การระบาดทั่วของไข้หวัดใหญ่ ค.ศ. 1918 (มกราคม ค.ศ. 1918 – ธันวาคม ค.ศ. 1920 หรือคำรู้จักว่าไข้หวัดใหญ่สเปน) เป็นการระบาดทั่วของไข้หวัดใหญ่ที่มีผู้เสียชีวิตมากผิดปกติ โดยเป็นโรคระบาดทั่วครั้งแรกจากสองครั้งที่เกี่ยวข้องกับไวรัสไข้หวัดใหญ่เอช1เอ็น1 มีผู้ได้รับผลกระทบ 500 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งรวมหมู่เกาะแปซิฟิกห่างไกลและอาร์กติก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 40 ล้านคน ทำให้เป็นภัยพิบัติธรรมชาติที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
ไข้หวัดใหญ่สเปน | |
---|---|
ทหารจาก, รัฐแคนซัส ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สเปนที่แผนกผู้ป่วยในของโรงพยาบาลที่ | |
โรค | ไข้หวัดใหญ่ |
สายพันธุ์ไวรัส | |
สถานที่ | ทั่วโลก |
รายงานผู้ป่วยรายแรก | สหรัฐ |
วันที่ | มกราคม ค.ศ. 1918 – ธันวาคม ค.ศ. 1920 |
ผู้ป่วยยืนยันสะสม | ประมาณ 500 ล้านคน |
เสียชีวิต | ประมาณ 17–50 ล้านคน |
การระบาดของไข้หวัดใหญ่ส่วนมากทำให้เยาวชน ผู้สูงอายุและผู้ป่วยที่อ่อนแออยู่แล้วเสียชีวิตมากกว่ากลุ่มอื่น ในทางตรงข้าม การระบาดทั่ว ค.ศ. 1918 จะทำให้ผู้ใหญ่ตอนต้นที่เดิมสุขภาพดีเสียชีวิตมาก การวิจัยสมัยใหม่โดยใช้ไวรัสที่นำมาจากศพของผู้เสียชีวิตที่ถูกแช่แข็ง สรุปว่าไวรัสทำให้เสียชีวิตได้จากไซโทไคน์สตอร์ม (คือ ปฏิกิริยามากเกินของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย) ปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงของผู้ใหญ่ตอนต้นทำร้ายร่างกาย ขณะที่ระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอกว่าของเด็กและผู้ใหญ่วัยกลางคนทำให้มีผู้เสียชีวิตน้อยกว่าในกลุ่มเหล่านี้
ข้อมูลประวัติศาสตร์และวิทยาการระบาดไม่เพียงพอระบุแหล่งกำเนิดทางภูมิศาสตร์ของการระบาดทั่วนี้ การระบาดนี้เกี่ยวพันในการระบาดของ (encephalitis lethargica) ในคริสต์ทศวรรษ 1920
นิรุกติศาสตร์
ถึงอย่างไรก็ตาม แม้จะมีชื่อไข้หวัดใหญ่สเปน แต่ข้อมูลทางประวัติศาสตร์และการระบาดวิทยาไม่สามารถระบุแหล่งกำเนิดทางภูมิศาสตร์ของไข้หวัดใหญ่สเปนได้ ที่มาของชื่อ "ไข้ใหญ่หวัดสเปน" เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคระบาดจากฝรั่งเศสไปยังสเปนในเดือนพฤศจิกายน 1918 ในเวลานั้นสเปนไม่ได้เข้าร่วมสงครามยังคงเป็นกลางไว้ และไม่เคยมีการตรวจพิจารณาสื่อในช่วงสงคราม หนังสือพิมพ์จึงมีอิสระที่จะรายงานผลกระทบของโรคระบาด เช่น กษัตริย์อัลฟองโซที่สิบสามป่วยหนัก และเรื่องราวการระบาดอย่างกว้างขวาง ข่าวเหล่านี้สร้างความความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสเปนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดผลกระทบอย่างรุนแรง
เกือบหนึ่งศตวรรษหลังจากไข้หวัดใหญ่สเปนระบาดในปี 1918–1920 องค์การอนามัยโลก (WHO) เรียกร้องให้นักวิทยาศาสตร์ หน่วยงานระดับชาติ และสื่อต่าง ๆ ปฏิบัติตามแนวปฏิบัติที่ดีในการตั้งชื่อโรคติดเชื้อในมนุษย์ชนิดใหม่ เพื่อลดผลกระทบเชิงลบต่อประเทศชาติ เศรษฐกิจ และผู้คน คำศัพท์สมัยใหม่ที่ใช้เรียกไวรัสนี้ ได้แก่ "การระบาดทั่วของโรคไข้หวัดใหญ่ปี 1918 (1918 influenza pandemic, 1918 flu pandemic)" หรือในรูปแบบต่าง ๆ
ประวัติ
สมมติฐานเกี่ยวกับแหล่งที่มา
สหราชอาณาจักร
ทฤษฎีของนักวิจัยหลายคนเชื่อว่ากองทหารสหราชอาณาจักรและโรงพยาบาลสนามในเมืองเอตาปล์ (Étaples) ในฝรั่งเศสเป็นจุดกำเนิดของไข้หวัดใหญ่สเปน ทีมนักวิจัยอังกฤษนำโดยจอห์น ออกซ์ฟอร์ด (John Oxford) นักวิทยาไวรัสได้ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1999 ในปลายปี ค.ศ. 1917 นักพยาธิวิทยากองทัพรายงานว่ามีโรคใหม่ที่มีอัตราการตายสูงซึ่งต่อมาพวกเขาได้ยืนยันว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ ค่ายและโรงพยาบาลที่แออัดเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการแพร่กระจายของไวรัสระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีด้วยเคมีและจากการโจมตีอื่นๆในสงครามนับพันราย และมีทหารกว่า 100,000 คนผ่านค่ายทุกวัน นอกจากนี้ ยังเป็นบ้านของหมูและสัตว์ปีกซึ่งถูกซื้อเข้ามาเป็นประจำเพื่อเป็นเสบียงอาหารจากหมู่บ้านโดยรอบ ออกซ์ฟอร์ดและทีมของเขาตั้งสมมติฐานว่าไวรัสมีต้นกำเนิดจากนก เกิดการกลายพันธุ์และแพร่ไปยังสุกรที่อาศัยอยู่ใกล้กัน
รายงานที่ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 2016 ในวารสารสมาคมการแพทย์จีน (Chinese Medical Association) พบหลักฐานว่า 1918 ไวรัส มีการแพร่กระจายในกองทัพยุโรปเป็นเวลาหลายเดือนและอาจเป็นปีก่อนที่จะมีการระบาดใหญ่ในปี ค.ศ. 1918
ประเทศสหรัฐอเมริกา
ในปี ค.ศ. 2018 การศึกษาสไลด์เนื้อเยื่อและรายงานทางการแพทย์ที่นำโดยศาสตราจารย์ด้านชีววิทยาวิวัฒนาการ ไมเคิล โวโรเบย์ (Michael Worobey) พบว่ามีหลักฐานการเกิดโรคจากแคนซัส เนื่องจากมีผู้ป่วยและมีผู้เสียชีวิตน้อยเมื่อเทียบกับสถานการณ์ในนิวยอร์กซิตี้ในช่วงเวลาเดียวกัน จากการศึกษาผ่านวงศ์วานวิวัฒนาการยังพบหลักฐานว่าเชื้อไวรัสน่าจะมีต้นกำเนิดในอเมริกาเหนือแม้ว่าจะไม่ได้ข้อสรุป นอกจากนี้ ฮีแมกกูตินิน ไกลโคโปรตีน (haemagglutinin glycoproteins) ของไวรัสแสดงว่ามันเกิดและอยู่ไกลไปก่อนปี ค.ศ. 1918 และการศึกษาอื่น ๆ ชี้ให้เห็นว่าของไวรัส H1N1 มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นราว ๆ ปี ค.ศ. 1915
ประเทศจีน
หนึ่งในไม่กี่ภูมิภาคของโลกที่ดูเหมือนจะได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากการระบาดของไข้หวัดใหญ่สเปนในปี ค.ศ. 1918 คือสาธารณรัฐจีน ซึ่งอาจจะมีไข้หวัดใหญ่ฤดูเล็กน้อยในปี ค.ศ. 1918 (แม้ว่าจะมีการโต้แย้งเนื่องจากขาดข้อมูลในช่วงยุคสมัยขุนศึกของจีน) ในการศึกษาหลายชิ้นมีเอกสารที่แสดงว่ามีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ในจีนค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น ๆ ของโลก< สิ่งนี้นำไปสู่การคาดการณ์ว่าไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดในปี ค.ศ. 1918 มีต้นกำเนิดในประเทศจีน โดยความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ฤดูที่น้อยและอัตราการตายจากไข้หวัดใหญ่ในประเทศจีนที่ต่ำในปี ค.ศ. 1918 อาจจะอธิบายได้ว่าประชากรชาวจีนมีระบบภูมิคุ้มกันแบบจำเพาะไวรัสไข้หวัดใหญ่แล้ว
ในปี ค.ศ. 1993 โคลด แฮนนาว (Claude Hannoun) ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำเกี่ยวกับไข้หวัดใหญ่ 1918 สถาบันปาสเตอร์ ยืนยันว่าไวรัสรูปแรกน่าจะมาจากประเทศจีนจากนั้นก็กลายพันธุ์ในสหรัฐอเมริกาใกล้กับบอสตันและจากที่นั่นแพร่กระจายไปยังแบร็สต์ ฝรั่งเศส สมรภูมิยุโรป และทั่วโลกโดยมีทหารและลูกเรือฝ่ายสัมพันธมิตรเป็นผู้แพร่
ในปี ค.ศ. 2014 นักประวัติศาสตร์สังกัดมหาวิทยาลัยเมมโมเรียลแห่งนิวฟันด์แลนด์ (Memorial University of Newfoundland) ในเซนต์จอนส์ มาร์ค ฮัมฟรีส์ (Mark Humphries) โต้แย้งว่าการระดมกลุ่มผู้ใช้แรงงานชาวจีนราว 96,000 คน เพื่อทำงานเบื้องหลังแนวรบอังกฤษและฝรั่งเศสอาจเป็นแหล่งที่มาของการระบาด ตามข้อสรุปของเขาในบันทึกที่เพิ่งเปิดเผย เขาพบหลักฐานจดหมายเหตุที่แสดงว่าโรคทางเดินหายใจเกิดขึ้นในภาคเหนือของจีนในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1917 ถูกระบุในปีถัดไปโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจีนว่าเป็นไข้หวัดใหญ่สเปน
รายงานที่ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 2016 ในวารสารสมาคมการแพทย์จีน (Chinese Medical Association) ไม่พบหลักฐานว่าเชื้อ 1918 ไวรัสถูกนำเข้าสู่ยุโรปผ่านทหารและคนงานจีนและคนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และพบหลักฐานการหมุนเวียนของไวรัสในยุโรปก่อนการระบาดแทน การศึกษาปี ค.ศ. 2016 ชี้ให้เห็นว่าอัตราการตายจากไข้หวัดใหญ่ที่พบในคนงานจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในยุโรปต่ำ (ประมาณ 1/1000) หมายความว่าการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สเปนในปี ค.ศ. 1918 นั้นไม่ได้เกิดจากคนงานเหล่านั้น
การศึกษาในปี ค.ศ. 2018 ของสไลด์เนื้อเยื่อและรายงานทางการแพทย์นำโดยศาสตราจารย์ด้านชีววิทยาวิวัฒนาการ ไมเคิล โวโรเบย์ (Michael Worobey) พบหลักฐานแย้งที่ว่าโรคนี้แพร่กระจายโดยคนงานชาวจีน โดยสังเกตว่าคนงานที่เข้าสู่ยุโรปผ่านเส้นทางอื่น ๆ ไม่ส่งผลให้เกิดการแพร่กระจายของโรค ทำให้พวกเขาไม่ใช่เจ้าบ้าน (host) ต้นกำเนิด
อื่นๆ
แฮนนาวพิจารณาสมมติฐานทางเลือกของแหล่งกำเนิด เช่น สเปน, แคนซัส, และแบร็สต์ ซึ่งอาจเป็นไปได้หรือไม่ก็ได้ นักวิทยาศาสตร์นโยบาย แอนดรู ไพรซ์ - สมิธ (Andrew Price-Smith) เผยแพร่ข้อมูลจาก หอจดหมายเหตุของออสเตรียที่แสดงว่าไข้หวัดใหญ่เริ่มในประเทศออสเตรียเมื่อต้นปี ค.ศ. 1917
การระบาด
เมื่อผู้ติดเชื้อจามหรือไออนุภาคไวรัสมากกว่าครึ่งล้านอนุภาคสามารถแพร่กระจายไปยังบุคคลที่อยู่ใกล้เคียง ค่ายทหารที่หนาแน่นและการเคลื่อนย้ายทหารจำนวนมากในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเป็นตัวเร่งให้เกิดการระบาดและเพิ่มอัตราการตาย สงครามได้เพิ่มความร้ายแรงของพลังทำลายของไวรัส มีการคาดการณ์ว่าระบบภูมิคุ้มกันโรคของทหารอ่อนแอลงเนื่องจากการขาดสารอาหาร ความเครียดจากการต่อสู้ และการโจมตีทางเคมี
ปัจจัยหลักในการเกิดการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ทั่วโลกนี้คือการเดินทางที่เพิ่มขึ้น ระบบการขนส่งสมัยใหม่ทำให้ทหาร กะลาสีและพลเรือนเดินทางได้ง่ายขึ้นและแพร่กระจายโรคได้ง่ายขึ้นด้วยเช่นกัน อีกประการหนึ่ง คือการโกหกและการปฏิเสธจากรัฐบาลทำให้ประชากรไม่พร้อมที่จะรับมือกับการระบาด
ในสหรัฐอเมริกา โรคนี้ถูกเฝ้าระวังเป็นครั้งแรกในแฮสเค็ลล์เคาท์ตี รัฐแคนซัส ในเดือนมกราคมปี 1918 กระตุ้นให้แพทย์ท้องถิ่นลอร์ลิ่ง มายเนอร์ (Loring Miner) ส่งคำเตือนไปยังวารสารวิชาการด้านการบริการสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกา วันที่ 4 มีนาคม 1918 อัลเบิร์ต กิตเชล (Albert Gitchell) หน่วยปรุงอาหาร จากแฮสเค็ลล์เคาท์ตี ถูกรายงานว่าป่วยที่ฟอร์ทไรลีย์ ซึ่งในเวลานั้น อยู่ระหว่างการฝึกของทหารอเมริกันในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ทำให้เขาเป็นเหยื่อรายแรกที่มีการบันทึกไว้ของไข้หวัดใหญ่ ในวันเดียวกันนั้น ทหาร 522 นายในค่ายถูกรายงานว่าป่วยเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 1918 ไวรัสได้มาถึงควีนส์ นครนิวยอร์ก ความล้มเหลวในการใช้มาตรการป้องกันในเดือนมีนาคม/เมษายนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในภายหลัง
ในเดือนสิงหาคมปี 1918 สายพันธุ์ที่ดุร้ายยิ่งปรากฏขึ้นพร้อมกันในแบร็สต์ ประเทศฝรั่งเศส ในฟรีทาวน์ เซียร์ราลีโอน และในสหรัฐอเมริกา ในเดือนกันยายนที่ อู่ต่อเรือบอสตันและค่ายดีเวนส์ (Camp Devens) (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นฟอร์ตดีเวนส์ (Fort Devens)) ประมาณ 30 ไมล์ทางตะวันตกของบอสตัน ในไม่ช้า หน่วยทหารอื่นๆก็เริ่มเจ็บป่วยเช่นเดียวกับกองทหารที่ถูกส่งไปยังยุโรป
อีกเรื่องที่แปลกคือ เกิดการระบาดอย่างรวดเร็วในฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง (ในซีกโลกเหนือ) ซึ่งโดยปกติแล้วไข้หวัดใหญ่มักจะระบาดในฤดูหนาว
อัตราการตาย
ทั่วโลก
มีผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สเปนประมาณ 500 ล้านคนทั่วโลก หรือประมาณหนึ่งในสามของประชากรโลก ในการประเมินจำนวนผู้เสียชีวิตมีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก ไข้หวัดใหญ่สเปนได้รับการพิจารณาว่าเป็นหนึ่งในโรคระบาดร้ายแรงที่มีผู้เสียชีวิตมากสุดในประวัติศาสตร์
การประมาณการในปี 1991 ระบุว่าไวรัสฆ่าคนไประหว่าง 25 และ 39 ล้านคน การประมาณการปี 2005 ระบุจำนวนผู้เสียชีวิตที่ 50 ล้านคน (ประมาณน้อยกว่า 3% ของประชากรโลก) และอาจสูงถึง 100 ล้านคน (มากกว่า 5%) อย่างไรก็ตาม มีการประเมินใหม่ในปี 2018 คาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตจำนวนประมาณ 17 ล้านคน แม้ว่าจะมีการโต้แย้งกันก็ตาม ในเวลานั้นมีประชากรโลกประมาณ 1.8 ถึง 1.9 พันล้านคน ประมาณการเหล่านี้ มีความสอดคล้องกันคืออยู่ระหว่าง 1 และ 6 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากร
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์นี้คร่าชีวิตผู้คนใน 24 สัปดาห์ได้มากกว่า HIV/AIDS ในระยะเวลา 24 ปี อย่างไรก็ตาม อัตราการตายต่อจำนวนประชากรยังน้อยกว่ากาฬมรณะซึ่งระบาดเป็นเวลาหลายร้อยปี
โรคนี้คร่าชีวิตผู้คนไปทั่วโลก มีผู้คนราว 12-17 ล้านคนเสียชีวิตในอินเดียซึ่งประมาณ 5% ของประชากร หรือเสียชีวิตอย่างน้อย 12 ล้านคน ยอดผู้เสียชีวิตในเขตปกครองโดยตรงในอินเดียของอังกฤษประมาณ 13.88 ล้านคน
การประมาณการยอดผู้เสียชีวิตในประเทศจีนมีความหลากหลาย เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการขาดการรวบรวมข้อมูลด้านสุขภาพสู่ศูนย์กลางในช่วงเวลานั้น เนื่องจากเป็นสมัยขุนศึก การประเมินยอดผู้เสียชีวิตครั้งแรกของจีนเกิดขึ้นในปี 1991 โดยแพตเตอร์สัน (Patterson) และไพล์ (Pyle) ซึ่งคาดว่า ในประเทศจีนจะมีผู้เสียชีวิตระหว่าง 5 - 9 ล้านคน อย่างไรก็ตาม การศึกษาในปี 1991 ภายหลังถูกวิพากษ์วิจารณ์และติเตียนจากการศึกษาในภายหลังเนื่องจากวิธีการศึกษามีข้อบกพร่อง และการศึกษาครั้งใหม่ที่ได้ตีพิมพ์ ประเมินอัตราการตายที่เกิดขึ้นในประเทศจีนต่ำกว่ามาก ตัวอย่างเช่น อีจิมะ (Iijima) ในปี 1998 ประมาณการยอดผู้เสียชีวิตในประเทศจีนอยู่ระหว่าง 1 ถึง 1.28 ล้านคนจากข้อมูลที่มีอยู่ในเมืองท่าเรือของจีน ตามบันทึกของวาตารุ อีจิมะ (Wataru Iijima)
"ในการศึกษา 'การระบาดทั่วของไข้หวัดใหญ่ ค.ศ. 1918' แพตเตอร์สันและไพล์ได้พยายามประเมินจำนวนผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สเปนในประเทศจีนโดยรวม พวกเขาอภิปรายว่าในประเทศจีนมีผู้เสียชีวิตอยู่ระหว่าง 4.0 ถึง 9.5 ล้านคน แต่ทั้งหมดนี้ อยู่บนพื้นฐานจากการสันนิษฐานว่าอัตราการตายอยู่ที่ 1.0–2.25 เปอร์เซ็นต์ในปี 1918 เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่ยากจนคล้ายกับอินโดนีเซียและอินเดีย ซึ่งมีอัตราการตายเป็นไปตามนั้น เห็นได้ชัดว่าการศึกษาของพวกเขาไม่ได้อยู่บนพื้นฐานข้อมูลสถิติท้องถิ่นของจีน"
การประมาณการยอดผู้เสียชีวิตที่ต่ำของจีนนั้นขึ้นอยู่บนพื้นฐานอัตราการตายที่ต่ำที่พบในเมืองท่าของจีน (ตัวอย่างเช่น ฮ่องกง) และจากการสันนิษฐานว่าการติดต่อสื่อสารที่ไม่ดี ช่วยป้องกันไม่ให้ไข้หวัดใหญ่แพร่กระจายเข้าไปแผ่นดินใหญ่ของจีน อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์และรายงานที่ทำการไปรษณีย์ร่วมสมัย รวมถึงรายงานจากแพทย์สอนศาสนา แสดงว่าไข้หวัดใหญ่ได้แทรกซึมเข้าไปภายในประเทศจีน และระบาดหนักในบางพื้นที่ในชนบทของจีน
ในญี่ปุ่น มีผู้ป่วย 23 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 390,000 คนตามรายงาน ในหมู่เกาะอินเดียตะวันออกของเนเธอร์แลนด์ (ปัจจุบันคือประเทศอินโดนีเซีย) ประมาณการว่ามีผู้เสียชีวิต 1.5 ล้านคน จากพลเมือง 30 ล้านคน ในตาฮีตี มีประชากรเสียชีวิต 13% ใน 1 เดือน เช่นเดียวกับ ในซามัว 22% ของประชากร 38,000 คนเสียชีวิตในสองเดือน
ในนิวซีแลนด์ ไข้หวัดใหญ่คร่าชีวิตประชากรปาเกฮา (คนขาว) ไปประมาณ 6,400 คนและชาวมาวรี 2,500 คนในหกสัปดาห์ ซึ่งชาวมาวรีมีอัตราการตายเป็นแปดเท่าของชาวปาเกฮา
ในอิหร่านมีอัตราการตายสูงมาก: ตามการประมาณการมีผู้เสียชีวิตอยู่ระหว่าง 902,400 ถึง 2,431,000 คน หรือ 8% ถึง 22% ของประชากรทั้งหมด
ในสหรัฐอเมริกา ประมาณ 28% ของประชากร 105 ล้านคนติดเชื้อและ 500,000 ถึง 850,000 คนเสียชีวิต (0.48 ถึง 0.81 เปอร์เซ็นต์ของประชากร) เผ่าชนพื้นเมืองอเมริกันได้รับผลกระทบหนักเป็นพิเศษ ในพื้นที่สี่มุม (Four Corners) ชนพื้นเมืองอเมริกันมีผู้เสียชีวิตที่บันทึกไว้ 3,293 คน ทั้งชุมชนหมู่บ้านชาวเอสกิโมและในดินแดนอะแลสกาได้ล่มจมตายจากไป ในแคนาดาเสียชีวิต 50,000 คน
ในบราซิลมีผู้เสียชีวิต 300,000 คนรวมถึงประธานาธิบดี ร็อดริกส์ อัลเวส (Rodrigues Alves) ในสหราชอาณาจักรมีผู้เสียชีวิต 250,000 คน ในฝรั่งเศสมีมากกว่า 400,000 คน
ในกานา การระบาดทั่วของไข้หวัดใหญ่คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 100,000 คน ตาฟารี มาคอนเนน (สมเด็จพระจักรพรรดิเฮลี เซลาสซี แห่งเอธิโอเปีย) เป็นหนึ่งในชาวเอธิโอเปียคนแรกที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ แต่รอดชีวิตมาได้ แต่พลเมืองของเขาหลายรายไม่รอด ประมาณการผู้เสียชีวิตในเมืองหลวง อาดดิสอาบาบา อยู่ระหว่าง 5,000 ถึง 10,000 หรือสูงกว่า ในบริติชโซมาลิแลนด์ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งประเมินว่า 7% ของประชากรพื้นเมืองเสียชีวิต
ในประเทศไทย การระบาดของไข้หวัดใหญ่สเปนคาดว่าเกิดจากทหารอาสาที่เดินทางจากยุโรปกลับมาประเทศไทย โดยเริ่มขึ้นในปลายปี 1918 ที่ภาคใต้ จากข้อมูลในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 27 กรกฎาคม 2462 เล่มที่ 36 หน้า 1193 พบว่ามีผู้ป่วยถึง 2,317,662 คน หรือ 27% ของจำนวนประชากร และเสียชีวิต 80,223 คน รวมถึง เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถที่ทรงประชวรจนทิวงคตด้วยโรคไข้หวัดใหญ่หรือปวดบวม ในปี 1920 ซึ่งคาดว่าเกิดจากไข้หวัดใหญ่สเปน
ยอดผู้เสียชีวิตจำนวนมากนี้ เป็นผลมาจากอัตราการติดเชื้อที่สูงถึง 50% และความรุนแรงของอาการ ซึ่งคาดว่าเกิดจากพายุไซโตไคน์ อาการของโรคในปี 1918 นั้นผิดปกติ อาการแรกเริ่มทำให้เกิดการวินิจฉัยผิดพลาดเป็น ไข้เด็งกี, อหิวาตกโรค, หรือ ไข้รากสาดน้อย ผู้สังเกตการณ์คนหนึ่งเขียนว่า "หนึ่งในอาการที่เด่นชัดของภาวะแทรกซ้อนคือเลือดออกจากเยื่อเมือก โดยเฉพาะจากจมูก กระเพาะอาหาร และลำไส้ การมีเลือดออกจากหูและในผิวหนังก็เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน" สาเหตุหลักของการเสียชีวิตเกิดจาก ซึ่งเป็นการติดเชื้อทุติยภูมิร่วมกับไข้หวัดใหญ่ ไวรัสยังฆ่าคนโดยตรงโดยทำให้เกิดอาการตกเลือดและอาการบวมน้ำในปอด
รูปแบบของการเสียชีวิต
ในภาวะระบาดทั่ว ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาว ในปี 1918–1919 99% ของการเสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่ระบาดทั่วในสหรัฐอเมริกาเกิดขึ้นในผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 65 ปี และเกือบครึ่งหนึ่งของการเสียชีวิตเป็นผู้มีอายุ 20 ถึง 40 ปี ซึ่งคาดว่าผู้สูงอายุอาจมีการป้องกันกันบางส่วนที่เกิดจากการสัมผัสกับการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ในปี 1889–1890 หรือที่รู้จักกันในชื่อ "ไข้หวัดใหญ่รัสเซีย" ในปี 1920 ในอัตราการตายในหมู่คนที่อายุต่ำกว่า 65 ปีได้ลดลงจากหกเท่าเหลือครึ่งหนึ่งของอัตราการตายของคนที่อายุมากกว่า 65 ปี แต่ 92% ของการเสียชีวิตยังคงเกิดขึ้นในคนที่อายุต่ำกว่า 65 ปี นี่เป็นเรื่องผิดปกติอย่างยิ่ง เนื่องจากไข้หวัดใหญ่มักเป็นอันตรายถึงคนที่อ่อนแอ เช่น ทารกที่มีอายุต่ำกว่าสองปี คนชราที่อายุมากกว่า 70 ปี และผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ตามข้อมูลของนักประวัติศาสตร์ จอห์น เอ็ม. แบร์รี (John M. Barry) กลุ่มเสี่ยงที่สุดที่จะเสียชีวิตคือหญิงตั้งครรภ์ เขารายงานว่าในการศึกษาสิบสามชิ้นของผู้หญิงที่เข้ารับการรักษาในช่วงของการระบาดมีอัตราการตายอยู่ระหว่าง 23% ถึง 71% หญิงตั้งครรภ์ที่รอดชีวิตเมื่อคลอดบุตร หนึ่งในสี่ (26%) จะสูญเสียบุตรไป
จากการวิเคราะห์สมัยใหม่แสดงให้เห็นว่าไวรัสมีอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต เพราะมันก่อให้เกิดพายุไซโตไคน์ (ปฏิกิริยารุนแรงเกินไปของระบบภูมิคุ้มกัน) ซึ่งจะทำลายระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงของคนหนุ่มสาว นักวิจัยกลุ่มหนึ่งได้ทำการกู้คืนไวรัสจากร่างของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกแช่แข็งไว้แล้วของสัตว์ สัตว์เหล่านี้ประสบกับความทุกข์ทรมานจากการหายใจล้มเหลวอย่างรวดเร็วและเสียชีวิตด้วยพายุไซโตไคน์ มีการตั้งสมมุติฐานว่าปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันที่รุนแรงของคนหนุ่มสาวได้เป็นตัวการในการทำลายร่างกาย ในขณะที่ในเด็กและผู้ใหญ่วัยกลางคนมีปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันที่อ่อนกว่า ส่งผลให้เสียชีวิตน้อยกว่าในกลุ่มเหล่านั้น
ในกรณีที่อาการทรุดลงอย่างรวดเร็ว การเสียชีวิตส่วนใหญ่มาจากโรคปอดบวม โดยมีอาการปอดแข็งตัวร่วมกับการติดเชื้อไวรัส ในกรณีที่อาการป่วยค่อยเป็นค่อยไปจะเป็นปอดอักเสบจากแบคทีเรียทุติยภูมิและอาจกระทบถึงระบบประสาทซึ่งนำไปสู่ความผิดปกติทางจิตในบางกรณี การเสียชีวิตบางส่วนเกิดจากการขาดสารอาหาร
การตายระลอกสอง
การระบาดทั่วระลอกที่สองในปี 1918 นั้นร้ายแรงและมีผู้เสียชีวิตมากยิ่งกว่าครั้งแรก การระบาดรอบแรกนั้นคล้ายกับโรคไข้หวัดใหญ่ทั่วไป ผู้ที่มีความเสี่ยงมากที่สุดคือผู้ป่วยและผู้สูงอายุ ขณะที่ผู้ที่ยังเด็ก ผู้มีสุขภาพแข็งแรงหายป่วยได้ง่าย เดือนสิงหาคม เมื่อการระบาดระลอกที่สองเริ่มขึ้นในฝรั่งเศส เซียร์ราลีโอน และสหรัฐอเมริกา ไวรัสได้กลายพันธุ์ในสายพันธุ์ที่อันตรายกว่าเดิมมาก ตุลาคม 1918 เป็นเดือนที่มีอัตราการตายสูงที่สุดของการระบาด
ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นนี้มีสาเหตุมาจากสถานการณ์ของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ในการดำรงชีวิตของพลเรือน การคัดเลือกโดยธรรมชาติสนับสนุนไวรัสสายพันธุ์อ่อน ผู้ที่ป่วยหนักพักรักษาตัวอยู่บ้าน ไวรัสสายพันธุ์อ่อนก็ดำรงวงจรชีวิต และแพร่กระจายสายพันธุ์อ่อนต่อไป ในสนามเพลาะ การคัดเลือกโดยธรรมชาติกลับตรงกันข้าม ทหารที่มีไวรัสสายพันธุ์อ่อนอยู่ในที่ที่พวกเขาอยู่ ในขณะที่ผู้ป่วยหนักถูกส่งตัวโดยรถไฟที่มีคนหนาแน่นไปโรงพยาบาลสนามที่มีผู้คนหนาแน่น และกระจายเชื้อไวรัสร้ายแรงออกไป การระบาดระลอกสองเริ่มขึ้น และไข้หวัดใหญ่แพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ดังนั้น ผลที่สุดก็คือ ในช่วงการระบาดทั่ว เจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้ความสนใจเมื่อไวรัสมาถึงสถานที่ที่มีการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ทางสังคม (มองหาไวรัสสายพันธุ์ร้ายแรง)
ความจริงที่ว่าคนส่วนใหญ่ที่หายจากการติดเชื้อจากการระบาดรอบแรกได้มีภูมิคุ้มกัน แสดงให้เห็นว่ามันจะต้องเป็นไข้หวัดสายพันธุ์เดียวกัน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือในโคเปนเฮเกนซึ่งมีอัตราการตายรวมกันเพียง 0.29% (0.02% ในรอบแรกและ 0.27% ในรอบที่สอง) เพราะได้รับเชื้อจากการระบาดรอบแรกที่อันตรายน้อยกว่า สำหรับอัตราการตายของประชากรในการระบาดรอบที่สองที่มากกว่านั้น เกิดจากกลุ่มเสี่ยง เช่น ทหารในสนามเพลาะ
ระลอกที่สามปี 1919 และระลอกที่สี่ปี 1920
ในเดือนมกราคม 1919 ไข้หวัดใหญ่สเปนระลอกที่สามได้ระบาดที่ออสเตรเลีย จากนั้นก็แพร่กระจายอย่างรวดเร็วผ่านไปยังยุโรปและสหรัฐอเมริกาจนถึงเดือนมิถุนายนปี 1919 ประเทศส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบได้แก่ สเปน, เซอร์เบีย, เม็กซิโก และบริเตนใหญ่ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายแสนคน แม้การระบาดระลอกสามจะรุนแรงน้อยกว่าระลอกที่สอง แต่ก็ยังมีผู้เสียชีวิตมากกว่าระลอกแรก
ในฤดูใบไม้ผลิปี 1920 มีการระบาดเล็ก ๆ เกิดขึ้นเป็นระลอกที่สี่ ในพื้นที่โดดเดี่ยวประกอบด้วย มหานครนิวยอร์ก สหราชอาณาจักร, ออสเตรีย, สแกนดิเนเวีย และบางเกาะในหมู่เกาะอเมริกาใต้ มีอัตราการตายต่ำมาก
ชุมชนที่ถูกทำลาย
พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย
แอสไพรินเป็นพิษ
ในปี 2009 ในบทความที่ตีพิมพ์ใน Clinical Infectious Diseases (วารสารโรคติดเชื้อทางคลินิก) คาเรน สตาร์โค (Karen Starko) เสนอว่ามีส่วนสำคัญต่อการเสียชีวิต บนพื้นฐานจากรายงานการชันสูตรพลิกศพผู้ที่เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ในช่วงเวลา "death spike" ครั้งใหญ่ในเดือนตุลาคม 1918 ซึ่งเกิดขึ้นไม่นานหลังจากแพทย์ทหารของกองทัพสหรัฐและ Journal of the American Medical Association แนะนำให้ใช้ยาแอสไพรินปริมาณมากขนาด 8 ถึง 31 กรัมต่อวันเป็นส่วนหนึ่งของการรักษา ยาปริมาณนี้ทำให้ผู้ป่วย 33% เกิดอาหารหายใจเร็วกว่าปกติ และผู้ป่วย 3% เกิดอาการปอดบวมน้ำ
สตาร์โกยังตั้งข้อสังเกตว่าการเสียชีวิตจำนวนมากในช่วงแรกแสดงให้เห็นว่าปอดมีน้ำหรือมีน้ำเลือดซึมซ่าน ในขณะที่ผู้เสียชีวิตในช่วงปลายแสดงอาการปอดอักเสบจากแบคทีเรีย เธอกล่าวว่าเหตุการณ์แอสไพรินเป็นพิษเป็นเพราะ "พายุมหาประลัย" ของเหตุการณ์สิทธิบัตรยาแอสไพรินของไบเออร์หมดอายุ หลายบริษัทรีบวิ่งเข้าไปทำกำไรและเพิ่มอุปทาน ซึ่งเกิดขึ้นใกล้เคียงกับเหตุการณ์ไข้หวัดใหญ่สเปน และอาการของแอสไพรินเป็นพิษยังไม่เป็นที่รู้จักในเวลานั้น
สมมติฐานอัตราการตายทั่วโลกที่สูงนั้นเกิดจากแอสไพรินเป็นพิษนี้ถูกตั้งคำถามในจดหมายถึงวารสารที่ตีพิมพ์ในเดือนเมษายน 2010 โดย แอนดรูว์ นอยเมอร์ (Andrew Noymer) และ เดซี่ แคาร์รออน (Daisy Carreon) จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เออร์ไวน์ และ นีล จอห์นสัน (Niall Johnson) คณะกรรมาธิการความปลอดภัยและคุณภาพการดูแลสุขภาพออสเตรเลีย พวกเขาตั้งคำถามถึงทฤษฎีการใช้ประโยชน์ได้กว้างขวางของแอสไพริน เนื่องจากอัตราการตายสูงในประเทศต่างๆ เช่น อินเดีย ที่มีแอสไพรินน้อยหรือไม่มีการเข้าถึงเลย เมื่อเทียบกับอัตราการตายในบางสถานที่ที่แอสไพรินมีมากมาย
พวกเขาสรุปว่า "การตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับซาลิไซลิก (แอสไพริน) เป็นพิษ เป็นเรื่องยากที่จะสนับสนุนซึ่งคำอธิบายปฐมภูมิสำหรับความรุนแรงที่ผิดปกติของการระบาดทั่วของไข้หวัดใหญ่ในปี 1918–1919" สตาร์โกตอบโต้โดยกล่าวว่ามีหลักฐานโดยเรื่องเล่าของการใช้แอสไพรินในประเทศอินเดีย และเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า ถ้าการใช้แอสไพรินเกินกำหนดไม่ได้มีส่วนทำให้อัตราการตายในอินเดียสูง แต่มันคงเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดอัตราการตายที่สูง ในพื้นที่ที่ปัจจัยรุนแรงอื่นๆที่มีอยู่ในอินเดียมีบทบาทน้อย
จุดสิ้นสุดของการระบาด
หลังจากการระบาดรุนแรงรอบที่สองในช่วงปลายปี 1918 ผู้ป่วยรายใหม่ลดลงอย่างฉับพลัน แทบจะไม่ผู้ป่วยเลยหลังจากผ่านจุดระบาดสูงสุดในคลื่นลูกที่สอง ตัวอย่างเช่นในฟิลาเดลเฟีย มีผู้เสียชีวิต 4,597 รายเมื่อสิ้นสุดสัปดาห์ในวันที่ 16 ตุลาคม แต่เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนไข้หวัดใหญ่กลับหายตัวไปจากเมืองอย่างไร้ร่องรอย คำอธิบายหนึ่งสำหรับการลดลงอย่างรวดเร็วของโรคนี้คือ แพทย์มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการป้องกันและรักษาโรคปอดบวมที่พัฒนาขึ้นหลังจากผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส อย่างไรก็ตาม จอห์น แบร์รี่ (John Barry) ระบุไว้ในหนังสือ The Great Influenza: The Epic Story of the Deadliest Plague In History ของเขาว่า นักวิจัยไม่พบหลักฐานที่สนับสนุนคำอธิบายนี้ ยังมีบางกรณีที่ผู้ป่วยถึงแก่ชีวิตในมีนาคม 1919 ผู้เล่นคนหนึ่งในการแข่งขันรอบรองชนะเลิศถ้วยสแตนลีย์ 1919 ได้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สเปน
อีกทฤษฎีหนึ่งกล่าวว่าเชื้อ 1918 ไวรัส ได้กลายพันธุ์อย่างรวดเร็วจนกลายเป็นสายพันธุ์ที่มีความร้ายแรงน้อยลง นี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วไปกับไวรัสไข้หวัดใหญ่กล่าวคือ มีแนวโน้มว่าไวรัสก่อโรคจะมีความร้ายแรงน้อยลงตามกาลเวลา เนื่องจากโฮสต์ของสายพันธุ์ที่อันตรายกว่ามีแนวโน้มที่จะตายจากไปจนหมด
ผลกระทบระยะยาว
จากการศึกษาปี 2006 ใน Journal of Political Economy (วารสารเศรษฐศาสตร์การเมือง) พบว่า "เด็กในครรภ์ระหว่างการระบาดทั่วจะมีความสำเร็จทางการศึกษาลดลง, อัตราความพิการทางร่างกายเพิ่มขึ้น, รายได้ลดลง, สถานะทางเศรษฐกิจและสังคมที่ตกต่ำ, และได้รับสูงขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นอื่น" จากการศึกษาปี 2018 พบว่าการระบาดใหญ่ลดความสำเร็จทางการศึกษาในประชากร
ไข้หวัดใหญ่มีความเชื่อมโยงกับการระบาดของในคริสต์ทศวรรษที่ 1920
อ้างอิง
- Taubenberger & Morens 2006.
- Institut Pasteur. La Grippe Espagnole de 1918 (Powerpoint presentation in French).
- Patterson & Pyle 1991.
- Billings 1997.
- Johnson & Mueller 2002.
- Barry 2004.
- Vilensky, Foley & Gilman 2007.
- Porras-Gallo & Davis 2014.
- Galvin 2007.
- . Channel 4 News. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 January 2010.
- Anderson, Susan (29 สิงหาคม 2006). "Analysis of Spanish flu cases in 1918–1920 suggests transfusions might help in bird flu pandemic". . จากแหล่งเดิมเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2011. สืบค้นเมื่อ 2 ตุลาคม 2011.
- Barry 2004, p. 171.
- Harvey, Josephine (18 มีนาคม 2020). "Yes, Viruses Used To Be Named After Places. Here's Why They Aren't Anymore". สืบค้นเมื่อ 8 เมษายน 2020.
- "WHO issues best practices for naming new human infectious diseases". World Health Organization. 8 พฤษภาคม 2015. สืบค้นเมื่อ 8 เมษายน 2020.
- "Pandemic influenza: an evolving challenge". World Health Organization. 22 พฤษภาคม 2018. จากแหล่งเดิมเมื่อ 20 มีนาคม 2020. สืบค้นเมื่อ 20 มีนาคม 2020.
- "Influenza pandemic of 1918–19". Encyclopaedia Britannica. 4 มีนาคม 2020. จากแหล่งเดิมเมื่อ 20 มีนาคม 2020. สืบค้นเมื่อ 20 มีนาคม 2020.
- Chodosh, Sara (18 มีนาคม 2020). "What the 1918 flu pandemic can teach us about COVID-19, in four charts". PopSci. สืบค้นเมื่อ 20 มีนาคม 2020.
- "EU Research Profile on Dr. John Oxford". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 พฤษภาคม 2009. สืบค้นเมื่อ 9 พฤษภาคม 2009.
- Connor, Steve (8 มกราคม 2000). "Flu epidemic traced to Great War transit camp". The Guardian. UK. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 พฤษภาคม 2009. สืบค้นเมื่อ 9 พฤษภาคม 2009.
- Oxford JS, Lambkin R, Sefton A, Daniels R, Elliot A, Brown R, Gill D (มกราคม 2005). "A hypothesis: The conjunction of soldiers, gas, pigs, ducks, geese, and horses in northern France during the Great War provided the conditions for the emergence of the "Spanish" influenza pandemic of 1918–1919" (PDF). Vaccine. 23 (7): 940–945. doi:10.1016/j.vaccine.2004.06.035. PMID 15603896. (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 12 มีนาคม 2020. สืบค้นเมื่อ 12 มีนาคม 2020.
- Shanks GD (มกราคม 2016). "No evidence of 1918 influenza pandemic origin in Chinese laborers/soldiers in France". Journal of the Chinese Medical Association. 79 (1): 46–48. doi:10.1016/j.jcma.2015.08.009. PMID 26542935.
- Michael Worobey; Jim Cox; Douglas Gill. "The origins of the great pandemic". Evolution, Medicine, and Public Health. 2019 (1): 18–25.
- Killingray, David; Phillips, Howard (2003). The Spanish Influenza Pandemic of 1918–1919: New Perspectives (ภาษาอังกฤษ). Routledge. ISBN .
- Langford, Christopher (กันยายน 2005). "Did the 1918-19 Influenza Pandemic Originate in China?". Population and Development Review. 31 (3): 473–505. doi:10.1111/j.1728-4457.2005.00080.x. JSTOR 3401475.
- Cheng, K.F. (กรกฎาคม 2007). "What happened in China during the 1918 influenza pandemic?". International Journal of Infectious Diseases. 11 (4): 360–364. จากแหล่งเดิมเมื่อ 5 ธันวาคม 2019. สืบค้นเมื่อ 5 มีนาคม 2020.
- Klein, Christopher. "China Epicenter of 1918 Flu Pandemic, Historian Says". จากแหล่งเดิมเมื่อ 5 มีนาคม 2020. สืบค้นเมื่อ 5 มีนาคม 2020.
- Vergano, Dan. "1918 Flu Pandemic That Killed 50 Million Originated in China, Historians Say". National Geographic. จากแหล่งเดิมเมื่อ 3 มีนาคม 2020. สืบค้นเมื่อ 5 มีนาคม 2020.
- Saunders-Hastings, Patrick R.; Krewski, Daniel (6 ธันวาคม 2016). "Reviewing the History of Pandemic Influenza: Understanding Patterns of Emergence and Transmission". Pathogens. 5 (4): 66. doi:10.3390/pathogens5040066. ISSN 2076-0817. PMC 5198166. PMID 27929449.
- Hannoun, Claude (1993). "La Grippe". Documents de la Conférence de l'Institut Pasteur. La Grippe Espagnole de 1918. Ed Techniques Encyclopédie Médico-Chirurgicale (EMC), Maladies infectieuses.
- Humphries 2014.
- Vergano, Dan (24 มกราคม 2014). "1918 Flu Pandemic That Killed 50 Million Originated in China, Historians Say". National Geographic. จากแหล่งเดิมเมื่อ 26 มกราคม 2014. สืบค้นเมื่อ 4 พฤศจิกายน 2016.
- Price-Smith 2008.
- (2007). Twelve diseases that changed our world. Washington, DC: ASM Press. p. 161. ISBN .
- Qureshi 2016, p. 42.
- Ewald 1994.
- . 14 January 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 December 2013.
- Illing, Sean (20 มีนาคม 2020). "The most important lesson of the 1918 influenza pandemic: Tell the damn truth". Vox (ภาษาอังกฤษ). จากแหล่งเดิมเมื่อ 25 มีนาคม 2020.
John M. Barry : The government lied. They lied about everything. We were at war and they lied because they didn’t want to upend the war effort. You had public health leaders telling people this was just the ordinary flu by another name. They simply didn’t tell the people the truth about what was happening.
- Barry JM (January 2004). "The site of origin of the 1918 influenza pandemic and its public health implications". Journal of Translational Medicine. 2 (1): 3. doi:10.1186/1479-5876-2-3. PMC 340389. PMID 14733617.
- Bynum B (14 มีนาคม 2009). "Stories of an influenza pandemic" (PDF). The Lancet. 373 (9667): 885–886. doi:10.1016/s0140-6736(09)60530-4. (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 7 มีนาคม 2020. สืบค้นเมื่อ 4 มีนาคม 2018.
- Rego Barry, Rebecca (13 พฤศจิกายน 2018). "Exhuming the Flu". Distillations. . 4 (3): 40–43. จากแหล่งเดิมเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2020. สืบค้นเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2020.
- . Avian Bird Flu. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 May 2008.
- Byerly CR (เมษายน 2010). "The U.S. military and the influenza pandemic of 1918-1919". Public Health Rep. 125 (Suppl 3): 82–91. PMC 2862337. PMID 20568570.
- "Key Facts about Swine Influenza". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 พฤษภาคม 2009. สืบค้นเมื่อ 30 เมษายน 2009.
- Taubenberger & Morens 2006, pp. 15–22.
- CDC 2009.
- "Ten things you need to know about pandemic influenza (update of 14 October 2005)" (PDF). Weekly Epidemiological Record (Relevé Épidémiologique Hebdomadaire). 80 (49–50): 428–431. 9 ธันวาคม 2005. PMID 16372665.
- Jilani, TN; Jamil, RT; Siddiqui, AH (14 ธันวาคม 2019). "H1N1 Influenza (Swine Flu)". . PMID 30020613. จากแหล่งเดิมเมื่อ 12 มีนาคม 2020. สืบค้นเมื่อ 11 มีนาคม 2020.
- Knobler 2005.
- P. Spreeuwenberg; และคณะ (1 December 2018). "Reassessing the Global Mortality Burden of the 1918 Influenza Pandemic". . 187 (12): 2561–2567. doi:10.1093/aje/kwy191. PMID 30202996.
- Chandra, Siddharth; Christensen, Julia (2 March 2019). "Re: "reassessing the Global Mortality Burden of the 1918 Influenza Pandemic"". Am. J. Epid. 188 (7): 1404–1406. doi:10.1093/aje/kwz044. PMID 30824934. and response Spreeuwenberg, Peter; Kroneman, Madelon; Paget, John (2 มีนาคม 2019). "The Authors Reply" (PDF). Am. J. Epid. 188 (7): 1405–1406. doi:10.1093/aje/kwz041. PMID 30824908. (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 12 มีนาคม 2020. สืบค้นเมื่อ 12 มีนาคม 2020.
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 กรกฎาคม 2012. สืบค้นเมื่อ 29 มีนาคม 2013.
- Robinson Meyer (29 เมษายน 2016). "Human extinction isn't that unlikely". The Atlantic. จากแหล่งเดิมเมื่อ 1 พฤษภาคม 2016. สืบค้นเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2018.
- Mayor, S. (2000). "Flu experts warn of need for pandemic plans". British Medical Journal. 321 (7265): 852. doi:10.1136/bmj.321.7265.852. PMC 1118673. PMID 11021855.
- David Arnold, "Dearth and the Modern Empire: The 1918–19 Influenza Epidemic in India," Transactions of the Royal Historical Society 29 (2019): 181-200.
- Chandra, Kuljanin & Wray 2012.
- Iijima, W. (2003). "Spanish influenza in China, 1918–1920: a preliminary probe". ใน Phillips, H.; Killingray, D. (บ.ก.). The Spanish Flu Pandemic of 1918: New Perspectives. London and New York: Routledge. pp. 101–109.
- Iijima, Wataru (1998). The Spanish influenza in China, 1918–1920 (ภาษาอังกฤษ). OCLC 46987588.
- Langford, Christopher (2005). "Did the 1918–19 Influenza Pandemic Originate in China?". Population and Development Review (ภาษาอังกฤษ). 31 (3): 473–505. doi:10.1111/j.1728-4457.2005.00080.x. ISSN 1728-4457.
- Iijima, Wataru (1998). The Spanish influenza in China, 1918-1920. Spanish 'Flu 1918-1998: Reflections on the Influenza Pandemic of 1918 after 80 Years. Cape Town, South Africa.
- Killingray, David; Phillips, Howard (2003). The Spanish Influenza Pandemic of 1918–1919: New Perspectives (ภาษาอังกฤษ). Routledge. ISBN .
- (2017). Pale rider – The Spanish flu of 1918 and how it changed the world. pp. 167–169. ISBN .
- . Centers for Disease Control and Prevention (CDC).
- Emmy Fitri (28 ตุลาคม 2009). . The Jakarta Globe. University of Indonesia, School of History. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 พฤศจิกายน 2009.
- Kohn 2007.
- "1918 flu centenary: How to survive a pandemic" (ภาษาอังกฤษ). จากแหล่งเดิมเมื่อ 9 กรกฎาคม 2019. สืบค้นเมื่อ 19 มิถุนายน 2019.
- Rice, Geoffrey; Bryder, Linda. Black November: the 1918 influenza pandemic in New Zealand (Second, revised and enlarged ed.). Christchurch, N.Z. ISBN . OCLC 960210402.
- Afkhami 2003; Afkhami 2012.
- , U.S. Department of Health & Human Services.
- "Flu Epidemic Hit Utah Hard in 1918, 1919". 28 มีนาคม 1995. จากแหล่งเดิมเมื่อ 30 พฤศจิกายน 2012. สืบค้นเมื่อ 7 กรกฎาคม 2012.
- "The Great Pandemic of 1918: State by State". 5 มีนาคม 2018. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 พฤษภาคม 2009. สืบค้นเมื่อ 4 พฤษภาคม 2009.
- . CBC History.
- "A gripe espanhola no Brasil – Elísio Augusto de Medeiros e Silva, empresário, escritor e membro da AEILIJ" (ภาษาโปรตุเกส). Jornal de Hoje. จากแหล่งเดิมเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2014. สืบค้นเมื่อ 22 มกราคม 2014.
- "The "bird flu" that killed 40 million". BBC News. 19 ตุลาคม 2005. จากแหล่งเดิมเมื่อ 7 พฤศจิกายน 2017. สืบค้นเมื่อ 26 เมษายน 2009.
- Hays 1998.
- Marcus, Harold (1996). Haile Sellassie I: The formative years, 1892–1936. Trenton, NJ: Red Sea Press. pp. 36ff.
- Pankhurst 1991, pp. 48f.
- Pankhurst 1991, p. 63.
- Pankhurst 1991, pp. 51ff.
- กรกิจ ดิษฐาน (19 มีนาคม 2020). "วันที่โรคระบาดบุกสยาม เกิดอะไรขึ้นเมื่อคนไทย2ล้านคนติดเชื้อ". โพสต์ทูเดย์.
- . ฐานเศรษฐกิจ. 3 เมษายน 2020. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-07-10. สืบค้นเมื่อ 2023-07-10 – โดยทาง Thai.ac.
- 3 นาทีคดีดัง : 102 ปี “ไข้หวัดสเปน” ฆ่าคนไทย 8 หมื่น ทั่วโลก 50 ล้าน!, ไทยรัฐออนไลน์, 24 เม.ย. 2563
- Morris, Denise E.; Cleary, David W.; Clarke, Stuart C. (2017). "Secondary Bacterial Infections Associated with Influenza Pandemics". Frontiers in Microbiology. 8. doi:10.3389/fmicb.2017.01041. ISSN 1664-302X.
- "Bacterial Pneumonia Caused Most Deaths in 1918 Influenza Pandemic". National Institutes of Health. 23 กันยายน 2015. จากแหล่งเดิมเมื่อ 22 เมษายน 2016. สืบค้นเมื่อ 17 เมษายน 2016.
- Taubenberger et al. 2001, pp. 1829–1839.
- Hanssen, Olav. Undersøkelser over influenzaens optræden specielt i Bergen 1918–1922. Bg. 1923. 66 s. ill. (Haukeland sykehus. Med. avd. Arb. 2) (Klaus Hanssens fond. Skr. 3)
- Simonsen et al. 1998.
- Payne MS, Bayatibojakhi S (2014). "Exploring preterm birth as a polymicrobial disease: an overview of the uterine microbiome". Frontiers in Immunology. 5: 595. doi:10.3389/fimmu.2014.00595. PMC 4245917. PMID 25505898.
- Barry 2004, p. 239.
- Barry 2004b.
- "1918 Death Certificate for 10-year-old girl who died as a consequence of influenza in Lares, Puerto Rico".
- Science and Technology Committee (16 ธันวาคม 2005). Pandemic Influenza (PDF) (Report). Report of Session 2005–2006. Vol. 4th. UK House of Lords. HL Paper 88. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 8 พฤษภาคม 2009. สืบค้นเมื่อ 6 พฤษภาคม 2009.
- Influenza 1918 episode (TV production). American Experience season 10. PBS. 1997–1998.
- Gladwell 1997, p. 55.
- Gladwell 1997, p. 63.
- Fogarty International Center. "Summer Flu Outbreak of 1918 May Have Provided Partial Protection Against Lethal Fall Pandemic". Fic.nih.gov. จากแหล่งเดิมเมื่อ 27 กรกฎาคม 2011. สืบค้นเมื่อ 19 พฤษภาคม 2012.
- Gladwell 1997, p. 56.
- Why the Second Wave of the 1918 Spanish Flu Was So Deadly History.com - Retrieved 8 May 2020
- Radusin, Milorad (2012). "The Spanish Flu – Part II: the second and third wave". Vojnosanitetski pregled. สืบค้นเมื่อ 23 เมษายน 2020.
- "1918 Pandemic Influenza: Three Waves". Centers for Disease Control and Prevention. 11 พฤษภาคม 2018. สืบค้นเมื่อ 23 เมษายน 2020.
- Najera RF (2 มกราคม 2019). . . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 กรกฎาคม 2020. สืบค้นเมื่อ 23 เมษายน 2020.
- Erkoreka, Anton (30 พฤศจิกายน 2009). "Origins of the Spanish Influenza pandemic (1918–1920) and its relation to the First World War". Journal of Molecular and Genetic Medicine : An International Journal of Biomedical Research. National Institutes of Health. 3 (2): 190–94. doi:10.4172/1747-0862.1000033. PMC 2805838. PMID 20076789.
- Yang W, Petkova E, Shaman J (มีนาคม 2014). "The 1918 influenza pandemic in New York City: age-specific timing, mortality, and transmission dynamics". Influenza and Other Respiratory Viruses. National Institutes of Health. 8 (2): 177–88. doi:10.1111/irv.12217. PMC 4082668. PMID 24299150.
- "How the 1918 flu pandemic rolled on for years: a snapshot from 1920". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 30 เมษายน 2020.
- Starko 2009.
- Noymer, Carreon & Johnson 2010.
- Starko 2010.
- Almond, Douglas (1 August 2006). "Is the 1918 Influenza Pandemic Over? Long‐Term Effects of In Utero Influenza Exposure in the Post‐1940 U.S. Population". Journal of Political Economy. 114 (4): 672–712. doi:10.1086/507154. ISSN 0022-3808.
- Beach, Brian; Ferrie, Joseph P.; Saavedra, Martin H. (มิถุนายน 2018). "Fetal shock or selection? The 1918 influenza pandemic and human capital development". NBER Working Paper (24725). doi:10.3386/w24725. จากแหล่งเดิมเมื่อ 18 มิถุนายน 2018. สืบค้นเมื่อ 18 มิถุนายน 2018.
บรรณานุกรม
- Afkhami A (2003). "Compromised constitutions: the Iranian experience with the 1918 influenza pandemic". Bulletin of the History of Medicine. 77 (2): 367–92. doi:10.1353/bhm.2003.0049. PMID 12955964. S2CID 37523219. จากแหล่งเดิมเมื่อ 31 มีนาคม 2020. สืบค้นเมื่อ 3 ตุลาคม 2017. – Open access material by the Psychiatry and Behavioral Sciences at Health Sciences Research Commons.
- Afkhami A (29 มีนาคม 2012) [15 December 2004]. "Influenza". ใน Yarshater E (บ.ก.). Encyclopædia Iranica. Fasc. 2. Vol. XIII (Online ed.). New York City: Bibliotheca Persica Press. pp. 140–43. จากแหล่งเดิมเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2020. สืบค้นเมื่อ 3 ตุลาคม 2017.
- Barry JM (2004). The Great Influenza: The Epic Story of the Greatest Plague in History. Viking Penguin. ISBN .
- Barry JM (มกราคม 2004b). "The site of origin of the 1918 influenza pandemic and its public health implications". Journal of Translational Medicine. 2 (1): 3. doi:10.1186/1479-5876-2-3. PMC 340389. PMID 14733617.
- Billings M (1997). . Virology at Stanford University. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 มิถุนายน 2009. สืบค้นเมื่อ 1 พฤษภาคม 2009.
- CDC (2009). . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 กันยายน 2011. สืบค้นเมื่อ 2 กันยายน 2009.
- Chandra S, Kuljanin G, Wray J (สิงหาคม 2012). "Mortality from the influenza pandemic of 1918–1919: the case of India". Demography. 49 (3): 857–65. doi:10.1007/s13524-012-0116-x. PMID 22661303. S2CID 39247719.
- Ewald PW (1994). Evolution of infectious disease. OUP. ISBN .
- Galvin J (31 กรกฎาคม 2007). "Spanish Flu Pandemic: 1918". . จากแหล่งเดิมเมื่อ 20 กันยายน 2011. สืบค้นเมื่อ 2 ตุลาคม 2011.
- Gladwell M (29 กันยายน 1997). "The Dead Zone". . จากแหล่งเดิมเมื่อ 15 ธันวาคม 2020. สืบค้นเมื่อ 16 มีนาคม 2020.
- Hays JN (1998). The Burdens of Disease: Epidemics and Human Response in Western History. p. 274. ISBN . จากแหล่งเดิมเมื่อ 27 กรกฎาคม 2021. สืบค้นเมื่อ 3 พฤษภาคม 2020 – โดยทาง Google Books.
- Humphries MO (2014). "Paths of Infection: The First World War and the Origins of the 1918 Influenza Pandemic". War in History. 21 (1): 55–81. doi:10.1177/0968344513504525. S2CID 159563767.
- Johnson NP, Mueller J (2002). "Updating the accounts: global mortality of the 1918–1920 "Spanish" influenza pandemic". Bulletin of the History of Medicine. 76 (1): 105–15. doi:10.1353/bhm.2002.0022. PMID 11875246. S2CID 22974230.
- Knobler S, Mack A, Mahmoud A, Lemon S, บ.ก. (2005). "1: The Story of Influenza". The Threat of Pandemic Influenza: Are We Ready? Workshop Summary (2005). Washington, DC: The National Academies Press. pp. 60–61. จากแหล่งเดิมเมื่อ 23 ธันวาคม 2020. สืบค้นเมื่อ 20 สิงหาคม 2019.
- Kohn GC (2007). Encyclopedia of plague and pestilence: from ancient times to the present (3rd ed.). Infobase Publishing. p. 363. ISBN . จากแหล่งเดิมเมื่อ 1 มกราคม 2016. สืบค้นเมื่อ 29 ตุลาคม 2015 – โดยทาง Google Books.
- Noymer A, Carreon D, Johnson N (เมษายน 2010). "Questioning the salicylates and influenza pandemic mortality hypothesis in 1918–1919". Clinical Infectious Diseases. 50 (8): 1203, author reply 1203. doi:10.1086/651472. PMID 20233050.
- Pankhurst R (1991). An Introduction to the Medical History of Ethiopia. Trenton: Red Sea Press. ISBN .
- Patterson KD, Pyle GF (1991). "The geography and mortality of the 1918 influenza pandemic". Bulletin of the History of Medicine. 65 (1): 4–21. PMID 2021692.
- Porras-Gallo M, Davis RA, บ.ก. (2014). "The Spanish Influenza Pandemic of 1918–1919: Perspectives from the Iberian Peninsula and the Americas". Rochester Studies in Medical History. Vol. 30. University of Rochester Press. ISBN . จากแหล่งเดิมเมื่อ 22 มกราคม 2021. สืบค้นเมื่อ 9 พฤศจิกายน 2020 – โดยทาง Google Books.
- Price-Smith AT (2008). Contagion and Chaos. Cambridge, MA: MIT Press. ISBN .
- Qureshi AI (2016). Ebola Virus Disease: From Origin to Outbreak. Academic Press. ISBN – โดยทาง Google Books.
- Simonsen L, Clarke MJ, Schonberger LB, Arden NH, Cox NJ, Fukuda K (กรกฎาคม 1998). "Pandemic versus epidemic influenza mortality: a pattern of changing age distribution". The Journal of Infectious Diseases. 178 (1): 53–60. 10.1.1.327.2581. doi:10.1086/515616. JSTOR 30114117. PMID 9652423.
- Starko KM (พฤศจิกายน 2009). "Salicylates and pandemic influenza mortality, 1918-1919 pharmacology, pathology, and historic evidence". Clinical Infectious Diseases. 49 (9): 1405–10. doi:10.1086/606060. PMID 19788357. (. . . 3 October 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 January 2021.
- Starko KM (2010). "Reply to Noymer et al". Clinical Infectious Diseases. 50 (8): 1203–04. doi:10.1086/651473.
- Taubenberger JK, Reid AH, Janczewski TA, Fanning TG (ธันวาคม 2001). "Integrating historical, clinical and molecular genetic data in order to explain the origin and virulence of the 1918 Spanish influenza virus". Philosophical Transactions of the Royal Society of London. Series B, Biological Sciences. 356 (1416): 1829–39. doi:10.1098/rstb.2001.1020. PMC 1088558. PMID 11779381.
- Taubenberger JK, Morens DM (มกราคม 2006). "1918 Influenza: the mother of all pandemics". Emerging Infectious Diseases. 12 (1): 15–22. doi:10.3201/eid1201.050979. PMC 3291398. PMID 16494711.
- Vilensky JA, Foley P, Gilman S (สิงหาคม 2007). "Children and encephalitis lethargica: a historical review". Pediatric Neurology. 37 (2): 79–84. doi:10.1016/j.pediatrneurol.2007.04.012. PMID 17675021. จากแหล่งเดิมเมื่อ 17 เมษายน 2020. สืบค้นเมื่อ 22 พฤศจิกายน 2016.
แหล่งข้อมูลอื่น
- จากไข้หวัดสเปนถึงโควิด-19: บทเรียนจากโรคระบาดและสงครามโลกครั้งที่ 1
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
karrabadthwkhxngikhhwdihy kh s 1918 mkrakhm kh s 1918 thnwakhm kh s 1920 hruxkharuckwaikhhwdihysepn epnkarrabadthwkhxngikhhwdihythimiphuesiychiwitmakphidpkti odyepnorkhrabadthwkhrngaerkcaksxngkhrngthiekiywkhxngkbiwrsikhhwdihyexch1exn1 miphuidrbphlkrathb 500 lankhnthwolk sungrwmhmuekaaaepsifikhangiklaelaxarktik thaihmiphuesiychiwit 40 lankhn thaihepnphyphibtithrrmchatithimiphuesiychiwitmakthisudkhrnghnunginprawtisastrmnusychatiikhhwdihysepnthharcak rthaekhnss pwyepnikhhwdihysepnthiaephnkphupwyinkhxngorngphyabalthiorkhikhhwdihysayphnthuiwrssthanthithwolkraynganphupwyrayaerkshrthwnthimkrakhm kh s 1918 thnwakhm kh s 1920phupwyyunynsasmpraman 500 lankhnesiychiwitpraman 17 50 lankhn karrabadkhxngikhhwdihyswnmakthaiheyawchn phusungxayuaelaphupwythixxnaexxyuaelwesiychiwitmakkwaklumxun inthangtrngkham karrabadthw kh s 1918 cathaihphuihytxntnthiedimsukhphaphdiesiychiwitmak karwicysmyihmodyichiwrsthinamacaksphkhxngphuesiychiwitthithukaechaekhng srupwaiwrsthaihesiychiwitidcakisothikhnstxrm khux ptikiriyamakekinkhxngrabbphumikhumknrangkay ptikiriyaphumikhumknthiaekhngaerngkhxngphuihytxntntharayrangkay khnathirabbphumikhumknthixxnaexkwakhxngedkaelaphuihywyklangkhnthaihmiphuesiychiwitnxykwainklumehlani khxmulprawtisastraelawithyakarrabadimephiyngphxrabuaehlngkaenidthangphumisastrkhxngkarrabadthwni karrabadniekiywphninkarrabadkhxng encephalitis lethargica inkhristthswrrs 1920niruktisastrthungxyangirktam aemcamichuxikhhwdihysepn aetkhxmulthangprawtisastraelakarrabadwithyaimsamarthrabuaehlngkaenidthangphumisastrkhxngikhhwdihysepnid thimakhxngchux ikhihyhwdsepn ekidcakkaraephrrabadkhxngorkhrabadcakfrngessipyngsepnineduxnphvscikayn 1918 inewlannsepnimidekharwmsngkhramyngkhngepnklangiw aelaimekhymikartrwcphicarnasuxinchwngsngkhram hnngsuxphimphcungmixisrathicaraynganphlkrathbkhxngorkhrabad echn kstriyxlfxngosthisibsampwyhnk aelaeruxngrawkarrabadxyangkwangkhwang khawehlanisrangkhwamkhwamekhaicphidekiywkbsepnodyechphaaxyangyingemuxekidphlkrathbxyangrunaerng ekuxbhnungstwrrshlngcakikhhwdihysepnrabadinpi 1918 1920 xngkhkarxnamyolk WHO eriykrxngihnkwithyasastr hnwynganradbchati aelasuxtang ptibtitamaenwptibtithidiinkartngchuxorkhtidechuxinmnusychnidihm ephuxldphlkrathbechinglbtxpraethschati esrsthkic aelaphukhn khasphthsmyihmthiicheriykiwrsni idaek karrabadthwkhxngorkhikhhwdihypi 1918 1918 influenza pandemic 1918 flu pandemic hruxinrupaebbtang prawtismmtithanekiywkbaehlngthima shrachxanackr thvsdikhxngnkwicyhlaykhnechuxwakxngthharshrachxanackraelaorngphyabalsnaminemuxngextapl Etaples infrngessepncudkaenidkhxngikhhwdihysepn thimnkwicyxngkvsnaodycxhn xxksfxrd John Oxford nkwithyaiwrsidtiphimphinpi kh s 1999 inplaypi kh s 1917 nkphyathiwithyakxngthphraynganwamiorkhihmthimixtrakartaysungsungtxmaphwkekhaidyunynwaepnikhhwdihy khayaelaorngphyabalthiaexxdepnsthanthithiehmaasahrbkaraephrkracaykhxngiwrsrabbthangedinhayic orngphyabalrksaphuidrbbadecbcakkarocmtidwyekhmiaelacakkarocmtixuninsngkhramnbphnray aelamithharkwa 100 000 khnphankhaythukwn nxkcakni yngepnbankhxnghmuaelastwpiksungthuksuxekhamaepnpracaephuxepnesbiyngxaharcakhmubanodyrxb xxksfxrdaelathimkhxngekhatngsmmtithanwaiwrsmitnkaenidcaknk ekidkarklayphnthuaelaaephripyngsukrthixasyxyuiklkn raynganthitiphimphinpi kh s 2016 inwarsarsmakhmkaraephthycin Chinese Medical Association phbhlkthanwa 1918 iwrs mikaraephrkracayinkxngthphyuorpepnewlahlayeduxnaelaxacepnpikxnthicamikarrabadihyinpi kh s 1918 praethsshrthxemrika inpi kh s 2018 karsuksasildenuxeyuxaelaraynganthangkaraephthythinaodysastracarydanchiwwithyawiwthnakar imekhil oworeby Michael Worobey phbwamihlkthankarekidorkhcakaekhnss enuxngcakmiphupwyaelamiphuesiychiwitnxyemuxethiybkbsthankarninniwyxrksitiinchwngewlaediywkn cakkarsuksaphanwngswanwiwthnakaryngphbhlkthanwaechuxiwrsnacamitnkaenidinxemrikaehnuxaemwacaimidkhxsrup nxkcakni hiaemkkutinin iklokhoprtin haemagglutinin glycoproteins khxngiwrsaesdngwamnekidaelaxyuiklipkxnpi kh s 1918 aelakarsuksaxun chiihehnwakhxngiwrs H1N1 miaenwonmthicaekidkhunraw pi kh s 1915 praethscin hnunginimkiphumiphakhkhxngolkthiduehmuxncaidrbphlkrathbephiyngelknxycakkarrabadkhxngikhhwdihysepninpi kh s 1918 khuxsatharnrthcin sungxaccamiikhhwdihyvduelknxyinpi kh s 1918 aemwacamikarotaeyngenuxngcakkhadkhxmulinchwngyukhsmykhunsukkhxngcin inkarsuksahlaychinmiexksarthiaesdngwamiphuesiychiwitcakikhhwdihyincinkhxnkhangnxyemuxethiybkbphumiphakhxun khxngolk lt singninaipsukarkhadkarnwaikhhwdihythirabadinpi kh s 1918 mitnkaenidinpraethscin odykhwamsmphnthrahwangphupwyikhhwdihyvduthinxyaelaxtrakartaycakikhhwdihyinpraethscinthitainpi kh s 1918 xaccaxthibayidwaprachakrchawcinmirabbphumikhumknaebbcaephaaiwrsikhhwdihyaelw inpi kh s 1993 okhld aehnnaw Claude Hannoun phuechiywchaychnnaekiywkbikhhwdihy 1918 sthabnpasetxr yunynwaiwrsrupaerknacamacakpraethscincaknnkklayphnthuinshrthxemrikaiklkbbxstnaelacakthinnaephrkracayipyngaebrst frngess smrphumiyuorp aelathwolkodymithharaelalukeruxfaysmphnthmitrepnphuaephr inpi kh s 2014 nkprawtisastrsngkdmhawithyalyemmomeriylaehngniwfndaelnd Memorial University of Newfoundland inesntcxns markh hmfris Mark Humphries otaeyngwakarradmklumphuichaerngnganchawcinraw 96 000 khn ephuxthanganebuxnghlngaenwrbxngkvsaelafrngessxacepnaehlngthimakhxngkarrabad tamkhxsrupkhxngekhainbnthukthiephingepidephy ekhaphbhlkthancdhmayehtuthiaesdngwaorkhthangedinhayicekidkhuninphakhehnuxkhxngcinineduxnphvscikayn kh s 1917 thukrabuinpithdipodyecahnathisatharnsukhcinwaepnikhhwdihysepn raynganthitiphimphinpi kh s 2016 inwarsarsmakhmkaraephthycin Chinese Medical Association imphbhlkthanwaechux 1918 iwrsthuknaekhasuyuorpphanthharaelakhnngancinaelakhnexechiytawnxxkechiyngit aelaphbhlkthankarhmunewiynkhxngiwrsinyuorpkxnkarrabadaethn karsuksapi kh s 2016 chiihehnwaxtrakartaycakikhhwdihythiphbinkhnngancinaelaexechiytawnxxkechiyngitinyuorpta praman 1 1000 hmaykhwamwakarrabadkhxngorkhikhhwdihysepninpi kh s 1918 nnimidekidcakkhnnganehlann karsuksainpi kh s 2018 khxngsildenuxeyuxaelaraynganthangkaraephthynaodysastracarydanchiwwithyawiwthnakar imekhil oworeby Michael Worobey phbhlkthanaeyngthiwaorkhniaephrkracayodykhnnganchawcin odysngektwakhnnganthiekhasuyuorpphanesnthangxun imsngphlihekidkaraephrkracaykhxngorkh thaihphwkekhaimichecaban host tnkaenid xun aehnnawphicarnasmmtithanthangeluxkkhxngaehlngkaenid echn sepn aekhnss aelaaebrst sungxacepnipidhruximkid nkwithyasastrnoybay aexndru iphrs smith Andrew Price Smith ephyaephrkhxmulcak hxcdhmayehtukhxngxxsetriythiaesdngwaikhhwdihyeriminpraethsxxsetriyemuxtnpi kh s 1917 karrabad inkhnathikxngthphshrththakarsngkalngrbcanwnmakephuxipthasngkhraminyuorp phwkekhaknaikhhwdihysepnipdwy emuxphutidechuxcamhruxixxnuphakhiwrsmakkwakhrunglanxnuphakhsamarthaephrkracayipyngbukhkhlthixyuiklekhiyng khaythharthihnaaennaelakarekhluxnyaythharcanwnmakinsngkhramolkkhrngthihnungepntwerngihekidkarrabadaelaephimxtrakartay sngkhramidephimkhwamrayaerngkhxngphlngthalaykhxngiwrs mikarkhadkarnwarabbphumikhumknorkhkhxngthharxxnaexlngenuxngcakkarkhadsarxahar khwamekhriydcakkartxsu aelakarocmtithangekhmi pccyhlkinkarekidkarrabadkhxngorkhikhhwdihythwolknikhuxkaredinthangthiephimkhun rabbkarkhnsngsmyihmthaihthhar kalasiaelaphleruxnedinthangidngaykhunaelaaephrkracayorkhidngaykhundwyechnkn xikprakarhnung khuxkarokhkaelakarptiesthcakrthbalthaihprachakrimphrxmthicarbmuxkbkarrabad inshrthxemrika orkhnithukefarawngepnkhrngaerkinaehsekhllekhathti rthaekhnss ineduxnmkrakhmpi 1918 kratunihaephthythxngthinlxrling mayenxr Loring Miner sngkhaetuxnipyngwarsarwichakardankarbrikarsatharnsukhkhxngshrthxemrika wnthi 4 minakhm 1918 xlebirt kitechl Albert Gitchell hnwyprungxahar cakaehsekhllekhathti thukraynganwapwythifxrthirliy sunginewlann xyurahwangkarfukkhxngthharxemrikninchwngsngkhramolkkhrngthihnung thaihekhaepnehyuxrayaerkthimikarbnthukiwkhxngikhhwdihy inwnediywknnn thhar 522 nayinkhaythukraynganwapwyemuxwnthi 11 minakhm 1918 iwrsidmathungkhwins nkhrniwyxrk khwamlmehlwinkarichmatrkarpxngknineduxnminakhm emsaynthukwiphakswicarnxyanghnkinphayhlng ineduxnsinghakhmpi 1918 sayphnthuthidurayyingpraktkhunphrxmkninaebrst praethsfrngess infrithawn esiyrralioxn aelainshrthxemrika ineduxnknyaynthi xutxeruxbxstnaelakhaydiewns Camp Devens txmaepliynchuxepnfxrtdiewns Fort Devens praman 30 imlthangtawntkkhxngbxstn inimcha hnwythharxunkerimecbpwyechnediywkbkxngthharthithuksngipyngyuorp xikeruxngthiaeplkkhux ekidkarrabadxyangrwderwinvdurxnaelavduibimrwng insikolkehnux sungodypktiaelwikhhwdihymkcarabadinvduhnawxtrakartaythwolk khwamaetktangrahwangxtrakartaykhxngikhhwdihytamchwngxayu khxngkarrabadthwpi 1918 aelakarrabadtampkti esiychiwittx 100 000 khninaetlaklumxayu shrthxemrika inchwngkxnkarrabadihypi 1911 1917 esnpra aelakarrabadthwpi 1918 esnthub phawarabadthwsamralxk xtrakartaykhxngikhhwdihyaelapxdbwmrayspdah shrachxanackr 1918 1919 miphutidechuxikhhwdihysepnpraman 500 lankhnthwolk hruxpramanhnunginsamkhxngprachakrolk inkarpraemincanwnphuesiychiwitmikhwamaetktangknepnxyangmak ikhhwdihysepnidrbkarphicarnawaepnhnunginorkhrabadrayaerngthimiphuesiychiwitmaksudinprawtisastr karpramankarinpi 1991 rabuwaiwrskhakhniprahwang 25 aela 39 lankhn karpramankarpi 2005 rabucanwnphuesiychiwitthi 50 lankhn pramannxykwa 3 khxngprachakrolk aelaxacsungthung 100 lankhn makkwa 5 xyangirktam mikarpraeminihminpi 2018 khadwacamiphuesiychiwitcanwnpraman 17 lankhn aemwacamikarotaeyngknktam inewlannmiprachakrolkpraman 1 8 thung 1 9 phnlankhn pramankarehlani mikhwamsxdkhlxngknkhuxxyurahwang 1 aela 6 epxresntkhxngcanwnprachakr ikhhwdihysayphnthunikhrachiwitphukhnin 24 spdahidmakkwa HIV AIDS inrayaewla 24 pi xyangirktam xtrakartaytxcanwnprachakryngnxykwakalmrnasungrabadepnewlahlayrxypi orkhnikhrachiwitphukhnipthwolk miphukhnraw 12 17 lankhnesiychiwitinxinediysungpraman 5 khxngprachakr hruxesiychiwitxyangnxy 12 lankhn yxdphuesiychiwitinekhtpkkhrxngodytrnginxinediykhxngxngkvspraman 13 88 lankhn karpramankaryxdphuesiychiwitinpraethscinmikhwamhlakhlay epnkarsathxnihehnthungkarkhadkarrwbrwmkhxmuldansukhphaphsusunyklanginchwngewlann enuxngcakepnsmykhunsuk karpraeminyxdphuesiychiwitkhrngaerkkhxngcinekidkhuninpi 1991 odyaephtetxrsn Patterson aelaiphl Pyle sungkhadwa inpraethscincamiphuesiychiwitrahwang 5 9 lankhn xyangirktam karsuksainpi 1991 phayhlngthukwiphakswicarnaelatietiyncakkarsuksainphayhlngenuxngcakwithikarsuksamikhxbkphrxng aelakarsuksakhrngihmthiidtiphimph praeminxtrakartaythiekidkhuninpraethscintakwamak twxyangechn xicima Iijima inpi 1998 pramankaryxdphuesiychiwitinpraethscinxyurahwang 1 thung 1 28 lankhncakkhxmulthimixyuinemuxngthaeruxkhxngcin tambnthukkhxngwataru xicima Wataru Iijima inkarsuksa karrabadthwkhxngikhhwdihy kh s 1918 aephtetxrsnaelaiphlidphyayampraemincanwnphuesiychiwitcakikhhwdihysepninpraethscinodyrwm phwkekhaxphipraywainpraethscinmiphuesiychiwitxyurahwang 4 0 thung 9 5 lankhn aetthnghmdni xyubnphunthancakkarsnnisthanwaxtrakartayxyuthi 1 0 2 25 epxresntinpi 1918 enuxngcakcinepnpraethsthiyakcnkhlaykbxinodniesiyaelaxinediy sungmixtrakartayepniptamnn ehnidchdwakarsuksakhxngphwkekhaimidxyubnphunthankhxmulsthitithxngthinkhxngcin karpramankaryxdphuesiychiwitthitakhxngcinnnkhunxyubnphunthanxtrakartaythitathiphbinemuxngthakhxngcin twxyangechn hxngkng aelacakkarsnnisthanwakartidtxsuxsarthiimdi chwypxngknimihikhhwdihyaephrkracayekhaipaephndinihykhxngcin xyangirktam hnngsuxphimphaelaraynganthithakariprsniyrwmsmy rwmthungrayngancakaephthysxnsasna aesdngwaikhhwdihyidaethrksumekhaipphayinpraethscin aelarabadhnkinbangphunthiinchnbthkhxngcin inyipun miphupwy 23 lankhn aelamiphuesiychiwitxyangnxy 390 000 khntamrayngan inhmuekaaxinediytawnxxkkhxngenethxraelnd pccubnkhuxpraethsxinodniesiy pramankarwamiphuesiychiwit 1 5 lankhn cakphlemuxng 30 lankhn intahiti miprachakresiychiwit 13 in 1 eduxn echnediywkb insamw 22 khxngprachakr 38 000 khnesiychiwitinsxngeduxn inniwsiaelnd ikhhwdihykhrachiwitprachakrpaekha khnkhaw ippraman 6 400 khnaelachawmawri 2 500 khninhkspdah sungchawmawrimixtrakartayepnaepdethakhxngchawpaekha inxihranmixtrakartaysungmak tamkarpramankarmiphuesiychiwitxyurahwang 902 400 thung 2 431 000 khn hrux 8 thung 22 khxngprachakrthnghmd inshrthxemrika praman 28 khxngprachakr 105 lankhntidechuxaela 500 000 thung 850 000 khnesiychiwit 0 48 thung 0 81 epxresntkhxngprachakr ephachnphunemuxngxemriknidrbphlkrathbhnkepnphiess inphunthisimum Four Corners chnphunemuxngxemriknmiphuesiychiwitthibnthukiw 3 293 khn thngchumchnhmubanchawexskiomaelaindinaednxaaelskaidlmcmtaycakip inaekhnadaesiychiwit 50 000 khn inbrasilmiphuesiychiwit 300 000 khnrwmthungprathanathibdi rxdriks xlews Rodrigues Alves inshrachxanackrmiphuesiychiwit 250 000 khn infrngessmimakkwa 400 000 khn inkana karrabadthwkhxngikhhwdihykhrachiwitphukhnipxyangnxy 100 000 khn tafari makhxnenn smedcphrackrphrrdiehli eslassi aehngexthioxepiy epnhnunginchawexthioxepiykhnaerkthipwyepnikhhwdihy aetrxdchiwitmaid aetphlemuxngkhxngekhahlayrayimrxd pramankarphuesiychiwitinemuxnghlwng xaddisxababa xyurahwang 5 000 thung 10 000 hruxsungkwa inbritichosmaliaelnd ecahnathikhnhnungpraeminwa 7 khxngprachakrphunemuxngesiychiwit inpraethsithy karrabadkhxngikhhwdihysepnkhadwaekidcakthharxasathiedinthangcakyuorpklbmapraethsithy odyerimkhuninplaypi 1918 thiphakhit cakkhxmulinrachkiccanuebksa wnthi 27 krkdakhm 2462 elmthi 36 hna 1193 phbwamiphupwythung 2 317 662 khn hrux 27 khxngcanwnprachakr aelaesiychiwit 80 223 khn rwmthung ecafackrphngsphuwnaththithrngprachwrcnthiwngkhtdwyorkhikhhwdihyhruxpwdbwm inpi 1920 sungkhadwaekidcakikhhwdihysepn yxdphuesiychiwitcanwnmakni epnphlmacakxtrakartidechuxthisungthung 50 aelakhwamrunaerngkhxngxakar sungkhadwaekidcakphayuisotikhn xakarkhxngorkhinpi 1918 nnphidpkti xakaraerkerimthaihekidkarwinicchyphidphladepn ikhedngki xhiwatkorkh hrux ikhraksadnxy phusngektkarnkhnhnungekhiynwa hnunginxakarthiednchdkhxngphawaaethrksxnkhuxeluxdxxkcakeyuxemuxk odyechphaacakcmuk kraephaaxahar aelalais karmieluxdxxkcakhuaelainphiwhnngkekidkhundwyechnkn saehtuhlkkhxngkaresiychiwitekidcak sungepnkartidechuxthutiyphumirwmkbikhhwdihy iwrsyngkhakhnodytrngodythaihekidxakartkeluxdaelaxakarbwmnainpxd rupaebbkhxngkaresiychiwit phyabalswmhnakakphakhnarksaphupwyinwxchingtndisitarwcsiaextetilswmhnakakineduxnthnwakhm 1918 inphawarabadthw phuesiychiwitswnihyepnkhnhnumsaw inpi 1918 1919 99 khxngkaresiychiwitcakorkhikhhwdihyrabadthwinshrthxemrikaekidkhuninphuthimixayutakwa 65 pi aelaekuxbkhrunghnungkhxngkaresiychiwitepnphumixayu 20 thung 40 pi sungkhadwaphusungxayuxacmikarpxngknknbangswnthiekidcakkarsmphskbkarrabadkhxngorkhikhhwdihyinpi 1889 1890 hruxthiruckkninchux ikhhwdihyrsesiy inpi 1920 inxtrakartayinhmukhnthixayutakwa 65 piidldlngcakhkethaehluxkhrunghnungkhxngxtrakartaykhxngkhnthixayumakkwa 65 pi aet 92 khxngkaresiychiwityngkhngekidkhuninkhnthixayutakwa 65 pi niepneruxngphidpktixyangying enuxngcakikhhwdihymkepnxntraythungkhnthixxnaex echn tharkthimixayutakwasxngpi khnchrathixayumakkwa 70 pi aelaphumiphumikhumknbkphrxng tamkhxmulkhxngnkprawtisastr cxhn exm aebrri John M Barry klumesiyngthisudthicaesiychiwitkhuxhyingtngkhrrph ekharaynganwainkarsuksasibsamchinkhxngphuhyingthiekharbkarrksainchwngkhxngkarrabadmixtrakartayxyurahwang 23 thung 71 hyingtngkhrrphthirxdchiwitemuxkhlxdbutr hnunginsi 26 casuyesiybutrip payprakaskhxngkhnakrrmkarsukhphaphpracarthaexlebxrta cakkarwiekhraahsmyihmaesdngihehnwaiwrsmixntrayrayaerngthungchiwit ephraamnkxihekidphayuisotikhn ptikiriyarunaerngekinipkhxngrabbphumikhumkn sungcathalayrabbphumikhumknthiaekhngaerngkhxngkhnhnumsaw nkwicyklumhnungidthakarkukhuniwrscakrangkhxngehyuxphuekhraahraythithukaechaekhngiwaelwkhxngstw stwehlaniprasbkbkhwamthukkhthrmancakkarhayiclmehlwxyangrwderwaelaesiychiwitdwyphayuisotikhn mikartngsmmutithanwaptikiriyaphumikhumknthirunaerngkhxngkhnhnumsawidepntwkarinkarthalayrangkay inkhnathiinedkaelaphuihywyklangkhnmiptikiriyaphumikhumknthixxnkwa sngphlihesiychiwitnxykwainklumehlann inkrnithixakarthrudlngxyangrwderw karesiychiwitswnihymacakorkhpxdbwm odymixakarpxdaekhngtwrwmkbkartidechuxiwrs inkrnithixakarpwykhxyepnkhxyipcaepnpxdxkesbcakaebkhthieriythutiyphumiaelaxackrathbthungrabbprasathsungnaipsukhwamphidpktithangcitinbangkrni karesiychiwitbangswnekidcakkarkhadsarxahar kartayralxksxng phupwyikhhwdihysepncakthiorngphyabalsnamkxngthphshrth hmayelkh 45 inemuxngexks ela ba Aix les Bains frngess pi 1918 karrabadthwralxkthisxnginpi 1918 nnrayaerngaelamiphuesiychiwitmakyingkwakhrngaerk karrabadrxbaerknnkhlaykborkhikhhwdihythwip phuthimikhwamesiyngmakthisudkhuxphupwyaelaphusungxayu khnathiphuthiyngedk phumisukhphaphaekhngaernghaypwyidngay eduxnsinghakhm emuxkarrabadralxkthisxngerimkhuninfrngess esiyrralioxn aelashrthxemrika iwrsidklayphnthuinsayphnthuthixntraykwaedimmak tulakhm 1918 epneduxnthimixtrakartaysungthisudkhxngkarrabad khwamrunaerngthiephimkhunnimisaehtumacaksthankarnkhxngsngkhramolkkhrngthihnung inkardarngchiwitkhxngphleruxn karkhdeluxkodythrrmchatisnbsnuniwrssayphnthuxxn phuthipwyhnkphkrksatwxyuban iwrssayphnthuxxnkdarngwngcrchiwit aelaaephrkracaysayphnthuxxntxip insnamephlaa karkhdeluxkodythrrmchatiklbtrngknkham thharthimiiwrssayphnthuxxnxyuinthithiphwkekhaxyu inkhnathiphupwyhnkthuksngtwodyrthifthimikhnhnaaenniporngphyabalsnamthimiphukhnhnaaenn aelakracayechuxiwrsrayaerngxxkip karrabadralxksxngerimkhun aelaikhhwdihyaephrkracayipthwolkxyangrwderwxikkhrng dngnn phlthisudkkhux inchwngkarrabadthw ecahnathisatharnsukhihkhwamsnicemuxiwrsmathungsthanthithimikarepliynaeplngkhnadihythangsngkhm mxnghaiwrssayphnthurayaerng khwamcringthiwakhnswnihythihaycakkartidechuxcakkarrabadrxbaerkidmiphumikhumkn aesdngihehnwamncatxngepnikhhwdsayphnthuediywkn twxyangthiehnidchdkhuxinokhepneheknsungmixtrakartayrwmknephiyng 0 29 0 02 inrxbaerkaela 0 27 inrxbthisxng ephraaidrbechuxcakkarrabadrxbaerkthixntraynxykwa sahrbxtrakartaykhxngprachakrinkarrabadrxbthisxngthimakkwann ekidcakklumesiyng echn thharinsnamephlaa ralxkthisampi 1919 aelaralxkthisipi 1920 ineduxnmkrakhm 1919 ikhhwdihysepnralxkthisamidrabadthixxsetreliy caknnkaephrkracayxyangrwderwphanipyngyuorpaelashrthxemrikacnthungeduxnmithunaynpi 1919 praethsswnihythiidrbphlkrathbidaek sepn esxrebiy emksiok aelabrietnihy sngphlihmiphuesiychiwithlayaesnkhn aemkarrabadralxksamcarunaerngnxykwaralxkthisxng aetkyngmiphuesiychiwitmakkwaralxkaerk invduibimphlipi 1920 mikarrabadelk ekidkhunepnralxkthisi inphunthioddediywprakxbdwy mhankhrniwyxrk shrachxanackr xxsetriy saekndienewiy aelabangekaainhmuekaaxemrikait mixtrakartaytamak chumchnthithukthalay phunthithiidrbphlkrathbephiyngelknxy aexsiphrinepnphis inpi 2009 inbthkhwamthitiphimphin Clinical Infectious Diseases warsarorkhtidechuxthangkhlinik khaern starokh Karen Starko esnxwamiswnsakhytxkaresiychiwit bnphunthancakrayngankarchnsutrphliksphphuthiesiychiwitcakikhhwdihyinchwngewla death spike khrngihyineduxntulakhm 1918 sungekidkhunimnanhlngcakaephthythharkhxngkxngthphshrthaela Journal of the American Medical Association aenanaihichyaaexsiphrinprimanmakkhnad 8 thung 31 krmtxwnepnswnhnungkhxngkarrksa yaprimannithaihphupwy 33 ekidxaharhayicerwkwapkti aelaphupwy 3 ekidxakarpxdbwmna starokyngtngkhxsngektwakaresiychiwitcanwnmakinchwngaerkaesdngihehnwapxdminahruxminaeluxdsumsan inkhnathiphuesiychiwitinchwngplayaesdngxakarpxdxkesbcakaebkhthieriy ethxklawwaehtukarnaexsiphrinepnphisepnephraa phayumhapraly khxngehtukarnsiththibtryaaexsiphrinkhxngibexxrhmdxayu hlaybristhribwingekhaipthakairaelaephimxupthan sungekidkhuniklekhiyngkbehtukarnikhhwdihysepn aelaxakarkhxngaexsiphrinepnphisyngimepnthiruckinewlann phubngkhbrthranginsiaextethilinpi 1918 ptiesththicaxnuyatihphuodysarthiimidswmhnakakkhunrth smmtithanxtrakartaythwolkthisungnnekidcakaexsiphrinepnphisnithuktngkhathamincdhmaythungwarsarthitiphimphineduxnemsayn 2010 ody aexndruw nxyemxr Andrew Noymer aela edsi aekharrxxn Daisy Carreon cakmhawithyalyaekhlifxreniy exxriwn aela nil cxhnsn Niall Johnson khnakrrmathikarkhwamplxdphyaelakhunphaphkarduaelsukhphaphxxsetreliy phwkekhatngkhathamthungthvsdikarichpraoychnidkwangkhwangkhxngaexsiphrin enuxngcakxtrakartaysunginpraethstang echn xinediy thimiaexsiphrinnxyhruximmikarekhathungely emuxethiybkbxtrakartayinbangsthanthithiaexsiphrinmimakmay phwkekhasrupwa kartngsmmtithanekiywkbsaliislik aexsiphrin epnphis epneruxngyakthicasnbsnunsungkhaxthibaypthmphumisahrbkhwamrunaerngthiphidpktikhxngkarrabadthwkhxngikhhwdihyinpi 1918 1919 staroktxbotodyklawwamihlkthanodyeruxngelakhxngkarichaexsiphrininpraethsxinediy aelaepnthithkethiyngknxyuwa thakarichaexsiphrinekinkahndimidmiswnthaihxtrakartayinxinediysung aetmnkhngepnpccythithaihekidxtrakartaythisung inphunthithipccyrunaerngxunthimixyuinxinediymibthbathnxy cudsinsudkhxngkarrabad hlngcakkarrabadrunaerngrxbthisxnginchwngplaypi 1918 phupwyrayihmldlngxyangchbphln aethbcaimphupwyelyhlngcakphancudrabadsungsudinkhlunlukthisxng twxyangechninfilaedlefiy miphuesiychiwit 4 597 rayemuxsinsudspdahinwnthi 16 tulakhm aetemuxwnthi 11 phvscikaynikhhwdihyklbhaytwipcakemuxngxyangirrxngrxy khaxthibayhnungsahrbkarldlngxyangrwderwkhxngorkhnikhux aephthymiprasiththiphaphmakkhuninkarpxngknaelarksaorkhpxdbwmthiphthnakhunhlngcakphupwytidechuxiwrs xyangirktam cxhn aebrri John Barry rabuiwinhnngsux The Great Influenza The Epic Story of the Deadliest Plague In History khxngekhawa nkwicyimphbhlkthanthisnbsnunkhaxthibayni yngmibangkrnithiphupwythungaekchiwitinminakhm 1919 phuelnkhnhnunginkaraekhngkhnrxbrxngchnaelisthwysaetnliy 1919 idesiychiwitcakikhhwdihysepn xikthvsdihnungklawwaechux 1918 iwrs idklayphnthuxyangrwderwcnklayepnsayphnthuthimikhwamrayaerngnxylng niepnehtukarnthiekidkhunthwipkbiwrsikhhwdihyklawkhux miaenwonmwaiwrskxorkhcamikhwamrayaerngnxylngtamkalewla enuxngcakohstkhxngsayphnthuthixntraykwamiaenwonmthicataycakipcnhmd phlkrathbrayayaw cakkarsuksapi 2006 in Journal of Political Economy warsaresrsthsastrkaremuxng phbwa edkinkhrrphrahwangkarrabadthwcamikhwamsaercthangkarsuksaldlng xtrakhwamphikarthangrangkayephimkhun rayidldlng sthanathangesrsthkicaelasngkhmthitkta aelaidrbsungkhunemuxethiybkbrunxun cakkarsuksapi 2018 phbwakarrabadihyldkhwamsaercthangkarsuksainprachakr ikhhwdihymikhwamechuxmoyngkbkarrabadkhxnginkhristthswrrsthi 1920xangxingTaubenberger amp Morens 2006 Institut Pasteur La Grippe Espagnole de 1918 Powerpoint presentation in French Patterson amp Pyle 1991 Billings 1997 Johnson amp Mueller 2002 Barry 2004 Vilensky Foley amp Gilman 2007 Porras Gallo amp Davis 2014 Galvin 2007 Channel 4 News khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 27 January 2010 Anderson Susan 29 singhakhm 2006 Analysis of Spanish flu cases in 1918 1920 suggests transfusions might help in bird flu pandemic cakaehlngedimemux 25 phvscikayn 2011 subkhnemux 2 tulakhm 2011 Barry 2004 p 171 Harvey Josephine 18 minakhm 2020 Yes Viruses Used To Be Named After Places Here s Why They Aren t Anymore subkhnemux 8 emsayn 2020 WHO issues best practices for naming new human infectious diseases World Health Organization 8 phvsphakhm 2015 subkhnemux 8 emsayn 2020 Pandemic influenza an evolving challenge World Health Organization 22 phvsphakhm 2018 cakaehlngedimemux 20 minakhm 2020 subkhnemux 20 minakhm 2020 Influenza pandemic of 1918 19 Encyclopaedia Britannica 4 minakhm 2020 cakaehlngedimemux 20 minakhm 2020 subkhnemux 20 minakhm 2020 Chodosh Sara 18 minakhm 2020 What the 1918 flu pandemic can teach us about COVID 19 in four charts PopSci subkhnemux 20 minakhm 2020 EU Research Profile on Dr John Oxford khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 12 phvsphakhm 2009 subkhnemux 9 phvsphakhm 2009 Connor Steve 8 mkrakhm 2000 Flu epidemic traced to Great War transit camp The Guardian UK khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 12 phvsphakhm 2009 subkhnemux 9 phvsphakhm 2009 Oxford JS Lambkin R Sefton A Daniels R Elliot A Brown R Gill D mkrakhm 2005 A hypothesis The conjunction of soldiers gas pigs ducks geese and horses in northern France during the Great War provided the conditions for the emergence of the Spanish influenza pandemic of 1918 1919 PDF Vaccine 23 7 940 945 doi 10 1016 j vaccine 2004 06 035 PMID 15603896 PDF cakaehlngedimemux 12 minakhm 2020 subkhnemux 12 minakhm 2020 Shanks GD mkrakhm 2016 No evidence of 1918 influenza pandemic origin in Chinese laborers soldiers in France Journal of the Chinese Medical Association 79 1 46 48 doi 10 1016 j jcma 2015 08 009 PMID 26542935 Michael Worobey Jim Cox Douglas Gill The origins of the great pandemic Evolution Medicine and Public Health 2019 1 18 25 Killingray David Phillips Howard 2003 The Spanish Influenza Pandemic of 1918 1919 New Perspectives phasaxngkvs Routledge ISBN 978 1 134 56640 2 Langford Christopher knyayn 2005 Did the 1918 19 Influenza Pandemic Originate in China Population and Development Review 31 3 473 505 doi 10 1111 j 1728 4457 2005 00080 x JSTOR 3401475 Cheng K F krkdakhm 2007 What happened in China during the 1918 influenza pandemic International Journal of Infectious Diseases 11 4 360 364 cakaehlngedimemux 5 thnwakhm 2019 subkhnemux 5 minakhm 2020 Klein Christopher China Epicenter of 1918 Flu Pandemic Historian Says cakaehlngedimemux 5 minakhm 2020 subkhnemux 5 minakhm 2020 Vergano Dan 1918 Flu Pandemic That Killed 50 Million Originated in China Historians Say National Geographic cakaehlngedimemux 3 minakhm 2020 subkhnemux 5 minakhm 2020 Saunders Hastings Patrick R Krewski Daniel 6 thnwakhm 2016 Reviewing the History of Pandemic Influenza Understanding Patterns of Emergence and Transmission Pathogens 5 4 66 doi 10 3390 pathogens5040066 ISSN 2076 0817 PMC 5198166 PMID 27929449 Hannoun Claude 1993 La Grippe Documents de la Conference de l Institut Pasteur La Grippe Espagnole de 1918 Ed Techniques Encyclopedie Medico Chirurgicale EMC Maladies infectieuses Humphries 2014 Vergano Dan 24 mkrakhm 2014 1918 Flu Pandemic That Killed 50 Million Originated in China Historians Say National Geographic cakaehlngedimemux 26 mkrakhm 2014 subkhnemux 4 phvscikayn 2016 Price Smith 2008 2007 Twelve diseases that changed our world Washington DC ASM Press p 161 ISBN 978 1 55581 466 3 Qureshi 2016 p 42 Ewald 1994 14 January 2010 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 11 December 2013 Illing Sean 20 minakhm 2020 The most important lesson of the 1918 influenza pandemic Tell the damn truth Vox phasaxngkvs cakaehlngedimemux 25 minakhm 2020 John M Barry The government lied They lied about everything We were at war and they lied because they didn t want to upend the war effort You had public health leaders telling people this was just the ordinary flu by another name They simply didn t tell the people the truth about what was happening Barry JM January 2004 The site of origin of the 1918 influenza pandemic and its public health implications Journal of Translational Medicine 2 1 3 doi 10 1186 1479 5876 2 3 PMC 340389 PMID 14733617 Bynum B 14 minakhm 2009 Stories of an influenza pandemic PDF The Lancet 373 9667 885 886 doi 10 1016 s0140 6736 09 60530 4 PDF cakaehlngedimemux 7 minakhm 2020 subkhnemux 4 minakhm 2018 Rego Barry Rebecca 13 phvscikayn 2018 Exhuming the Flu Distillations 4 3 40 43 cakaehlngedimemux 6 kumphaphnth 2020 subkhnemux 6 kumphaphnth 2020 Avian Bird Flu khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 21 May 2008 Byerly CR emsayn 2010 The U S military and the influenza pandemic of 1918 1919 Public Health Rep 125 Suppl 3 82 91 PMC 2862337 PMID 20568570 Key Facts about Swine Influenza khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 4 phvsphakhm 2009 subkhnemux 30 emsayn 2009 Taubenberger amp Morens 2006 pp 15 22 CDC 2009 Ten things you need to know about pandemic influenza update of 14 October 2005 PDF Weekly Epidemiological Record Releve Epidemiologique Hebdomadaire 80 49 50 428 431 9 thnwakhm 2005 PMID 16372665 Jilani TN Jamil RT Siddiqui AH 14 thnwakhm 2019 H1N1 Influenza Swine Flu PMID 30020613 cakaehlngedimemux 12 minakhm 2020 subkhnemux 11 minakhm 2020 Knobler 2005 P Spreeuwenberg aelakhna 1 December 2018 Reassessing the Global Mortality Burden of the 1918 Influenza Pandemic 187 12 2561 2567 doi 10 1093 aje kwy191 PMID 30202996 Chandra Siddharth Christensen Julia 2 March 2019 Re reassessing the Global Mortality Burden of the 1918 Influenza Pandemic Am J Epid 188 7 1404 1406 doi 10 1093 aje kwz044 PMID 30824934 and response Spreeuwenberg Peter Kroneman Madelon Paget John 2 minakhm 2019 The Authors Reply PDF Am J Epid 188 7 1405 1406 doi 10 1093 aje kwz041 PMID 30824908 PDF cakaehlngedimemux 12 minakhm 2020 subkhnemux 12 minakhm 2020 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 9 krkdakhm 2012 subkhnemux 29 minakhm 2013 Robinson Meyer 29 emsayn 2016 Human extinction isn t that unlikely The Atlantic cakaehlngedimemux 1 phvsphakhm 2016 subkhnemux 6 kumphaphnth 2018 Mayor S 2000 Flu experts warn of need for pandemic plans British Medical Journal 321 7265 852 doi 10 1136 bmj 321 7265 852 PMC 1118673 PMID 11021855 David Arnold Dearth and the Modern Empire The 1918 19 Influenza Epidemic in India Transactions of the Royal Historical Society 29 2019 181 200 Chandra Kuljanin amp Wray 2012 Iijima W 2003 Spanish influenza in China 1918 1920 a preliminary probe in Phillips H Killingray D b k The Spanish Flu Pandemic of 1918 New Perspectives London and New York Routledge pp 101 109 Iijima Wataru 1998 The Spanish influenza in China 1918 1920 phasaxngkvs OCLC 46987588 Langford Christopher 2005 Did the 1918 19 Influenza Pandemic Originate in China Population and Development Review phasaxngkvs 31 3 473 505 doi 10 1111 j 1728 4457 2005 00080 x ISSN 1728 4457 Iijima Wataru 1998 The Spanish influenza in China 1918 1920 Spanish Flu 1918 1998 Reflections on the Influenza Pandemic of 1918 after 80 Years Cape Town South Africa Killingray David Phillips Howard 2003 The Spanish Influenza Pandemic of 1918 1919 New Perspectives phasaxngkvs Routledge ISBN 978 1 134 56640 2 2017 Pale rider The Spanish flu of 1918 and how it changed the world pp 167 169 ISBN 978 1 910702 37 6 Centers for Disease Control and Prevention CDC Emmy Fitri 28 tulakhm 2009 The Jakarta Globe University of Indonesia School of History khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2 phvscikayn 2009 Kohn 2007 1918 flu centenary How to survive a pandemic phasaxngkvs cakaehlngedimemux 9 krkdakhm 2019 subkhnemux 19 mithunayn 2019 Rice Geoffrey Bryder Linda Black November the 1918 influenza pandemic in New Zealand Second revised and enlarged ed Christchurch N Z ISBN 978 1927145913 OCLC 960210402 Afkhami 2003 Afkhami 2012 U S Department of Health amp Human Services Flu Epidemic Hit Utah Hard in 1918 1919 28 minakhm 1995 cakaehlngedimemux 30 phvscikayn 2012 subkhnemux 7 krkdakhm 2012 The Great Pandemic of 1918 State by State 5 minakhm 2018 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 6 phvsphakhm 2009 subkhnemux 4 phvsphakhm 2009 CBC History A gripe espanhola no Brasil Elisio Augusto de Medeiros e Silva empresario escritor e membro da AEILIJ phasaoprtueks Jornal de Hoje cakaehlngedimemux 2 kumphaphnth 2014 subkhnemux 22 mkrakhm 2014 The bird flu that killed 40 million BBC News 19 tulakhm 2005 cakaehlngedimemux 7 phvscikayn 2017 subkhnemux 26 emsayn 2009 Hays 1998 Marcus Harold 1996 Haile Sellassie I The formative years 1892 1936 Trenton NJ Red Sea Press pp 36ff Pankhurst 1991 pp 48f Pankhurst 1991 p 63 Pankhurst 1991 pp 51ff krkic disthan 19 minakhm 2020 wnthiorkhrabadbuksyam ekidxairkhunemuxkhnithy2lankhntidechux ophstthuedy thanesrsthkic 3 emsayn 2020 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2023 07 10 subkhnemux 2023 07 10 odythang Thai ac 3 nathikhdidng 102 pi ikhhwdsepn khakhnithy 8 hmun thwolk 50 lan ithyrthxxniln 24 em y 2563 Morris Denise E Cleary David W Clarke Stuart C 2017 Secondary Bacterial Infections Associated with Influenza Pandemics Frontiers in Microbiology 8 doi 10 3389 fmicb 2017 01041 ISSN 1664 302X Bacterial Pneumonia Caused Most Deaths in 1918 Influenza Pandemic National Institutes of Health 23 knyayn 2015 cakaehlngedimemux 22 emsayn 2016 subkhnemux 17 emsayn 2016 Taubenberger et al 2001 pp 1829 1839 Hanssen Olav Undersokelser over influenzaens optraeden specielt i Bergen 1918 1922 Bg 1923 66 s ill Haukeland sykehus Med avd Arb 2 Klaus Hanssens fond Skr 3 Simonsen et al 1998 Payne MS Bayatibojakhi S 2014 Exploring preterm birth as a polymicrobial disease an overview of the uterine microbiome Frontiers in Immunology 5 595 doi 10 3389 fimmu 2014 00595 PMC 4245917 PMID 25505898 Barry 2004 p 239 Barry 2004b 1918 Death Certificate for 10 year old girl who died as a consequence of influenza in Lares Puerto Rico Science and Technology Committee 16 thnwakhm 2005 Pandemic Influenza PDF Report Report of Session 2005 2006 Vol 4th UK House of Lords HL Paper 88 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 8 phvsphakhm 2009 subkhnemux 6 phvsphakhm 2009 Influenza 1918 episode TV production American Experience season 10 PBS 1997 1998 Gladwell 1997 p 55 Gladwell 1997 p 63 Fogarty International Center Summer Flu Outbreak of 1918 May Have Provided Partial Protection Against Lethal Fall Pandemic Fic nih gov cakaehlngedimemux 27 krkdakhm 2011 subkhnemux 19 phvsphakhm 2012 Gladwell 1997 p 56 Why the Second Wave of the 1918 Spanish Flu Was So Deadly History com Retrieved 8 May 2020 Radusin Milorad 2012 The Spanish Flu Part II the second and third wave Vojnosanitetski pregled subkhnemux 23 emsayn 2020 1918 Pandemic Influenza Three Waves Centers for Disease Control and Prevention 11 phvsphakhm 2018 subkhnemux 23 emsayn 2020 Najera RF 2 mkrakhm 2019 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 24 krkdakhm 2020 subkhnemux 23 emsayn 2020 Erkoreka Anton 30 phvscikayn 2009 Origins of the Spanish Influenza pandemic 1918 1920 and its relation to the First World War Journal of Molecular and Genetic Medicine An International Journal of Biomedical Research National Institutes of Health 3 2 190 94 doi 10 4172 1747 0862 1000033 PMC 2805838 PMID 20076789 Yang W Petkova E Shaman J minakhm 2014 The 1918 influenza pandemic in New York City age specific timing mortality and transmission dynamics Influenza and Other Respiratory Viruses National Institutes of Health 8 2 177 88 doi 10 1111 irv 12217 PMC 4082668 PMID 24299150 How the 1918 flu pandemic rolled on for years a snapshot from 1920 The Guardian subkhnemux 30 emsayn 2020 Starko 2009 Noymer Carreon amp Johnson 2010 Starko 2010 Almond Douglas 1 August 2006 Is the 1918 Influenza Pandemic Over Long Term Effects of In Utero Influenza Exposure in the Post 1940 U S Population Journal of Political Economy 114 4 672 712 doi 10 1086 507154 ISSN 0022 3808 Beach Brian Ferrie Joseph P Saavedra Martin H mithunayn 2018 Fetal shock or selection The 1918 influenza pandemic and human capital development NBER Working Paper 24725 doi 10 3386 w24725 cakaehlngedimemux 18 mithunayn 2018 subkhnemux 18 mithunayn 2018 brrnanukrmAfkhami A 2003 Compromised constitutions the Iranian experience with the 1918 influenza pandemic Bulletin of the History of Medicine 77 2 367 92 doi 10 1353 bhm 2003 0049 PMID 12955964 S2CID 37523219 cakaehlngedimemux 31 minakhm 2020 subkhnemux 3 tulakhm 2017 Open access material by the Psychiatry and Behavioral Sciences at Health Sciences Research Commons Afkhami A 29 minakhm 2012 15 December 2004 Influenza in Yarshater E b k Encyclopaedia Iranica Fasc 2 Vol XIII Online ed New York City Bibliotheca Persica Press pp 140 43 cakaehlngedimemux 27 phvscikayn 2020 subkhnemux 3 tulakhm 2017 Barry JM 2004 The Great Influenza The Epic Story of the Greatest Plague in History Viking Penguin ISBN 978 0 670 89473 4 Barry JM mkrakhm 2004b The site of origin of the 1918 influenza pandemic and its public health implications Journal of Translational Medicine 2 1 3 doi 10 1186 1479 5876 2 3 PMC 340389 PMID 14733617 Billings M 1997 Virology at Stanford University khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 27 mithunayn 2009 subkhnemux 1 phvsphakhm 2009 CDC 2009 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 3 knyayn 2011 subkhnemux 2 knyayn 2009 Chandra S Kuljanin G Wray J singhakhm 2012 Mortality from the influenza pandemic of 1918 1919 the case of India Demography 49 3 857 65 doi 10 1007 s13524 012 0116 x PMID 22661303 S2CID 39247719 Ewald PW 1994 Evolution of infectious disease OUP ISBN 978 0 19 506058 4 Galvin J 31 krkdakhm 2007 Spanish Flu Pandemic 1918 cakaehlngedimemux 20 knyayn 2011 subkhnemux 2 tulakhm 2011 Gladwell M 29 knyayn 1997 The Dead Zone cakaehlngedimemux 15 thnwakhm 2020 subkhnemux 16 minakhm 2020 Hays JN 1998 The Burdens of Disease Epidemics and Human Response in Western History p 274 ISBN 978 0 8135 2528 0 cakaehlngedimemux 27 krkdakhm 2021 subkhnemux 3 phvsphakhm 2020 odythang Google Books Humphries MO 2014 Paths of Infection The First World War and the Origins of the 1918 Influenza Pandemic War in History 21 1 55 81 doi 10 1177 0968344513504525 S2CID 159563767 Johnson NP Mueller J 2002 Updating the accounts global mortality of the 1918 1920 Spanish influenza pandemic Bulletin of the History of Medicine 76 1 105 15 doi 10 1353 bhm 2002 0022 PMID 11875246 S2CID 22974230 Knobler S Mack A Mahmoud A Lemon S b k 2005 1 The Story of Influenza The Threat of Pandemic Influenza Are We Ready Workshop Summary 2005 Washington DC The National Academies Press pp 60 61 cakaehlngedimemux 23 thnwakhm 2020 subkhnemux 20 singhakhm 2019 Kohn GC 2007 Encyclopedia of plague and pestilence from ancient times to the present 3rd ed Infobase Publishing p 363 ISBN 978 0 8160 6935 4 cakaehlngedimemux 1 mkrakhm 2016 subkhnemux 29 tulakhm 2015 odythang Google Books Noymer A Carreon D Johnson N emsayn 2010 Questioning the salicylates and influenza pandemic mortality hypothesis in 1918 1919 Clinical Infectious Diseases 50 8 1203 author reply 1203 doi 10 1086 651472 PMID 20233050 Pankhurst R 1991 An Introduction to the Medical History of Ethiopia Trenton Red Sea Press ISBN 978 0 932415 45 5 Patterson KD Pyle GF 1991 The geography and mortality of the 1918 influenza pandemic Bulletin of the History of Medicine 65 1 4 21 PMID 2021692 Porras Gallo M Davis RA b k 2014 The Spanish Influenza Pandemic of 1918 1919 Perspectives from the Iberian Peninsula and the Americas Rochester Studies in Medical History Vol 30 University of Rochester Press ISBN 978 1 58046 496 3 cakaehlngedimemux 22 mkrakhm 2021 subkhnemux 9 phvscikayn 2020 odythang Google Books Price Smith AT 2008 Contagion and Chaos Cambridge MA MIT Press ISBN 978 0 262 66203 1 Qureshi AI 2016 Ebola Virus Disease From Origin to Outbreak Academic Press ISBN 978 0 12 804242 7 odythang Google Books Simonsen L Clarke MJ Schonberger LB Arden NH Cox NJ Fukuda K krkdakhm 1998 Pandemic versus epidemic influenza mortality a pattern of changing age distribution The Journal of Infectious Diseases 178 1 53 60 10 1 1 327 2581 doi 10 1086 515616 JSTOR 30114117 PMID 9652423 Starko KM phvscikayn 2009 Salicylates and pandemic influenza mortality 1918 1919 pharmacology pathology and historic evidence Clinical Infectious Diseases 49 9 1405 10 doi 10 1086 606060 PMID 19788357 3 October 2009 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 9 January 2021 Starko KM 2010 Reply to Noymer et al Clinical Infectious Diseases 50 8 1203 04 doi 10 1086 651473 Taubenberger JK Reid AH Janczewski TA Fanning TG thnwakhm 2001 Integrating historical clinical and molecular genetic data in order to explain the origin and virulence of the 1918 Spanish influenza virus Philosophical Transactions of the Royal Society of London Series B Biological Sciences 356 1416 1829 39 doi 10 1098 rstb 2001 1020 PMC 1088558 PMID 11779381 Taubenberger JK Morens DM mkrakhm 2006 1918 Influenza the mother of all pandemics Emerging Infectious Diseases 12 1 15 22 doi 10 3201 eid1201 050979 PMC 3291398 PMID 16494711 Vilensky JA Foley P Gilman S singhakhm 2007 Children and encephalitis lethargica a historical review Pediatric Neurology 37 2 79 84 doi 10 1016 j pediatrneurol 2007 04 012 PMID 17675021 cakaehlngedimemux 17 emsayn 2020 subkhnemux 22 phvscikayn 2016 aehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb ikhhwdihysepn cakikhhwdsepnthungokhwid 19 btheriyncakorkhrabadaelasngkhramolkkhrngthi 1