วิสุงคามสีมา แปลว่า เขตแดนส่วนหนึ่งจากแดนบ้าน คือที่ดินที่แยกต่างหากจากที่ดินของบ้านเมือง เป็นเขตที่พระเจ้าแผ่นดินของไทยพระราชทานแก่พระสงฆ์เป็นการเฉพาะเพื่อใช้สร้างอุโบสถโดยประกาศเป็น วัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาถือว่าเป็นวัดที่ถูกต้องและมีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย
ประวัติ
สมัยพุทธกาล แม้พระพุทธองค์จะได้ทรงอนุญาตให้มีอารามหรือมีการตั้งวัดแล้ว แต่สงฆ์ส่วนใหญ่ก็ยังอาศัยป่าหรือถ้ำคูหาเป็นที่พักอาศัย เมื่อมีการทำสังฆกรรมก็จะกำหนดเขตแดนในการประชุมที่เรียกว่า "สีมา" ซึ่งอาจกำหนดในลักษณะ "พัทธสีมา" คือ เป็นเขตแดนที่สงฆ์กำหนดขึ้นเอง โดยอาจกําหนดเขตสีมามีเครื่องหมายหรือนิมิต 9 ประการ คือ ภูเขา ศิลา ป่าไม้ ต้นไม้ จอปลวก ปนทาง แมกไม้ คูน้ำ สระน้ำหรือหนองน้ำ เป็นต้น ส่วนอีกแบบหนึ่งเรียกว่า "อพัทธสีมา" คือ เขตที่กําหนดไว้ตามปกติของบ้านเมือง แบงออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ "คามสีมา" คือ เขตตำบลที่บ้านเมืองจัดไว้เป็นบ้านหรือแขวง "สัตตัพภันดร" คือ เขตพื้นที่ในป่า ให้วัดจากศูนย์กลางออกไปรอบด้าน ด้านละ 7 อัพภันดร และ "อุททุกเขปสีมา" คือ การกําหนดพื้นที่กรณีอยู่ในทะเล ในสระ ในบึง หรือหนองน้ำ โดย "วิสุงคามสีมา" จัดเป็นอพัทธสีมาประเภทหนึ่ง แต่เมื่อทำพิธีผูกสีมาแล้วถือเป็นพัทธสีมา
ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของไทยแต่โบราณ ที่ดินทั่วราชอาณาจักรเป็นของพระมหากษัตริย์ การที่ราษฎรอยู่ได้เป็นเรื่องที่พระมหากษัตริย์ทรงพระราชทาน และการมีพระบรมราชานุญาตพระราชทานที่ดินนั้นเป็นเขตพุทธาวาสแก่หมู่สงฆ์ที่ดินที่พระราชทานนั้นก็เป็นสิทธิ์ขาดของพระพุทธศาสนา ซึ่งใคร ๆ จะทําการซื้อขาย จําหน่ายจ่ายโอนมิได้โดยเด็ดขาด ถือเป็นเขตพุทธาวาส
การสร้างวัดมิได้มีการกำหนดกฎหมายมารับรอง แม้จะมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับศาสนาในกฎหมายตราสามดวง รวมถึงกฎหมายพระสงฆ์ที่มีพระบรมราชโองการออกในรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ก็ยังไม่ได้กล่าวถึงวัด คงกล่าวถึงการควบคุมพระสงฆ์เท่านั้น จนในสมัยรัชกาลที่ 5 จึงได้มีการตราพระราชบัญญัติลักษณะปกครองคณะสงฆ์ ร.ศ. 121 เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2445 โดยได้กําหนดประเภทของวัดไว้ในมาตรา 5 แบ่งวัดเป็น 3 ประเภท
- พระอารามหลวง วัดที่พระเจ้าแผ่นดินทรงสร้าง หรือทรงพระกรุณาโปรดให้เข้าจำนวนในบัญชีที่นับว่าเป็นพระอารามหลวง
- อารามราษฎร์ คือ วัดซึ่งได้พระราชทานวิสุงคามสีมา แต่มิได้เข้าปัญชีนับว่าเป็นวัดหลวง
- ที่สํานักสงฆ์ คือ วัดซึ่งยังไม่ได้รับพระราชทานที่วิสุงคามสีมา
ในมาตรา 9 ยังบัญญัติว่า "ผู้ใดจะสร้างวัดขึ้นใหม่ต้องได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตก่อนจึงจะสร้างได้" โดยกำหนดขั้นตอนการสร้างวัด และบัญญัติเรื่องการพระราชทานวิสุงคามสีมาไว้ ผลของกฎหมายนี้ จึงทำให้วัดที่สร้างภายหลัง หากมิได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตแล้ว ก็ไม่มีฐานะเป็นนวัดที่ชอบด้วยกฎหมาย
ต่อมามีการประกาศพระราชกฤษฎีกาให้ใช้บทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 1 และบรรพ 2 ที่ได้ตรวจชำระใหม่เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 โดยบทบัญญัติ ของมาตรา 72 (2) ส่งผลให้วัดมีสถานะเป็นนิติบุคคล ต่อมามีการประกาศใช้พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2484 เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2484 บัญญัติวัดไว้สองประเภท คือ วัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมากับสำนักสงฆ์
จากกฎกระทรวงฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2520) ว่าด้วยการปกครองคณะสงฆ์อื่น ประกาศใช้เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2520 ได้บัญญัติหลักเกณฑ์การสร้างวัดคณะสงฆ์อื่นอันได้แก่ อนัมนิกายและจีนนิกาย ยังได้มีบทบัญญัติกําหนดหลักเกณฑ์ในการสร้างวัด การตั้งวัด การรวมวัด การย้ายวัด การยุบเลิกวัด และการขอรับพระราชทานวิสุงคามสีมา โดยกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและขั้นตอนเช่นเดียวกับการขอจัดตั้งวัดของคณะสงฆ์ไทย
เขตวิสุงคามสีมา
เขตวิสุงคามสีมาเป็นเขตของสงฆ์ พระสงฆ์จะกำหนดผูกสีมาได้เพื่อให้เป็นพัทธสีมา จะต้องอิงอาศัยวิสุงคามสีมา เมื่อได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเรียบร้อยแล้ว ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา จึงนำมาใช้ผูกเขต
ที่ที่พระราชทานแล้วจะมีเครื่องหมายเป็นเครื่องบอกเขต เครื่องหมายนี้เรียกว่า นิมิต ภายในวิสุงคามสีมานิยมสร้างโรงอุโบสถไว้เพื่อทำสังฆกรรม
การที่จะได้เป็นอุโบสถถูกต้องตามพระวินัยนั้นจะต้องได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาก่อน แล้วพระสงฆ์ประชุมพร้อมกันสวดถอนพื้นที่ทั้งหมดในเขตสีมานั้นเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เป็นสีมาเก่า เรียกว่าถอนสีมา หลังจากนั้นจึงสวดประกาศให้เป็นพื้นที่นั้นเป็นสีมา เรียกว่า ผูกสีมา ทำดังนี้จึงจะเป็นสีมาหรือเป็นอุโบสถถูกต้องตามพระวินัย
การขอรับพระราชทานวิสุงคามสีมา วัดต้องเป็นวัดที่ได้สร้างขึ้นหรือได้ปฏิสังขรณ์จนเป็นหลักฐานถาวร และมีพระภิกษุพำนักอยู่ประจำไม่น้อยกว่าห้ารูปติดต่อกันเป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าปี โดยเจ้าอาวาสวัดจะรายงานขอรับพระราชทานวิสุงคามสีมาไปยังผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด
ในสมัยโบราณให้ความสำคัญกับเขตนี้ กล่าวคือใครเข้าไปอยู่ในเขตนี้แล้วเป็นอันพ้นภัยราชการ แม้พระเจ้าแผ่นดินมีอำนาจทั้งแผ่นดิน แต่เขตนี้ยกให้สงฆ์ เมื่อครั้งที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชประชวรหนัก ใกล้จะสวรรคต พระองค์ไปนิมนต์สมเด็จพระสังฆราชมาพร้อมทั้งพระสงฆ์ให้ครบทำสังฆกรรมได้ พระองค์ทรงประกาศยกวังถวายเป็นของสงฆ์ เพื่อให้รอดจากการถูกจับฆ่า กล่าวคือเป็นเขตสงฆ์อันพ้นภัยแผ่นดิน
สิทธิและหน้าที่
เมื่อวัดอยู่ในฐานะนิติบุคคล ก็ย่อมมีสิทธิหน้าที่ตามที่กฎหมาย เช่น วัดอาจเป็นเจ้าหนี้และลูกหนี้ มีสิทธิถือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน มีความสามารถเข้าทำนิติกรรมสัญญา เป็นโจทก์และจำเลยทั้งในคดีแพ่งและคดีอาญา หรือเป็นคู่สัญญาโดยไม่ต้องใช้นามเจ้าอาวาสหรือไวยาวัจกร
ทรัพย์สินของวัดในศาสนาพุทธ อันได้แก่ ที่วัด ที่ธรณีสงฆ์ ที่กัลปนา ที่ศาสนสมบัติกลาง ตลอดจนอาคาร เสนาสนะ และสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ ทรัพย์สินเหล่านี้ถือเป็นทรัพย์สินที่ได้รับความคุ้มครองเป็นพิเศษ ซึ่งแตกต่างจากทรัพย์สินของศาสนสถานในศาสนาอื่นเช่น มัสยิดหรือมิสซัง กล่าวคือ ในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มีบทบัญญัติเกี่ยวกับทรัพย์สินของวัดหรือ ศาสนสมบัติโดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ (1) ศาสนสมบัติกลาง ได้แก่ ทรัพย์สินของพระศาสนาที่มิใช่ของวัดใดวัดหนึ่ง (2) ศาสนสมบัติของวัด ได้แก่ ทรัพย์สินของวัดใด วัดหนึ่ง โดยผู้ดูแลศาสนสมบัติกลาง เป็นอำนาจหน้าที่ของสํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้ถือว่าเป็นกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้น
อย่างไรก็ตาม การจัดการศาสนสมบัติของวัดตามที่กําหนดในกฎกระทรวง มีข้อจำกัด ไม่เอื้อประโยชน์ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นสมบัติของวัด กฎหมายก็ไม่มีบทลงโทษกรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม และอาจทำให้เกิดปัญหาที่เกิดขึ้นจากลักษณะของการผูกพันในนิติกรรมสัญญาต่าง ๆ และผลผูกพันตามกฎกระทรวงฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2511) ต่อผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ รวมถึงข้อจำกัดของอำนาจหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาในคณะสงฆ์ในการควบคุมการจัดประโยชน์ในศาสนสมบัติของวัด
อ้างอิง
- "วิสุงคามสีมา". ฐานข้อมูลแหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย.
- สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส, วินัยมุข เล่ม 3, 43.
- พระสิทธินิติธาดา, 241.
- พระสิทธินิติธาดา, 65.
- พระสิทธินิติธาดา, 67.
- "ขั้นตอนการขอรับพระราชทานวิสุงคามสีมา".
- "ฝังลูกนิมิต-ผูกสีมา ปุจฉา-วิสัชนา". วัดญาณเวศกวัน.
- พระสิทธินิติธาดา, 71.
- พระสิทธินิติธาดา, 72.
- พระสิทธินิติธาดา, 74.
บรรณานุกรม
- พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ป.ธ. ๙ ราชบัณฑิต พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คำวัด, วัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ พ.ศ. 2548
- ดร. พระสิทธินิติธาดา. "สถานภาพทางกฎหมายของวัดที่มิได้รับพระราชทาน วิสุงคามสีมาและสํานักสงฆ์". วารสารรามคําแหง ฉบับนิติศาสตร์.
แหล่งข้อมูลอื่น
- วิสุงคามสีมา - คลังปัญญาไทย 2010-08-11 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
wisungkhamsima aeplwa ekhtaednswnhnungcakaednban khuxthidinthiaeyktanghakcakthidinkhxngbanemuxng epnekhtthiphraecaaephndinkhxngithyphrarachthanaekphrasngkhepnkarechphaaephuxichsrangxuobsthodyprakasepn wdthiidrbphrarachthanwisungkhamsimathuxwaepnwdthithuktxngaelamithanaepnnitibukhkhltamkdhmayibesmaepnsingaesdngthihmaynimitlxmrxbtwxakhar 8 cud ephuxkahndekhtwisungkhamsimaprawtismyphuththkal aemphraphuththxngkhcaidthrngxnuyatihmixaramhruxmikartngwdaelw aetsngkhswnihykyngxasypahruxthakhuhaepnthiphkxasy emuxmikarthasngkhkrrmkcakahndekhtaedninkarprachumthieriykwa sima sungxackahndinlksna phththsima khux epnekhtaednthisngkhkahndkhunexng odyxackahndekhtsimamiekhruxnghmayhruxnimit 9 prakar khux phuekha sila paim tnim cxplwk pnthang aemkim khuna sranahruxhnxngna epntn swnxikaebbhnungeriykwa xphththsima khux ekhtthikahndiwtampktikhxngbanemuxng aebngxxkepn 3 praephth idaek khamsima khux ekhttablthibanemuxngcdiwepnbanhruxaekhwng sttphphndr khux ekhtphunthiinpa ihwdcaksunyklangxxkiprxbdan danla 7 xphphndr aela xuththukekhpsima khux karkahndphunthikrnixyuinthael insra inbung hruxhnxngna ody wisungkhamsima cdepnxphththsimapraephthhnung aetemuxthaphithiphuksimaaelwthuxepnphththsima inrabxbsmburnayasiththirachykhxngithyaetobran thidinthwrachxanackrepnkhxngphramhakstriy karthirasdrxyuidepneruxngthiphramhakstriythrngphrarachthan aelakarmiphrabrmrachanuyatphrarachthanthidinnnepnekhtphuththawasaekhmusngkhthidinthiphrarachthannnkepnsiththikhadkhxngphraphuththsasna sungikhr cathakarsuxkhay cahnaycayoxnmiidodyeddkhad thuxepnekhtphuththawas karsrangwdmiidmikarkahndkdhmaymarbrxng aemcamikdhmaythiekiywkhxngkbsasnainkdhmaytrasamdwng rwmthungkdhmayphrasngkhthimiphrabrmrachoxngkarxxkinrchkalthi 1 aehngkrungrtnoksinthr kyngimidklawthungwd khngklawthungkarkhwbkhumphrasngkhethann cninsmyrchkalthi 5 cungidmikartraphrarachbyytilksnapkkhrxngkhnasngkh r s 121 emuxwnthi 16 mithunayn ph s 2445 odyidkahndpraephthkhxngwdiwinmatra 5 aebngwdepn 3 praephth phraxaramhlwng wdthiphraecaaephndinthrngsrang hruxthrngphrakrunaoprdihekhacanwninbychithinbwaepnphraxaramhlwng xaramrasdr khux wdsungidphrarachthanwisungkhamsima aetmiidekhapychinbwaepnwdhlwng thisanksngkh khux wdsungyngimidrbphrarachthanthiwisungkhamsima inmatra 9 yngbyytiwa phuidcasrangwdkhunihmtxngidrbphrarachthanphrabrmrachanuyatkxncungcasrangid odykahndkhntxnkarsrangwd aelabyytieruxngkarphrarachthanwisungkhamsimaiw phlkhxngkdhmayni cungthaihwdthisrangphayhlng hakmiidrbphrarachthanphrabrmrachanuyataelw kimmithanaepnnwdthichxbdwykdhmay txmamikarprakasphrarachkvsdikaihichbthbyytipramwlkdhmayaephngaelaphanichy brrph 1 aelabrrph 2 thiidtrwccharaihmemuxwnthi 11 phvscikayn ph s 2468 odybthbyyti khxngmatra 72 2 sngphlihwdmisthanaepnnitibukhkhl txmamikarprakasichphrarachbyytikhnasngkh ph s 2484 emuxwnthi 14 tulakhm ph s 2484 byytiwdiwsxngpraephth khux wdthiidrbphrarachthanwisungkhamsimakbsanksngkh cakkdkrathrwngchbbthi 3 ph s 2520 wadwykarpkkhrxngkhnasngkhxun prakasichemuxwnthi 26 phvsphakhm ph s 2520 idbyytihlkeknthkarsrangwdkhnasngkhxunxnidaek xnmnikayaelacinnikay yngidmibthbyytikahndhlkeknthinkarsrangwd kartngwd karrwmwd karyaywd karyubelikwd aelakarkhxrbphrarachthanwisungkhamsima odykahndhlkeknth withikaraelakhntxnechnediywkbkarkhxcdtngwdkhxngkhnasngkhithyekhtwisungkhamsimaekhtwisungkhamsimaepnekhtkhxngsngkh phrasngkhcakahndphuksimaidephuxihepnphththsima catxngxingxasywisungkhamsima emuxidrbphrarachthanwisungkhamsimaeriybrxyaelw tamprakasinrachkiccanuebksa cungnamaichphukekht thithiphrarachthanaelwcamiekhruxnghmayepnekhruxngbxkekht ekhruxnghmaynieriykwa nimit phayinwisungkhamsimaniymsrangorngxuobsthiwephuxthasngkhkrrm karthicaidepnxuobsththuktxngtamphrawinynncatxngidrbphrarachthanwisungkhamsimakxn aelwphrasngkhprachumphrxmknswdthxnphunthithnghmdinekhtsimannephuxihaenicwacaimepnsimaeka eriykwathxnsima hlngcaknncungswdprakasihepnphunthinnepnsima eriykwa phuksima thadngnicungcaepnsimahruxepnxuobsththuktxngtamphrawiny karkhxrbphrarachthanwisungkhamsima wdtxngepnwdthiidsrangkhunhruxidptisngkhrncnepnhlkthanthawr aelamiphraphiksuphankxyupracaimnxykwaharuptidtxknepnewlaimnxykwahapi odyecaxawaswdcarayngankhxrbphrarachthanwisungkhamsimaipyngphuxanwykarsanknganphraphuththsasnacnghwd insmyobranihkhwamsakhykbekhtni klawkhuxikhrekhaipxyuinekhtniaelwepnxnphnphyrachkar aemphraecaaephndinmixanacthngaephndin aetekhtniykihsngkh emuxkhrngthismedcphranaraynmharachprachwrhnk iklcaswrrkht phraxngkhipnimntsmedcphrasngkhrachmaphrxmthngphrasngkhihkhrbthasngkhkrrmid phraxngkhthrngprakasykwngthwayepnkhxngsngkh ephuxihrxdcakkarthukcbkha klawkhuxepnekhtsngkhxnphnphyaephndinsiththiaelahnathiemuxwdxyuinthananitibukhkhl kyxmmisiththihnathitamthikdhmay echn wdxacepnecahniaelalukhni misiththithuxkrrmsiththiinthrphysin mikhwamsamarthekhathanitikrrmsyya epnocthkaelacaelythnginkhdiaephngaelakhdixaya hruxepnkhusyyaodyimtxngichnamecaxawashruxiwyawckr thrphysinkhxngwdinsasnaphuthth xnidaek thiwd thithrnisngkh thiklpna thisasnsmbtiklang tlxdcnxakhar esnasna aelasngharimthrphyxun thrphysinehlanithuxepnthrphysinthiidrbkhwamkhumkhrxngepnphiess sungaetktangcakthrphysinkhxngsasnsthaninsasnaxunechn msyidhruxmissng klawkhux inphrarachbyytikhnasngkh ph s 2505 mibthbyytiekiywkbthrphysinkhxngwdhrux sasnsmbtiodyaebngxxkepn 2 praephthkhux 1 sasnsmbtiklang idaek thrphysinkhxngphrasasnathimiichkhxngwdidwdhnung 2 sasnsmbtikhxngwd idaek thrphysinkhxngwdid wdhnung odyphuduaelsasnsmbtiklang epnxanachnathikhxngsanknganphraphuththsasnaaehngchati ihthuxwaepnkrrmsiththiinthrphysinnn xyangirktam karcdkarsasnsmbtikhxngwdtamthikahndinkdkrathrwng mikhxcakd imexuxpraoychninkarphthnaxsngharimthrphythiepnsmbtikhxngwd kdhmaykimmibthlngothskrnifafunhruximptibtitam aelaxacthaihekidpyhathiekidkhuncaklksnakhxngkarphukphninnitikrrmsyyatang aelaphlphukphntamkdkrathrwngchbbthi 2 ph s 2511 txphumxbxanacaelaphurbmxbxanac rwmthungkhxcakdkhxngxanachnathikhxngphubngkhbbychainkhnasngkhinkarkhwbkhumkarcdpraoychninsasnsmbtikhxngwdxangxing wisungkhamsima thankhxmulaehlngobrankhdithisakhyinpraethsithy smedcphramhasmneca krmphrayawchiryanworrs winymukh elm 3 43 phrasiththinitithada 241 phrasiththinitithada 65 phrasiththinitithada 67 khntxnkarkhxrbphrarachthanwisungkhamsima fngluknimit phuksima puccha wischna wdyanewskwn phrasiththinitithada 71 phrasiththinitithada 72 phrasiththinitithada 74 brrnanukrm phrathrrmkittiwngs thxngdi suretoch p th 9 rachbnthit phcnanukrmephuxkarsuksaphuththsasn chud khawd wdrachoxrsaram krungethph ph s 2548 dr phrasiththinitithada sthanphaphthangkdhmaykhxngwdthimiidrbphrarachthan wisungkhamsimaaelasanksngkh warsarramkhaaehng chbbnitisastr aehlngkhxmulxun wisungkhamsima khlngpyyaithy 2010 08 11 thi ewyaebkaemchchinbthkhwamsasnaphuththniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldk