พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 1 แห่งอังกฤษ (อังกฤษ: Edward I of England) (17 มิถุนายน ค.ศ. 1239 – 7 กรกฎาคม ค.ศ. 1307) หรือพระนามเดิมคือ เอ็ดเวิร์ด ลองแชงก์ส (อังกฤษ: Edward Longshanks) เป็นพระมหากษัตริย์อังกฤษในราชวงศ์แพลนแทเจเนต
พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 1 แห่งอังกฤษ | |
---|---|
พระมหากษัตริย์อังกฤษ | |
ครองราชย์ | 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 1272 – 7 กรกฎาคม ค.ศ. 1307 |
ราชาภิเษก | 19 สิงหาคม ค.ศ. 1274 |
รัชกาลก่อนหน้า | พระเจ้าเฮนรีที่ 3 แห่งอังกฤษ |
รัชกาลถัดไป | พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 แห่งอังกฤษ |
พระราชสมภพ | 17 มิถุนายน ค.ศ. 1239 พระราชวังเวสต์มินสเตอร์ ลอนดอน อังกฤษ |
สวรรคต | 7 กรกฎาคม ค.ศ. 1307 ~(68 ปี) บรัฟบายแซนด์ส คัมเบอร์แลนด์ อังกฤษ |
พระมเหสี | เลโอนอร์แห่งกัสติยา สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ มาร์เกอรีตแห่งฝรั่งเศส สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ |
พระราชบุตร | พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 แห่งอังกฤษ กับอีก 8 พระองค์ |
ราชวงศ์ | แพลนแทเจเนต |
พระราชบิดา | พระเจ้าเฮนรีที่ 3 แห่งอังกฤษ |
พระราชมารดา | เอลินอร์แห่งพรอว็องส์ สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ |
พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 1 รู้จักกันในนามว่า “Longshanks” เพราะพระวรกายที่สูงราว 6 ฟุต 2 นิ้ว หรือ “ผู้พระราชทานกฎหมาย” (the Lawgiver) เพราะทรงเป็นผู้ปฏิรูปกฎหมายของอังกฤษ และ “ผู้ปราบชาวสกอต” (Hammer of the Scots) เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ค.ศ. 1239 ที่พระราชวังเวสต์มินสเตอร์ในกรุงลอนดอนของประเทศอังกฤษ เป็นพระราชโอรสในพระเจ้าเฮนรีที่ 3 แห่งอังกฤษ และพระนางเอลินอร์แห่งพรอว็องส์ ได้อภิเษกสมรสกับเลโอนอร์แห่งกัสติยา และต่อมากับพระนางมาร์เกอรีตแห่งฝรั่งเศส และทรงราชย์ระหว่างวันที่ 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 1272 จนเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ. 1307 ที่บรัฟบายแซนด์ส คัมเบอร์แลนด์ อังกฤษ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ด เป็นพระมหากษัตริย์ผู้ได้รับชัยชนะต่อเวลส์และทรงพยายามปราบปรามสกอตแลนด์แต่ไม่สำเร็จ
แม้ว่าพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 1 จะเป็นพระมหากษัตริย์อังกฤษพระองค์ที่ 4 ที่มีพระนามว่า “เอ็ดเวิร์ด” หลังจาก พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดผู้อาวุโส พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดมรณสักขี และพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดธรรมสักขี แต่การลำดับนามเดียวกันด้วยตัวเลขเป็นประเพณีของชาวนอร์มัน ฉะนั้นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดสามพระองค์ที่ทรงปกครองอังกฤษก่อนหน้าการพิชิตอังกฤษของชาวนอร์มันจึงมิได้รับการเรียงลำดับแต่ทรงใช้พระสมัญญานามเพื่อบ่งความแตกต่างของแต่ละพระองค์แทน เอ็ดเวิร์ด ลองแชงค์จึงกลายเป็นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 1
ในปี ค.ศ. 2002 พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 1 ทรงได้รับเลือกเป็นลำดับ 94 ในบรรดาชาวอังกฤษ 100 คนที่ถือกันว่าสำคัญที่สุด []
เบื้องต้น
พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 1 เสด็จพระราชสมภพที่พระราชวังเวสต์มินสเตอร์ในกรุงลอนดอนเมื่อค่ำวันที่ 17 มิถุนายน ค.ศ. 1239 เป็นพระเชษฐาของ และ เอิร์ลที่ 1 แห่งแลงแคสเตอร์ (Edmund Crouchback, 1st Earl of Lancaster) พระนามว่า “เอ็ดเวิร์ด” เป็นพระนามที่รับพระราชทานตามพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดผู้อาวุโส พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดมรณสักขี และพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดธรรมสักขี เพราะพระเจ้าเฮนรีพระราชบิดาทรงเลื่อมใสลัทธิบูชานักบุญเอ็ดเวิร์ด เมื่อยังพระเยาว์พระองค์ทรงอยู่ในความดูแลของฮิวห์ กิฟฟาร์ด (บิดาของผู้ต่อมาเป็นอัครมหาเสนาบดีและบิชอปแห่งวูสเตอร์) ระหว่างปี ค.ศ. 1239 จนกระทั่งกิฟฟาร์ดเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1246 หลังจากนั้นบาร์โทโลมิว เพ็ค (Bartholomew Pecche) ก็รับหน้าที่แทน ในบรรดาพระสหายเมื่อยังทรงพระเยาว์ก็ได้แก่ (Henry of Almain) บุตรชายของริชาร์ด เอิร์ลที่ 1 แห่งคอร์นวอลล์พระอนุชาของพระเจ้าเฮนรี
ดินแดนผืนแรกที่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงได้รับพระราชทานคือดินแดน แต่ในปี ค.ศ. 1248 ปีหนึ่งก่อนหน้าที่จะพระราชทานให้กับพระเจ้าเฮนรีพระราชโอรส ทรงแต่งตั้งให้ (Simon de Montfort, 6th Earl of Leicester) ไปเป็นข้าหลวงที่เป็นเวลาเจ็ดปี ฉะนั้นแม้ว่าเอ็ดเวิร์ดจะมีฐานะเป็นเจ้าของแกสโคนีแต่พระองค์ก็ไม่ทรงมีอำนาจและรายได้จากแกสโคนีแต่อย่างใด
ในปี ค.ศ. 1254 ทางอังกฤษวิตกว่าราชอาณาจักรกัสติยาจะรุกรานอาณาบริเวณของอังกฤษ เพื่อเป็นการป้องกันจากการรุกรานพระเจ้าเฮนรีจึงทรงตกลงจัดให้พระราชโอรสเสกสมรสกับเลโอนอร์แห่งกัสติยา ผู้ทรงเป็นกึ่งพระขนิษฐา (half-sister) ของพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 10 แห่งกัสติยาโดยมีข้อตกลงในการอภิเษกสมรสที่พระเจ้าอัลฟอนโซทรงเรียกร้องว่าเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดต้องทรงได้รับมอบดินแดนที่มีทำรายได้ 15,000 มาร์ค (น้ำหนัก) ต่อปี เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดขณะนั้นยังมีพระชนมายุได้ไม่ถึง 15 พรรษา แม้ว่าพระเจ้าเฮนรีจะพระราชทานสินสอดเป็นจำนวนพอสมควรแต่ก็มิได้พระราชทานความเป็นอิสระแก่เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดเท่าใดนัก เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดทรงได้รับดินแดนสำหรับการเสกสมรสที่รวมทั้งดินแดนส่วนใหญ่ในไอร์แลนด์และเวลส์ และดินแดนในอังกฤษเองที่รวมทั้ง แต่พระเจ้าเฮนรีพระราชบิดาก็ยังทรงกุมอำนาจในที่ดินที่พระราชทานแก่พระราชโอรสโดยเฉพาะในไอร์แลนด์ ฉะนั้นอำนาจของเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดจึงมีเพียงจำกัด
เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดเสกสมรสกับเลโอนอร์แห่งกัสติยา (พระชนมายุ 13 พรรษา) เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1254 ที่ (Abbey of Santa Maria la Real de Huelgas) ในกัสติยา ทั้งสองพระองค์มีพระโอรสธิดาด้วยกันอย่างน้อยสิบห้าหรือสิบหกพระองค์ การสวรรคตของพระนางเอลินอร์ในปี ค.ศ. 1290 เป็นการสูญเสียที่ใหญ่หลวงและเป็นที่โทมนัสต่อพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดเป็นอันมาก พระองค์ถึงกับมีพระราชโองการให้สร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่พระมเหสีทั้งหมดสิบสองอันในทุกที่ที่ขบวนแห่พระศพพักกลางคืนระหว่างที่เคลื่อนพระจากลิงคอล์นไปยังเวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ในกรุงลอนดอน
พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดเสกสมรสอีกครั้งเมื่อพระชนมายุ 60 พรรษาที่มหาวิหารแคนเทอร์เบอรีเมื่อวันที่ 10 กันยายน ค.ศ. 1299 กับมาเกอรีตแห่งฝรั่งเศส (พระชนมายุ 17 พรรษา) ผู้รู้จักกันในพระนาม “ไข่มุกแห่งฝรั่งเศส” โดยประชาชนอังกฤษ มาเกอรีตเป็นพระราชธิดาของพระเจ้าฟิลิปที่ 3 แห่งฝรั่งเศส (ฟิลิปผู้กล้าหาญ) และ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดและพระนางมาเกอรีตมีพระราชโอรสธิดาด้วยกันสามพระองค์
ระหว่างปี ค.ศ. 1254 ถึงปี ค.ศ. 1257 เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดทรงตกอยู่ภายใต้อิทธิพลฝักฝ่ายในราชสำนักที่รู้จักกันว่า “ซาวอยาร์ดส์” (Savoyards) ผู้เป็นพระญาติของพระนางเอลินอร์แห่งพรอว็องส์พระราชมารดา ผู้ที่เป็นผู้นำคนสำคัญของกลุ่มนี้คือพระปิตุลาของพระราชินี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1257 เป็นต้นไปพระองค์ก็ทรงตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของฝ่ายปัวเตแวงหรือลูซิยอง– ผู้เป็นกึ่งพระอนุชาของพระองค์ – ที่นำโดย (William de Valence, 1st Earl of Pembroke) ทั้งสองกลุ่มนี้ถือว่าเป็นกลุ่มชาวต่างประเทศที่มีอภิสิทธิ์เหนือกว่าผู้อื่น จึงเป็นที่เกลียดชังและต่อต้านโดยชนชั้นปกครองของอังกฤษ
ความทะเยอทะยาน
เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดและเอลินอร์เสด็จกลับอังกฤษในปี ค.ศ. 1255 และทรงเริ่มแสดงความเป็นอิสระทางด้านการเมืองจากพระราชบิดามาตั้งแต่ปีนั้น โดยการทรงเลือกข้างในกรณีความขัดแย้งในแกสโคนีซึ่งเป็นนโบายที่ตรงกันข้ามกับพระราชบิดาที่มักจะทรงใช้การไกล่เกลี่ยประนีประนอม ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1258 กลุ่มขุนนาง 58 คนที่ไม่มีความพอใจต่อการปกครองของรัฐบาลก็ร่างเอกสารเพื่อเรียกร้องให้มีการปฏิรูปต่อพระเจ้าเฮนรี–เอกสารที่รู้จักกันว่า (Provisions of Oxford)– ที่ส่วนใหญ่เป็นคำร้องต่อต้านกลุ่มขุนนางเชื้อสายฝรั่งเศสลูซิยอง เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดทรงเข้าข้างลูซิยองและทรงเป็นปฏิปักษ์อย่างรุนแรงต่อบทบัญญัติ แต่ขบวนการปฏิรูปประสบความสำเร็จ ความคิดเห็นของเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดจึงเริ่มเปลี่ยนแปลงและในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1259 พระองค์ก็หันไปเป็นฝ่ายเดียวกับผู้นำการปฏิรูป (Richard de Clare, 6th Earl of Hertford) อย่างเป็นทางการ และเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ค.ศ. 1259 พระองค์ก็ทรงประกาศว่าทรงสนับสนุนจุดประสงค์ในการปฏิรูปของกลุ่มขุนนางและผู้นำซีมงแห่งมงฟอร์
เบื้องหลังของการเปลี่ยนพระทัยของเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดอาจจะเป็นเพียงเพื่อหาผลประโยชน์เท่านั้น เพราะไซมอนแห่งมองฟอร์ตอยู่ในฐานะที่จะสนับสนุนพระองค์ในเรื่องแกสโคนีได้ เมื่อพระเจ้าเฮนรีเสด็จไปฝรั่งเศสในเดือนพฤศจิกายนเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดก็แข็งข้อโดยการประทานตำแหน่งหน้าที่ต่างๆ ให้แก่ขุนนางฝ่ายปฏิรูป พระเจ้าเฮนรีทรงเชื่อว่าพระราชโอรสมีแผนที่จะโค่นราชบัลลังก์ของพระองค์ หลังจากที่เสด็จกลับอังกฤษพระองค์ก็ไม่ทรงยอมให้เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดเข้าเฝ้า แต่ในที่สุดก็ทรงยอมเมื่อได้รับการไกล่เกลี่ยโดยเอิร์ลแห่งคอร์นวอลล์และบอนนิเฟสแห่งซาวอยอาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรี ในเดือนพฤศจิกายนปี ค.ศ. 1260 เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดก็ถูกส่งตัวไปต่างประเทศ ซึ่งทำให้ทรงมีโอกาสได้ไปรวมตัวกับฝ่ายลูซิยองผู้ถูกเนรเทศกลับไปฝรั่งเศสอีกครั้ง
เมื่อเสด็จกลับอังกฤษเมื่อต้นปี ค.ศ. 1262 เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดก็ทรงมีความขัดแย้งกับพันธมิตรของพระองค์ทางด้านการเงิน ปีต่อมาพระองค์ก็นำกองทัพไปรณรงค์ในเวลส์เพื่อกำราบ (Llywelyn the Last หรือ Llywelyn ap Gruffydd) แต่ก็ไม่ได้ผลเท่าใดนัก ในขณะเดียวกันไซมอนแห่งมองฟอร์ตที่ออกไปจากอังกฤษตั้งแต่ปี ค.ศ. 1261 ก็กลับมาและมาฟื้นฟูขบวนการปฏิรูปของขุนนางขึ้นอีกครั้ง พระเจ้าเฮนรีททรงยอมรับข้อเรียกร้องของขุนนางแต่เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด–ผู้หันมาเข้าข้างพระราชบิดา– ไม่ทรงยอมและหันกลับไปเข้ากับฝ่ายที่พระองค์เป็นปฏิปักษ์ในปีก่อนหน้านั้น–ที่ได้แก่ และ– และทรงเข้ายึดพระราชวังวินด์เซอร์คืนจากกลุ่มผู้ปฏิวัติ ทั้งสองฝ่ายจึงอัญเชิญให้พระเจ้าหลุยส์ที่ 9 แห่งฝรั่งเศสทรงเป็นตุลาการในการเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่าย ที่นำมาซึ่งความตกลงที่เรียกว่า “ข้อตกลงอาเมียง” (Mise of Amiens) โดยฝ่ายกษัตริย์เป็นฝ่ายได้เปรียบอันเป็นการปูรากฐานไปสู่ความขัดแย้งครั้งต่อไป
การสงคราม
ระหว่างปี ค.ศ. 1264 ถึงปี ค.ศ. 1267 เป็นช่วงระยะเวลาของสงครามขุนนาง (Barons' War) ซึ่งเป็นการต่อสู้ระหว่างฝ่ายขุนนางที่นำโดย และฝ่ายผู้สนับสนุนของพระเจ้าเฮนรี ยุทธการครั้งแรกเกิดขึ้นที่กลอสเตอร์ ซึ่งเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดทรงสามารถยึดคืนได้จากฝ่ายศัตรู แต่เมื่อ (Robert de Ferrers, 6th Earl of Derby) ยกกำลังมาสนับสนุนผู้ก่อการ เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดก็ทรงเจรจาสงบศึกกับเอิร์ลแห่งดาร์บีซึ่งต่อมาพระองค์ก็ทรงละเมิดสัญญาสงบศึกนี้ จากนั้นเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดก็เสด็จนำทัพไปยึดคืนจากบุตรของซีมง เดอ มงฟอร์ ก่อนที่จะเสด็จไปตอบโต้การรณรงค์ในบริเวณดาร์บีของฝ่ายตรงข้าม ในที่สุดฝ่ายขุนนางและฝ่ายกษัตริย์ก็ปะทะกันใน (Battle of Lewes) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 1264 แม้ว่ากองทัพของเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดจะต่อสู้อย่างกล้าหาญแต่ก็ทรงได้รับความพ่ายแพ้ เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดและถูกจับเป็นเชลยโดยไซมอนแห่งมอนฟอร์ต
เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดทรงถูกนำตัวไปจำขังอยู่จนเดือนมีนาคมและแม้หลังจากการทรงถูกปลดปล่อยแล้วก็ยังคงถูกควบคุมทุกฝีก้าว เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พระองค์ก็ทรงหลบหนีไปกับผู้คุมและไปสมทบกับ (Gilbert de Clare, 7th Earl of Hertford) ผู้ที่เพิ่งหันมาสนับสนุนฝ่ายกษัตริย์เพียงไม่นานก่อนหน้านั้น ในขณะเดียวกันฝ่ายมงฟอร์ก็มีผู้สนับสนุนน้อยลงจนทำให้เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดทรงสามารถยึดวูสเตอร์และกลอสเตอร์คืนได้อย่างง่ายดาย มงฟอร์จึงหันไปเป็นพันธมิตรกับและเริ่มนำทัพไปทางตะวันออกไปสมทบกับซีมงที่ 4] บุตรชาย เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดสามารถจู่โจมฝ่ายมอนฟอร์ตโดยไม่รู้ตัวที่ (Kenilworth Castle) เมื่อไซมอนที่ 4 จนมุมก่อนที่จะถูกตัดออกจากกำลังของไซมอนแห่งมอนฟอร์ต กองกำลังทั้งสองจึงประจันหน้ากันเป็นครั้งที่สองซึ่งเป็นยุทธการใหญ่ของสงครามขุนนางใน (Battle of Evesham) เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ. 1265 ซีมง เดอ มงฟอร์ไม่มีหนทางที่จะต่อสู้กับกองทัพที่มีกำลังเหนือกว่าได้และในที่สุดก็พ่ายแพ้ ถูกสังหารและย่ำยีกลางสนามรบ
หลังจากการเสียชีวิตของซีมงสงครามก็ยังไม่ยุติลง เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดยังทรงดำเนินการรณรงค์ต่อไป เมื่อมาถึงคริสต์มัสพระองค์ก็ทรงทำความตกลงกับซีมงที่ 4 และผู้สนับสนุนที่ (Isle of Axholme) ในลิงคอล์นเชอร์ และในเดือนมีนาคมพระองค์ก็สามารถโจมตีบริเวณ (Cinque Ports) ในบริเวณเค้นท์และได้สำเร็จ ฝ่ายข้าศึกถอยเข้าไปยึดที่มั่นไว้ในซึ่งเป็นปราสาทที่ยากต่อการโจมตี ฝ่ายก่อการที่ยึดปราสาทไว้ไม่ยอมแพ้จนกระทั่งมีการร่างสัญญาประนีประนอมที่เรียกว่า (Dictum of Kenilworth) ในเดือนเมษายน ส่วนบรรยากาศทั่วไปทางด้านอื่นก็ดูเหมือนว่ากลอสเตอร์จะร่วมก่อการปฏิรูปขึ้นอีกครั้งซึ่งอาจจะทำให้เกิดสงครามขึ้นอีก แต่เมื่อทั้งสองฝ่ายเจรจาตกลงกันในได้ สถานการณ์ที่คุกรุ่นก็ราลง แต่เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดมิได้ทรงมีส่วนในการเจรจาตกลงครั้งนี้เท่าใดนักเพราะมัวแต่ทรงหันไปหมกมุ่นกับการวางแผนการเดินทางไปเข้าร่วมการทำสงครามครูเสดที่จะมาถึง
สงครามครูเสดและการขึ้นครองราชย์
เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ค.ศ. 1268 เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดพร้อมกับ พระอนุชาและพระญาติทรงรับกางเขนในพิธีการออกสงครามที่ใหญ่โตหรูหรา ในบรรดาผู้ร่วมพิธีก็มีผู้เป็นศัตรูเก่าเช่นเอิร์ลแห่งกลอสเตอร์ แต่ที่ในที่สุดกลอสเตอร์ก็ไม่ได้ไปสงคราม เมื่อบ้านเมืองราบคาบลงปัญหาเดียวในการเข้าร่วมสงครามคือการขาดทุนทรัพย์พระเจ้าหลุยส์ที่ 9 แห่งฝรั่งเศสผู้ทรงเป็นผู้นำในการสงครามครั้งนี้ทรงให้เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดยืมทุนทรัพย์สำหรับการทำสงครามเป็นจำนวนประมาณ 17,500 ปอนด์ ซึ่งก็เป็นจำนวนที่ไม่เพียงพอ ก้อนที่เหลือได้มาจากการเก็บภาษีฆราวาส (Laity) ซึ่งไม่ได้บังคับใช้กันมาตั้งแต่ ค.ศ. 1237 ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1270 รัฐสภาก็อนุมัติการเก็บ “ภาษีหนึ่งในยี่สิบ” ซึ่งเป็นการเรียกเก็บภาษีจากทรัพย์สินที่เคลื่อนไหวได้เช่นสัตว์เลี้ยงเป็นอัตราร้อยละห้า เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับการทรงยอมรับ “มหากฎบัตร” โดยพระเจ้าเฮนรีอีกครั้งหนึ่ง นอกจากนั้นก็ยังอนุมัติกฎจำกัดสิทธิของธุรกิจการยืมเงินของชาวยิวด้วย เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดก็เสด็จลงเรือจากโดเวอร์เพื่อเดินทางต่อไปยังฝรั่งเศส ไม่เป็นที่ทราบแน่นอนว่ากองกำลังที่ทรงนำไปด้วยมีจำนวนเท่าใด แต่ประมาณกันว่าคงทรงนำอัศวินราว 225 คนพร้อมทั้งทหารที่รวมด้วยกันทั้งหมดแล้วก็คงไม่เกินกว่า 1,000 คน
จุดประสงค์แรกของการเดินทางไปสงครามก็เพื่อไปช่วยกองทัพคริสเตียนที่ถูกล้อมอยู่ในที่มั่นที่เอเคอร์ในราชอาณาจักรเยรูซาเลม แต่พระเจ้าหลุยส์ทรงหันทัพไปทางทูนิสทางแอฟริกาตอนเหนือก่อน พระเจ้าหลุยส์และพระอนุชาชาร์ลแห่งอ็องฌูผู้ตั้งตนเป็นกษัตริย์แห่งซิซิลี ตกลงกันโจมตีอีเมียร์ (emir) ทางเหนือของแอฟริกาเพื่อยึดเป็นที่ตั้งมั่นในบริเวณตอนเหนือของแอฟริกา แต่ไม่ทรงประสบความสำเร็จและต้องเสียกำลังทหารไปเป็นจำนวนมากด้วยโรคระบาดรวมทั้งพระเจ้าหลุยส์เองก็เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม เมื่อเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดเสด็จไปถึงทูนิส พระเจ้าชาร์ลส์ (ชาร์ลส์แห่งอองชู) ก็ได้ไปทรงลงพระนามในสนธิสัญญาสงบศึกกับอีเมียร์เรียบร้อยไปแล้ว การเดินทางไปสงครามครูเสดของเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดจึงถูกเลื่อนไปจนถึงฤดูใบไม้ผลิปีต่อมา แต่พายุร้ายนอกฝั่งซิซิลีทำให้พระเจ้าชาร์ลส์และ (ผู้ครองฝรั่งเศสต่อจากพระเจ้าชาร์ลส์) ทรงเปลี่ยนพระทัยในการเดินหน้าต่อไปในการทำสงคราม เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดจึงทรงตัดสินพระทัยเดินทัพต่อไปเพียงพระองค์เดียวและเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ค.ศ. 1271 พระองค์ก็ขึ้นฝั่งที่เอเคอร์
สถานการณ์ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เมื่อเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดเสด็จไปถึงเป็นสถานการณ์ที่ออกจะเปราะบาง เยรูซาเลมเสียเมืองไปแล้วในปี ค.ศ. 1187 เอเคอร์กลายเป็นศูนย์กลางสุดท้ายที่เหลือของราชอาณาจักรเยรูซาเลมที่ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของคริสเตียน ประเทศกลุ่มอิสลามโดยการนำของ (Baibars) แห่ง (Bahri dynasty) อยู่ในฐานะได้เปรียบ และดูจะเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของเอเคอร์ แม้ว่ากองทัพของพระองค์จะเป็นส่วนสำคัญในการเป็นกองหนุนให้เอเคอร์แต่ก็เป็นกองกำลังที่เสียเปรียบต่อกองทัพที่มีพลานุภาพมากกว่าของ ความพยายามที่จะจู่โจม (St Georges-de-Lebeyne) ที่ไม่ไกลจากเอเคอร์ในเดือนมิถุนายนก็ประสบความล้มเหลว การโจมตีของมองโกลที่ (Aleppo) ในซีเรียทางตอนเหนือทำให้เสความสนใจจากเอเคอร์ของกองทัพฝ่ายอิสลามอยู่ระยะหนึ่ง ในเดือนพฤศจิกายนเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดก็ทรงบุกเข้าปล้นสะดม (Qaqun) ของฝ่ายมุสลิม ซึ่งถ้ายึดได้ก็อาจจะใช้เป็นที่มั่นสำหรับการยึดกรุงเยรูซาเลมคืนได้ แต่ทั้งการรุกรานของฝ่ายมองโกลและการรุกรานคาคุนของพระองค์ต่างก็ล้มเหลว สถานการณ์จึงเลวร้ายลงตามลำดับ ฉะนั้นในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1272 (Hugh III of Cyprus) ผู้เป็นพระเจ้าแผ่นดินของราชอาณาจักรเยรูซาเลมเพียงในนามก็ทรงยอมลงพระนามในสัญญาสงบศึกสิบปีกับไบบาร์ส เมื่อเริ่มแรกเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดก็ไม่ทรงยอมรับสัญญานี้ แต่หลังจากที่ทรงถูกลอบทำร้ายโดยนักลอบสังหาร (assassin) ชาวมุสลิมในเดือนมิถุนายนแล้ว พระองค์ก็ทรงจำต้องยอมหยุดยั้งการรณรงค์ต่อไปแม้ว่าจะทรงสังหารนักลอบสังหารได้ก็ตาม จากการลอบทำร้ายครั้งนี้ทำให้ทรงได้รับบาดเจ็บที่พระกรโดยกริชอาบยาและทรงได้รับบาดเจ็บต่อมาอีกหลายเดือนหลังจากนั้น
เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดมิได้เสด็จออกจากเอเคอร์จนกระทั่งวันที่ 24 กันยายน และไม่ได้ข่าวการเสด็จสวรรคตของพระราชบิดาเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนปีก่อนหน้านั้นจนกระทั่งเมื่อเสด็จไปถึงซิซิลี แม้ว่าจะทรงมีความโทมนัสต่อการสูญเสียแต่มิได้ทำให้ทรงรีบเสด็จกลับอังกฤษในทันที แต่กลับทรงค่อยๆ เสด็จเดินทางขึ้นไปทางเหนือของยุโรปอย่างสบายๆ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะพระพลานามัยยังอ่อนแออยู่ หรืออาจจะทรงมีความคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรีบร้อนก็ได้ เพราะสถานการณ์ทางการเมืองในอังกฤษขณะนั้นอยู่ในสภาพที่มั่นคงหลังการความไม่สงบต่างๆ ในกลางคริสต์ศตวรรษก่อนหน้านั้น นอกจากนั้นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดก็ทรงได้รับการประกาศให้เป็นพระเจ้าแผ่นดินทันทีหลังจากพระราชบิดาเสด็จสวรรคตแทนที่จะรอประกาศจนเมื่อได้ทำการสวมมงกุฎพระราชพิธีบรมราชาภิเษกอย่างเช่นในอดีต การประกาศทันทีจึงกลายมาเป็นประเพณีที่ทำกันมาตั้งแต่บัดนั้น พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดเสด็จกลับอังกฤษทางแผ่นดินโดยเสด็จผ่านอิตาลีและฝรั่งเศส ขณะที่เสด็จผ่านกรุงโรมพระองค์ก็เข้าเฝ้าพระสันตะปาปา และเมื่อผ่านฝรั่งเศสก็ทรงถือโอกาสปราบปรามการก่อความไม่สงบในแกสโคนีไปด้วย พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดเสด็จกลับถึงอังกฤษเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 1274 และทรงเข้าทำพระราชพิธีราชาภิเษกเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม
เสวยราชสมบัติ
เมื่อพระเจ้าเฮนรีที่ 3เสด็จสวรรคตพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดกำลังทำสงครามครูเสดอยู่ทางตะวันออก แต่ทรงมาได้ข่าวการสวรรคตที่ซิซิลีเมื่อพระองค์เสด็จกลับจากดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์แล้ว
ในระยะแรกเอ็ดเวิร์ดมีพระประสงค์ที่จะใช้นาม “พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4” ตามพระนามกษัตริย์แซ็กซอนสามพระองค์ที่ปกครองอังกฤษก่อนหน้านั้น แต่ไม่ทราบว่าจะเป็นด้วยสาเหตุใดก็ตาม พระองค์มารู้จักกันในพระนามว่า “พระเจ้าเอ็ดเวิร์ด” โดยไม่มีลำดับตัวเลข เมื่อพระราชโอรสที่มีพระนามเดียวกันขึ้นเสวยราชย์ก็ทรงใช้พระนามว่า “พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2” และ “พระเจ้าเอ็ดเวิร์ด” จึงกลายเป็น “พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 1” ซึ่งเป็นการริเริ่มการลำดับหมายเลขหลังพระนามพระมหากษัตริย์ตั้งแต่นอร์มันได้รับชัยชนะต่ออังกฤษในปี ค.ศ. 1066 เป็นต้นมา แม้ว่าพระนาม “เอ็ดเวิร์ด” จะเป็นพระนามที่ใช้ทั้งก่อนและหลังจากนอร์มันได้รับชัยชนะก็ตาม
สงครามกับเวลส์
พระราชกรณีกิจชิ้นแรกของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดคือการทำสงครามเพื่อยึดครองเวลส์ หลังจากสงครามขุนนางแล้ว (Llywelyn the Last หรือ Llywelyn ap Gruffydd) ก็ฉวยโอกาสภายใต้ในปึ ค.ศ. 1267 ในการขยายดินแดนไปทางใต้จนไปถึงดินแดน (Welsh Marches) ที่เป็นของอังกฤษและเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าลูวเวลลินคือเจ้าชายแห่งเวลส์ แม้ว่าจะยังสวามิภักดิ์ต่ออังกฤษ แต่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดไม่ทรงยอมรับสนธิสัญญาดังกล่าวที่พระราชบิดาได้ทรงลงนามไว้ และในปี ค.ศ. 1275 โจรสลัดของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดก็ยับยั้งเรือที่นำธิดาของจากประเทศฝรั่งเศสไปยังเวลส์เพื่อจะไปแต่งงานกับ และทรงจำขังเอเลเนอร์ไว้ที่พระราชวังวินด์เซอร์ หลังจากที่ไม่ยอมเข้ามาแสดงความสวามิภักดิ์ต่อพระองค์ในฐานะเมืองขึ้นในปี ค.ศ. 1274 และปี ค.ศ. 1275 พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดจึงทรงรวบรวมกองทัพเพื่อยกไปปราบปรามในเวลส์เป็นครั้งแรกระหว่างปี ค.ศ. 1276 จนถึงปี ค.ศ. 1277 หลังจากที่พ่ายแพ้แก่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดแล้วก็ถูกบังคับให้แสดงความสวามิภักดิ์ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงยึดดินแดนต่างๆ ที่กริฟฟุดยึดไปคืน นอกจากดินแดนเพียงเล็กน้อยที่ แต่ทรงยอมให้รักษาตำแหน่งเจ้าชายแห่งเวลส์ไว้และทรงพระราชทานพระราชานุญาตให้แต่งงานกับ
ในปี ค.ศ. 1282 น้องชายของที่เคยเป็นพันธมิตรกับอังกฤษอยู่ระยะหนึ่งเริ่มแข็งข้ออีกครั้งหนึ่ง แต่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงปราบปรามได้สำเร็จ และทรงจับมาทรมานและประหารชีวิตในปีต่อมา หลังจากนั้นก็ทรงก่อสร้างปราสาทหินใหญ่โตหลายแห่งตามชายแดนรอบอังกฤษและในเวลส์เองเพื่อป้องการการแข็งข้อของเวลส์
ราชรัฐเวลส์จึงกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรอังกฤษภายใต้ในปี ค.ศ. 1284 และในปี ค.ศ. 1301 นอกจากนั้นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดก็ยังทรงสถาปนาพระราชโอรสองค์โตขึ้นเป็นเจ้าชายแห่งเวลส์ซึ่งกลายมาเป็นประเพณีที่เป็นตำแหน่งสำหรับพระราชโอรสองค์โตของพระมหากษัตริย์อังกฤษเกือบทุกพระองค์ต่อมาจนถึงทุกวันนี้ ยกเว้นแต่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3
สงครามกับสกอตแลนด์
หลังจากที่ทรงกำราบเวลส์ได้สำเร็จ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดก็ทรงหันมาทางสกอตแลนด์ ทรงตั้งพระทัยจะจัดการเสกสมรสพระราชโอรสองค์โตกับ แต่มาร์กาเร็ตมาเสียชีวิตเสียก่อนโดยไม่มีผู้สืบเชื้อสายที่เห็นได้ชัด คณะผู้พิทักษ์สกอตแลนด์ (Scottish Guardians) จึงอัญเชิญให้พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดมาเป็นผู้ตัดสินว่าใครควรจะเป็นผู้สืบราชสมบัติสกอตแลนด์ต่อไป เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดสงครามแย่งราชสมบัติกันในสกอตแลนด์ แต่ก่อนที่จะมีความคืบหน้าแต่อย่างใด พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดก็ทรงเรียกร้องให้สกอตแลนด์แต่งตั้งพระองค์ขึ้นเป็น “เจ้าผู้มีอำนาจสูงสุดแห่งสกอตแลนด์” (Lord Paramount of Scotland) ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดในราชอาณาจักร หลังจากการต่อต้านในระยะแรกสกอตแลนด์ก็ยอมรับข้อเรียกร้องของพระองค์
พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงเป็นประธานในศาลขุนนางที่ประชุมกันที่ปราสาทในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1292 ที่ตัดสินสนับสนุน (จอห์น บาลลิโอล) ผู้ที่มีสิทธิในการอ้างสิทธิในราชบัลลังก์มากกว่าผู้อื่น หลังจากที่จอห์นแห่งสกอตแลนด์ขึ้นครองราชย์แล้วพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงใช้ตำแหน่ง “เจ้าผู้มีอำนาจสูงสุดแห่งสกอตแลนด์” ในการลดอำนาจของพระเจ้าแผ่นดินองค์ใหม่โดยการทรงเรียกตัวบาลลิโอลมาแสดงความสวามิภักดิ์ต่อพระองค์ที่พระราชวังเวสต์มินสเตอร์ ในปี ค.ศ. 1293 นอกจากนั้นก็ยังทรงแสดงพระประสงค์ให้จอห์นสนับสนุนพระองค์ทั้งทางการเงินและทางการทหารในการต่อสู้กับฝรั่งเศส บาลลิโอลไม่สามารถยอมรับข้อเรียกร้องข้อหลังนี้ได้และหันไปทำสัญญากับฝรั่งเศสและเตรียมตัวรุกรานอังกฤษ
พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงตอบโต้โดยการนำกองทัพที่ประกอบด้วยทหาร 25,000 คนเข้าทำลายเมือง และสังหารประชาชนไปราว 11,000 คนซึ่งเป็นประชาชนเกือบทั้งเมือง ระหว่างการรณรงค์ในสกอตแลนด์พระองค์ก็ทรงใช้เครื่องมือยิงหินที่เรียกว่า “” (Warwolf) อย่างแพร่หลาย
หลังจากที่ทรงยึดได้แล้ว พระองค์ก็ทรงเดินทัพต่อไปยังดันบาร์และเอดินบะระห์และทรงนำหินแห่งสโคน (Stone of Scone) จากลงมายังแอบบีเวสต์มินสเตอร์ สละราชสมบัติและถูกจำขังในหอคอยแห่งลอนดอนอยู่สามปีก่อนที่จะเดินทางไปลี้ภัยพำนักอยู่ในฝรั่งเศส เจ้าของที่ดินอิสระทั้งหมดในสกอตแลนด์ถูกบังคับให้สาบานความสวามิภักดิ์ต่อพระองค์ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงปกครองสกอตแลนด์เช่นดินแดนส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรอังกฤษที่นำโดยอุปราชอังกฤษ
กลุ่มการต่อต้านในสกอตแลนด์ก็เริ่มก่อตัวขึ้น (ดูสงครามประกาศอิสรภาพสกอตแลนด์) ในบรรดาการต่อต้านพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงประหารชีวิต วิลเลียม วอลเลซ เมื่อวันที่ ค.ศ. 1305 หลังจากที่ทรงได้รับชัยชนะต่อวอลเลซที่ ในปี ค.ศ. 1298
บั้นปลาย
ในบั้นปลายพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงสูญเสียพระราชินีเลโอนอร์แห่งกัสติยาพระชายา และรัชทายาทก็ไม่ทรงมีบุคลิกของผู้นำที่เห็นได้ชัดตามพระราชประสงค์ พระประสงค์ที่จะปราบสกอตแลนด์ให้ราบคาบในขณะที่ยังทรงมีชีวิตอยู่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ. 1307 ที่เบอร์หบายแซนด์สในคัมเบอร์แลนด์ไม่ไกลจากเขตแดนสกอตแลนด์ขณะที่ทรงเดินทัพไปรณรงค์กลุ่มผู้ต่อต้านอีกกลุ่มหนึ่งในสกอตแลนด์ภายใต้การนำของ ตามจดหมายเหตุกล่าวว่าพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดมีพระราชประสงค์ที่จะให้กองทัพคงดำเนินการต่อไปหลังจากการเสด็จสวรรคตไปแล้ว โดยการนำพระอัฐิของพระองค์ไปด้วยและให้นำพระหทัยของพระองค์ไปฝังไว้ที่ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ แต่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 มิได้ปฏิบัติตามพระราชประสงค์ และทรงบรรจุพระบรมศพของพระราชบิดาไว้ที่แอบบีเวสต์มินสเตอร์ภายในโลงตะกั่วเรียบๆ ที่ต่อมาจารึกด้วยคำว่า “Scottorum malleus” หรือ “ผู้ปราบชนสกอต” รอเวลาที่จะเปลี่ยนเป็นโลงทองเมื่อสกอตแลนด์ถูกปราบปรามสำเร็จและกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรอังกฤษ
เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 1774 เมื่อสมาคมโบราณคดีแห่งลอนดอนเปิดโลงพระศพก็พบว่าพระวรกายของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดยังอยู่ในสภาพดีไม่เน่าเปื่อยมาเป็นเวลา 467 ปี ร่างของพระองค์ยังนอนอยู่ในโลงตะกั่วเดิมแม้ว่าราชบัลลังก์สกอตแลนด์จะรวมตัวกับราชบัลลังก์อังกฤษในปี ค.ศ. 1603 เมื่อพระเจ้าเจมส์ที่ 6 แห่งสกอตแลนด์ขึ้นครองราชบัลลังก์อังกฤษเป็นพระเจ้าเจมส์ที่ 1 แห่งอังกฤษหลังจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 เสด็จสวรรคต การรวมตัวเป็นสหภาพระหว่างสองอาณาจักรมาสำเร็จตามพระราชบัญญัติสหภาพ ค.ศ. 1707 ในชื่อว่าราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ในรัชสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถแอนน์
พระราชโอรสเสด็จขึ้นครองราชย์ต่อจากพระองค์ในพระนามว่าพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 แห่งอังกฤษ
การปกครองและกฎหมาย
ไม่เช่นพระเจ้าเฮนรีที่ 3พระราชบิดาพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 1 ทรงมีความสนพระทัยในระบบการปกครองของรัฐบาลและทรงริเริ่มการปฏิรูปหลายด้านเพื่อให้อำนาจในการปกครองของรัฐบาลและการบริหารมาตกอยู่ในมือของพระมหากษัตริย์มากขึ้น รัฐสภาเริ่มมีการประชุมอย่างเป็นปกติมากขึ้นในรัชสมัยของพระองค์ แม้จะยังมีอำนาจในการเก็บภาษีอย่างจำกัดแต่ก็ยังทรงได้รับการขยายอำนาจในการเก็บภาษีของพระองค์ได้กว้างขึ้นกว่าในรัชสมัยของพระราชบิดา
หลังจากที่เสด็จกลับจากสงครามครูเสดครั้งที่ 9 ในปี ค.ศ. 1274 แล้วก็มีการสืบสวนเกี่ยวกับการใช้พระราชอำนาจในทางที่ผิดในระดับท้องถิ่น ซึ่งเป็นผลที่ทำให้เกิดการ (Hundred Rolls) ในปี ค.ศ. 1275 รายละเอียดของพระราชบัญญัติเป็นการเริ่มลดอำนาจของพระมหากษัตริย์ ข้อบกพร่องต่างๆ ที่พบระหว่างการสืบสวนทำให้เกิดพระราชบัญญัติอีกหลายฉบับตลอดรัชสมัยของพระองค์ ในปี ค.ศ. 1275 พระราชบัญญัติเวสต์มินสเตอร์ฉบับแรกก็ได้รับการอนุมัติเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องใน พระราชบัญญัติที่คล้ายคลึงกันก็ได้รับอนุมัติต่อมาเรื่อยจนโรเบิร์ต เบอร์เนลล์ที่ปรึกษาคนสนิทของพระองค์เสียชีวิต ในปี ค.ศ. 1292
การประหัตประหารชนยิว
ในปี ค.ศ. 1275 พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงออก (Statute of the Jewry) ซึ่งบ่งกำหนดข้อจำกัดต่างๆ ที่มีผลต่อในอังกฤษ ข้อที่เด่นก็ได้แก่การระบุว่าธุรกิจการกู้เงินโดยเรียกดอกเบี้ยสูงเป็นธุรกิจที่ผิดกฎหมาย หรือชนยิวต้องติดเครื่องหมายเหลืองบนเสื้อนอก
พระราชกฤษฎีกาขับไล่
ในปี ค.ศ. 1290 พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงออก (Edict of Expulsion) ซึ่งระบุไล่ชาวยิวทั้งหมดออกจากอังกฤษ ระหว่างการประหัตประหารชนยิว พระองค์ก็มีพระราชโองการจับหัวหน้าชนยิวกว่า 300 คนไปจำขังไว้ที่หอคอยแห่งลอนดอนก่อนที่มีพระราชโองการให้ประหารชีวิต นอกจากนั้นก็ยังมีไล่เข่นฆ่าชาวยิวที่พบตามบ้านเรือนและยังทรงยึดทรัพย์สินของชนยิวด้วย
สาเหตที่ทรงออกพระราชกฤษฎีกายังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ บ้างก็ว่าเป็นเพราะข่าวลือที่เริ่มจะหนาหูที่กล่าวหาว่าชนยิวเที่ยวไล่จับเด็กคริสเตียนฆ่าเพื่อนำไปทำพิธีทางศาสนา และเฉพาะในกรณีของผู้ถูกจับในข้อหาว่าฆ่าเด็กคริสเตียนที่ออกซฟอร์ด อีกเหตุผลหนึ่งกล่าวว่าเป็นเพราะผลประโยชน์ทางการเงิน แม้ว่าการให้กู้เงินจะเป็นอาชีพที่แพร่หลายในหมู่ชนยิวและบางครั้งก็มีการกล่าวหาว่าเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าเหตุ แต่อาชีพนี้ก็มิได้เป็นอาชีพที่ทำเงินได้มากเท่าใดนักเมื่อมาถึงรัชสมัยของพระองค์ (ชาวยิวถูกเก็บภาษีอย่างสูงในสมัย พระเจ้าจอห์น และในสมัยของพระเจ้าเฮนรีที่ 3 พระราชบิดา) นอกจากนั้นก่อนปี ค.ศ. 1292 พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดก็ทรงได้รับการหนุนหลังทางการเงินอย่างพอเพียงจาก (Frescobaldi) ซึ่งเป็นบริษัทการเงินของอิตาลี ซึ่งทำให้เหตุผลหลังนี้เป็นไปได้ยาก แต่สาเหตุที่มีเหตุผลที่สุดก็น่าจะเป็นการที่ทรงได้รับเงินหนุนหลังจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่จากชนยิวขณะเดียวกับที่บรรยากาศในการอยู่ร่วมกันอย่างผ่อนปรนระหว่างผู้ต่างศาสนาก็เริ่มลดลงหลังจาก (Fourth Lateran Council) ในปี ค.ศ. 1215 นอกจากนั้นเราก็ยังควรเข้าใจว่าการขับไล่ชนยิวมิได้เกิดเฉพาะแต่ในอังกฤษแต่เป็นบรรยากาศของการต่อต้านชนยิวที่เกิดขึ้นโดยทั่วไปในยุโรปในคริสต์ศตวรรที่ 13 เช่นในกรณีที่ฝรั่งเศสขับไล่ชาวยิวจากเมืองทุกเมือง และพระราชมารดาของพระองค์เองก็มีคำสั่งไล่ชนยิวออกจากพรอวองซ์ในปี ค.ศ. 1275
พระบรรพบุรุษ
16. เจฟฟรีย์ที่ 5 เคานต์แห่งอ็องฌู | ||||||||||||||||
8. พระเจ้าเฮนรีที่ 2 แห่งอังกฤษ | ||||||||||||||||
17. จักรพรรดินีมาทิลดา | ||||||||||||||||
4. พระเจ้าจอห์นแห่งอังกฤษ | ||||||||||||||||
18. วิลเลียมที่ 10 แห่งอากีแตน | ||||||||||||||||
9. อาลีเยนอร์แห่งอากีแตน | ||||||||||||||||
19. | ||||||||||||||||
2. พระเจ้าเฮนรีที่ 3 แห่งอังกฤษ | ||||||||||||||||
20. วิลเลียมที่ 6 เคานต์แห่งแห่งอ็องกูเลม | ||||||||||||||||
10. แอมเยอร์ เคานต์แห่งแห่งอ็องกูเลม | ||||||||||||||||
21. มาร์เกอรีตแห่งตูรีน | ||||||||||||||||
5. พระนางอิซาเบลลาแห่งอองกูแลม | ||||||||||||||||
22. | ||||||||||||||||
11. อลิซ เดอ คอร์เทเนย์ | ||||||||||||||||
23. เอลิซาเบธ เดอ คอร์เทเนย์ | ||||||||||||||||
1. พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 1 แห่งอังกฤษ | ||||||||||||||||
24. พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 2 แห่งอารากอน | ||||||||||||||||
12. | ||||||||||||||||
25. | ||||||||||||||||
6. | ||||||||||||||||
26. เรนูเคานท์แห่งฟอร์คาลเคียร์ | ||||||||||||||||
13. เจอร์เซ็นดาที่ 2 แห่งซาบรัน | ||||||||||||||||
27. แกร์ซองด์แห่งฟอร์คาลเคียร์ | ||||||||||||||||
3. พระนางเอลินอร์แห่งพรอวองส์ | ||||||||||||||||
28. | ||||||||||||||||
14. | ||||||||||||||||
29. เบียทริซแห่งเวนัวส์ | ||||||||||||||||
7. | ||||||||||||||||
30. | ||||||||||||||||
15. มาร์เกอรีตแห่งเจนีวา | ||||||||||||||||
31. เบียทริซแห่งฟอซินยี | ||||||||||||||||
พระราชโอรสธิดา
พระราชโอรสธิดากับพระนางเอลินอร์
- เอเลเนอร์ (ราว 17 มิถุนายน ค.ศ. 1264 หรืออาจจะเป็นค.ศ. 1269 - 12 ตุลาคม ค.ศ. 1298) เดิมทรงเป็นคู่หมั้นของพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 2 แห่งอารากอนผู้เสด็จสวรรคตก่อนที่จะได้เสกสมรส ต่อมาเมื่อวันที่ 20 กันยายน ค.ศ. 1293 เสกสมรสกับ
- โจน (ค.ศ. 1265 - ก่อนวันที่ 7 กันยายน ค.ศ. 1265) ประสูติที่ปารีสหรืออาจจะที่แอบเบวิลล์ Ponthieu และสิ้นพระชนม์ที่ฝรั่งเศส พระศพฝังที่เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์
- จอห์น (ราววันที่ 10 กรกฎาคม ค.ศ. 1266 - 1 สิงหาคม หรือ 3 สิงหาคม ค.ศ. 1271) อาจจะประสูติที่พระราชวังวินด์เซอร์หรือที่ และสิ้นพระชนม์ที่ ขณะที่อยู่ในความดูแลของพระอัยการิชาร์ด เอิร์ลที่ 1 แห่งคอร์นวอลล์ พระศพฝังที่เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์
- ( ค.ศ. 1267/ค.ศ. 1268 - 14 ตุลาคม, ค.ศ. 1274) ประสูติที่พระราชวังวินด์เซอร์ และอาจจะสิ้นพระชนม์ที่เมอร์ตันในหรือที่ปราสาทกิลด์ฟอร์ด
- แอลิส สมภพที่วังวูดสต็อค และอาจจะสิ้นพระชนม์เมื่อพระชนมายุ 12 พรรษา บางครั้งเชื่อว่าเป็นคนคนเดียวกับอิสซาเบลลาผู้เกิดเมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 1279 แต่ไม่น่าเป็นข้อสันนิษฐานที่ถูกต้องเพราะอิสซาเบลลาสิ้นชีวิตในปีเดียวกับปีที่เกิด
- จูเลียนา (ค.ศ. 1271 - 28 พฤษภาคม หรือ 5 กันยายน ค.ศ. 1271) ประสูติที่เอเคอร์ในปาเลสไตน์
- โจนแห่งเอเคอร์ (ค.ศ. 1272 - 23 เมษายน ค.ศ. 1307) สมภพที่เอเคอร์ในปาเลสไตน์ เสกสมรสกับ และต่อมากับ และสิ้นพระชนม์ที่ตำหนักส่วนพระองค์ในซัฟโฟล์ค
- (24 พฤศจิกายน ค.ศ. 1273 - 19 สิงหาคม หรือ 14 สิงหาคม ค.ศ. 1284) อาจจะประสูติที่เบยอนน์ หรือที่บอร์โดซ์ หรือที่แกสโคนี หรือที่เมน และสิ้นพระชนม์ที่พระราชวังวินด์เซอร์ พระศพฝังที่เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์
- (11 กันยายน ค.ศ. 1275 - ค.ศ. 1318) สมภพที่พระราชวังวินด์เซอร์ เสกสมรสกับ พระศพฝังที่บรัสเซลส์
- เบเร็นเจเรีย (1 พฤษภาคม ค.ศ. 1276 - 27 มิถุนายน ค.ศ. 1278) สมภพที่วังเค็มพ์เต็นใน เสกสมรสกับx พระศพฝังที่แอบบีเวสต์มินสเตอร์
- แมรี (11 มีนาคม หรือ ค.ศ. 1278 - 8 กรกฎาคม ค.ศ. 1332) สมภพที่พระราชวังวินด์เซอร์ ทรงบวชเป็นชีและประทับที่ใน
- อิสซาเบลลา (12 มีนาคม ค.ศ. 1279 - ค.ศ. 1279) อาจจะสมภพที่วังวูดสต็อค หรือที่ปราสาทมาร์ลเบรอใน พระศพฝังที่แอบบีเวสต์มินสเตอร์
- (ค.ศ. 1282 - ราว 5 พฤษภาคม ค.ศ. 1316) สมภพที่ปราสาทรัดด์แลนในเวลส์ เสกสมรสครั้งแรกกับ ครั้งที่สองกับ ครั้งที่สามกับ และสิ้นพระชนม์จากการให้กำเนิดพระบุตรที่เคว็นเด็นในเอสเซ็กส์ พระศพฝังที่แอบบีวอลเด็นในเอสเซ็กส์
- พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 แห่งอังกฤษ (25 เมษายน ค.ศ. 1284 - 21 กันยายน ค.ศ. 1327) เสด็จพระราชสมภพที่ปราสาทคายร์นาร์วอนในเวลส์ เสกสมรสกับอิซาเบลลาแห่งฝรั่งเศส และสิ้นพระชนม์โดยถูกปลงพระชนม์ที่ปราสาทบาร์คลีย์ใน พระบรมศพฝังที่มหาวิหารกลอสเตอร์
- เบียทริซ (หลังวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 1286 - ) อาจจะสมภพที่หรืออากีแตน
- บลานช์ (ค.ศ. 1289/ค.ศ. 1290- ?)
พระราชโอรสธิดากับพระนางมาเกอรีต
- (1 มิถุนายน ค.ศ. 1300 - 4 สิงหาคม หรือ 20 กันยายน ค.ศ. 1338) ประสูติที่บราเธอตันใน เสกสมรสกับแอลิซ เฮลส์ และต่อมากับแมรี บรูส์ พระศพฝังที่เบอรีเซนต์เอ็ดมันด์
- (5 สิงหาคม ค.ศ. 1301 - 19 มีนาคม ค.ศ. 1330) ประสูติที่วังวูดสตอค เสกสมรสกับ และสิ้นพระชนม์ด้วยการถูกสังหารโดยอิซาเบลลาแห่งฝรั่งเศสและ หลังจากพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 ถูกโค่นราชบัลลังก์
- เอลินอร์ (4 พฤษภาคม ค.ศ. 1306 - ค.ศ. 1311) สมภพที่วินเชสเตอร์และสิ้นพระชนม์ที่ใน พระศพฝังที่อารามบิวลีใน
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- ราชบัณฑิตยสถาน, สารานุกรมประเทศในทวีปยุโรป ฉบับราชบัณฑิตยสถาน, ราชบัณฑิตยสถาน, 2550, หน้า 246
- Because of his 6 foot 2 inch (188 cm) frame as compared with an average male height of 5 foot 7 inch (170 cm) at the time.
- His tombstone, reads Edwardus Primus Scotorum Malleus hic est, 1308. Pactum Serva Latin for "Here is Edward I, Hammer of the Scots"; though this inscription was probably added in the 16th century.
- เพรสต์วิค, “เอ็ดเวิร์ดที่ 1”, 4
- “พจนานุกรมชีวประวัติแห่งชาติออกซฟอร์ด” “เอ็ดเวิร์ดที่ 1 แห่งอังกฤษ”
- Prestwich 1997, pp. 5–6
- Prestwich (2004).
- Prestwich 1997, pp. 7–8
- Morris 2008, pp. 14–8
- Prestwich 1997, p. 10
- Prestwich 1997, p. 11
- Prestwich 1997, pp. 11–4
- Morris 2008, p. 20
- Morris 2008, p. 231
- Morris 2008, pp. 230–1
- Prestwich 2007, p. 96
- Morris 2008, p. 7
- Henry III's mother Isabella of Angoulême married Hugh X of Lusignan after the death of King John of England; Prestwich 2005, p. 94.
- Prestwich 2007, p. 95
- Prestwich 1997, pp. 15–6
- Carpenter, David (1985). "The Lord Edward's oath to aid and counsel Simon de Montfort, 15 October 1259". Bulletin of the Institute of Historical Research. 58: 226–37.
- Prestwich 1997, pp. 31–2
- Prestwich 1997, pp. 32–3
- Morris 2008, pp. 44–5
- Prestwich 1997, p. 34
- Powicke 1962, pp. 171–2
- Maddicott 1994, p. 225
- Prestwich 1997, p. 41
- Prestwich 2007, p. 113
- This conflict is often referred to as the Second Barons' War, to distinguish it from the civil war– or the First Barons' War– of 1215-1217.
- Prestwich 1997, pp. 42–3
- Sadler 2008, pp. 55–69
- Prestwich 1997, pp. 47–8
- This was Gilbert de Clare, 7th Earl of Hertford, son of the aforementioned Richard de Clare, 6th Earl of Hertford; Prestwich 1997, pp. 48–9.
- Prestwich 1997, pp. 49–50
- Powicke 1962, pp. 201–2
- Sadler 2008, pp. 105–9
- Prestwich 1997, p. 55
- The Dictum restored land to the disinherited rebels, in exchange for a fine decided by their level of involvement in the wars; Prestwich 2007, p. 117
- ข้อสำคัญในข้อตกลงคือผู้ที่ถูกยึดทรัพย์สินไปก่อนหน้านั้นสามารถเรียกที่ดินคืน “ก่อน” ที่จะจ่ายค่าปรับPrestwich 2007, p. 121
- Prestwich 1997, p. 63
- Morris 2008, pp. 83, 90–2
- Prestwich 1997, p. 71
- Prestwich 1997, p. 72
- This meant a grant of 1/20 of all movable property.
- (1989). "The Crusade Taxation of 1268-70 and the Development of Parliament". ใน P. R. Coss; S. D. Lloyd (บ.ก.). Thirteenth Century England II. Woodbridge: Boydell Press. pp. 93–117. ISBN .
- Morris 2008, p. 92
- Riley-Smith 2005, p. 210
- The disease in question was either dysentery or typhus; Riley-Smith 2005, pp. 210–1
- Riley-Smith 2005, p. 211
- Prestwich 1997, p. 75
- Morris 2008, p. 95
- Prestwich 1997, p. 76
- Morris 2008, pp. 97–8
- Prestwich 1997, p. 77
- The anecdote of Queen Eleanor saving Edward's life by sucking the poison out of his wound is almost certainly a later fabrication; Prestwich 1997, p. 78
- Prestwich 1997, pp. 78, 82
- Prestwich 1997, p. 82
- Though no written proof exists, it is assumed that this arrangement was agreed on before King Edward's departure; Morris 2008, p. 104
- Prestwich 1997, pp. 82–5
- Powicke 1962, p. 226
- Carpenter 2003, p. 386
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-07-07. สืบค้นเมื่อ 2007-07-08.
- “สารานุกรมแห่งบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เคมบริดจ์” หน้า 126. สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์, ค.ศ. 1985
บรรณานุกรม
- (1965). Robert Bruce and the Community of the Realm of Scotland. London: Eyre and Spottiswoode. OCLC 655056131.
- Brand, Paul (2003). Kings, Barons and Justices: The Making and Enforcement of Legislation in Thirteenth-Century England. Cambridge: Cambridge University Press. ISBN .
- Brears, Peter (2010). "Food Supply and Preparation at the Edwardian Castles". ใน Williams, Diane; Kenyon, John (บ.ก.). The Impact of Edwardian Castles in Wales. Oxford: Oxbow Books. pp. 85–98. ISBN .
- Brown, A. L. (Alfred Lawson) (1989). The Governance of Late Medieval England 1272–1461. London: Edward Arnold. ISBN . 16832664M.
- Burt, Caroline (2013). Edward I and the Governance of England, 1272–1307. Cambridge University Press. ISBN .
- (2007). "King Henry III and Saint Edward the Confessor: the origins of the cult". English Historical Review. cxxii (498). doi:10.1093/ehr/cem214.
- Cathcart King, David James (1988). The Castle in England and Wales: An Interpretative History. London: Croom Helm. ISBN .
- Cazel, Fred A. (1991). "Edward I, by Michael Prestwich". Speculum. 66 (1): 225–227. doi:10.2307/2864011. JSTOR 2864011.
- Chancellor, John (1981). The Life and Times of Edward I. London: Weidenfeld & Nicolson. ISBN . 3817070M.
- Coldstream, Nicola (2010). "James of St George". ใน Williams, Diane; Kenyon, John (บ.ก.). The Impact of Edwardian Castles in Wales. Oxford: Oxbow Books. pp. 37–45. ISBN .
- Cornell, David (2009). Bannockburn: The Triumph of Robert the Bruce. Yale University Press. ISBN . OCLC 256769491. 23958360M.
- (2000). The Age of Conquest: Wales, 1063–1415. Oxford University Press. ISBN .
- —— (1984). R. A. Griffiths; I. G. Jones; (บ.ก.). Welsh Society and Nationhood. Cardiff: University of Wales Press. ISBN .
- Denton, J. H. (1989). "Edward I by Michael Prestwich". English Historical Review. 104 (413): 981–984. doi:10.1093/ehr/CIV.413.981.
- Duffy, Mark (2003). Royal Tombs of Medieval England. Stroud: Tempus. ISBN .
- Friar, Stephen (2003). The Sutton Companion to Castles. Stroud: Sutton Publishing. ISBN .
- Gillingham, John (2008), , Times Literary Supplement, London: Times Literary Supplement, คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-03-25, สืบค้นเมื่อ 2023-02-15.
- Gorski, Richard (2009). "Botetourt, John, first Lord Botetourt (d. 1324)". (online ed.). Oxford, UK: Oxford University Press. doi:10.1093/ref:odnb/2966. (ต้องรับบริการหรือเป็นสมาชิกหอสมุดสาธารณะสหราชอาณาจักร)
- Haines, Roy Martin (2003). King Edward II: His Life, his Reign and its Aftermath, 1284–1330. Montreal, Canada and Kingston, Canada: McGill-Queen's University Press. ISBN .
- Hamilton, J.S. (2010). The Plantagenets: History of a Dynasty. Continuum. ISBN . 28013041M.
- Harding, V. (2002). The Dead and the Living in Paris and London, 1500–1670. Cambridge University Press. ISBN .
- (1975). King, Parliament and Public Finance in Medieval England to 1369. Oxford University Press. ISBN . 5255143M.
- Goldsmith, Jeremy (2009), "A Great and Terrible King: Edward I and the Forging of Britain", Reviews in History, University of London, ISSN 1749-8155.
- Jenks, Edward (1902). Edward Plantagenet: The English Justinian or the Making of Common Law. New York: G. P. Putnam's Sons. ISBN . 8205523M.
- Jobson, Adrian (2012). The First English Revolution: Simon de Montfort, Henry III and the Barons' War. London, UK: Bloomsbury. ISBN .
- Krieger, Larry; Neill, Kenneth; Jantzen, Steven (1992), World History: Perspectives on the Past, D.C. Health and Company, ISBN , 7629944M.
- Lilley, Keith D. (2010). "The Landscapes of Edward's New Towns: Their Planning and Design". ใน Williams, Diane; Kenyon, John (บ.ก.). The Impact of Edwardian Castles in Wales. Oxford: Oxbow Books. pp. 99–113. ISBN .
- Lloyd, Simon (1986). "Gilbert de Clare, Richard of Cornwall and the Lord Edward's Crusade". Nottingham Medieval Studies. 30: 46–66. doi:10.1484/J.NMS.3.133.
- Loomis, Roger Sherman (1953). "Edward I, Arthurian Enthusiast". Speculum. 28 (1): 114–127. doi:10.2307/2847184. JSTOR 2847184. S2CID 164043032.
- (1983). "The Mise of Lewes, 1264". English Historical Review. 98 (338): 588–603. doi:10.1093/ehr/xcviii.ccclxxxviii.588.
- —— (1989). "The Crusade Taxation of 1268–70 and the Development of Parliament". ใน P. R. Coss; S. D. Lloyd (บ.ก.). Thirteenth Century England. Vol. 2. Woodbridge: Boydell Press. pp. 93–117. ISBN .
- —— (1994). Simon de Montfort. Cambridge University Press. ISBN .
- —— (2010). The Origins of the English Parliament, 924–1327. Oxford University Press. ISBN .
- (1981). The Nobility of Later Medieval England. London: Hambledon. ISBN .
- Morris, Marc (2009). A Great and Terrible King: Edward I and the Forging of Britain. London: Windmill Books. ISBN .
- Parsons, John Carmi (2008). "Margaret (1279?–1318)". (online ed.). Oxford, UK: Oxford University Press. doi:10.1093/ref:odnb/18046. (ต้องรับบริการหรือเป็นสมาชิกหอสมุดสาธารณะสหราชอาณาจักร)
- —— (1984). "The Year of Eleanor of Castile's Birth and her Children by Edward I". Medieval Studies. XLVI. doi:10.1484/J.MS.2.306316.
- (2011). Edward II. New Haven, US and London, UK: Yale University Press. ISBN .
- Plucknett, Theodore Frank Thomas (1949). Legislation of Edward I. Oxford: Clarendon Press. OCLC 983476.
- (1947). King Henry III and the Lord Edward: The Community of the Realm in the Thirteenth Century. Oxford: Clarendon Press. OCLC 1044503.
- —— (1962). The Thirteenth Century, 1216–1307 (2nd ed.). Oxford: Clarendon Press. OCLC 3693188.
- (1972). War, Politics and Finance under Edward I. London: Faber and Faber. ISBN .
- —— (1997). Edward I. English Monarchs. Yale University Press. ISBN . 704063M.
- —— (2003). The Three Edwards: War and State in England, 1272–1377 (2nd ed.). London, UK: Routledge. ISBN .
- —— (2005). Plantagenet England: 1225–1360 (new ed.). Oxford University Press. ISBN . 3404029M.
- —— (2008). "Edward I (1239–1307)". Oxford Dictionary of National Biography. Oxford University Press. doi:10.1093/ref:odnb/8517. ISBN . สืบค้นเมื่อ 28 February 2019. (ต้องรับบริการหรือเป็นสมาชิกหอสมุดสาธารณะสหราชอาณาจักร)
- —— (2010). "Edward I and Wales". ใน Williams, Diane; Kenyon, John (บ.ก.). The Impact of Edwardian Castles in Wales. Oxford: Oxbow Books. pp. 1–8. ISBN .
- Raban, Sandra (2000). England Under Edward I and Edward II, 1259–1327. Oxford: Blackwell. ISBN . 22376314M.
- (2005). The Crusades: A History. London: Continuum. ISBN .
- (2013). The Coronation Chair and Stone of Scone: History, Archaeology and Conservation. Oxford: Oxbow Books. ISBN .
- (1958). The Sicilian Vespers: A History of the Mediterranean World in the Later Thirteenth Century. Cambridge University Press. ISBN .
- (2008). The Second Barons' War: Simon de Montfort and the Battles of Lewes and Evesham. Barnsley: Pen and Sword Military. ISBN .
- (1968). Edward I. London: Constable. ISBN . 18353247M.
- Spencer, Andrew (2014). Nobility and Kingship in Medieval England: The Earls and Edward I, 1272–1307. Cambridge University Press. ISBN .
- (1880). The Constitutional History of England. Vol. 2. Oxford: Clarendon.
- Sutherland, Donald (1963). Quo Warranto Proceedings in the Reign of Edward I, 1278–1294. Oxford: Clarendon Press. OCLC 408401.
- Templeman, G. (1950). "Edward I and the Historians". Cambridge Historical Journal. 10 (1): 16–35. doi:10.1017/S1474691300002663. JSTOR 3021067.
- (1920). Chapters in the Administrative History of Mediaeval England: The Wardrobe, the Chamber and the Small Seals. Vol. 2. Manchester: Manchester University Press. OCLC 832154714.
- Watson, Fiona J. (1998). Under the Hammer: Edward I and the Throne of Scotland, 1286–1307. East Linton: Tuckwell Press. ISBN .
- Waugh, Scott L. (2004a). "Edmund, first earl of Kent (1301–1330)". (online ed.). Oxford, UK: Oxford University Press. doi:10.1093/ref:odnb/8506. (ต้องรับบริการหรือเป็นสมาชิกหอสมุดสาธารณะสหราชอาณาจักร)
- —— (2004b). "Thomas, 1st Earl of Norfolk (1300–1338)". (online ed.). Oxford, UK: Oxford University Press. doi:10.1093/ref:odnb/27196. (ต้องรับบริการหรือเป็นสมาชิกหอสมุดสาธารณะสหราชอาณาจักร)
- Wheatley, Abigail (2010). "Caernarfon Castle and its Mythology". ใน Williams, Diane; Kenyon, John (บ.ก.). The Impact of Edwardian Castles in Wales. Oxford: Oxbow Books. pp. 129–139. ISBN .
แหล่งข้อมูลอื่น
- พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 1 (royal.gov.uk)
- ปราสาทของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 1 ที่เวลส์ 2008-03-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
ก่อนหน้า | พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 1 แห่งอังกฤษ | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระเจ้าเฮนรีที่ 3 | พระมหากษัตริย์แห่งอังกฤษ (ราชวงศ์แพลนทาเจเน็ท) (ค.ศ. 1272 – ค.ศ. 1307) | พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 |
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
phraecaexdewirdthi 1 aehngxngkvs xngkvs Edward I of England 17 mithunayn kh s 1239 7 krkdakhm kh s 1307 hruxphranamedimkhux exdewird lxngaechngks xngkvs Edward Longshanks epnphramhakstriyxngkvsinrachwngsaephlnaethecentphraecaexdewirdthi 1 aehngxngkvsphramhakstriyxngkvskhrxngrachy17 phvscikayn kh s 1272 7 krkdakhm kh s 1307rachaphiesk19 singhakhm kh s 1274rchkalkxnhnaphraecaehnrithi 3 aehngxngkvsrchkalthdipphraecaexdewirdthi 2 aehngxngkvsphrarachsmphph17 mithunayn kh s 1239 phrarachwngewstminsetxr lxndxn xngkvsswrrkht7 krkdakhm kh s 1307 68 pi brfbayaesnds khmebxraelnd xngkvsphramehsieloxnxraehngkstiya smedcphrarachiniaehngxngkvs marekxritaehngfrngess smedcphrarachiniaehngxngkvsphrarachbutrphraecaexdewirdthi 2 aehngxngkvs kbxik 8 phraxngkhrachwngsaephlnaethecentphrarachbidaphraecaehnrithi 3 aehngxngkvsphrarachmardaexlinxraehngphrxwxngs smedcphrarachiniaehngxngkvs phraecaexdewirdthi 1 ruckkninnamwa Longshanks ephraaphrawrkaythisungraw 6 fut 2 niw hrux phuphrarachthankdhmay the Lawgiver ephraathrngepnphuptirupkdhmaykhxngxngkvs aela phuprabchawskxt Hammer of the Scots esdcphrarachsmphphemuxwnthi 17 mithunayn kh s 1239 thiphrarachwngewstminsetxrinkrunglxndxnkhxngpraethsxngkvs epnphrarachoxrsinphraecaehnrithi 3 aehngxngkvs aelaphranangexlinxraehngphrxwxngs idxphiesksmrskbeloxnxraehngkstiya aelatxmakbphranangmarekxritaehngfrngess aelathrngrachyrahwangwnthi 17 phvscikayn kh s 1272 cnesdcswrrkhtemuxwnthi 7 krkdakhm kh s 1307 thibrfbayaesnds khmebxraelnd xngkvs phraecaexdewird epnphramhakstriyphuidrbchychnatxewlsaelathrngphyayamprabpramskxtaelndaetimsaerc aemwaphraecaexdewirdthi 1 caepnphramhakstriyxngkvsphraxngkhthi 4 thimiphranamwa exdewird hlngcak phraecaexdewirdphuxawuos phraecaexdewirdmrnskkhi aelaphraecaexdewirdthrrmskkhi aetkarladbnamediywkndwytwelkhepnpraephnikhxngchawnxrmn channphraecaexdewirdsamphraxngkhthithrngpkkhrxngxngkvskxnhnakarphichitxngkvskhxngchawnxrmncungmiidrbkareriyngladbaetthrngichphrasmyyanamephuxbngkhwamaetktangkhxngaetlaphraxngkhaethn exdewird lxngaechngkhcungklayepnphraecaexdewirdthi 1 inpi kh s 2002 phraecaexdewirdthi 1 thrngidrbeluxkepnladb 94 inbrrdachawxngkvs 100 khnthithuxknwasakhythisud txngkarxangxing ebuxngtnphraecaexdewirdthi 1 esdcphrarachsmphphthiphrarachwngewstminsetxrinkrunglxndxnemuxkhawnthi 17 mithunayn kh s 1239 epnphraechsthakhxng aela exirlthi 1 aehngaelngaekhsetxr Edmund Crouchback 1st Earl of Lancaster phranamwa exdewird epnphranamthirbphrarachthantamphraecaexdewirdphuxawuos phraecaexdewirdmrnskkhi aelaphraecaexdewirdthrrmskkhi ephraaphraecaehnriphrarachbidathrngeluxmislththibuchankbuyexdewird emuxyngphraeyawphraxngkhthrngxyuinkhwamduaelkhxnghiwh kiffard bidakhxngphutxmaepnxkhrmhaesnabdiaelabichxpaehngwusetxr rahwangpi kh s 1239 cnkrathngkiffardesiychiwitinpi kh s 1246 hlngcaknnbarotholmiw ephkh Bartholomew Pecche krbhnathiaethn inbrrdaphrashayemuxyngthrngphraeyawkidaek Henry of Almain butrchaykhxngrichard exirlthi 1 aehngkhxrnwxllphraxnuchakhxngphraecaehnri dinaednphunaerkthiphraecaexdewirdthrngidrbphrarachthankhuxdinaedn aetinpi kh s 1248 pihnungkxnhnathicaphrarachthanihkbphraecaehnriphrarachoxrs thrngaetngtngih Simon de Montfort 6th Earl of Leicester ipepnkhahlwngthiepnewlaecdpi channaemwaexdewirdcamithanaepnecakhxngaeksokhniaetphraxngkhkimthrngmixanacaelarayidcakaeksokhniaetxyangid inpi kh s 1254 thangxngkvswitkwarachxanackrkstiyacarukranxanabriewnkhxngxngkvs ephuxepnkarpxngkncakkarrukranphraecaehnricungthrngtklngcdihphrarachoxrsesksmrskbeloxnxraehngkstiya phuthrngepnkungphrakhnistha half sister khxngphraecaxlfxnosthi 10 aehngkstiyaodymikhxtklnginkarxphiesksmrsthiphraecaxlfxnosthrngeriykrxngwaecachayexdewirdtxngthrngidrbmxbdinaednthimitharayid 15 000 markh nahnk txpi ecachayexdewirdkhnannyngmiphrachnmayuidimthung 15 phrrsa aemwaphraecaehnricaphrarachthansinsxdepncanwnphxsmkhwraetkmiidphrarachthankhwamepnxisraaekecachayexdewirdethaidnk ecachayexdewirdthrngidrbdinaednsahrbkaresksmrsthirwmthngdinaednswnihyinixraelndaelaewls aeladinaedninxngkvsexngthirwmthng aetphraecaehnriphrarachbidakyngthrngkumxanacinthidinthiphrarachthanaekphrarachoxrsodyechphaainixraelnd channxanackhxngecachayexdewirdcungmiephiyngcakd klangemuxngwxlaethmkhrxsinmnthlharthfxrdechxr ecachayexdewirdesksmrskbeloxnxraehngkstiya phrachnmayu 13 phrrsa emuxwnthi 1 phvscikayn kh s 1254 thi Abbey of Santa Maria la Real de Huelgas inkstiya thngsxngphraxngkhmiphraoxrsthidadwyknxyangnxysibhahruxsibhkphraxngkh karswrrkhtkhxngphranangexlinxrinpi kh s 1290 epnkarsuyesiythiihyhlwngaelaepnthiothmnstxphraecaexdewirdepnxnmak phraxngkhthungkbmiphrarachoxngkarihsrangephuxepnxnusrnaekphramehsithnghmdsibsxngxninthukthithikhbwnaehphrasphphkklangkhunrahwangthiekhluxnphracaklingkhxlnipyngewstminsetxraexbbiyinkrunglxndxn phraecaexdewirdesksmrsxikkhrngemuxphrachnmayu 60 phrrsathimhawiharaekhnethxrebxriemuxwnthi 10 knyayn kh s 1299 kbmaekxritaehngfrngess phrachnmayu 17 phrrsa phuruckkninphranam ikhmukaehngfrngess odyprachachnxngkvs maekxritepnphrarachthidakhxngphraecafilipthi 3 aehngfrngess filipphuklahay aela phraecaexdewirdaelaphranangmaekxritmiphrarachoxrsthidadwyknsamphraxngkh rahwangpi kh s 1254 thungpi kh s 1257 ecachayexdewirdthrngtkxyuphayitxiththiphlfkfayinrachsankthiruckknwa sawxyards Savoyards phuepnphrayatikhxngphranangexlinxraehngphrxwxngsphrarachmarda phuthiepnphunakhnsakhykhxngklumnikhuxphrapitulakhxngphrarachini tngaetpi kh s 1257 epntnipphraxngkhkthrngtkxyuphayitxiththiphlkhxngfaypwetaewnghruxlusiyxng phuepnkungphraxnuchakhxngphraxngkh thinaody William de Valence 1st Earl of Pembroke thngsxngklumnithuxwaepnklumchawtangpraethsthimixphisiththiehnuxkwaphuxun cungepnthiekliydchngaelatxtanodychnchnpkkhrxngkhxngxngkvskhwamthaeyxthayaneloxnxraehngkstiyaphramehsixngkhaerkmarekxritaehngfrngessphramehsixngkhthisxng ecachayexdewirdaelaexlinxresdcklbxngkvsinpi kh s 1255 aelathrngerimaesdngkhwamepnxisrathangdankaremuxngcakphrarachbidamatngaetpinn odykarthrngeluxkkhanginkrnikhwamkhdaeynginaeksokhnisungepnnobaythitrngknkhamkbphrarachbidathimkcathrngichkariklekliypranipranxm ineduxnphvsphakhm kh s 1258 klumkhunnang 58 khnthiimmikhwamphxictxkarpkkhrxngkhxngrthbalkrangexksarephuxeriykrxngihmikarptiruptxphraecaehnri exksarthiruckknwa Provisions of Oxford thiswnihyepnkharxngtxtanklumkhunnangechuxsayfrngesslusiyxng ecachayexdewirdthrngekhakhanglusiyxngaelathrngepnptipksxyangrunaerngtxbthbyyti aetkhbwnkarptirupprasbkhwamsaerc khwamkhidehnkhxngecachayexdewirdcungerimepliynaeplngaelaineduxnminakhm kh s 1259 phraxngkhkhnipepnfayediywkbphunakarptirup Richard de Clare 6th Earl of Hertford xyangepnthangkar aelaemuxwnthi 15 tulakhm kh s 1259 phraxngkhkthrngprakaswathrngsnbsnuncudprasngkhinkarptirupkhxngklumkhunnangaelaphunasimngaehngmngfxr ebuxnghlngkhxngkarepliynphrathykhxngecachayexdewirdxaccaepnephiyngephuxhaphlpraoychnethann ephraaismxnaehngmxngfxrtxyuinthanathicasnbsnunphraxngkhineruxngaeksokhniid emuxphraecaehnriesdcipfrngessineduxnphvscikaynecachayexdewirdkaekhngkhxodykarprathantaaehnnghnathitang ihaekkhunnangfayptirup phraecaehnrithrngechuxwaphrarachoxrsmiaephnthicaokhnrachbllngkkhxngphraxngkh hlngcakthiesdcklbxngkvsphraxngkhkimthrngyxmihecachayexdewirdekhaefa aetinthisudkthrngyxmemuxidrbkariklekliyodyexirlaehngkhxrnwxllaelabxnniefsaehngsawxyxarchbichxpaehngaekhnethxrebxri ineduxnphvscikaynpi kh s 1260 ecachayexdewirdkthuksngtwiptangpraeths sungthaihthrngmioxkasidiprwmtwkbfaylusiyxngphuthukenrethsklbipfrngessxikkhrng emuxesdcklbxngkvsemuxtnpi kh s 1262 ecachayexdewirdkthrngmikhwamkhdaeyngkbphnthmitrkhxngphraxngkhthangdankarengin pitxmaphraxngkhknakxngthphiprnrngkhinewlsephuxkarab Llywelyn the Last hrux Llywelyn ap Gruffydd aetkimidphlethaidnk inkhnaediywknismxnaehngmxngfxrtthixxkipcakxngkvstngaetpi kh s 1261 kklbmaaelamafunfukhbwnkarptirupkhxngkhunnangkhunxikkhrng phraecaehnriththrngyxmrbkhxeriykrxngkhxngkhunnangaetecachayexdewird phuhnmaekhakhangphrarachbida imthrngyxmaelahnklbipekhakbfaythiphraxngkhepnptipksinpikxnhnann thiidaek aela aelathrngekhayudphrarachwngwindesxrkhuncakklumphuptiwti thngsxngfaycungxyechiyihphraecahluysthi 9 aehngfrngessthrngepntulakarinkarecrcarahwangthngsxngfay thinamasungkhwamtklngthieriykwa khxtklngxaemiyng Mise of Amiens odyfaykstriyepnfayidepriybxnepnkarpurakthanipsukhwamkhdaeyngkhrngtxipkarsngkhramaephnthiaesdngkartxsuinexksarcakyukhklangaesdngphaphrangkhxngsimng edx mngfxrthithukyayiinsnamrbin rahwangpi kh s 1264 thungpi kh s 1267 epnchwngrayaewlakhxngsngkhramkhunnang Barons War sungepnkartxsurahwangfaykhunnangthinaody aelafayphusnbsnunkhxngphraecaehnri yuththkarkhrngaerkekidkhunthiklxsetxr sungecachayexdewirdthrngsamarthyudkhunidcakfaystru aetemux Robert de Ferrers 6th Earl of Derby ykkalngmasnbsnunphukxkar ecachayexdewirdkthrngecrcasngbsukkbexirlaehngdarbisungtxmaphraxngkhkthrnglaemidsyyasngbsukni caknnecachayexdewirdkesdcnathphipyudkhuncakbutrkhxngsimng edx mngfxr kxnthicaesdciptxbotkarrnrngkhinbriewndarbikhxngfaytrngkham inthisudfaykhunnangaelafaykstriykpathaknin Battle of Lewes emuxwnthi 14 phvsphakhm kh s 1264 aemwakxngthphkhxngecachayexdewirdcatxsuxyangklahayaetkthrngidrbkhwamphayaeph ecachayexdewirdaelathukcbepnechlyodyismxnaehngmxnfxrt ecachayexdewirdthrngthuknatwipcakhngxyucneduxnminakhmaelaaemhlngcakkarthrngthukpldplxyaelwkyngkhngthukkhwbkhumthukfikaw emuxwnthi 28 phvsphakhm phraxngkhkthrnghlbhniipkbphukhumaelaipsmthbkb Gilbert de Clare 7th Earl of Hertford phuthiephinghnmasnbsnunfaykstriyephiyngimnankxnhnann inkhnaediywknfaymngfxrkmiphusnbsnunnxylngcnthaihecachayexdewirdthrngsamarthyudwusetxraelaklxsetxrkhunidxyangngayday mngfxrcunghnipepnphnthmitrkbaelaerimnathphipthangtawnxxkipsmthbkbsimngthi 4 butrchay ecachayexdewirdsamarthcuocmfaymxnfxrtodyimrutwthi Kenilworth Castle emuxismxnthi 4 cnmumkxnthicathuktdxxkcakkalngkhxngismxnaehngmxnfxrt kxngkalngthngsxngcungpracnhnaknepnkhrngthisxngsungepnyuththkarihykhxngsngkhramkhunnangin Battle of Evesham emuxwnthi 4 singhakhm kh s 1265 simng edx mngfxrimmihnthangthicatxsukbkxngthphthimikalngehnuxkwaidaelainthisudkphayaeph thuksngharaelayayiklangsnamrb hlngcakkaresiychiwitkhxngsimngsngkhramkyngimyutilng ecachayexdewirdyngthrngdaeninkarrnrngkhtxip emuxmathungkhristmsphraxngkhkthrngthakhwamtklngkbsimngthi 4 aelaphusnbsnunthi Isle of Axholme inlingkhxlnechxr aelaineduxnminakhmphraxngkhksamarthocmtibriewn Cinque Ports inbriewnekhnthaelaidsaerc faykhasukthxyekhaipyudthimniwinsungepnprasaththiyaktxkarocmti faykxkarthiyudprasathiwimyxmaephcnkrathngmikarrangsyyapranipranxmthieriykwa Dictum of Kenilworth ineduxnemsayn swnbrryakasthwipthangdanxunkduehmuxnwaklxsetxrcarwmkxkarptirupkhunxikkhrngsungxaccathaihekidsngkhramkhunxik aetemuxthngsxngfayecrcatklngkninid sthankarnthikhukrunkralng aetecachayexdewirdmiidthrngmiswninkarecrcatklngkhrngniethaidnkephraamwaetthrnghniphmkmunkbkarwangaephnkaredinthangipekharwmkarthasngkhramkhruesdthicamathung sngkhramkhruesdaelakarkhunkhrxngrachy aephnthisngkhramkhruesdkhrngthi 9prasaththiemuxngexekhxr emuxwnthi 24 mithunayn kh s 1268 ecachayexdewirdphrxmkb phraxnuchaaelaphrayatithrngrbkangekhninphithikarxxksngkhramthiihyothruhra inbrrdaphurwmphithikmiphuepnstruekaechnexirlaehngklxsetxr aetthiinthisudklxsetxrkimidipsngkhram emuxbanemuxngrabkhablngpyhaediywinkarekharwmsngkhramkhuxkarkhadthunthrphyphraecahluysthi 9 aehngfrngessphuthrngepnphunainkarsngkhramkhrngnithrngihecachayexdewirdyumthunthrphysahrbkarthasngkhramepncanwnpraman 17 500 pxnd sungkepncanwnthiimephiyngphx kxnthiehluxidmacakkarekbphasikhrawas Laity sungimidbngkhbichknmatngaet kh s 1237 ineduxnphvsphakhm kh s 1270 rthsphakxnumtikarekb phasihnunginyisib sungepnkareriykekbphasicakthrphysinthiekhluxnihwidechnstweliyngepnxtrarxylaha ephuxepnkaraelkepliynkbkarthrngyxmrb mhakdbtr odyphraecaehnrixikkhrnghnung nxkcaknnkyngxnumtikdcakdsiththikhxngthurkickaryumenginkhxngchawyiwdwy emuxwnthi 20 singhakhm ecachayexdewirdkesdclngeruxcakodewxrephuxedinthangtxipyngfrngess imepnthithrabaennxnwakxngkalngthithrngnaipdwymicanwnethaid aetpramanknwakhngthrngnaxswinraw 225 khnphrxmthngthharthirwmdwyknthnghmdaelwkkhngimekinkwa 1 000 khn cudprasngkhaerkkhxngkaredinthangipsngkhramkephuxipchwykxngthphkhrisetiynthithuklxmxyuinthimnthiexekhxrinrachxanackreyrusaelm aetphraecahluysthrnghnthphipthangthunisthangaexfrikatxnehnuxkxn phraecahluysaelaphraxnuchacharlaehngxxngchuphutngtnepnkstriyaehngsisili tklngknocmtixiemiyr emir thangehnuxkhxngaexfrikaephuxyudepnthitngmninbriewntxnehnuxkhxngaexfrika aetimthrngprasbkhwamsaercaelatxngesiykalngthharipepncanwnmakdwyorkhrabadrwmthngphraecahluysexngkesdcswrrkhtemuxwnthi 25 singhakhm emuxecachayexdewirdesdcipthungthunis phraecacharls charlsaehngxxngchu kidipthrnglngphranaminsnthisyyasngbsukkbxiemiyreriybrxyipaelw karedinthangipsngkhramkhruesdkhxngecachayexdewirdcungthukeluxnipcnthungvduibimphlipitxma aetphayuraynxkfngsisilithaihphraecacharlsaela phukhrxngfrngesstxcakphraecacharls thrngepliynphrathyinkaredinhnatxipinkarthasngkhram ecachayexdewirdcungthrngtdsinphrathyedinthphtxipephiyngphraxngkhediywaelaemuxwnthi 9 phvsphakhm kh s 1271 phraxngkhkkhunfngthiexekhxr sthankarnindinaednskdisiththiemuxecachayexdewirdesdcipthungepnsthankarnthixxkcaepraabang eyrusaelmesiyemuxngipaelwinpi kh s 1187 exekhxrklayepnsunyklangsudthaythiehluxkhxngrachxanackreyrusaelmthiyngxyuphayitkarkhwbkhumkhxngkhrisetiyn praethsklumxislamodykarnakhxng Baibars aehng Bahri dynasty xyuinthanaidepriyb aeladucaepnxntraytxkhwammnkhngkhxngexekhxr aemwakxngthphkhxngphraxngkhcaepnswnsakhyinkarepnkxnghnunihexekhxraetkepnkxngkalngthiesiyepriybtxkxngthphthimiphlanuphaphmakkwakhxng khwamphyayamthicacuocm St Georges de Lebeyne thiimiklcakexekhxrineduxnmithunaynkprasbkhwamlmehlw karocmtikhxngmxngoklthi Aleppo insieriythangtxnehnuxthaiheskhwamsniccakexekhxrkhxngkxngthphfayxislamxyurayahnung ineduxnphvscikaynecachayexdewirdkthrngbukekhaplnsadm Qaqun khxngfaymuslim sungthayudidkxaccaichepnthimnsahrbkaryudkrungeyrusaelmkhunid aetthngkarrukrankhxngfaymxngoklaelakarrukrankhakhunkhxngphraxngkhtangklmehlw sthankarncungelwraylngtamladb channineduxnphvsphakhm kh s 1272 Hugh III of Cyprus phuepnphraecaaephndinkhxngrachxanackreyrusaelmephiynginnamkthrngyxmlngphranaminsyyasngbsuksibpikbibbars emuxerimaerkecachayexdewirdkimthrngyxmrbsyyani aethlngcakthithrngthuklxbtharayodynklxbsnghar assassin chawmuslimineduxnmithunaynaelw phraxngkhkthrngcatxngyxmhyudyngkarrnrngkhtxipaemwacathrngsngharnklxbsngharidktam cakkarlxbtharaykhrngnithaihthrngidrbbadecbthiphrakrodykrichxabyaaelathrngidrbbadecbtxmaxikhlayeduxnhlngcaknn ecachayexdewirdmiidesdcxxkcakexekhxrcnkrathngwnthi 24 knyayn aelaimidkhawkaresdcswrrkhtkhxngphrarachbidaemuxwnthi 16 phvscikaynpikxnhnanncnkrathngemuxesdcipthungsisili aemwacathrngmikhwamothmnstxkarsuyesiyaetmiidthaihthrngribesdcklbxngkvsinthnthi aetklbthrngkhxy esdcedinthangkhunipthangehnuxkhxngyuorpxyangsbay sungxaccaepnephraaphraphlanamyyngxxnaexxyu hruxxaccathrngmikhwamkhidwaimmikhwamcaepnthicatxngribrxnkid ephraasthankarnthangkaremuxnginxngkvskhnannxyuinsphaphthimnkhnghlngkarkhwamimsngbtang inklangkhriststwrrskxnhnann nxkcaknnphraecaexdewirdkthrngidrbkarprakasihepnphraecaaephndinthnthihlngcakphrarachbidaesdcswrrkhtaethnthicarxprakascnemuxidthakarswmmngkudphrarachphithibrmrachaphieskxyangechninxdit karprakasthnthicungklaymaepnpraephnithithaknmatngaetbdnn phraecaexdewirdesdcklbxngkvsthangaephndinodyesdcphanxitaliaelafrngess khnathiesdcphankrungormphraxngkhkekhaefaphrasntapapa aelaemuxphanfrngesskthrngthuxoxkasprabpramkarkxkhwamimsngbinaeksokhniipdwy phraecaexdewirdesdcklbthungxngkvsemuxwnthi 2 singhakhm kh s 1274 aelathrngekhathaphrarachphithirachaphieskemuxwnthi 19 singhakhm eswyrachsmbti emuxphraecaehnrithi 3esdcswrrkhtphraecaexdewirdkalngthasngkhramkhruesdxyuthangtawnxxk aetthrngmaidkhawkarswrrkhtthisisiliemuxphraxngkhesdcklbcakdinaednxnskdisiththiaelw inrayaaerkexdewirdmiphraprasngkhthicaichnam phraecaexdewirdthi 4 tamphranamkstriyaesksxnsamphraxngkhthipkkhrxngxngkvskxnhnann aetimthrabwacaepndwysaehtuidktam phraxngkhmaruckkninphranamwa phraecaexdewird odyimmiladbtwelkh emuxphrarachoxrsthimiphranamediywknkhuneswyrachykthrngichphranamwa phraecaexdewirdthi 2 aela phraecaexdewird cungklayepn phraecaexdewirdthi 1 sungepnkarrierimkarladbhmayelkhhlngphranamphramhakstriytngaetnxrmnidrbchychnatxxngkvsinpi kh s 1066 epntnma aemwaphranam exdewird caepnphranamthiichthngkxnaelahlngcaknxrmnidrbchychnaktam sngkhramkbewls prasathkhayrnarwxnepnhnunginprasathhlayprasaththimiphrabrmrachoxngkarihsrangkhunephuxichinkarkhwbkhumaelaprabpramkarkxkhwamimsngbinewls phrarachkrnikicchinaerkkhxngphraecaexdewirdkhuxkarthasngkhramephuxyudkhrxngewls hlngcaksngkhramkhunnangaelw Llywelyn the Last hrux Llywelyn ap Gruffydd kchwyoxkasphayitinpu kh s 1267 inkarkhyaydinaednipthangitcnipthungdinaedn Welsh Marches thiepnkhxngxngkvsaelaepnthiyxmrbknodythwipwaluwewllinkhuxecachayaehngewls aemwacayngswamiphkditxxngkvs aetphraecaexdewirdimthrngyxmrbsnthisyyadngklawthiphrarachbidaidthrnglngnamiw aelainpi kh s 1275 ocrsldkhxngphraecaexdewirdkybyngeruxthinathidakhxngcakpraethsfrngessipyngewlsephuxcaipaetngngankb aelathrngcakhngexelenxriwthiphrarachwngwindesxr hlngcakthiimyxmekhamaaesdngkhwamswamiphkditxphraxngkhinthanaemuxngkhuninpi kh s 1274 aelapi kh s 1275 phraecaexdewirdcungthrngrwbrwmkxngthphephuxykipprabpraminewlsepnkhrngaerkrahwangpi kh s 1276 cnthungpi kh s 1277 hlngcakthiphayaephaekphraecaexdewirdaelwkthukbngkhbihaesdngkhwamswamiphkdi phraecaexdewirdthrngyuddinaedntang thikriffudyudipkhun nxkcakdinaednephiyngelknxythi aetthrngyxmihrksataaehnngecachayaehngewlsiwaelathrngphrarachthanphrarachanuyatihaetngngankb inpi kh s 1282 nxngchaykhxngthiekhyepnphnthmitrkbxngkvsxyurayahnungerimaekhngkhxxikkhrnghnung aetphraecaexdewirdthrngprabpramidsaerc aelathrngcbmathrmanaelapraharchiwitinpitxma hlngcaknnkthrngkxsrangprasathhinihyothlayaehngtamchayaednrxbxngkvsaelainewlsexngephuxpxngkarkaraekhngkhxkhxngewls rachrthewlscungklaymaepnswnhnungkhxngrachxanackrxngkvsphayitinpi kh s 1284 aelainpi kh s 1301 nxkcaknnphraecaexdewirdkyngthrngsthapnaphrarachoxrsxngkhotkhunepnecachayaehngewlssungklaymaepnpraephnithiepntaaehnngsahrbphrarachoxrsxngkhotkhxngphramhakstriyxngkvsekuxbthukphraxngkhtxmacnthungthukwnni ykewnaetphraecaexdewirdthi 3 sngkhramkbskxtaelnd wileliym wxlelsphutxtanchawskxt hlngcakthithrngkarabewlsidsaerc phraecaexdewirdkthrnghnmathangskxtaelnd thrngtngphrathycacdkaresksmrsphrarachoxrsxngkhotkb aetmarkaertmaesiychiwitesiykxnodyimmiphusubechuxsaythiehnidchd khnaphuphithksskxtaelnd Scottish Guardians cungxyechiyihphraecaexdewirdmaepnphutdsinwaikhrkhwrcaepnphusubrachsmbtiskxtaelndtxip ephuxepnkarpxngknimihekidsngkhramaeyngrachsmbtikninskxtaelnd aetkxnthicamikhwamkhubhnaaetxyangid phraecaexdewirdkthrngeriykrxngihskxtaelndaetngtngphraxngkhkhunepn ecaphumixanacsungsudaehngskxtaelnd Lord Paramount of Scotland sungepntaaehnngsungsudinrachxanackr hlngcakkartxtaninrayaaerkskxtaelndkyxmrbkhxeriykrxngkhxngphraxngkh phraecaexdewirdthrngepnprathaninsalkhunnangthiprachumknthiprasathineduxnphvscikayn kh s 1292 thitdsinsnbsnun cxhn ballioxl phuthimisiththiinkarxangsiththiinrachbllngkmakkwaphuxun hlngcakthicxhnaehngskxtaelndkhunkhrxngrachyaelwphraecaexdewirdthrngichtaaehnng ecaphumixanacsungsudaehngskxtaelnd inkarldxanackhxngphraecaaephndinxngkhihmodykarthrngeriyktwballioxlmaaesdngkhwamswamiphkditxphraxngkhthiphrarachwngewstminsetxr inpi kh s 1293 nxkcaknnkyngthrngaesdngphraprasngkhihcxhnsnbsnunphraxngkhthngthangkarenginaelathangkarthharinkartxsukbfrngess ballioxlimsamarthyxmrbkhxeriykrxngkhxhlngniidaelahnipthasyyakbfrngessaelaetriymtwrukranxngkvs phraecaexdewirdthrngtxbotodykarnakxngthphthiprakxbdwythhar 25 000 khnekhathalayemuxng aelasngharprachachnipraw 11 000 khnsungepnprachachnekuxbthngemuxng rahwangkarrnrngkhinskxtaelndphraxngkhkthrngichekhruxngmuxyinghinthieriykwa Warwolf xyangaephrhlay hlngcakthithrngyudidaelw phraxngkhkthrngedinthphtxipyngdnbaraelaexdinbarahaelathrngnahinaehngsokhn Stone of Scone caklngmayngaexbbiewstminsetxr slarachsmbtiaelathukcakhnginhxkhxyaehnglxndxnxyusampikxnthicaedinthangipliphyphankxyuinfrngess ecakhxngthidinxisrathnghmdinskxtaelndthukbngkhbihsabankhwamswamiphkditxphraxngkh phraecaexdewirdthrngpkkhrxngskxtaelndechndinaednswnhnungkhxngrachxanackrxngkvsthinaodyxuprachxngkvs klumkartxtaninskxtaelndkerimkxtwkhun dusngkhramprakasxisrphaphskxtaelnd inbrrdakartxtanphraecaexdewirdthrngpraharchiwit wileliym wxlels emuxwnthi kh s 1305 hlngcakthithrngidrbchychnatxwxlelsthi inpi kh s 1298bnplayinbnplayphraecaexdewirdthrngsuyesiyphrarachinieloxnxraehngkstiyaphrachaya aelarchthayathkimthrngmibukhlikkhxngphunathiehnidchdtamphrarachprasngkh phraprasngkhthicaprabskxtaelndihrabkhabinkhnathiyngthrngmichiwitxyukimprasbkhwamsaerc phraecaexdewirdesdcswrrkhtemuxwnthi 7 krkdakhm kh s 1307 thiebxrhbayaesndsinkhmebxraelndimiklcakekhtaednskxtaelndkhnathithrngedinthphiprnrngkhklumphutxtanxikklumhnunginskxtaelndphayitkarnakhxng tamcdhmayehtuklawwaphraecaexdewirdmiphrarachprasngkhthicaihkxngthphkhngdaeninkartxiphlngcakkaresdcswrrkhtipaelw odykarnaphraxthikhxngphraxngkhipdwyaelaihnaphrahthykhxngphraxngkhipfngiwthidinaednxnskdisiththi aetphraecaexdewirdthi 2 miidptibtitamphrarachprasngkh aelathrngbrrcuphrabrmsphkhxngphrarachbidaiwthiaexbbiewstminsetxrphayinolngtakweriyb thitxmacarukdwykhawa Scottorum malleus hrux phuprabchnskxt rxewlathicaepliynepnolngthxngemuxskxtaelndthukprabpramsaercaelaklaymaepnswnhnungkhxngrachxanackrxngkvs emuxwnthi 2 phvscikayn kh s 1774 emuxsmakhmobrankhdiaehnglxndxnepidolngphrasphkphbwaphrawrkaykhxngphraecaexdewirdyngxyuinsphaphdiimenaepuxymaepnewla 467 pi rangkhxngphraxngkhyngnxnxyuinolngtakwedimaemwarachbllngkskxtaelndcarwmtwkbrachbllngkxngkvsinpi kh s 1603 emuxphraecaecmsthi 6 aehngskxtaelndkhunkhrxngrachbllngkxngkvsepnphraecaecmsthi 1 aehngxngkvshlngcaksmedcphrarachininathexlisaebththi 1 esdcswrrkht karrwmtwepnshphaphrahwangsxngxanackrmasaerctamphrarachbyytishphaph kh s 1707 inchuxwarachxanackrbrietnihyinrchsmykhxngsmedcphrarachininathaexnn phrarachoxrsesdckhunkhrxngrachytxcakphraxngkhinphranamwaphraecaexdewirdthi 2 aehngxngkvskarpkkhrxngaelakdhmayphrasathislksnphraecaexdewirdthi 1 thiaekhwnxyuthi ephraathrngepnphukxtngrabbrthsphainxngkvsaethn imechnphraecaehnrithi 3phrarachbidaphraecaexdewirdthi 1 thrngmikhwamsnphrathyinrabbkarpkkhrxngkhxngrthbalaelathrngrierimkarptiruphlaydanephuxihxanacinkarpkkhrxngkhxngrthbalaelakarbriharmatkxyuinmuxkhxngphramhakstriymakkhun rthsphaerimmikarprachumxyangepnpktimakkhuninrchsmykhxngphraxngkh aemcayngmixanacinkarekbphasixyangcakdaetkyngthrngidrbkarkhyayxanacinkarekbphasikhxngphraxngkhidkwangkhunkwainrchsmykhxngphrarachbida hlngcakthiesdcklbcaksngkhramkhruesdkhrngthi 9 inpi kh s 1274 aelwkmikarsubswnekiywkbkarichphrarachxanacinthangthiphidinradbthxngthin sungepnphlthithaihekidkar Hundred Rolls inpi kh s 1275 raylaexiydkhxngphrarachbyytiepnkarerimldxanackhxngphramhakstriy khxbkphrxngtang thiphbrahwangkarsubswnthaihekidphrarachbyytixikhlaychbbtlxdrchsmykhxngphraxngkh inpi kh s 1275 phrarachbyytiewstminsetxrchbbaerkkidrbkarxnumtiephuxaekikhkhxbkphrxngin phrarachbyytithikhlaykhlungknkidrbxnumtitxmaeruxycnorebirt ebxrenllthipruksakhnsnithkhxngphraxngkhesiychiwit inpi kh s 1292karprahtpraharchnyiwinpi kh s 1275 phraecaexdewirdthrngxxk Statute of the Jewry sungbngkahndkhxcakdtang thimiphltxinxngkvs khxthiednkidaekkarrabuwathurkickarkuenginodyeriykdxkebiysungepnthurkicthiphidkdhmay hruxchnyiwtxngtidekhruxnghmayehluxngbnesuxnxk phrarachkvsdikakhbil inpi kh s 1290 phraecaexdewirdthrngxxk Edict of Expulsion sungrabuilchawyiwthnghmdxxkcakxngkvs rahwangkarprahtpraharchnyiw phraxngkhkmiphrarachoxngkarcbhwhnachnyiwkwa 300 khnipcakhngiwthihxkhxyaehnglxndxnkxnthimiphrarachoxngkarihpraharchiwit nxkcaknnkyngmiilekhnkhachawyiwthiphbtambaneruxnaelayngthrngyudthrphysinkhxngchnyiwdwy saehtthithrngxxkphrarachkvsdikayngepnthithkethiyngknxyu bangkwaepnephraakhawluxthierimcahnahuthiklawhawachnyiwethiywilcbedkkhrisetiynkhaephuxnaipthaphithithangsasna aelaechphaainkrnikhxngphuthukcbinkhxhawakhaedkkhrisetiynthixxksfxrd xikehtuphlhnungklawwaepnephraaphlpraoychnthangkarengin aemwakarihkuengincaepnxachiphthiaephrhlayinhmuchnyiwaelabangkhrngkmikarklawhawaeriykdxkebiyekinkwaehtu aetxachiphnikmiidepnxachiphthithaenginidmakethaidnkemuxmathungrchsmykhxngphraxngkh chawyiwthukekbphasixyangsunginsmy phraecacxhn aelainsmykhxngphraecaehnrithi 3 phrarachbida nxkcaknnkxnpi kh s 1292 phraecaexdewirdkthrngidrbkarhnunhlngthangkarenginxyangphxephiyngcak Frescobaldi sungepnbristhkarenginkhxngxitali sungthaihehtuphlhlngniepnipidyak aetsaehtuthimiehtuphlthisudknacaepnkarthithrngidrbenginhnunhlngcakaehlngxunthiimichcakchnyiwkhnaediywkbthibrryakasinkarxyurwmknxyangphxnprnrahwangphutangsasnakerimldlnghlngcak Fourth Lateran Council inpi kh s 1215 nxkcaknnerakyngkhwrekhaicwakarkhbilchnyiwmiidekidechphaaaetinxngkvsaetepnbrryakaskhxngkartxtanchnyiwthiekidkhunodythwipinyuorpinkhriststwrrthi 13 echninkrnithifrngesskhbilchawyiwcakemuxngthukemuxng aelaphrarachmardakhxngphraxngkhexngkmikhasngilchnyiwxxkcakphrxwxngsinpi kh s 1275phrabrrphburus 16 ecffriythi 5 ekhantaehngxxngchu 8 phraecaehnrithi 2 aehngxngkvs 17 ckrphrrdinimathilda 4 phraecacxhnaehngxngkvs 18 wileliymthi 10 aehngxakiaetn 9 xalieynxraehngxakiaetn 19 2 phraecaehnrithi 3 aehngxngkvs 20 wileliymthi 6 ekhantaehngaehngxxngkuelm 10 aexmeyxr ekhantaehngaehngxxngkuelm 21 marekxritaehngturin 5 phranangxisaebllaaehngxxngkuaelm 22 11 xlis edx khxretheny 23 exlisaebth edx khxretheny 1 phraecaexdewirdthi 1 aehngxngkvs 24 phraecaxlfxnosthi 2 aehngxarakxn 12 25 6 26 ernuekhanthaehngfxrkhalekhiyr 13 ecxresndathi 2 aehngsabrn 27 aekrsxngdaehngfxrkhalekhiyr 3 phranangexlinxraehngphrxwxngs 28 14 29 ebiythrisaehngewnws 7 30 15 marekxritaehngecniwa 31 ebiythrisaehngfxsinyi phrarachoxrsthidaphrarachoxrsthidakbphranangexlinxr exelenxr raw 17 mithunayn kh s 1264 hruxxaccaepnkh s 1269 12 tulakhm kh s 1298 edimthrngepnkhuhmnkhxngphraecaxlfxnosthi 2 aehngxarakxnphuesdcswrrkhtkxnthicaidesksmrs txmaemuxwnthi 20 knyayn kh s 1293 esksmrskb ocn kh s 1265 kxnwnthi 7 knyayn kh s 1265 prasutithiparishruxxaccathiaexbebwill Ponthieu aelasinphrachnmthifrngess phrasphfngthiewstminsetxraexbbiy cxhn rawwnthi 10 krkdakhm kh s 1266 1 singhakhm hrux 3 singhakhm kh s 1271 xaccaprasutithiphrarachwngwindesxrhruxthi aelasinphrachnmthi khnathixyuinkhwamduaelkhxngphraxykarichard exirlthi 1 aehngkhxrnwxll phrasphfngthiewstminsetxraexbbiy kh s 1267 kh s 1268 14 tulakhm kh s 1274 prasutithiphrarachwngwindesxr aelaxaccasinphrachnmthiemxrtninhruxthiprasathkildfxrd aexlis smphphthiwngwudstxkh aelaxaccasinphrachnmemuxphrachnmayu 12 phrrsa bangkhrngechuxwaepnkhnkhnediywkbxissaebllaphuekidemuxeduxnminakhm kh s 1279 aetimnaepnkhxsnnisthanthithuktxngephraaxissaebllasinchiwitinpiediywkbpithiekid cueliyna kh s 1271 28 phvsphakhm hrux 5 knyayn kh s 1271 prasutithiexekhxrinpaelsitn ocnaehngexekhxr kh s 1272 23 emsayn kh s 1307 smphphthiexekhxrinpaelsitn esksmrskb aelatxmakb aelasinphrachnmthitahnkswnphraxngkhinsfoflkh 24 phvscikayn kh s 1273 19 singhakhm hrux 14 singhakhm kh s 1284 xaccaprasutithiebyxnn hruxthibxrods hruxthiaeksokhni hruxthiemn aelasinphrachnmthiphrarachwngwindesxr phrasphfngthiewstminsetxraexbbiy 11 knyayn kh s 1275 kh s 1318 smphphthiphrarachwngwindesxr esksmrskb phrasphfngthibrsesls eberneceriy 1 phvsphakhm kh s 1276 27 mithunayn kh s 1278 smphphthiwngekhmphetnin esksmrskbx phrasphfngthiaexbbiewstminsetxr aemri 11 minakhm hrux kh s 1278 8 krkdakhm kh s 1332 smphphthiphrarachwngwindesxr thrngbwchepnchiaelaprathbthiin xissaeblla 12 minakhm kh s 1279 kh s 1279 xaccasmphphthiwngwudstxkh hruxthiprasathmarlebrxin phrasphfngthiaexbbiewstminsetxr kh s 1282 raw 5 phvsphakhm kh s 1316 smphphthiprasathrddaelninewls esksmrskhrngaerkkb khrngthisxngkb khrngthisamkb aelasinphrachnmcakkarihkaenidphrabutrthiekhwnedninexsesks phrasphfngthiaexbbiwxledninexsesks phraecaexdewirdthi 2 aehngxngkvs 25 emsayn kh s 1284 21 knyayn kh s 1327 esdcphrarachsmphphthiprasathkhayrnarwxninewls esksmrskbxisaebllaaehngfrngess aelasinphrachnmodythukplngphrachnmthiprasathbarkhliyin phrabrmsphfngthimhawiharklxsetxr ebiythris hlngwnthi 12 singhakhm kh s 1286 xaccasmphphthihruxxakiaetn blanch kh s 1289 kh s 1290 phrarachoxrsthidakbphranangmaekxrit 1 mithunayn kh s 1300 4 singhakhm hrux 20 knyayn kh s 1338 prasutithibraethxtnin esksmrskbaexlis ehls aelatxmakbaemri brus phrasphfngthiebxriesntexdmnd 5 singhakhm kh s 1301 19 minakhm kh s 1330 prasutithiwngwudstxkh esksmrskb aelasinphrachnmdwykarthuksngharodyxisaebllaaehngfrngessaela hlngcakphraecaexdewirdthi 2 thukokhnrachbllngk exlinxr 4 phvsphakhm kh s 1306 kh s 1311 smphphthiwinechsetxraelasinphrachnmthiin phrasphfngthixarambiwliinduephimrachxanackrxngkvs rachxanackrskxtaelnd rachxanackreyrusaelm sngkhramkhruesdxangxingrachbnthitysthan saranukrmpraethsinthwipyuorp chbbrachbnthitysthan rachbnthitysthan 2550 hna 246 Because of his 6 foot 2 inch 188 cm frame as compared with an average male height of 5 foot 7 inch 170 cm at the time His tombstone reads Edwardus Primus Scotorum Malleus hic est 1308 Pactum Serva Latin for Here is Edward I Hammer of the Scots though this inscription was probably added in the 16th century ephrstwikh exdewirdthi 1 4 phcnanukrmchiwprawtiaehngchatixxksfxrd exdewirdthi 1 aehngxngkvs Prestwich 1997 pp 5 6 Prestwich 2004 Prestwich 1997 pp 7 8 Morris 2008 pp 14 8harvnb error no target CITEREFMorris2008 Prestwich 1997 p 10 Prestwich 1997 p 11 Prestwich 1997 pp 11 4 Morris 2008 p 20harvnb error no target CITEREFMorris2008 Morris 2008 p 231harvnb error no target CITEREFMorris2008 Morris 2008 pp 230 1harvnb error no target CITEREFMorris2008 Prestwich 2007 p 96harvnb error no target CITEREFPrestwich2007 Morris 2008 p 7harvnb error no target CITEREFMorris2008 Henry III s mother Isabella of Angouleme married Hugh X of Lusignan after the death of King John of England Prestwich 2005 p 94 Prestwich 2007 p 95harvnb error no target CITEREFPrestwich2007 Prestwich 1997 pp 15 6 Carpenter David 1985 The Lord Edward s oath to aid and counsel Simon de Montfort 15 October 1259 Bulletin of the Institute of Historical Research 58 226 37 Prestwich 1997 pp 31 2 Prestwich 1997 pp 32 3 Morris 2008 pp 44 5harvnb error no target CITEREFMorris2008 Prestwich 1997 p 34 Powicke 1962 pp 171 2 Maddicott 1994 p 225 Prestwich 1997 p 41 Prestwich 2007 p 113harvnb error no target CITEREFPrestwich2007 This conflict is often referred to as the Second Barons War to distinguish it from the civil war or the First Barons War of 1215 1217 Prestwich 1997 pp 42 3 Sadler 2008 pp 55 69 Prestwich 1997 pp 47 8 This was Gilbert de Clare 7th Earl of Hertford son of the aforementioned Richard de Clare 6th Earl of Hertford Prestwich 1997 pp 48 9 Prestwich 1997 pp 49 50 Powicke 1962 pp 201 2 Sadler 2008 pp 105 9 Prestwich 1997 p 55 The Dictum restored land to the disinherited rebels in exchange for a fine decided by their level of involvement in the wars Prestwich 2007 p 117harvnb error no target CITEREFPrestwich2007 khxsakhyinkhxtklngkhuxphuthithukyudthrphysinipkxnhnannsamartheriykthidinkhun kxn thicacaykhaprbPrestwich 2007 p 121harvnb error no target CITEREFPrestwich2007 Prestwich 1997 p 63 Morris 2008 pp 83 90 2harvnb error no target CITEREFMorris2008 Prestwich 1997 p 71 Prestwich 1997 p 72 This meant a grant of 1 20 of all movable property 1989 The Crusade Taxation of 1268 70 and the Development of Parliament in P R Coss S D Lloyd b k Thirteenth Century England II Woodbridge Boydell Press pp 93 117 ISBN 0851155138 Morris 2008 p 92harvnb error no target CITEREFMorris2008 Riley Smith 2005 p 210 The disease in question was either dysentery or typhus Riley Smith 2005 pp 210 1 Riley Smith 2005 p 211 Prestwich 1997 p 75 Morris 2008 p 95harvnb error no target CITEREFMorris2008 Prestwich 1997 p 76 Morris 2008 pp 97 8harvnb error no target CITEREFMorris2008 Prestwich 1997 p 77 The anecdote of Queen Eleanor saving Edward s life by sucking the poison out of his wound is almost certainly a later fabrication Prestwich 1997 p 78 Prestwich 1997 pp 78 82 Prestwich 1997 p 82 Though no written proof exists it is assumed that this arrangement was agreed on before King Edward s departure Morris 2008 p 104harvnb error no target CITEREFMorris2008 Prestwich 1997 pp 82 5 Powicke 1962 p 226 Carpenter 2003 p 386harvnb error no target CITEREFCarpenter2003 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2007 07 07 subkhnemux 2007 07 08 saranukrmaehngbrietnihyaelaixraelndekhmbridc hna 126 sankphimphmhawithyalyekhmbridc kh s 1985brrnanukrm 1965 Robert Bruce and the Community of the Realm of Scotland London Eyre and Spottiswoode OCLC 655056131 Brand Paul 2003 Kings Barons and Justices The Making and Enforcement of Legislation in Thirteenth Century England Cambridge Cambridge University Press ISBN 0 521 37246 1 Brears Peter 2010 Food Supply and Preparation at the Edwardian Castles in Williams Diane Kenyon John b k The Impact of Edwardian Castles in Wales Oxford Oxbow Books pp 85 98 ISBN 978 1 84217 380 0 Brown A L Alfred Lawson 1989 The Governance of Late Medieval England 1272 1461 London Edward Arnold ISBN 0 804 71730 3 16832664M Burt Caroline 2013 Edward I and the Governance of England 1272 1307 Cambridge University Press ISBN 978 0 521 88999 5 2007 King Henry III and Saint Edward the Confessor the origins of the cult English Historical Review cxxii 498 doi 10 1093 ehr cem214 1985 The Lord Edward s oath to aid and counsel Simon de Montfort 15 October 1259 Bulletin of the Institute of Historical Research 58 138 226 237 doi 10 1111 j 1468 2281 1985 tb01170 x 2004 The Struggle for Mastery Britain 1066 1284 London Penguin Books ISBN 978 0 140 14824 4 7348814M Cathcart King David James 1988 The Castle in England and Wales An Interpretative History London Croom Helm ISBN 0 918 40008 2 Cazel Fred A 1991 Edward I by Michael Prestwich Speculum 66 1 225 227 doi 10 2307 2864011 JSTOR 2864011 Chancellor John 1981 The Life and Times of Edward I London Weidenfeld amp Nicolson ISBN 0 297 77840 4 3817070M Coldstream Nicola 2010 James of St George in Williams Diane Kenyon John b k The Impact of Edwardian Castles in Wales Oxford Oxbow Books pp 37 45 ISBN 978 1 842 17380 0 Cornell David 2009 Bannockburn The Triumph of Robert the Bruce Yale University Press ISBN 978 0 300 14568 7 OCLC 256769491 23958360M 2000 The Age of Conquest Wales 1063 1415 Oxford University Press ISBN 0 198 20878 2 1984 R A Griffiths I G Jones b k Welsh Society and Nationhood Cardiff University of Wales Press ISBN 0 7083 0890 2 Denton J H 1989 Edward I by Michael Prestwich English Historical Review 104 413 981 984 doi 10 1093 ehr CIV 413 981 Duffy Mark 2003 Royal Tombs of Medieval England Stroud Tempus ISBN 978 0 7524 2579 5 Friar Stephen 2003 The Sutton Companion to Castles Stroud Sutton Publishing ISBN 978 0 750 93994 2 Gillingham John 2008 Times Literary Supplement London Times Literary Supplement khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2020 03 25 subkhnemux 2023 02 15 Gorski Richard 2009 Botetourt John first Lord Botetourt d 1324 online ed Oxford UK Oxford University Press doi 10 1093 ref odnb 2966 txngrbbrikarhruxepnsmachikhxsmudsatharnashrachxanackr Haines Roy Martin 2003 King Edward II His Life his Reign and its Aftermath 1284 1330 Montreal Canada and Kingston Canada McGill Queen s University Press ISBN 978 0 773 53157 4 Hamilton J S 2010 The Plantagenets History of a Dynasty Continuum ISBN 978 1 441 15712 6 28013041M Harding V 2002 The Dead and the Living in Paris and London 1500 1670 Cambridge University Press ISBN 978 0 521 81126 2 1975 King Parliament and Public Finance in Medieval England to 1369 Oxford University Press ISBN 0 198 22435 4 5255143M Goldsmith Jeremy 2009 A Great and Terrible King Edward I and the Forging of Britain Reviews in History University of London ISSN 1749 8155 Jenks Edward 1902 Edward Plantagenet The English Justinian or the Making of Common Law New York G P Putnam s Sons ISBN 0 836 95070 4 8205523M Jobson Adrian 2012 The First English Revolution Simon de Montfort Henry III and the Barons War London UK Bloomsbury ISBN 978 1 847 25226 5 Krieger Larry Neill Kenneth Jantzen Steven 1992 World History Perspectives on the Past D C Health and Company ISBN 0 669 25598 X 7629944M Lilley Keith D 2010 The Landscapes of Edward s New Towns Their Planning and Design in Williams Diane Kenyon John b k The Impact of Edwardian Castles in Wales Oxford Oxbow Books pp 99 113 ISBN 978 1 842 17380 0 Lloyd Simon 1986 Gilbert de Clare Richard of Cornwall and the Lord Edward s Crusade Nottingham Medieval Studies 30 46 66 doi 10 1484 J NMS 3 133 Loomis Roger Sherman 1953 Edward I Arthurian Enthusiast Speculum 28 1 114 127 doi 10 2307 2847184 JSTOR 2847184 S2CID 164043032 1983 The Mise of Lewes 1264 English Historical Review 98 338 588 603 doi 10 1093 ehr xcviii ccclxxxviii 588 1989 The Crusade Taxation of 1268 70 and the Development of Parliament in P R Coss S D Lloyd b k Thirteenth Century England Vol 2 Woodbridge Boydell Press pp 93 117 ISBN 0 85115 513 8 1994 Simon de Montfort Cambridge University Press ISBN 0 521 37493 6 2010 The Origins of the English Parliament 924 1327 Oxford University Press ISBN 978 019 958550 2 1981 The Nobility of Later Medieval England London Hambledon ISBN 0 950 68825 8 Morris Marc 2009 A Great and Terrible King Edward I and the Forging of Britain London Windmill Books ISBN 978 0 09 948175 1 Parsons John Carmi 2008 Margaret 1279 1318 online ed Oxford UK Oxford University Press doi 10 1093 ref odnb 18046 txngrbbrikarhruxepnsmachikhxsmudsatharnashrachxanackr 1984 The Year of Eleanor of Castile s Birth and her Children by Edward I Medieval Studies XLVI doi 10 1484 J MS 2 306316 2011 Edward II New Haven US and London UK Yale University Press ISBN 978 0 300 17802 9 Plucknett Theodore Frank Thomas 1949 Legislation of Edward I Oxford Clarendon Press OCLC 983476 1947 King Henry III and the Lord Edward The Community of the Realm in the Thirteenth Century Oxford Clarendon Press OCLC 1044503 1962 The Thirteenth Century 1216 1307 2nd ed Oxford Clarendon Press OCLC 3693188 1972 War Politics and Finance under Edward I London Faber and Faber ISBN 0 571 09042 7 1997 Edward I English Monarchs Yale University Press ISBN 978 0 300 07209 9 704063M 2003 The Three Edwards War and State in England 1272 1377 2nd ed London UK Routledge ISBN 978 0 415 30309 5 2005 Plantagenet England 1225 1360 new ed Oxford University Press ISBN 978 019 822844 8 3404029M 2008 Edward I 1239 1307 Oxford Dictionary of National Biography Oxford University Press doi 10 1093 ref odnb 8517 ISBN 978 019 861412 8 subkhnemux 28 February 2019 txngrbbrikarhruxepnsmachikhxsmudsatharnashrachxanackr 2010 Edward I and Wales in Williams Diane Kenyon John b k The Impact of Edwardian Castles in Wales Oxford Oxbow Books pp 1 8 ISBN 978 1 842 17380 0 Raban Sandra 2000 England Under Edward I and Edward II 1259 1327 Oxford Blackwell ISBN 978 0 631 22320 7 22376314M 2005 The Crusades A History London Continuum ISBN 0 826 47269 9 2013 The Coronation Chair and Stone of Scone History Archaeology and Conservation Oxford Oxbow Books ISBN 9781782971528 1958 The Sicilian Vespers A History of the Mediterranean World in the Later Thirteenth Century Cambridge University Press ISBN 978 1 107 60474 2 2008 The Second Barons War Simon de Montfort and the Battles of Lewes and Evesham Barnsley Pen and Sword Military ISBN 978 1 844 15831 7 1968 Edward I London Constable ISBN 0 486 12766 4 18353247M Spencer Andrew 2014 Nobility and Kingship in Medieval England The Earls and Edward I 1272 1307 Cambridge University Press ISBN 978 1 107 02675 9 1880 The Constitutional History of England Vol 2 Oxford Clarendon Sutherland Donald 1963 Quo Warranto Proceedings in the Reign of Edward I 1278 1294 Oxford Clarendon Press OCLC 408401 Templeman G 1950 Edward I and the Historians Cambridge Historical Journal 10 1 16 35 doi 10 1017 S1474691300002663 JSTOR 3021067 1920 Chapters in the Administrative History of Mediaeval England The Wardrobe the Chamber and the Small Seals Vol 2 Manchester Manchester University Press OCLC 832154714 Watson Fiona J 1998 Under the Hammer Edward I and the Throne of Scotland 1286 1307 East Linton Tuckwell Press ISBN 1 862 32031 4 Waugh Scott L 2004a Edmund first earl of Kent 1301 1330 online ed Oxford UK Oxford University Press doi 10 1093 ref odnb 8506 txngrbbrikarhruxepnsmachikhxsmudsatharnashrachxanackr 2004b Thomas 1st Earl of Norfolk 1300 1338 online ed Oxford UK Oxford University Press doi 10 1093 ref odnb 27196 txngrbbrikarhruxepnsmachikhxsmudsatharnashrachxanackr Wheatley Abigail 2010 Caernarfon Castle and its Mythology in Williams Diane Kenyon John b k The Impact of Edwardian Castles in Wales Oxford Oxbow Books pp 129 139 ISBN 978 1 842 17380 0 aehlngkhxmulxunphraecaexdewirdthi 1 royal gov uk prasathkhxngphraecaexdewirdthi 1 thiewls 2008 03 25 thi ewyaebkaemchchinkxnhna phraecaexdewirdthi 1 aehngxngkvs thdipphraecaehnrithi 3 phramhakstriyaehngxngkvs rachwngsaephlnthaecenth kh s 1272 kh s 1307 phraecaexdewirdthi 2