บทความนี้ยังต้องการเพิ่มเพื่อ |
ขนมอบ (อังกฤษ: pastry) เป็นอาหารที่ทำจากแป้ง น้ำ และเนยขาวผสมกัน ซึ่งเรียกว่า โด (dough) และอาจมีรสเปรี้ยวหรือหวาน ขนมอบที่มีรสหวานมักเรียกว่า (confectionery) ตัวอย่างของขนมอบ เช่น (tart), คีช (quiche), ครัวซ็อง (croissant), และ (pasty)
ขนมอบ | |
แหล่งกำเนิด | ทั่วโลก |
---|---|
ส่วนผสมหลัก | มักใช้แป้ง, น้ำตาล, นม, เนยหรือเนยขาว, ผงฟู, ไข่ |
|
ในภาษาอังกฤษ นอกจากคำว่า "แพสทรี" (pastry) แล้ว ยังใช้คำฝรั่งเศสว่า "ปาตีเซอรี" (patisserie) เรียกอาหารประเภทนี้ เดิมคำฝรั่งเศสนี้หมายถึงสิ่งใดก็ได้ที่ทำจากโด เช่น (meat pie) และโดยปรกติแล้วมิได้หมายถึงผลิตภัณฑ์ขนมที่หรูหราหรือมีรสหวาน ความหมายนี้ยังใช้กันอยู่ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 แต่ในเวลานั้นมักใช้คำ "ปาตีเซอรี" หมายถึงขนมหวานที่มักตกแต่งหรูหราเหมือนที่ใช้กันในปัจจุบันแล้ว
คำว่า "แพสทรี" ในภาษาอังกฤษ ยังสามารถหมายถึง "แพสทรีโด" (pastry dough) คือ โดที่ใช้ทำขนมอบ
ขนมอบนั้นต่างจากขนมปัง (bread) ตรงที่ขนมอบมีส่วนผสมที่เป็นไขมันสูงกว่า ซึ่งทำให้เกิดรูปลักษณ์ของขนมที่เป็นชั้น ๆ หรือเปราะบาง ขนมอบที่ดีนั้นถือกันว่า ต้องมีน้ำหนักเบา มีความโปร่ง และมีไขมัน แต่ต้องแข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักของไส้ได้ ในการทำขนบอบประเภท (shortcrust) ต้องใช้ความระมัดระวังในการผสมไขมันกับแป้งให้เข้ากันทั่วก่อนเติมของเหลวใด ๆ เข้าไป ทั้งนี้ จะทำให้มั่นใจได้ว่า อณูของแป้งมีไขมันเคลือบอยู่อย่างเพียงพอ และจะไม่กลายตัวเป็นกลูเตน (gluten) แต่หากผสมเกินสัดส่วน จะส่งผลให้เกิดเส้นใยกลูเตนยาวเหยียด อันทำให้ขนมอบเหนียว สำหรับขนมอบบางประเภท เช่น และครัวซ็อง นั้น รูปลักษณ์ที่เป็นชั้น ๆ ได้มาจากการกลิ้งโดเข้าออกซ้ำ ๆ เหมือนการทำขนบปังจากยีสต์ แล้วทาเนยให้ทั่ว ก่อนพับเข้ากัน จึงก่อให้เกิดชั้นบาง ๆ หลายชั้น
ประวัติศาสตร์
ประเพณีการทำขนมอบของชาวยุโรปมีอยู่ในทั่วไปแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในสมัยโบราณ ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนโบราณ ชาวโรมัน ชาวกรีก และชาวฟินีเซียนล้วนมีขนมอบสไตล์ฟิโลในประเพณีการทำอาหารของตนในบทละครของ อริสโตฟานเนส ที่เขียนขึ้นในศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสต์ศักราช มีการกล่าวถึงขนมหวาน รวมถึงขนมอบชิ้นเล็ก ๆ ที่สอดไส้ด้วยผลไม้ ชาวโรมันมีการทำขนมอบที่ใช้ปิดเนื้อและ ไก่ ระหว่างการอบเพื่อเก็บน้ำไว้ แต่ขนมอบนั้นไม่เหมาะที่จะรับประทาน ขนมอบที่ควรรับประทานคือขนมอบที่เข้มข้นกว่าซึ่งทำเป็นขนมอบขนาดเล็ก และมักเสิร์ฟในงานเลี้ยง ชาวกรีกและชาวโรมันมีปัญหาในการทำขนมอบที่ดีเพราะพวกเขาใช้น้ำมันในกระบวนการทำอาหาร และน้ำมันทำให้ขนมอบสูญเสียความแข็ง
ใน อาหารยุคกลาง ของ ยุโรปเหนือ เชฟขนมอบสามารถผลิตขนมอบที่แข็งและสวยงามได้เพราะปรุงด้วยชอร์ตเทนนิ่งและเนย พบรายการส่วนผสมที่ไม่สมบูรณ์บางรายการในตำราอาหารยุคกลาง แต่ไม่มีฉบับเต็มที่มีรายละเอียด ขนมอบในยุคกลางยังมีทาร์ตชิ้นเล็ก ๆ เพื่อเพิ่มความหรูหรา
จนกระทั่งประมาณกลางศตวรรษที่ 16 สูตรขนมอบที่ใกล้เคียงกับปัจจุบันเริ่มปรากฏขึ้น สูตรขนมอบเหล่านี้ได้รับการใช้และปรับเปลี่ยนตามกาลเวลาในประเทศต่าง ๆ ของยุโรป ทำให้เกิดสูตรขนมอบมากมายที่รู้จักในภูมิภาคนี้ ตั้งแต่ " ทาร์ตไข่ " ของโปรตุเกสทางตะวันตก ไปจนถึง " ปิโรชกี " ของรัสเซียทางตะวันออก การใช้ช็อกโกแลตในการทำขนมอบในทางตะวันตกซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาในปัจจุบัน เกิดขึ้นหลังจากพ่อค้าชาวสเปนและโปรตุเกสนำช็อกโกแลตจากโลกใหม่มาสู่ยุโรปตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 นักประวัติศาสตร์เกี่ยวกับอาหารหลายคนถือว่าเชฟขนมอบชาวฝรั่งเศส แอนโทนิน แคร์เม (พ.ศ. 2327–2376) เป็นปรมาจารย์ด้านการทำขนมอบที่เก่งกาจคนแรกในยุค
การทำขนมอบเป็นประเพณีในหลายพื้นที่ของเอเชีย เช่น ขนมเปี๊ยะ ทำจากข้าวหรือแป้งประเภทต่าง ๆ โดยมีไส้ผลไม้ ถั่วหวาน หรือ งา ขนมไหว้พระจันทร์ เป็นส่วนหนึ่งของ เทศกาลไหว้พระจันทร์ และซาลาเปาหน้าแตก ซาลาเปาไส้หมูนึ่งหรืออบของจีน ในศตวรรษที่ 19 ชาวอังกฤษนำขนมอบสไตล์ตะวันตกมาสู่ตะวันออกไกล ซึ่งบริษัท แม็กซิมส์ แคเทอเรอร์ส จำกัด ได้รับอิทธิพลจากฝรั่งเศสในช่วงทศวรรษ 1950 ที่ทำให้ขนมอบตะวันตกเป็นที่นิยมในภูมิภาคที่ใช้ภาษาจีนโดยเริ่มจาก ฮ่องกง คำว่า "เค้กฝรั่ง" (西餅) ใช้เพื่ออ้างถึงขนมอบตะวันตก มิฉะนั้นจะถือว่าเป็นขนมอบของจีน ประเทศในเอเชียอื่น ๆ เช่น เกาหลี ก็มีการทำขนมอบแบบดั้งเดิม เช่น ต็องวา และ ยัคซิก ซึ่งทำด้วย แป้ง ข้าว ผลไม้ และส่วนผสมเฉพาะของภูมิภาคเพื่อทำขนมอบที่ไม่เหมือนใคร ญี่ปุ่น มีขนมประเภทพิเศษที่รู้จักกันดีในชื่อ โมจิ และ มันจู ขนมอบที่มีต้นกำเนิดในเอเชียนั้นแตกต่างจากขนมอบที่มาจากทางตะวันตกอย่างชัดเจน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะมีรสหวานกว่ามาก
อ้างอิง
- Bo Friberg (March 2002). Professional Pastry Chef. John Wiley and Sons. ISBN .
- L. Patrick Coyle (1982). The World Encyclopedia of Food. Facts on File Inc. ISBN .
- Jim Chevallier, A History of the Food of Paris: From Roast Mammoth to Steak Frites, 2018, ISBN , p. 73, 102
- . Oxford English Dictionary. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 August 2016. สืบค้นเมื่อ 7 January 2015.
- Jaine, Tom, and Soun Vannithone. The Oxford Companion to Food. New York: Oxford UP, 1999
- Bakeinfo. . www.bakeinfo.co.nz (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-11-19. สืบค้นเมื่อ 2018-01-03.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniyngtxngkarephimaehlngxangxingephuxphisucnkhwamthuktxngkhunsamarthphthnabthkhwamniidodyephimaehlngxangxingtamsmkhwr enuxhathikhadaehlngxangxingxacthuklbxxk haaehlngkhxmul khnmxb khaw hnngsuxphimph hnngsux skxlar JSTOR eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir khnmxb xngkvs pastry epnxaharthithacakaepng na aelaenykhawphsmkn sungeriykwa od dough aelaxacmirsepriywhruxhwan khnmxbthimirshwanmkeriykwa confectionery twxyangkhxngkhnmxb echn tart khich quiche khrwsxng croissant aela pasty khnmxbkhnmxbaehlngkaenidthwolkswnphsmhlkmkichaepng natal nm enyhruxenykhaw phngfu ikhtaraxahar khnmxb sux khnmxb inphasaxngkvs nxkcakkhawa aephsthri pastry aelw yngichkhafrngesswa patiesxri patisserie eriykxaharpraephthni edimkhafrngessnihmaythungsingidkidthithacakod echn meat pie aelaodyprktiaelwmiidhmaythungphlitphnthkhnmthihruhrahruxmirshwan khwamhmayniyngichknxyuinkhriststwrrsthi 19 aetinewlannmkichkha patiesxri hmaythungkhnmhwanthimktkaetnghruhraehmuxnthiichkninpccubnaelw khawa aephsthri inphasaxngkvs yngsamarthhmaythung aephsthriod pastry dough khux odthiichthakhnmxb khnmxbnntangcakkhnmpng bread trngthikhnmxbmiswnphsmthiepnikhmnsungkwa sungthaihekidruplksnkhxngkhnmthiepnchn hruxepraabang khnmxbthidinnthuxknwa txngminahnkeba mikhwamoprng aelamiikhmn aettxngaekhngaerngphxthicarbnahnkkhxngisid inkarthakhnbxbpraephth shortcrust txngichkhwamramdrawnginkarphsmikhmnkbaepngihekhaknthwkxnetimkhxngehlwid ekhaip thngni cathaihmnicidwa xnukhxngaepngmiikhmnekhluxbxyuxyangephiyngphx aelacaimklaytwepnkluetn gluten aethakphsmekinsdswn casngphlihekidesniykluetnyawehyiyd xnthaihkhnmxbehniyw sahrbkhnmxbbangpraephth echn aelakhrwsxng nn ruplksnthiepnchn idmacakkarklingodekhaxxksa ehmuxnkarthakhnbpngcakyist aelwthaenyihthw kxnphbekhakn cungkxihekidchnbang hlaychnprawtisastrpraephnikarthakhnmxbkhxngchawyuorpmixyuinthwipaethbthaelemdietxrereniyninsmyobran inthaelemdietxrereniynobran chawormn chawkrik aelachawfiniesiynlwnmikhnmxbsitlfiolinpraephnikarthaxaharkhxngtninbthlakhrkhxng xrisotfanens thiekhiynkhuninstwrrsthi 5 kxnkhristskrach mikarklawthungkhnmhwan rwmthungkhnmxbchinelk thisxdisdwyphlim chawormnmikarthakhnmxbthiichpidenuxaela ik