นาอูรู (อังกฤษ: Nauru, ออกเสียง: /nɑːˈu:ruː/; นาอูรู: Naoero) หรือชื่ออย่างเป็นทางการ สาธารณรัฐนาอูรู (อังกฤษ: Republic of Nauru; นาอูรู: Repubrikin Naoero) เป็นประเทศเกาะและจุลรัฐในภูมิภาคไมโครนีเซีย ทวีปโอเชียเนีย ตอนกลางของมหาสมุทรแปซิฟิก เกาะบานาบาของประเทศคิริบาสเป็นพื้นที่ที่อยู่ใกล้เคียงที่สุด โดยอยู่ห่างกัน 300 กิโลเมตร ไปทางตะวันออก นาอูรูตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของตูวาลู ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของหมู่เกาะโซโลมอน โดยอยู่ห่างกัน 1,300 กิโลเมตร ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของปาปัวนิวกินี ทิศตะวันออกเฉียงใต้ของสหพันธรัฐไมโครนีเซียและทิศใต้ของหมู่เกาะมาร์แชลล์ ด้วยพื้นที่เพียง 21 ตารางกิโลเมตร ทำให้นาอูรูเป็นประเทศที่มีขนาดเล็กที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากประเทศโมนาโกและนครรัฐวาติกันและเป็นสาธารณรัฐที่มีขนาดเล็กที่สุด มากไปกว่านั้นด้วยจำนวนประชากรเพียง 10,670 คน จึงทำให้ประเทศนาอูรูเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากนครรัฐวาติกัน
สาธารณรัฐนาอูรู Repubrikin Naoero (นาอูรู) | |
---|---|
ตราแผ่นดิน | |
เมืองหลวง | ยาเรน (โดยพฤตินัย) 0°32′S 166°55′E / 0.533°S 166.917°E |
เมืองใหญ่สุด | |
ภาษาราชการ | นาอูรู |
ภาษาพูดทั่วไป | อังกฤษ |
การปกครอง | รัฐเดี่ยว สาธารณรัฐระบบรัฐสภาภายใต้ |
• | |
สภานิติบัญญัติ | |
เป็นเอกราช | |
• จากภาวะทรัสตีของสหประชาชาติ (จากสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์) | 31 มกราคม ค.ศ. 1968 |
พื้นที่ | |
• รวม | 21 ตารางกิโลเมตร (8.1 ตารางไมล์) (อันดับที่ 192) |
0.57 | |
ประชากร | |
• ค.ศ. 2017 ประมาณ | 11,347 (อันดับที่ 228) |
• สำมะโนประชากร 2011 | 10,084 |
480 ต่อตารางกิโลเมตร (1,243.2 ต่อตารางไมล์) (อันดับที่ 12) | |
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | 2021 (ประมาณ) |
• รวม | 132 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 192) |
• ต่อหัว | 9,995 ดอลลาร์สหรัฐ () |
จีดีพี (ราคาตลาด) | 2021 (ประมาณ) |
• รวม | 133 ล้านดอลลาร์สหรัฐ |
• ต่อหัว | 10,125 ดอลลาร์สหรัฐ |
สกุลเงิน | ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) |
เขตเวลา | UTC+12 |
• ฤดูร้อน (เวลาออมแสง) | ไม่ใช้ |
ขับรถด้าน | ซ้ายมือ |
รหัสโทรศัพท์ | |
โดเมนบนสุด | .nr |
ชาวไมโครนีเซียและพอลินีเซียเข้ามาตั้งถิ่นฐานเมื่อ 1,000 ปีก่อนคริสตกาล ปลายศตวรรษที่ 19 จักรวรรดิเยอรมนีได้ผนวกดินแดนนาอูรูเป็นอาณานิคม หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดลง นาอูรูกลายเป็นดินแดนในอาณัติของสันนิบาตชาติโดยมีออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และสหราชอาณาจักรเป็นผู้จัดการปกครอง ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 กองกำลังของจักรวรรดิญี่ปุ่นได้เข้ายึดครองนาอูรู ในการรุกคืบของฝ่ายสัมพันธมิตรในแปซิฟิก ได้ข้ามการยึดครองนาอูรู ตามยุทธวิธีกบกระโดด หลังจบสงคราม นาอูรูกลายเป็นดินแดนในภาวะทรัสตีของสหประชาชาติ และได้รับเอกราชในปี 1968 ต่อมาได้เข้าร่วมประชาคมแปซิฟิกในปี 1969
นาอูรูเป็นเกาะหินฟอสเฟตที่มี่ปริมาณเก็บไว้เป็นจำนวนมากใกล้ผิวดิน ซึ่งช่วยให้ง่ายต่อการทำเหมืองผิวดิน ส่วนทรัพยากรฟอสเฟตที่เหลือไม่คุ้มค่าในการสกัด เมื่อปริมาณสำรองฟอสเฟตหมดลง ประกอบกับความเสียหายอย่างรุนแรงของระบบนิเวศจากการทำเหมือง ทรัสต์ซึ่งก่อตั้งขึ้นเพื่อจัดการความมั่งคั่งของเกาะมีมูลค่าลดน้อยลง นาอูรูจึงกลายเป็นที่หลบภาษี (tax haven) และศูนย์กลางของการฟอกเงินในช่วงสั้น ๆ เพื่อหารายได้ จากปี 2001 ถึง 2008 และอีกครั้งตั้งแต่ปี 2012 รัฐบาลนาอูรูได้อนุญาตให้ออสเตรเลียตั้งศูนย์ประมวลผลภูมิภาคนาอูรู (Nauru Regional Processing Centre) ซึ่งเป็นสถานกักกันคนเข้าเมืองนอกชายฝั่ง แลกกับเงินช่วยเหลือ ด้วยการพึ่งพาออสเตรเลียเป็นอย่างมาก แหล่งข้อมูลบางแห่งระบุว่านาอูรูเป็นรัฐบริวารของออสเตรเลีย นาอูรูในฐานะรัฐเอกราชเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ เครือจักรภพแห่งชาติ และ
ประวัติศาสตร์
ชาวไมโครนีเซียและชาวพอลินีเซียเป็นชนกลุ่มแรกที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในนาอูรูเมื่อประมาณ 3,000 ปีก่อน ตามธรรมเนียมแล้ว สามารถแบ่งผู้คนในนาอูรูได้เป็น 12 เผ่า ซึ่งแทนด้วยดาว 12 แฉกที่ปรากฏบนธงชาตินาอูรู ประเพณีเดิมของชาวนาอูรูจะสืบตระกูลผ่านทางมารดา มีความชำนาญในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ โดยพวกเขาจับปลาอีบีจามาปรับตัวให้ชินกับสภาพแวดล้อมในน้ำจืดและเลี้ยงปลาเหล่านี้ในลากูนบัวดา เพื่อเป็นแหล่งอาหารที่มั่นคง ซึ่งมีเพียงผู้ชายเท่านั้นที่สามารถตกปลาตามแนวปะการังจากเรือแคนูหรือใช้นกเรือปืนใหญ่ที่ได้รับการฝึกฝนมา นอกจากนี้ยังมีพืชท้องถิ่นที่เป็นส่วนประกอบอาหารของพวกเขา เช่น มะพร้าวและเตยทะเล เป็นต้น ชื่อ "นาอูรู" อาจมีที่มาจากศัพท์คำว่า Anáoero ในภาษานาอูรู อันมีความหมายว่าฉันไปชายหาด
ในปี 1798 นักล่าวาฬชาวอังกฤษเป็นชาวยุโรปคนแรกที่เดินทางมาถึงเกาะนาอูรู โดยเขาได้ตั้งชื่อเกาะแห่งนี้ว่า "เกาะพลีแซนต์" โดยชื่อนี้ถูกใช้จนกระทั่งเยอรมนีผนวกเกาะแห่งนี้เป็นอาณานิคมในอีก 90 ปีต่อมา
ตั้งแต่ปี 1830 ชาวนาอูรูได้ติดต่อกับเรือล่าวาฬของชาวตะวันตก ซึ่งเรือล่าวาฬเหล่านี้จะแสวงหาน้ำจืดจากนาอูรูเพื่อเก็บไว้ใช้ในเรือ ในช่วงเวลานี้กะลาสีเรือที่เลิกทำงานให้กับเรือล่าวาฬเริ่มเข้ามาอยู่อาศัยในนาอูรู ทำให้ชาวเกาะเริ่มมีการแลกเปลี่ยนค้าขายกับชาวตะวันตกมากยิ่งขึ้น โดยชาวเกาะจะนำอาหารไปแลกเปลี่ยนกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และอาวุธสงคราม ซึ่งอาวุธสงครามที่ได้มาจากชาวตะวันตกเหล่านี้ได้ถูกนำมาใช้ในสงครามระหว่างชนเผ่าของนาอูรูในระหว่างปี 1878 จนถึงปี 1888
ในปี 1888 หลังจากทำข้อตกลงกับอังกฤษ เยอรมนีได้ผนวกเกาะนาอูรูเข้าเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะมาร์แชลล์ในอารักขาเพื่อง่ายต่อการปกครอง การเข้ามาของเยอรมนีในครั้งนี้ช่วยให้สงครามกลางเมืองระหว่างชนเผ่าต่าง ๆ สิ้นสุดลง และมีการสถาปนาสถาบันพระมหากษัตริย์ขึ้นมาปกครองเกาะแห่งนี้ โดยพระเจ้าโอเวอีดาเป็นพระมหากษัตริย์นาอูรูที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุด ซึ่งชาวเยอรมันที่เข้ามาอาศัยอยู่ในนาอูรูจะเรียกนาอูรูว่า Nawodo หรือ Onawero
ในปี 1888 คณะมิชชันนารีเริ่มเข้ามาเผยแพร่ศาสนาบนเกาะแห่งนี้ โดยเป็นกลุ่มมิชชันนารีที่เดินทางมาจากหมู่เกาะกิลเบิร์ต
ในปี 1890 พ่อค้าชาวเยอรมันที่แต่งงานกับหญิงชาวนาอูรูเป็นผู้บริหารคนแรกของนาอูรู หลังจากจักรวรรดิเยอรมันเข้ามาปกครองนาอูรูราว ๆ 3 ทศวรรษ
ในปี 1900 นักสำรวจแร่ได้ค้นพบแหล่งแร่ฟอสเฟตในนาอูรู จนกระทั่งในปี 1906 บริษัทแปซิฟิกฟอสเฟตได้ทำข้อตกลงกับรัฐบาลของเยอรมนีในการเริ่มทำกิจกรรมเหมืองแร่ฟอสเฟตในนาอูรู โดยเริ่มมีการส่งออกแร่ฟอสเฟตไปขายให้กับต่างประเทศในปี 1907
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี 1914 กองทัพออสเตรเลียได้ส่งกองกำลังเข้ายึดครองนาอูรู จนกระทั่งในปี 1919 ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และสหราชอาณาจักรได้ลงนามในข้อตกลงนาอูรู ซึ่งมีผลให้เกิดการสถาปนา โดยคณะกรรมาธิการชุดนี้มีสิทธิ์ในการประกอบกิจการเหมืองฟอสเฟตในนาอูรู
ในปี 1920 เกิดการระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่ ส่งผลให้ชาวนาอูรูร้อยละ 18 เสียชีวิตจากการระบาดในครั้งนี้ หลังจากการระบาดของไข้หวัดใหญ่ 3 ปี สันนิบาตชาติได้ให้อำนาจออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และนิวซีแลนด์เป็นผู้ดูแลนาอูรูในฐานะดินแดนในอาณัติ ต่อมาในวันที่ 6 และ 7 ธันวาคม ค.ศ. 1940 เรือของเยอรมนีสองลำได้ทำการบริเวณใกล้ ๆ กับนาอูรู นอกจากการจมเรือแล้ว เรือของเยอรมนีทั้งสองลำได้สร้างความเสียหายให้กับบริเวณเหมืองแร่และสายพานลำเลียงฟอสเฟตอีกด้วย
จักรวรรดิญี่ปุ่นได้ส่งกองกำลัง ในวันที่ 25 สิงหาคม ค.ศ. 1942 หลังจากนั้นได้เกณฑ์แรงงานชาวญี่ปุ่น ชาวเกาหลี ชาวนาอูรู และชาวกิลเบิร์ตให้สร้างสนามบิน โดยในระยะเวลาต่อมา กองทัพอากาศของสหรัฐอเมริกาได้ทิ้งระเบิดใส่สนามบินนี้ครั้งแรกในวันที่ 25 มีนาคม ค.ศ. 1943 เพื่อตัดการสนับสนุนเสบียงอาหารที่จะส่งไปยังนาอูรู จากการที่เสบียงอาหารที่มีน้อยลงเป็นผลให้กองทัพญี่ปุ่นต้องนำชาวนาอูรูราว ๆ 1,200 คนออกจากเกาะโดยส่งไปอยู่ที่ในหมู่เกาะแคโรไลน์ การที่นาอูรูโดนกองกำลังอเมริกาปิดล้อมมาอย่างยาวนาน นำไปสู่การยอมจำนนต่อกองทัพออสเตรเลียของผู้นำกองกำลังญี่ปุ่นบนเกาะนาอูรู ในวันที่ 13 กันยายน ค.ศ. 1945 การยอมจำนนของญี่ปุ่นในครั้งนี้ได้รับการยอมรับโดยพลจัตวาสตีเวนสัน ซึ่งเป็นผู้แทนของพลโทเวอร์นอน สตูร์ดี ผู้บัญชาการกองทัพออสเตรเลียที่ 1 บนเรือรบเดียมันตินา หลังจากการยอมแพ้ของกองกำลังญี่ปุ่น ได้มีการส่งชาวนาอูรู 737 คนที่รอดชีวิตจากเกาะชุกกลับไปยังนาอูรู โดยเรือของคณะกรรมาธิการฟอสเฟตของอังกฤษที่ชื่อว่า Trienza ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1946 ซึ่งในปีต่อมา สหประชาชาติได้มอบหมายให้สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์เป็นผู้ดูแลเกาะนาอูรูในฐานะดินแดนใน
ในปี 1964 มีการเสนอให้โยกย้ายประชากรบนเกาะนาอูรูไปยังเกาะเคอร์ติสนอกชายฝั่งรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย หลังจากนั้นบริษัทของออสเตรเลีย อังกฤษ และนิวซีแลนด์ได้ทำการขุดแร่ฟอสเฟตในนาอูรูกันอย่างกว้างขวาง ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับภูมิทัศน์ จนถูกมองว่าเกาะแห่งนี้แทบจะไม่สามารถอยู่อาศัยได้ภายในทศวรรษ 1990 และการฟื้นฟูเกาะถูกมองว่าเป็นไปไม่ได้ทางการเงิน ในปี 1962 นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย กล่าวว่าทั้งสามประเทศที่เกี่ยวข้องกับการขุดมีหน้าที่ต้องจัดหาวิธีแก้ปัญหาให้กับชาวนาอูรูและเสนอให้หาเกาะใหม่ให้กับพวกเขา ในปี 1963 รัฐบาลออสเตรเลียเสนอให้ซื้อที่ดินทั้งหมดบนเกาะเคอร์ติส (ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่านาอูรู) จากนั้นจึงเสนอให้มีการมอบกรรมสิทธิ์เหนือเกาะแก่ชาวนาอูรูและให้ชาวนาอูรูกลายเป็นพลเมืองของออสเตรเลีย โดยในปี 2018 ค่าใช้จ่ายในการตั้งถิ่นฐานใหม่ของชาวนาอูรูบนเกาะเคอร์ติสถูกประเมินไว้ที่ 288 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ซึ่งรวมไปถึงการก่อสร้างที่อยู่อาศัย โครงสร้างพื้นฐาน อุตสาหกรรม อภิบาล เกษตรกรรม และการประมง อย่างไรก็ตามชาวนาอูรูไม่ปรารถนาที่จะเป็นพลเมืองของออสเตรเลียและต้องการได้รับอำนาจอธิปไตยเหนือเกาะเคอร์ติสเพื่อสถาปนาตนเองเป็นรัฐเอกราช ซึ่งออสเตรเลียไม่เห็นด้วย ทำให้ชาวนาอูรูปฏิเสธข้อเสนอที่จะย้ายไปเกาะเคอร์ติสและเลือกที่จะเป็นรัฐเอกราชที่ดำเนินกิจการเหมืองบนเกาะนาอูรูแทน
นาอูรูได้สิทธิ์ในการปกครองตนเองในเดือนมกราคม ค.ศ. 1966 และได้มีการประชุมร่างรัฐธรรมนูญขึ้น หลังจากนั้นผ่านไป 2 ปี นาอูรูจึงได้ประกาศเอกราชในปี 1968 โดยมีประธานาธิบดีเป็นประธานาธิบดีคนแรกของประเทศ
ในปี 1967 ประชาชนชาวนาอูรูได้ร่วมกันซื้อทรัพย์สินของคณะกรรมาธิการฟอสเฟตของอังกฤษ ซึ่งนาอูรูได้สิทธิ์ในการบริหารจัดการกิจการเหมืองแร่ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1970 ภายใต้การบริหารของ รายได้ของนาอูรูที่ได้จากการทำเหมืองแร่ส่งผลให้ประชาชนชาวนาอูรูมีมาตรฐานการครองชีพสูงที่สุดในกลุ่มประเทศแถบแปซิฟิก
ในปี 1989 นาอูรูได้ฟ้องออสเตรเลียต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศจากความล้มเหลวของออสเตรเลียในการฟื้นฟูความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการทำเหมืองแร่ฟอสเฟตเมื่อครั้งที่ออสเตรเลียมีอำนาจบริหารกิจการต่าง ๆ ในนาอูรู
เพื่อตอบสนองต่อการระบาดคครั้งใหญ่ของโควิด-19 ได้มีการประกาศภาวะฉุกเฉินในประเทศนาอูรูเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 2020 ประธานาธิบดี Lionel Aingimea ลงนามในคำประกาศเพื่อลดการระบาดให้น้อยที่สุดในช่วงระยะเวลา 30 วัน
การเมือง
นาอูรูเป็นสาธารณรัฐ มีประธานาธิบดีเป็นประมุขแห่งรัฐและหัวหน้ารัฐบาล เป็นระบบสภาเดียวประกอบด้วยสมาชิก 19 คน มาจากการเลือกตั้งทุก 3 ปี รัฐสภาจะเลือกประธานาธิบดีจากสมาชิกรัฐสภา และประธานาธิบดีจะเป็นผู้แต่งตั้งซึ่งมีสมาชิก 5 ถึง 6 คน นาอูรูไม่มีโครงสร้างพรรคการเมืองอย่างเข้มแข็งเท่าใดนัก โดยตัวแทนส่วนใหญ่เป็นผู้สมัครอิสระ ซึ่งเห็นได้จากสมาชิกรัฐสภาในสมัยปัจจุบันมีสมาชิกที่มาจากผู้แทนอิสระถึง 15 คนจากสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด 19 คน สำหรับพรรคการเมืองที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ในปัจจุบันมี 4 พรรค ได้แก่ และ แม้จะมีพรรคการเมือง แต่การร่วมรัฐบาลในนาอูรูนั้นมักขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ทางครอบครัวมากกว่าพรรคการเมืองที่สังกัด
ในช่วงระหว่างปี 1992 ถึง 1999 ได้มีการนำระบบการปกครองส่วนท้องถิ่นที่เรียกว่า สภาเกาะนาอูรู (Nauru Island Council - NIC) เข้ามาใช้ โดยสภานี้จะมีสมาชิกสภาทั้งสิ้น 9 คน มีหน้าที่ให้บริการในท้องถิ่น อย่างไรก็ตามในปี 1999 รัฐบาลตัดสินใจยกเลิกสภาเกาะนาอูรูและให้ทรัพย์สินและหนี้สินของสภาทั้งหมดอยู่ในความรับผิดชอบของรัฐบาลแห่งชาติในประเทศนาอูรูเป็นสิ่งที่แปลก เนื่องจากประชาชนชาวนาอูรูทุกคนมีสิทธิบางประการเหนือที่ดินทั้งหมดของเกาะ ซึ่งที่ดินเหล่านั้นมีเจ้าของเป็นบุคคลหรือกลุ่มครอบครัว รัฐบาลหรือองค์กรต่าง ๆ ไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง หากมีความประสงค์จะใช้ที่ดินจะต้องทำสัญญากับเจ้าของที่ดินในบริเวณนั้นก่อน สำหรับประชาชนที่ไม่ใช่ชาวนาอูรูไม่มีสิทธิ์ครอบครองที่ดินบนเกาะ
ซึ่งนำโดยหัวหน้าผู้พิพากษา มีความสำคัญยิ่งในประเด็นทางรัฐธรรมนูญ คดีอื่น ๆ สามารถอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ผู้พิพากษาสองคนได้ รัฐสภาไม่สามารถพลิกคำตัดสินของศาลได้ ในอดีตคำตัดสินของศาลอุทธรณ์สามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูงแห่งออสเตรเลียได้ แม้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เขตอำนาจศาลอุทธรณ์ของศาลออสเตรเลียสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 12 มีนาคม ค.ศ. 2018 หลังจากที่รัฐบาลนาอูรูยุติข้อตกลง ศาลชั้นต้นประกอบด้วยศาลเขตและศาลครอบครัว ทั้งสองศาลมีผู้พิพากษาประจำถิ่นเป็นหัวหน้า ซึ่งเป็นนายทะเบียนของศาลฎีกาด้วย มีศาลกึ่งอีกสองศาล คือ คณะกรรมการอุทธรณ์บริการสาธารณะและคณะกรรมการอุทธรณ์ของตำรวจ ซึ่งทั้งสองมีหัวหน้าผู้พิพากษาเป็นประธาน
การแบ่งเขตการปกครอง
นาอูรูแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 14 เขต ซึ่งแบ่งออกเป็นเขตเลือกตั้ง 8 เขต และแบ่งออกเป็นหมู่บ้านเขตที่มีประชากรมากที่สุดคือเขตเดนีโกโมดู ซึ่งมีประชากร 1,804 คน โดย 1,497 คนอาศัยอยู่ในนิคมของ Nauru Phosphate Corporation ตารางต่อไปนี้แสดงรายชื่อเขต และจำนวนประชากรตามการสำรวจสำมะโนประชากร ค.ศ. 2011
|
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
นาอูรูได้เข้าร่วมเครือจักรภพแห่งชาติหลังจากที่ได้เอกราชในปี ค.ศ. 1968 ในฐานะสมาชิกพิเศษ และได้รับสถานะสมาชิกภาพโดยสมบูรณ์เมื่อปี ค.ศ. 2000 นาอูรูได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของธนาคารพัฒนาเอเชียในปี ค.ศ. 1999 และเข้าร่วมเป็นสมาชิกของสหประชาชาติในปี ค.ศ. 1999 นอกจากนี้แล้วในระดับภูมิภาคนาอูรูเป็นสมาชิกของ Pacific Islands Forum และองค์กรในระดับภูมิภาคอื่น ๆ นาอูรูได้อนุญาตให้ Atmospheric Radiation Measurement Program ของสหรัฐอเมริกาเข้ามาใช้ระบบการตรวจสอบอากาศบนเกาะได้
นาอูรูไม่มีกองทหารเป็นของตนเอง การป้องกันประเทศเป็นหน้าที่ของรัฐบาลออสเตรเลียภายใต้ข้อตกลงอย่างไม่เป็นทางการของทั้งสองประเทศ ส่วนการรักษาความสงบเรียบร้อยจะใช้กองกำลังตำรวจขนาดเล็กซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายพลเรือนเป็นผู้ดูแล นอกจากการป้องกันประเทศแล้ว นาอูรูและออสเตรเลียได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเดือนกันยายน ค.ศ. 2005 โดยในบันทึกความเข้าใจนี้ออสเตรเลียจะให้เงินช่วยเหลือแก่นาอูรู รวมไปถึงการส่งผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเงิน การสาธารณสุขและการศึกษาเพื่อเป็นที่ปรึกษาให้แก่รัฐบาลนาอูรู ทั้งนี้ผลประโยชน์ที่นาอูรูได้รับจะต้องแลกเปลี่ยนกับการที่นาอูรูจะให้ที่อยู่อาศัยกับกลุ่มผู้ขอลี้ภัยเข้าออสเตรเลียในระหว่งที่กระบวนการพิจารณากำลังดำเนินการอยู่ ในปัจจุบันประเทศนาอูรูใช้สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ภูมิศาสตร์
ประเทศนาอูรูมีพื้นที่ 21 ตารางกิโลเมตร (8 ตารางไมล์) โดยเป็นเกาะรูปรีตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก เกาะนาอูรูอยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตร 42 กิโลเมตร (26 ไมล์) ไปทางทิศใต้ มีแนวปะการังล้อมรอบซึ่งแนวปะการังเหล่านี้จะปรากฏยอดแหลมให้เห็นเมื่อเวลาน้ำลง การเข้าถึงเกาะนาอูรูทางน้ำเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากการมีแนวปะการังที่ล้อมรอบเกาะมีผลทำให้ไม่สามารถสร้างท่าเรือได้ อย่างไรก็ตามมีการขุดคลองตามแนวปะการังเพื่อช่วยให้เรือเล็กสามารถเข้าถึงเกาะได้
แนวหน้าผาปะการังล้อมรอบที่ราบสูงตอนกลางของเกาะ จุดที่อยู่สูงสุดในบริเวณที่ราบสูงเรียกว่า ซึ่งมีความสูง 71 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง บริเวณที่มีความอุดมสมบุรณ์เพียงแห่งเดียวของประเทศนาอูรูอยู่ในบริเวณพื้นที่แคบ ๆ ของแถบชายฝั่งทะเล ซึ่งต้นมะพร้าวเจริญเติบโตได้ดี นอกจากนี้ดินบริเวณโดยรอบของสามารถปลูกกล้วย สับปะรด ผักชนิดต่าง ๆ เตยทะเล และพืชไม้เนื้อแข็งท้องถิ่นคือต้นกระทิง
นาอูรูเป็นหนึ่งในสามเกาะหินฟอสเฟตใหญ่ในมหาสมุทรแปซิฟิก โดยอีกสองแห่งคือเกาะบานาบาของประเทศคิริบาส และมากาเทียของเฟรนช์โปลินีเซีย อย่างไรก็ตามฟอสเฟตของประเทศนั้นถูกนำมาใช้เกือบหมดแล้ว การทำเหมืองฟอสเฟตในที่ราบสูงตอนกลาง ทำให้พื้นที่กลายเป็นที่ไร้พืช เต็มไปด้วยหินปูนขรุขระที่มียอดสูงสุด 15 เมตร การทำเหมืองแร่เป็นเวลาหนึ่งศตวรรษ ได้สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่ถึงสี่ในห้า นอกจากนี้ยังสร้างความเสียหายพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะโดยรอบ โดยประมาณการว่า 40% ของสัตว์น้ำตายจากของเหลวที่ปล่อยออกมา ซึ่งเต็มไปด้วยฟอสเฟต
ปริมาณน้ำจืดในนาอูรูมีอยู่อย่างจำกัด โดยชาวนาอูรูจะใช้ถังเพื่อกักเก็บน้ำฝน อย่างไรก็ตามชาวนาอูรูโดยส่วนมากจะพึ่งพาน้ำจืดจากโรงงานผลิตน้ำจืดจากทะเลทั้งสิ้น 3 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ที่สำนักงานสาธารณูปโภคนาอูรู (Nauru's Utilities Agency) ลักษณะภูมิอากาศของนาอูรูเป็นเขตร้อนชื้น เนื่องจากการตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรและมหาสมุทร นาอูรูได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ แต่มักไม่พบพายุหมุนเขตร้อนเท่าไหร่นัก ปริมาณหยาดน้ำฟ้าของนาอูรูมีความผันแปรสูงมากและมักได้รับอิทธิพลจาก ด้วยเหตุนี้ส่งผลให้บางครั้งนาอูรูประสบกับภาวะความแห้งแล้ง ในส่วนของอุณหภูมิในนาอูรูนั้น ช่วงเวลากลางวันอุณหภูมิจะอยู่ระหว่าง 26 องศาเซลเซียส (79 องศาฟาเรนไฮต์) ถึง 35 องศาเซลเซียส (95 องศาฟาเรนไฮต์) ส่วนตอนกลางคืนจะมีอุณหภูมิระหว่าง 22 องศาเซลเซียส (72 องศาฟาเรนไฮต์) ถึง 34 องศาเซลเซียส (93 องศาฟาเรนไฮต์)
ในปัจจุบัน นาอูรูประสบปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและ นาอูรูได้รับการจัดให้เป็นหนึ่งในเจ็ดเกาะที่ประสบปัญหาภาวะโลกร้อนซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมเกาะได้ ถึงแม้ว่าร้อยละ 80 ของพื้นที่ในนาอูรูจะเป็นที่สูง แต่พื้นที่เหล่านั้นไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ จนกว่าโครงการการฟื้นฟูแหล่งแร่ฟอสเฟตจะเริ่มดำเนินการ
ข้อมูลภูมิอากาศของเขตยาเรน | |||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เดือน | ม.ค. | ก.พ. | มี.ค. | เม.ย. | พ.ค. | มิ.ย. | ก.ค. | ส.ค. | ก.ย. | ต.ค. | พ.ย. | ธ.ค. | ทั้งปี |
อุณหภูมิสูงสุดที่เคยบันทึก °C (°F) | 34 (93) | 37 (99) | 35 (95) | 35 (95) | 32 (90) | 32 (90) | 35 (95) | 33 (91) | 35 (95) | 34 (93) | 36 (97) | 35 (95) | 37 (99) |
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย °C (°F) | 30 (86) | 30 (86) | 30 (86) | 30 (86) | 30 (86) | 30 (86) | 30 (86) | 30 (86) | 30 (86) | 31 (88) | 31 (88) | 31 (88) | 30.3 (86.5) |
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย °C (°F) | 25 (77) | 25 (77) | 25 (77) | 25 (77) | 25 (77) | 25 (77) | 25 (77) | 25 (77) | 25 (77) | 25 (77) | 25 (77) | 25 (77) | 25 (77) |
อุณหภูมิต่ำสุดที่เคยบันทึก °C (°F) | 21 (70) | 21 (70) | 21 (70) | 21 (70) | 20 (68) | 21 (70) | 20 (68) | 21 (70) | 20 (68) | 21 (70) | 21 (70) | 21 (70) | 20 (68) |
หยาดน้ำฟ้า มม (นิ้ว) | 280 (11.02) | 250 (9.84) | 190 (7.48) | 190 (7.48) | 120 (4.72) | 110 (4.33) | 150 (5.91) | 130 (5.12) | 120 (4.72) | 100 (3.94) | 120 (4.72) | 280 (11.02) | 2,080 (81.89) |
วันที่มีหยาดน้ำฟ้าโดยเฉลี่ย | 16 | 14 | 13 | 11 | 9 | 9 | 12 | 14 | 11 | 10 | 13 | 15 | 152 |
แหล่งที่มา: Weatherbase |
เศรษฐกิจ
นาอูรูมีแร่ฟอสเฟตอยู่มาก และรายได้แทบทั้งหมดของประเทศมาจากอุตสาหกรรมการขุดและส่งออกแร่ฟอสเฟต ซึ่งมีรายได้ดีจนทำให้ มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวสูงเป็นอันดับต้นในหมู่ประเทศหมู่เกาะแปซิฟิกด้วยกัน
ประชากร
ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2011 นาอูรูมีประชากร 9,378 คน ซึ่งแต่เดิมมีประชากรมากกว่านี้ โดยในปี ค.ศ. 2006 ชาวนาอูรูราว 1,500 คน ออกจากเกาะไปพร้อมกับแรงงานอพยพชาวคิริบาสและตูวาลูที่ถูกส่งกลับ ภาษาราชการของที่นี่คือ ภาษานาอูรู ร้อยละ 96 ของประชากรเชื้อสายนาอูรูนิยมใช้สนทนากันในบ้าน ส่วนภาษาอังกฤษถูกใช้สื่อสารกันอย่างแพร่หลายทั้งในรัฐบาลและการพาณิชย์ แม้ว่าชาวนาอูรูจะไม่ค่อยออกไปนอกประเทศก็ตาม
ประชากรส่วนใหญ่ของนาอูรูมีเชื้อสายนาอูรู ร้อยละ 58, บุคคลที่มาจากหมู่เกาะแปซิฟิกอื่น ๆ ร้อยละ 26, ชาวยุโรป ร้อยละ 8 และชาวจีนอีกร้อยละ 8 จากการสำรวจในปี ค.ศ. 2010 ประชากรนาอูรูส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ราวสองในสาม ส่วนที่เหลือนับถือนิกายโรมันคาทอลิก รวมทั้งหมดร้อยละ 75, และศาสนาพุทธ ร้อยละ 11.9, ศาสนาบาไฮ ร้อยละ 9.6 และอไญยนิยม ร้อยละ 3.5 อย่างไรก็ตามรัฐบาลได้จำกัดสิทธิของกลุ่มมอรมอนและพยานพระยะโฮวาที่เป็นลูกจ้างต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในบริษัทฟอสเฟตซึ่งรัฐเป็นเจ้าของกิจการ
อัตราการรู้หนังสือของชาวนาอูรูอยู่ที่ร้อยละ 96 มีการศึกษาภาคบังคับสำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 6-16 ปี และไม่บังคับอีกสองปี ที่นาอูรูนี้มีวิทยาเขตของเปิดให้บริการ ก่อนการก่อตั้งวิทยาเขตดังกล่าวในปี ค.ศ. 1987 ผู้ศึกษาต่อจะต้องออกไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ
ชาวนาอูรูมีปัญหาเกี่ยวกับโรคอ้วนหรือมีน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน มีสัดส่วนเป็นเพศชายร้อยละ 97 และเพศหญิงร้อยละ 93 ส่งผลให้ประเทศนาอูรูอยู่ในอันดับสูงสุดของโลกที่ประชากรมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่สอง มีประชากรมากกว่าร้อยละ 40 ได้รับผลกระทบจากโรคดังกล่าวด้วย ส่วนปัญหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการบริโภคของชาวนาอูรูคือ โรคไตและโรคหัวใจ อายุขัยโดยเฉลี่ยของชาวนาอูรูคือ 60.6 ปี สำหรับเพศชาย และ 68.0 ปี สำหรับเพศหญิง
วัฒนธรรม
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สัตว์ป่าและพันธุ์พืช
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
หมายเหตุ
- นาอูรูไม่มีเมืองหลวงอย่างเป็นทางการ แต่ที่ทำการรัฐบาลและรัฐสภาแห่งชาติตั้งอยู่ในเขตยาเรนซึ่งเป็นหน่วยการบริหารระดับล่างสุด จึงอาจถือว่ายาเรนเป็นชื่อเมืองหลวงโดยอนุโลม
- ประชากรส่วนใหญ่และรัฐบาล กฎหมาย และการค้าในประเทศนาอูรู ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก เนื่องจากประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ระหว่างนาอูรูกับออสเตรเลีย ทำให้กลายเป็นสำเนียงที่มีผู้พูดมากที่สุด
อ้างอิง
- Worldwide Government Directory with Intergovernmental Organizations. CQ Press. 2013. p. 1131.
- Central Intelligence Agency (2011). . The World Factbook. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-09-17. สืบค้นเมื่อ 12 February 2011.
- . . 13 March 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 17 October 2012. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่สมเหตุสมผล มีนิยามชื่อ "state" หลายครั้งด้วยเนื้อหาต่างกัน - "การประเมินประชากรโลก พ.ศ. 2560". ESA.UN.org (custom data acquired via website). , Population Division. สืบค้นเมื่อ 10 September 2017.
- (PDF). Nauru Bureau of Statistics. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 24 September 2015. สืบค้นเมื่อ 9 June 2015.
- "Report for Selected Countries and Subjects". www.imf.org.
- Department of Justice and Border Control (21 December 1978). "Nauru Standard Time Act 1978" (PDF). สืบค้นเมื่อ 11 September 2020. Because of the peculiar way the legislation is worded the legal time is not GMT+12.
- "Nauru Pronunciation in English". . Cambridge University Press. จากแหล่งเดิมเมื่อ 17 February 2015. สืบค้นเมื่อ 16 February 2015.
- "Yaren | district, Nauru". Encyclopedia Britannica (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2 September 2019.
- Hogan, C Michael (2011). "Phosphate". Encyclopedia of Earth. National Council for Science and the Environment. จากแหล่งเดิมเมื่อ 25 October 2012. สืบค้นเมื่อ 17 June 2012.
- Hitt, Jack (10 December 2000). "The Billion-Dollar Shack". The New York Times. จากแหล่งเดิมเมื่อ 16 January 2018. สืบค้นเมื่อ 29 January 2018.
- "Pacific correspondent Mike Field". . 18 June 2015. จากแหล่งเดิมเมื่อ 10 December 2015. สืบค้นเมื่อ 8 December 2015.
- "Nauru's former chief justice predicts legal break down". . จากแหล่งเดิมเมื่อ 10 December 2015. สืบค้นเมื่อ 8 December 2015.
- Ben Doherty. "This is Abyan's story, and it is Australia's story". The Guardian. จากแหล่งเดิมเมื่อ 26 February 2017. สืบค้นเมื่อ 12 December 2016.
- Nauru Department of Economic Development and Environment (2003). (PDF). United Nations. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 22 July 2011. สืบค้นเมื่อ 25 June 2012.
- Whyte, Brendan (2007). "On Cartographic Vexillology". Cartographica. 42 (3): 251–262. doi:10.3138/carto.42.3.251.
- Pollock, Nancy J (1995). "5: Social Fattening Patterns in the Pacific—the Positive Side of Obesity. A Nauru Case Study". ใน De Garine, I (บ.ก.). Social Aspects of Obesity. Routledge. pp. 87–111.
- Spennemann, Dirk HR (January 2002). "Traditional milkfish aquaculture in Nauru". Aquaculture International. 10 (6): 551–562. doi:10.1023/A:1023900601000.
- West, Barbara A (2010). "Nauruans: nationality". Encyclopedia of the Peoples of Asia and Oceania. Infobase Publishing. pp. 578–580. ISBN .
- Marshall, Mac; Marshall, Leslie B (January 1976). "Holy and unholy spirits: The Effects of Missionization on Alcohol Use in Eastern Micronesia". Journal of Pacific History. 11 (3): 135–166. doi:10.1080/00223347608572299.
- Reyes, Ramon; E, Jr (1996). "Nauru v. Australia". New York Law School Journal of International and Comparative Law. 16 (1–2).
- "Commonwealth and Colonial Law" by , London, Stevens, 1966. p. 884
- Firth, Stewart (January 1978). "German Labour Policy in Nauru and Angaur, 1906–1914". The Journal of Pacific History. 13 (1): 36–52. doi:10.1080/00223347808572337.
- Hill, Robert A, บ.ก. (1986). "2: Progress Comes to Nauru". The Marcus Garvey and Universal Negro Improvement Association Papers. Vol. 5. University of California Press. ISBN .
- Ellis, AF (1935). Ocean Island and Nauru – their story. Angus and Robertson Limited. pp. 29–39.
- Hartleben, A (1895). Deutsche Rundschau für Geographie und Statistik. p. 429.
- Ellis, AF (1935). Ocean Island and Nauru – their story. Angus and Robertson Limited. pp. 29–39.
- Manner, HI; Thaman RR; Hassall DC (May 1985). "Plant succession after phosphate mining on Nauru". Australian Geographer. 16 (3): 185–195. doi:10.1080/00049188508702872.
- Gowdy John M; McDaniel Carl N (May 1999). "The Physical Destruction of Nauru". Land Economics. 75 (2): 333–338.
- Shlomowitz, R (November 1990). "Differential mortality of Asians and Pacific Islanders in the Pacific labour trade". Journal of the Australian Population Association. 7 (2): 116–127. PMID 12343016.
- Hudson, WJ (April 1965). "Australia's experience as a mandatory power". Australian Outlook. 19 (1): 35–46. doi:10.1080/10357716508444191.
- Waters, SD (2008). German raiders in the Pacific (3rd ed.). Merriam Press. p. 39. ISBN .
- Bogart, Charles H (November 2008). (PDF). CDSG Newsletter: 8–9. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2013-10-12. สืบค้นเมื่อ 16 June 2012.
- Haden, JD (2000). . Pacific Magazine. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-02-08. สืบค้นเมื่อ 16 June 2012.
- Takizawa, Akira; Alsleben, Allan (1999–2000). . Forgotten Campaign: The Dutch East Indies Campaign 1941–1942. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-01-06. สืบค้นเมื่อ 2014-04-04.
- The Times, 14 September 1945
- "Nauru Occupied by Australians; Jap Garrison and Natives Starving". The Argus. 15 September 1945. สืบค้นเมื่อ 30 December 2010.
- Garrett, J (1996). Island Exiles. ABC. pp. 176–181. ISBN .
- Highet K; Kahale H (1993). . American Journal of International Law. 87: 282–288. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-05-11. สืบค้นเมื่อ 2014-04-04.
- "Island Purchase For Nauruans". . Vol. 38 no. 10, 840. Australian Capital Territory, Australia. 6 May 1964. p. 5. สืบค้นเมื่อ 1 April 2019 – โดยทาง National Library of Australia.
- "Nauruans Likely To Settle Curtis Island". . Vol. 37 no. 10, 549. Australian Capital Territory, Australia. 30 May 1963. p. 9. สืบค้นเมื่อ 1 April 2019 – โดยทาง National Library of Australia.
- McAdam, Jane (15 August 2016). "How the entire nation of Nauru almost moved to Queensland". The Conversation. จากแหล่งเดิมเมื่อ 1 April 2019. สืบค้นเมื่อ 1 April 2019.
- "Lack of Sovereignty 'Disappoints' Nauruans". . Vol. 37 no. 10, 554. Australian Capital Territory, Australia. 5 June 1963. p. 45. สืบค้นเมื่อ 1 April 2019 – โดยทาง National Library of Australia.
- "Nauru not to take Curtis Is". . Vol. 38 no. 10, 930. Australian Capital Territory, Australia. 21 August 1964. p. 3. สืบค้นเมื่อ 1 April 2019 – โดยทาง National Library of Australia.
- Davidson, JW (January 1968). "The republic of Nauru". The Journal of Pacific History. 3 (1): 145–150. doi:10.1080/00223346808572131.
- Squires, Nick (15 March 2008). "Nauru seeks to regain lost fortunes". BBC News Online. สืบค้นเมื่อ 16 March 2008.
- Case Concerning Certain Phosphate Lands in Nauru (Nauru v. Australia) Application: Memorial of Nauru. ICJ Pleadings, Oral Arguments, Documents. United Nations, International Court of Justice. January 2004. ISBN .
- "Nauru declares 'state of emergency' to manage coronavirus pandemic". SBS News (ภาษาอังกฤษ). จากแหล่งเดิมเมื่อ 20 January 2023. สืบค้นเมื่อ 23 February 2024.
- Matau, Robert (6 June 2013) "President Dabwido gives it another go" 2013-09-26 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Islands Business.
- Levine, Stephen; Roberts Nigel S (November 2005). "The constitutional structures and electoral systems of Pacific Island States". Commonwealth & Comparative Politics. 43 (3): 276–295. doi:10.1080/14662040500304866.
- Anckar, D; Anckar C (2000). "Democracies without Parties". Comparative Political Studies. 33 (2): 225–247. doi:10.1177/0010414000033002003.
- Hassell Graham; Tipu Feue (May 2008). "Local Government in the South Pacific Islands". Commonwealth Journal of Local Governance. 1 (1): 6–30.
- "Nauru (High Court Appeals) Act (Australia) 1976". Australian Legal Information Institute. จากแหล่งเดิมเมื่อ 1 October 2006. สืบค้นเมื่อ 7 August 2006.
- Dale, Gregory (2007). "Appealing to Whom? Australia's 'Appellate Jurisdiction' Over Nauru". International & Comparative Law Quarterly. 56 (3): 641–658. doi:10.1093/iclq/lei186.
- Gans, Jeremy (20 February 2018). "News: Court may lose Nauru appellate role". Opinions on High. Melbourne Law School, . จากแหล่งเดิมเมื่อ 2 April 2018. สืบค้นเมื่อ 2 April 2018.
- Clarke, Melissa (2 April 2018). "Justice in Nauru curtailed as Government abolishes appeal system". . จากแหล่งเดิมเมื่อ 2 April 2018. สืบค้นเมื่อ 2 April 2018.
- Wahlquist, Calla (2 April 2018). "Fears for asylum seekers as Nauru moves to cut ties to Australia's high court". . จากแหล่งเดิมเมื่อ 1 April 2018. สืบค้นเมื่อ 2 April 2018.
- "Nauru—The population of the districts of the Republic of Nauru". City Population. 2011. จากแหล่งเดิมเมื่อ 23 September 2015. สืบค้นเมื่อ 10 June 2015.
- . United Nations. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2006-08-18. สืบค้นเมื่อ 10 May 2006.
- "Nauru in the Commonwealth". Commonwealth of Nations. สืบค้นเมื่อ 18 June 2012.
- "Nauru (04/08)". US State Department. 2008. สืบค้นเมื่อ 17 June 2012.
- Long, Charles N; McFarlane Sally A (March 2012). "Quantification of the Impact of Nauru Island on ARM Measurements". Journal of Applied Meteorology and Climatology. 51 (3): 628–636. doi:10.1175/JAMC-D-11-0174.1.
- . . November 2005. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-10-06. สืบค้นเมื่อ 2 May 2006.
- Thaman RR; Hassall DC. (PDF). South Pacific Regional Environment Programme. p. 234. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2012-05-11. สืบค้นเมื่อ 2014-04-06.
- Jacobson Gerry; Hill Peter J; Ghassemi Fereidoun (1997). "24: Geology and Hydrogeology of Nauru Island". ใน Vacher H Leonard; Quinn Terrence M (บ.ก.). Geology and hydrogeology of carbonate islands. Elsevier. p. 716. ISBN .
- Republic of Nauru (1999). "Climate Change – Response" (PDF). First National Communication. United Nations Framework Convention on Climate Change. สืบค้นเมื่อ 9 September 2009.
- Affaire de certaines terres à phosphates à Nauru. International Court of Justice. 2003. pp. 107–109. ISBN .
- (PDF). Government of Australia. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2012-02-27. สืบค้นเมื่อ 10 June 2012.
- (November 2011). . . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-01-10. สืบค้นเมื่อ 18 June 2012.
- (PDF). Centre for Australian Weather and Climate Research. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2013-05-12. สืบค้นเมื่อ 18 June 2012.
- http://www.weatherbase.com/weather/weather.php3?s=542049&refer=&cityname=Yaren-District-Yaren-Nauru&units=metric weatherbase]
- (PDF). Asian Development Bank. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2011-06-07. สืบค้นเมื่อ 20 June 2012.
- . World Christian Database. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-04-28. สืบค้นเมื่อ 10 เมษายน 2557.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - "International Religious Freedom Report 2003 – Nauru". US Department of State. 2003. สืบค้นเมื่อ 2 May 2005.
- Waqa, B (1999). . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2006-05-25. สืบค้นเมื่อ 2 May 2006.
- . University of the South Pacific. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-06-20. สืบค้นเมื่อ 19 June 2012.
- "Fat of the land: Nauru tops obesity league". Independent. 26 December 2010. สืบค้นเมื่อ 19 June 2012.
- King H; Rewers M (1993). "Diabetes in adults is now a Third World problem". Ethnicity & Disease. 3: S67–74.
- "Nauru". World health report 2005. World Health Organization. สืบค้นเมื่อ 2 May 2006.
ข้อมูล
- บทความนี้รวมเอาจากเดอะเวิลด์แฟกต์บุ๊ก
ดูเพิ่ม
- Storr, C. (2020). International Status in the Shadow of Empire: Nauru and the Histories of International Law. Cambridge: Cambridge University Press.
- Gowdy, John M.; McDaniel, Carl N. (2000). Paradise for Sale: A Parable of Nature. University of California Press. ISBN .
- Williams, Maslyn; Macdonald, Barrie (1985). The Phosphateers. Melbourne University Press. ISBN .
แหล่งข้อมูลอื่น
- รัฐบาลนาอูรู
- Nauru. The World Factbook. Central Intelligence Agency.
- ประเทศนาอูรู ที่เว็บไซต์ Curlie
- Wikimedia Atlas of Nauru
- จาก UCB Libraries GovPubs
- Nauru profile จาก
- Republic of Nauru ที่เอกซ์ (ทวิตเตอร์)
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
naxuru xngkvs Nauru xxkesiyng nɑːˈu ruː naxuru Naoero hruxchuxxyangepnthangkar satharnrthnaxuru xngkvs Republic of Nauru naxuru Repubrikin Naoero epnpraethsekaaaelaculrthinphumiphakhimokhrniesiy thwipoxechiyeniy txnklangkhxngmhasmuthraepsifik ekaabanabakhxngpraethskhiribasepnphunthithixyuiklekhiyngthisud odyxyuhangkn 300 kiolemtr ipthangtawnxxk naxurutngxyuthangthistawntkechiyngehnuxkhxngtuwalu thistawnxxkechiyngehnuxkhxnghmuekaaosolmxn odyxyuhangkn 1 300 kiolemtr thistawnxxkechiyngehnuxkhxngpapwniwkini thistawnxxkechiyngitkhxngshphnthrthimokhrniesiyaelathisitkhxnghmuekaamaraechll dwyphunthiephiyng 21 tarangkiolemtr thaihnaxuruepnpraethsthimikhnadelkthisudepnxndb 3 khxngolkrxngcakpraethsomnaokaelankhrrthwatiknaelaepnsatharnrththimikhnadelkthisud makipkwanndwycanwnprachakrephiyng 10 670 khn cungthaihpraethsnaxuruepnpraethsthimicanwnprachakrnxythisudepnxndb 2 khxngolkrxngcaknkhrrthwatiknsatharnrthnaxuru Repubrikin Naoero naxuru thngchati traaephndinkhakhwy God s will first phraprasngkhkhxngphraecamakxn ephlngchati naxuruebiyma naxuruthinthankhxngera source source track track track emuxnghlwngyaern odyphvtiny 0 32 S 166 55 E 0 533 S 166 917 E 0 533 166 917 Nauru emuxngihysudphasarachkarnaxuruphasaphudthwipxngkvskarpkkhrxngrthediyw satharnrthrabbrthsphaphayit prathanathibdi sphanitibyytiepnexkrach cakphawathrstikhxngshprachachati cakshrachxanackr xxsetreliy aelaniwsiaelnd 31 mkrakhm kh s 1968phunthi rwm21 tarangkiolemtr 8 1 tarangiml xndbthi 192 aehlngna 0 57prachakr kh s 2017 praman11 347 xndbthi 228 samaonprachakr 201110 084 khwamhnaaenn480 txtarangkiolemtr 1 243 2 txtarangiml xndbthi 12 cidiphi xanacsux 2021 praman rwm132 landxllarshrth xndbthi 192 txhw9 995 dxllarshrth cidiphi rakhatlad 2021 praman rwm133 landxllarshrth txhw10 125 dxllarshrthskulengindxllarxxsetreliy AUD ekhtewlaUTC 12 vdurxn ewlaxxmaesng imichkhbrthdansaymuxrhsothrsphthodemnbnsud nr chawimokhrniesiyaelaphxliniesiyekhamatngthinthanemux 1 000 pikxnkhristkal playstwrrsthi 19 ckrwrrdieyxrmniidphnwkdinaednnaxuruepnxananikhm hlngsngkhramolkkhrngthi 1 sinsudlng naxuruklayepndinaedninxantikhxngsnnibatchatiodymixxsetreliy niwsiaelnd aelashrachxanackrepnphucdkarpkkhrxng rahwangsngkhramolkkhrngthi 2 kxngkalngkhxngckrwrrdiyipunidekhayudkhrxngnaxuru inkarrukkhubkhxngfaysmphnthmitrinaepsifik idkhamkaryudkhrxngnaxuru tamyuththwithikbkraodd hlngcbsngkhram naxuruklayepndinaedninphawathrstikhxngshprachachati aelaidrbexkrachinpi 1968 txmaidekharwmprachakhmaepsifikinpi 1969 naxuruepnekaahinfxseftthimiprimanekbiwepncanwnmakiklphiwdin sungchwyihngaytxkarthaehmuxngphiwdin swnthrphyakrfxseftthiehluximkhumkhainkarskd emuxprimansarxngfxsefthmdlng prakxbkbkhwamesiyhayxyangrunaerngkhxngrabbniewscakkarthaehmuxng thrstsungkxtngkhunephuxcdkarkhwammngkhngkhxngekaamimulkhaldnxylng naxurucungklayepnthihlbphasi tax haven aelasunyklangkhxngkarfxkengininchwngsn ephuxharayid cakpi 2001 thung 2008 aelaxikkhrngtngaetpi 2012 rthbalnaxuruidxnuyatihxxsetreliytngsunypramwlphlphumiphakhnaxuru Nauru Regional Processing Centre sungepnsthankkknkhnekhaemuxngnxkchayfng aelkkbenginchwyehlux dwykarphungphaxxsetreliyepnxyangmak aehlngkhxmulbangaehngrabuwanaxuruepnrthbriwarkhxngxxsetreliy naxuruinthanarthexkrachepnsmachikkhxngshprachachati ekhruxckrphphaehngchati aelaprawtisastrnkrbchawnaxururahwangpramanpi 1880 chawimokhrniesiyaelachawphxliniesiyepnchnklumaerkthiekhamatngthinthaninnaxuruemuxpraman 3 000 pikxn tamthrrmeniymaelw samarthaebngphukhninnaxuruidepn 12 epha sungaethndwydaw 12 aechkthipraktbnthngchatinaxuru praephniedimkhxngchawnaxurucasubtrakulphanthangmarda mikhwamchanayinkarephaaeliyngstwna odyphwkekhacbplaxibicamaprbtwihchinkbsphaphaewdlxminnacudaelaeliyngplaehlaniinlakunbwda ephuxepnaehlngxaharthimnkhng sungmiephiyngphuchayethannthisamarthtkplatamaenwpakarngcakeruxaekhnuhruxichnkeruxpunihythiidrbkarfukfnma nxkcakniyngmiphuchthxngthinthiepnswnprakxbxaharkhxngphwkekha echn maphrawaelaetythael epntn chux naxuru xacmithimacaksphthkhawa Anaoero inphasanaxuru xnmikhwamhmaywachnipchayhad inpi 1798 nklawalchawxngkvsepnchawyuorpkhnaerkthiedinthangmathungekaanaxuru odyekhaidtngchuxekaaaehngniwa ekaaphliaesnt odychuxnithukichcnkrathngeyxrmniphnwkekaaaehngniepnxananikhminxik 90 pitxma tngaetpi 1830 chawnaxuruidtidtxkberuxlawalkhxngchawtawntk sungeruxlawalehlanicaaeswnghanacudcaknaxuruephuxekbiwichinerux inchwngewlanikalasieruxthielikthanganihkberuxlawalerimekhamaxyuxasyinnaxuru thaihchawekaaerimmikaraelkepliynkhakhaykbchawtawntkmakyingkhun odychawekaacanaxaharipaelkepliynkbekhruxngdumaexlkxhxlaelaxawuthsngkhram sungxawuthsngkhramthiidmacakchawtawntkehlaniidthuknamaichinsngkhramrahwangchnephakhxngnaxuruinrahwangpi 1878 cnthungpi 1888 inpi 1888 hlngcakthakhxtklngkbxngkvs eyxrmniidphnwkekaanaxuruekhaepnswnhnungkhxnghmuekaamaraechllinxarkkhaephuxngaytxkarpkkhrxng karekhamakhxngeyxrmniinkhrngnichwyihsngkhramklangemuxngrahwangchnephatang sinsudlng aelamikarsthapnasthabnphramhakstriykhunmapkkhrxngekaaaehngni odyphraecaoxewxidaepnphramhakstriynaxuruthiepnthiruckknmakthisud sungchaweyxrmnthiekhamaxasyxyuinnaxurucaeriyknaxuruwa Nawodo hrux Onawero inpi 1888 khnamichchnnarierimekhamaephyaephrsasnabnekaaaehngni odyepnklummichchnnarithiedinthangmacakhmuekaakilebirt inpi 1890 phxkhachaweyxrmnthiaetngngankbhyingchawnaxuruepnphubriharkhnaerkkhxngnaxuru hlngcakckrwrrdieyxrmnekhamapkkhrxngnaxururaw 3 thswrrs inpi 1900 nksarwcaeridkhnphbaehlngaerfxseftinnaxuru cnkrathnginpi 1906 bristhaepsifikfxseftidthakhxtklngkbrthbalkhxngeyxrmniinkarerimthakickrrmehmuxngaerfxseftinnaxuru odyerimmikarsngxxkaerfxseftipkhayihkbtangpraethsinpi 1907 inchwngsngkhramolkkhrngthi 1 inpi 1914 kxngthphxxsetreliyidsngkxngkalngekhayudkhrxngnaxuru cnkrathnginpi 1919 xxsetreliy niwsiaelnd aelashrachxanackridlngnaminkhxtklngnaxuru sungmiphlihekidkarsthapna odykhnakrrmathikarchudnimisiththiinkarprakxbkickarehmuxngfxseftinnaxuru inpi 1920 ekidkarrabadkhxngiwrsikhhwdihy sngphlihchawnaxururxyla 18 esiychiwitcakkarrabadinkhrngni hlngcakkarrabadkhxngikhhwdihy 3 pi snnibatchatiidihxanacxxsetreliy shrachxanackr aelaniwsiaelndepnphuduaelnaxuruinthanadinaedninxanti txmainwnthi 6 aela 7 thnwakhm kh s 1940 eruxkhxngeyxrmnisxnglaidthakarbriewnikl kbnaxuru nxkcakkarcmeruxaelw eruxkhxngeyxrmnithngsxnglaidsrangkhwamesiyhayihkbbriewnehmuxngaeraelasayphanlaeliyngfxseftxikdwy karyxmaephkhxngckrwrrdiyipunbneruxrbediymntina ckrwrrdiyipunidsngkxngkalng inwnthi 25 singhakhm kh s 1942 hlngcaknnideknthaerngnganchawyipun chawekahli chawnaxuru aelachawkilebirtihsrangsnambin odyinrayaewlatxma kxngthphxakaskhxngshrthxemrikaidthingraebidissnambinnikhrngaerkinwnthi 25 minakhm kh s 1943 ephuxtdkarsnbsnunesbiyngxaharthicasngipyngnaxuru cakkarthiesbiyngxaharthiminxylngepnphlihkxngthphyipuntxngnachawnaxururaw 1 200 khnxxkcakekaaodysngipxyuthiinhmuekaaaekhoriln karthinaxuruodnkxngkalngxemrikapidlxmmaxyangyawnan naipsukaryxmcanntxkxngthphxxsetreliykhxngphunakxngkalngyipunbnekaanaxuru inwnthi 13 knyayn kh s 1945 karyxmcannkhxngyipuninkhrngniidrbkaryxmrbodyphlctwastiewnsn sungepnphuaethnkhxngphlothewxrnxn sturdi phubychakarkxngthphxxsetreliythi 1 bneruxrbediymntina hlngcakkaryxmaephkhxngkxngkalngyipun idmikarsngchawnaxuru 737 khnthirxdchiwitcakekaachukklbipyngnaxuru odyeruxkhxngkhnakrrmathikarfxseftkhxngxngkvsthichuxwa Trienza ineduxnmkrakhm kh s 1946 sunginpitxma shprachachatiidmxbhmayihshrachxanackr xxsetreliy aelaniwsiaelndepnphuduaelekaanaxuruinthanadinaednin inpi 1964 mikaresnxihoykyayprachakrbnekaanaxuruipyngekaaekhxrtisnxkchayfngrthkhwinsaelnd praethsxxsetreliy hlngcaknnbristhkhxngxxsetreliy xngkvs aelaniwsiaelndidthakarkhudaerfxseftinnaxuruknxyangkwangkhwang sungsrangkhwamesiyhayihkbphumithsn cnthukmxngwaekaaaehngniaethbcaimsamarthxyuxasyidphayinthswrrs 1990 aelakarfunfuekaathukmxngwaepnipimidthangkarengin inpi 1962 naykrthmntrixxsetreliy klawwathngsampraethsthiekiywkhxngkbkarkhudmihnathitxngcdhawithiaekpyhaihkbchawnaxuruaelaesnxihhaekaaihmihkbphwkekha inpi 1963 rthbalxxsetreliyesnxihsuxthidinthnghmdbnekaaekhxrtis sungmikhnadihykwanaxuru caknncungesnxihmikarmxbkrrmsiththiehnuxekaaaekchawnaxuruaelaihchawnaxuruklayepnphlemuxngkhxngxxsetreliy odyinpi 2018 khaichcayinkartngthinthanihmkhxngchawnaxurubnekaaekhxrtisthukpraeminiwthi 288 landxllarxxsetreliy sungrwmipthungkarkxsrangthixyuxasy okhrngsrangphunthan xutsahkrrm xphibal ekstrkrrm aelakarpramng xyangirktamchawnaxuruimprarthnathicaepnphlemuxngkhxngxxsetreliyaelatxngkaridrbxanacxthipityehnuxekaaekhxrtisephuxsthapnatnexngepnrthexkrach sungxxsetreliyimehndwy thaihchawnaxuruptiesthkhxesnxthicayayipekaaekhxrtisaelaeluxkthicaepnrthexkrachthidaeninkickarehmuxngbnekaanaxuruaethn naxuruidsiththiinkarpkkhrxngtnexngineduxnmkrakhm kh s 1966 aelaidmikarprachumrangrththrrmnuykhun hlngcaknnphanip 2 pi naxurucungidprakasexkrachinpi 1968 odymiprathanathibdiepnprathanathibdikhnaerkkhxngpraeths inpi 1967 prachachnchawnaxuruidrwmknsuxthrphysinkhxngkhnakrrmathikarfxseftkhxngxngkvs sungnaxuruidsiththiinkarbriharcdkarkickarehmuxngaerineduxnmithunayn kh s 1970 phayitkarbriharkhxng rayidkhxngnaxuruthiidcakkarthaehmuxngaersngphlihprachachnchawnaxurumimatrthankarkhrxngchiphsungthisudinklumpraethsaethbaepsifik inpi 1989 naxuruidfxngxxsetreliytxsalyutithrrmrahwangpraethscakkhwamlmehlwkhxngxxsetreliyinkarfunfukhwamesiyhaydansingaewdlxmthiekidcakkarthaehmuxngaerfxseftemuxkhrngthixxsetreliymixanacbriharkickartang innaxuru ephuxtxbsnxngtxkarrabadkhkhrngihykhxngokhwid 19 idmikarprakasphawachukechininpraethsnaxuruemuxwnthi 17 minakhm kh s 2020 prathanathibdi Lionel Aingimea lngnaminkhaprakasephuxldkarrabadihnxythisudinchwngrayaewla 30 wnkaremuxngrthsphanaxuru naxuruepnsatharnrth miprathanathibdiepnpramukhaehngrthaelahwhnarthbal epnrabbsphaediywprakxbdwysmachik 19 khn macakkareluxktngthuk 3 pi rthsphacaeluxkprathanathibdicaksmachikrthspha aelaprathanathibdicaepnphuaetngtngsungmismachik 5 thung 6 khn naxuruimmiokhrngsrangphrrkhkaremuxngxyangekhmaekhngethaidnk odytwaethnswnihyepnphusmkhrxisra sungehnidcaksmachikrthsphainsmypccubnmismachikthimacakphuaethnxisrathung 15 khncaksmachikrthsphathnghmd 19 khn sahrbphrrkhkaremuxngthimikarekhluxnihwxyuinpccubnmi 4 phrrkh idaek aela aemcamiphrrkhkaremuxng aetkarrwmrthbalinnaxurunnmkkhunxyukbkhwamsmphnththangkhrxbkhrwmakkwaphrrkhkaremuxngthisngkd inchwngrahwangpi 1992 thung 1999 idmikarnarabbkarpkkhrxngswnthxngthinthieriykwa sphaekaanaxuru Nauru Island Council NIC ekhamaich odysphanicamismachiksphathngsin 9 khn mihnathiihbrikarinthxngthin xyangirktaminpi 1999 rthbaltdsinicykeliksphaekaanaxuruaelaihthrphysinaelahnisinkhxngsphathnghmdxyuinkhwamrbphidchxbkhxngrthbalaehngchatiinpraethsnaxuruepnsingthiaeplk enuxngcakprachachnchawnaxuruthukkhnmisiththibangprakarehnuxthidinthnghmdkhxngekaa sungthidinehlannmiecakhxngepnbukhkhlhruxklumkhrxbkhrw rthbalhruxxngkhkrtang immithidinepnkhxngtnexng hakmikhwamprasngkhcaichthidincatxngthasyyakbecakhxngthidininbriewnnnkxn sahrbprachachnthiimichchawnaxuruimmisiththikhrxbkhrxngthidinbnekaa sungnaodyhwhnaphuphiphaksa mikhwamsakhyyinginpraednthangrththrrmnuy khdixun samarthxuththrntxsalxuththrnphuphiphaksasxngkhnid rthsphaimsamarthphlikkhatdsinkhxngsalid inxditkhatdsinkhxngsalxuththrnsamarthyunxuththrntxsalsungaehngxxsetreliyid aemwasingnicaekidkhunimbxynk ekhtxanacsalxuththrnkhxngsalxxsetreliysinsudlngemuxwnthi 12 minakhm kh s 2018 hlngcakthirthbalnaxuruyutikhxtklng salchntnprakxbdwysalekhtaelasalkhrxbkhrw thngsxngsalmiphuphiphaksapracathinepnhwhna sungepnnaythaebiynkhxngsaldikadwy misalkungxiksxngsal khux khnakrrmkarxuththrnbrikarsatharnaaelakhnakrrmkarxuththrnkhxngtarwc sungthngsxngmihwhnaphuphiphaksaepnprathan karaebngekhtkarpkkhrxng aephnthinaxuruaesdngekht naxuruaebngekhtkarpkkhrxngxxkepn 14 ekht sungaebngxxkepnekhteluxktng 8 ekht aelaaebngxxkepnhmubanekhtthimiprachakrmakthisudkhuxekhtedniokomdu sungmiprachakr 1 804 khn ody 1 497 khnxasyxyuinnikhmkhxng Nauru Phosphate Corporation tarangtxipniaesdngraychuxekht aelacanwnprachakrtamkarsarwcsamaonprachakr kh s 2011 ladb tamtwxksrithy raychuxekht chuxedim phunthi ehktar prachakr 2011 canwnhmuban khwamhnaaenn khn ehktar 1 Denikomotu 118 1 804 17 15 32 Ennibeck 160 484 11 3 03 Arenibok 260 739 14 2 84 Boi 50 851 4 17 05 Beidi Baiti 120 513 15 4 36 Menen 310 1 380 18 4 57 yaern Moqua 150 747 7 4 08 Anebwor 150 452 15 3 09 Anybody 310 226 17 0 710 Anetan 100 587 12 5 911 Ueboi 80 318 6 3 012 Ijub 110 178 13 1 613 Eoa 120 446 12 3 714 Aiue 110 1 220 8 11 1 naxuru Naoero 2 120 10 084 169 4 8khwamsmphnthrahwangpraethsnaxuruidekharwmekhruxckrphphaehngchatihlngcakthiidexkrachinpi kh s 1968 inthanasmachikphiess aelaidrbsthanasmachikphaphodysmburnemuxpi kh s 2000 naxuruidekharwmepnsmachikkhxngthnakharphthnaexechiyinpi kh s 1999 aelaekharwmepnsmachikkhxngshprachachatiinpi kh s 1999 nxkcakniaelwinradbphumiphakhnaxuruepnsmachikkhxng Pacific Islands Forum aelaxngkhkrinradbphumiphakhxun naxuruidxnuyatih Atmospheric Radiation Measurement Program khxngshrthxemrikaekhamaichrabbkartrwcsxbxakasbnekaaid naxuruimmikxngthharepnkhxngtnexng karpxngknpraethsepnhnathikhxngrthbalxxsetreliyphayitkhxtklngxyangimepnthangkarkhxngthngsxngpraeths swnkarrksakhwamsngberiybrxycaichkxngkalngtarwckhnadelksungxyuphayitkarkhwbkhumkhxngfayphleruxnepnphuduael nxkcakkarpxngknpraethsaelw naxuruaelaxxsetreliyidlngnaminbnthukkhwamekhaiceduxnknyayn kh s 2005 odyinbnthukkhwamekhaicnixxsetreliycaihenginchwyehluxaeknaxuru rwmipthungkarsngphuechiywchaythangdankarengin karsatharnsukhaelakarsuksaephuxepnthipruksaihaekrthbalnaxuru thngniphlpraoychnthinaxuruidrbcatxngaelkepliynkbkarthinaxurucaihthixyuxasykbklumphukhxliphyekhaxxsetreliyinrahwngthikrabwnkarphicarnakalngdaeninkarxyu inpccubnpraethsnaxuruichskulengindxllarxxsetreliy swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidphumisastrekaanaxuru praethsnaxurumiphunthi 21 tarangkiolemtr 8 tarangiml odyepnekaarupritngxyuthangtawntkechiyngitkhxngmhasmuthraepsifik ekaanaxuruxyuhangcakesnsunysutr 42 kiolemtr 26 iml ipthangthisit miaenwpakarnglxmrxbsungaenwpakarngehlanicapraktyxdaehlmihehnemuxewlanalng karekhathungekaanaxuruthangnaepnipdwykhwamyaklabak enuxngcakkarmiaenwpakarngthilxmrxbekaamiphlthaihimsamarthsrangthaeruxid xyangirktammikarkhudkhlxngtamaenwpakarngephuxchwyiheruxelksamarthekhathungekaaid aenwhnaphapakarnglxmrxbthirabsungtxnklangkhxngekaa cudthixyusungsudinbriewnthirabsungeriykwa sungmikhwamsung 71 emtrehnuxradbnathaelpanklang briewnthimikhwamxudmsmburnephiyngaehngediywkhxngpraethsnaxuruxyuinbriewnphunthiaekhb khxngaethbchayfngthael sungtnmaphrawecriyetibotiddi nxkcaknidinbriewnodyrxbkhxngsamarthplukklwy sbpard phkchnidtang etythael aelaphuchimenuxaekhngthxngthinkhuxtnkrathing naxuruepnhnunginsamekaahinfxseftihyinmhasmuthraepsifik odyxiksxngaehngkhuxekaabanabakhxngpraethskhiribas aelamakaethiykhxngefrnchopliniesiy xyangirktamfxseftkhxngpraethsnnthuknamaichekuxbhmdaelw karthaehmuxngfxseftinthirabsungtxnklang thaihphunthiklayepnthiirphuch etmipdwyhinpunkhrukhrathimiyxdsungsud 15 emtr karthaehmuxngaerepnewlahnungstwrrs idsrangkhwamesiyhayihkbphunthithungsiinha nxkcakniyngsrangkhwamesiyhayphunthiekhtesrsthkiccaephaaodyrxb odypramankarwa 40 khxngstwnataycakkhxngehlwthiplxyxxkma sungetmipdwyfxseft primannacudinnaxurumixyuxyangcakd odychawnaxurucaichthngephuxkkekbnafn xyangirktamchawnaxuruodyswnmakcaphungphanacudcakorngnganphlitnacudcakthaelthngsin 3 aehng sungtngxyuthisankngansatharnupophkhnaxuru Nauru s Utilities Agency lksnaphumixakaskhxngnaxuruepnekhtrxnchun enuxngcakkartngxyuiklesnsunysutraelamhasmuthr naxuruidrbxiththiphlcaklmmrsuminchwngrahwangeduxnphvscikaynthungeduxnkumphaphnth aetmkimphbphayuhmunekhtrxnethaihrnk primanhyadnafakhxngnaxurumikhwamphnaeprsungmakaelamkidrbxiththiphlcak dwyehtunisngphlihbangkhrngnaxuruprasbkbphawakhwamaehngaelng inswnkhxngxunhphumiinnaxurunn chwngewlaklangwnxunhphumicaxyurahwang 26 xngsaeslesiys 79 xngsafaerniht thung 35 xngsaeslesiys 95 xngsafaerniht swntxnklangkhuncamixunhphumirahwang 22 xngsaeslesiys 72 xngsafaerniht thung 34 xngsaeslesiys 93 xngsafaerniht inpccubn naxuruprasbpyhakarepliynaeplngsphaphphumixakasaela naxuruidrbkarcdihepnhnunginecdekaathiprasbpyhaphawaolkrxnsungxackxihekidnathwmekaaid thungaemwarxyla 80 khxngphunthiinnaxurucaepnthisung aetphunthiehlannimsamarthxasyxyuid cnkwaokhrngkarkarfunfuaehlngaerfxseftcaerimdaeninkar khxmulphumixakaskhxngekhtyaerneduxn m kh k ph mi kh em y ph kh mi y k kh s kh k y t kh ph y th kh thngpixunhphumisungsudthiekhybnthuk C F 34 93 37 99 35 95 35 95 32 90 32 90 35 95 33 91 35 95 34 93 36 97 35 95 37 99 xunhphumisungsudechliy C F 30 86 30 86 30 86 30 86 30 86 30 86 30 86 30 86 30 86 31 88 31 88 31 88 30 3 86 5 xunhphumitasudechliy C F 25 77 25 77 25 77 25 77 25 77 25 77 25 77 25 77 25 77 25 77 25 77 25 77 25 77 xunhphumitasudthiekhybnthuk C F 21 70 21 70 21 70 21 70 20 68 21 70 20 68 21 70 20 68 21 70 21 70 21 70 20 68 hyadnafa mm niw 280 11 02 250 9 84 190 7 48 190 7 48 120 4 72 110 4 33 150 5 91 130 5 12 120 4 72 100 3 94 120 4 72 280 11 02 2 080 81 89 wnthimihyadnafaodyechliy 16 14 13 11 9 9 12 14 11 10 13 15 152aehlngthima Weatherbaseesrsthkicnaxurumiaerfxseftxyumak aelarayidaethbthnghmdkhxngpraethsmacakxutsahkrrmkarkhudaelasngxxkaerfxseft sungmirayiddicnthaih mirayidechliytxhwsungepnxndbtninhmupraethshmuekaaaepsifikdwyknprachakrmichchnnarithiekhamaephyaephsasnakhristaekchawnaxurucnklaypnsasnathimiphunbthuxmakthisudinpraeths ineduxnkrkdakhm kh s 2011 naxurumiprachakr 9 378 khn sungaetedimmiprachakrmakkwani odyinpi kh s 2006 chawnaxururaw 1 500 khn xxkcakekaaipphrxmkbaerngnganxphyphchawkhiribasaelatuwaluthithuksngklb phasarachkarkhxngthinikhux phasanaxuru rxyla 96 khxngprachakrechuxsaynaxuruniymichsnthnakninban swnphasaxngkvsthukichsuxsarknxyangaephrhlaythnginrthbalaelakarphanichy aemwachawnaxurucaimkhxyxxkipnxkpraethsktam prachakrswnihykhxngnaxurumiechuxsaynaxuru rxyla 58 bukhkhlthimacakhmuekaaaepsifikxun rxyla 26 chawyuorp rxyla 8 aelachawcinxikrxyla 8 cakkarsarwcinpi kh s 2010 prachakrnaxuruswnihynbthuxsasnakhristnikayopretsaetntrawsxnginsam swnthiehluxnbthuxnikayormnkhathxlik rwmthnghmdrxyla 75 aelasasnaphuthth rxyla 11 9 sasnabaih rxyla 9 6 aelaxiyyniym rxyla 3 5 xyangirktamrthbalidcakdsiththikhxngklummxrmxnaelaphyanphrayaohwathiepnlukcangtangdawthiekhamathanganinbristhfxseftsungrthepnecakhxngkickar xtrakarruhnngsuxkhxngchawnaxuruxyuthirxyla 96 mikarsuksaphakhbngkhbsahrbedkxayutngaet 6 16 pi aelaimbngkhbxiksxngpi thinaxurunimiwithyaekhtkhxngepidihbrikar kxnkarkxtngwithyaekhtdngklawinpi kh s 1987 phusuksatxcatxngxxkipsuksatxyngtangpraeths chawnaxurumipyhaekiywkborkhxwnhruxminahnkekineknthmatrthan misdswnepnephschayrxyla 97 aelaephshyingrxyla 93 sngphlihpraethsnaxuruxyuinxndbsungsudkhxngolkthiprachakrmikhwamesiyngtxkarepnorkhebahwanchnidthisxng miprachakrmakkwarxyla 40 idrbphlkrathbcakorkhdngklawdwy swnpyhaxun thiekiywenuxngkbkarbriophkhkhxngchawnaxurukhux orkhitaelaorkhhwic xayukhyodyechliykhxngchawnaxurukhux 60 6 pi sahrbephschay aela 68 0 pi sahrbephshyingwthnthrrmswnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidstwpaaelaphnthuphuchswnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidhmayehtunaxuruimmiemuxnghlwngxyangepnthangkar aetthithakarrthbalaelarthsphaaehngchatitngxyuinekhtyaernsungepnhnwykarbriharradblangsud cungxacthuxwayaernepnchuxemuxnghlwngodyxnuolm prachakrswnihyaelarthbal kdhmay aelakarkhainpraethsnaxuru ichphasaxngkvsepnphasahlk enuxngcakprawtisastraelakhwamsmphnthrahwangnaxurukbxxsetreliy thaihklayepnsaeniyngthimiphuphudmakthisudxangxingWorldwide Government Directory with Intergovernmental Organizations CQ Press 2013 p 1131 Central Intelligence Agency 2011 The World Factbook khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2008 09 17 subkhnemux 12 February 2011 13 March 2012 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 17 October 2012 xangxingphidphlad payrabu lt ref gt imsmehtusmphl miniyamchux state hlaykhrngdwyenuxhatangkn karpraeminprachakrolk ph s 2560 ESA UN org custom data acquired via website Population Division subkhnemux 10 September 2017 PDF Nauru Bureau of Statistics khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 24 September 2015 subkhnemux 9 June 2015 Report for Selected Countries and Subjects www imf org Department of Justice and Border Control 21 December 1978 Nauru Standard Time Act 1978 PDF subkhnemux 11 September 2020 Because of the peculiar way the legislation is worded the legal time is not GMT 12 Nauru Pronunciation in English Cambridge University Press cakaehlngedimemux 17 February 2015 subkhnemux 16 February 2015 Yaren district Nauru Encyclopedia Britannica phasaxngkvs subkhnemux 2 September 2019 Hogan C Michael 2011 Phosphate Encyclopedia of Earth National Council for Science and the Environment cakaehlngedimemux 25 October 2012 subkhnemux 17 June 2012 Hitt Jack 10 December 2000 The Billion Dollar Shack The New York Times cakaehlngedimemux 16 January 2018 subkhnemux 29 January 2018 Pacific correspondent Mike Field 18 June 2015 cakaehlngedimemux 10 December 2015 subkhnemux 8 December 2015 Nauru s former chief justice predicts legal break down cakaehlngedimemux 10 December 2015 subkhnemux 8 December 2015 Ben Doherty This is Abyan s story and it is Australia s story The Guardian cakaehlngedimemux 26 February 2017 subkhnemux 12 December 2016 Nauru Department of Economic Development and Environment 2003 PDF United Nations khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 22 July 2011 subkhnemux 25 June 2012 Whyte Brendan 2007 On Cartographic Vexillology Cartographica 42 3 251 262 doi 10 3138 carto 42 3 251 Pollock Nancy J 1995 5 Social Fattening Patterns in the Pacific the Positive Side of Obesity A Nauru Case Study in De Garine I b k Social Aspects of Obesity Routledge pp 87 111 Spennemann Dirk HR January 2002 Traditional milkfish aquaculture in Nauru Aquaculture International 10 6 551 562 doi 10 1023 A 1023900601000 West Barbara A 2010 Nauruans nationality Encyclopedia of the Peoples of Asia and Oceania Infobase Publishing pp 578 580 ISBN 978 1 4381 1913 7 Marshall Mac Marshall Leslie B January 1976 Holy and unholy spirits The Effects of Missionization on Alcohol Use in Eastern Micronesia Journal of Pacific History 11 3 135 166 doi 10 1080 00223347608572299 Reyes Ramon E Jr 1996 Nauru v Australia New York Law School Journal of International and Comparative Law 16 1 2 Commonwealth and Colonial Law by London Stevens 1966 p 884 Firth Stewart January 1978 German Labour Policy in Nauru and Angaur 1906 1914 The Journal of Pacific History 13 1 36 52 doi 10 1080 00223347808572337 Hill Robert A b k 1986 2 Progress Comes to Nauru The Marcus Garvey and Universal Negro Improvement Association Papers Vol 5 University of California Press ISBN 978 0 520 05817 0 Ellis AF 1935 Ocean Island and Nauru their story Angus and Robertson Limited pp 29 39 Hartleben A 1895 Deutsche Rundschau fur Geographie und Statistik p 429 Ellis AF 1935 Ocean Island and Nauru their story Angus and Robertson Limited pp 29 39 Manner HI Thaman RR Hassall DC May 1985 Plant succession after phosphate mining on Nauru Australian Geographer 16 3 185 195 doi 10 1080 00049188508702872 Gowdy John M McDaniel Carl N May 1999 The Physical Destruction of Nauru Land Economics 75 2 333 338 Shlomowitz R November 1990 Differential mortality of Asians and Pacific Islanders in the Pacific labour trade Journal of the Australian Population Association 7 2 116 127 PMID 12343016 Hudson WJ April 1965 Australia s experience as a mandatory power Australian Outlook 19 1 35 46 doi 10 1080 10357716508444191 Waters SD 2008 German raiders in the Pacific 3rd ed Merriam Press p 39 ISBN 978 1 4357 5760 8 Bogart Charles H November 2008 PDF CDSG Newsletter 8 9 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2013 10 12 subkhnemux 16 June 2012 Haden JD 2000 Pacific Magazine khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2012 02 08 subkhnemux 16 June 2012 Takizawa Akira Alsleben Allan 1999 2000 Forgotten Campaign The Dutch East Indies Campaign 1941 1942 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2016 01 06 subkhnemux 2014 04 04 The Times 14 September 1945 Nauru Occupied by Australians Jap Garrison and Natives Starving The Argus 15 September 1945 subkhnemux 30 December 2010 Garrett J 1996 Island Exiles ABC pp 176 181 ISBN 0 7333 0485 0 Highet K Kahale H 1993 American Journal of International Law 87 282 288 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2011 05 11 subkhnemux 2014 04 04 Island Purchase For Nauruans Vol 38 no 10 840 Australian Capital Territory Australia 6 May 1964 p 5 subkhnemux 1 April 2019 odythang National Library of Australia Nauruans Likely To Settle Curtis Island Vol 37 no 10 549 Australian Capital Territory Australia 30 May 1963 p 9 subkhnemux 1 April 2019 odythang National Library of Australia McAdam Jane 15 August 2016 How the entire nation of Nauru almost moved to Queensland The Conversation cakaehlngedimemux 1 April 2019 subkhnemux 1 April 2019 Lack of Sovereignty Disappoints Nauruans Vol 37 no 10 554 Australian Capital Territory Australia 5 June 1963 p 45 subkhnemux 1 April 2019 odythang National Library of Australia Nauru not to take Curtis Is Vol 38 no 10 930 Australian Capital Territory Australia 21 August 1964 p 3 subkhnemux 1 April 2019 odythang National Library of Australia Davidson JW January 1968 The republic of Nauru The Journal of Pacific History 3 1 145 150 doi 10 1080 00223346808572131 Squires Nick 15 March 2008 Nauru seeks to regain lost fortunes BBC News Online subkhnemux 16 March 2008 Case Concerning Certain Phosphate Lands in Nauru Nauru v Australia Application Memorial of Nauru ICJ Pleadings Oral Arguments Documents United Nations International Court of Justice January 2004 ISBN 978 92 1 070936 1 Nauru declares state of emergency to manage coronavirus pandemic SBS News phasaxngkvs cakaehlngedimemux 20 January 2023 subkhnemux 23 February 2024 Matau Robert 6 June 2013 President Dabwido gives it another go 2013 09 26 thi ewyaebkaemchchin Islands Business Levine Stephen Roberts Nigel S November 2005 The constitutional structures and electoral systems of Pacific Island States Commonwealth amp Comparative Politics 43 3 276 295 doi 10 1080 14662040500304866 Anckar D Anckar C 2000 Democracies without Parties Comparative Political Studies 33 2 225 247 doi 10 1177 0010414000033002003 Hassell Graham Tipu Feue May 2008 Local Government in the South Pacific Islands Commonwealth Journal of Local Governance 1 1 6 30 Nauru High Court Appeals Act Australia 1976 Australian Legal Information Institute cakaehlngedimemux 1 October 2006 subkhnemux 7 August 2006 Dale Gregory 2007 Appealing to Whom Australia s Appellate Jurisdiction Over Nauru International amp Comparative Law Quarterly 56 3 641 658 doi 10 1093 iclq lei186 Gans Jeremy 20 February 2018 News Court may lose Nauru appellate role Opinions on High Melbourne Law School cakaehlngedimemux 2 April 2018 subkhnemux 2 April 2018 Clarke Melissa 2 April 2018 Justice in Nauru curtailed as Government abolishes appeal system cakaehlngedimemux 2 April 2018 subkhnemux 2 April 2018 Wahlquist Calla 2 April 2018 Fears for asylum seekers as Nauru moves to cut ties to Australia s high court cakaehlngedimemux 1 April 2018 subkhnemux 2 April 2018 Nauru The population of the districts of the Republic of Nauru City Population 2011 cakaehlngedimemux 23 September 2015 subkhnemux 10 June 2015 United Nations khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2006 08 18 subkhnemux 10 May 2006 Nauru in the Commonwealth Commonwealth of Nations subkhnemux 18 June 2012 Nauru 04 08 US State Department 2008 subkhnemux 17 June 2012 Long Charles N McFarlane Sally A March 2012 Quantification of the Impact of Nauru Island on ARM Measurements Journal of Applied Meteorology and Climatology 51 3 628 636 doi 10 1175 JAMC D 11 0174 1 November 2005 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2014 10 06 subkhnemux 2 May 2006 Thaman RR Hassall DC PDF South Pacific Regional Environment Programme p 234 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2012 05 11 subkhnemux 2014 04 06 Jacobson Gerry Hill Peter J Ghassemi Fereidoun 1997 24 Geology and Hydrogeology of Nauru Island in Vacher H Leonard Quinn Terrence M b k Geology and hydrogeology of carbonate islands Elsevier p 716 ISBN 978 0 444 81520 0 Republic of Nauru 1999 Climate Change Response PDF First National Communication United Nations Framework Convention on Climate Change subkhnemux 9 September 2009 Affaire de certaines terres a phosphates a Nauru International Court of Justice 2003 pp 107 109 ISBN 978 92 1 070936 1 PDF Government of Australia khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2012 02 27 subkhnemux 10 June 2012 November 2011 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2014 01 10 subkhnemux 18 June 2012 PDF Centre for Australian Weather and Climate Research khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2013 05 12 subkhnemux 18 June 2012 http www weatherbase com weather weather php3 s 542049 amp refer amp cityname Yaren District Yaren Nauru amp units metric weatherbase PDF Asian Development Bank khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2011 06 07 subkhnemux 20 June 2012 World Christian Database khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2014 04 28 subkhnemux 10 emsayn 2557 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help International Religious Freedom Report 2003 Nauru US Department of State 2003 subkhnemux 2 May 2005 Waqa B 1999 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2006 05 25 subkhnemux 2 May 2006 University of the South Pacific khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2012 06 20 subkhnemux 19 June 2012 Fat of the land Nauru tops obesity league Independent 26 December 2010 subkhnemux 19 June 2012 King H Rewers M 1993 Diabetes in adults is now a Third World problem Ethnicity amp Disease 3 S67 74 Nauru World health report 2005 World Health Organization subkhnemux 2 May 2006 khxmul bthkhwamnirwmexacakedxaewildaefktbukduephimStorr C 2020 International Status in the Shadow of Empire Nauru and the Histories of International Law Cambridge Cambridge University Press Gowdy John M McDaniel Carl N 2000 Paradise for Sale A Parable of Nature University of California Press ISBN 978 0 520 22229 8 Williams Maslyn Macdonald Barrie 1985 The Phosphateers Melbourne University Press ISBN 0 522 84302 6 aehlngkhxmulxunrthbalnaxuru Nauru The World Factbook Central Intelligence Agency praethsnaxuru thiewbist Curlie Wikimedia Atlas of Nauru cak UCB Libraries GovPubs Nauru profile cak Republic of Nauru thiexks thwitetxr praethsnaxuru thiokhrngkarphinxngkhxngwikiphiediy hakhwamhmay cak wikiphcnanukrmphaphaelasux cak khxmmxnsenuxhakhaw cak wikikhawkhxmultnchbb cak wikisxrskhumuxthxngethiyw cak wikithxngethiywkhxmul cak wikisneths