ศาลเจ้าโชเซ็ง (ญี่ปุ่น: 朝鮮神宮; โรมาจิ: Chōsen Jingū; เกาหลี: 조선신궁; ฮันจา: 朝鮮神宮) เป็นศาลเจ้าชินโตที่สำคัญที่สุดในประเทศเกาหลีตั้งแต่ ค.ศ. 1925 ถึง 1945 ในสมัยการปกครองของญี่ปุ่น
ศาลเจ้าโชเซ็ง | |
---|---|
บันไดทางเข้าศาลเจ้าจากโปสการ์ด (ป. คริสต์ทศวรรษ 1930) | |
ศาสนา | |
ศาสนา | ชินโต |
เทพ | อามาเตราซุโอกามิ |
ที่ตั้ง | |
พิกัดภูมิศาสตร์ | 37°33′13″N 126°58′58″E / 37.55361°N 126.98278°E |
ที่ตั้งในอดีตเทียบกับโซลสมัยใหม่ | |
ชื่อเกาหลี | |
ฮันกึล | 조선신궁 |
ฮันจา | 朝鮮神宮 |
อาร์อาร์ | Joseon Singung |
เอ็มอาร์ | Chosŏn Singung |
สถาปนิกและนักประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมชื่อดังที่มีส่วนในการสร้างศาลเจ้าเมจิ ก็มีส่วนในการวางแผนสร้างศาลเจ้านี้ด้วย
ที่ตั้งของอดีตศาลเจ้าปัจจุบันกลายเป็นส่วนหนึ่งของ
เบื้องหลัง
หลังญี่ปุ่นผนวกเกาหลีใน ค.ศ. 1910 รัฐบาลญี่ปุ่นได้ดำเนินการตามนโยบาย (Japanization) ซึ่งรวมไปถึงการสักการะที่ศาลเจ้าชินโต เช่นเดียวกันกับการแสดงออกทางการเมืองต่อความรักประเทศชาติเป็นข้อปฏิบัติทางศาสนา ตั้งแต่ ค.ศ. 1925 นักเรียนในโรงเรียนจะต้องเข้าไปในศาลเจ้าชินโต และใน ค.ศ. 1935 มีการบังคับให้นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยและข้าราชการจะต้องเข้าร่วม(พิธีศาสนาชินโต) จนถึง ค.ศ. 1945 มีศาลเจ้าในเกาหลีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ (State Shinto) รวม 1,140 แห่ง
พระเจ้าทันกุนเข้ากับซูซาโนโอะ-โนะ-มิโกโตะ รัฐบาลไม่ต้องการแสดงจุดยืนในเรื่องการบรรจุโอกูนิตามะทั่วไปไว้ที่โชเซ็งจิงงู เพื่อให้ผู้ศรัทธาสามารถตีความในแบบของตนเอง เป็นผู้สนับสนุนจุดยืนนี้อย่างหนักแน่น และการสนับสนุนของเขาเกี่ยวข้องกับการสถาปนาโอกูนิตามะทั้งที่โชเซ็นจิงงุและ
เป็นผู้สนับสนุนให้พยายามใช้แนวคิด เพื่อผสานความเชื่อศาสนาญี่ปุ่นและเกาหลี บางคนระบุอย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ของรัฐที่โชเซ็งจิงงูไม่อนุญาตให้โอกูนิตามะตรงนั้นมีชื่อเรียกว่า "โชเซ็นโอกูนิตามะ" และความเชื่อท้องถิ่นพระเจ้าทันกุนถูกปราบปรามลงเพื่อหันไปบูชาอามาเตราซุในศาลเจ้าแทน
ประวัติ
โชเซ็งจิงงูถูกสร้างขึ้นใน ค.ศ. 1925 ที่ยอดในเมืองเคโจ และทำพิธีบูชาในเดือนตุลาคม โดยอุทิศแด่เทพีอามาเตราซุกับจักรพรรดิเมจิ ตัวอาคารมีรูปแบบสถาปัตยกรรมตามศาลเจ้าอิเซะ
การบูชาที่ศาลเจ้าเพิ่มมากขึ้นในคริสต์ทศวรรษ 1930 หลังรัฐบาลเริ่มบังคับให้ผู้คนเข้าชมที่นี่ ทำให้ศาลเจ้าและที่อื่น ๆ กลายเป็นเป้าหมายความขุ่นเคือง หลังการปลดปล่อยเกาหลีใน ค.ศ. 1945 ภายในไม่กี่วัน มีศาลเจ้าหลายแห่งที่ถูกเผาทำลาย
กลุ่มชาติพันธุ์เกาหลีเสนอให้เข้ามารับช่วงการบูชาโอกูนิตามะต่อหลังสงครามและเปลี่ยนศาลเจ้าไปเป็นศาลที่บูชาพระเจ้าทันกุน แต่รัฐบาลใหม่ปฏิเสธ ก็เสนอระบบที่ชาวญี่ปุ่นในอาณานิคมถูกมองเป็นและชนพื้นเมืองมองเป็น
หลังคำประกาศยอมจำนนของญี่ปุ่นในวันที่ 15 สิงหาคม ในช่วงบ่ายวันนั้นได้มีพิธีเคลื่อนย้ายองค์เทพที่ประดิษฐานอยู่รัฐบาลทหารของกองทัพสหรัฐในเกาหลีพิจารณาให้ศาลเจ้านี้เป็น "ทรัพย์สินศัตรู"
โชเซ็งจิงงูจึงถูกทำลายในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1945 พื้นที่อดีตศาลเจ้าปัจจุบันกลายเป็นส่วนหนึ่งของ และใน ค.ศ. 1970 ได้มีการสร้าง "อนุสรณ์สถานรักชาติ อัน จุง-กึน" ในบริเวณที่เคยเป็นศาลเจ้า เพื่อยกย่องอัน จุง-กึน ผู้ลอบสังหารอิโต ฮิโรบูมิ ชาวญี่ปุ่นคนแรก และมีการติดตั้งอนุสรณ์คิม กู นักเคลื่อนไหวเพื่ออิสรภาพอีกคนหนึ่งด้วย
รายละเอียด
ศาลเจ้านี้มีความยาวเป็นแกนตรงประมาณ 500 เมตร (1,600 ฟุต)(*) ศาลเจ้าหลักอยู่ที่ปลายสุดจากทางเข้า
ภาพ
|
ดูเพิ่ม
- (State Shinto)
- เกาหลีภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น
- (Modern system of ranked Shinto Shrines)
อ้างอิง
- Sung-Gun Kim (1997). "The Shinto Shrine Issue in Korean Christianity under Japanese Colonialism". Journal of Church and State. 39 (3): 503–521. doi:10.1093/jcs/39.3.503.[]
- Wakabayashi, Ippei. "Ahn Jung-geun and the Cultural Public Sphere" (PDF). . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 13 June 2011. สืบค้นเมื่อ 31 March 2011.
- Grayson, James H. (1993). "Christianity and State Shinto in Colonial Korea: A Clash of Nationalisms and Religious Beliefs". Diskus. British Association for the Study of Religions. 1 (2): 13–30. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-09-05. สืบค้นเมื่อ 2011-04-27.
- Wagner, Edward W.; และคณะ (1990). Korea Old and New: A History. . p. 315. ISBN .
- Kōji, Suga; 𨀉𠄈 (2010). "A Concept of "Overseas Shinto Shrines": A Pantheistic Attempt by Ogasawara Shōzō and Its Limitations". Japanese Journal of Religious Studies. 37 (1): 47–74. ISSN 0304-1042.
- "東アジアの都市における歴史遺産の保護と破壊――古写真と旅行記が語る近代――". www.gakushuin.ac.jp. สืบค้นเมื่อ 2023-10-09.
- "Chōsen Jingū". Genbu.net. สืบค้นเมื่อ 31 March 2011.
- Hiura, Satoko (2006). "朝鮮神宮と学校 : 勧学祭を中心に". Japan Society for the Historical Studies of Education. . 49: 110–112.
- (2002). Emperor of Japan: Meiji and his World, 1852-1912. Columbia UP. pp. 664ff. ISBN .
- Grisafi, John G (September 2016). "Shintō in Colonial Korea: A Broadening Narrative of Imperial Era Shintō". . University of Pennsylvania. สืบค้นเมื่อ 13 June 2023.
แหล่งข้อมูลอื่น
(ในภาษาญี่ปุ่น) Chōsen Jingū (plan and photographs)
- 1931 photograph เก็บถาวร 4 มีนาคม 2016 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
salecaochesng yipun 朝鮮神宮 ormaci Chōsen Jingu ekahli 조선신궁 hnca 朝鮮神宮 epnsalecachinotthisakhythisudinpraethsekahlitngaet kh s 1925 thung 1945 insmykarpkkhrxngkhxngyipunsalecaochesngbnidthangekhasalecacakopskard p khristthswrrs 1930 sasnasasnachinotethphxamaetrasuoxkamithitngphikdphumisastr37 33 13 N 126 58 58 E 37 55361 N 126 98278 E 37 55361 126 98278thitnginxditethiybkboslsmyihmchuxekahlihnkul조선신궁hnca朝鮮神宮xarxarJoseon SingungexmxarChosŏn Singung sthapnikaelankprawtisastrsthaptykrrmchuxdngthimiswninkarsrangsalecaemci kmiswninkarwangaephnsrangsalecanidwy thitngkhxngxditsalecapccubnklayepnswnhnungkhxngebuxnghlngphunthisalecamxngcakthxngfa p khristthswrrs 1920 hlngyipunphnwkekahliin kh s 1910 rthbalyipuniddaeninkartamnoybay Japanization sungrwmipthungkarskkarathisalecachinot echnediywknkbkaraesdngxxkthangkaremuxngtxkhwamrkpraethschatiepnkhxptibtithangsasna tngaet kh s 1925 nkeriyninorngeriyncatxngekhaipinsalecachinot aelain kh s 1935 mikarbngkhbihnksuksacakmhawithyalyaelakharachkarcatxngekharwmphithisasnachinot cnthung kh s 1945 misalecainekahlithimiswnekiywkhxngkb State Shinto rwm 1 140 aehng ja epnphusnbsnunihphyayamichaenwkhid simple ja ephuxphsankhwamechuxsasnayipunaelaekahli bangkhnrabuphraecathnkunekhakbsusaonoxa ona miokota rthbalimtxngkaraesdngcudyunineruxngkarbrrcuoxkunitamathwipiwthiochesngcingngu ephuxihphusrththasamarthtikhwaminaebbkhxngtnexng ja epnphusnbsnuncudyunnixyanghnkaenn aelakarsnbsnunkhxngekhaekiywkhxngkbkarsthapnaoxkunitamathngthiochesncingnguaela simple ko ja xyangirktam ecahnathikhxngrththiochesngcingnguimxnuyatihoxkunitamatrngnnmichuxeriykwa ochesnoxkunitama aelakhwamechuxthxngthinphraecathnkunthukprabpramlngephuxhnipbuchaxamaetrasuinsalecaaethnprawtiochesngcingnguthuksrangkhunin kh s 1925 thiyxdinemuxngekhoc aelathaphithibuchaineduxntulakhm odyxuthisaedethphixamaetrasukbckrphrrdiemci twxakharmirupaebbsthaptykrrmtamsalecaxiesa karbuchathisalecaephimmakkhuninkhristthswrrs 1930 hlngrthbalerimbngkhbihphukhnekhachmthini thaihsalecaaelathixun klayepnepahmaykhwamkhunekhuxng hlngkarpldplxyekahliin kh s 1945 phayinimkiwn misalecahlayaehngthithukephathalay klumchatiphnthuekahliesnxihekhamarbchwngkarbuchaoxkunitamatxhlngsngkhramaelaepliynsalecaipepnsalthibuchaphraecathnkun aetrthbalihmptiesth ja kesnxrabbthichawyipuninxananikhmthukmxngepnaelachnphunemuxngmxngepn hlngkhaprakasyxmcannkhxngyipuninwnthi 15 singhakhm inchwngbaywnnnidmiphithiekhluxnyayxngkhethphthipradisthanxyurthbalthharkhxngkxngthphshrthinekahliphicarnaihsalecaniepn thrphysinstru ochesngcingngucungthukthalayineduxntulakhm kh s 1945 phunthixditsalecapccubnklayepnswnhnungkhxng aelain kh s 1970 idmikarsrang xnusrnsthanrkchati xn cung kun inbriewnthiekhyepnsaleca ephuxykyxngxn cung kun phulxbsngharxiot hiorbumi chawyipunkhnaerk aelamikartidtngxnusrnkhim ku nkekhluxnihwephuxxisrphaphxikkhnhnungdwyraylaexiydsalecanimikhwamyawepnaekntrngpraman 500 emtr 1 600 fut salecahlkxyuthiplaysudcakthangekhaphaphthangkhunbnidxikmumhnungthangkhunbnidxikmumhnung khanghnasaleca opskardyipunrwmsmy khanghnasaleca opskardyipunrwmsmy phaphmumsung opskardyipunrwmsmy phaphmumsung opskardyipunrwmsmy karchumnumthangkaremuxngkhxngklumfaysayinbriewnthitngxditsalecaemuxwnthi 11 phvsphakhm kh s 1947 pratusalecayngkhngtngtrahnganxyuinphaphkarchumnumthangkaremuxngkhxngklumfaysayinbriewnthitngxditsalecaemuxwnthi 11 phvsphakhm kh s 1947 pratusalecayngkhngtngtrahnganxyuinphaph duephim State Shinto ekahliphayitkarpkkhrxngkhxngyipun Modern system of ranked Shinto Shrines xangxingSung Gun Kim 1997 The Shinto Shrine Issue in Korean Christianity under Japanese Colonialism Journal of Church and State 39 3 503 521 doi 10 1093 jcs 39 3 503 lingkesiy Wakabayashi Ippei Ahn Jung geun and the Cultural Public Sphere PDF khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 13 June 2011 subkhnemux 31 March 2011 Grayson James H 1993 Christianity and State Shinto in Colonial Korea A Clash of Nationalisms and Religious Beliefs Diskus British Association for the Study of Religions 1 2 13 30 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2011 09 05 subkhnemux 2011 04 27 Wagner Edward W aelakhna 1990 Korea Old and New A History p 315 ISBN 0 9627713 0 9 Kōji Suga 𨀉𠄈 2010 A Concept of Overseas Shinto Shrines A Pantheistic Attempt by Ogasawara Shōzō and Its Limitations Japanese Journal of Religious Studies 37 1 47 74 ISSN 0304 1042 東アジアの都市における歴史遺産の保護と破壊 古写真と旅行記が語る近代 www gakushuin ac jp subkhnemux 2023 10 09 Chōsen Jingu Genbu net subkhnemux 31 March 2011 Hiura Satoko 2006 朝鮮神宮と学校 勧学祭を中心に Japan Society for the Historical Studies of Education 49 110 112 2002 Emperor of Japan Meiji and his World 1852 1912 Columbia UP pp 664ff ISBN 9780231123402 Grisafi John G September 2016 Shintō in Colonial Korea A Broadening Narrative of Imperial Era Shintō University of Pennsylvania subkhnemux 13 June 2023 aehlngkhxmulxun inphasayipun Chōsen Jingu plan and photographs 1931 photograph ekbthawr 4 minakhm 2016 thi ewyaebkaemchchin