rahwangkarxbephuxekbnaiw aetkhnmxbnnimehmaathicarbprathan khnmxbthikhwrrbprathankhuxkhnmxbthiekhmkhnkwasungthaepnkhnmxbkhnadelk aelamkesirfinnganeliyng chawkrikaelachawormnmipyhainkarthakhnmxbthidiephraaphwkekhaichnamninkrabwnkarthaxahar aelanamnthaihkhnmxbsuyesiykhwamaekhng in xaharyukhklang khxng yuorpehnux echfkhnmxbsamarthphlitkhnmxbthiaekhngaelaswyngamidephraaprungdwychxrtethnningaelaeny phbraykarswnphsmthiimsmburnbangraykarintaraxaharyukhklang aetimmichbbetmthimiraylaexiyd khnmxbinyukhklangyngmithartchinelk ephuxephimkhwamhruhra cnkrathngpramanklangstwrrsthi 16 sutrkhnmxbthiiklekhiyngkbpccubnerimpraktkhun sutrkhnmxbehlaniidrbkarichaelaprbepliyntamkalewlainpraethstang khxngyuorp thaihekidsutrkhnmxbmakmaythiruckinphumiphakhni tngaet thartikh khxngoprtueksthangtawntk ipcnthung piorchki khxngrsesiythangtawnxxk karichchxkokaeltinkarthakhnmxbinthangtawntksungepneruxngthrrmdainpccubn ekidkhunhlngcakphxkhachawsepnaelaoprtueksnachxkokaeltcakolkihmmasuyuorptngaetstwrrsthi 16 nkprawtisastrekiywkbxaharhlaykhnthuxwaechfkhnmxbchawfrngess aexnothnin aekhrem ph s 2327 2376 epnprmacarydankarthakhnmxbthiekngkackhnaerkinyukh karthakhnmxbepnpraephniinhlayphunthikhxngexechiy echn khnmepiya thacakkhawhruxaepngpraephthtang odymiisphlim thwhwan hrux nga khnmihwphracnthr epnswnhnungkhxng ethskalihwphracnthr aelasalaepahnaaetk salaepaishmununghruxxbkhxngcin instwrrsthi 19 chawxngkvsnakhnmxbsitltawntkmasutawnxxkikl sungbristh aemksims aekhethxerxrs cakd idrbxiththiphlcakfrngessinchwngthswrrs 1950 thithaihkhnmxbtawntkepnthiniyminphumiphakhthiichphasacinodyerimcak hxngkng khawa ekhkfrng 西餅 ichephuxxangthungkhnmxbtawntk michanncathuxwaepnkhnmxbkhxngcin praethsinexechiyxun echn ekahli kmikarthakhnmxbaebbdngedim echn txngwa aela ykhsik sungthadwy aepng khaw phlim aelaswnphsmechphaakhxngphumiphakhephuxthakhnmxbthiimehmuxnikhr yipun mikhnmpraephthphiessthiruckkndiinchux omci aela mncu khnmxbthimitnkaenidinexechiynnaetktangcakkhnmxbthimacakthangtawntkxyangchdecn sungodythwipaelwcamirshwankwamakxangxingBo Friberg March 2002 Professional Pastry Chef John Wiley and Sons ISBN 0 471 21825 1 L Patrick Coyle 1982 The World Encyclopedia of Food Facts on File Inc ISBN 0 87196 417 1 Jim Chevallier A History of the Food of Paris From Roast Mammoth to Steak Frites 2018 ISBN 1442272821 p 73 102 Oxford English Dictionary khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 23 August 2016 subkhnemux 7 January 2015 Jaine Tom and Soun Vannithone The Oxford Companion to Food New York Oxford UP 1999 Bakeinfo www bakeinfo co nz phasaxngkvs khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2010 11 19 subkhnemux 2018 01 03 bthkhwamxahar ekhruxngdum aelahwkhxthiekiywkhxngkbkarbriophkhxun niyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldk