คณะสงฆ์จีนนิกายแห่งประเทศไทย เป็นคณะสงฆ์นิกายมหายานของชาวไทยเชื้อสายจีน ถือกำเนิดมาจากชาวจีนที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารบนผืนแผ่นดินไทย ได้นำเอาวัฒนธรรม ศาสนา และความเชื่อดั้งเดิมของตนเข้ามาประพฤติปฏิบัติ แรกเริ่มที่ยังไม่มีพระภิกษุ ชาวจีนได้สร้างขึ้นก่อนเพื่อเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวและเป็นศูนย์กลางในการประกอบพิธีกรรม ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีพระภิกษุจีนแถบมณฑลกวางตุ้งจาริกเข้ามาปฏิบัติศาสนกิจมากขึ้น นำไปสู่การจัดระเบียบการบริหารการปกครอง คณะสงฆ์จีนได้ถือกำเนิดขึ้นบนแผ่นดินไทยและมีความเจริญสืบเนื่องมาจวบจนปัจจุบัน
ในปัจจุบันการปกครองคณะสงฆ์จีนนิกายเป็นไปตามกฎกระทรวงฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2520) และกฎกระทรวงฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2536) ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505
ประวัติ
นับจากราชวงศ์ฮั่นเป็นต้นมา ชาวไทยและชาวจีนได้มีการติดต่อสัมพันธ์ทางการค้า จนถึง อาณาจักรสุโขทัยได้ก่อตั้งขึ้น ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศก็เพิ่มพูนขึ้น ชาวจีนจากมณฑลกวางตุ้งและมณฑลฮกเกี้ยน ได้ทะยอยมาทำมาหากินในไทย แม้จนกษัตริย์แห่งสุโขทัยได้ไปนำเทคนิคการทำกระเบื้องเคลือบ (สังคโลก) มาสู่ประเทศไทย ถึงสมัยอาณาจักรอยุธยา ชาวจีนในไทยมีมากขึ้น จนเกิดเป็นย่านชาวจีนขึ้น และมีชาวจีนเข้ารับราชการในราชสำนักไทย จนอยุธยาเสียแก่ข้าศึก พระยากำแพงเพชร (ตากสิน) ผู้มีบิดาเป็นชาวจีนได้นำทหารไทย-จีน ฝ่าวงล้อมข้าศึกและกอบกู้เอกราชไทยได้สำเร็จ โดยตั้งราชธานีที่อาณาจักรธนบุรี
ในระหว่างสมัยทั้งสามที่ผ่านมาชาวจีนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ลัทธิขงจื๊อ ห้าทหารเสือ ซีหวังหมู่ เซน และลัทธิเต๋าปะปนกัน คงมีเพียงยังไม่มีการสร้างวัดขึ้น ชาวจีนคงอาศัยทำบุญในวัดไทยนั่นเอง
เมื่อ พ.ศ. 2316 ที่ปรากฏในพงศาวดารของญวนในประเทศไทยว่า ได้เกิดกบฏขึ้นที่เมืองเว้อันเป็นราชธานีของประเทศญวนหรือประเทศเวียดนาม พวกกบฏรุกเข้ามาชิงเมืองเว้ ได้ทำลายบ้านเมืองและฆ่าฟันพลเมืองรวมทั้งเชื้อพระวงศ์เสียเป็นอันมาก พวกราชวงศ์และพลเมืองของญวนต่างพากันหลบหนีภัยไปคนละทาง และกลุ่มพวกญวนขององเชียงซุน ได้เข้ามาพึ่งพระบารมีของพระเจ้ากรุงธนบุรี ในปีวอก พ.ศ. 2319 พระเจ้ากรุงธนบุรีจึงได้โปรดรับไว้ พระสงฆ์มหายานแบบญวน สมัยองเชียงซุนได้เข้ามาสร้างวัดแบบมหายานขึ้น ในสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี ซึ่งวัดของคณะสงฆ์อนัมนิกายแห่งประเทศไทยได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก 2 วัด คือ
- (โห่ยคั้นตื่อ) ตั้งอยู่หลังวังบูรพาภิรมย์ ต่อมารัฐบาลต้องการที่ตรงนั้นสร้างถนน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดให้ทำตามแบบพระสงฆ์ไทย แล้วพระราชทานที่ดินริมถนนแปลงนาม เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร ให้สร้างวัดมงคลสมาคมขึ้นใหม่ ส่วนวัดเดิมให้ยุบแล้วสร้างถนนไป
- วัดทิพยวารีวิหาร (กามโล่ตื่อ) ตั้งอยู่บ้านหม้อ กรุงเทพมหานคร หลังจากนั้นมาวัดแห่งนี้ได้ร่างมาหลายปี และในปัจจุบันมีพระสงฆ์จีนนิกายปกครองดูแล
ชาวจีนและชาวญวน ในครั้งนี้ได้ร่วมกันสร้างวัดให้พระสงฆ์อนัมนิกายมาพรรษาขึ้นหลายแห่ง จนมาถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ สถาปนาเมื่อปี 2325 ในรัชกาลที่ 1 ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเดิมเป็นที่อยู่อาศัยของพระยาราชาเศรษฐี และพวกจีน โดยโปรดเกล้า ฯ ให้ย้ายพวกจีนไปอยู่ที่บริเวณวัดสัมพันธวงศาราม วรวิหาร (ปัจจุบันที่เรียกว่าสำเพ็ง)
สมัยรัชกาลที่ 3 ทั้งสองประเทศมีการติดต่อกันทางด้านศิลปกรรมเพิ่มขึ้นเนื่องจากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 โปรดสร้างพระอาราม และยังโปรดศิลปะพระราชนิยมแบบจีน
จวบจนสมัยรัชกาลที่ 5 พระเถระนิกายฌานหรือนิกายเซ็น สาขาหลินฉี (วิปัสสนา) ชาวจีน จาริกมาจากประเทศจีน ราวก่อนปี พ.ศ. 2414 และพำนักจำพรรษาที่วิหารพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ร้าง ชื่อ "ย่งฮกอำ" มีป้ายชื่อลงปีรัชกาลเฉียนหลง ปีอิกเบ้า (ค.ศ. 1795) ตรงกับ พ.ศ. 2338 กล่าวกันว่าสร้างโดยชาวจีนในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ก่อนสร้างวัดกุศลสมาคร ฝ่ายอนัมนิกาย (วัดญวน) ได้มีพระอนัมมาอาศัยพักอยู่ชั่วคราว เมื่อสร้างวัดเสร็จจึงย้ายไปอยู่
สาธุชนชาวจีนได้เห็นจริยาวัตรท่านน่าเลื่อมใสศรัทธาจึงช่วยท่านปฏิสังขรณ์วิหารพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็น "ย่งฮกยี่" มีป้ายชื่อลงปี พ.ศ. 2430 (รัชกาลกวงสู ปีที่ 13 ค.ศ. 1887) แล้วกราบบังคมทูลขอพระราชทานนามวัดจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระองค์พระราชทานนามวัดว่า “วัดบำเพ็ญจีนพรต ” (ปัจจุบันยังมีป้ายพระราชทานนามวัดประดิษฐานอยู่ด้านหน้าอุโบสถ) และโปรดพระราชทานสมณศักดิ์ พระอาจารย์สกเห็งเป็นพระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร เจ้าคณะใหญ่จีนนิกายรูปแรก
นอกจากนี้ยังมีพระภิกษุไฮซัน ชาวมณฑลหูหนาน จาริกมาพำนัก ในอารามร้าง ต.บ้านหม้อ ต่อมาได้บูรณะเป็น วัดทิพยวารีวิหาร (กำโล่วยี่)
กาลต่อมาเมื่อพระสงฆ์ฝ่ายจีนมีมากขึ้น พระอาจารย์สกเห็งเห็นควรขยายอารามให้พอเหมาะแก่จำนวนพระสงฆ์ จึงได้สร้างวัดมังกรกมลาวาส (เล่งเน่ยยี่) ขึ้น ปรากฏเป็นอารามฝ่ายจีนนิกายที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยในครั้งนั้น รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการบริหาร ปกครอง คณะสงฆ์จีนนิกาย
ต่อมา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าให้สถาปนา พระอาจารย์สกเห็ง เป็นที่ พระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร เจ้าคณะใหญ่จีนนิกาย ดูแลบริหารปกครองพระสงฆ์จีนนิกายในประเทศไทย ทั้งตำแหน่งปลัดซ้าย ปลัดขวา เพื่อช่วยบริหารปกครอง และมีพัดยศพร้อมสมณบริขารประกอบสมณศักดิ์ด้วย
ลำดับเจ้าคณะใหญ่ฝ่ายจีนนิกาย
- รูปที่ 1 พระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร (續行 สกเห็ง) ปฐมบูรพาจารย์ วัดบำเพ็ญจีนพรต (ย่งฮกยี่) , วัดมังกรกมลาวาส (เล่งเน่ยยี่) , วัดจีนประชาสโมสร (เล่งฮกยี่) ฉะเชิงเทรา, มีศิษย์รูปสำคัญคือ พระอาจารย์กวยหงอ, พระอาจารย์กวยล้ง (果隆)
- รูปที่ 2 พระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร (果悟 กวยหงอ) เจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส รูปที่ 2 มีศิษย์รูปสำคัญ คือ พระอาจารย์ตั๊กฮี้ (達喜)
- รูปที่ 3 พระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร (盧慶 โล่วเข่ง) เจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส รูปที่ 3 ต่อมาลาออกและเดินทางกลับประเทศจีน พระอาจารย์ฮวบจง(ฟุกยิ้น 复仁) รักษาการเจ้าอาวาสแทน ยุคนี้ พระอาจารย์ ตั๊กฮี้ได้สร้างวัดเทพพุทธาราม (เซียนฮุดยี่) จ.ชลบุรี และบรรพชาศิษย์จำนวนมากรูปสำคัญได้แก่ พระอาจารย์เซี่ยงหงี พระอาจารย์เซี่ยงกี (常機) , พระอาจารย์เซี่ยงซิว (常修)
- รูปที่ 4 พระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร (用濱 ย่งปิง) เจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส รูปที่ 4
- รูปที่ 5 พระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร (常義 เซี่ยงหงี) ก่อนได้รับการสถาปณาเป็นเจ้าคณะใหญ่จีนนิกาย ท่านได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดจีนประชาสโมสร และวัดเทพพุทธาราม มาก่อนหลังจากได้รับการสถาปณาแล้วจึงย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส รูปที่ 5 ยุคนี้พระอาจารย์เซี่ยงกี ศิษย์ผู้พี่ได้จาริกไปสร้างวัด เชงจุ้ยยี่ (ถ้ำประทุน) , เชงฮงยี่ เขาพระพุทธบาท สระบุรี ,สำนักสงฆ์มี่กัง กรุงเทพฯ พระอาจารย์เซี่ยงกี บรรพชากุลบุตร สืบสายคณะสงฆ์จีนนิกาย ที่สำคัญ คือ พระอาจารย์ซุ่นเคี้ยง , พระอาจารย์อิ้วเคียม (ล่งง้วน)
- รูปที่ 6 พระมหาคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร (普淨 โพธิ์แจ้ง)
บรรพชาในสำนัก พระอาจารย์ อิ้วเคียม ณ วัดเชงจุ้ยยี่ ท่านเป็นผู้พัฒนาคณะสงฆ์จีนนิกาย สู่ยุคใหม่เป็นปฐมบูรพาจารย์ วัดโพธิ์เย็น กาญจนบุรี, วัดโพธิ์แมนคุณาราม, กรุงเทพฯ, วัดโพธิ์ทัตตาราม ชลบุรีและ สำนักสงฆ์หลับฟ้ากรุงเทพฯ, รวมทั้งวางรากฐาน อุปสมบทกรรม บูรณปฏิสังขรณ์ พระอารามจีนนิกาย จำนวนมาก ท่านได้วางรากฐาน ความมั่นคงของคณะสงฆ์จีนนิกายจนเป็นปึกแผ่น
บรรพชาอุปสมบทในสำนักพระอาจารย์โพธิ์แจ้งมหาเถระ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานกรรมการสงฆ์จีนนิกาย เจ้าอาวาสวัดโพธิ์แมนคุณารามและบุกเบิกสร้างวัดหมื่นพุทธเมตตาคุณาราม เพื่อวางรากฐานการศึกษาศาสนาแก่คณะสงฆ์ในภาคเหนือของไทย
บูรพาจารย์ผู้สืบทอดมหายานในประเทศไทย
นอกจากเจ้าคณะใหญ่ที่ได้กล่าวมาแล้วยังมีคณาจารย์รูปอื่น ๆ ที่มีการบันทึกประวัติ และผลงานไว้ดังนี้
- พระอาจารย์กวยหลง เป็นผู้ช่วยพระอาจารย์สกเห็ง เจ้าคณะใหญ่ ลำดับที่ 1 มีความรู้แตกฉานทางด้านมหายาน ได้ช่วยเหลือในการสร้างวัดจีนประชาสโมสร (เล่งฮกยี่) ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และได้เป็นเจ้าอาวาสวัดนี้
- บรรพชา ณ สำนักวัดมังกรกมลาวาส โดยมีพระอาจารย์จีนวังสมาธิวัตร (กวยหงอ) เป็นพระอุปัชฌาย์ และศึกษาธรรม ณ วัดมังกรกมาลาวาส ต่อมาได้ธุดงค์วัตร มาที่ ฉะเทริงเทรา และได้เป็นกำลังสำคัญในการก่อสร้างวัดจีนประชาสโมสร ต่อมาได้รับแต่ตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดจีนประชาสโมสรรูปต่อมา ได้เคยแสดงธรรมแก่ประชาชนชาวจีน ณ สำนักสงฆ์เต๊กฮ่วยตึ้ง จังหวัดเพชรบุรี เป็นประจำ ก่อนมาเป็นเจ้าอาวาสวัดจีนประชาสโมสร ได้ทำการบรรพชาอุปสมบทศิษย์ จำนวน 30 กว่ารูป ซึ่งต่อมาได้เป็นพระอาจารย์จีนที่มีชื่อหลายรูปด้วยกัน ต่อมาท่านได้จาริกแสดงธรรมมาถึงจังหวัดชลบุรี และได้สร้างวัดเทพพุทธาราม ขึ้น ชาวจีนเรียกว่า วัดเซียนฮุดยี่ เนื่องจากท่านเคยถือคติลัทธิเต๋ามาก่อน เพื่อมาบวชในพุทธศาสนาแล้วจึงให้ชื่อวัดดังกล่าวเพื่อเป็นอนุสรณ์
พระอาจารย์ตั๊กฮี้ ก่อนท่านดับขันธ์ท่านได้เข้าฌานสมาบัติดับขันธ์ปัจจุบันสรีระธาตุท่าน ประดิษฐาน ณ วิหารบูรพาจารย์วัดเทพพุทธาราม
- พระอาจารย์เซี่ยงหงี ได้บรรพชาเป็นสามเณรในฝ่ายเถรวาท ที่วัดต้นไทร จังหวัดฉะเชิงเทรา ต่อมาได้บรรพชาเป็นสามเณรในนิกายจีน เป็นศิษย์พระอาจารย์ตั๊กฮี และต่อมาได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ในสำนักพระอาจารย์กวยหงอ แล้วเดินทางไปบูชาปูชนียสถานในประเทศจีน เมื่ออายุได้ 35 ปี ได้เดินทางมาประเทศไทยอีก และได้เป็นเจ้าอาวาสวัดจีนประชาสโมสร ต่อมาได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร เจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส และได้เป็นพระอุปัชฌาย์จีนนิกาย เมื่อปี พ.ศ. 2492
พระอาจารย์เซี่ยงหงี ก่อนดับขันธ์ท่านได้เข้าฌานสมาบัติดับขันธ์ ปัจจุบันสรีระธาตุท่านประดิษฐาน ณ วิหารบูรพาจารย์ วัดจีนประชาสโมสร
- พระอาจารย์เซี่ยงซิว เป็นชาวมณฑลกวางตุ้ง ได้เป็นกำลังช่วยพระอาจารย์ตั๊กฮี ในการสร้างถาวรวัตถุ อันเป็นประโยชน์ต่อสังคม มีสะพานและถนน เป็นต้น เป็นผู้ที่ศึกษาและปฏิบัติด้านกัมมัฏฐาน และได้ออกจาริกเทศนาสั่งสอนประชาชนด้วยความเมตตากรุณา
- พระอาจารย์เซี่ยงกี่ เป็นชาวมณฑลกวางตุ้ง ได้ออกบวชในสำนักพระอาจารย์ตั๊กฮีที่วัดจีนประชาสโมสร ได้ออกไปที่เขาพระพุทธบาท สระบุรี เข้าไปปฏิบัติโยคะธรรมที่ถ้ำประทุน และได้นำประชาชน สร้างวัดเซ็งจุ้ยยี่ขึ้น มีศิษย์หลายรูปที่มีชื่อเสียง เช่น พระอาจารย์โพธิแจ้ง เป็นต้น
- พระอาจารย์ฮ่งเล้ง (宏能) เดิมชื่อฮ่งเล้ง แซ่เตีย เป็นชาวจังหวัด เยี่ยวเพ้ง มณฑลมณฑลกวางตุ้ง เมื่อเดินทางมาประเทศไทยได้บวชที่วัดเช็งจุ้ยยี่ สมาทานธุดงควัตรตลอดเวลากว่า 10 ปี แล้วกลับไปสักการะปูชนียสถานที่มาตุภูมิกับพระมาหาคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร (โพธิ์แจ้งมหาเถระ) ในระหว่างการเดินทางได้แวะสักการะพระเจดีย์ เซี้ยงฮู้ (เซี่ยงฮู้ถะ) ตั้งอยู่บนยอดเขา กูซัว ที่ตำบล ฮับซัว อำเภอ เตี้ยเอี้ย มณฑล กวางตุ้ง ขณะที่ท่านได้สักการระพระเจดีย์อยู่นั้นท่านทัศนาเห็นปวงทิพย์ชนแห่ลอยลงมาต้อนรับท่าน ตัวท่านเองในขณะนั้นได้เข้าสมาธิเกิดปิติตัวลอยขึ้นไปอยู่บนเจดีย์นั้น ท่ามกลางสายตาของประชาชนเป็นจำนวนมาก ท่านได้ทำการสวดมนต์ต์ต์ต์สรรเสริญคุณพระพุทธคุณแห่งพระศาสดาศากยะมุนีพุทธเจ้า และสักการะและทักษิณาวัตรพระธาตุบนเจดีย์แล้ว ก็กระเหาะลงมาจากยอดพระเจดีย์ลงมาเบื้องล่าง ร่างของท่านเมื่อเหยียบถึงพื้นดินบริเวณพื้นดินที่ท่านได้เหยียบลงไปนั้นกลายเป็นวงกลมมีเม็ดทรายสีทองขึ้นมาและท่านยืนแน่นิ่งไม่เอนเอียง หันหน้าไปทางทิศตะวันตกถึงแก่กาลดับขันธ์ลง สรีระของท่านตั้งมั่นอยู่เช่นนั้น 7 วัน 7 คืน ประชาชนจึงถวายนามท่านว่าพระลิบผู่สัก ซึ่งหมายถึงพระโพธิสัตว์ผู้สำเร็จธรรมในท่ายืน ปัจจุบันสรีระธาตุของท่านไม่เน่าเปื่อย และยังคงประดิษฐานอยู่ ณ เจดีย์เซี้ยงฮู้ มลฑลกวางตุ้ง
- พระมหาคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร (โพธิแจ้งมหาเถระ) เจ้าอาวาสวัดโพธิ์แมนคุณาราม เจ้าคณะใหญ่จีนนิกายรูปที่ 6 เป็นพระราชาคณะสัญญาบัตร (เทียบชั้นธรรมพิเศษ) ฝ่ายวิปัสสนา พระอาจารย์โพธิ์แจ้งเป็นชาวมณฑลกวางตุ้ง เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2444 ได้เดินทางมาประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2470 เพื่อศึกษาหลักธรรม และสักการะปูชนียสถานต่าง ๆ และได้ขอบรรพชา ณ สำนักสงฆ์ถ้ำประทุน เมื่อปี พ.ศ. 2471 มีฉายาว่า โพธิแจ้ง ได้ออกบำเพ็ญเพียรศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ 6 พรรษา จนแตกฉานในพระไตรปิฎก เป็นที่เคารพนับถือของบรรดาพุทธบริษัทมาก ต่อมาในปี พ.ศ. 2477 ได้เดินทางไปประเทศจีน เพื่อเข้ารับการอุปสมบท แล้วอยู่ศึกษาธรรมเพิ่มเติมอีก 2 ปี จึงได้เดินทางกลับประเทศไทย ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2484 ได้เดินทางไปประเทศจีนอีกครั้งหนึ่ง และได้จาริกไปถึงแคว้นคามธิเบตตะวันออก เพื่อศึกษาลัทธิมนตรยาน ณ อารามรินโวเช่ และท่านได้ศึกษาพระคัมภีร์จนแตกฉาน และได้รับเกียตริสูงสุดในการถ่ายทอดตำแหน่งเป็นสังฆนายก องค์ที่ 18 แห่งนิกายมนตรายาน จนถึงปี พ.ศ. 2490 ได้เดินทางกลับมาประเทศไทย และในปีต่อมาได้เดินทางไปประเทศจีนเป็นครั้งที่สาม ได้รับแต่งตั้งเป็น พระปรมัตตาจารย์ จากประมุขเจ้านิกายวินัยของประเทศจีน ให้ขึ้นดำรงตำแหน่งสังฆนายกนิกายวินัย องค์ที่ 19 เมื่อปี พ.ศ. 2493 จึงได้เดินทางกลับประเทศไทย และต่อมาได้ดำรงตำแหน่งเป็น หลวงจีนธรรมรสจีนศาสน์ ตำแหน่งปลัดซ้าย เจ้าคณะใหญ่คณะสงฆ์จีนนิกาย
พระมาหาคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตรฯ ก่อนถึงกาลดับขันธ์ท่านรู้ด้วยฌานสมาบัติ และได้เข้าฌานสมาบัตินั่งสมาธิดับขันธ์ ปัจจุบันสรีระธาตุท่านประดิษฐาน ณ วิหารบูรพาจารย์ วัดโพธิ์แมนคุณาราม
ความเจริญของคณะสงฆ์จีนนิกาย
การดำเนินงานและการปกครองของคณะสงฆ์จีนนิกาย ได้มีการเปลี่ยนแปลงให้เจริญดีขึ้น หลายประการด้วยกัน อาทิ
- ภายหลังจากท่านเจ้าคุณโพธิ์แจ้งได้รับตำแหน่งสังฆนายกนิกายวินัย แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน แล้วท่านได้ธุดงค์กลับประเทศไทย ท่านได้นำพระคัมภีร์ต่าง ๆ กลับมาเมืองไทย และมีการเริ่มแปลพระคัมภีร์ต่าง ๆ เป็นภาษาไทย และมีการแปลพระวินัย สิกขาบทของฝ่ายมหายาน ขึ้น เพื่อให้ภิกษุในสำนักฝ่ายมหายาน ซึ่งมีวัดโพธิ์เย็นเป็นศูนย์กลางการศึกษา ของนิกายวินัย และนิกายมนตรายาน ได้เรียนรู้และเข้าใจหลักพระวินัย และยึดถืออย่างเคร่งครัด
- เกิดมีระเบียบการบรรพชาอุปสมบทในฝ่ายสงฆ์จีนนิกายขึ้น เนื่องจากแต่เดิมพระสงฆ์ จีนล้วนอุปสมบทมาจากประเทศจีนทั้งสิ้น เพราะที่ประเทศไทยไม่มีอันชอบด้วยวินัยนิยมตามคติของฝ่ายจีน ดังนั้นจึงมีแต่การบรรพชาสามเณรในไทยได้เท่านั้น ครั้นเมื่อสร้างวัดโพธิ์เย็น (จีนนิกาย)ขึ้น ที่ตลาดลูกแก อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี พระอาจารย์โพธิแจ้งผู้สร้างก็ได้ประกอบพิธี สังฆกรรมผูกพัทธสีมา ตามวินัยนิยม จึงเป็นวัดจีนวัดแรกในประเทศไทย ที่ให้การอุปสมบทแก่กุลบุตรได้ ครั้งนั้น พระสาสนโสภณ เจ้าอาวาสวัดมกุฏกษัตริยาราม สั่งการแทนสมเด็จพระสังฆนายก ได้กำหนดระเบียบพระอุปัชฌาย์ และระเบียบการบรรพชาอุปสมบทฝ่ายสงฆ์จีนนิกาย กล่าวคือ ผู้ที่จะบรรพชาเป็นสามเณรก็ดี จะอุปสมบทเป็นพระภิกษุก็ดี ต้องมาขอบรรพชาอุปสมบทต่อ พระอุปัชฌาย์จีน ที่สมเด็จพระสังฆราชแต่งตั้งขึ้นเท่านั้น และพระอาจารย์โพธิแจ้ง ก็ได้รับบัญชาแต่งตั้งเป็น พระอุปัชฌาย์จีนรูปแรก ให้การบรรพชาอุปสมบทแก่กุลบุตร ที่สวัดโพธิเย็นเป็นแห่งแรก ปรากฏว่ามีกุลบุตรชาวจีน เข้ามาขอบรรพชาอุปสมบท ในปีหนึ่งเป็นจำนวนมาก การบรรพชาอุปสมบท ในคณะสงฆ์จีนนิกาย ก็เป็นไปเช่นเดียวกับการบรรพชาอุปสมบทของพระสงฆ์ไทย กล่าวคือการบวชและการลาสิกขาเป็นไปตามความสมัครใจ ไม่ได้มีการบังคับว่า เมื่อบวชแล้วจะต้องอยู่ในสมณเพศตลอดไป
- เริ่มมีกรรมการคณะสงฆ์จีนนิกาย นับตั้งแต่มีวัดจีนขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ภิกษุจีนบางรูปได้ทำการสร้างสำนักสงฆ์อยู่กระจัดกระจายทั่วไปในกรุงเทพ ฯ ท่านเจ้าคณะใหญ่จึงได้ กราบทูลสมเด็จพระสังฆนายก เพื่อพิจารณาแต่งตั้งกรรมการสงฆ์จีนนิกาย เมื่อปี พ.ศ. 2497 สมเด็จพระวันรัต (ปลด กิตติโสภณเถระ) แห่งวัดเบญจมบพิตร ผู้เป็นสังฆนายก จึงได้มีพระบัญชาแต่งตั้งพระเถระฝ่ายจีนนิกาย ขึ้นเป็นคณะกรรมการสงฆ์จีนนิกาย เพื่ออำนวยการปกครองดูแลวัด และสำนักสงฆ์จีนต่าง ๆ ให้เป็นไปตามระเบียบ ซึ่งในคณะกรรมการ ฯ ครั้นนั้นมีพระอาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร (โพธิแจ้ง) เป็นประธาน
- ได้มีการฟื้นฟูพิธีถวายผ้ากฐินทานขึ้น ซึ่งความจริงสังฆกรรมทุกอย่างในฝ่ายมหายานนั้น ก็มีตรงกับสังฆกรรมฝ่ายเถรวาท แต่อาศัยความเหมาะสมกับกาลเทศะ และประเพณีบ้านเมือง ทางฝ่ายมหายานจึงคัดเอาแต่ที่อนุโลมกันได้มาปฏิบัติ ครั้นเมื่อพระสงฆ์จีนเข้ามาตั้งนิกายขึ้นในประเทศไทย พระคณาจารย์จีนจึงฟื้นฟูสังฆกรรมบางอย่างที่ละเว้นไปนานขึ้นมาปฏิบัติใหม่ ในสมัยเจ้าคณะใหญ่ลำดับที่ 1 และที่ 2 วัดมังกรกมลาวาส ก็เคยมีพิธีทอดกฐินเช่นดียวกับวัดไทย แต่เมื่อสิ้นสมัยของท่านทั้งสองแล้ว พิธีนี้ก็ได้หยุดชะงักไปช้านานประมาณ 40 ปี จนมาถึงเจ้าคณะใหญ่ลำดับที่ 6 (โพธิแจ้ง) จึงได้มีการฟื้นฟูสังฆกรรมนี้ขึ้นมาใหม่ ในขณะที่ท่านดำรงตำแหน่ง หลวงจีนธรรมรสจีนศาสน์ ที่วัดโพธิเย็นเป็นวัดแรก และเมื่อท่านได้รับตำแหน่งเป็น เจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส ก็ได้มีพุทธบริษัทไทย - จีน ร่วมกันจัดกฐินสามัคคีขึ้น นับเป็นงานประจำปีที่สำคัญงานหนึ่ง ของคณะสงฆ์จีนนิกาย ในประเทศไทย เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2499 เป็นต้นมา
วัดและสำนักสงฆ์ในสังกัด
ปัจจุบันคณะสงฆ์จีนนิกายแห่งประเทศไทย มีวัดในสังกัดทั้งหมด 16 วัด และมีสำนักสงฆ์ 3 แห่ง ดังนี้
ชื่อไทย | ชื่อจีน | ที่อยู่ | |
---|---|---|---|
1. | วัดโพธิ์แมนคุณาราม | 普門報恩寺 โผวมึ้งปออึ่งยี่ | กรุงเทพมหานคร |
2. | วัดมังกรกมลาวาส | 龍蓮寺 เล่งเน่ยยี่ | กรุงเทพมหานคร |
3. | วัดหมื่นพุทธเมตตาคุณาราม | 萬佛慈恩寺 บ่วงฮุกฉื่ออึ่งยี่ | จังหวัดเชียงราย |
4. | วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ คณะสงฆ์จีนนิกายรังสรรค์ | 普頌皇恩寺 โพ้วซึงอ๊วงอึ๋นยี่ | จังหวัดนนทบุรี |
5. | วัดโพธิ์เย็น | 普仁寺 โผวเย่งยี่ | จังหวัดกาญจนบุรี |
6. | วัดฉื่อฉาง | 慈善寺 ฉื่อฉางยี่ | จังหวัดสงขลา |
7. | วัดโพธิทัตตาราม | 普德寺 โผวเต็กยี่ | จังหวัดชลบุรี |
8. | วัดเทพพุทธาราม | 仙佛寺 เซียนฮุกยี่ | จังหวัดชลบุรี |
9. | วัดทิพยวารีวิหาร | 甘露寺 กัมโล่วยี่ | กรุงเทพมหานคร |
10. | วัดบำเพ็ญจีนพรต | 永福寺 ย่งฮกยี่ | กรุงเทพมหานคร |
11. | 慈悲山菩提寺 ฉื่อปีซานผู่ทียี่ | จังหวัดกาญจนบุรี | |
12. | วัดจีนประชาสโมสร | 龍福寺 เล่งฮกยี่ | จังหวัดฉะเชิงเทรา |
13. | 龍華寺 เล่งฮั่วยี่ | จังหวัดจันทบุรี | |
14. | 靈鷲精舍 เล่งจิ๋วเจ็งเสี่ย | กรุงเทพมหานคร | |
15. | วัดพุทธคุณ | 佛恩寺 ฮุกอึ่งยี่ | จังหวัดนครราชสีมา |
16. | วัดจีนปอเอง | 報恩寺 ปออึ่งยี่ | จังหวัดราชบุรี |
- สำนักสงฆ์วัด
ชื่อ | ชื่อจีน | ที่อยู่ | |
---|---|---|---|
1. | 玄宗精舍 | กรุงเทพมหานคร | |
2. | 光明精舍 | กรุงเทพมหานคร | |
3. | 覺園念佛林 | กรุงเทพมหานคร |
อ้างอิง
- ราชกิจจานุเบกษา, กฎกระทรวงฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2520), ตอนที่ 59, เล่ม 94, วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2520
- ราชกิจจานุเบกษา, กฎกระทรวงฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2536), ตอนที่ 166, เล่ม 110, วันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2536
- . สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์พระบาทสมเด็พระเจ้าอยู่หัว เล่มที่ 35. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-05. สืบค้นเมื่อ 21 ตุลาคม 2558.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
((help)) - https://bri.mcu.ac.th/app/skapp/?p=568
- https://www.sangkhatikan.com/wat_view.php?ID=%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%20%E0%B8%88.%20(%E0%B8%99%E0%B8%A1.)
- คณะสงฆ์จีนนิกาย.พระพุทธศาสนามหายาน.กรุงเทพ ฯ : ธนาคารกรุงเทพพิมพ์เป็นธรรมบรรณาการ,2531.
- ธีรยุทธ สุนทรา.พุทธศาสนามหายานในประเทศไทย จีนนิกายและอนัมนิกาย.กรุงเทพ ฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย,2540.
- วัดมังกรกมลาวาส.ประวัติคณะสงฆ์จีนนิกาย.กรุงเทพ ฯ :โรงพิมพ์รุ่งนคร,2512.
- วัดมังกรกมลาวาส.มหามังคลานุสรณ์.กรุงเทพ ฯ : มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย,2536.
แหล่งข้อมูลอื่น
- วัดมังกรกมลาวาส 2007-03-02 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ศูนย์กลางข้อมูลพุทธศาสนามหายาน 2006-07-13 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- พุทธศาสนาวัชรยานแห่งทิเบต
- ศูนย์ข้อมูลพระสูตรมหายาน วัดเทพพุทธาราม (เซียนฮุดยี่) 2008-12-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
khnasngkhcinnikayaehngpraethsithy epnkhnasngkhnikaymhayankhxngchawithyechuxsaycin thuxkaenidmacakchawcinthiekhamaphungphrabrmophthismpharbnphunaephndinithy idnaexawthnthrrm sasna aelakhwamechuxdngedimkhxngtnekhamapraphvtiptibti aerkerimthiyngimmiphraphiksu chawcinidsrangkhunkxnephuxepnsingyudehniywaelaepnsunyklanginkarprakxbphithikrrm txmainrchsmyphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw idmiphraphiksucinaethbmnthlkwangtungcarikekhamaptibtisasnkicmakkhun naipsukarcdraebiybkarbriharkarpkkhrxng khnasngkhcinidthuxkaenidkhunbnaephndinithyaelamikhwamecriysubenuxngmacwbcnpccubn inpccubnkarpkkhrxngkhnasngkhcinnikayepniptamkdkrathrwngchbbthi 3 ph s 2520 aelakdkrathrwngchbbthi 4 ph s 2536 xxktamkhwaminphrarachbyytikhnasngkh ph s 2505prawtinbcakrachwngshnepntnma chawithyaelachawcinidmikartidtxsmphnththangkarkha cnthung xanackrsuokhthyidkxtngkhun khwamsmphnthkhxngthngsxngpraethskephimphunkhun chawcincakmnthlkwangtungaelamnthlhkekiyn idthayxymathamahakininithy aemcnkstriyaehngsuokhthyidipnaethkhnikhkarthakraebuxngekhluxb sngkholk masupraethsithy thungsmyxanackrxyuthya chawcininithymimakkhun cnekidepnyanchawcinkhun aelamichawcinekharbrachkarinrachsankithy cnxyuthyaesiyaekkhasuk phrayakaaephngephchr taksin phumibidaepnchawcinidnathharithy cin fawnglxmkhasukaelakxbkuexkrachithyidsaerc odytngrachthanithixanackrthnburi inrahwangsmythngsamthiphanmachawcinswnihynbthuxsasnaphuthth lththikhngcux hathharesux sihwnghmu esn aelalththietapapnkn khngmiephiyngyngimmikarsrangwdkhun chawcinkhngxasythabuyinwdithynnexng emux ph s 2316 thipraktinphngsawdarkhxngywninpraethsithywa idekidkbtkhunthiemuxngewxnepnrachthanikhxngpraethsywnhruxpraethsewiydnam phwkkbtrukekhamachingemuxngew idthalaybanemuxngaelakhafnphlemuxngrwmthngechuxphrawngsesiyepnxnmak phwkrachwngsaelaphlemuxngkhxngywntangphaknhlbhniphyipkhnlathang aelaklumphwkywnkhxngxngechiyngsun idekhamaphungphrabarmikhxngphraecakrungthnburi inpiwxk ph s 2319 phraecakrungthnburicungidoprdrbiw phrasngkhmhayanaebbywn smyxngechiyngsunidekhamasrangwdaebbmhayankhun insmyphraecakrungthnburi sungwdkhxngkhnasngkhxnmnikayaehngpraethsithyidekidkhunepnkhrngaerk 2 wd khux ohykhntux tngxyuhlngwngburphaphirmy txmarthbaltxngkarthitrngnnsrangthnn phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhwthrngoprdihthatamaebbphrasngkhithy aelwphrarachthanthidinrimthnnaeplngnam ekhtsmphnthwngs krungethphmhankhr ihsrangwdmngkhlsmakhmkhunihm swnwdedimihyubaelwsrangthnnip wdthiphywariwihar kamoltux tngxyubanhmx krungethphmhankhr hlngcaknnmawdaehngniidrangmahlaypi aelainpccubnmiphrasngkhcinnikaypkkhrxngduael chawcinaelachawywn inkhrngniidrwmknsrangwdihphrasngkhxnmnikaymaphrrsakhunhlayaehng cnmathungsmykrungrtnoksinthr sthapnaemuxpi 2325 inrchkalthi 1 thangfngtawnxxkkhxngaemnaecaphraya sungedimepnthixyuxasykhxngphrayarachaesrsthi aelaphwkcin odyoprdekla ihyayphwkcinipxyuthibriewnwdsmphnthwngsaram wrwihar pccubnthieriykwasaephng smyrchkalthi 3 thngsxngpraethsmikartidtxknthangdansilpkrrmephimkhunenuxngcakphrabathsmedcphranngeklaecaxyuhw rchkalthi 3 oprdsrangphraxaram aelayngoprdsilpaphrarachniymaebbcin cwbcnsmyrchkalthi 5 phraethranikaychanhruxnikayesn sakhahlinchi wipssna chawcin carikmacakpraethscin rawkxnpi ph s 2414 aelaphankcaphrrsathiwiharphraxwolkietswrophthistwrang chux ynghkxa mipaychuxlngpirchkalechiynhlng pixikeba kh s 1795 trngkb ph s 2338 klawknwasrangodychawcininsmytnkrungrtnoksinthr kxnsrangwdkuslsmakhr fayxnmnikay wdywn idmiphraxnmmaxasyphkxyuchwkhraw emuxsrangwdesrccungyayipxyu sathuchnchawcinidehncriyawtrthannaeluxmissrththacungchwythanptisngkhrnwiharphraxwolkietswrophthistw phrxmkbepliynchuxepn ynghkyi mipaychuxlngpi ph s 2430 rchkalkwngsu pithi 13 kh s 1887 aelwkrabbngkhmthulkhxphrarachthannamwdcakphrabathsmedcphraprminthrmhaculalngkrn phraculcxmeklaecaxyuhw rchkalthi 5 phraxngkhphrarachthannamwdwa wdbaephycinphrt pccubnyngmipayphrarachthannamwdpradisthanxyudanhnaxuobsth aelaoprdphrarachthansmnskdi phraxacaryskehngepnphraxacarycinwngssmathiwtr ecakhnaihycinnikayrupaerk nxkcakniyngmiphraphiksuihsn chawmnthlhuhnan carikmaphank inxaramrang t banhmx txmaidburnaepn wdthiphywariwihar kaolwyi kaltxmaemuxphrasngkhfaycinmimakkhun phraxacaryskehngehnkhwrkhyayxaramihphxehmaaaekcanwnphrasngkh cungidsrangwdmngkrkmlawas elngenyyi khun praktepnxaramfaycinnikaythiihythisudkhxngpraethsithyinkhrngnn rwmthngepnsunyklangkarbrihar pkkhrxng khnasngkhcinnikay txma phrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw rchkalthi 5 oprdeklaihsthapna phraxacaryskehng epnthi phraxacarycinwngssmathiwtr ecakhnaihycinnikay duaelbriharpkkhrxngphrasngkhcinnikayinpraethsithy thngtaaehnngpldsay pldkhwa ephuxchwybriharpkkhrxng aelamiphdysphrxmsmnbrikharprakxbsmnskdidwyladbecakhnaihyfaycinnikayrupthi 1 phraxacarycinwngssmathiwtr 續行 skehng pthmburphacary wdbaephycinphrt ynghkyi wdmngkrkmlawas elngenyyi wdcinprachasomsr elnghkyi chaechingethra misisyrupsakhykhux phraxacarykwyhngx phraxacarykwylng 果隆 rupthi 2 phraxacarycinwngssmathiwtr 果悟 kwyhngx ecaxawaswdmngkrkmlawas rupthi 2 misisyrupsakhy khux phraxacarytkhi 達喜 rupthi 3 phraxacarycinwngssmathiwtr 盧慶 olwekhng ecaxawaswdmngkrkmlawas rupthi 3 txmalaxxkaelaedinthangklbpraethscin phraxacaryhwbcng fukyin 复仁 rksakarecaxawasaethn yukhni phraxacary tkhiidsrangwdethphphuththaram esiynhudyi c chlburi aelabrrphchasisycanwnmakrupsakhyidaek phraxacaryesiynghngi phraxacaryesiyngki 常機 phraxacaryesiyngsiw 常修 rupthi 4 phraxacarycinwngssmathiwtr 用濱 yngping ecaxawaswdmngkrkmlawas rupthi 4 rupthi 5 phraxacarycinwngssmathiwtr 常義 esiynghngi kxnidrbkarsthapnaepnecakhnaihycinnikay thaniddarngtaaehnngecaxawaswdcinprachasomsr aelawdethphphuththaram makxnhlngcakidrbkarsthapnaaelwcungyaymaepnecaxawaswdmngkrkmlawas rupthi 5 yukhniphraxacaryesiyngki sisyphuphiidcarikipsrangwd echngcuyyi thaprathun echnghngyi ekhaphraphuththbath sraburi sanksngkhmikng krungethph phraxacaryesiyngki brrphchakulbutr subsaykhnasngkhcinnikay thisakhy khux phraxacarysunekhiyng phraxacaryxiwekhiym lngngwn rupthi 6 phramhakhnacarycinthrrmsmathiwtr 普淨 ophthiaecng brrphchainsank phraxacary xiwekhiym n wdechngcuyyi thanepnphuphthnakhnasngkhcinnikay suyukhihmepnpthmburphacary wdophthieyn kaycnburi wdophthiaemnkhunaram krungethph wdophthithttaram chlburiaela sanksngkhhlbfakrungethph rwmthngwangrakthan xupsmbthkrrm burnptisngkhrn phraxaramcinnikay canwnmak thanidwangrakthan khwammnkhngkhxngkhnasngkhcinnikaycnepnpukaephn rupthi 7 phramhakhnacarycinthrrmsmathiwtr 仁得 eynetk brrphchaxupsmbthinsankphraxacaryophthiaecngmhaethra pccubndarngtaaehnngprathankrrmkarsngkhcinnikay ecaxawaswdophthiaemnkhunaramaelabukebiksrangwdhmunphuththemttakhunaram ephuxwangrakthankarsuksasasnaaekkhnasngkhinphakhehnuxkhxngithyburphacaryphusubthxdmhayaninpraethsithynxkcakecakhnaihythiidklawmaaelwyngmikhnacaryrupxun thimikarbnthukprawti aelaphlnganiwdngni phraxacarykwyhlng epnphuchwyphraxacaryskehng ecakhnaihy ladbthi 1 mikhwamruaetkchanthangdanmhayan idchwyehluxinkarsrangwdcinprachasomsr elnghkyi thicnghwdchaechingethra aelaidepnecaxawaswdni brrphcha n sankwdmngkrkmlawas odymiphraxacarycinwngsmathiwtr kwyhngx epnphraxupchchay aelasuksathrrm n wdmngkrkmalawas txmaidthudngkhwtr mathi chaethringethra aelaidepnkalngsakhyinkarkxsrangwdcinprachasomsr txmaidrbaettngihepnecaxawaswdcinprachasomsrruptxma idekhyaesdngthrrmaekprachachnchawcin n sanksngkhetkhwytung cnghwdephchrburi epnpraca kxnmaepnecaxawaswdcinprachasomsr idthakarbrrphchaxupsmbthsisy canwn 30 kwarup sungtxmaidepnphraxacarycinthimichuxhlayrupdwykn txmathanidcarikaesdngthrrmmathungcnghwdchlburi aelaidsrangwdethphphuththaram khun chawcineriykwa wdesiynhudyi enuxngcakthanekhythuxkhtilththietamakxn ephuxmabwchinphuththsasnaaelwcungihchuxwddngklawephuxepnxnusrn phraxacarytkhi kxnthandbkhnththanidekhachansmabtidbkhnthpccubnsrirathatuthan pradisthan n wiharburphacarywdethphphuththaram phraxacaryesiynghngi idbrrphchaepnsamenrinfayethrwath thiwdtnithr cnghwdchaechingethra txmaidbrrphchaepnsamenrinnikaycin epnsisyphraxacarytkhi aelatxmaidxupsmbthepnphraphiksu insankphraxacarykwyhngx aelwedinthangipbuchapuchniysthaninpraethscin emuxxayuid 35 pi idedinthangmapraethsithyxik aelaidepnecaxawaswdcinprachasomsr txmaidrbphrarachthansmnskdiepn phraxacarycinwngssmathiwtr ecaxawaswdmngkrkmlawas aelaidepnphraxupchchaycinnikay emuxpi ph s 2492 phraxacaryesiynghngi kxndbkhnththanidekhachansmabtidbkhnth pccubnsrirathatuthanpradisthan n wiharburphacary wdcinprachasomsr phraxacaryesiyngsiw epnchawmnthlkwangtung idepnkalngchwyphraxacarytkhi inkarsrangthawrwtthu xnepnpraoychntxsngkhm misaphanaelathnn epntn epnphuthisuksaaelaptibtidankmmtthan aelaidxxkcarikethsnasngsxnprachachndwykhwamemttakrunaphraxacaryesiyngki epnchawmnthlkwangtung idxxkbwchinsankphraxacarytkhithiwdcinprachasomsr idxxkipthiekhaphraphuththbath sraburi ekhaipptibtioykhathrrmthithaprathun aelaidnaprachachn srangwdesngcuyyikhun misisyhlayrupthimichuxesiyng echn phraxacaryophthiaecng epntnphraxacaryhngelng 宏能 edimchuxhngelng aesetiy epnchawcnghwd eyiywephng mnthlmnthlkwangtung emuxedinthangmapraethsithyidbwchthiwdechngcuyyi smathanthudngkhwtrtlxdewlakwa 10 pi aelwklbipskkarapuchniysthanthimatuphumikbphramahakhnacarycinthrrmsmathiwtr ophthiaecngmhaethra inrahwangkaredinthangidaewaskkaraphraecdiy esiynghu esiynghutha tngxyubnyxdekha kusw thitabl hbsw xaephx etiyexiy mnthl kwangtung khnathithanidskkarraphraecdiyxyunnthanthsnaehnpwngthiphychnaehlxylngmatxnrbthan twthanexnginkhnannidekhasmathiekidpititwlxykhunipxyubnecdiynn thamklangsaytakhxngprachachnepncanwnmak thanidthakarswdmnttttsrresriykhunphraphuththkhunaehngphrasasdasakyamuniphuththeca aelaskkaraaelathksinawtrphrathatubnecdiyaelw kkraehaalngmacakyxdphraecdiylngmaebuxnglang rangkhxngthanemuxehyiybthungphundinbriewnphundinthithanidehyiyblngipnnklayepnwngklmmiemdthraysithxngkhunmaaelathanyunaenningimexnexiyng hnhnaipthangthistawntkthungaekkaldbkhnthlng srirakhxngthantngmnxyuechnnn 7 wn 7 khun prachachncungthwaynamthanwaphralibphusk sunghmaythungphraophthistwphusaercthrrminthayun pccubnsrirathatukhxngthanimenaepuxy aelayngkhngpradisthanxyu n ecdiyesiynghu mlthlkwangtungphramhakhnacarycinthrrmsmathiwtr ophthiaecngmhaethra ecaxawaswdophthiaemnkhunaram ecakhnaihycinnikayrupthi 6 epnphrarachakhnasyyabtr ethiybchnthrrmphiess faywipssna phraxacaryophthiaecngepnchawmnthlkwangtung ekidemuxpi ph s 2444 idedinthangmapraethsithy emuxpi ph s 2470 ephuxsuksahlkthrrm aelaskkarapuchniysthantang aelaidkhxbrrphcha n sanksngkhthaprathun emuxpi ph s 2471 michayawa ophthiaecng idxxkbaephyephiyrsuksaphrathrrmwinyxyu 6 phrrsa cnaetkchaninphraitrpidk epnthiekharphnbthuxkhxngbrrdaphuththbristhmak txmainpi ph s 2477 idedinthangippraethscin ephuxekharbkarxupsmbth aelwxyusuksathrrmephimetimxik 2 pi cungidedinthangklbpraethsithy txmaemuxpi ph s 2484 idedinthangippraethscinxikkhrnghnung aelaidcarikipthungaekhwnkhamthiebttawnxxk ephuxsuksalththimntryan n xaramrinowech aelathanidsuksaphrakhmphircnaetkchan aelaidrbekiytrisungsudinkarthaythxdtaaehnngepnsngkhnayk xngkhthi 18 aehngnikaymntrayan cnthungpi ph s 2490 idedinthangklbmapraethsithy aelainpitxmaidedinthangippraethscinepnkhrngthisam idrbaetngtngepn phraprmttacary cakpramukhecanikaywinykhxngpraethscin ihkhundarngtaaehnngsngkhnayknikaywiny xngkhthi 19 emuxpi ph s 2493 cungidedinthangklbpraethsithy aelatxmaiddarngtaaehnngepn hlwngcinthrrmrscinsasn taaehnngpldsay ecakhnaihykhnasngkhcinnikay phramahakhnacarycinthrrmsmathiwtr kxnthungkaldbkhnththanrudwychansmabti aelaidekhachansmabtinngsmathidbkhnth pccubnsrirathatuthanpradisthan n wiharburphacary wdophthiaemnkhunaramkhwamecriykhxngkhnasngkhcinnikaykardaeninnganaelakarpkkhrxngkhxngkhnasngkhcinnikay idmikarepliynaeplngihecriydikhun hlayprakardwykn xathi phayhlngcakthanecakhunophthiaecngidrbtaaehnngsngkhnayknikaywiny aehngsatharnrthprachachncin aelwthanidthudngkhklbpraethsithy thanidnaphrakhmphirtang klbmaemuxngithy aelamikarerimaeplphrakhmphirtang epnphasaithy aelamikaraeplphrawiny sikkhabthkhxngfaymhayan khun ephuxihphiksuinsankfaymhayan sungmiwdophthieynepnsunyklangkarsuksa khxngnikaywiny aelanikaymntrayan ideriynruaelaekhaichlkphrawiny aelayudthuxxyangekhrngkhrdekidmiraebiybkarbrrphchaxupsmbthinfaysngkhcinnikaykhun enuxngcakaetedimphrasngkh cinlwnxupsmbthmacakpraethscinthngsin ephraathipraethsithyimmixnchxbdwywinyniymtamkhtikhxngfaycin dngnncungmiaetkarbrrphchasamenrinithyidethann khrnemuxsrangwdophthieyn cinnikay khun thitladlukaek xaephxthamaka cnghwdkaycnburi phraxacaryophthiaecngphusrangkidprakxbphithi sngkhkrrmphukphththsima tamwinyniym cungepnwdcinwdaerkinpraethsithy thiihkarxupsmbthaekkulbutrid khrngnn phrasasnosphn ecaxawaswdmkutkstriyaram sngkaraethnsmedcphrasngkhnayk idkahndraebiybphraxupchchay aelaraebiybkarbrrphchaxupsmbthfaysngkhcinnikay klawkhux phuthicabrrphchaepnsamenrkdi caxupsmbthepnphraphiksukdi txngmakhxbrrphchaxupsmbthtx phraxupchchaycin thismedcphrasngkhrachaetngtngkhunethann aelaphraxacaryophthiaecng kidrbbychaaetngtngepn phraxupchchaycinrupaerk ihkarbrrphchaxupsmbthaekkulbutr thiswdophthieynepnaehngaerk praktwamikulbutrchawcin ekhamakhxbrrphchaxupsmbth inpihnungepncanwnmak karbrrphchaxupsmbth inkhnasngkhcinnikay kepnipechnediywkbkarbrrphchaxupsmbthkhxngphrasngkhithy klawkhuxkarbwchaelakarlasikkhaepniptamkhwamsmkhric imidmikarbngkhbwa emuxbwchaelwcatxngxyuinsmnephstlxdiperimmikrrmkarkhnasngkhcinnikay nbtngaetmiwdcinkhuninrchsmyphrabathsmedcphraculcxmekla phiksucinbangrupidthakarsrangsanksngkhxyukracdkracaythwipinkrungethph thanecakhnaihycungid krabthulsmedcphrasngkhnayk ephuxphicarnaaetngtngkrrmkarsngkhcinnikay emuxpi ph s 2497 smedcphrawnrt pld kittiosphnethra aehngwdebycmbphitr phuepnsngkhnayk cungidmiphrabychaaetngtngphraethrafaycinnikay khunepnkhnakrrmkarsngkhcinnikay ephuxxanwykarpkkhrxngduaelwd aelasanksngkhcintang ihepniptamraebiyb sunginkhnakrrmkar khrnnnmiphraxacarycinthrrmsmathiwtr ophthiaecng epnprathanidmikarfunfuphithithwayphakthinthankhun sungkhwamcringsngkhkrrmthukxyanginfaymhayannn kmitrngkbsngkhkrrmfayethrwath aetxasykhwamehmaasmkbkalethsa aelapraephnibanemuxng thangfaymhayancungkhdexaaetthixnuolmknidmaptibti khrnemuxphrasngkhcinekhamatngnikaykhuninpraethsithy phrakhnacarycincungfunfusngkhkrrmbangxyangthilaewnipnankhunmaptibtiihm insmyecakhnaihyladbthi 1 aelathi 2 wdmngkrkmlawas kekhymiphithithxdkthinechndiywkbwdithy aetemuxsinsmykhxngthanthngsxngaelw phithinikidhyudchangkipchananpraman 40 pi cnmathungecakhnaihyladbthi 6 ophthiaecng cungidmikarfunfusngkhkrrmnikhunmaihm inkhnathithandarngtaaehnng hlwngcinthrrmrscinsasn thiwdophthieynepnwdaerk aelaemuxthanidrbtaaehnngepn ecaxawaswdmngkrkmlawas kidmiphuththbristhithy cin rwmkncdkthinsamkhkhikhun nbepnnganpracapithisakhynganhnung khxngkhnasngkhcinnikay inpraethsithy erimtngaetpi ph s 2499 epntnmawdaelasanksngkhinsngkdpccubnkhnasngkhcinnikayaehngpraethsithy miwdinsngkdthnghmd 16 wd aelamisanksngkh 3 aehng dngni chuxithy chuxcin thixyu1 wdophthiaemnkhunaram 普門報恩寺 ophwmungpxxungyi krungethphmhankhr2 wdmngkrkmlawas 龍蓮寺 elngenyyi krungethphmhankhr3 wdhmunphuththemttakhunaram 萬佛慈恩寺 bwnghukchuxxungyi cnghwdechiyngray4 wdbrmrachakaycnaphieskxnusrn khnasngkhcinnikayrngsrrkh 普頌皇恩寺 ophwsungxwngxunyi cnghwdnnthburi5 wdophthieyn 普仁寺 ophweyngyi cnghwdkaycnburi6 wdchuxchang 慈善寺 chuxchangyi cnghwdsngkhla7 wdophthithttaram 普德寺 ophwetkyi cnghwdchlburi8 wdethphphuththaram 仙佛寺 esiynhukyi cnghwdchlburi9 wdthiphywariwihar 甘露寺 kmolwyi krungethphmhankhr10 wdbaephycinphrt 永福寺 ynghkyi krungethphmhankhr11 慈悲山菩提寺 chuxpisanphuthiyi cnghwdkaycnburi12 wdcinprachasomsr 龍福寺 elnghkyi cnghwdchaechingethra13 龍華寺 elnghwyi cnghwdcnthburi14 靈鷲精舍 elngciwecngesiy krungethphmhankhr15 wdphuththkhun 佛恩寺 hukxungyi cnghwdnkhrrachsima16 wdcinpxexng 報恩寺 pxxungyi cnghwdrachburisanksngkhwdchux chuxcin thixyu1 玄宗精舍 krungethphmhankhr2 光明精舍 krungethphmhankhr3 覺園念佛林 krungethphmhankhrxangxingrachkiccanuebksa kdkrathrwngchbbthi 3 ph s 2520 txnthi 59 elm 94 wnthi 1 krkdakhm ph s 2520 rachkiccanuebksa kdkrathrwngchbbthi 4 ph s 2536 txnthi 166 elm 110 wnthi 20 tulakhm ph s 2536 saranukrmithysahrbeyawchn odyphrarachprasngkhphrabathsmedphraecaxyuhw elmthi 35 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2016 03 05 subkhnemux 21 tulakhm 2558 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a trwcsxbkhawnthiin accessdate help https bri mcu ac th app skapp p 568 https www sangkhatikan com wat view php ID E0 B8 A7 E0 B8 B1 E0 B8 94 E0 B8 9E E0 B8 B8 E0 B8 97 E0 B8 98 E0 B8 84 E0 B8 B8 E0 B8 93 20 E0 B8 88 20 E0 B8 99 E0 B8 A1 khnasngkhcinnikay phraphuththsasnamhayan krungethph thnakharkrungethphphimphepnthrrmbrrnakar 2531 thiryuthth sunthra phuththsasnamhayaninpraethsithy cinnikayaelaxnmnikay krungethph mhaculalngkrnrachwithyaly 2540 wdmngkrkmlawas prawtikhnasngkhcinnikay krungethph orngphimphrungnkhr 2512 wdmngkrkmlawas mhamngkhlanusrn krungethph mhaculalngkrnrachwithyaly 2536 aehlngkhxmulxunwdmngkrkmlawas 2007 03 02 thi ewyaebkaemchchin sunyklangkhxmulphuththsasnamhayan 2006 07 13 thi ewyaebkaemchchin phuththsasnawchryanaehngthiebt sunykhxmulphrasutrmhayan wdethphphuththaram esiynhudyi 2008 12 12 thi ewyaebkaemchchin bthkhwamsasnaphuththniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldk