ทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้า (อังกฤษ: Electromagnetism) เป็นสาขาหนึ่งของวิชาฟิสิกส์ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา แรงแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งเป็นปฏิสัมพันธ์ทางกายภาพชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นระหว่างอนุภาคใด ๆ ที่มีประจุไฟฟ้า แรงแม่เหล็กไฟฟ้านั้นถูกส่งผ่านโดย (Electromagnetic field) ที่ประกอบไปด้วยสนามไฟฟ้า และสนามแม่เหล็ก และเป็นต้นเหตุของการแผ่รังสีแม่เหล็กไฟฟ้าเช่นแสง แรงแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นหนึ่งในสี่ปฏิสัมพันธ์พื้นฐาน (เรียกอีกแบบเป็น แรง) ในธรรมชาติ อีกสามแรงพื้นฐานได้แก่ อันตรกิริยาอย่างเข้ม, อันตรกิริยาอย่างอ่อน และแรงโน้มถ่วง
แม่เหล็กไฟฟ้ามาจากภาษาอังกฤษ electromagnet คำนี้ป็นรูปแบบผสมของคำภาษากรีกสองคำได้แก่ ἤλεκτρον (ēlektron) หมายถึง อิเล็กตรอน และ μαγνῆτιςλίθος (magnētis lithos) ซึ่งหมายถึง "หินแม่เหล็ก" ซึ่งเป็นแร่เหล็กชนิดหนึ่ง ปรากฏการณ์แม่เหล็กไฟฟ้าถูกนิยามในความหมายของแรงแม่เหล็กไฟฟ้า บางครั้งถูกเรียกว่าแรงลอเรนซ์ ซึ่งประกอบด้วยทั้งไฟฟ้าและแม่เหล็กในฐานะที่เป็นสององค์ประกอบของปรากฏการณ์เดียวกัน
แรงแม่เหล็กไฟฟ้ามีบทบาทสำคัญในการกำหนดคุณสมบัติภายในของวัตถุส่วนใหญ่ที่พบในชีวิตประจำวัน สสารทั่วไปจะได้รูปของมันจากผลของ (Intermolecular force) ของโมเลกุลแต่ละตัวในสสาร แรงแม่เหล็กไฟฟ้าระหว่างนิวเคลียสและอิเล็กตรอนยึดเหนี่ยวอิเล็กตรอนตามกลไกคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเข้ากับวงโคจรรอบนิวเคลียส และยึดเหนี่ยวอะตอมไว้ด้วยกันซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของโมเลกุล แรงแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นตัวการให้เกิดพันธะเคมีระหว่างอะตอมทำให้เกิดโมเลกุลและแรงระหว่างโมเลกุล กระบวนการนี้จะควบคุมกระบวนการที่เกี่ยวข้องทั้งหลายในทางเคมีซึ่งเกิดขึ้นจากการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างอิเล็กตรอนในวงโคจรของอะตอมหนึ่งกับอิเล็กตรอนอื่นในวงโคจรของอะตอมที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งจะถูกกำหนดโดยการปฏิสัมพันธ์ระหว่างแรงแม่เหล็กไฟฟ้ากับโมเมนตัมของอิเล็กตรอนเหล่านั้น
มีจำนวนมาก ใน (classical electrodynamics) สนามไฟฟ้าจะอธิบายถึงศักย์ไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า ในกฎของฟาราเดย์ สนามแม่เหล็กจะมาพร้อมกับและแม่เหล็ก, และจะอธิบายว่า สนามไฟฟ้าและสนามแม่เหล็กถูกสร้างขึ้นได้อย่างไร มีการเปลี่ยนแปลงซึ่งกันและกันอย่างไร และมีการเปลี่ยนแปลงโดยประจุและกระแสได้อย่างไร
นัยยะทางทฤษฎีของแม่เหล็กไฟฟ้า โดยเฉพาะการสถาปนาความเร็วของแสงที่ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของ "ตัวกลาง" การกระจายคลื่น (( (permeability) และแรงต้านสนามไฟฟ้า) นำไปสู่การพัฒนาทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษโดย อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ในปี 1905
แม้ว่าแรงแม่เหล็กไฟฟ้าถือเป็นหนึ่งในสี่แรงพื้นฐาน แต่ที่ระดับพลังงานสูงอันตรกิริยาอย่างอ่อนและแรงแม่เหล็กไฟฟ้าถูกรวมเป็นสิ่งเดียวกัน เช่นในประวัติศาสตร์ของจักรวาลในช่วงยุคควาร์ก (Electroweak interaction) จะหมายถึงแรง(แม่เหล็ก)ไฟฟ้า + (อันตรกิริยาอย่าง)อ่อน
ประวัติของทฤษฎี
แต่เดิม ไฟฟ้าและแม่เหล็กถูกคิดว่าเป็นสองแรงแยกออกจากกัน ความคิดนี้เปลี่ยนไปเมื่อหนังสือชื่อ ของเจมส์ เคลิร์ก แมกซ์เวลล์ ถูกพิมพ์ขึ้นในปี ค.ศ. 1873 บ่งว่า ปฏิสัมพันธ์ของประจุบวกและประจุลบถูกควบคุมโดยแรงเดียว ผลของการปฏิสัมพันธ์ทำให้เกิดผลกระทบสี่เรื่องหลัก ๆ ผลกระทบเหล่านี้สามารถสาธิตให้ดูได้จากการทดลอง ดังนี้
- ประจุไฟฟ้าดูดหรือผลักกันด้วยแรงที่เป็นกับระยะทางกำลังสองระหว่างประจุนั้น ประจุต่างกันดูดกัน ประจุเหมือนกันผลักกัน
- ขั้วแม่เหล็ก (หรือสภาวะการวางตัวที่จุดใด ๆ) ดูดและผลักกันในทำนองเดียวกัน และขั้วแม่เหล็กมาเป็นคู่เสมอ คือขั้วเหนือและขั้วใต้
- กระแสไฟฟ้าที่ไหลในเส้นลวดสร้างสนามแม่เหล็กเป็นวงกลมรอบเส้นลวดนั้น ทิศทางของสนามแม่เหล็ก (ตามเข็มหรือทวนเข็มนาฬิกา) ขึ้นอยู่กับทิศทางของกระแสในเส้นลวด
- กระแสไฟฟ้าจะถูกเหนี่ยวนำในขดลวด เมื่อขดลวดเคลื่อนที่เข้าหรือออกจากสนามแม่เหล็ก หรือแม่เหล็กเคลื่อนที่เข้าหรือออกจากขดลวด ทิศทางของกระแสขึ้นอยู่กับการเคลื่อนที่
ในขณะที่ฮันส์ คริสเทียน เออร์สเตด กำลังเตรียมการสอนในตอนเย็นของวันที่ 21 เมษายน ค.ศ. 1820 เขาได้สังเกตเห็นสิ่งน่าแปลกใจบางอย่าง เขาสังเกตเห็นเข็มทิศขยับออกจากทิศเหนือเมื่อกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรีที่เขาใช้อยู่ถูกปิดหรือเปิด การเคลื่อนไหวนี้ทำให้เขามั่นใจว่าสนามแม่เหล็กถูกแผ่ออกมาจากทุกด้านของลวดที่มีกระแสไหลผ่าน เหมือนกับที่แสงและความร้อนแผ่รังสีออกมา และเป็นการยืนยันความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างไฟฟ้าและอำนาจแม่เหล็ก
ในตอนนั้น เออร์สเตด ไม่ได้ให้คำอธิบายของปรากฏการณ์อันนั้นให้เป็นที่น่าพอใจได้ และก็ไม่ได้พยายามที่จะนำเสนอปรากฏการณ์ในรูปแบบของคณิตศาสตร์ อย่างไรก็ตาม อีกสามเดือนต่อมา เขาก็เริ่มค้นคว้าหาสาเหตุอย่างจริงจัง ไม่นานเขาก็พิมพ์สิ่งที่เขาค้นพบ พิสูจน์ว่ากระแสไฟฟ้าสร้างสนามแม่เหล็กเมื่อมีกระแสไหลผ่านเส้นลวด คำว่า จึงเป็นหน่วยวัดการเหนี่ยวนำของแม่เหล็ก ถูกตั้งให้เป็นเกียรติแก่เขาในฐานะมีคุณูปการต่อวิชาการด้านทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้า
การค้นพบของเออร์สเตดมีผลทำให้มีการค้นคว้าในกลุ่มนักวิทยาศาสตร์กันอย่างมากมายในเรื่อง พลศาสตร์ไฟฟ้า หรืออิเล็กโทรไดนามิกส์ (electrodynamics; การปฏิสัมพันธ์ระหว่างไฟฟ้าและแม่เหล็ก) สาขานี้มีอิทธิพลต่อนักฟิสิกส์ชาวฝรั่งเศสชื่อ อ็องเดร-มารี อ็องแปร์ ที่พัฒนารูปแบบทางคณิตศาสตร์แบบเดียวเพื่อแสดงอำนาจแม่เหล็กระหว่างตัวนำหลายตัวที่มีกระแสไหลผ่าน การค้นพบของเออร์สเตดยังเป็นก้าวสำคัญในการทำให้กรอบความคิดเกี่ยวกับพลังงานเป็นหนึ่งเดียว
การเป็นหนึ่งเดียวนี้ซึ่งถูกสังเกตการณ์โดยไมเคิล ฟาราเดย์ ขยายเพิ่มเติมโดยเจมส์ เคลิร์ก แมกซ์เวลล์ และสูตรบางส่วนถูกสร้างขึ้นมาโดย และไฮน์ริช เฮิร์ตซ์ เป็นความสำเร็จที่สำคัญสำหรับฟิสิกส์เชิงคณิตศาสตร์ในศตวรรษที่ 19 และส่งผลกระทบอย่างกว้างไกล หนึ่งในนั้นก็คือความเข้าใจในธรรมชาติของแสง ต่างจากสิ่งที่ถูกนำเสนอในทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้าในขณะนั้น แสงและคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอื่น ๆ ในปัจจุบันถูกมองว่าอยู่ในรูปของปริมาณที่แน่นอน เป็นสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่แผ่กระจายออกไปด้วยตัวเองในรูปคลื่นไปมาซึ่งถูกเรียกว่าโฟตอน ความถี่ในการแกว่งที่ต่างกันทำให้เกิดรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าในรูปแบบที่แตกต่างกัน จากคลื่นวิทยุที่มีความถี่ต่ำสุด แสงมองเห็นได้ทีมีความถี่ขนาดกลาง ไปจนถึงรังสีแกมมาทีมีความถี่สูงสุด
เออร์สเตดไม่ใช่คนเดียวที่ทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างไฟฟ้ากับแม่เหล็ก ในปี ค.ศ. 1802 นักวิชาการกฎหมายชาวอิตาลี ขยับเข็มแม่เหล็กด้วย (voltaic pile) ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าการจัดเตรียมการทดลองจริง ๆ เป็นเช่นไร หรือมีกระแสไหลผ่านเข็มหรือไม่ การค้นพบถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์อิตาลีในปี ค.ศ. 1802 แต่ถูกกลุ่มนักวิทยาศาสตร์มองข้ามไปในสมัยนั้น เพราะโรมัญโญซีไม่ได้อยู่ในกลุ่มสังคมนั้น
(ค.ศ. 1735) การเชื่อมโยงระหว่างไฟฟ้าและแม่เหล็กที่มีมาก่อนและมักถูกมองข้ามนั้นถูกบันทึกไว้โดย ดร. คุกสัน ในบันทึกนั้นกล่าวว่า:
A tradesman at Wakefield in Yorkshire, having put up a great number of knives and forks in a large box ... and having placed the box in the corner of a large room, there happened a sudden storm of thunder, lightning, &c. ... The owner emptying the box on a counter where some nails lay, the persons who took up the knives, that lay on the nails, observed that the knives took up the nails. On this the whole number was tried, and found to do the same, and that, to such a degree as to take up large nails, packing needles, and other iron things of considerable weight ...
แปล: พ่อค้าคนหนึ่งที่ยอร์คเชียร์ หลังจากได้ใส่มีดและส้อมจำนวนมากลงในกล่องใหญ่ ... และได้วางกล่องไว้ในมุมของห้องขนาดใหญ่ ทันใดก็ได้มีพายุฟ้าผ่า ฟ้าแลบ ฯลฯ ... เจ้าของได้เทของลงบนโต๊ะซึ่งมีตะปูนอนอยู่ คนที่หยิบมีดซึ่งนอนอยู่บนตะปูขึ้นมา จะพบว่าตะปูติดมีดขึ้นมาด้วย พวกเขาได้ลองทำอย่างนี้กับที่เหลือ และพบว่าเป็นเช่นเดียวกัน และนั่นเป็นถึงว่าสามารถยกตะปูขนาดใหญ่ เข็มเย็บห่อผ้าใบ และวัตถุน้ำหนักพอใช้ได้อื่น ๆ ที่ทำด้วยเหล็ก ...
(E. T. Whittaker) เสนอในปี ค.ศ.1910 ว่าเหตุการณ์นี้เป็นต้นเหตุให้ "สายฟ้าถูกถือว่ามีพลังที่ทำให้เหล็กกล้าเป็นแม่เหล็ก และแน่นอนว่านี่นำพาให้แฟรงก์ลินพยายามทำให้เข็มเย็บผ้าเป็นแม่เหล็กด้วยการปล่อยประจุของขวดแก้วไลเดนในปี ค.ศ. 1751" ("credited with the power of magnetizing steel; and it was doubtless this which led Franklin in 1751 to attempt to magnetize a sewing-needle by means of the discharge of Leyden jars.")
สนามไฟฟ้าและสนามแม่เหล็ก
เราอาจเข้าใจสนามแม่เหล็กไฟฟ้าในรูปของสนามไฟฟ้าและสนามแม่เหล็ก อนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าจะสร้างสนามไฟฟ้า และทำให้เกิดแรงไฟฟ้าขึ้น แรงนี้ทำให้เกิดไฟฟ้าสถิต และทำให้เกิดการไหลของประจุไฟฟ้า (กระแสไฟฟ้า) ในตัวนำขึ้น ขณะเดียวกัน อนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าที่เคลื่อนที่ จะสร้างสนามแม่เหล็ก และทำให้เกิดแรงแม่เหล็กต่อวัตถุที่เป็นแม่เหล็ก ตัวอย่างเช่นเมื่ออิเล็กตรอนหรือกระแสไฟฟ้าไหลผ่านลวดตัวนำหรือสายไฟจะปรากฏสนามแม่เหล็กขึ้นรอบ ๆ ทำให้เข็มทิศที่วางใกล้สายไฟจะเบนไปทางอื่นที่ไม่ใช่
คำว่า "แม่เหล็กไฟฟ้า" มาจากข้อเท็จจริงที่ว่า สนามไฟฟ้าและสนามแม่เหล็กไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ถ้ากฎของฟิสิกส์จะเหมือนกันใน ทุก กรอบอ้างอิงเฉื่อย (Inertia frame of reference) การเปลี่ยนแปลงสนามแม่เหล็ก ทำให้เกิดสนามไฟฟ้า (เรียกว่า ปรากฏการณ์นี้เป็นพื้นฐานของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและมอเตอร์ไฟฟ้านั่นเอง) ในทางกลับกัน การเปลี่ยนแปลงสนามไฟฟ้า ก็ทำให้เกิดสนามแม่เหล็ก
เนื่องจาก สนามทั้งสองไม่สามารถแยกจากกันได้ จึงควรรวมให้เป็นอันเดียวกัน เจมส์ เคลิร์ก แมกซ์เวลล์ เป็นผู้รวมสนามไฟฟ้ากับสนามแม่เหล็กเข้าด้วยกันด้วยสมการทางคณิตศาสตร์ เพียงสี่สมการ ที่เรียกว่า สมการของแมกซ์เวลล์ ทำให้เกิดการพัฒนาฟิสิกส์ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 เป็นอย่างมาก และนำไปสู่ความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น แสงนั้น อธิบายได้ว่าเป็นการสั่นของสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่แผ่กระจายออกไป หรือเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านั่นเอง ความถี่ของการสั่นที่แตกต่างกันทำให้เกิดรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าที่แตกต่างกัน เช่น คลื่นวิทยุเกิดจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่ต่ำ แสงที่มองเห็นได้เกิดจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่ปานกลาง รังสีแกมมาเกิดจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่สูง
ทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้ามีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิด ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ในปี ค.ศ. 1905
อันตรกิริยาพื้นฐาน
แรงแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นหนึ่งในสี่แรงพื้นฐาน แรงอื่น ๆ มี:
- แรงนิวเคลียร์อย่างอ่อน ซึ่งยึดเหนี่ยวกับอนุภาคทุกตัวที่รู้จักในแบบจำลองมาตรฐาน และก่อให้เกิดการสลายให้กัมมันตรังสีบางรูปแบบ (แต่ในฟิสิกส์ของอนุภาค เป็นการบรรยายรวมของทั้งสองอันตรกิริยาพื้นฐานนั้น: แม่เหล็กไฟฟ้าและอันตรกิริยาอย่างอ่อน
- แรงนิวเคลียร์อย่างเข้ม ซึ่งยึดเหนี่ยวควาร์กเป็นนิวคลีออน และยึดเหนี่ยวนิวคลีออนเป็นนิวเคลียสของอะตอม
- แรงโน้มถ่วง
แรงอื่น ๆ ทั้งหมด เช่นแรงเสียดทาน และแรงสัมผัส เป็นแรงที่เกิดมาจากทั้งสี่แรงพื้นฐานนั้น
แรงแม่เหล็กไฟฟ้ามีบทบาทสำคัญในปรากฏการณ์ทุก ๆ อันที่พบเจอในชีวิตประจำวันที่มีขนาดเหนือนิวเคลียร์ ยกเว้นความโน้มถ่วง ถ้าพูดแบบกว้าง ๆ แรงทุกอันที่มีการปฏิสัมพันธ์ระหว่างอะตอมสามารถอธิบายได้ด้วยแรงแม่เหล็กไฟฟ้าที่กระทำระหว่างนิวเคลียสของอะตอมกับอิเล็กตรอนของอะตอมที่มีประจุไฟฟ้า แรงแม่เหล็กไฟฟ้ายังอธิบายวิธีการที่อนุภาคแบกโมเมนตัมด้วยการเคลื่อนที่ของมันด้วย ซึ่งนี่รวมไปถึงแรงที่รู้สึกใน "การดัน" หรือ "การดึง" วัตถุวัสดุทั่วไปที่เป็นผลมาจากที่กระทำระหว่างโมเลกุลในร่างกายและในวัตถุนั้น ๆ แรงแม่เหล็กไฟฟ้าก็ยังมีบทบาทในปรากฏการณ์ทางเคมีทุกรูปแบบ
ส่วนที่สำคัญในการเข้าใจแรงระหว่างโมเลกุลและแรงภายในอะตอมนั้นคือแรงลัพธ์ที่ถูกผลิตโดยโมเมนตัมของการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอน โดยที่ระหว่างที่อิเล็กตรอนเคลื่อนไปมาระหว่างอะตอมที่มีปฏิสัมพันธ์กัน มันจะพกพาโมเมนตัมไปด้วย เมื่อกลุ่มของอิเล็กตรอนกลายมาอยู่ในที่ ๆ จำกัด โมเมนตัมอย่างต่ำก็จะจำเป็นต้องเพิ่มขึ้นตามหลักการกีดกันของเพาลี พฤติกรรมของสสารในระดับโมเลกุลรวมถึงความหนาแน่นก็ถูกกำหนดโดยสมดุลระหว่างแรงแม่เหล็กไฟฟ้าและแรงที่ถูกผลิตโดยโดยการแลกเปลี่ยนโมเมนตัมที่พกพาโดยอิเล็กตรอน
พลศาสตร์ไฟฟ้าดั้งเดิม
ในปี พ.ศ. 2143 วิลเลียม กิลเบิร์ตเสนอในงานของเขา ‘’’’ (เด มักเนเต, ว่าด้วยแม่เหล็ก) ว่าไฟฟ้าและแม่เหล็ก แม้ทั้งสองจะสามารถดึงดูดหรือผลักวัตถุ แต่เป็นปรากฏการณ์ที่ต่างกัน กะลาสีเรือได้สังเกตเห็นว่าสายฟ้าผ่ามีความสามารถรบกวนเข็มทิศ การเชื่อมโยงระหว่างสายฟ้าและไฟฟ้ายังไม่ถูกยืนยันจนกระทั่งการทดลองในปี พ.ศ. 2295 ที่เสนอโดยเบนจามิน แฟรงคลิน หนึ่งในบุคคลแรก ๆ ที่ค้นพบและตีพิมพ์การเชื่อมโยงระหว่างกระแสไฟฟ้าที่มนุษย์สร้างและแม่เหล็กคือ ผู้ซึ่งในปี พ.ศ. 2345 สังเกตว่าเมื่อเชื่อมต่อสายไฟกับแท่งโวลตา เข็มทิศที่อยู่ใกล้ ๆ จะกันเห แต่ปรากฏการณ์นี้ไม่เป็นที่รู้จักจนถึงปี พ.ศ. 2363 เมื่อเออร์เสตดปฏิบัติการทดลองที่คล้าย ๆ กัน งานของเออร์สเตดมีอิทธิพลต่อแอมแปร์ให้สร้างทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้าซึ่งวางเรื่องนี้บนรากฐานของคณิตศาสตร์
ทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้าหนึ่ง เรียกว่า ถูกพัฒนาโดยนักฟิสิกส์หลากหลายคนในช่วงปี พ.ศ. 2363 ถึง 2416 โดยถึงจุดสูงสุดในงานตีพิมพ์ (ศาสตรนิพนธ์ว่าด้วยไฟฟ้าและแม่เหล็ก) โดยเจมส์ เคลิร์ก แมกซ์เวลล์ ซึ่งรวมการพัฒนาก่อนหน้าเป็นทฤษฎีหนึ่งทฤษฎี และค้นพบธรรมชาติความเป็นแม่เหล็กไฟฟ้าของแสง ในทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้าดั้งเดิม พฤติกรรมของสนามแม่เหล็กไฟฟ้าถูกอธิบายโดยชุดของสมการที่เรียกว่าสมการของแมกซ์เวลล์ และแรงแม่เหล็กไฟฟ้าถูกกำหนดโดยแรงลอเรนซ์
หนึ่งในความประหลาดของทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้าดั้งเดิมคือมันยากที่จะเข้ากับกลศาสตร์ดั้งเดิม แต่สอดคล้องกับทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ตามสมการของแมกซ์เวลล์ อัตราเร็วของแสงในสุญญากาศเป็นค่าคงตัวสากลที่ขึ้นอยู่กับแค่แรงต้านสนามไฟฟ้าและของปริภูมิเสรี นี่ละเมิด (galilean invariance) ซึ่งเป็นเสาหลักที่มีมายาวนานของกลศาสตร์ดั้งเดิม วิธีหนึ่งที่จะปรองดองทฤษฎีสองทฤษฎีนี้ (แม่เหล็กไฟฟ้าและกลศาสตร์ดั้งเดิม) คือต้องสมมุติการมีอยู่ของ (luminiferous aether) ซึ่งแสงแพร่กระจายและถ่ายทอดผ่าน แต่ความพยายามผ่านการทดลองต่อ ๆ มาล้มเหลวที่จะตรวจจับการมีอยู่ของอากาศธาตุนั้น หลังจากการช่วยเหลือที่สำคัญของแฮ็นดริก โลเรินตส์ และอ็องรี ปวงกาเร ในปี พ.ศ. 2448 อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ แก้ปัญหานี้ด้วยการนำเสนอทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ซึ่งแทนที่จลนศาสตร์ดั้งเดิมด้วยทฤษฎีจลนศาสตร์ใหม่ซึ่งสอดคล้องกับทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้าดั้งเดิม (ข้อมูลเพิ่มเติมเชิญอ่าน (history of special relativity))
นอกจากนั้น ทฤษฎีสัมพันธภาพบอกเป็นนัยว่าในกรอบอ้างอิงที่เคลื่อน สนามแม่เหล็กจะแปลงเป็นสนามที่มีส่วนประกอบไฟฟ้าที่ไม่เป็นศูนย์ และกลับกันสนามไฟฟ้าที่เคลื่อนจะแปลงเป็นส่วนประกอบแม่เหล็กที่ไม่เป็นศูนย์ ดังนั้นเป็นการแสดงอย่างหนักแน่นว่าปรากฏการณ์ทั้งสองเป็นสองด้านของเหรียญเดียวกัน จากนี่จึงเรียกว่า “ทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้า” (ข้อมูลเพิ่มเติมเชิญอ่าน (classical electromagnetism and special relativity) และ (covariant formulation of classical electromagnetism))
การขยายสู่ปรากฏการณ์ไม่เชิงเส้น
สมการของแมกซ์เวลล์เป็น เชิงเส้น นั่นคือการเปลี่ยนแปลงในแหล่งกำเนิด (ประจุและกระแส) มีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงที่แปรผันตามในสนาม (nonlinear system) สามารถอุบัติขึ้นเมื่อสนามแม่เหล็กไฟฟ้าจับคู่เชื่อมกับสสารที่ปฏิบัติตามกฏพลวัตไม่เชิงเส้น นี่ถูกศึกษาเช่นในวิชา (magnetohydrodynamics) ซึ่งรวมสมการของแมกซ์เวลล์กับสมการนาเวียร์-สโตกส์
ปริมาณและหน่วย
สัญลักษณ์ | ชื่อปริมาณ | หน่วยอนุพันธ์ | หน่วย | หน่วยฐาน |
---|---|---|---|---|
Q | ประจุไฟฟ้า | คูลอมบ์ | C | A⋅s |
I | กระแสไฟฟ้า | แอมแปร์ (หน่วยฐานเอสไอ) | A | A (= W/V = C/s) |
J | (current density) | แอมแปร์ต่อตารางเมตร | A/m2 | A⋅m−2 |
U, ΔV, Δφ; E | ความต่างศักย์; แรงเคลื่อนไฟฟ้า | โวลต์ | V | J/C = kg⋅m2⋅s−3⋅A−1 |
R; Z | ความต้านทานไฟฟ้า; อิมพีแดนซ์ | โอห์ม | Ω | V/A = kg⋅m2⋅s−3⋅A−2 |
ρ | สภาพต้านทานไฟฟ้า | โอห์มเมตร | Ω⋅m | kg⋅m3⋅s−3⋅A−2 |
P | วัตต์ | W | V⋅A = kg⋅m2⋅s−3 | |
C | ฟารัด | F | C/V = kg−1⋅m−2⋅A2⋅s4 | |
ΦE | โวลต์เมตร | V⋅m | kg⋅m3⋅s−3⋅A−1 | |
E | ความเข้มสนามไฟฟ้า | โวลต์ต่อเมตร | V/m | N/C = kg⋅m⋅A−1⋅s−3 |
D | (electric displacement field) | คูลอมบ์ต่อตารางเมตร | C/m2 | A⋅s⋅m−2 |
ε | สภาพยอม | ฟารัดต่อเมตร | F/m | kg−1⋅m−3⋅A2⋅s4 |
χe | (electric susceptibility) | () | 1 | 1 |
G; Y; B | การนำไฟฟ้า; แอดมิตแตนซ์ | S | Ω−1 = kg−1⋅m−2⋅s3⋅A2 | |
κ, γ, σ | สภาพนำไฟฟ้า | ซีเมนส์ต่อเมตร | S/m | kg−1⋅m−3⋅s3⋅A2 |
B | ความเข้มสนามแม่เหล็ก, การเหนี่ยวนำแม่เหล็ก | เทสลา | T | Wb/m2 = kg⋅s−2⋅A−1 = N⋅A−1⋅m−1 |
Φ, ΦM, ΦB | ฟลักซ์แม่เหล็ก | เวเบอร์ | Wb | V⋅s = kg⋅m2⋅s−2⋅A−1 |
H | ความเข้มสนามแม่เหล็ก | แอมแปร์ต่อเมตร | A/m | A⋅m−1 |
L, M | (inductance) | เฮนรี | H | Wb/A = V⋅s/A = kg⋅m2⋅s−2⋅A−2 |
μ | สภาพให้ซึมผ่าน (permeability) | เฮนรีต่อเมตร | H/m | kg⋅m⋅s−2⋅A−2 |
χ | (magnetic susceptibility) | () | 1 | 1 |
µ | (magnetic dipole moment) | แอมแปร์ตารางเมตร | A⋅m2 = J⋅T−1 | A⋅m2 |
σ | (mass magnetization) | แอมแปร์ตารางเมตรต่อกิโลกรัม | A⋅m2/kg | A⋅m2⋅kg−1 |
ดูเพิ่ม
- การกระเจิงแม่เหล็กไฟฟ้า
- (Double-slit experiment)
- (Aeromagnetic survey)
- (Electromagnetic induction)
- (Wheeler–Feynman absorber theory)
- (Introduction to electromagnetism)
- (Relativistic electromagnetism)
- ทัศนศาสตร์
- ธรณีฟิสิกส์
- (Electromechanics)
- แม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnet)
- (Computational electromagnetics)
- (Abraham–Lorentz force)
- (Magnetostatics)
- (Magnetoquasistatic field)
- (Electromagnetic wave equation)
อ้างอิง
- Ravaioli, Fawwaz T. Ulaby, Eric Michielssen, Umberto (2010). Fundamentals of applied electromagnetics (6th ed.). Boston: Prentice Hall. p. 13. ISBN .
- Martins, Roberto de Andrade. "Romagnosi and Volta's Pile: Early Difficulties in the Interpretation of Voltaic Electricity". Nuova Voltiana: Studies on Volta and his Times (PDF). Vol. 3. Università degli Studi di Pavia. pp. 81–102. สืบค้นเมื่อ 2010-12-02.
{{}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|editors=
ถูกละเว้น แนะนำ (|editor=
) ((help)) - VIII. An account of an extraordinary effect of lightning in communicating magnetism. Communicated by Pierce Dod, M.D. F.R.S. from Dr. Cookson of Wakefield in Yorkshire. Phil. Trans. 1735 39, 74-75, published 1 January 1735
- Whittaker, E.T. (1910). A History of the Theories of Aether and Electricity from the Age of Descartes to the Close of the Nineteenth Century. Longmans, Green and Company.
- Browne, "Physics for Engineering and Science," p. 160: "Gravity is one of the fundamental forces of nature. The other forces such as friction, tension, and the normal force are derived from the electric force, another of the fundamental forces. Gravity is a rather weak force... The electric force between two protons is much stronger than the gravitational force between them."
- Purcell, "Electricity and Magnetism, 3rd Edition," p. 546: Ch 11 Section 6, "Electron Spin and Magnetic Moment."
- Stern, Dr. David P.; Peredo, Mauricio (2001-11-25). "Magnetic Fields – History". NASA Goddard Space Flight Center. สืบค้นเมื่อ 2009-11-27.
- Purcell, p. 436. Chapter 9.3, "Maxwell's description of the electromagnetic field was essentially complete."
- Purcell: p. 278: Chapter 6.1, "Definition of the Magnetic Field." Lorentz force and force equation.
- International Union of Pure and Applied Chemistry (1993). , 2nd edition, Oxford: Blackwell Science. ISBN . pp. 14–15. Electronic version.
อ่านเพิ่ม
แหล่งข้อมูลเว็บไซต์
- Nave, R. "Electricity and magnetism". HyperPhysics. Georgia State University. สืบค้นเมื่อ 2013-11-12.
- Khutoryansky, E. "Electromagnetism – Maxwell's Laws". สืบค้นเมื่อ 2014-12-28.
ตำรา
- G.A.G. Bennet (1974). Electricity and Modern Physics (2nd ed.). Edward Arnold (UK). ISBN .
- Browne, Michael (2008). Physics for Engineering and Science (2nd ed.). McGraw-Hill/Schaum. ISBN .
- Dibner, Bern (2012). Oersted and the discovery of electromagnetism. Literary Licensing, LLC. ISBN .
- Durney, Carl H.; Johnson, Curtis C. (1969). Introduction to modern electromagnetics. McGraw-Hil]. ISBN .
- Feynman, Richard P. (1970). The Feynman Lectures on Physics Vol II. Addison Wesley Longman. ISBN .
- Fleisch, Daniel (2008). A Student's Guide to Maxwell's Equations. Cambridge, UK: Cambridge University Press. ISBN .
- I.S. Grant; W.R. Phillips; Manchester Physics (2008). Electromagnetism (2nd ed.). John Wiley & Sons. ISBN .
- (1998). Introduction to Electrodynamics (3rd ed.). Prentice Hall. ISBN .
- (1998). Classical Electrodynamics (3rd ed.). Wiley. ISBN .
- Moliton, André (2007). Basic electromagnetism and materials. 430 pages. New York City: Springer-Verlag New York, LLC. ISBN .
- (1985). Electricity and Magnetism Berkeley, Physics Course Volume 2 (2nd ed.). McGraw-Hill. ISBN .
- Purcell, Edward M and Morin, David. (2013). Electricity and Magnetism, 820p (3rd ed.). Cambridge University Press, New York. ISBN .
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Rao, Nannapaneni N. (1994). Elements of engineering electromagnetics (4th ed.). Prentice Hall. ISBN .
- Rothwell, Edward J.; Cloud, Michael J. (2001). Electromagnetics. CRC Press. ISBN .
- Tipler, Paul (1998). Physics for Scientists and Engineers: Vol. 2: Light, Electricity and Magnetism (4th ed.). W.H. Freeman. ISBN .
- Wangsness, Roald K.; Cloud, Michael J. (1986). Electromagnetic Fields (2nd Edition). Wiley. ISBN .
อ้างอิงทั่วไป
- A. Beiser (1987). Concepts of Modern Physics (4th ed.). McGraw-Hill (International). ISBN .
- L.H. Greenberg (1978). Physics with Modern Applications. Holt-Saunders International W.B. Saunders and Co. ISBN .
- R.G. Lerner; G.L. Trigg (2005). Encyclopaedia of Physics (2nd ed.). VHC Publishers, Hans Warlimont, Springer. pp. 12–13. ISBN .
- J.B. Marion; W.F. Hornyak (1984). Principles of Physics. Holt-Saunders International Saunders College. ISBN .
- H.J. Pain (1983). The Physics of Vibrations and Waves (3rd ed.). John Wiley & Sons. ISBN .
- C.B. Parker (1994). McGraw Hill Encyclopaedia of Physics (2nd ed.). McGraw Hill. ISBN .
- R. Penrose (2007). . Vintage books. ISBN .
- P.A. Tipler; G. Mosca (2008). Physics for Scientists and Engineers: With Modern Physics (6th ed.). W.H. Freeman and Co. ISBN .
- P.M. Whelan; M.J. Hodgeson (1978). Essential Principles of Physics (2nd ed.). John Murray. ISBN .
แหล่งข้อมูลอื่น
- "magnetic field strength converter". สืบค้นเมื่อ 2007-06-04.
- Electromagnetic Force – จาก Eric Weisstein's World of Physics
- The Deflection of a Magnetic Compass Needle by a Current in a Wire (video) ที่ยูทูบ
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
thvsdiaemehlkiffa xngkvs Electromagnetism epnsakhahnungkhxngwichafisiksthiekiywkhxngkbkarsuksa aerngaemehlkiffa sungepnptismphnththangkayphaphchnidhnungthiekidkhunrahwangxnuphakhid thimipracuiffa aerngaemehlkiffannthuksngphanody Electromagnetic field thiprakxbipdwysnamiffa aelasnamaemehlk aelaepntnehtukhxngkaraephrngsiaemehlkiffaechnaesng aerngaemehlkiffaepnhnunginsiptismphnthphunthan eriykxikaebbepn aerng inthrrmchati xiksamaerngphunthanidaek xntrkiriyaxyangekhm xntrkiriyaxyangxxn aelaaerngonmthwng faphaepnkarrabayxxkkhxngiffasthitaebbhnungthiiffasthitcaedinthangrahwangsxngphumiphakhth imipracuiffa aemehlkiffamacakphasaxngkvs electromagnet khanipnrupaebbphsmkhxngkhaphasakriksxngkhaidaek ἤlektron elektron hmaythung xielktrxn aela magnῆtisli8os magnetis lithos sunghmaythung hinaemehlk sungepnaerehlkchnidhnung praktkarnaemehlkiffathukniyaminkhwamhmaykhxngaerngaemehlkiffa bangkhrngthukeriykwaaernglxerns sungprakxbdwythngiffaaelaaemehlkinthanathiepnsxngxngkhprakxbkhxngpraktkarnediywkn aerngaemehlkiffamibthbathsakhyinkarkahndkhunsmbtiphayinkhxngwtthuswnihythiphbinchiwitpracawn ssarthwipcaidrupkhxngmncakphlkhxng Intermolecular force khxngomelkulaetlatwinssar aerngaemehlkiffarahwangniwekhliysaelaxielktrxnyudehniywxielktrxntamklikkhlunaemehlkiffaekhakbwngokhcrrxbniwekhliys aelayudehniywxatxmiwdwyknsungepnxngkhprakxbhlkkhxngomelkul aerngaemehlkiffaepntwkarihekidphnthaekhmirahwangxatxmthaihekidomelkulaelaaerngrahwangomelkul krabwnkarnicakhwbkhumkrabwnkarthiekiywkhxngthnghlayinthangekhmisungekidkhuncakkarmiptismphnthrahwangxielktrxninwngokhcrkhxngxatxmhnungkbxielktrxnxuninwngokhcrkhxngxatxmthixyuiklekhiyng sungcathukkahndodykarptismphnthrahwangaerngaemehlkiffakbomemntmkhxngxielktrxnehlann micanwnmak in classical electrodynamics snamiffacaxthibaythungskyiffaaelakraaesiffa inkdkhxngfaraedy snamaemehlkcamaphrxmkbaelaaemehlk aelacaxthibaywa snamiffaaelasnamaemehlkthuksrangkhunidxyangir mikarepliynaeplngsungknaelaknxyangir aelamikarepliynaeplngodypracuaelakraaesidxyangir nyyathangthvsdikhxngaemehlkiffa odyechphaakarsthapnakhwamerwkhxngaesngthikhunxyukbkhunsmbtikhxng twklang karkracaykhlun permeability aelaaerngtansnamiffa naipsu karphthnathvsdismphththphaphphiessody xlebirt ixnsitninpi 1905 aemwaaerngaemehlkiffathuxepnhnunginsiaerngphunthan aetthiradbphlngngansungxntrkiriyaxyangxxnaelaaerngaemehlkiffathukrwmepnsingediywkn echninprawtisastrkhxngckrwalinchwngyukhkhwark Electroweak interaction cahmaythungaerng aemehlk iffa xntrkiriyaxyang xxnprawtikhxngthvsdiecms ekhlikh aemksewll aetedim iffaaelaaemehlkthukkhidwaepnsxngaerngaeykxxkcakkn khwamkhidniepliynipemuxhnngsuxchux khxngecms ekhlirk aemksewll thukphimphkhuninpi kh s 1873 bngwa ptismphnthkhxngpracubwkaelapraculbthukkhwbkhumodyaerngediyw phlkhxngkarptismphnththaihekidphlkrathbsieruxnghlk phlkrathbehlanisamarthsathitihduidcakkarthdlxng dngni pracuiffadudhruxphlkkndwyaerngthiepnkbrayathangkalngsxngrahwangpracunn pracutangkndudkn pracuehmuxnknphlkkn khwaemehlk hruxsphawakarwangtwthicudid dudaelaphlkkninthanxngediywkn aelakhwaemehlkmaepnkhuesmx khuxkhwehnuxaelakhwit kraaesiffathiihlinesnlwdsrangsnamaemehlkepnwngklmrxbesnlwdnn thisthangkhxngsnamaemehlk tamekhmhruxthwnekhmnalika khunxyukbthisthangkhxngkraaesinesnlwd kraaesiffacathukehniywnainkhdlwd emuxkhdlwdekhluxnthiekhahruxxxkcaksnamaemehlk hruxaemehlkekhluxnthiekhahruxxxkcakkhdlwd thisthangkhxngkraaeskhunxyukbkarekhluxnthihns khrisethiyn exxrsetd inkhnathihns khrisethiyn exxrsetd kalngetriymkarsxnintxneynkhxngwnthi 21 emsayn kh s 1820 ekhaidsngektehnsingnaaeplkicbangxyang ekhasngektehnekhmthiskhybxxkcakthisehnuxemuxkraaesiffacakaebtetxrithiekhaichxyuthukpidhruxepid karekhluxnihwnithaihekhamnicwasnamaemehlkthukaephxxkmacakthukdankhxnglwdthimikraaesihlphan ehmuxnkbthiaesngaelakhwamrxnaephrngsixxkma aelaepnkaryunynkhwamsmphnthodytrngrahwangiffaaelaxanacaemehlk intxnnn exxrsetd imidihkhaxthibaykhxngpraktkarnxnnnihepnthinaphxicid aelakimidphyayamthicanaesnxpraktkarninrupaebbkhxngkhnitsastr xyangirktam xiksameduxntxma ekhakerimkhnkhwahasaehtuxyangcringcng imnanekhakphimphsingthiekhakhnphb phisucnwakraaesiffasrangsnamaemehlkemuxmikraaesihlphanesnlwd khawa cungepnhnwywdkarehniywnakhxngaemehlk thuktngihepnekiyrtiaekekhainthanamikhunupkartxwichakardanthvsdiaemehlkiffa xxngedr mari xxngaepr karkhnphbkhxngexxrsetdmiphlthaihmikarkhnkhwainklumnkwithyasastrknxyangmakmayineruxng phlsastriffa hruxxielkothridnamiks electrodynamics karptismphnthrahwangiffaaelaaemehlk sakhanimixiththiphltxnkfisikschawfrngesschux xxngedr mari xxngaepr thiphthnarupaebbthangkhnitsastraebbediywephuxaesdngxanacaemehlkrahwangtwnahlaytwthimikraaesihlphan karkhnphbkhxngexxrsetdyngepnkawsakhyinkarthaihkrxbkhwamkhidekiywkbphlngnganepnhnungediyw imekhil faraedy karepnhnungediywnisungthuksngektkarnodyimekhil faraedy khyayephimetimodyecms ekhlirk aemksewll aelasutrbangswnthuksrangkhunmaody aelaihnrich ehirts epnkhwamsaercthisakhysahrbfisiksechingkhnitsastrinstwrrsthi 19 aelasngphlkrathbxyangkwangikl hnunginnnkkhuxkhwamekhaicinthrrmchatikhxngaesng tangcaksingthithuknaesnxinthvsdiaemehlkiffainkhnann aesngaelakhlunaemehlkiffaxun inpccubnthukmxngwaxyuinrupkhxngprimanthiaennxn epnsnamaemehlkiffathiaephkracayxxkipdwytwexnginrupkhlunipmasungthukeriykwaoftxn khwamthiinkaraekwngthitangknthaihekidrngsiaemehlkiffainrupaebbthiaetktangkn cakkhlunwithyuthimikhwamthitasud aesngmxngehnidthimikhwamthikhnadklang ipcnthungrngsiaekmmathimikhwamthisungsud exxrsetdimichkhnediywthithdsxbkhwamsmphnthrahwangiffakbaemehlk inpi kh s 1802 nkwichakarkdhmaychawxitali khybekhmaemehlkdwy voltaic pile immiikhrruaenchdwakarcdetriymkarthdlxngcring epnechnir hruxmikraaesihlphanekhmhruxim karkhnphbthuktiphimphinhnngsuxphimphxitaliinpi kh s 1802 aetthukklumnkwithyasastrmxngkhamipinsmynn ephraaormyoysiimidxyuinklumsngkhmnn kh s 1735 karechuxmoyngrahwangiffaaelaaemehlkthimimakxnaelamkthukmxngkhamnnthukbnthukiwody dr khuksn inbnthuknnklawwa A tradesman at Wakefield in Yorkshire having put up a great number of knives and forks in a large box and having placed the box in the corner of a large room there happened a sudden storm of thunder lightning amp c The owner emptying the box on a counter where some nails lay the persons who took up the knives that lay on the nails observed that the knives took up the nails On this the whole number was tried and found to do the same and that to such a degree as to take up large nails packing needles and other iron things of considerable weight aepl phxkhakhnhnungthiyxrkhechiyr hlngcakidismidaelasxmcanwnmaklnginklxngihy aelaidwangklxngiwinmumkhxnghxngkhnadihy thnidkidmiphayufapha faaelb l ecakhxngidethkhxnglngbnotasungmitapunxnxyu khnthihyibmidsungnxnxyubntapukhunma caphbwataputidmidkhunmadwy phwkekhaidlxngthaxyangnikbthiehlux aelaphbwaepnechnediywkn aelannepnthungwasamarthyktapukhnadihy ekhmeybhxphaib aelawtthunahnkphxichidxun thithadwyehlk E T Whittaker esnxinpi kh s 1910 waehtukarnniepntnehtuih sayfathukthuxwamiphlngthithaihehlkklaepnaemehlk aelaaennxnwaninaphaihaefrngklinphyayamthaihekhmeybphaepnaemehlkdwykarplxypracukhxngkhwdaekwiledninpi kh s 1751 credited with the power of magnetizing steel and it was doubtless this which led Franklin in 1751 to attempt to magnetize a sewing needle by means of the discharge of Leyden jars snamiffaaelasnamaemehlkeraxacekhaicsnamaemehlkiffainrupkhxngsnamiffaaelasnamaemehlk xnuphakhthimipracuiffacasrangsnamiffa aelathaihekidaerngiffakhun aerngnithaihekidiffasthit aelathaihekidkarihlkhxngpracuiffa kraaesiffa intwnakhun khnaediywkn xnuphakhthimipracuiffathiekhluxnthi casrangsnamaemehlk aelathaihekidaerngaemehlktxwtthuthiepnaemehlk twxyangechnemuxxielktrxnhruxkraaesiffaihlphanlwdtwnahruxsayifcapraktsnamaemehlkkhunrxb thaihekhmthisthiwangiklsayifcaebnipthangxunthiimich khwamsmphnthrahwangsnamaemehlkkbsnamiffa khlunaemehlkiffasamarththukwadepnmonphaphihepnkhluniffaaelasnamaemehlkthiaekwngkracayxxkcakaehlngkaenididexng snamiffaxyuinaenwtng snamaemehlkxyuinaenwnxn khawa aemehlkiffa macakkhxethccringthiwa snamiffaaelasnamaemehlkimsamarthaeykxxkcakknid thakdkhxngfisikscaehmuxnknin thuk krxbxangxingechuxy Inertia frame of reference karepliynaeplngsnamaemehlk thaihekidsnamiffa eriykwa praktkarnniepnphunthankhxngekhruxngkaenidiffaaelamxetxriffannexng inthangklbkn karepliynaeplngsnamiffa kthaihekidsnamaemehlk enuxngcak snamthngsxngimsamarthaeykcakknid cungkhwrrwmihepnxnediywkn ecms ekhlirk aemksewll epnphurwmsnamiffakbsnamaemehlkekhadwykndwysmkarthangkhnitsastr ephiyngsismkar thieriykwa smkarkhxngaemksewll thaihekidkarphthnafisiksinchwngkhriststwrrsthi 19 epnxyangmak aelanaipsukhwamekhaicineruxngtang twxyangechn aesngnn xthibayidwaepnkarsnkhxngsnamaemehlkiffathiaephkracayxxkip hruxepnkhlunaemehlkiffannexng khwamthikhxngkarsnthiaetktangknthaihekidrngsiaemehlkiffathiaetktangkn echn khlunwithyuekidcakkhlunaemehlkiffakhwamthita aesngthimxngehnidekidcakkhlunaemehlkiffakhwamthipanklang rngsiaekmmaekidcakkhlunaemehlkiffakhwamthisung thvsdiaemehlkiffamiswnsakhythithaihekid thvsdismphththphaphphiesskhxngxlebirt ixnsitn inpi kh s 1905xntrkiriyaphunthantwaethnewketxrsnamiffakhxngkhlunaemehlkiffaophlairsaebbwngklm aerngaemehlkiffaepnhnunginsiaerngphunthan aerngxun mi aerngniwekhliyrxyangxxn sungyudehniywkbxnuphakhthuktwthiruckinaebbcalxngmatrthan aelakxihekidkarslayihkmmntrngsibangrupaebb aetinfisikskhxngxnuphakh epnkarbrryayrwmkhxngthngsxngxntrkiriyaphunthannn aemehlkiffaaelaxntrkiriyaxyangxxn aerngniwekhliyrxyangekhm sungyudehniywkhwarkepnniwkhlixxn aelayudehniywniwkhlixxnepnniwekhliyskhxngxatxm aerngonmthwng aerngxun thnghmd echnaerngesiydthan aelaaerngsmphs epnaerngthiekidmacakthngsiaerngphunthannn aerngaemehlkiffamibthbathsakhyinpraktkarnthuk xnthiphbecxinchiwitpracawnthimikhnadehnuxniwekhliyr ykewnkhwamonmthwng thaphudaebbkwang aerngthukxnthimikarptismphnthrahwangxatxmsamarthxthibayiddwyaerngaemehlkiffathikratharahwangniwekhliyskhxngxatxmkbxielktrxnkhxngxatxmthimipracuiffa aerngaemehlkiffayngxthibaywithikarthixnuphakhaebkomemntmdwykarekhluxnthikhxngmndwy sungnirwmipthungaerngthirusukin kardn hrux kardung wtthuwsduthwipthiepnphlmacakthikratharahwangomelkulinrangkayaelainwtthunn aerngaemehlkiffakyngmibthbathinpraktkarnthangekhmithukrupaebb swnthisakhyinkarekhaicaerngrahwangomelkulaelaaerngphayinxatxmnnkhuxaernglphththithukphlitodyomemntmkhxngkarekhluxnthikhxngxielktrxn odythirahwangthixielktrxnekhluxnipmarahwangxatxmthimiptismphnthkn mncaphkphaomemntmipdwy emuxklumkhxngxielktrxnklaymaxyuinthi cakd omemntmxyangtakcacaepntxngephimkhuntamhlkkarkidknkhxngephali phvtikrrmkhxngssarinradbomelkulrwmthungkhwamhnaaennkthukkahndodysmdulrahwangaerngaemehlkiffaaelaaerngthithukphlitodyodykaraelkepliynomemntmthiphkphaodyxielktrxnphlsastriffadngediminpi ph s 2143 wileliym kilebirtesnxinngankhxngekha ed mkenet wadwyaemehlk waiffaaelaaemehlk aemthngsxngcasamarthdungdudhruxphlkwtthu aetepnpraktkarnthitangkn kalasieruxidsngektehnwasayfaphamikhwamsamarthrbkwnekhmthis karechuxmoyngrahwangsayfaaelaiffayngimthukyunyncnkrathngkarthdlxnginpi ph s 2295 thiesnxodyebncamin aefrngkhlin hnunginbukhkhlaerk thikhnphbaelatiphimphkarechuxmoyngrahwangkraaesiffathimnusysrangaelaaemehlkkhux phusunginpi ph s 2345 sngektwaemuxechuxmtxsayifkbaethngowlta ekhmthisthixyuikl cakneh aetpraktkarnniimepnthiruckcnthungpi ph s 2363 emuxexxrestdptibtikarthdlxngthikhlay kn ngankhxngexxrsetdmixiththiphltxaexmaeprihsrangthvsdiaemehlkiffasungwangeruxngnibnrakthankhxngkhnitsastr thvsdiaemehlkiffahnung eriykwa thukphthnaodynkfisikshlakhlaykhninchwngpi ph s 2363 thung 2416 odythungcudsungsudinngantiphimph sastrniphnthwadwyiffaaelaaemehlk odyecms ekhlirk aemksewll sungrwmkarphthnakxnhnaepnthvsdihnungthvsdi aelakhnphbthrrmchatikhwamepnaemehlkiffakhxngaesng inthvsdiaemehlkiffadngedim phvtikrrmkhxngsnamaemehlkiffathukxthibayodychudkhxngsmkarthieriykwasmkarkhxngaemksewll aelaaerngaemehlkiffathukkahndodyaernglxerns hnunginkhwamprahladkhxngthvsdiaemehlkiffadngedimkhuxmnyakthicaekhakbklsastrdngedim aetsxdkhlxngkbthvsdismphththphaphphiess tamsmkarkhxngaemksewll xtraerwkhxngaesnginsuyyakasepnkhakhngtwsaklthikhunxyukbaekhaerngtansnamiffaaelakhxngpriphumiesri nilaemid galilean invariance sungepnesahlkthimimayawnankhxngklsastrdngedim withihnungthicaprxngdxngthvsdisxngthvsdini aemehlkiffaaelaklsastrdngedim khuxtxngsmmutikarmixyukhxng luminiferous aether sungaesngaephrkracayaelathaythxdphan aetkhwamphyayamphankarthdlxngtx malmehlwthicatrwccbkarmixyukhxngxakasthatunn hlngcakkarchwyehluxthisakhykhxngaehndrik olerints aelaxxngri pwngkaer inpi ph s 2448 xlebirt ixnsitn aekpyhanidwykarnaesnxthvsdismphththphaphphiess sungaethnthiclnsastrdngedimdwythvsdiclnsastrihmsungsxdkhlxngkbthvsdiaemehlkiffadngedim khxmulephimetimechiyxan history of special relativity nxkcaknn thvsdismphnthphaphbxkepnnywainkrxbxangxingthiekhluxn snamaemehlkcaaeplngepnsnamthimiswnprakxbiffathiimepnsuny aelaklbknsnamiffathiekhluxncaaeplngepnswnprakxbaemehlkthiimepnsuny dngnnepnkaraesdngxyanghnkaennwapraktkarnthngsxngepnsxngdankhxngehriyyediywkn caknicungeriykwa thvsdiaemehlkiffa khxmulephimetimechiyxan classical electromagnetism and special relativity aela covariant formulation of classical electromagnetism karkhyaysupraktkarnimechingesn magnetic reconnection inphlasmasuriyakxihekideplwsuriya epnpraktkarnthangphlsastrkhxngihlaemehlkthisbsxn smkarkhxngaemksewllepn echingesn nnkhuxkarepliynaeplnginaehlngkaenid pracuaelakraaes miphlepnkarepliynaeplngthiaeprphntaminsnam nonlinear system samarthxubtikhunemuxsnamaemehlkiffacbkhuechuxmkbssarthiptibtitamktphlwtimechingesn nithuksuksaechninwicha magnetohydrodynamics sungrwmsmkarkhxngaemksewllkbsmkarnaewiyr sotksprimanaelahnwyaexmaepr kraaesiffa khulxmb pracuiffa fard khwamcuiffa ehnri khwamehniywna oxhm khwamtanthan khwamnaiffa ethsla khwamhnaaennflksaemehlk owlt skyiffa wtt kalng ewebxr flksaemehlk hnwywdthvsdiaemehlkiffainrabbexsixksylksn chuxpriman hnwyxnuphnth hnwy hnwythanQ pracuiffa khulxmb C A sI kraaesiffa aexmaepr hnwythanexsix A A W V C s J current density aexmaeprtxtarangemtr A m2 A m 2U DV Df E khwamtangsky aerngekhluxniffa owlt V J C kg m2 s 3 A 1R Z khwamtanthaniffa ximphiaedns oxhm W V A kg m2 s 3 A 2r sphaphtanthaniffa oxhmemtr W m kg m3 s 3 A 2P wtt W V A kg m2 s 3C fard F C V kg 1 m 2 A2 s4FE owltemtr V m kg m3 s 3 A 1E khwamekhmsnamiffa owlttxemtr V m N C kg m A 1 s 3D electric displacement field khulxmbtxtarangemtr C m2 A s m 2e sphaphyxm fardtxemtr F m kg 1 m 3 A2 s4xe electric susceptibility 1 1G Y B karnaiffa aexdmitaetns S W 1 kg 1 m 2 s3 A2k g s sphaphnaiffa siemnstxemtr S m kg 1 m 3 s3 A2B khwamekhmsnamaemehlk karehniywnaaemehlk ethsla T Wb m2 kg s 2 A 1 N A 1 m 1F FM FB flksaemehlk ewebxr Wb V s kg m2 s 2 A 1H khwamekhmsnamaemehlk aexmaeprtxemtr A m A m 1L M inductance ehnri H Wb A V s A kg m2 s 2 A 2m sphaphihsumphan permeability ehnritxemtr H m kg m s 2 A 2x magnetic susceptibility 1 1µ magnetic dipole moment aexmaeprtarangemtr A m2 J T 1 A m2s mass magnetization aexmaeprtarangemtrtxkiolkrm A m2 kg A m2 kg 1duephimkarkraecingaemehlkiffa Double slit experiment Aeromagnetic survey Electromagnetic induction Wheeler Feynman absorber theory Introduction to electromagnetism Relativistic electromagnetism thsnsastr thrnifisiks Electromechanics aemehlkiffa Electromagnet Computational electromagnetics Abraham Lorentz force Magnetostatics Magnetoquasistatic field Electromagnetic wave equation xangxingRavaioli Fawwaz T Ulaby Eric Michielssen Umberto 2010 Fundamentals of applied electromagnetics 6th ed Boston Prentice Hall p 13 ISBN 978 0 13 213931 1 Martins Roberto de Andrade Romagnosi and Volta s Pile Early Difficulties in the Interpretation of Voltaic Electricity Nuova Voltiana Studies on Volta and his Times PDF Vol 3 Universita degli Studi di Pavia pp 81 102 subkhnemux 2010 12 02 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a imruckpharamietxr editors thuklaewn aenana editor help VIII An account of an extraordinary effect of lightning in communicating magnetism Communicated by Pierce Dod M D F R S from Dr Cookson of Wakefield in Yorkshire Phil Trans 1735 39 74 75 published 1 January 1735 Whittaker E T 1910 A History of the Theories of Aether and Electricity from the Age of Descartes to the Close of the Nineteenth Century Longmans Green and Company Browne Physics for Engineering and Science p 160 Gravity is one of the fundamental forces of nature The other forces such as friction tension and the normal force are derived from the electric force another of the fundamental forces Gravity is a rather weak force The electric force between two protons is much stronger than the gravitational force between them Purcell Electricity and Magnetism 3rd Edition p 546 Ch 11 Section 6 Electron Spin and Magnetic Moment Stern Dr David P Peredo Mauricio 2001 11 25 Magnetic Fields History NASA Goddard Space Flight Center subkhnemux 2009 11 27 Purcell p 436 Chapter 9 3 Maxwell s description of the electromagnetic field was essentially complete Purcell p 278 Chapter 6 1 Definition of the Magnetic Field Lorentz force and force equation International Union of Pure and Applied Chemistry 1993 2nd edition Oxford Blackwell Science ISBN 0 632 03583 8 pp 14 15 Electronic version wikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb thvsdiaemehlkiffaxanephimaehlngkhxmulewbist Nave R Electricity and magnetism HyperPhysics Georgia State University subkhnemux 2013 11 12 Khutoryansky E Electromagnetism Maxwell s Laws subkhnemux 2014 12 28 tara G A G Bennet 1974 Electricity and Modern Physics 2nd ed Edward Arnold UK ISBN 978 0 7131 2459 0 Browne Michael 2008 Physics for Engineering and Science 2nd ed McGraw Hill Schaum ISBN 978 0 07 161399 6 Dibner Bern 2012 Oersted and the discovery of electromagnetism Literary Licensing LLC ISBN 978 1 258 33555 7 Durney Carl H Johnson Curtis C 1969 Introduction to modern electromagnetics McGraw Hil ISBN 978 0 07 018388 9 Feynman Richard P 1970 The Feynman Lectures on Physics Vol II Addison Wesley Longman ISBN 978 0 201 02115 8 Fleisch Daniel 2008 A Student s Guide to Maxwell s Equations Cambridge UK Cambridge University Press ISBN 978 0 521 70147 1 I S Grant W R Phillips Manchester Physics 2008 Electromagnetism 2nd ed John Wiley amp Sons ISBN 978 0 471 92712 9 1998 Introduction to Electrodynamics 3rd ed Prentice Hall ISBN 978 0 13 805326 0 1998 Classical Electrodynamics 3rd ed Wiley ISBN 978 0 471 30932 1 Moliton Andre 2007 Basic electromagnetism and materials 430 pages New York City Springer Verlag New York LLC ISBN 978 0 387 30284 3 1985 Electricity and Magnetism Berkeley Physics Course Volume 2 2nd ed McGraw Hill ISBN 978 0 07 004908 6 Purcell Edward M and Morin David 2013 Electricity and Magnetism 820p 3rd ed Cambridge University Press New York ISBN 978 1 107 01402 2 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a CS1 maint multiple names authors list lingk Rao Nannapaneni N 1994 Elements of engineering electromagnetics 4th ed Prentice Hall ISBN 978 0 13 948746 0 Rothwell Edward J Cloud Michael J 2001 Electromagnetics CRC Press ISBN 978 0 8493 1397 4 Tipler Paul 1998 Physics for Scientists and Engineers Vol 2 Light Electricity and Magnetism 4th ed W H Freeman ISBN 978 1 57259 492 0 Wangsness Roald K Cloud Michael J 1986 Electromagnetic Fields 2nd Edition Wiley ISBN 978 0 471 81186 2 xangxingthwip A Beiser 1987 Concepts of Modern Physics 4th ed McGraw Hill International ISBN 978 0 07 100144 1 L H Greenberg 1978 Physics with Modern Applications Holt Saunders International W B Saunders and Co ISBN 978 0 7216 4247 5 R G Lerner G L Trigg 2005 Encyclopaedia of Physics 2nd ed VHC Publishers Hans Warlimont Springer pp 12 13 ISBN 978 0 07 025734 4 J B Marion W F Hornyak 1984 Principles of Physics Holt Saunders International Saunders College ISBN 978 4 8337 0195 2 H J Pain 1983 The Physics of Vibrations and Waves 3rd ed John Wiley amp Sons ISBN 978 0 471 90182 2 C B Parker 1994 McGraw Hill Encyclopaedia of Physics 2nd ed McGraw Hill ISBN 978 0 07 051400 3 R Penrose 2007 Vintage books ISBN 978 0 679 77631 4 P A Tipler G Mosca 2008 Physics for Scientists and Engineers With Modern Physics 6th ed W H Freeman and Co ISBN 978 1 4292 0265 7 P M Whelan M J Hodgeson 1978 Essential Principles of Physics 2nd ed John Murray ISBN 978 0 7195 3382 2 aehlngkhxmulxunwikikhakhmmikhakhmekiywkb thvsdiaemehlkiffa magnetic field strength converter subkhnemux 2007 06 04 Electromagnetic Force cak Eric Weisstein s World of Physics The Deflection of a Magnetic Compass Needle by a Current in a Wire video thiyuthub bthkhwamfisiksniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldk