrngessidrbchychna rabbstdehaedxridthukkacd aelakhbilxxkipcakenethxraelndinkarptiwtibataewiy pikh s 1795 sungthuxepnkarsinsudkhxngsatharnrthdtch aelasubthxdepnsatharnrthbataewiyprawtiphupkkhrxngkhnaerkkhxngsatharnrthdtch inchwngkxnstwrrsthi 16 dinaedninklumpraethsta sunginpccubnkhux enethxraelnd ebleyiym aelalkesmebirk inxditnnprakxbdwydchchi ekhanti aelarachrthmukhmnthltang sungdinaednekuxbthnghmdnnthuxepndinaedninpkkhrxngkhxngckrwrrdiormnxnskdisiththi ykewnephiyngaetekhantiflanedxrssungkhuntrngtxrachxanackrfrngess txmaidsubthxdepliynmuxphupkkhrxngmaepnrachwngsburkxy aelatxdwyrachwngshaphsbwrkh inpikh s 1549 ckrphrrdikharlthi 5 idxxkphrarachbyytikarsubrachbllngksungepnkarephimxanackarpkkhrxngtxmnthlthngecd sungphayhlngthrngslarachbllngklngthaihphraecaefliepthi 2 aehngsepn phrarachoxrsiddinaednaethbniippkkhrxngtxcakphrarachbida txmainpikh s 1568 inenethxraelndidekidkarkbtkhunnaody xnmisaehtumacakxtraphasithisung aelakarlngothsxntharuntxchawopretsaetnthodyrthbal aelakhwamphyayamkhxngphraecakrungsepninepliynaeplngokhrngsrangkaremuxngkarpkkhrxngkhxngmnthltang cungepnehtuihsngkhramaepdsibpixubtikhuninthisud sunginrahwangsngkhram karkbtswnmakimprasbkhwamsaercethathikhwr thaihsepnyngkhngthanxanacmnthlekuxbthnghmdiwid sunginchwngniidekidkarplnsdmphodykxngthphsepn karkhasngharphukhninemuxngtang inchwngrahwangpikh s 1572 cnthung 1579 inpikh s 1579 mnthlswnihythangtxnehnuxidlngnamkxtngshphaphyuethrkt ephuxepnkarsnbsnunthangkarthharsungknaelakntxkarrukrankhxngkxngthphflanedxrs aetinthisudidtraphrarachbyytiaehngkartdkhad inpikh s 1581 odyepnprakasihmnthlthngecdepnxisracakkarpkkhrxngkhxngphraecaefliepthi 2 aehngsepn incudniepnkarerimtnkhxngyukhlaxananikhmkhxngenethxraelndsungsamarthyudexadinaednxananikhmkhxngoprtueksaelasepnmaepnkhxngtnid odyechphaadinaedninphumiphakhexechiyaepsifik txmaidthuklxbsngharemuxwnthi 10 krkdakhm kh s 1584 thngphraecaxxngrithi 3 aehngfrngess aelasmedcphrarachininathexlisaebththi 1 aehngxngkvsthngsxngphraxngkhidptiesththicarbepnecaphukhrxngaethn odyrachsankxngkvsidyxmtklngihmnthlthngecdepnrthxarkkhakhxngxngkvs snthisyyanxnsch kh s 1585 aelasngmaepnphusaercrachkar sungsudthaykimprasbkhwamsaerc aelainpikh s 1588 mnthlthngecdkidklaymaepnshphnthsatharnrth odykarlngnaminshphaphyuethrktthuxepncuderimtnkhxngkarkxtngsatharnrthdtch aetkimidrbkaryxmrbodyrachsanksepncnkrathngsnthisyyasntiphaphewsthfaelininpikh s 1648 inchwngsngkhramxngkvs frngess kh s 1778 mikaraebngdinaednphayinpraethsepnsxngklum khuxklumphurkchatisungsnbsnunfrngessaelaxemrika aelaklumphusnbsnunrachwngsxxerncthisnbsnunfngxngkvs inchwngpikh s 1783 1787 idmikarptiwtisatharnrthkhunhlaykhrng odykxngkalngriphbliknphusnbsnunrabxbsatharnrthsungidyudkhrxngemuxngsakhytang id odyfngphusnbsnunrachwngsnnidkhwamchwyehluxthangkarthharcakkxngthphprsesiyaelainthisudidyudkarpkkhrxngkhunmaklbmaidinpikh s 1787 sungthaihkxngkalngfngsatharnrthtxnghniipfrngess aelaidklbmayudkhunphrxmchychnacakkhwamchwyehluxkhxngkxngthphkhxngsatharnrthfrngess odyidkhbilphukhrxnghruxstdehaedxrinsmynn khux aelalmlangkarpkkhrxngkhxngsatharnrthdtch aelakxtngepnsatharnrthbataewiykhun kh s 1795 1806 txmaphayhlngsatharnrthfrngessidklaymaepnckrwrrdifrngessphayitaesnyanuphaphkhxngckrphrrdinopeliyn cungthaihsatharnrthbataewiyidepliynkarpkkhrxngxikkhrngklayepnrachxanackrhxlaelnd kh s 1806 1810 txmaenethxraelndidrbxisrphaphcakfrngessinpikh s 1813 in idichchuxpraethswa United Provinces of the Netherlands aela United Netherlands txmainpikh s 1815 idkhwbrwmdinaednkbenethxraelndkhxngxxsetriy aela hruxeriykknwa ehlamnthlthangit aelaklaymaepnshrachxanackrenethxraelnd odymiwtthuprasngkhepnrthknchnthangtxnehnuxkhxngfrngess txmainwnthi 16 minakhm kh s 1815 butrchaykhxng idaetngtngtwexngepnphraecawilelimthi 1 aehngenethxraelnd odyyngepnpramukhrwmihkblkesmebirkdwyinrahwangpikh s 1815 cnthungkh s 1890 txmaebleyiymidaeyktnexngepnxisrainpikh s 1830 cungthaihenethxraelndklaymaepnrachxanackrenethxraelndcwbcnpccubnduephimecachayaehngxxerncxangxingkhaetmkhux Concordia res parvae crescunt discordia maximae dilabuntur Hubert de Vries Wapens van de Nederlanden De historische ontwikkeling van de heraldische symbolen van Nederland Belgie hun provincies en Luxemburg Uitgeverij Jan Mets Amsterdam 1995 p 31 32 Demographics of the Netherlands 2011 12 26 thi ewyaebkaemchchin Jan Lahmeyer Retrieved on 10 February 2014 ekhyepninckrwrrdiormnxnskdisiththihnngsuxxanephimAdams Julia The Familial State Ruling Families and Merchant Capitalism in Early Modern Europe Ithica Cornell University Press 2005 Boxer C R The Dutch Seaborne Empire 1600 1800 London Penguin Books 1990 Israel J I The Dutch Republic Its Rise Greatness and Fall 1477 1806 Oxford Clarendon Press 1995 Kuznicki Jason 2008 Dutch Republic in b k The Encyclopedia of Libertarianism Thousand Oaks CA pp 130 1 ISBN 978 1 4129 6580 4 LCCN 2008009151 OCLC 750831024 Reynolds Clark G Navies in History Annapolis Naval Institute Press 1998 New York Random House 1988 van der Burg Martijn Transforming the Dutch Republic into the Kingdom of Holland the Netherlands between Republicanism and Monarchy 1795 1815 European Review of History 2010 17 2 pp 151 170 onlineaehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb satharnrthdtch wikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb satharnrthdtch Dutch Golden Age 1588 1702 Documentary thiyuthub xngkvs latin The Dutch Republic Enlarged and Edited Produced with the Care and Work of from around 1730 52 05 N 4 18 E 52 083 N 4 300 E 52 083 4 300 bthkhwamprawtisastrniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldkhk